หมอแสนดีกับหัวใจที่เจ็บช้ำ - หมอแสนดีกับหัวใจที่เจ็บช้ำ นิยาย หมอแสนดีกับหัวใจที่เจ็บช้ำ : Dek-D.com - Writer

    หมอแสนดีกับหัวใจที่เจ็บช้ำ

    การที่ต้องเสียสละคนรักให้กับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเค้าทำร้ายจิตใจเรามาตลอด แต่เป็นเพราะหน้าที่ ซึ่งหน้าที่นี้เองทำให้เค้าและเธอต้องแยกจากกัน ตราบนานแสนนาน.....T_ T การเสียสละครั้งนี้นำความปวดร้าวเข้ามาหาตัวเค้าเป็นอย่างมาก ถ้าทุกคนมีความรักก็ควรเก็บความรักให้น

    ผู้เข้าชมรวม

    287

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    287

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ย. 49 / 18:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      หมอแสนดีกับหัวใจที่เจ็บช้ำ

      อณิภัทรลูกบุญธรรมของอรรถนพพ่อบ้านของตระกูล “ เศรษฐวรกฤติกุล ” มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ อณิภัทรถูกส่งไปเรียนแพทย์เพื่อช่วยในการรักษาปิยะทายาทคนเดียวของตระกูลเศรษฐวรกฤติกุลซึ่งเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ปิยะไม่เคยมีเพื่อนสักคนนอกจากอณิภัทรซึ่งเป็นทั้งน้องชาย เพื่อนรัก และหมอประจำตัว แต่ปิยะก็ยังทำร้ายจิตใจอันซื่อบริสุทธิ์ของอิณภัทรบ่อยครั้ง อณิภัทรถูกอรรถนพเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกเพราะเหตุการณ์บังคับ มีผู้หญิงคนหนึ่งเอามาฝากไว้ก่อนที่เธอจะสิ้นใจ อรรถนพจึงต้องเลี้ยงดูอณิภัทรต่อจากนั้นมาจนโต แต่อณิภัทรก็ตอบแทนบุญคุณของอรรถนพตลอดเวลาแม้เค้าไม่รู้เลยว่าเค้าไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงก็ตาม นิสัยของปิยะทำให้อณิภัทรเอื่อมระอามากแต่ก็ต้องทนเพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
      วันหนึ่งมีการประชุมที่บริษัทแต่ปิยะกลับขับรถเที่ยวตามใจไปทั่วจนทำให้อรรถนพต้องโทรตามอณิภัทรออกตามหาปิยะ เมื่อตามหาปิยะพบอณิภัทรก็พาปิยะกลับมาที่บ้านแต่ไม่วายปิยะก็โวยวายอะลาวาทใส่อณิภัทรเป็นใหญ่
      ในคืนนั้นปิยะก็คิดหนีเที่ยวนอกบ้านอีกแต่พอเดินมาที่รถก็พบอณิภัทรนั่งคล่อมรถจักยานยนต์ของเค้าไว้
      “ นายจะทำอะไรของนาย..! ”ปิยะโวยวายใส่อณิภัทร
      “ ชั้นต่างหากที่ต้องถามนายว่านายจะไปไหน ”อณิภัทรย้อนถามเสียงขรึม
      “ แล้วไง..... ? ”ปิยะถามเยาะ ๆ แล้วหันไปเปิดประตูรถยนต์โดยไม่แยแสคำห้ามปราม
      “ ธุรกิจไม่ได้มีแต่นายคนเดียว....นายเคยคิดถึงพวกเค้าบ้างไหม...?..ถ้านายเป็นอะไรคนอีกเป็นพันต้องตกงาน ”อณิภัทรพูดเตือนสติปิยะ
      “  ถ้านายมีเวลาว่างมาสั่งสอนชั้นทำไมไม่เอาเวลานั้นไปคิดถึงคนอื่นแทนชั้นบ้างล่ะ ”พูดจบปิยะก็สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
      อณิภัทรก็ได้แต่ยืนมองอย่างเจ็บใจที่ไม่อาจห้ามปิยะได้ จากนั้นก็เดินกลับไปที่ตึกใหญ่อย่างเซ็ง ๆ แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นอรรถนพออกมาพอดี
      “ เสียงรถอะไร..... ? แล้วใครออกไปไหน..... ? ”อรรถนพถามลูกชาย
      “ จะใครอีกล่ะครับ ” อณิภัทรพูดเบา ๆ และจะเดินเลี่ยงไป แต่ก็ถูกอรรถนพพูดถามต่อ
      “ ทำไมไม่ห้ามคุณปิยะเค้า นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ปล่อยออกไปได้ไง ”คำตำหนิทำให้อณิภัทรน้อยใจพ่อตัวเอง
      “ เค้าโตแล้วนะครับ แต่ถ้าพ่ออยากให้ผมไปตาม ผมก็จะไปตามให้ ”อณิภัทรพูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
      “ งั้นออกไปตามเลย ถ้าหาไม่เจอไม่ต้องกลับ ! ”อรรถนพพูดจบแล้วเดินกลับห้องตัวเอง
      ส่วนอณิภัทรที่ได้ยินคำนั้นก็เสียใจเอามาก ๆ แล้วออกไปตามหาปิยะ แต่ตามหาเท่าไหร่ก็ตามหาไม่เจอ อณิภัทรซึ่งเหนื่อยจากการตามหาปิยะเมื่อตอนเช้าและผ่าตัดผู้ป่วยตอนบ่าย และวันพรุ่งนี้ก็มีเคสผ่าตัดอีกตั้งแต่เช้า อณิภัทรจึงตัดสินใจกลับบ้านแต่ระหว่างทางกลับอณิภัทรก็ขับมาเรื่อย ๆ จนจะถึงหน้าบ้านอยู่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นรถของปิยะที่ขับกลับบ้านมาอย่างรวดเร็วพุ่งชนกับรถที่อณิภัทรขับมาอย่างจัง เสียงดังโครม อรรถนพได้ยินเสียงรถชนก็รีบวิ่งออกมากับพิมพ์คนใช้ เมื่ออกมาถึงหน้าบ้านก็ถึงกับตกใจทำอะไรไม่ถูก อรรถนพเดินมาหาปิยะที่ศรีษะแตกจากการปะทะของรถ ส่วนพิมพ์ก็วิ่งไปดูคนขับรถอีกคันเมื่อพิมพ์เห็นถึงกับร้องออกมา
      “ คุณภัทร !! ”พิมพ์ร้องออกมาอย่างตกใจ
      อรรถนพได้ยินเสียงของพิมพ์ก็รีบวิ่งไปหาพิมพ์
      “ เป็นอะไรพิมพ์ ..... ? ”อรรถนพถามพิมพ์
      “ คุณ .....ภัทร ... ”พิมพ์พูดตะกุกตะกัก
      “ ภัทรอะไร ..... ? ”อรรถนพยังถามไม่หยุดเพราะฟังไม่รู้เรื่อง
      “ คุณภัทรนอนอยู่ในรถ ”พิมพ์พูดแล้วชี้ไปที่รถ
      อรรถนพเหลียวไปดูแล้วตกใจสุดขีดหัวใจเหมือนจะหยุดเต้นเพราะเห็นร่างของอณิภัทรอัดกับรถอยู่เลือดเปื้อนเสื้อและหน้าเต็มไปหมด
      “ ภัทร !! ”อรรถนพร้องโฮออกมา
      “ เดี๋ยวพิมพ์ไปตามรถพยาบาลนะค่ะ ”พิมพ์วิ่งไปโทรศัพท์
      “ ภัทรอย่าเป็นอะไรนะ พ่อไม่น่าให้ลูกออกไปเลย ”อรรถนพพยายามเอาร่างที่ไร้สติของอณิภัทรออกจากซากรถ โดยมีปิยะที่ยืนนิ่งเงียบสีหน้ารู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง ไม่ถึง 5 นาทีรถพยาบาลก็มา
      ที่โรงพยาบาล
      เมื่อปิยะทำแผลเสร็จก็เดินมาหาอรรถนพซึ่งนั่งไม่ติดเก้าอี้อยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดโดยข้าง ๆ ของอรรถนพก็มีพิริสสาลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลที่แอบปลื้มอณิภัทรนั่งน้ำตาไหลอยู่ข้าง ๆ
      “ ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ”ปิยะมาขอโทษอรรถนพเรื่องขับรถชนอณิภัทร
      “ ไม่เป็นไรครับคุณปิยะ คุณคงเหนื่อยมากคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเถอะครับ ส่วนผมจะรออณิภัทรออกมาก่อน ”
      “ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเองครับ ”
      “ คุณใช่ไหมที่ขับรถชนหมออณิภัทร คุณเกลียดเค้ามากหรอถึงทำแบบนี้ ถ้าหมออณิภัทรเป็นอะไรไปชั้นจะไม่ให้อภัยคุณแน่นอน ”พิริสสาพูดกับปิยะ
      เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงหมอองอาจก็ออกมาจากห้องผ่าตัด
      “ องอาจตาภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ”อรรถนพถามหมออย่างร้อนใจ
      “ ภัทรตอนนี้อาการยังทรงตัวอยู่แต่ถ้าผ่าน 24 ชั่วโมงนี้แล้วก็มีโอกาสรอดเยอะ ”
       “ คุณลุงครับนายภัทรไม่เป็นไรหรอกถ้ามีผมคอยดูแล ผมคงไม่ให้เค้าเป็นอะไรไปหรอกครับ เค้าเป็นเพื่อนของผม และเป็นหมอที่ดีที่สุดและมีคนรักเค้าอีกมาก ผมคงไม่ปล่อยให้เค้าไปง่าย ๆ หรอกครับ ”
      “ ขอบใจนะองอาจ ”
      “ ครับคุณลุง ”
      จากนั่นหมอองอาจก็เดินออกไป
      “ คุณปิยะครับคุณกลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวมีประชุมตอน 8 โมงไม่ใช่หรอครับ ”
      “ ครับเดี๋ยวผมจะไป แต่ขอผมไปดูอณิภัทรก่อนนะครับ ”ปิยะขอเข้าไปดูอาการของอณิภัทร
      “ ครับคุณปิยะเชิญเลยครับ ”
      10 วันผ่านไป ตั้งแต่วันที่ปิยะขับรถยนต์ชนอณิภัทรจนอาการปางตาย ตั้งแต่วันนั้นปิยะก็รู้สึกผิดมาตลอดแต่มุ่งหน้าทำงานพอเลิกงานก็ไปเฝ้าอาการของอณิภัทรตลอดถ้ามีเวลาว่าง ส่วนคนที่เฝ้าอาการของอณิภัทรตลอดเวลาคือพิริสสาเธอเฝ้าดูแลอณิภัทรตลอดเวลา
      “ หมอภัทรหายไวไวนะค่ะ ”พิรสสาถามอณิภัทร
      “ ผมขอบคุณคุณมากนะครับที่ดูแลผมมาตลอด ”อณิภัทรขอบใจพิริสสาที่ดูแลตนเองมาตลอด 10 วัน
      “ คุณหมอองอาจบอกว่าคุณหมอจะออกโรงพยาบาลได้ในวันพรุ่งนี้ ”
      “ ขอบคุณมากครับ ”
      ก๊อก ก๊อก
      “ เชิญครับ ”
      “ เป็นไงบ้างลูก ค่อยยังชั่วหรือยัง ”อรรถนพเดินเข้ามาพร้อมกับปิยะ
      “ ครับ ไม่เป็นไรแล้ว ”
      “ ไม่เป็นไรก็หายไว ๆ นะ ”อรรถนพตีแขนลูกชายเบา ๆ
      “ ชั้นขอโทษนายจริง ๆ นะชั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้นายเป็นแบบนี้ ”ปิยะขอโทษอณิภัทร
      “ ถ้าชั้นเป็นอะไรไป แล้วทำให้นายเปลี่ยนเป็นคนที่ดีได้ชั้นก็ยอม ”
      “ นายก็ต้องหายไว ๆ นะจะได้มารักษาชั้นต่อ ”
      “ รู้แล้วน่า ชั้นไม่ตายง่าย ๆ หรอกเพราะยังมีคนที่รอให้ชั้นไปรักษาพวกเค้าอยู่ ”
      วันที่อณิภัทรออกจากโรงพยาบาลอรรพนพก็มารับถึงโรงพยาบาล
      “ หายไว ๆ นะไอ้หมอ ผู้ป่วยถามหานายตลอดเวลาเลย กลับมาเป็นหมอสุดหล่อที่โรงพยาบาลเร็ว ๆ ล่ะ ไม่งั้นชั้นคงเหี่ยวตายเลยเพราะนายเจ็บแบบนี้ไม่มีพยาบาลสาวสวยมาบริการชั้นเลย หายไว ๆ นะ ”องอาจพูดน้อยใจนิด ๆ ที่อณิภัทรตัวนำโชคป่วยแล้วไม่มีพยาบาลมาคอยดูแล
