[SF]Rainy Night (TVXQ_Y): Part 2 (The End)
ค่ำคืนที่ฝนโปรยปรายอาจสร้างความสุขสบายใจให้กับใครหลายๆคน แต่ก็ไม่ใช่กับใครอีกหลายๆคนเช่นกัน
ผู้เข้าชมรวม
1,261
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
มาแล้วครับพี่น้องกับภาคจบของ Rainy Night
ลองติดตามอ่านกันดูนะจ๊ะ
ดีใจนะเนี่ยได้มาอัพฟิคอีก
เหอะๆๆ เพราะเป็นคนแต่งฟิคช้า
ขอโปรดจงเข้าใจอิฉันด้วย
เอ้า ไปอ่านกันเลย
เป็นไงบ้างก็เม้นท์ไว้ด้วยนะ
จอยขอร้อง
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
~ Part 2 ~
ยูชอนหลุดออกจากโลกของตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงที่กดลงบนไหล่ จึงหันกลับไปมองและพบกับรอยยิ้มดั่งดวงตะวันของคนน่ารัก ที่ช่างขัดกับอารมณ์ของเขาตอนนี้เหลือเกิน ยูชอนจึงทำได้แค่ส่งยิ้มเหมือนคนสิ้นแรงกลับไปให้ คนน่ารักเห็นแล้วถึงกับหุบยิ้มลงทันที
“ยูชอน ไม่สบายรึปล่าว” คนที่เพิ่งหุบยิ้มลงเมื่อครู่ถามขึ้นหลังจากเดินมานั่งตรงหน้าของยูชอน
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกจุนซู แค่รู้สึกเหงานิดหน่อยน่ะ” ยูชอนตอบออกไปอย่างไม่ปิดบัง
“ขอโทษนะ”
“หือม์ ขอโทษเรื่องอะไรล่ะ”
“ขอโทษที่ฉันปล่อยให้ยูชอนต้องนั่งเหงา ขอโทษที่ทำให้ยูชอนรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ทั้งๆที่ฉันก็สังเกตมาตั้งนานแล้วว่า บรรยากาศเป็นแบบนี้ทีไร ยูชอนจะหงอยลงทุกที แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งนายนะ พอดีว่ามีธุระต้องคุยน่ะ มันจำเป็นจริงๆ” จุนซูพูดซะยืดยาว อยากให้คนที่เขาแคร์ที่สุด เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริง
“ฉันเข้าใจนาย” ประโยคสั้นๆออกจากปากของยูชอน เพื่ออยากจะบอกคนตรงหน้าเหมือนกันว่า ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวหรอก เพราะเราเข้าใจกัน
“นายคิดถึงริคกี้ใช่มั้ย” คำถามตรงประเด็นหลุดออกจากปากของจุนซูในที่สุด
ยูชอนไม่ตอบอะไรออกไป เพียงแค่อาการถอนหายใจก็ทำให้คนที่รู้ใจกันที่สุดอย่างจุนซู รู้ดีว่าคำตอบที่ได้กลับมาคือคำว่า..........ใช่
“ภาพที่ริคกี้ร้องไห้แทบขาดใจตอนมาส่งฉันกลับเกาหลี มันยังตามมาหลอกหลอนฉันทุกคืน ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจะเป็นไงบ้าง ไม่มีฉันแล้วจะอยู่ยังไง จะกินข้าวกับใคร แล้วจะมีเงินใช้พอรึปล่าว ฉันมันเป็นพี่ชายที่แย่มากใช่มั้ยจุนซู ที่ทิ้งน้องมาแบบนี้” ยูชอนระบายความรู้สึกผิดในใจออกมาอย่างสุดกลั้น น้ำใสๆเริ่มคลอที่หน่วยตา แต่แล้วในที่สุดก็ไม่อาจฝืนไม่ให้ร่วงหล่นลงมาได้เลย
มือทั้งสองข้างของจุนซูประคองใบหน้าของคนขี้แยให้หันมา แล้วจึงค่อยๆปาดน้ำตาทิ้งอย่างเบามือ ยูชอนในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กตัวน้อยๆ ที่กำลังต้องการที่พึ่งและการปลอบโยน
