[โจวจอง ? เฉินจอง?] ไอ้เอ๋อโจวเอ้ย !!!! - [โจวจอง ? เฉินจอง?] ไอ้เอ๋อโจวเอ้ย !!!! นิยาย [โจวจอง ? เฉินจอง?] ไอ้เอ๋อโจวเอ้ย !!!! : Dek-D.com - Writer

    [โจวจอง ? เฉินจอง?] ไอ้เอ๋อโจวเอ้ย !!!!

    “เมื่อกี้ ทำไรเราอะ” “ปะ เปล่า นี่แค่สะดุดล้ม”

    ผู้เข้าชมรวม

    636

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    20

    ผู้เข้าชมรวม


    636

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    16
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.พ. 61 / 21:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น







    “เมื่อกี้ ทำไรเราอะ”

    “ปะ เปล่า นี่แค่สะดุดล้ม”

    “.................”

    “ยิ้มอะไรของนายเนี่ย”

    “เปล่าหนิครับ” 

    น่าหมั่นไส้ที่สุด  ร่างสูงตรงหน้าจองจองยิ้มกว้างรับ ความใสซื่อภายใต้รอยยิ้มที่เหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าคำถามที่ตนตั้งถามนั้นทำให้อีกคนใจเต้นแรงมากขนาดไหน ทั้งเป็นรอยยิ้มที่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน และมันยังคงเป็นรอยยิ้มที่เขาชอบมากที่สุด

    “เด็กๆ เข้าถ่ายตอนต่อไปได้แล้วนะ”

    เสียงของโปรดิวเซอร์จางที่น่าเคารพของพวกเราดังขึ้น ถึงเวลาที่ต้องแยกกันแล้ว มือหนาของโจวเหยี้ยนเฉินบีบมือของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะผลักออก เขาพยักหน้าให้จองจองเดินออกไปก่อนแล้วตนเองค่อยเดินตามออกไปเพื่อไม่ใครสังเกตเห็นและจับได้


    เสียงหัวเราะในรายการที่พวกเขาได้รับเกียรติให้เป็นเด็กฝึกที่ได้เข้าร่วมดังขึ้นเป็นระยะๆ โจวเหยี้ยนเฉินที่นั่งอยู่แถวล่างริมสุดกำลังจดจ่ออยู่กับเกมที่ฝ่ายตรงข้ามเล่นอย่างสนุกสนานโดยที่ไม่ได้สังเกตเพื่อนร่วมทีมที่นั่งถัดไปจากเขาสองคนกำลังเหล่มองแล้วยิ้มขำให้กับใบหน้ามึนๆของเขา ไอ้เอ๋อโจวเอ้ย แอบมองได้ไม่นานก็เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวเสียแล้ว จองจองรีบหันไปอีกทางทันทีที่สบตาใบหน้าหวานก็ร้อนผ่าว ส่วนเหยี้ยนเฉินก็ยังคงเป็นเหยี้ยนเฉินผู้ไม่เข้าใจโลก เขามองจองจองกลับด้วยท่าทางมึนๆอย่างสงสัยว่า ‘จองจองเป็นอะไรหรือเปล่า’

    “มองเขาจนถูกจับได้แล้วนะครับ” ฟ่านเฉิงเฉิงกระซิบ

    “อะ...อะไรพี่เปล่านะ มองอะไรเล่าไม่ได้มองเลยเหอะ เนี่ยๆตั้งใจดูกติกาเกมอยู่”

    “เกมนี้พี่เล่นไปแล้วหนิ”

    “หือ คือยังไม่ค่อยเข้าใจไง สงสัยอะไรเยอะแยะเนี่ยนายอะ”

    “อ๋อ...งั้นหรอครับ”

    ยิ่งเห็นคนเป็นพี่ลุกลี้ลุกลนเฉิงเฉิงยิ่งแกล้งสนุก เขานั่งอยู่แถวถัดไปข้างบนทำไมเขาจะมองไม่เห็นว่าพี่เขาสนใจฝ่ายนั้นขนาดไหนทุกอย่างอยู่ในสายตาเขาหมดแล้ว

    “เออสิ นายน่ะสนใจรายการได้แล้ว”

    “ครับครับ”

    เขาได้แต่ยิ้มขำกับทีท่าน่าเอ็นดูของคนพี่ ถึงอายุจะห่างกันหลายปีแต่สำหรับฟ่านเฉิงเฉิงแล้วจองจองของเขายังน่ารักราวกับเด็กน้อย สายตาที่เขามองพี่คนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในบริษัท คนที่คอยให้กำลังใจ คนที่ทำให้คนยิ้มและมีแรงที่จะไปต่อ นอกจากพ่อแม่และพี่สาวแล้ว ก็ยังมีจองจองคนนี้เสมอ

    “อ่า เด็กๆมาปิดรายการรวมกันตรงนี้เร็ว”

    “ไปกันเถอะพี่”คนน้องเอ่ยให้เดินไปยังจุดรวม 


    เมื่อโปรดิวเซอร์จางกล่าวคำอำลาและพิธีกรกล่าวปิดรายการเสร็จ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องแยกย้ายกลับไปฝึกซ้อม จองจองนั่งอยู่บนรถบัสขนาดใหญ่ที่พวกเราเด็กฝึกทั้งสามสิบคนสามารถขึ้นไปพร้อมกันได้ เฉิงเฉิงนั่งกับจัสตินอยู่อีกฝากส่วนข้างๆเขานั้นเป็นที่นั่งของโจวเหยี้ยนเฉิน 