      “ ชั้นจะหายไว ๆ แล้วกัน ชั้นไปก่อนนะ ขอบใจมากนะไอ้เพื่อนรัก ”
      อณิภัทรขอบคุณองอาจเสร็จก็เดินทางกลับบ้านพร้อมพ่อ
      เมื่อมาถึงบ้านก็พบปิยะนั่งรออณิภัทรอยู่ที่ห้องรับแขกในตึกใหญ่
      “ คุณภัทรมาแล้วค่ะ ”พิมพ์วิ่งมาบอกปิยะ
      “ เค้าอยู่ไหน ”
      “ ขึ้นไปข้างบนแล้วค่ะ ”
      อณิภัทรเดินขึ้นบันไดโดยมีพิริสสาพยุงขึ้นไปบนห้อง
      “ คุณไม่ทำงานหรอครับ คุณมาอยู่ที่นี่คุณแม่คุณไม่ว่าหรอครับ ”อณิภัทรถามพิริสสาเพราะพิริสสาไม่ยอมไปทำงานเพราะมัวแต่มาดูแลตน
      “ ไม่เป็นไรค่ะชั้นจะดูแลคุณอยู่ที่นี่ ”
      “ ผมไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ พักอีก 1-2 วันผมก็จะไปทำงานแล้ว ”
      “ ชั้นขอคุณแม่ให้คุณพักต่ออีก 1 สัปดาห์ไม่ต้องห่วงนะค่ะ ”
      “ คุณมาเฝ้าผมอยู่ที่นี่คุณไม่อายบ้างหรอครับ ผมเป็นลูกคนใช้นะครับ แต่คุณเป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาล คุณไม่ควรลงมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างผมเลย ”อณิภัทรพูดดูถูกตัวเองและน้อยใจที่เป็นได้แค่นี้
      “ อย่าพูดอย่างงั้นสิค่ะ ชั้นไม่สนหรอกค่ะว่าคุณจะเป็นใคร ”
      พูดจบพิริสสาก็เข้ากอดอณิภัทรซึ่งหน้าของอณิภัทรดูจะตกใจเอามาก ๆ เพราะไม่เคยถูกใครกอดมาก่อน จังหวะนั้นปิยะก็เดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นพิริสสากอดกับอณิภัทรก็ถึงกับโรคหัวใจกำเริบ เพราะปิยะหลงรักพิริสสาตั้งแต่แรกเห็นที่โรงพยาบาลในวันนั้น
      “ ปิยะ !! ”อณิภัทรกระโดลงเตียงวิ่งตรงมาประคองปิยะลุกขึ้น
      “ คุณหมอค่ะ คุณยังไม่หายดีนะค่ะเบา ๆ หน่อยค่ะ ”
      พิริสสาเดินมาประคองอณิภัทรซึ่งอณิภัทรก็กำลังประคองปิยะอยู่มาที่เตียงของอณิภัทร
      “ หายใจลึก ๆ เอาไว้ ”อณิภัทรสั่งให้ปิยะหายใจลึก ๆ
       “ คุณริสาครับผมวานให้คุณไปตามพ่อผมมาได้ไหมครับ ”อณิภัทรวานให้พิริสสาไปตามพ่อให้
      “ ค่ะ ”
      เมื่อพิริสสาออกไปอณิภัทรก็ทำการตรวจปิยะอย่างตั้งใจ
      “ คุณปิยะเป็นอะไรครับ ”อรรถนพวิ่งมาอย่างตกใจ
      “ เป็นลมหน้ามืดครับพ่อ ”อณิภัทรบอกพ่อ
      “ แล้วทำไมถึงหน้ามืดได้ล่ะ ”อรรถนพถามลูกชาย
      “ ไม่รู้สิครับ เห็นเดินเข้ามาแล้วก็ล้มลงไป ”
      “ คุณลุงค่ะหนูขอตัวกลับก่อนนะค่ะ ”พิริสสาลาอรรถนพ
      “ ผมขอบคุณคุณมากนะครับที่ดูแลลูกชายผม ”
      “ ค่ะ หนูเต็มใจค่ะ ”
      “ ขอบคุณมากนะครับคุณริสสาที่ดูแลผมมาตลอด ”อณิภัทรขอบคุณพิริสสา
      พิริสสาเดินตรงมาหาอณิภัทรแล้วหอมแก้มอณิภัทรแล้วเดินออกไป
      อณิภัทรตกใจอีกรอบเพราะถูกหอมแก้ม แล้วก็ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
      “ พ่อรู้แล้วเหตุผลที่คุณปิยะเป็นแบบนี้ ”อรรถนพพูดเหมือนรู้ทุกอย่างแล้ว
      “ พ่อครับผมขอตัวก่อนนะครับ คืนนี้ให้ปิยะนอนที่ห้องผมแล้วกันนะครับพ่อผมจะไปนอนที่เรือนรับรองข้างล่างก็ได้ครับ ผมไปแล้วนะครับ แล้วพ่ออย่าลืมเอายาให้เค้ากินด้วยนะครับ”พูดจบอณิภัทรก็เดินออกห้องไป
      เมื่ออณิภัทรเดินออกไปปิยะก็ลุกขึ้น
      “ ค่อยยังชั่วหรือยังครับคุณปิยะ ”
      “ ชั้นไม่เป็นไร แต่คุณริสสาเค้าเป็นอะไรกับภัทรหรอ ”
      “ ผมก็ไม่ทราบน่ะครับ ดูท่าจะเป็นคุณริสสาที่ชอบตาภัทร แต่ตาภัทรผมว่าคงไม่ใช่เพราะตอนที่คุณริสากอดดูท่าทางเจ้าภัทรจะตกใจน่าดู เหงื่อออกเต็มหน้ายืนตัวแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ผมว่าเจ้าภัทรเค้ายังอ่อนต่อผู้หญิงแยะ ไม่มีทางคิดเกินไปกว่าเพื่อนร่วมงานหรอกครับ ”
      “ ผมหวังว่าเค้าจะเป็นอย่างที่คุณพูด ”ปิยะพูดแล้วเดินออกห้องของอณิภัทรไป
      ได้ยินอย่างนั้นแล้วอรรถนพก็เดินไปหาอณิภัทรที่ห้องรับรองข้างล่าง
      “ ยังไม่นอนหรอภัทร นี่ก็ดึกแล้วนะทำไมไม่นอนอีก ”อรรถนพพูดกับลูกชายอย่างเป็นห่วง
      “ ผมยังไม่ง่วงครับพ่อ ผมขอทำงานที่ค้างไว้เสร็จก่อนแล้วกัน ”
      “ งั้นพ่อขอถามเรื่องอะไรหน่อยได้ไหม ”
      “ ครับ พ่ออยากถามอะไรเชิญถามมาได้เลยครับ ”
      “ ภัทรกับคุณริสสาเป็นแฟนกันใช่ไหม ”
      “ พ่อคิดว่าผมกับคุณริสสาเป็นแฟนกันหรอครับ ”
      “ แล้วถ้าไม่ใช่ ทำไมเค้าถึงหอมแก้มแกต่อหน้าพ่อ ”
      “ เค้าชอบผมมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ ”
      “ แล้วแกหล่ะชอบเธอหรือเปล่า ”
      “ คือว่า....เออ ”อณิภัทรพูดตะกุกตะกักเพราะไม่มั่นใจในหัวใจของตน
      “ แล้วสุดท้ายแกก็ไม่มั่นใจในหัวใจของตนเองว่าชอบหรือไม่ชอบ ”
      “ ผมชอบเธอครับ แต่ผมคงไม่มีสิทธิ์ที่จะรักเธอใช่ไหมครับพ่อ ”อณิภัทรยอมเปิดใจแล้วน้ำตาก็คลอเบ้า
      “ นี่เป็นเรื่องจริงหรอเนี่ย พ่อขอสั่งเลยนะว่าเลิกยุ่งกับเธอซะ ”อรรถนพสั่งลูกชายตัวเองอย่างหนักแน่นแต่ในใจแล้วเค้ากลับเสียใจมาก ๆ ที่ต้องพูดออกไป
      “ ใช่สิครับพ่อ ผมมันต้อยต่ำจะไปสู้อะไรกับคุณปิยะของพ่อหล่ะครับ เค้าทั้งรวยทั้งหล่อนี่ครับ ผมสิไม่มีอะไรเลยแม้แต่ผู้หญิงที่รักยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรักเธอ ”อณิภัทรพูดอย่างน้อยใจตนเอง
      “ ภัทร ..... ”อรรถนพพูดเพราะเห็นใจลูกชายเอามาก ๆ
      “ พ่อครับแสดงว่าชีวิตของผมต้องถูกปิยะกำหนดใช่ไหมครับ พ่อสั่งให้ผมไปเป็นหมอก็เพราะเค้า ขนาดผู้หญิงที่ผมรักก็ต้องยกให้เค้าใช่ไหมครับ ผมทนไม่ไหวแล้วนะครับ ก็ได้ครับงั้นเค้าอยากได้อะไรจากผมอีกพูดมาเลยครับผมจะให้ จะเปลี่ยนหัวใจเลยไหมครับ ผมจะสละให้เอาไปเลยครับ ”อณิภัทรพูดแล้วหยิบมีดพกที่อยู่ในลิ้นชักออกมา แล้วหันปลายแหลมเข้าที่หน้าอกตัวเองแล้วค่อย ๆ แทงแล้วเลือดค่อย ๆ ซึมออกมา
      “ จะทำอะไรตาภัทร หยุดนะตาภัทร ! พ่อบอกให้หยุดไงเล่า ! ”เมื่อพูดแล้วอณิภัทรไม่ยอมฟังอรรถนพจึงเข้ามาดึงมีดออกจากมือของอณิภัทร
      “ พิมพ์ !! พิมพ์ !! เอากล่องยามาให้หน่อย ”อรรถนพตะโกนเรียกพิมพ์
      “ ค่ะมาแล้วค่ะ ”พิมพ์ถือกล่องยามาให้อรรถนพ
      “ ไปเอาผ้าขนหนูแล้วก็ชามใส่น้ำมาด้วย แล้วก็เอาเสื้อคุณภัทรมาด้วยเร็วหน่อยนะ ”อรรถนพสั่งพิมพ์เป็นชุด
      เมื่อสั่งพิมพ์เสร็จแล้วก็หันมาทางอณิภัทรลูกชายซึ่งนั่งนิ่งพิงกับเก้าอี้เอนน้ำตาไหลออกจากดวงไม่หยุด
      “ เดี๋ยวพ่อจะทำแผลให้ ”อรรถนพมาหาหาอณิภัทรแล้วถอดเสื้ออณิภัทร
      “ นี่ค่ะคุณนพ ”
      เมื่อทำแผลให้อณิภัทรเสร็จอรรถนพก็เดินออกห้องไป แต่ก็ออกไปอรรถนพก็พูดกับลูกชาย
      “ พ่อขอโทษนะ ”
      รุ่งขึ้นเมื่อตรวจอาการของปิยะ แล้วอณิภัทรก็ไปโรงพยาบาลทันที
      เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็มาพบกับพิริสสาทันที
      “ มาหาชั้นตั้งแต่เช้า ”
      “ ผมอยากขอร้องคุณให้ช่วยดูแลปิยะแทนผมด้วย ”
      “ แล้วคุณจะไปไหนค่ะ ”
      “ คือว่าผมจะต้องไปศึกษางานที่อเมริกา มันเป็นคำสั่งของโรงพยาบาลน่ะครับ ”
      “ คุณไม่ไปก็ได้นะค่ะเดี๋ยวชั้นบอกคุณแม่ให้ ”
      “ ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปประมาณ 3 เดือนฝากดูแลปิยะด้วยนะครับ ”
      “ ค่ะชั้นจะดูแลคุณปิยะให้คุณ แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่มีใครเมื่ออยู่ที่โน่น ”
      “ ครับผมสัญญา ผมไปก่อนนะครับ ”
      พูดจบอณิภัทรก็กำลังจะเดินออกนอกห้องแต่ต้องหยุดเพราะพิริสสาวิ่งมากอดทางด้านหลัง แล้วร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างหลังอณิภัทร
      “ ริสสาครับอย่าร้องไห้นะครับ ถ้าคุณร้องไห้ผมก็ยิ่งผิดนะครับ หยุดร้องไห้นะครับ ”อณิภัทรพูดแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้พิริสสา เมื่อพิริสสาหยุดร้องไห้เธอก็กอดอณิภัทร
      “ ไปกันเถอะค่ะ ชั้นจะไปส่งคุณที่บ้านไปช่วยเก็บเสื้อผ้า ”
      จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางมาที่บ้านธนะเศรษฐวรกฤติกุล
      “ ทำไมมาเร็วจัง เลิกงานแล้วหรอตาภัทร ”อรรถนพเดินมาถามลูกชายเพราะวันนี้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ
      “ สวัสดีค่ะคุณลุง ”
      “ สวัสดีครับคุณริสสา ”
      “ ผมมาเก็บเสื้อผ้า ”
      “ เก็บเสื้อผ้าจะไปไหน ”อรรถนพถามลูกชายทันที
      “ ผมต้องไปศึกษาดูงานที่อเมริกา 3 เดือน ถ้าผมไปแล้วผมจะให้คุณริสสามาดูแลปิยะแทนผม ”
      “ งั้นจะไปเมื่อไหร่ ”
      “ ผมจะต้องไปเย็นนี้ งั้นผมไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะครับ ”อณิภัทรขอตัวขึ้นข้างบนโดยมีพิริสสาเดินตามขึ้นมาด้วย
      ส่วนอรรถนพเมื่อรู้ว่าอณิภัทรจะไปต่างประเทศก็ได้โทรบอกปิยะว่าอณิภัทรจะไปต่างประเทศแล้วยังให้พิริสสามาดูแลปิยะแทนเค้าด้วย เมื่อรู้ข่าวปิยะก็กลับบ้านทันที