“ฉันเป็นห่วงริคกี้ อยากจะไปหา แต่เจ้านั่นดันอยู่ที่ที่ฉันไม่อยากกลับไปเหยียบอีก” ยูชอนพูดหลังจากที่เขาสวมกอดจุนซูเอาไว้ เพื่อให้ความอบอุ่นจากอ้อมกอดช่วยบรรเทาจิตใจที่เย็นยะเยือกของเขาในตอนนี้
“อยากที่จะหนีออกมา แต่ก็โหยหาที่จะกลับไป อะไรประมาณนี้รึปล่าว” จุนซูกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นขึ้น เขารู้สึกได้ถึงอาการสั่นศีรษะน้อยๆเป็นการตอบรับของยูชอน
“ฉันหวังเสมอว่า เราสองพี่น้องต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งและตลอดไป” ยูชอนปาดน้ำตาที่ยังคงร่วงหล่นลงมาอีกด้วยหลังมือ พร้อมกับพยายามรวบรวมกำลังใจ เพื่อไม่ให้ตัวเองอ่อนแอไปมากกว่านี้ “ฉันกับริคกี้อยากที่จะรับรู้แค่ว่า เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง ไม่อยากรับรู้เลยว่าเรามีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นเขาไม่ได้ ไปหาพ่อไม่เห็นแม่ ไปหาแม่แต่ไม่เจอพ่อ มันเจ็บนะ....เจ็บมากๆ”
เรื่องราวในอดีตกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่จุนซูได้รับฟังเรื่องราวเหล่านี้ แต่เขาไม่รู้สึกรำคาญหรือเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ในทางกลับกันเขาอยากจะแบ่งความทุกข์ออกมาจากยูชอนบ้าง มันคงจะช่วยลดความหนักหน่วงในจิตใจได้ไม่มากก็น้อย
จุนซูดันไหล่ของยูชอนออกอย่างแผ่วเบา ตาตี่ของคนน่ารักที่ดูสดใสมีประกายระริกจ้องมองลึกลงในดวงตาของคนตรงหน้า ปากเรียวเล็กคลี่ยิ้มอบอุ่น
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว ยังไงเค้าก็ยังรักตัวเองอยู่นะ” จุนซูปล่อยมุกไม้ตายออกมา พร้อมกับทำหน้าตาแบ๊วๆ หวังให้คนตรงหน้าอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ซึ่งมัน...........สำเร็จ ยูชอนค่อยๆยิ้มออกมาได้ ทั้งที่ตายังคงแดงก่ำ
“นายตามฉันมานี่ดีกว่า ฉันหาอะไรสนุกๆทำได้แล้ว นายจะได้ไม่ต้องมานั่งหงอยแบบนี้ไง” จุนซูเอ่ยหลังจากที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงจับที่ข้อมือของยูชอนแล้วฉุดให้ลุกตามตัวเองไป
ทางด้านพี่ใหญ่ทั้งสองที่ขอตัวไปนอนก่อนคนอื่นนั้น หลังจากที่ร่างสูงจัดการปิดประตูแล้วล็อคเรียบร้อย ก็หันไปรวบร่างเล็กไว้แล้วจึงจับโยนลงบนเตียง (เฮ้ย เบาๆ เดี๋ยวแจของฉันช้ำ) จากนั้นร่างสูงจึงตามขึ้นไปค่อมร่างบางของคนสวยเอาไว้
“ยุนโฮ ไหนบอกว่าจะนอนไง แล้วนี่จะทำอะไรอีก” แจจุงถามอย่างระแวงกับท่าทีของยุนโฮ
“ก็จะหาอะไรทำให้ตัวมันอุ่นๆร้อนๆหน่อยน่ะ พอดีว่าฉันเป็นคนขี้หนาว ขาดความอบอุ่น ถึงฝนจะตกแค่นี้ก็ตามเถอะ แต่รู้มั้ยว่าฉันน่ะหนาวไปถึงขั้วหัวใจเลยแหละ” ร่างสูงตอบด้วยเสียงกระเส่าที่แสดงถึงความต้องการ และไม่รอช้าที่จะยื่นหน้าหมีๆเข้าไปเพื่อสานต่อเจตนารมณ์
หมับ!!!!!!!!!!!!
โอ๊ยยยย!!!!!!!
