เพื่อนสนิท......ของฉัน - เพื่อนสนิท......ของฉัน นิยาย เพื่อนสนิท......ของฉัน : Dek-D.com - Writer

    เพื่อนสนิท......ของฉัน

    ได้ดูเรื่องเพื่อนสนิทอีกครั้ง ทำให้ฉันคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ แม้มันจะผ่านมา1ปีแล้ว แต่มันยังคงอยู่ในใจฉันเสมอมา......

    ผู้เข้าชมรวม

    403

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    403

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ต.ค. 49 / 23:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ฉันรักแกว่ะ

       

                    ได้ดูเรื่องเพื่อนสนิทอีกครั้ง ทำให้ฉันคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ แม้มันจะผ่านมา1ปีแล้ว แต่มันยังคงอยู่ในใจฉันเสมอมา......

       

       

      คุยเคยแอบรักเพื่อนบ้างไหม….”

       

      โฆษณาประโยคนี้ ฉายขึ้นจอทีวีทันทีที่ฉันเปิด

       

      เฮอะ แม้แต่โฆษณายังจะตอกย้ำ

       

                  ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษา  ฉันยังคงนั่งดูโฆษณาหนังเรื่องเพื่อนสนิทจนจบ

         ฉันปิดทีวี แล้วทิ้งตัวลงบนที่นอน  ให้ตายซิ แม้แต่หนังก็ยังตอกย้ำฉันอีก

               บางคนอาจจะคิดว่าไร้สาระ  เพื่อนยังไงก็ต้องเป็นเพื่อนเสมอ  มันอาจจะฟังดูน้ำเน่าก็ได้นะ

      เรื่องราวของฉัน

       

      เบนซ์ไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว นอกเหนือจากคำว่าเพื่อน

       

              เสียงของเพื่อนฉันที่พูดประโยคนี้ กับฉันบนรถตู้ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เฮ้อ ความหวังดีของเพื่อน

      ทำไมถึงคิดว่าฉันจะอ่อนแอขนาดนั้นนะ ฉันอยากได้ยินเองมากกว่า เพราะเรื่องแบบนี้ฉันเชื่อว่า

      มันเป็นเรื่องที่เริ่มต้นด้วยคนสองคน ถึงแม้สุดท้ายอาจต้องเหลือตัวคนเดียวก็ตาม

            ฉันอยากจะบอกเหลือเกิน  การได้ยินจากคนอื่นมันน่าเสียใจกว่าได้ยินจากปากเบนซ์เองซะอีก

      วันสุดท้ายของการสอบปลายภาคเรียนที่1ของปี1  ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เราต่างคน

      ต่างมองหน้ากันตรงทางเดินหน้าห้องสอบ  เหมือนเราจะรู้ได้ว่า เรามีเรื่องต้องคุยกัน….

       

       

      ++++++++++++++++++++++++++++++++




       

                      วันแรกที่เจอกัน เราได้คุยกันด้วยความบังเอิญ แหวนรุ่นของโรงเรียนเราเหมือนกันเปี๊ยบยกเว้นหัวแหวนซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์โรงเรียน  แต่เราสองคนจบจากคนละโรงเรียน  และเป็นเด็กต่างจังหวัดทั้งคู่ ทำให้ยิ่งสนิทกันเร็วขึ้น ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าคิดกับเธอเกินเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่

       

       

                   แต่บางครั้งฉันรู้สึกว่าเธอพิเศษ เกินกว่าจะใช้คำว่าชอบ หรือ รัก เพียงแค่ฉันรู้สึกสบายใจ

      ที่ได้อยู่ใกล้ ได้คุยกัน ได้เป็นที่ปรึกษาให้กัน เท่านั้นเอง

                  ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันก็ไม่รู้ ที่ฉันเริ่มส่งเมสเสจให้เธอเกือบทุกคืน แต่ด้วยเหตุผลแรกที่ส่งไป

      ฉันพูดกับรูมเมทของฉันว่า ส่งเมสเสจให้คนที่ไม่สบายใจ เขาน่าจะรู้สึกดีขึ้น   ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

      มันก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของฉันไปเสียแล้ว…..