      “ ภัทรนี่เงินเอาไว้ใช้ตอนอยู่ที่โน่น ”อรรถนพยื่นเช็คให้ลูกชาย
      “ ไม่เป็นไรครับพ่อ เงินเดือนผมก็มีนะครับ พ่อเก็บไว้เถอะครับ ”
      เมื่อได้เวลาขึ้นเครื่องอณิภัทรก็ลาพ่อและพิริสสา
      “ พ่อครับผมไปนะครับ ”
      “ โชคดีนะภัทรตั้งใจทำงานหน่อยนะ ”
      “ ครับ ”
      “ ริสสาผมไปก่อนนะ ”
      “ โชคดีนะค่ะภัทรชั้นจะรอคุณ ”
      “ ครับผมก็จะรอคุณเช่นกัน ”
      “ โชคดีเพื่อนตั้งใจทำงานหล่ะ ”องอาจพูดขึ้นแต่ก็หวิว ๆ
      “ ดูแลพ่อกับริสสาให้ชั้นด้วยหล่ะ ”
      “ เออ ไม่ต้องห่วง ”
      “ ปิยะชั้นมีเรื่องต้องพูดกับนาย ”อณิภัทรเรียกปิยะมาพูด
      “ ชั้นรู้ว่านายชอบริสสาชั้นหวังว่าเวลา 3 เดือนจะทำให้นายพิชิตใจเธอได้นะ ”อณิภัทรพูดด้วยสีหน้าแสดงความยินดีกับปิยะแต่ในใจกลับตรงกันข้ามยิ่งปวดรวดร้าว และเค้าก็พยายามผืนยิ้มอย่างจาง ๆ
      “ ขอบใจมากนะภัทร ”
      “ ชั้นต้องไปแล้วล่ะรักษาสุขภาพด้วย ”
      เมื่อลาทุกคนเสร็จอณิภัทรเดินทางไปอเมริกา
      ส่วนปิยะที่มีพิริสสาดูแลอาการก็ดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความรู้สึกของเค้าก็เก็บไว้ในใจตลอดเวลาโดยไม่ยอมปริปากพูดแต่พิริสสาก็รับรู้มาโดยตลอดว่าปิยะหลงรักตนเอง จนทำให้พิริสสาเริ่มใจอ่อนกับความดีที่ปิยะมอบให้ตลอดเวลาเกือบ 3 เดือนและอีกไม่วันก็จะได้กำหนดกลับของอณิภัทรแล้ว
      ทางอณิภัทรที่อยู่อเมริกาก็ได้แต่มุ่งหน้าทำงานอย่างขยันขันแข็งจนทำให้ทางโรงพยาบาลของอเมริกาติดต่อขอตัวอณิภัทรไว้ทำงานที่อเมริกา แต่ต้องรอการตัดสินของอณิภัทรเพียงคนเดียว
      ดังนั้นอณิภัทรจึงโทรมาปรึกษาพ่อที่เมืองไทย
      “ พ่อครับผมเองนะครับ ”
      “ ภัทรหรอลูก นี่ภัทรอยู่ที่โน่นเป็นยังไงบ้าง รักษาสุขภาพหน่อยนะ ”
      “ พ่อครับปิยะเป็นไงบ้าง ”
      “ คุณปิยะตอนนี้อาการดีขึ้นมาก แล้วตอนนี้ก็กำลังจะพิชิตใจคุณริสสาได้แล้ว ”
      “ จริงหรอครับ งั้นผมฝากแสดงความยินดีกับเค้าด้วยนะครับ พ่อครับที่ผมโทรมาผมมีเรื่องจะบอกพ่อ ”
      “ เรื่องอะไรหรอ แล้วลูกจะกลับมาเมื่อไหร่ ”
      “ พ่อครับผมคงจะไม่ได้กลับแล้วครับ เพราะผมต้องทำงานที่อเมริกา พ่อคงไม่ว่าผมนะครับ ”
      “ อยู่ต่อเถอะพ่อไม่ห้ามลูกแล้วล่ะ ลูกจะทำอะไรก็ตามใจลูกแล้วกันเพราะพ่อทำร้ายจิตใจลูกมามากพอแล้ว ”
      “ พ่อครับเท่านี้ก่อนนะครับ ผมต้องไปประชุมต่อแล้วผมจะโทรไปใหม่ ”
      “ พักผ่อนมาก ๆนะลูกดูแลสุขภาพด้วย ”
      “ ครับพ่อก็เหมือนกัน ผมต้องไปแล้ว ”
      เมื่อได้คำตอบที่แน่นอนอณิภัทรก็มาตอบตกลงทันที
      ส่วนปิยะที่รู้ข่าวจากอรรถนพว่าอณิภัทรจะปักหลักทำงานที่อเมริกาก็ดีใจแทนแต่ก็ทำให้ใจหายไม่น้อยเพราะทุกครั้งก็จะมีอณิภัทรที่คอยดูแลและคอยตามหาตอนที่เค้าหนีออกจากบ้าน
      ส่วนพิริสสาก็เสียใจที่อณิภัทรไม่กลับมาก็ได้แต่ร้องไห้เสียใจแต่ก็มีปิยะคอยปลอบข้าง ๆ ทำให้พิริสสามอบใจครึ่งหนึ่งให้ปิยะและตกลงจะแต่งงานกับปิยะหลังจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอีก 1 เดือนข้างหน้า
      อณิภัทรเมื่อทำงานที่อเมริกาก็รู้สึกมีความสุขกับการทำงาน วันหนึ่งซึ่งเป็นเวรของอณิภัทรพอดีก็มีผู้ป่วยรายหนึ่งถูกส่งตัวมาอย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยรายนี้ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไขกระดูก ซึ่งผู้ป่วยรายนี้คือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอเมริกา ซึ่งเค้าชื่อแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์อณิภัทรจึงรีบโทรตามให้แพทย์ประจำตัวของแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์มารักษาต่อ
      “ ท่านเป็นยังไงบ้างหมออณิภัทร ”แพทย์ประจำตัวของแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์
      “ ตอนนี้อาการก็ยังทรง ๆ อยู่ แล้วท่านเป็นอะไรครับ ”
      “ ท่านกำลังรอเปลี่ยนไขกระดูกสันหลัง ”
      “ แล้วตอนนี้เจอคนที่มีไขกระดูกสันหลังตรงกับท่านหรือยังครับ ”
      “ ยังครับเรากำลังตามหาอยู่ ”
      “ หวังว่าจะเจอไว ๆ นะครับ ”อณิภัทรพูดจบก็เดินกลับไปที่ห้องพักของแพทย์เวร
      เมื่อถึงเวลาออกเวรอณิภัทรจึงเข้าไปเยี่ยมแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ที่ห้อง
      ก็พบว่าในห้องแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ท่านกำลังโวยวายขว้างปาข้าวของใส่ลูกน้องอย่างบ้าคลั่งจนลูกน้องต้องวิ่งออกมาจากห้อง
      จังหวะที่อณิภัทรเปิดประตูเข้าห้องไป ขวดน้ำก็ลอยมาปะทะกับหน้าผากอย่างจัง เลือดอุ่น ๆ ค่อย ๆ ไหลซึมออกมา แต่อณิภัทรก็ไม่พูดอะไร ก็ก้มหน้าก้มตาเก็บขวดที่แตกอยู่กับพื้น อย่างบรรจงโดยเลือดก็ไหลเปื้อนลงพื้นเรื่อย ๆ เสื้อของอณิภัทรก็เปื้อนไปด้วยเลือด จังหวะนั้นสร้อยคอที่อณิภัทรใส่มาตั้งแต่เกิดก็ได้หลุดออกจากคอ ตกลงกับพื้น แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์สังเกตเห็นสร้อยเส้นนั้นก็เหมือนคับคล้ายคับคาเหมือนเคยเห็นที่ไหน เมื่อเก็บเศษแก้วเสร็จอณิภัทรก็เดินมาหาแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์อย่างสงบ
      “ เป็นยังไงบ้างครับท่าน ”อณิภัทรถามอาการของแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์อย่างอ่อนโยน
      “ เป็นไงบ้างครับคุณหมอผมขอโทษนะครับ ”
      “ ไม่เป็นไรครับ แล้วท่านโกรธเรื่องอะไรหรอครับ บอกผมได้ไหม เผื่อผมจะช่วยอะไรได้ ”
      “ หมอช่วยผมไม่ได้หรอกครับ แม้แต่ลูกน้องผม ตำรวจก็ช่วยผมไม่ได้ ”
      “ เรื่องอะไรหรอครับ บอกผมได้นะครับ ”
      “ เช็ดเลือดก่อนไหมครับหมอเปื้อนหมดแล้ว เดี๋ยวผมเช็ดให้นะ ”
      แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์นำผ้ามาซับเลือดให้อณิภัทรอย่างอ่อนโยน มือของแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ทำให้อณิภัทรรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยนอย่างไม่เคยได้รับจากพ่ออรรถนพเลย
      “ ขอบคุณครับท่าน แต่ผมว่าผมเช็ดเองดีกว่าครับ ”
      “ ตามใจครับหมอ ”
      “ เดี๋ยวผมเรียกแม่บ้านมาเก็บข้าวของให้นะครับ ตอนนี้ผมขอตัวไปทำแผลก่อน ถ้าท่านมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ ”อณิภัทรพูดจบก็เดินออกห้องไป
      เมื่ออณิภัทรออกห้องไปแล้วแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก็ลุกของจากเตียงแล้วลุกไปเก็บสร้อยของอณิภัทรที่ตกล่นขึ้นมาดู แต่ก็ต้องตกใจเพราะมันเป็นสร้อยที่เค้าให้กับลูกชายเมื่อ 26 ปีก่อนก่อนที่ลูกชายจะถูกแม่ของเค้าลักพาตัวไป
      ตกเย็นอณิภัทรก็มาเยี่ยมแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก่อนเข้าเวร
      “ สวัสดีครับท่าน ผมซื้อผลไม้มาฝาก ”
      “ ขอบใจมากนะหมอ ผมมีเรื่องจะบอกหมอหน่อยจะได้ไหม ”
      “ ครับเชิญพูดมาเลยครับ ”
      “ คุณหมอทำของหล่นไว้เมื่อวานนี่ครับ ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์หยิบสร้อยคอที่อณิภัทรทำหล่นไว้คืนให้
      “ ขอบคุณครับที่เก็บไว้ให้ ”อณิภัทรดีใจมากที่เห็นสร้อยนี่อีกครั้ง
      “ เมื่อ 26 ปีก่อนผมได้สูญเสียลูกชายคนเดียวที่ผมมีไป เค้าถูกแม่ของเค้านำตัวไปโดยไม่บอกให้ผมรู้ เธอนำลูกของเราไปได้แค่ 2 วันผมก็ได้ข่าวว่าเธอถูกรถชนเสียชีวิตที่เมืองไทย ส่วนลูกชายผมไม่ได้ข่าวว่าเค้าจะเป็นยังไง แต่ตลอดเวลา 26 ปีผมก็ตามหาเค้ามาตลอด ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูดไปร้องไห้ไป
      “ แล้วคุณตามหาเค้าเจอหรือยังครับ ”อณิภัทรพูดเสียงสั่น ๆ
      “ เมื่อก่อนผมไม่เจอ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมเจอแล้วหล่ะ ”
      “ ใครหรอครับ แล้วเค้าอยู่ไหนผมจะไปตามเค้ามาหา ”
      “ ไม่จำเป็นหรอ เพราะตอนนี้เค้าอยู่กับผมแล้ว ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูดแล้วหันหน้าสบตากับอณิภัทร
      “ แล้วตอนนี้เค้าอยู่ไหน ”อณิภัทรทำหน้างง
      “ คุณหมอคุณอายุเท่าไหร่แล้ว ”
      “ ปีนี้ก็ 26 ย่าง 27 ท่านถามผมมีอะไรหรอครับ ”
      “ แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนหรอครับ ผมอยากไปเที่ยว ”
      “ บ้านผมหรอครับ ผมไม่มีบ้านเป็นของตัวเองหรอกครับ ผมเป็นแค่ลูกคนใช้ต้องอาศัยบ้านเค้าอยู่ แล้วท่านอยากไปจริง ๆ หรอครับ ”
      “ ไปสิถ้าคุณหมอพาผมไป ”
      “ ตกลงครับผมจะพาคุณไปเที่ยวและถือโอกาสช่วยคุณลุงตามหาลูกด้วย ”
      “ ขอบคุณมากนะหมอ ถ้าผมออกจากโรงพยาบาลเราก็จะเดินทางไปเมืองไทยทันที ”
