[โจวจอง ? เฉินจอง?] ไอ้เอ๋อโจวเอ้ย !!!!
“เมื่อกี้ ทำไรเราอะ” “ปะ เปล่า นี่แค่สะดุดล้ม”
ผู้เข้าชมรวม
636
ผู้เข้าชมเดือนนี้
20
ผู้เข้าชมรวม
“เมื่อกี้ ทำไรเราอะ”
“ปะ เปล่า นี่แค่สะดุดล้ม”
“.................”
“ยิ้มอะไรของนายเนี่ย”
“เปล่าหนิครับ”
น่าหมั่นไส้ที่สุด ร่างสูงตรงหน้าจองจองยิ้มกว้างรับ ความใสซื่อภายใต้รอยยิ้มที่เหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าคำถามที่ตนตั้งถามนั้นทำให้อีกคนใจเต้นแรงมากขนาดไหน ทั้งเป็นรอยยิ้มที่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน และมันยังคงเป็นรอยยิ้มที่เขาชอบมากที่สุด
“เด็กๆ เข้าถ่ายตอนต่อไปได้แล้วนะ”
เสียงของโปรดิวเซอร์จางที่น่าเคารพของพวกเราดังขึ้น ถึงเวลาที่ต้องแยกกันแล้ว มือหนาของโจวเหยี้ยนเฉินบีบมือของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะผลักออก เขาพยักหน้าให้จองจองเดินออกไปก่อนแล้วตนเองค่อยเดินตามออกไปเพื่อไม่ใครสังเกตเห็นและจับได้
เสียงหัวเราะในรายการที่พวกเขาได้รับเกียรติให้เป็นเด็กฝึกที่ได้เข้าร่วมดังขึ้นเป็นระยะๆ โจวเหยี้ยนเฉินที่นั่งอยู่แถวล่างริมสุดกำลังจดจ่ออยู่กับเกมที่ฝ่ายตรงข้ามเล่นอย่างสนุกสนานโดยที่ไม่ได้สังเกตเพื่อนร่วมทีมที่นั่งถัดไปจากเขาสองคนกำลังเหล่มองแล้วยิ้มขำให้กับใบหน้ามึนๆของเขา ไอ้เอ๋อโจวเอ้ย แอบมองได้ไม่นานก็เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวเสียแล้ว จองจองรีบหันไปอีกทางทันทีที่สบตาใบหน้าหวานก็ร้อนผ่าว ส่วนเหยี้ยนเฉินก็ยังคงเป็นเหยี้ยนเฉินผู้ไม่เข้าใจโลก เขามองจองจองกลับด้วยท่าทางมึนๆอย่างสงสัยว่า ‘จองจองเป็นอะไรหรือเปล่า’
“มองเขาจนถูกจับได้แล้วนะครับ” ฟ่านเฉิงเฉิงกระซิบ
“อะ...อะไรพี่เปล่านะ มองอะไรเล่าไม่ได้มองเลยเหอะ เนี่ยๆตั้งใจดูกติกาเกมอยู่”
“เกมนี้พี่เล่นไปแล้วหนิ”
“หือ คือยังไม่ค่อยเข้าใจไง สงสัยอะไรเยอะแยะเนี่ยนายอะ”
“อ๋อ...งั้นหรอครับ”
ยิ่งเห็นคนเป็นพี่ลุกลี้ลุกลนเฉิงเฉิงยิ่งแกล้งสนุก เขานั่งอยู่แถวถัดไปข้างบนทำไมเขาจะมองไม่เห็นว่าพี่เขาสนใจฝ่ายนั้นขนาดไหนทุกอย่างอยู่ในสายตาเขาหมดแล้ว
“เออสิ นายน่ะสนใจรายการได้แล้ว”
“ครับครับ”
เขาได้แต่ยิ้มขำกับทีท่าน่าเอ็นดูของคนพี่ ถึงอายุจะห่างกันหลายปีแต่สำหรับฟ่านเฉิงเฉิงแล้วจองจองของเขายังน่ารักราวกับเด็กน้อย สายตาที่เขามองพี่คนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในบริษัท คนที่คอยให้กำลังใจ คนที่ทำให้คนยิ้มและมีแรงที่จะไปต่อ นอกจากพ่อแม่และพี่สาวแล้ว ก็ยังมีจองจองคนนี้เสมอ
“อ่า เด็กๆมาปิดรายการรวมกันตรงนี้เร็ว”
“ไปกันเถอะพี่”คนน้องเอ่ยให้เดินไปยังจุดรวม
เมื่อโปรดิวเซอร์จางกล่าวคำอำลาและพิธีกรกล่าวปิดรายการเสร็จ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องแยกย้ายกลับไปฝึกซ้อม จองจองนั่งอยู่บนรถบัสขนาดใหญ่ที่พวกเราเด็กฝึกทั้งสามสิบคนสามารถขึ้นไปพร้อมกันได้ เฉิงเฉิงนั่งกับจัสตินอยู่อีกฝากส่วนข้างๆเขานั้นเป็นที่นั่งของโจวเหยี้ยนเฉิน
เปลือกตาสีอ่อนของเหยี้ยนเฉินปิดสนิทเขาเอาศีรษะพิงกระจกด้านข้าง ลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ ตั้งแต่ขึ้นรถมาร่างสูงไม่ปริปากคุยกับเขาเลย จองจองได้แต่คิดในหัวว่าคนข้างๆอาจจะเหนื่อยจัด หากแต่ความรู้สึกที่อยู่ภายในของเขากับบอกว่ามันผิดปกติ บรรยากาศรอบๆตัวที่ดูอึดอัดราวกับเขาได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่สบายใจไปอย่างนั้น
“จะลักหลับเราหรอ”
“.............”
