ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psychopath : Creepy The Clown.

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 14 : Naomi Noble

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 89
      15
      3 เม.ย. 63

    ตอนที่ 14 : นาโอมิ โนเบิล


    คืนหลังจากประกันตัวมาร์คัส


        เธอนอนตะแคง พลิกซ้ายพลิกขวามาเป็นล้านรอบเห็นจะได้ อดทนไม่ยอมออกไปจากห้องทั้งที่ท้องไส้ร้องโครกครากจากความหิวรอบดึก นาฬิกาตั้งโต๊ะรูปปั้นโลมาสีขาวบอกเวลาตีสาม และถ้าเธอไม่ลงไปเติมอาหารใส่ท้องเสียตอนนี้ เธออาจไม่ได้หลับยันเช้าแน่ๆ

        โอลิเวียไม่คุ้นชินที่ทางบ้านแม่บุญธรรมของมาร์คัส มันค่อนข้างมืด คับแคบและมีข้าวของเต็มสองฝั่ง เธอสังเกตเห็นกล่องหลายกล่องวางซ้อนๆกันเมื่อตอนเดินเข้ามาครั้งแรก และคิดว่ามันเป็นกล่องความทรงจำของนาโอมิ สิ่งของของคนสำคัญของเธอ

        แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือสาดเป็นวงจำกัดบนบันได ส่วนรอบนอกปกคลุมด้วยความมืดทั้งหมด ทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว มีแต่เธอที่หิวอยู่ตอนนี้ กระทั่งลงถึงชั้นล่างและเดินผ่านห้องใต้บันได ผ่านห้องน้ำ และเข้าไปในห้องครัว


        น่าแปลกที่มันไม่ได้มืดสนิทเหมือนห้องอื่น แสงสีขาวสว่างออกมาจากมุมหนึ่งของห้องครัวและจางหายในความมืด ซึ่งเธอพบว่ามันมาจากประตูตู้เย็นที่ถูกเปิดทิ้งไว้อย่างอ้าซ่า และมาร์คัสอยู่ตรงนั้นด้วย นั่งอยู่ในห่อผ้าห่มที่คลุมขึ้นมาถึงคอ สองมือถืออะไรบางอย่างคล้ายขนมปังก่อนสวาปามเข้าปาก ดวงตาจดจ้องความว่างเปล่าในตู้เย็น เหม่อลอยอยู่ไหนสักแห่ง แสงขาวฉาบบนใบหน้าเคร่งเครียดของเขา มาร์คัสไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเธอเดินมาถึง

        เธอไม่เคยเห็นเขาดูเครียด เหม่อลอยขนาดนี้มาก่อน และนี่เป็นความผิดเธอ ที่ปล่อยให้มันลอยนวล มันทำให้มาร์คัสเกือบตกเป็นฆาตกร การที่เธอเชื่อคำมั่นของโทมัสเพื่อรอจัดการกับมันด้วยตัวเองจะคุ้มค่าจริงหรือ กว่าจะถึงวันนั้นจะต้องมีใครเดือดร้อนอีกไหม?

        "นายโอเคหรือเปล่า?" เธอถาม ดึงเขากลับมายังปัจจุบันพร้อมเบิกตาโพลงตกใจ เขาสะดุ้ง เหวี่ยงแขนและชี้บางอย่างจ่อคอเธอ "นี่ฉันเอง"

        "เวรเอ๊ย" มาร์คัสพึมพำ รีบเก็บมีดซุกใต้ผ้าห่ม พลางส่ายศีรษะแล้วเอามือขึ้นมาปิดหน้า กุมขมับ "ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเธอ"

        "ขอโทษที ฉันแค่นอนไม่หลับน่ะ และก็หิวเป็นบ้า" เธอกึ่งจะขำ แต่ไม่คิดว่าเวลานี้จะเหมาะสม เขาก้มมองเค้กโรลวานิลาชิ้นสุดท้ายในมือ และยื่นให้ "เอ่อ...ขอบคุณ" เธอรับไว้และกินทันที