      “ ครับ งั้นตอนนี้ผมขอตัวไปขึ้นเวรก่อนนะครับ ถ้าผมว่างจะแวะมาเยี่ยม ผมไปก่อนนะครับ ”
      พูดจบอณิภัทรก็เดินออกห้องไป
      ที่เมืองไทยก็เหลืออีก 10 กว่าวันที่ปิยะต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจใหม่ พิริสสาก็ดูแลปิยะอย่างใกล้ชิด พิริสสาติดต่อทางโรงพยาบาลที่อณิภัทรทำงานอยู่ให้ส่งตัวอณิภัทรกลับมาช่วยผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ และทางโรงพยาบาลก็มีคำสั่งส่งตัวอณิภัทรกลับเมืองไทย ดังนั้นอณิภัทรก็ต้องกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุด ดังนั้นอณิภัทรจึงต้องมาลาแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก่อนกลับเมืองไทย
      “ ท่านครับผมมีเรื่องมาบอก คือว่าผมต้องกลับเมืองไทยไปผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ปิยะลูกชายของเจ้านายพ่อของผม ดังนั้นผมจึงมาลาท่านนะครับ ”
      “ หมอกลับไปก่อนเถอะ แล้วผมจะตามไป ”
      “ ครับ รอให้หายดีก่อนแล้วค่อยตามไปหาผมก็ได้ ผมต้องไปแล้วนะครับ ”
      “ มาหาผมหน่อยสิหมอ ”
      “ ครับมีอะไรหรอครับ ”
      “ ขอผมกอดหมอได้ไหม ผมคิดถึงลูกชาย คุณหมอก็รุ่นราวคราวเดียวกับลูกผม ”
      เมื่อกอดอณิภัทรแล้วแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก็น้ำตาไหลออกมา
      “ ได้เวลาแล้วผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะตกเครื่อง ”
      “ โชคดีนะ ”
      เมื่ออณิภัทรเดินทางมาถึงเมืองไทยอรรถนพก็มารับถึงสนามบิน
      “ พ่อครับ ”อณิภัทรวิ่งมากอดพ่อ
      “ เป็นไงบ้างทำงานที่โน่นสนุกไหม ”
      “ ครับมีเรื่องให้ทำมากมายกว่าที่เมืองไทย ”
      “ กลับบ้านกันดีกว่าทุกคนกำลังรอลูกอยู่ ”
      เมื่อเดินทางมาถึงบ้านเศรษฐวรกฤติกุลอณิภัทรก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
      “ คุณภัทรกับคุณนพมาแล้วค่ะ ”พิมพ์วิ่งมาบอกทุกคนที่รอ
      “ คุณปิยะครับตาภัทรมาแล้วครับ ”อรรถนพบอกปิยะอย่างตื่นเต้น
      “ ภัทรกลับมาแล้ว ”ปิยะพูดแล้ววิ่งมาหาอณิภัทร
      “ โอ้โหทำงานเมืองนอกเกือบ 1 ปีดูท่าทางดูดีขึ้นมาก ๆ ”ปิยะพูดชมอณิภัทร
      “ นายก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ”ทั้งคู่หยอกล้อเล่นกัน
      “ สวัสดีค่ะภัทร ไม่ได้เจอกันนานดูดีขึ้นมาก ๆ ราศีจับเอามาก ๆ  ”พิริสสาทักทายอณิภัทร
      “ ครับคุณก็เหมือนกัน แล้วคุณทั้งคู่จะมีข่าวดีเมื่อไหร่ก็บอกผมนะ ผมขอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแล้วกัน ”
      “ เมื่อผ่าตัดเสร็จเราก็จะแต่งงานกันทันที ”ปิยะพูดแล้วโอบกอดพิริสสา
      “ พ่อครับผมไปพักผ่อนก่อนนะครับ ผมเหนื่อยมามากขอพักผ่อนก่อนนะครับก่อนมายังไม่ได้พักผ่อนเลย ผมไปก่อนนะครับ ”อณิภัทรเดินขึ้นข้างบนด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
      เมื่อถึงห้องอณิภัทรก็ล้มตัวลงนอนที่นอนน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย
      “ ภัทรพ่อเข้าไปได้ไหม ”
      “ ครับพ่อ ”
      “ ร้องไห้ทำไม ”
      “ พ่อครับ ผมเป็นหมอรักษาโรคหัวใจ แต่กลับต้องมาเป็นโรคหัวใจซะเอง มันตลกใช่ไหมครับ ”
      “ ทำใจเถอะภัทร ผู้หญิงดี ๆ ยังมีให้ภัทรเลือกอีกตั้งเยอะ พ่อขอบใจนะที่ภัทรเสียสละให้กับคุณปิยะ ”
      “ ครับ ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ พ่อครับผมขอพักผ่อนนะครับ ”อณิภัทรพูดประชดพ่อแล้วนำผ้าห่มมาคลุมหัวไว้
      “ ได้พ่อไปแล้วนะ ขอบใจมากนะ ”เมื่ออรรถนพออกไปแล้วอณิภัทรก็ร้องไห้ออกมา
      และมื่อถึงวันที่ต้องผ่าตัดให้ปิยะ อณิภัทรก็ทำอย่างเต็มที่และแล้วการผ่าตัดก็สิ้นสุดไปอย่างราบรื่นตลอดเวลา 9 ชั่วโมง พิริสสา อรรถนพร่ออยู่ที่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ เมื่ออณิภัทรเดินออกห้องผ่าตัดมาด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน หน้าซีดเหมือนจะไม่มีแรง
      “ คุณปิยะเป็นไงบ้างภัทร ”อรรถนพถามอาการของปิยะจากลูกชายอย่างใจจดใจจ่อ
      “ เค้าไม่เป็นไรแล้ว เค้าปลอดภัยดี ทำไมพ่อไม่ถามผมบ้างว่าเหนื่อยไหม พ่อก็ได้แต่ห่วงปิยะอะไรอะไรก็ปิยะ... ”พูดจบอณิภัทรก็หน้ามืดทรุดลงกับพื้น พยาบาลต่างวิ่งมาช่วยอณิภัทร
      “ ภัทร !! ”อรรถนพรีบพยุงลูกชายก่อนที่พยาบาลและหมอจะมาช่วย
      เมื่อตรวจอาการของอณิภัทรแล้วอรรถนพก็เดินเข้ามาเยี่ยมลูกชายพร้อมสอบถามอาการ
      “ องอาจภัทรเป็นไงบ้าง ”
      “ เค้าเหนื่อยจากการผ่าตัด และถูกกดดันจนทำให้เค้าเครียดจัด เวลาพักผ่อนไม่ค่อยมีจึงทำให้เค้าเป็นลมล้มลง ผมว่านอนหยอดน้ำเกลือสัก 3 ชั่วโมงก็ไม่มีอะไรแล้ว อย่าเป็นห่วงเลยครับ ”
      อา มู รี คี ตา รยอ โต นัน มด กา .......  เสียงโทรศัพท์ของอณิภัทรดังขึ้น
      “ สวัสดีครับ ตอนนี้หมอภัทรป่วยยังไม่ได้สติครับ ”องอาจรับโทรศัพท์แทนอณิภัทร
      “ ผมแอลเบิร์ท ตอนนี้ผมมาเมืองไทยแล้ว แล้วหมออณิภัทรก็สัญญาจะมารับผม แล้วตอนนี้ผมจะไปยังไงครับ ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูดขึ้น
      “ งั้นเดี๋ยวผมจะไปรับแทนหมอภัทรเองนะครับ ท่านรออยู่ที่สนามบินนะครับเดี๋ยวผมจะรีบไปรับ ”
      เมื่อวางสายเสร็จองอาจก็รีบไปรับแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์แทนอณิภัทร เมื่อรับเสร็จก็มุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลทันที
      “ ท่านครับหมอภัทรพักอยู่ห้องนี้ครับ ”
      องอาจพาแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์มาหาอณิภัทร
      “ สวัสดีครับคุณเป็นพ่อของหมอภัทรใช่หรือเปล่าครับ ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ถามอรรถนพ
      “ ครับเค้าเป็นลูกชายของผม ”อรรถนพตอบอย่างเรียบง่ายสงบเสงี่ยม
      “ แล้วตอนนี้อาการหมออณิภัทรเป็นยังไงบ้างครับ ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ถามอาการของอณิภัทร
      “ ก็ไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ เครียดจัด โหมทำงานไม่หยุด ”
      “ แล้วปิยะคือใครหรอครับ ทำไมหมออณิภัทรถึงต้องดูแลเค้ามากขนาดที่ว่าตนเองล้มป่วย ”
      “ มันเป็นหน้าที่ที่อณิภัทรต้องทำ เพื่อตอบแทนบุญคุณ ”
      “ บุญคุณ .....? ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ไม่เข้าใจคำว่าบุญคุณ
      “ แล้วคุณเป็นใครถึงรู้จักกับอณิภัทรลูกชายผมได้ ”
      “ เค้าเป็นหมอที่ดีมาก เค้าดูแลผู้ป่วยดีเอามาก ๆ และเค้ารับปากผมว่าจะช่วยตามหาลูกชายผมที่หายตัวไปเมื่อ 26 ปีก่อน เพราะแม่เค้าโกรธผมจึงนำตัวเค้ามาที่เมืองไทย แต่เธอก็โชคร้ายถูกรถชนเสียชีวิต ส่วนลูกชายคนเดียวของผมก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ”เมื่อเล่าทุกอย่างแล้วแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก็เริ่มน้ำตาซึม
      ส่วนอรรถนพก็ได้ฟังแล้วก็คิดในใจว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นพ่อที่แท้จริงของอณิภัทรหรือเปล่า
      “ แล้วคุณทิ้งของอะไรไว้กับลูกชายบ้างหล่ะ ”
      “ ก็สร้อยคอพร้อมล็อกเกตสลักคำว่า “ อเล็กซานเดอร์ ” ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ผมให้ลูก ”
      เมื่อได้ยินดังนั้นอรรถนพก็ลุกขึ้นเดินไปที่เตียง เปิดคอเสื้อของอณิภัทรแล้วดึงสร้อยออกมา แล้วมาถามแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์
      “ สร้อยเส้นนี้ใช่ไหมครับ ”
      “ ใช่แล้วเส้นนี้แหละ สร้อยเส้นนี้ที่ผมให้ลูกชายเอาไว้ ”
      แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์แสดงละครเพราะความจริงแล้วแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์รู้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว
      “ งั้นอณิภัทรก็คือลูกชายของคุณที่สาบสูญไปเมื่อตอน 26 ปีก่อน ”
      อรรถนพพูดเหมือนโล่งใจที่หาพ่อที่แท้จริงให้อณิภัทรแต่อีกใจก็ใจหายเพราะเลี้ยงอณิภัทรมา 26 ปีความผูกพันธ์ก็มีมาก
      “ งั้นผมก็พบทายาทธุรกิจหมื่นล้านได้แล้ว ผมคงนอนตายตาหลับสักที ”
      แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูดออกมาอย่างโล่งใจ
      “ แฮก ๆ แฮก ๆ ”อณิภัทรตื่นขึ้นมาแล้วลุกขึ้นทันที
      “ นี่ลูกจะทำอะไร ”อรรถนพถามลูกชาย
      “ งานผมยังไม่เสร็จ ผมต้องไปทำต่อ ”
      “ พักผ่อนบ้างเถอะหมอ หมอเหนื่อยมามากแล้ว ถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนสักที ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์บอกให้อณิภัทรพักต่อ