“ทำตาโตอะไรขนาดนั้นครับ ตกใจหรอ”
“..............”
“ดูสิ หน้าแดงใหญ่แล้วครับ”
“ไอ้บ้าเอ๋อโจวเอ้ย!”
เพียะ!!
มือบางตีเข้าที่ไหล่หนาอย่างแรงทำเอาคนที่ถูกตีลูบไหล่ตัวเองเบาๆด้วยความเจ็บ เหยี้ยนเฉินหัวเราะให้คนน่าแกล้ง ยิ่งเขาเอาหน้าตนเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ใบหน้าหวานยิ่งแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่าทีที่ทำตาโตด้วยความตกใจกับอาการเม้มปากแน่นเวลาเขินนั้นมันน่าหมั่นเขี้ยวที่สุด ทำเอาคนอย่างเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยากฟัดแก้มกลมๆนั้นสักฟอดสองฟอดแต่ชั่งน่าเสียดายที่ที่แห่งนี้เป็นที่สาธารณะ
“สรุปเราบ้า หรือเราเอ๋อ”
“ทั้งสองนั้นแหละ! อ๋อ...แล้วเพิ่มเป็นกวนประสาทด้วย!”
“งั้นหรอครับ...เป็นอะไรก็ได้ครับ ถ้าจองจองอยากให้เป็น”
“...................”
หัวใจของจองจองกระตุกวูบ คำพูดของอีกฝ่ายที่ฟังดูจากน้ำเสียงแล้วไม่ได้พูดออกมาด้วยความน้อยใจใดๆ ร่างสูงเหมือนจะแค่พูดหยอกเขาเฉยๆเท่านั้น แต่มันกลับทำให้จองจองกำลังรู้สึกผิดและหน่วงใจต่ออีกฝ่าย เขาพยายามคิดอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้บนเส้นทางนี้มันไม่ง่ายเลยหากจะเปิดเผยออก การที่จะให้ทุกคนยอมรับมันเป็นเรื่องยาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับจองจองคือโจวเหยี้ยนเฉินหากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเขากลัวว่ารอยยิ้มที่สวยงามนี้จะหายไป
“จองจอง”
“หื้ม?”
“...............”
“...............”
“เครียดใหญ่แล้ว”
นิ้วชี้ของร่างสูงแตะที่ระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของจองจองแล้วนวดวนเบาๆให้ปมแน่นคลายออก เขาแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าเผลอทำสีหน้าเครียดออกไป เหยี้ยนเฉินส่งยิ้มบางๆให้ก่อนที่มือของเขาจะสอดกุมมือของจองจองไว้แน่น ความอบอุ่นจากมือหนึ่งส่งต่ออีกมือหนึ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ขอบคุณนะ”
“ครับ”
“แล้วเมื่อกี้เป็นอะไรรึเปล่า ไม่ยอมคุยกับนี่เลย”
“เราหึงจองจองอะ”
“ห้ะ หึงอะไร หึงกับใคร ขอขำได้มั้ยเนี่ย”
“หยุดขำเลยนะครับ ก็จองจองไม่สนใจเราเลยนี่รอบๆตัวมีแต่เฉิงเฉิง แล้วเฉินเฉินล่ะครับ”
“โอ้ย ขำอะ มันไม่มีอะไรก็รู้อยู่”
“เรารู้ คบกันมาตั้งสามปีแล้วทำไมเราจะไม่รู้ แต่มันอดไม่ได้หนิ”
“ใครว่า...แอบคบต่างหากละ”
“เดี๋ยวโดนกัดลิ้นเลยครับ”
บรรยายกาศรอบตัวที่ตอนแรกทำให้จองจองอึดอัดกลับกลายเป็นความสดใส เมฆหมอกที่ทำให้เขาหมองหม่นใจตอนนี้ได้หายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะดังแสงอาทิตย์ยามเช้าที่เข้ามาแทนที่ ทั้งสองหยอกล้อเล่นอย่างสนุกสนานบรรยายกาศรอบๆตัวทั้งคู่เป็นแสงสีชมพูวิ้งค์จนน่าอิจฉา
แต่เอ๋?....ทั้งคู่ลืมไปหรือเปล่านะว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขา
ผู้แต่ง : Junbyunjae
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ สึโยชิ ริว ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ สึโยชิ ริว
ความคิดเห็น