ด้วยสัญชาตญาณระวังภัย เมื่อหน้าหมีๆใกล้เข้ามา แจจุงก็ไม่รอช้าเช่นกันที่จะใช้นิ้วเรียวหยิกเข้าที่แก้มด้วยความหมั่นไส้(อย่างรุนแรง) และก็ไม่นานเกินรอที่จะมีเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของหมีตามมา
“นี่ หื่นมากไปแล้วนะ ขอหยิกบรรเทาความหื่นหน่อยก็แล้วกัน” แจจุงเอ่ยออกมาหลังจากที่ปล่อยมือออกจากแก้มของยุนโฮแล้ว
....แจจุงเอ๋ย แน่ใจนะว่าบรรเทา รู้สึกว่ามันจะให้ผลตรงกันข้ามนะ.....
ยุนโฮอาศัยจังหวะที่แจจุงไม่ได้ตั้งตัวเข้าจู่โจม ปากหยักประทับลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอร์รี่ทันที แล้วจึงบดเบียดปากอิ่มนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว ร่างบางทำเสียงอู้อี้ และดิ้นเล็กน้อยพองามเป็นการประท้วง แต่มีรึที่ยุนโฮจะยอม ด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าโดยคนที่จู่โจมนั้น ยากเกินที่จะหยุดหยั่งเอาไว้ได้แล้ว ร่างบางจึงปล่อยให้อะไรที่จะต้องเกิดก็ให้มันเกิดไปตามที่ร่างกายและหัวใจต้องการ และแน่นอนที่สุดในค่ำคืนนี้
.......คนสวยเสร็จหมี.........
อย่างไม่ต้องสงสัยครับเพ่น้อง (อิยะ ฮ่าๆๆ)
จุนซูลากยูชอนมายังบริเวณชายคาบ้านใกล้สวนหย่อม น้ำจากหลังคาไหลลงมาเป็นสายเหมือนม่านที่กั้นคนทั้งสองกับสายฝนที่ยังคงโปรยปรายด้านนอก คนน่ารักไม่รอช้าที่จะก้าวเดินออกไปรับน้ำฝนที่เย็นชุ่มฉ่ำ
“จุนซู ออกไปทำไม เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ฉันอยากเล่นน้ำฝน ออกมาเล่นด้วยกันสิ ให้มันรู้กันไปเลยว่า โดนน้ำฝนแล้วนายยังจะเศร้าได้อีก”
ยูชอนได้ยินดังนั้นก็คลี่ยิ้มบางๆออกมา พร้อมกับทำตามอย่างว่าง่าย โดยไม่ห้ามหรือว่าค้านอะไรสักคำ อ๋อ ที่ลากเรามาก็เพราะอย่างนี้นี่เอง
แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อรู้สึกถึงความเย็นที่ปลายจมูกในจังหวะที่เดินผ่านชายคาบ้าน ความรู้สึกนี้กระตุ้นความทรงจำเก่าๆ ให้นึกถึงใครบางคนที่คิดถึงตลอดมา ยูชอนทำตามภาพในความทรงจำนั้นทันที
จุนซูหันไปเห็นยูชอนในท่าที่ยืนนิ่งก้มหน้าอธิษฐาน จึงทำหน้าตาแบบตั้งคำถาม
“อธิษฐานน่ะ ไอ้ตัวแสบมันบอกว่า ถ้ามีน้ำหยดลงที่ปลายจมูกให้รีบอธิษฐาน แล้วมันจะเป็นจริง” ยูชอนลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าตาแบบนั้นของ
จุนซู จึงให้คำตอบโดยไม่ต้องรอให้เจ้าตัวถาม “แล้วก็ไม่ต้องถามนะว่าอธิษฐานอะไร เพราะจะไม่บอก เดี๋ยวคำอธิษฐานไม่เป็นจริง”
“ไม่เป็นไร ฉันรอดูผลเลยดีกว่า แต่ก็เดาไม่ยากหรอกนะว่ายูชอนจะอธิษฐานเรื่องอะไร” จุนซูเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน โธ่ ยูชอน นายไม่สบายใจเรื่องอะไรที่สุดล่ะ ก็เรื่องนั้นนั่นแหละ
และแล้วในที่สุดเด็กไม่รู้จักโตทั้งสองก็วิ่งไล่จับกันลั้ลล้าสบายใจ ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย แต่ละคนมีสภาพไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำเลย แต่ถึงจะเปียกแฉะยังไงมันก็สามารถทำให้คนบางคน
มีความรู้สึกที่ดีมากขึ้นกับค่ำคืนฝนตกแบบนี้
........ฝนตก มันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปนี่หน่า ..........