      “ ถ้าหมอมีเวลาพักแล้วผู้ป่วยล่ะครับจะเป็นอย่างไร พวกเค้ากำลังรอผมไปรักษาอยู่นะครับ ”อณิภัทรไม่ยอมพัก เค้าดึงสายน้ำเกลือออกแล้วเดินออกห้องไป
      “ ผมไม่เคยเห็นเค้าเป็นแบบนี้เลย เหมือนเค้าจะทำงานให้ลืมเรื่องอะไรบางอย่าง ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูดออกมา
      “ ผมคิดว่าผมรู้แล้วล่ะ เหตุผลที่ทำให้ภัทรเป็นแบบนี้ ต้นเหตุก็คือผม ผมกีดกันระหว่างภัทรกับลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลซึ่งทั้งคู่รักกันมาก หลังจากที่ผมรู้ว่าปิยะชอบกับแฟนของภัทร ผมก็สั่งให้เค้าเลิกกับเธอทันที และตอนนี้ปิยะก็กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นด้วย ”อรรถนพพูดด้วยความรู้สึกผิดที่สุด
      “ ปล่อยเค้าไปก่อน เวลาจะรักษาใจเค้าเอง ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูดแล้วเดินออกห้องไป
      อณิภัทรกลับมาทำงานต่อทั้ง ๆ ที่ร่างกายก็ไม่เต็มร้อย หน้ายังซีด แต่ก็พยายามทำงานเต็มที่กับผู้ป่วยทุกราย
      และเมื่อหลังการผ่าตัดของปิยะผ่านไป 1 เดือน ทั้งบ้านก็เตรียมงานหมั้นและแต่งงานระหว่าง ปิยะ และ พิริสสา ทำให้อณิภัทรไปเป็นอันกลับบ้านได้แต่แลกอยู่เวรกับหมอคนอื่นตลอด ก่อนถึงงานแต่งงานของปิยะกับพิริสสา 2 วันแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก็เดินทางมาพบกับอณิภัทรที่โรงพยาบาล
      “ คุณหมอค่ะ คุณพ่อมาพบค่ะ ”พยาบาลมาบอกกับอณิภัทร
      “ เชิญเข้ามาสิ ”
      “ ภัทรลูกพักผ่อนหรือยัง ตอนนี้ดูลูกผอมเอามาก ๆ หน้าก็ยังซีดไม่เปลี่ยน ”อรรถนพพูดอย่างเป็นห่วง
      “ ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับพ่อ ”
      “ วันนี้พ่อพาคุณแอลเบิร์ทมาเยี่ยมลูก ”
      “ สวัสดีครับ ไม่เจอกัน 1 เดือนเต็ม ๆ นะครับ นี่ท่านยังไม่กลับหรอครับ ”อณิภัทรถามแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์
      “ ก็คุณแอลเบิร์ท จะกลับไปกับลูกชายของท่านไง ท่านกำลังรอลูกชายอยู่ ”
      “ หรอครับ งั้นลูกชายของท่านอยู่ไหนครับ ”
      “ ลูกชายของท่านมีสร้อยคอเส้นหนึ่งซึ่งสลักคำว่า อเล็กซานเดอร์ ไว้ที่ล็อกเกต ”อรรถนพตอบ
      ได้ยินดังนั้นอณิภัทรก็ดึงสร้อยคอของเค้าออกมาเพราะมันมีข้อความที่พ่ออรรถนพพูด
      “ สร้อยเส้นนี้ใช่ไหมครับ ”อณิภัทรโชว์สร้อยขึ้นมาพร้อมถาม
      “ ใช่แล้วสร้อยเส้นนี้พ่อให้ลูกตอนลูกอายุได้ 1 เดือนก่อนที่แม่จะเอาตัวลูกมาที่เมืองไทย แล้วก็โชคร้ายต้องเกิดอุบัติเหตุ ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูด
      “ งั้นพ่อที่แท้จริงของผมคือท่าน...... ”อณิภัทรพูดแล้วลุกขึ้นมากอดแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์แล้วร้องไห้
      ส่วนอรรถนพก็ได้ยืนแสดงความยินดีที่อณิภัทรพบพ่อแล้ว
      “ พ่อครับผมขอบคุณนะครับที่เลี้ยงดูผมมาตลอด ผมจะไม่ลืมบุญคุณของคุณพ่อแน่นอนครับ ”อณิภัทรพูดขอบคุณพ่ออรรถนพ
      “ ไม่เป็นไรหรอก ไปใช้ชีวิตที่เหลือที่อเมริกาเถอะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ ”อรรถนพพูดแล้วลูบหัวอณิภัทรเบา ๆ
      “ ผมขอบคุณคุณมากนะครับที่เลี้ยงดูลูกผมมาตลอด ถ้าไม่ได้คุณไม่รู้ว่าลูกชายผมคนนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พูดขอบใจอรรถนพที่เลี้ยงดูอณิภัทรมาตลอด
      “ ใครจะไปทิ้งเด็กหน้าตาน่ารักได้ลงหล่ะครับ ”อรรถนพพูดหยอกเล่นให้หายเศร้า
      “ ผมว่าเราสองคนพาลูกชายไปทานอาหารก่อนดีกว่า เพราะตอนนี้แห้งผอมเหมือนกระดูกแล้ว ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ชวนอรรถนพ
      “ ผมต้องกลับไปช่วยทางบ้านจัดงาน ผมต้องขอตัวก่อน ”อรรถนพพูดจบก็ขอตัวออกไป
      “ ป่ะ ไปทานอาหารเดี๋ยวพ่อพาไป แล้วก็ต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าเพื่อไปงานอีก 1 วัน ”
      “ ครับ ”
      อีก 1 วันก่อนจะมีพิธีแต่งงานของปิยะและพิริสสา ทั้งคู่ต่างตื่นเต้นกันมากซึ่งเป็นข่าวใหญ่แห่งปี แต่เมื่อนักข่าวได้รับทราบข่าวที่ว่าท่านประธานแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่ของอเมริกาได้พบทายาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข่าวนี้ดังจนกลบข่าวการแต่งงานของปิยะและพิริสสาทันที
      “ คุณนพแล้วภัทรหล่ะเค้าไปไหน ทำไมไม่เห็นหน้าเลย ”ปิยะถามหาอณิภัทรจากอรรถนพ
      “ ตอนนี้เค้าคงจะเตรียมตัวไปต่างประเทศหลังจากงานแต่งของคุณปิยะสิ้นสุดลง ”
      “ จะไปอีกแล้วหรอ ผมยังไม่ทันได้ขอบคุณเค้าเลย ”
      “ วันพรุ่งนี้เค้าก็จะมาอย่าห่วงเลยนะครับ ”
      วันนี้คือวันที่สำคัญต่อปิยะมากที่สุดเพราะเป็นวันแต่งงานของเค้ากับพิริสสา งานนี้มีนักข่าวจำนวนมากมาร่วมงาน
      “ คุณนพเมื่อไหร่ภัทรจะมา ”ปิยะถามหาอณิภัทร
      “ สักครู่คงมา ”อรรถนพพูดแล้วเหลียวไปที่บันได
      “ คุณปิยะครับ ภัทรมาแล้ว ”อรรถนพพูดแล้วชี้ให้ปิยะดู
      เมื่ออณิภัทรมาถึงที่งานกับแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์คุณพ่อที่แท้จริง นักข่าวต่างรุมล้อมถ่ายรูป
      “ นั่นภัทรเค้ามากับใครครับ ”ปิยะถามอรรถนพอีกครั้ง
      “ เดี๋ยวเค้ามา คุณปิยะก็ถามเค้าเองสิครับ ”
      “ ยินดีด้วยนะครับคุณปิยะ คุณพิริสสามีความสุขมาก ๆ นะครับนี่ครับของขวัญ ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์แสดงความยินดีแล้วยื่นกล่องให้ปิยะและพิริสสา ซึ่งข้างในมีปากกาคู่รักฝังเพชร
      “ ขอบคุณนะครับสำหรับของขวัญ ”ปิยะและพิริสสาขอบคุณแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์
      “ ไม่เป็นไร อ่อ ลืมไป  นี่ครับลูกชายของผมที่หายไปเมื่อ 26 ปีก่อน เค้าคือทายาทที่จะสืบทอดกิจการของผม ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์แนะนำตัวให้ปิยะและพิริสสารู้จนคนในงานอึ้งไปตาม ๆ กัน
      “ ยินดีด้วยนะเพื่อนมีความสุขมาก ๆ นะ ”อณิภัทรพูดแล้วโอบกอดอย่างเป็นมิตรกับปิยะ
      “ ขอบใจ ”
      “ ยินดีด้วยนะครับริสสา มีความสุขกับปิยะมาก ๆ นะครับ เมื่อเสร็จงานผมจะต้องกลับไปอเมริกาทันที ”
      พูดจบอณิภัทรก็ยื่นกล่องสร้อยคอคู่รักที่ทีแรกจะให้เค้ากับพิริสสาแต่ตอนนี้ก็มอบให้พิริสสาเป็นของขวัญวันแต่งงาน
      “ นี่มันเป็นสร้อย ......  ”เมื่อพิริสสาเห็นสร้อยนี้ก็จำได้
      “ ตอนนี้ผมให้คุณแล้ว รักษามันไว้ให้ดีล่ะครับ ถ้ามีเจ้าตัวน้อยแล้วส่งข่าวบอกผมด้วยนะจะได้มาดูหน้าหลานซะหน่อย ”อณิภัทรพูดหยอกล้อ
      “ ได้ชั้นจะโทรไปบอกนายและก็จะให้นายมาทำคลอดลูกให้ชั้นด้วย เอาไหม ”
      “ โห ชั้นเป็นหมอโรคหัวใจนะ ไม่ใช่หมอทำคลอดนะ ”อณิภัทรพูดแล้ตบไหล่ปิยะเบา ๆ
      เมื่องานแต่งงานเริ่มขึ้นทุกคนต่างยินดีกับปิยะและพิริสสาอย่างล้นหลาม ส่วนอณิภัทรงานนี้ก็ได้ขึ้นมาโชว์ลูกคอเป็นครั้งแรกในงานเพื่อนรัก และแฟนเก่า
      “ สวัสดีครับทุกท่านผมนพ.อณิภัทร ผมเป็นเพื่อนของปิยะวันนี้ผมก็ขออวยพรให้ทั้งคู่มีความสุขกันมาก ๆ และก็มีทายาทตัวน้อย ๆ ไว ๆ วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่เมืองไทย ผมก็อยากจะมอบเพลงนี้ให้กับคนคนหนึ่งซึ่งผมยังลืมเธอไม่ลง และคงไม่มีวันที่จะลืม เชิญรับฟังได้เลยนะครับ ”
      พิริสสาเธอยืนมองแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา เธอจ้องมองไปที่อณิภัทรที่กำลังจะเล่นเปียโนอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนอรรถนพและแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก็นั่งนิ่งสงสารลูกชาย
      “ ไม่ว่ายังไงผมก็จะรอ และจะไม่ไปไหน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่มาร้องไห้อยู่ข้าง ๆ คุณ สิ่งที่คุณให้ไว้ก็มีแค่รอยแผล แต่ผมก็จะรอ แม้ว่าคุณจะจากผมไป ผมคิดถึงคุณ ผมคิดถึงคุณ ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ อยากจะร้องไห้ออกมา.....คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคุณ ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้น ความทรงจำที่ผมเคยรักคุณอย่างมากมาย ในความทรงจำเหล่านั้นผมกำลังตามหาคุณ แต่ผมไม่สามารถรั้งคุณไว้ได้ด้วยคำว่า “ รัก ” ผมไม่สามารถขังคุณเอาไว้ไม่เคยจะทำได้ แต่ผมคิดถึงคุณจนแทบขาดใจ ผมคิดถึงคุณ...ผมคิดถึงคุณ ผมเกลียดที่เป็นอย่างนี้ อยากจะเชื่อว่าทางที่ถูกนั้น ผมต้องลืมคุณไปเป็นความรักที่เหมือนจะโหดร้าย ในความทรงจำเหล่านั้นผมตามหาคุณอยู่แต่ผมไม่สามารถรั้งคุณไว้ ด้วยคำว่ารักได้อีก ผมไม่สามารถกักขังคุณเอาไว้ได้แม้จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้แต่ ผมก็ยังรักคุณแทบขาดใจ อยากจะลืมแทบขาดใจ…..~~~....”