       

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

       

                

                         ฉันลุกขึ้นนั่งหยิบมือถือขึ้นมาโทรไปหาเพื่อน แต่เวลาผ่านไป ก็ไม่ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลย

      ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ใช่ว่าฉันอกหักเป็นครั้งแรก ฉันเคยผ่านการถูกปฏิเสธมาแล้วหลายครั้ง

      แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง ทำไมกันนะทำไม ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยจริงๆ

       

                       ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง เสียบหูฟัง mp3  ฟังเพลงภาษาเกาหลี ถึงแม้จะไม่เข้าใจ

      ความหมาย แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าเป็นเพลงที่เศร้ามาก   แต่ก็แปลกที่ไม่มีน้ำตาสักหยด จากดวงตาของฉัน

      แล้วฉันก็คิดถึง ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกครั้ง……

       

                     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

                     พักหลังๆเวลาคุยกัน เราสองคนเริ่มแปลกไป อาจจะเป็นเพราะเธอรู้ว่าฉันรู้สึกกับเธอยังไง

      แต่เธอ็ยังพยายามทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ฉันก็พยายามนะแต่มันยากเหลือเกิน

       

                          ต้นเดือนกันยายน เราได้โอกาสไปค่าย เธอชวนฉัน และ รูมเมทของเธอไปด้วย ฉันเริ่มต้นการไปค่าย ด้วยการรู้จักแค่เธอ และ รูมเมทของเธอ แต่จบการเข้าค่ายด้วยารได้เพื่อนกลับมาเป็นขโยง  นี่ยังคงเป็นเรื่องหนึ่งที่ฉันรู้สึกขอบคุณเธอ…..เธอคงไม่รู้หรอกว่าฉันกลัวการเข้าหาผู้คนอยู่พักใหญ่ แต่การมาค่ายครั้งนี้ ช่วยฉันได้มากจริงๆ และ การมาค่ายครั้งนี้ ก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า ฉันห่วงเธอมากแค่ไหน

       

                        วันที่2 ของการไปค่าย เธอไม่สบาย แต่ก็ยังมาร่วมกิจกรรม ตอนบ่ายมีเข้าฐานเธอก็เข้าครบทุกฐานจนกระทั่ง ฐานสุดท้าย คือ ฐานน้ำตก ฉันเห็นเธอหน้าซีดมาก และ ตัวสั่นถึงได้รู้ว่าเธอไม่สบาย

      เธอบอกว่าไม่เป็นไร แต่ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆนะ….

                       สุดท้ายคืนนั้น เธอก็ไม่ได้ร่วมกิจกรรมรอบกองไฟ เพราะต้องนอนพัก โดยมีพี่ประจำกลุ่มดูแล แต่ฉันก็ยังอดห่วงไม่ได้

       

                        เช้าวันต่อมา เป็นวันสุดท้ายของการเข้าค่าย ฉันเดินไปดูเธอ(เราอยู่กันคนละกลุ่ม)  เธอดีขึ้นมาก ไข้ลดลงจากเมื่อวาน แต่สีหน้าก็ยังไม่ดีนัก แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากลับไปที่มหาลัย รูมเมทคงช่วยดูแลเธอเอง…..





       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

       






                   
      ฉันถอดหุฟัง
      mp3 ออก หยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง เข้าไปที่menu  กดที่ message แล้วกดไปดูที่sent message โอ้โห…. ฉันส่งเมสเสจไปหาเธอเยอะจริงๆ เพื่อนคนที่ฉันโทรไปคุยด้วย บอกว่าเธอกลัวว่าฉันจะเปลืองเงิน  แล้วมือถือของเธอก็เก็บmessageได้ไม่เยอะ

                  ดูซิ…..ฉันคงเกลียดเธอไม่ลงหรอก มันไม่ใช่ความผิดของเธอด้วยซ้ำ ทั้งๆที่รู้แต่ฉันก็ยังคงหลอกตัวเอง……….

       

                  เธอช่วยติววิชาคอมพิวเตอร์ให้ฉันกับเพื่อนๆก่อนสอบ

                 เธอไปปั่นจักรยานเล่นเป็นเพื่อนฉัน ตอนเย็นๆบ่อยๆ

                 เธอเป็นที่ปรึกษาให้ฉันเวลาไม่สบายใจ……

                 เราเคยติดฝนด้วยกันสองคน แม้ไม่มีคำพูดใด แม้ไม่ได้ยืนอยู่ใกล้กัน แต่เราแค่ยิ้มให้กัน แค่นั้น