ตาคมคู่หนึ่งจับจ้องพฤติกรรมของคนบนสวนหย่อมมากว่าสิบนาทีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เสียงจากที่นั่น ทำให้เขาต้องละสายตาออกจากหนังสือเล่มโปรดที่มีความหนา 800 กว่าหน้า ซึ่งบนปกประทับตัวหนังสือสีทองแวววาวว่า Harry Potter ให้ต้องหันออกไปมองทันที เมื่อสายตาคู่นั้นละจากภาพตรงหน้าได้ จึงหันกลับเข้ามาหาหนังสือเล่มโปรดเหมือนเดิม แต่ดูท่าว่าถ้าอ่านต่อไปความสนุกคงไม่บังเกิด มือใหญ่จึงทำการปิดหนังสือลง พร้อมกับอาการถอนหายใจแทบจะทันที แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาเมื่อประสาทหูรับรู้ถึงเสียงแปลกๆบางอย่างจากห้องใกล้เคียงที่ฟังแล้วชวนสยิว วิ้วๆ แต่อาการเหล่านั้นก็มาเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น เพราะจากนั้นอาการถอนหายใจก็กลับมาอีกครั้งอย่างเบื่อหน่ายในชีวิต
“เฮ้อออออออ ทำไมหนอทำไม ทำไมต้องเป็นเราที่ต้องทนปล่าวเปลี่ยวเอกา ไร้คู่อยู่คนเดียว เฮ้ออออออ สวรรค์ช่างลำเอียง นรกไม่เคยเข้าข้าง ไร้ท์เตอร์ไม่เคยเห็นใจ” (อ้าวเฮ้ย น้องมิน มาว่าเจ้ได้ไงลูก ใจเย็นๆดิ สักครู่ๆ เด๋วเจ้จัดให้) ชางมินพร่ำเพ้อออกมาเมื่อรู้สึกได้ว่ารอบๆกายเขามีแต่คนที่มีคู่ทั้งนั้น สองคนข้างล่างนั้นก็ไม่รู้จักหลับจักนอน วิ่งเล่นตากฝนเหมือนเด็กๆอยู่ได้ ส่วนห้องข้างๆก็ไม่ฟังกันเลย บอกให้นอนกอดกันเฉยๆ นอนกอดกันเฉยๆ เข้าใจอ่ะปล่าว
“เฮ้อออออออ ไม่มีอะไรดีเท่ากับการนอน จบ” ชางมินสรุปกับตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนทันทีหลังจากคิดได้ว่า บ่นเพื่อ.... บ่นไปก็เท่านั้น
.........ทำใจลูก ทำใจ.......
ฟ้าหลังฝนมักจะสดใสเป็นพิเศษเสมอๆ เช้านี้ก็เช่นกัน แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าเป็นพลังงานชีวิตอย่างดี เพื่อให้ทุกชีวิตขับเคลื่อนต่อไป ออกซิเจนที่แสนบริสุทธิ์ในยามนี้เหมาะแก่การที่ทุกชีวิตจะรีบตักตวงไว้สำหรับให้ระบบในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ดูเหมือนว่าบางชีวิตไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า..................
“ฮัดเช้ย!!!!!” เสียงต่ำกลางและเสียงสูงกลางของคนสองคนประสานเสียงกันจามดังสนั่น
ชางมินที่นั่งดูสภาพของพี่ชายทั้งสองคนถึงกับส่ายหน้า เหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังระอากับพฤติกรรมของเด็กชายที่ซนได้อย่างบ้าระห่ำ
“เหอะๆๆ ผมไม่เข้าใจพี่ทั้งสองคนเลยฮะ ว่าอุตริอะไรขึ้นมาไปเล่นวิ่งไล่จับกันกลางฝนแบบนั้น” ชางมินที่เด็กที่สุดในบรรดา 5 คน แต่กลายเป็นว่ากลับมานั่งอบรมคนที่โตกว่าทั้งสองคนซะงั้น
ปากอบรมไปแต่ตาก็เหลือบไปเห็นพี่ใหญ่ทั้งสองที่เดินเข้ามาพอดี จึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“นอนกอดกันเฉยๆ เหมือนพี่ยุนโฮกับพี่แจจุง ก็ไม่ได้ไปส่งเสียงรบกวนใครหนิฮะ” เจ้าเด็กชางมินจงใจเน้นเสียงย้ำชัดๆว่า ถ้าแค่นอนกอดกันน่ะ
จะไปรบกวนใครได้ไง (จริงป่ะ)
ดูเหมือนว่าคู่กรณีของชางมินจะไม่ได้มีแค่สองคนซะแล้ว ไปๆมาๆแตกตัวเพิ่มเป็นสองเท่า(แกจะรอดมั้ยเนี่ย ฉันอยากรู้)
พี่ๆทั้ง 4 คนต่างยอมรับว่า ชางมินเป็นเด็กอัจฉริยะ ฉลาดเกินคนอย่างหาตัวจับยาก แต่ก็น่าเสียดายที่สมองอันชาญฉลาดนั้น ไม่เคยนึกเฉลียวใจเลยว่า
..........ความตายใกล้เข้ามาเหมือนเพื่อนสนิทที่ตามติดไปทุกที่......