      เมื่อเสียงเพลงสิ้นสุดลง แขกในงานก็ต่างปรบมือเสียงดังลั่นบางคนถึงกับน้ำตาซึม ส่วนอณิภัทรก็น้ำตาไหลไม่หยุด
      “ ผมขอบคุณทุกคนนะครับที่ทนฟังเสียงไม่ได้เรื่องของผม ขอบคุณมากครับ ”พูดจบอณิภัทรก็วิ่งออกจากงานไปนั่งอยู่ที่ห้องรับรองชั้นบนสุดของโรงแรม
      เมื่องานจบลงปิยะจึงรีบมาหาอณิภัทรที่ห้องแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาอณิภัทรเลย ปิยะก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ระหว่างเดินกลับมาหาพิริสสาโทรศัพท์ก็มี SMS เข้ามา มันเป็นข้อความก่อนที่อณิภัทรจะขึ้นเครื่องกลับอเมริกา
      “ ขอโทษนะที่ชั้นไม่ได้อยู่ถึงงานเลิก นายคงรู้นะว่าทำไม แต่ชั้นขอไปทำใจและไปพบกับสิ่งใหม่ที่รอชั้นอยู่ ชั้นคงจะลืมเธอได้ นายไม่ต้องเป็นห่วงชั้นนะ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้นเก็บไว้เพียงความทรงจำที่ดีของชั้นเอาไว้แล้วกัน ชั้นอยากจะไปลานายด้วยตัวชั้นเอง แต่....นายเข้าใจชั้นนะ ตอนที่นายได้รับข้อความนี้ชั้นคงจะขึ้นเครื่องแล้ว มีความสุขนะเพื่อนรัก .........  ”
      เมื่ออ่านจบปิยะก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
      “ เจอคุณภัทรไหม .... ? ”พิริสสาถามปิยะ
      “ เค้าไปแล้ว เค้าไปแล้ว ”ปิยะพูดอย่างอ่อนแรง
      “ ทำไมเค้าไม่มาลาเราก่อนไป ”
      “ คุณปิยะครับ อย่าเสียใจไปเลยครับ ภัทรเค้าฝากบอกด้วยว่าเสียใจด้วยที่ไม่ได้มาลาด้วยตัวเอง ”
      อรรถนพพูดแล้วเดินออกห้องไป
      เมื่อกลับมาถึงอเมริกาอณิภัทรก็มุ่งทำงานสองอย่างพร้อม ๆ กันทั้งคุณหมอและนักธุรกิจ อณิภัทรมุ่งแต่ทำงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน ซึ่งทำให้อณิภัทรซูบผอมจนครั้งหนึ่งต้องหามเข้าโรงพยาบาล ส่วนพ่อของเค้าก็ได้ผ่าตัดเปลี่ยนไขกระดูกจนแข็งแรงมากกว่าเดิม
      จนเวลาเวลาผ่านไป 4 ปี
      แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์พ่อของอณิภัทรจึงให้อณิภัทรเลิกหยุดการเป็นหมอและให้เลือกเป็นนักธุรกิจ และแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์กับอรรถนพก็มีแผนที่จะหาผู้หญิงดี ๆ ให้อณิภัทรสักคนเพื่อมาดามหัวใจที่เจ็บช้ำของอณิภัทรตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนปิยะก็ได้ทายาทตัวน้อย ๆ ตั้ง 3 คน เป็นฝาแฝดหญิง ปิยะก็ดีใจมาก ๆ ที่ได้เป็นพ่อคนและสัญญาว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูก ๆ
      “ ภัทรพ่อว่าลูกไปพักผ่อนที่ไหนก็ได้ ไปเที่ยวให้หายเหนื่อยแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อเดี๋ยวงานทางนี้พ่อจะจัดการเอง ”แอลเบิร์ท อัลคูเลอร์มาบอกลูกชาย
      “ ผมยังไหวครับพ่อ ไม่ต้องห่วง ”
      “ นี่ตั๋วเครื่องบิน บินไปดูหน้าหลานที่เมืองไทยก่อนไปที่อื่น พ่อขอล่ะนะเชื่อพ่อสักครั้ง ”
      “ ครับผมจะไป แต่ผมขอเคลียร์งานให้เสร็จก่อน ”
      เมื่อทุกอย่างลงตัวแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ก็ส่งอณิภัทรมาเมืองไทย โดยหารู้ไม่ว่าเป็นแผนการของอรรถนพและแอลเบิร์ท อัลคูเลอร์ที่ต้องการให้ลูกชายพบรักใหม่เพื่อลืมรักเก่า
      เมื่ออณิภัทรเดินทางมาถึงเมืองไทย อณิภัทรก็เดินทางมาที่บ้านเศรษฐวรกฤติกุลทันที
      “ มาแล้วหรอเป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันตั้ง 2 ปีดูนายผอมลงมากเลย ทำงานหนักสินะ ”ปิยะถามอณิภัทรอย่างเป็นห่วง
      “ ไม่เป็นไรหรอก แล้วเป็นไงบ้างเป็นคุณพ่อลูกแฝด 3 เหนื่อยไหม ”
      “ ไม่เหนื่อย ก็มีพี่เลี้ยง และก็แม่เค้าเลี้ยงอีกงานนี้พ่อสบาย ”
      “ ขอให้ชั้นไปดูหน้าหลานตัวน้อย ๆ หน่อย ”
      “ ไปสิอยู่ห้องด้านบน ”
      ปิยะพาอณิภัทรขึ้นไปหาลูก ๆ ของเค้า
      “ ลูกพ่อดูสิใครมาเยี่ยมเอ่ย ”ปิยะพูดกับลูกที่อายุ 1 ปีครึ่งแล้ว
      “ มาแล้วหรอค่ะ อยู่ที่โน่นสบายดีไหมค่ะ ”พิริสสาถามอณิภัทร
      “ ครับสบายดี เหนื่อยไหมครับเลี้ยงลูกทีเดียวตั้ง 3 คน ”อณิภัทรถามพิริสสาแล้วเหนื่อยใจแทน
      “ ไม่เหนื่อยค่ะ ลูกคือกำลังใจทั้งหมดของชั้น ”
      “ เจ้าตัวเล็กให้อาอุ้มหน่อยเร็ว ”อณิภัทรพูดแล้วเดินไปหาเด็ก ๆ
      “ ลูกนายนี่น่ารักจริงนะ อยากมีบ้างจัง ”อณิภัทรพูดแล้วทำหน้าเศร้า ๆ นิด ๆ
      “ แล้วหนูชื่ออะไรบ้างครับ ”อณิภัทรยังพูดกับเด็กที่ไม่รู้เรื่อง
      “ อ๋อ คนนั้นชื่อ ต้นข้าว คนนั้น ต้นน้ำ ส่วนคนนั้น ต้นหญ้า ”ปิยะพูดแนะนำชื่อลูก ๆ ให้อณิภัทร
      “ ชื่อน่ารักดี แต่มันดูทะเม่งทะเม่งอยู่นา ”อณิภัทรพูดขึ้นเพราะงงกับชื่อที่ปิยะตั้งให้ลูก ๆ
      “ นี่นายไปอยู่แค่ 5 ปีลืมภาษาไทยได้เลยหรอเนี่ย ตอนนี้ฟังดูสำเนียงก็แปลก ๆ ไป ”ปิยะพูดแล้วทำท่าหัวเราะ
      “ ก็อยู่ที่โน่นชั้นไม่ได้ใช้ภาษาไทยแม้แต่คำเดียว จะไม่ให้ลืมได้ยังไง ”อณิภัทรแก้ตัว
      “ แล้วมาเที่ยวคราวนี้กี่วัน ”ปิยะถาม
      “ ก็ประมาณ 10 วันแล้วชั้นจะบินไปพักที่ยุโรป ล่องเรือยอร์ชตามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเท่านี้แหละแล้วคงจะกลับไปทำงานตามเดิม ”
      “ แล้วจะพาสาวที่ไหนไปเที่ยวด้วยล่ะ ”ปิยะพูดกับอณิภัทร แต่ก็โดนพิริสสาตีไหล่
      “ ก็คงไปคนเดียว  ”
      “ ไม่เหงาแย่หรอ ชั้นหาคนไปเป็นเพื่อนให้นะเอาไหม ”ปิยะเสนอความคิดเห็น
      “ ไม่เป็นไร งั้นชั้นไปเยี่ยมองอาจที่โรงพยาบาลก่อนนะ ไม่ได้เจอกันนาน ”พูดจบอณิภัทรก็วางลูกของปิยะแล้วเดินออกจากห้องไป
      เมื่อมาถึงโรงพยาบาลองอาจและพยาบาลก็ไม่เป็นอันทำงานต่างมาห้อมล้อมคุยสอบถามข่าวคราวจากอณิภัทรกันยกใหญ่
      “ เป็นไงบ้างหว่ะภัทรทำงานที่โน่นสนุกไหม ”องอาจถามเพื่อนอย่างตื่นเต้น
      “ เป็นไงบ้างค่ะหมอ ”และพวกพยาบาลก็ต่างถามกันอย่างสนใจ
      เมื่อคุยเสร็จอณิภัทรก็กลับบ้าน
      “ มาแล้วหรอภัทรพ่อรอตั้งนาน ”อรรถนพมารับอณิภัทรที่หน้าบ้าน
      “ ทำไมหรอครับพ่อ พ่อมีธุระอะไรกับผมหรอครับ ”
      “ คือว่าพ่อหาเพื่อนมาให้ภัทร คนหนึ่ง เธอจะมาหาภัทรวันพรุ่งนี้ แล้วเธอก็จะพาภัทรไปเที่ยวที่ภูเก็ต ”
      “ ครับพ่อ ”
      พูดจบอณิภัทรก็เดินขึ้นห้องไปและก็ยังงงงงกับคำพูดที่อรรถนพพูดเพราะตนเองก็ไม่ได้ป่วยอะไร
      “ คุณนพค่ะตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ จะให้เชิญคุณปิยะและคุณริสสาเลยหรือเปล่าค่ะ ”พิมพ์ถามอรรถนพเมื่อตั้งโต๊ะเสร็จ
      “ เดี๋ยวชั้นไปตามเอง เธอไปตามอณิภัทรมาดีกว่า ”
      เมื่อทุกคนมาพร้อมที่โต๊ะอาหาร ทุกคนก็ต่างรับประทานอาหารจนอิ่ม และปิยะกับอณิภัทรก็เดินคุยกันขึ้นไปข้างบน เดินผ่านห้องของลูก ๆ ของปิยะก็ได้ยินเสียงเด็ก ๆ ร้องไห้ ปิยะกับอณิภัทรจึงเปิดประตูเข้าไป เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าภายในห้องว่างเปล่าเสียงที่เกิดขึ้นเป็นเสียงเปิดเทป ปิยะถึงกับเข่าอ่อนเพราะลูกสาวตัวน้อย ๆ ของเค้าลูกลักพาตัวไป อณิภัทรตั้งสติรีบวิ่งลงไปดูที่หน้าต่างกำลังเห็นผู้ชายสองคนอุ้มหลาน ๆ ของเค้าแล้วมีรถยนต์รออยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อเห็นดังนั้นแล้วอณิภัทรจึงรีบวิ่งลงบ้าน เมื่อจับรถได้อณิภัทรก็ขับรถไล่ผู้ร้ายลักพาตัวไป ส่วนปิยะก็วิ่งหน้าตาตื่นลงบ้านมาบอกอรรถนพและพิริสสา