                ฉันก็อุ่นใจ……

              แล้วฉันก็ค่อยๆกดอ่านเมสเสจที่เคยส่งให้เธอ ตั้งแต่ข้อความแรก ฉันอ่านไปเรื่อยๆ

      จนกระทั่งข้อความที่เท่าไหร่ไม่รู้……

               เสียงน้ำตาของฉันที่หยดลงกระทบกับกระโปรงพลีท ท่ามกลางความเงียบ ฉันได้ยินมันชัดเจน

      น้ำตาหยดแล้ว หยดเล่ายังคงไหลลงมา ฉันอ่านเรื่อยๆจนถึง ข้อความสุดท้าย

             ภาพในอดีต และ ความรู้สึกของฉันในแต่ละครั้งที่ส่งเมสเสจให้เธอ มันวนไปมา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าอยู่ในสมองของฉัน ฉันเห็นภาพอย่างชัดเจน ฉันจำคำพูดทุกคำได้ดี ทุกๆอย่างจนจบที่คำว่า

       

      เบนซ์ไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว นอกเหนือจากคำว่าเพื่อน

       

      เบนซ์ไม่กล้าบอกแก้วเอง เพราะกลัวแก้วเสียใจ และกลัวว่าเราจะไม่เหมือนเดิม

       

      ฉันค่อยๆลบข้อความทิ้งทีละฉบับๆ ฉันไม่เคยคิดว่าจะเสียน้ำตา

       

      นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันร้องไห้ให้กับความรัก

      นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกถึงคำว่า อกหัก

      นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า การจะรักษาคำว่าเพื่อน กับใครสักคนมันช่างยากเหลือเกิน

       

      ++++++++++++++++++++++++

       



              
      ฉันรู้ดีว่ามันยาก แต่หลังจากนั้น เราก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน และทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น

      มันยากเหลือเกิน แต่ฉันก็ยังทำได้ เพียงเพื่อคำว่า เพื่อน

               แต่ก็เกิดเรื่องราวหลายอย่างที่ทำให้เราเข้าใจผิดกันมากขึ้น และด้วยความทิฐิของฉัน ที่ไม่ยอมอธิบายถ้ารู้ว่ามันจะฟังเป็นคำแก้ตัว ทำให้เราไม่คุย ไม่มองหน้ากัน เป็นเวลาเกือบครึ่งปี ฉันถึงกับลบเบอร์มือถือเธอทิ้ง  ฉันเจ็บปวดนะ ที่แม้แต่คำว่าเพื่อน เราก็ยังจะเหลือให้กันไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยพยายามจะคุยกับเธอ ฉันเคยพยายามแล้วแต่มันเจ็บนะ ที่เราถูกทำเหมือนเป็นอากาศ……

       

              แต่เราก็กลับมาคุยกันเมื่อตอนเปิดเทอม1ปี2  นี่เอง  เราอาจจะกลับมาคุยกันแต่สนิทกันเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆซินะ แค่วิธีพูดฉันก็รู้แล้ว ความรู้สึกทั้งหมดนี้ ฉันไม่เคยได้บอกเธอเลยสักครั้ง และคงไม่สามารถบอกกับเธอตรงๆได้อีกแล้ว  เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่พร้อมที่จะรับฟัง และ ฉันก็ไม่อยากทำผิดซ้ำสอง  ฉันทำได้แค่เพียงหวังว่าสักวัน…..เราจะกลับมาเป็น

                                                            เพื่อนสนิท

                                                           ได้เหมือนเดิม

       

       

       

       

       

       

                

                 

       

              

       

              

       

                                                     ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร
      เธอคงยังไม่เข้าใจ ว่าฉันไม่ใช่คนเก่า
      เรายังคงเหมือนเพื่อน หยอกล้อเหมือนวันวาน
      แต่ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว

      ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
      ในความคุ้นเคยกันอยู่
      มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
      ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
      ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
      กว่าเป็นเพื่อนกัน

      กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ใกล้เธอ
      กลายเป็นคนที่รอเก้อ
      เหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน
      ตาคอยมองจ้องอยู่อยากให้รู้ใจกัน
      แต่แล้วเธอยังมองผ่าน และฉันก็ยังหวั่นไหว

      ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
      ในความคุ้นเคยกันอยู่
      มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
      ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
      ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
      กว่าเป็นเพื่อนกัน

      ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
      ในความคุ้นเคยกันอยู่
      มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
      ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
      ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
      กว่าเป็นเพื่อนกัน

      มันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×