รังสีอำมหิตจาก 4 ทิศทาง พุ่งไปที่เป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือ เจ้าเด็กที่ยังคงนั่งทำหน้าไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวไม่รู้ดาวไม่รู้เดือน ยิ่งเป็นการเพิ่มดีกรีความเดือดในอารมณ์ให้กับคนทั้ง 4
ไม่นานนักแจจุงก็ยิ้มออกมาได้หลังจากที่นึกวิธีแก้เผ็ดเจ้าตัวแสบออกแล้ว
“ฉันสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง” แจจุงเอ่ยขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่แสร้งเจือความกังวล
ทุกสายตาหันมาจ้องมองแจจุงเป็นตาเดียว น้ำเสียงที่ฟังดูน่าใจหาย มีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องเท่านั้นแหละที่จะรู้สึก
“ฉันรู้สึกว่า มีคนที่ต้องอดข้าว เพราะพูดจาไม่เข้าหู” แจจุงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้ใครบางคนถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“ใช่ๆๆ ฉันก็รู้สึก” ทั้งยุนโฮ ยูชอน และจุนซู เห็นด้วยกับแจจุงสุดๆ
“พี่ล้อผมเล่นใช่มั้ยฮะ” ชางมินถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“เห็นพวกฉันเป็นเพื่อนเล่นของนายรึไง” แจจุงแสร้งทำเสียงดุใส่
ชางมินก้มหน้าหงอลงทันที ถ้าเขาเงยหน้าขึ้นมาในตอนนี้ก็จะได้เห็นรอยยิ้มอันแสนสะใจของพี่ๆทุกคน แต่น่าเสียดายเขาไม่มีโอกาสนั้น
.......กิ๊งก๊อง!!!.....กิ๊งก๊อง!!!......กิ๊งก๊อง!!!........
“ถ้านายลุกขึ้นไปดูว่าใครมาหน้าบ้าน ฉันจะถือว่าที่พูดเมื่อกี้เป็นโมฆะ” แจจุงเอ่ยออกมาด้วยความที่ถือไพ่เหนือกว่า ยังไงซะชางมินก็ไม่กล้าปฏิเสธอยู่แล้ว
“โอเค ได้เลยฮะพี่” ชางมินตอบรับและรีบวิ่งไปทันที เหมือนกลัวแจจุงจะเปลี่ยนใจ
.......กิ๊งก๊อง!!!.....กิ๊งก๊อง!!!......กิ๊งก๊อง!!!........
เสียงกริ่งหน้าบ้านยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ยังไม่มีใครมาเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน
“สักครู่ๆ ชิมชางมินยังอยู่ไม่ได้ไปไหนหรอกฮะ” ชางมินตะโกนออกไปเหมือนจะบอกว่า.....รอแป๊บนึงไม่ได้รึไง......
เมื่อวิ่งมาถึงที่หมายแล้ว มือใหญ่ก็กระชากประตูเปิดออกทันที
“ไม่ทราบว่ามาหาใครเหรอออออออ คร๊าบบบบ” ชางมินกล่าวตอนรับผู้มาเยือน แต่แล้วก็ต้องเกิดอาการ.....ตะลึง.....ทึ่ง.....และ.....อึ้ง
“เออ....ไม่ทราบว่าพี่มิคกี้ เอ๊ย คุณปาร์คยูชอน อยู่ที่นี่รึปล่าวฮะ” ผู้มาใหม่ถามอย่างระวังท่าที
ว้าววว คนอะไรหว่า ทำไมถึงได้...น่ารัก...