      “ อะไรนะลูกหาย ! ”พิริสสาพูดแล้วเป็นลมล้มพับไป
      “ แล้วคุณปิยะรู้ไหมครับว่าพวกนั้นเป็นใคร ”อรรถนพถสอบถามปิยะ
      “ และภัทรล่ะครับ เมื่อกี้เห็นเค้าวิ่งไปดูที่หน้าต่างแล้ววิ่งออกมาเลย ไม่รู้ว่าเค้าเจออะไร ”ปิยะพูดเพราะยังงงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
      “ ผมก็ไม่รู้เพราะผมเห็นเค้าวิ่งลงมาด้วยความรีบร้อนและขับรถออกไปโดยไม่บอกกล่าว ”
      กริ๊ง ! กริ๊ง ! เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น
      “ บ้านเศรษฐวรกฤติกุลค่ะ จะพูกับคุณนพหรอค่ะ ได้ค่ะ ”พิมพ์ยื่นโทรศัพท์ให้อรรถนพ
      “ ว่าไงภัทรตอนนี้อยู่ไหน ”
      “ ตอนนี้ผมอยู่แถว ๆ ทางไปบ้านสวน ตอนนี้ผมกำลังขับรถตามพวกนั้นอยู่ถ้ารู้ที่แล้วผมจะโทรบอกนะครับ ”
      พูดจบอณิภัทรก็วางสายทันที
      “ คุณปิยะครับ ภัทรโทรมาบอกว่าพวกนั้นจับคุณหนูไปแถว ๆ ทางไปบ้านสวน ”
      “ งั้นเราตามไปดีกว่าถ้าให้ผมรออยู่ที่นี่คงอกแตกตายแน่ครับ ”ปิยะพูดจบก็วิ่งไปโรงรถ
      “ ให้ชั้นไปด้วย ชั้นจะไปช่วยลูก ”พิริสสาวิ่งขึ้นรถ
      “ ผมว่าคุณรอฟังข่าวที่บ้านดีกว่าเดี๋ยวผมไปกับคุณนพเอง ”
      “ ไม่ค่ะชั้นจะไปด้วย ชั้นเป็นห่วงลูก ”
      “ ครับคุณปิยะไปเถอะครับ ตอนนี้ช้ามากแล้ว ”
      ทางด้านอณิภัทรที่ขับรถตามมาก็เจอที่ที่พวกโจรเก็บเด็กไว้ มันเป็นสวนส้มที่ใหญ่โตภายในมีแต่ต้นไม้ทางเข้าไปแสนลำบาก อณิภัทรวิ่งเข้าไปเรื่อย ๆ เห็นพวกนั้นกำลังจะอุ้มตัวหลาน ๆ ของเค้าเข้าไปในกระท่อมเล็ก ๆ
      เมื่อตัดสินใจได้แล้วอณิภัทรจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปแต่ด้วยความไม่ระวังอณิภัทรถูกพวกนั้นจับได้
      “ รนหาที่ตาย แต่ก็ดีเราจะได้เงินที่เยอะกว่าเดิม ตอนนี้เรามีตัวประกันตั้ง 4 คน งานนี้เรารวยแน่นอน ”หัวหน้าพวกนั้นพูดขึ้นพร้อมหัวเราะ
      “ ปล่อยหลานผมเถอะนะ แกยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไร ”อณิภัทรพยายามขอร้อง แต่การขอร้องแต่ละครั้งเค้ากลับถูกพวกนั้นรุมชกต่อยและกระทืบเป็นยกใหญ่
      “ ปล่อยมันไว้ แล้ววันพรุ่งนี้เราค่อยติดต่อญาติของมัน ”หัวหน้าพวกนั้นพูดแล้วเดินออกไป
      อณิภัทรรีบตะเกียดตระกายมาหาหลานที่ร้องไห้อยู่
      “ ไม่ร้องนะครับ อาอยู่ที่นี่แล้ว อย่าร้องนะครับคนเก่ง ”อณิภัทรปลอบจนต้นน้ำ ต้นข้าว ต้นหญ้าหลับไปอ้อมกอดของเค้า
      ส่วนปิยะ อรรถนพและพิริสสาก็ตามมาและเจอกับรถที่อณิภัทรขับมาก็เดินตามทางที่อณิภัทรทำเครื่องหมายไว้
      เมื่อเดินมาสุดทางก็เจอกระท่อม
       “ คุณนพทำไมภัทรไม่ออกมา เค้าไปไหนแล้ว ”
      “ ผมว่า ภัทรคงถูกจับตัวไปด้วยแน่นอนเลย ตอนนี้เรารู้ที่ซ้อนตัวพวกมันแล้วเรากลับไปที่บ้านสวนแล้วแจ้งความเพื่อหาทางช่วยภัทรและเด็ก ๆ ดีกว่าครับ ถึงเราเข้าไปตอนนี้เราคงถูกจับกันหมดแน่ ”อรรถนพเสนอความคิดเห็น
      “ ครับผมก็ว่าอย่างงั้นแหละ ”
      เมื่อมาถึงที่บ้านสวนอรรถนพก็โทรแจ้งตำรวจ ไม่ถึง 10 นาทีตำรวจก็มาทั้งหมดช่วยกันวางแผนในการเข้าไปช่วยอณิภัทรและเด็ก ๆ
      เสียงโทรศัพท์ของปิยะดังขึ้น หัวหน้าแก๊งค์ลักพาตัวนั้นโทรมา มันต่อราคาค่าตัวประกันทั้ง 4 คนไว้ที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
      “ เงินมากมายขนาดนั้นเราจะไปเอาที่ไหนมาตั้ง 1,900,000,000 มันเป็นเงินที่มากมายมหาศาล ”อรรถนพพูดขึ้นมา
      “ ผมจะหามาให้ได้เพื่อลูกผม ”ปิยะพูดหนักแน่น
      “ ผมรู้แล้วว่าจะได้เงินอย่างไร ”อรรถนพนึกถึงพ่อของอณิภัทรขึ้นมาได้
      “ ใครหรอ ”ปิยะถามอย่างใจจดใจจ่อ
      “ ก็พ่อของภัทรไงครับ คุณแอลเบิร์ท ”
      “ จริงสิครับ แต่ผมคงไม่มีหน้าไปขอความช่วยเหลือจากท่านได้หรอกครับ ”
      “ เดี๋ยวผมจัดการเอง ”
      ดังนั้นอรรถนพจึงโทรไปขอความช่วยเหลือจากพ่อของอณิภัทร เมื่อพ่ออณิภัทรตอบตกลง แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าลูกชายคนเดียวของเค้าต้องปลอดภัย
      เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของอณิภัทรแล้วทั้งหมดก็วางแผนกับตำรวจเพื่อช่วยอณิภัทรและเด็ก ๆ จนรุ่งเช้าก็ไม่ได้นอน
      ทางด้านอณิภัทรที่ถูกขังกับเด็ก ๆ เมื่อเด็ก ๆ ตื่นก็งอแงหิวนม
      “ คุณครับเด็ก ๆ หิวนมพี่มีนมให้เด็กกินหรือเปล่า ไม่งั้นแกจะร้องไห้นะครับ ”อณิภัทรตะโกนบอก
      “ นี่ชั้นเตรียมไว้แล้วนี่เอาไป แล้วอย่าให้เด็กพวกนี้ร้องไห้ ”ลูกสมุนเอานมมาให้
      “ หยุดร้องไห้ได้แล้วครับ นี่ครับนม คงหิวกันแล้วใช่ไหมครับกินนมก่อนนะครับ ”อณิภัทรเจาะกล่องนมให้หลาน ๆ ดื่ม
      “ นี่อาหารเช้าคงกินได้นะ และนี่น้ำ ”ลูกสมุนอีกคนเอาข้าวมาให้อณิภัทร
      “ ขอบคุณครับ ”
      เมื่อได้น้ำและข้าวมาแล้วอณิภัทรก็ป้อนข้าวหลาน ๆ ส่วนหลาน ๆ ก็ยอมกินข้าวโดยไม่งอแงและไม่ดื้อเหมือนรู้ว่ากำลังถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ทั้งที่หิวข้าวแต่ก็จำต้องเสียสละให้หลานที่หิว อณิภัทรก็ได้แต่ดื่มน้ำไปพลาง ๆ และป้อนข้าวหลาน ๆ
      “ แค่เห็นพวกหนูไม่เป็นไรอาก็ดีใจแล้ว เดี๋ยวไม่ช้าพ่อหนูคงมาช่วยหนูแล้วไม่ต้องกลัวนะ ”อณิภัทรพูดกับหลานๆ
      เมื่อได้เวลาแลกเปลี่ยนตัวประกัน อณิภัทรและเด็ก ๆ ก็ถูกนำตัวมาที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง อณิภัทรอุ้มเด็ก ๆ ไว้
      “ มาแล้วหรอ แล้วลูกสาวชั้นกับเพื่อนชั้นอยู่ที่ไหน ”ปิยะถามอย่างขรึม ส่วนตำรวจและอรรถนพ พิริสสารอดูสถานการณ์รอบนอก
      “ อยู่นี่ แล้วเงินชั้นล่ะอยู่ที่ไหน ”
      เมื่อทำการตกลงกันแล้วก็แลกเปลี่ยนตัวประกันปิยะยื่นกระเป๋าเงินให้ผู้ร้ายส่วนอณิภัทรก็อุ้มหลาน ๆ มาหาปิยะด้วยสภาพเหนื่อยล้า
      “ ชั้นไม่ให้พวกมันนำเงินไปหรอก ”อณิภัทรพูดจบก็คว้าปืนที่หลังของปิยะ ซึ่งอณิภัทรรู้ดีว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ปิยะมักพกปืนไว้ที่หลังเสมอ
      “ นายจะทำอะไร อย่านะภัทร ”ปิยะพยายามห้ามอณิภัทร
      “ นายเอาลูกออกไปก่อน ”
      เมื่อพูดกับปิยะเสร็จอณิภัทรก็หันไปพูดกับพวกโจรนั้น
      “ พวกแกคิดว่าชั้นจะปล่อยพวกแกไปง่ายๆ หรอ ”อณิภัทรพูดขึ้น
      “ ชั้นก็ไม่อยากปล่อยพวกนายไปเหมือนกัน ”พวกนั้นหันมาพร้อมยกกระบอกปืนหันมาทางอณิภัทร
      อณิภัทรเห็นดังนั้นจึงดึงปืนออกมา จังหวะนั้นพิริสสาก็วิ่งออกมาจากมุมเสา พวกนั้นเห็นพิริสสาจึงจับมาเป็นตัวประกัน
      “ แล้วถ้าชั้นยิงผู้หญิงคนนี้ จะเป็นยังไงนะ คงจะดีไม่น้อยนะ ”หัวหน้าโจรพูดเยอะ ๆ อณิภัทร
      “ อย่าทำผู้หญิงนะ ปล่อยเธอ ”อณิภัทรพูดด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด
      “ วางปืนลง ไม่งั้นผู้หญิงนี่ตาย ”เมื่อได้ยินดังนั้นอณิภัทรก็วางปืนลงทันที
       “ ปล่อยภรรยาชั้นนะ ”ปิยะวิ่งมาหาอณิภัทร
       “ รักกันดีนะ งั้นก็ตายพร้อมกัน ”หัวหน้าโจรเล่งปืนมาที่ปิยะแล้วยิง ปั้ง !~ ลูกกระสุนโดนที่แขนเฉียด ๆ
      “ ปิยะ !! ”พิริสสาแสดงความห่วงใยปิยะออกมา
      “ ไป ! ”หัวหน้าโจรผลัดพิริสสามาหาปิยะที่นั่งกองกับพื้น แล้วหันกระบอกปืนยิง สองนัด ปั้ง ! ปั้ง !