    เปลือกตาสีอ่อนของเหยี้ยนเฉินปิดสนิทเขาเอาศีรษะพิงกระจกด้านข้าง ลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ ตั้งแต่ขึ้นรถมาร่างสูงไม่ปริปากคุยกับเขาเลย จองจองได้แต่คิดในหัวว่าคนข้างๆอาจจะเหนื่อยจัด หากแต่ความรู้สึกที่อยู่ภายในของเขากับบอกว่ามันผิดปกติ บรรยากาศรอบๆตัวที่ดูอึดอัดราวกับเขาได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่สบายใจไปอย่างนั้น

    “จะลักหลับเราหรอ”

    “.............”

    “ทำตาโตอะไรขนาดนั้นครับ ตกใจหรอ”

    “..............”

    “ดูสิ หน้าแดงใหญ่แล้วครับ”

    “ไอ้บ้าเอ๋อโจวเอ้ย!”

    เพียะ!!

    มือบางตีเข้าที่ไหล่หนาอย่างแรงทำเอาคนที่ถูกตีลูบไหล่ตัวเองเบาๆด้วยความเจ็บ เหยี้ยนเฉินหัวเราะให้คนน่าแกล้ง ยิ่งเขาเอาหน้าตนเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ใบหน้าหวานยิ่งแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่าทีที่ทำตาโตด้วยความตกใจกับอาการเม้มปากแน่นเวลาเขินนั้นมันน่าหมั่นเขี้ยวที่สุด ทำเอาคนอย่างเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยากฟัดแก้มกลมๆนั้นสักฟอดสองฟอดแต่ชั่งน่าเสียดายที่ที่แห่งนี้เป็นที่สาธารณะ 

    “สรุปเราบ้า หรือเราเอ๋อ”

    “ทั้งสองนั้นแหละ! อ๋อ...แล้วเพิ่มเป็นกวนประสาทด้วย!”

    “งั้นหรอครับ...เป็นอะไรก็ได้ครับ ถ้าจองจองอยากให้เป็น”

    “...................”

    หัวใจของจองจองกระตุกวูบ คำพูดของอีกฝ่ายที่ฟังดูจากน้ำเสียงแล้วไม่ได้พูดออกมาด้วยความน้อยใจใดๆ ร่างสูงเหมือนจะแค่พูดหยอกเขาเฉยๆเท่านั้น แต่มันกลับทำให้จองจองกำลังรู้สึกผิดและหน่วงใจต่ออีกฝ่าย เขาพยายามคิดอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้บนเส้นทางนี้มันไม่ง่ายเลยหากจะเปิดเผยออก การที่จะให้ทุกคนยอมรับมันเป็นเรื่องยาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับจองจองคือโจวเหยี้ยนเฉินหากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเขากลัวว่ารอยยิ้มที่สวยงามนี้จะหายไป

    “จองจอง”

    “หื้ม?”

    “...............”

    “...............”

    “เครียดใหญ่แล้ว”

    นิ้วชี้ของร่างสูงแตะที่ระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของจองจองแล้วนวดวนเบาๆให้ปมแน่นคลายออก เขาแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าเผลอทำสีหน้าเครียดออกไป เหยี้ยนเฉินส่งยิ้มบางๆให้ก่อนที่มือของเขาจะสอดกุมมือของจองจองไว้แน่น ความอบอุ่นจากมือหนึ่งส่งต่ออีกมือหนึ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ

    “ขอบคุณนะ”

    “ครับ”

    “แล้วเมื่อกี้เป็นอะไรรึเปล่า ไม่ยอมคุยกับนี่เลย”

    “เราหึงจองจองอะ”

    “ห้ะ หึงอะไร หึงกับใคร ขอขำได้มั้ยเนี่ย”

    “หยุดขำเลยนะครับ ก็จองจองไม่สนใจเราเลยนี่รอบๆตัวมีแต่เฉิงเฉิง แล้วเฉินเฉินล่ะครับ”

    “โอ้ย ขำอะ มันไม่มีอะไรก็รู้อยู่”

    “เรารู้ คบกันมาตั้งสามปีแล้วทำไมเราจะไม่รู้ แต่มันอดไม่ได้หนิ”

    “ใครว่า...แอบคบต่างหากละ”

    “เดี๋ยวโดนกัดลิ้นเลยครับ”

    บรรยายกาศรอบตัวที่ตอนแรกทำให้จองจองอึดอัดกลับกลายเป็นความสดใส เมฆหมอกที่ทำให้เขาหมองหม่นใจตอนนี้ได้หายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะดังแสงอาทิตย์ยามเช้าที่เข้ามาแทนที่ ทั้งสองหยอกล้อเล่นอย่างสนุกสนานบรรยายกาศรอบๆตัวทั้งคู่เป็นแสงสีชมพูวิ้งค์จนน่าอิจฉา 

    แต่เอ๋?....ทั้งคู่ลืมไปหรือเปล่านะว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขา



    ผู้แต่ง : Junbyunjae



    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×