.....น่าใคร่....
......น่าหลงใหล......
.....น่าสัมผัส.....
.....น่าลูบไล้..... (เฮ้ย อันนี้ออกแนวหื่นแล้ว)
....น่า.... น่า.... น่า.....
....เอ๊ะ! หน้าคุ้นๆจัง.....
จะว่าไปแล้วก็เพิ่งเคยเห็นหน้า แต่ดูไปดูมาหน้าตาแบบนี้ก็เหมือนจะเห็นอยู่ทุกวัน
เออ! ว่าแต่เมื่อกี้เค้าพูดว่าอะไรแล้วหว่า
“คือว่าคุณปาร์คยูชอนอยู่ที่นี่รึปล่าวฮะ” แขกผู้มาเยือนถามย้ำอีกที เมื่อเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูให้ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
....ปาร์คยูชอน... ....ปาร์คยูชอน.... คุ้นจังชื่อนี้ (อ้าว เลอะเลือนซะแล้ว)
เฮ้ย หรือว่าคนนี้ก็คือ.........
“ริคกี้”
“ฮะ ..ค..คุณรู้จักผม?”
“โธ่ ดูจากหน้าตานายก็รู้แล้ว พี่ยูชอนก็เคยพูดถึงนายให้ฟัง เข้ามาก่อนสิ พี่เขาอยู่ข้างในบ้านน่ะ” (เหอะๆๆ ทำพูดไปชางมิน ฉันรู้สึกว่าแกเพิ่งนึกออกว่าเค้าคือใครเมื่อกี้นี้เองนะ)
ชางมินเปิดทางให้ริคกี้เดินนำเข้าไปก่อน ส่วนตัวเขาเองนั้นแอบยิ้มออกมาเหมือนกับคนที่กำลังเริ่มเห็นแสงสว่างแห่งความหวัง
....มาแล้วๆ สวรรค์ช่างยุติธรรม นรกก็เข้าข้างเราเสมอ ส่วนไร้ท์เตอร์......น่ารักที่สุดเลยฮะ(ถือว่าถูก) ผมจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว ยะฮู้!!!!!.....
พี่ๆของชางมินทั้ง 4 คน ก็ยังคงพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ แต่เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนมากกว่า 1 กำลังเดินตรงมาที่ที่พวกเขานั่งอยู่ พวกเขาจึงหันไปมองทางนั้น เมื่อทุกคนเห็นบุคคลที่มากับชางมิน สีหน้าแปลกใจก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่ได้นัดหมาย มีเพียงยูชอนเท่านั้นที่หน้าตาบ่งบอกว่า...มากกว่าแปลกใจ...
“ริคกี้”
“พี่มิคกี้”
สองพี่น้องโผเข้ากอดกันอย่างคิดถึงและโหยหา น้ำตาแห่งความยินดีเอ่อล้นท่วมดวงตาอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งสองกอดกันอยู่แบบนั้นเหมือนกับไม่อยากให้เราต้องจากกันไปไหนอีก ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ซาบซึ้งกับภาพตรงหน้า บางคนถึงกับต้องเบือนหน้าออกมาเพื่อมาซับน้ำตา ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ
“ทำไมนายไม่บอกพี่ก่อนว่าจะมา” ยูชอนดันตัวน้องชายออก มือหนายกขึ้นซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้กับน้อง จากนั้นจึงเลื่อนมือขึ้นไปขยี้ผมดำขลับนั้นอย่างเอ็นดู
“ถ้าบอก จะเรียกว่าเซอร์ไพร้ส์เหรอฮะ” ริคกี้เอ่ยออกมา พร้อมกับยิ้มน่ารักๆตามสไตล์
“เราเนี่ยนะ จริงๆเลยเชียว”
“เออใช่ พี่ฮะรู้มั้ยว่า คำอธิษฐานของผมน่ะ เป็นจริงแล้วนะ ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลาเป็นปีๆ แต่ก็เป็นจริงจนได้”
“555+ ของนายเป็นปี แต่ของพี่น่ะ ข้ามคืนเองนะ”
สองคนพี่น้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน ต่างรู้ดีว่าคำอธิษฐานนั้นคืออะไร