      อณิภัทรวิ่งมารับลูกกระสุนแทนพิริสสา อณิภัทรนั่งหันหลังพิริสสา เลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากหน้าท้องและหน้าอกที่ละน้อย
      ตำรวจสามารถจับกุมโจรแก๊งค์นี้ได้
      “ ภัทร !! ”ปิยะตกใจที่อณิภัทรโดนยิงเพราะตน
      “ คุณภัทร !! ”พิริสสามองไปที่อณิภัทรที่กำลังจะนอนล้มลง
      “ ภัทร !! ”อรรถนพรีบวิ่งมารับร่างของอณิภัทร
      “ ปลอดภัยใช่ไหม แฮก ๆ ๆ ”อณิภัทรถามพิริสสาและปิยะ
      “ ชั้นไม่เป็นไร แต่นาย..... ”ปิยะพูด
      “ ลูก...ลูกนาย......ปลอดภัย.....กันทุก....คนนะ  ”อณิภัทรถามถึงความปลอดภัยของลูก ๆ ของปิยะ
      “ พวกเค้าปลอดภัยดี ชั้นว่านายทำใจเย็น ๆ นะ ยังไม่ต้องพูด เดี๋ยวรถพยาบาลก็มา ”ปิยะพูดแล้วน้ำตาซึม
      “ ภัทรอย่าเป็นอะไรนะ ถ้าภัทรเป็นอะไรพ่อของภัทรเอาพ่อตายแน่ ”อรรถนพพูดไปร้องไห้ไป
      “ ครั......บ....ครับผมสัญญาผมจะไม่เป็นอะไร..... ”
      เมื่อรถพยาบาลมาถึงอณิภัทรก็ถูกส่งตัวไปรักษาด่วน การผ่าตัดเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะกระสุนได้เข้าไปถูกจุดที่สำคัญ
      “ หมอครับภัทรเป็นยังไงบ้าง ”อรรถนพถามหมอที่ผ่าตัดอณิภัทร
      “ ตอนนี้อาการเค้ายังน่าเป็นห่วง ถ้าพ้นคืนนี้ไปได้เค้าคงจะรอด ”
      “ เค้ามีสิทธิ์ที่จะรอดมากไหมครับ ”ปิยะถามอย่างเป็นห่วงอาการของอณิภัทร
      “ เราคงต้องรอปฏิหารย์ที่จะเกิดกับคนดี ๆ อย่างเค้าเท่านั้น ”หมอพูดแล้วเดินออกไป
      “ โถ่ ~-~ ภัทรทำไมนายต้องช่วยชั้นตลอด ทั้งที่ชั้นทำร้ายนายมาตลอด ”ปิยะพูดแล้วร้องไห้ออกมา
      “ ตอนนี้เราคงต้องรอปฏิหารย์ ”อรรถนพพูดแล้วทำหน้าเศร้าสร้อย
      ทั้งหมดเข้ามาเยี่ยมอาการของอณิภัทรที่ห้องไอซียู
      “ ภัทรนายต้องสู้นะ กลับมาเป็นหมอที่ดีไง เป็นหมออย่างที่นายรักไง กลับมาเป็นหมอที่รักษาคนไข้อย่างที่นายเคยทำ ตอนที่นายไม่อยู่ผู้ป่วยเค้าถามหานายตลอดว่าเมื่อไหร่นายจะกลับมารักษาพวกเค้า และตอนนี้พวกเค้าก็รอนายอยู่นะภัทรนายพื้นสิ ! ”องอาจพูดไปร้องไห้ไป
      “ ภัทรนายต้องหายนะ นายเป็นหมอต้องมารักษาคนป่วยสิ ไม่ใช่มานอนเป็นคนป่วยซะเอง ตื่นสิ ! ตื่น ! ”ปิยะก็ร้องไห้จนตาแดง
      “ ภัทรลูกต้องพื้นนะ ....... ”อรรถนพพูดแล้วจับมืออณิภัทรเพราะเชื่อว่าอณิภัทรต้องพื้นขึ้นมา
      ณัฐชญาคนที่จะมาเป็นเพื่อนตอนที่อณิภัทรอยู่เมืองไทย เมื่อเธอได้ข่าวว่าอณิภัทรถูกยิงเธอก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที
      “ คุณนัตคุณมาได้ยังไงครับ ”อรรถนพถามณัฐชญา
      “ คุณภัทรเป็นยังไงบ้างค่ะ ”
      “ เค้าอยู่ในห้อง ICU และตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว ”
      “ ชั้นขอไปเยี่ยมเค้าได้ไหมค่ะ ”
      “ เชิญครับ ”
      เมื่อเข้าไปเห็นสภาพที่ไร้สติของอณิภัทรณัฐชญาถึงกับเข่าอ่อน เธอค่อย ๆ เดินไปที่เตียงของอณิภัทรช้า ๆ
      “ ภัทรนี่นัตเองนะ ภัทรจำได้ไหม จำได้ไหมตอนที่เราอายุ 15 เราเคยเป็นเพื่อนรักกันไง เราเล่นด้วยกันและชอบทำอะไรเหมือน ๆ กัน ภัทรบอกว่าเมื่อภัทรโตขึ้นภัทรอยากเป็นตำรวจ เราจำได้นะ เราเคยเล่นตำรวจไล่จับผู้ร้ายบ่อย ๆ ที่สวนหลังบ้านของเรา เรายังจำได้นะตอนนั้นเราตกน้ำกำลังจะจมน้ำแต่ภัทรก็กระโดมาช่วยเรา ทั้งที่ตอนนั้นภัทรก็ว่ายน้ำไม่เป็น...... ”ณัฐชญาพูดไปร้องไห้ไปพูดเรื่องตอนเด็ก ๆ กับความทรงจำดี ๆ ที่มีต่ออณิภัทร
      อรรถนพยืนฟังอยู่ข้างนอกก็รู้สึกใจหวิว ๆ แต่ก็ดีใจที่ยังมีคนที่รักอณิภัทรตั้งแต่เด็กจนถึงเวลานี้ก็ยังรักอยู่ และก็เพิ่งรู้ว่าทั้งคู่แอบเล่นด้วยกัน เพราะตนเองไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้มาก่อน
      คืนวันนั้นอณิภัทรพื้นขึ้นมาแล้วได้หนีออกจากโรงพยาบาลเดินทางมาที่บ้านของปิยะ ซึ่งเวลานั้นปิยะยังคงทำงานที่ค้างอยู่ ส่วนอรรถนพก็ไปเป็นตัวแทนของปิยะไปประชุมด่วนที่ภูเก็ต ทำให้บ้านนั้นมีแต่พิริสสาและลูก ๆ ทั้ง 3 และพิมพ์คนใช้ อณิภัทรเดินขึ้นไปที่ห้องของเด็ก ๆ ก็เจอกับพิริสสา เมื่อพิริสสาเจออณิภัทรก็ตกใจเพราะเมื่อเช้ายังเห็นนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล
      “ คุณภัทรคุณมาได้ยังไงค่ะ คุณยังป่วยอยู่ไม่ใช่หรอค่ะ ”
      “ ผมป่วยแต่ตอนนี้ผมหายแล้ว ผมมาหาคุณไงคุณไม่ดีใจหรอ ”อณิภัทรพูดแล้วเอามือกุมไว้ที่หน้าท้อง
      “ คุณควรจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาล งั้นเดี๋ยวชั้นโทรตามให้ปิยะมารับคุณไปที่โรงพยาบาล ”พิริสสาพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือ
      “ อย่าโทร ! ”อณิภัทรพูดขอร้อง
      “ ทำไม...? ”พิริสสาพูด
      “ ผมอยากอยู่กับคุณ ขอเวลาผมแค่ 10 นาที ผมขอแค่ 10 นาทีเท่านั้น ครับ 10 นาทีเมื่อไหร่ผมจะไปเมื่อนั้น ”
      “ โอเคค่ะ แค่ 10 นาที ”
      เมื่อพิริสสาตกลงอณิภัทรก็พาพิริสสามานั่งที่โซฟาและอณิภัทรก็นอนลงตักของพิริสสา โดยที่เค้ายังเอามือกุมที่แผลอยู่
      “ ผมขอหลับที่ตักคุณ ถ้าครบ 10 นาทีเมื่อไหร่คุณปลุกผมนะ ”พูดจบอณิภัทรก็หลับตา
      “ คุณต้องสัญญาว่าถ้าชั้นเรียก คุณต้องตื่น ”พิริสสาพูดแล้วน้ำตาซึม
      “ ผมจะตื่น ”พูดจบอณิภัทรก็หลับตาลง ใบหน้าที่แสนซีดเซียวของภัทรมีแต่เหงื่อซึม
      ส่วนพิริสสาก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเสียงน้ำตาอุ่น ๆ ของเธอก็ไหลตกลงที่ใบหน้าของอณิภัทร
      “ นี่คุณร้องไห้หรอ ”อณิภัทรเอามือป้ายน้ำตาของพิริสสาที่หน้าของเค้าแล้วเอามือไปเช็ดน้ำตาที่หน้าของพิริสสา โดยที่เค้าลืมมองไปว่ามือของเค้าได้เปื้อนเลือดที่ไหลออกจากแผล
      เมื่อพิริสสาเห็นเธอก็ตกใจมองไปที่แผลของอณิภัทรแล้วพูดออกมา
      “ แผลคุณ..! ”
      “ อย่าห่วงเลยผมไม่เป็นไร ”พูดจบอณิภัทรก็หลับตาลง
      “ อย่าหลับนะ ! ตื่นสิ ! ภัทรคุณตื่นสิ ! อย่าหลับ ! ”พิริสสาพูดร้องไห้แล้วเขย่าตัวของอณิภัทร
      แต่อณิภัทรก็ไม่ตื่นขึ้นมา น้ำตาของอณิภัทรไหลย้อยเหมือนเป็นสัญญาณบอกว่า “ ผมขอโทษ ” พิริสสาพยายามเขย่าอณิภัทร แต่อณิภัทรก็ไม่ยอมตื่น
      “ อย่าล้อเล่นสิ ! ตื่นสิภัทร ! คุณตื่นสิ ! ชั้นยังรักคุณอยู่นะภัทร ! ได้ยินไหมชั้นยังรักคุณอยู่นะภัทร !  ภัทรคุณตื่นขึ้นสิ ! ”พิริสสาพูดและเขย่าอณิภัทร ซึ่งเธอไม่ได้สังเกตว่าปิยะยืนอยู่ที่ประตู แต่ปิยะก็ไม่ออกมาหา ปิยะยืนร้องไห้อยู่ที่ประตู
      “ ภัทรคุณตื่นสิ !... ”เมื่อเรียกเท่าไหร่อณิภัทรก็ไม่พื้นพิริสสาจึงกอดร่างที่ไร้วิญาณของอณิภัทรขึ้นมากอดอย่างเสียใจ ......
      ดังนั้นจึงเกิดนิยามรักขึ้นมาว่า

      ในวันที่ฟ้าหมอง ใจหมายปองที่จะหา
      ทุกทีที่ลืมตา ใจยังหาใคร
      ครั้งได้ใจหวั่นไหว กายก็เหน็บหนาว
      ที่เดิมยังมีเรา ในวันนี้มันเหงาแทบขาดใจ
      คิดวันวานครั้งก่อน เวลานอนก็ฝันหา
      ถึงเธอทุกเวลา ยังอยากมากลับเหมือนเดิม

      "ฉันมองแต่เธอคนเดียว"
      난 당신만을 봐요

      การที่ต้องเสียสละคนรักให้กับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเค้าทำร้ายจิตใจเรามาตลอด แต่เป็นเพราะหน้าที่ ซึ่งหน้าที่นี้เองทำให้เค้าและเธอต้องแยกจากกัน ตราบนานแสนนาน.....T_ T การเสียสละครั้งนี้นำความปวดร้าวเข้ามาหาตัวเค้าเป็นอย่างมาก ถ้าทุกคนมีความรักก็ควรเก็บความรักให้นาน ๆ อย่าเป็นคิดถึงเรื่องอื่น เช่น ฐานะ หรือเงิน สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้คุณพลาดรักครั้งที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นได้ และจงจำไว้ว่ารักแท้ก็อย่าแพ้อุปสรรค

      จบแล้วเรื่องของเรา
      วันเก่าๆกับเรื่องราวที่แสนหวาน
      หอมละมุนกลิ่นกรุ่นของวันวาน
      ที่แค่คิดก็พาล..จะมีน้ำตา
      คุณเลือกเขา...
      มีแค่เงาของความเหว่ว้า
      เรื่องราวของเราก็เหลือเพียงรอยน้ำตา
      ที่มันไม่มีค่า..แก่การจดจำ
      ภาพวันวานที่ไม่อาจลืม
      แม้จะซักกี่ตื่นก็ไม่อาจฝืนลืมเธอได้
      ความรัก..ที่เอ่อล้นเต็มหัวใจ
      แม้วันไหนๆ..ก็ยังคงเท่าเดิม
      แม้เรื่องของเรามันจะผ่านมานาน
      แต่อดีตแสนหวานยังแจ่มชัดอยู่เสมอ
      หน้าเธอยังคงวนเวียน..ทำยังไงก็ไม่ลืมเธอ
      ฉันไม่อยากเพ้อเจ้อ....อยู่กับคราบน้ำตา

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×