“พอผมจบไฮสคูลก็รีบมาหาพี่เลยฮะ จะมาเรียนต่อที่โซล เราจะได้อยู่ด้วยกันไงฮะ” มิคกี้ยิ้มอบอุ่น แล้วจึงดึงน้องชายเข้ามากอดอีกครั้ง
“เออ ฉันว่าริคกี้เดินทางมาคงเหนื่อย ให้ไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะ แล้วเดี๋ยวมากินข้าว วันนี้ต้องเลี้ยงต้อนรับซะหน่อย” พี่ใหญ่คนสวยเอ่ยตัดบท “ยุนโฮ ไปซื้อของมาทำกับข้าวกันเถอะ”
“จ้า ที่รักคนสวยของยุน”
เมื่อโอกาสมาถึง คนๆหนึ่งที่เฝ้ารออยู่ก็ไม่รอช้าที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้ ปากหยักได้รูปจึงขยับเอ่ยขึ้นทันที
“ให้ริคกี้นอนห้องเดียวกับผมนะพี่” ทุกคนหันไปมองชางมินทันที “..ก..ก็ผมนอนคนเดียว ริคกี้มาอยู่ด้วย ก็ต้องนอนกับผมสิฮะ” พลางลูบต้นคอไปมาแก้เขิน
“อืม วันอื่นฉันไม่รู้ แต่คืนนี้ริคกี้นอนกับยูชอน พี่น้องเค้าจะได้คุยกัน และฉันจะไปนอนกับนายเข้าใจมั้ย ชางมิน” จุนซูจัดแจงที่ทางเป็นที่เรียบร้อย ชางมินพยักหน้ายอมรับ “ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
จุนซู ผละออกจากวงสนทนาทันที น้ำเสียงที่พูดออกมาฟังเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่ปลายเสียงนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความน้อยใจ ซึ่งคนที่รู้ใจกันดีอย่างยูชอนสามารถสัมผัสและรับรู้มันได้
ยูชอนมองตามจุนซูจนกระทั่งเดินหายลับไป
“ตามพี่จุนซูไปเถอะฮะ ผมว่าพี่มีเรื่องต้องคุยกับพี่เค้า” ริคกี้รู้ดีด้วยสัญชาตญาณว่า คนๆนี้สำคัญกับหัวใจพี่ชายตัวเองมากแค่ไหน
“อืม เดี๋ยวพี่มานะ”
จุนซูเข้ามาในห้องที่เขาและยูชอนนอนด้วยกันทุกคืน และนั่งลงบนฟูกนุ่มคุณภาพดี สายตาเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร คนที่เขากำลังคิดถึงก็ผลักประตูเข้ามาทันที จุนซูยิ้มให้เล็กน้อยพร้อมกับตบลงบนฟูกเบาๆเพื่อให้มานั่งใกล้กับตน
“น้อยใจฉันอยู่รึปล่าว” จุนซูส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
“ดีแล้วล่ะ จุนซูฟังฉันนะ ถึงริคกี้จะมาอยู่กับฉันแล้ว ยังไงๆนายก็สำคัญสำหรับฉันเสมอ” ยูชอนจับมือเล็กนั้นมาจูบที่หลังมืออย่างแสนรัก
“ริคกี้คือชีวิตของฉัน ส่วนนายคือหัวใจของฉัน ฉันมีความสุขมากเลยนะที่ฉันมีทั้งสองอย่างนี้” ยูชอนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสดใสนั้น “ฉันรักนาย จุนซู”
ยูชอนเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จุนซูหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสอันแสนอบอุ่น ปากอวบอิ่มใกล้ที่จะได้สัมผัสกับปากเล็กน่ารักเข้าไปทุกที่
“ฮัดเช้ย!!!!!!!” เป็นอีกครั้งที่เสียงต่ำกลางและเสียงสูงกลางของคนสองคนประสานเสียงกันจามดังสนั่น
ทั้งยูชอนและจุนซูหัวเราะออกมาพร้อมกันทันที ยูชอนรวบร่างเล็กของจุนซูมากอดไว้เหมือนกลัวจะหนีไปไหน....ฝากไว้ก่อนเถอะ หายจากหวัดเมื่อไร เจอมากกว่าจูบแน่ๆ เตรียมตัวไว้ให้ดีนะจ๊ะที่รัก....
จบ (เหรอ)
..........................
...................
.............
........
..
จะจบยังงี้เนี่ยนะ
เหอะๆๆ ลืมอะไรป่ะ
ยังก่อนๆ มาดูทางนี้ดีกว่า
เมื่อมองซ้ายแลขวาแล้วไม่เห็นใคร ชางมินจึงย่างสามขุม (เฮ้ย แกจะทำอะไรน้องเค้า) เข้าไปหาริคกี้ทันที
“นายไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะ จะได้สบายตัว ไปอาบที่ห้องฉัน” ชางมินเอ่ยกับริคกี้ด้วยความหวังดี แต่สายตาดูไม่น่าไว้วางใจเอาซะเลย เพราะมันดูวิบวับๆแพรวพราวเหลือเกิน
“..ข..ขอบคุณมากฮะ พี่ชางมิน”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันพาไปนะ” ชางมินกดเสียงต่ำลงแทบกระซิบ พร้อมกับหน้าหล่อๆที่เลื่อนเข้าไปใกล้กับใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อของริคกี้มากขึ้นเรื่อยๆ
พลั๊วะ!!!!!!!!
โอ๊ยยยยยย!!!!!
“แกจะทำอะไรน้องฉัน ชางมิน” ยูชอนตบลงบนหัวของชางมินทันที หลังจากที่เห็นเหตุการณ์
“ก็คุยกับริคกี้ไงพี่”
“คุยบ้าคุยบออะไรต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขนาดนั้น ฉันว่าต้องคิดใหม่แล้วล่ะ ที่จะให้น้องฉันนอนห้องเดียวกับนาย ป่ะ ริคกี้ ไปกับพี่ดีกว่า”
“เฮ้ย ได้ไงอ่ะพี่ ก็ผมบอกแล้ว”
“ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะ อย่าลืม” พูดจบยูชอนก็จับข้อมือของน้องชายแล้วฉุดให้เดินตามเขาไป
ชางมินคอตกทันที นี่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่เกิน 24 ชม. ที่ชางมินถูกประทุษร้ายทางร่างกาย แถมยังพลาดหวังที่จะได้ใกล้ชิดคนน่ารักอีก...โถ ชีวิต....แต่ถึงยังไงคนอย่างชิมชางมินไม่เคยท้อกับอะไรง่ายๆอยู่แล้ว เมื่อเริ่มมีความหวังสีหน้าแห่งความมุ่งมั่นก็กับมาระบายลงบนหน้าหล่อๆอีกครั้ง
........อย่าเผลอก็แล้วกัน เพราะผมน่ะจะงาบน้องพี่ให้ดู พี่ยูชอน.......
~The end~
>>>>*~_HyeJae_~* talks with you<<<<
เย้ๆๆๆๆๆ จบแว้วววววววววววววว
กว่าจะจบได้ เฮ้อออ ไร้ท์เตอร์ เกาแล้วเกาอีก
เอ๊ย เกลาแล้วเกลาอีก
คิดถึงทุกคนจังเลย อยากอัพฟิคจะแย่ แต่ไม่เสร็จสักที แป่วววว
อ่านแล้วเป็นไงบ้างก็ช่วยเม้นท์ให้หน่อยนะ
เสียเวลาแป๊บนะจ๊ะ เพื่อพัฒนาการของไร้ท์เตอร์ ถือซะว่า
.....เอาบุญ.....
จะติมากกว่าชมก็ได้ หรือติอย่างเดียวก็ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าด่า แล้วบอกว่า
....เลิกเขียนเถอะ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า.....
อย่าเม้นท์แบบนี้เลย สงสารไร้ท์เตอร์ตัวดำๆเถิด
ขอขอบคุณพั้นช์และน้องอี๊ฟ เพื่อนและน้องสาวที่น่ารัก ที่เป็นแรงบันดาลในในการแต่งฟิคและคอยให้กำลังใจกันและกันเสมอมา
และก็ Dr. Pop คนนี้นะ จอยยกให้เป็น My Hero เขาคืออีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ที่ทำให้คนอย่างจอยอยากจะขีดเขียนอะไรออกมาบ้าง
ขอบคุณนะคร๊าบบบบบบบบ
จอยรักทุกคนค่ะ
เม้นท์ให้กันบ้างนะจ๊ะ
감사합니다
안녕
ผลงานอื่นๆ ของ *~_HyeJae_~* ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ *~_HyeJae_~*
ความคิดเห็น