        "หิวตอนดึกเหมือนกันเหรอ?" เขาถาม เหลือบมอง

        "ฮือ" เธอครางขณะกำลังเคี้ยวเต็มปาก แล้วพยายามกลืนทุกสิ่งลงไป ซึ่งเนื้อเค้กค่อนข้างฝืดคอ "ไม่บ่อย แต่ฉันหิวทุกครั้งที่นอนไม่หลับ" เขายื่นกล่องนมจืดให้อีก "ขอบใจ" ก่อนดื่มเอาอากาศและพบว่ามันหมดเกลี้ยง เขาอมยิ้ม เธอปากล่องนมเปล่าใส่ "ไอ้มาร์คัส"


        "อยากให้อยู่เป็นเพื่อนไหม?" เขาถาม เลิกคิ้วย่นข้างหนึ่ง "เผื่อเธอกลัวว่าฆาตกรจะกลับมา แบบว่า...หย่อนตัวลงจากหลังคา ปีนเข้าทางหน้าต่าง เพื่อฆ่าเธอเป็นรายถัดไป"

        "ฉันอยู่คนเดียวได้" แม้ว่าคำพูดเขาจะทำให้เธอคิดตามและเริ่มประสาทกิน แต่การอนุญาตให้เขาอยู่ร่วมห้องเดียวกันไม่ใช่ความคิดที่ดี

        "แล้วนายกลัวหรือเปล่า? ฆาตกรน่ะ" เธอนึกขึ้นได้ว่าบางทีที่เขาถามอาจเพราะเขาเองต่างหากที่กลัว แต่มาร์คัสพ่นหัวเราะ ทำโอลิเวียประหลาดใจ

        "กลัวเหรอ?" เขาทำหน้านิ่ง ยักคิ้วสองข้างแล้วชูมีดอีก "ฉันกลัวมันทำร้ายคนของฉันต่างหาก"

        คำว่า 'คนของฉัน' ดูจะดังกว่าปกติในความคิดของเขา จึงแก้ไขให้ถูกต้อง "หมายถึงนาโอมิน่ะ" เธอมองนิ่ง "ล้อเล่นน่า นาโอมิแล้วก็เธอด้วย"

        "มันไม่ทำร้ายฉันหรอก ฆาตกรในชุดตัวตลกน่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม..."

        "ไม่ทำร้ายเธอแต่ฆ่าแม่เธอ" เขาย้อนถาม "เธอมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะไม่ทำร้ายเธอฮะ? แม่คนเก่ง" มาร์คัสขยับตัวเข้ามา "ถ้ามันเปลี่ยนใจล่ะ ถ้ามันไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่อีกแล้ว…" เธอผละถอย "ถ้ามันเมตตาเธอ มันคงไม่ทำร้ายคนในครอบครัวเธอหรอกจริงไหม?"

        "ฉ-ฉันแค่รู้ว่ามันไม่ทำร้ายฉัน" เธอเริ่มพูดติดๆขัดๆ สูญเสียความมั่นใจ แต่ยืนยันคำเดิมและสู้ตาแข็ง เหลือบมองมีดในมือมาร์คัส "ถ้ามีอาวุธติดตัว ฉันอาจปกป้องตัวเองได้บ้าง"


        "แต่ถ้าไม่มีล่ะ?" มาร์คัสพูดจบก็จ้วงมือเข้ามา รู้สึกถึงแรงกระทุ้งที่ท้อง แต่เขาหักปลายมีดหลบในวินาทีสุดท้าย สิ่งที่กระแทกเธอเป็นเพียงข้อมือของเขา โอลิเวียแข็งทื่อ หน้าซีดด้วยความตกใจ "เธอตาย"

        มาร์คัสถอนมือกลับไป แล้วทำแบบเดิมอีกครั้งโดยคว้าข้อมือซ้ายเธอมาจับแขนข้างที่ถือมีด "ดันแขนฉัน กระแทกแล้วจับ" เขาบีบมือเธอให้กำแขน แล้วรูดลงมาที่ข้อมือ "เธอต้องเป็นฝ่ายยึดอำนาจ" จับข้อมือพลิกหงายและมีดก็ร่วงลงไป

        "ส่วนมือขวาเธอจัดการที่ใบหน้า คาง อะไรก็ได้ให้มันเจ็บ" เธอลังเลก่อนยกมือขวาขึ้น ทำท่าเอากำปั้นเตรียมกระแทกหน้า "หรือใช้เข่า กระทุ้งกล่องดวงใจ"

        มาร์คัสเม้มปาก ราวกับไม่อยากบอกวิธีนี้ เธอทำท่าจะยกเข่าขึ้นมาถอง "โว้วๆ! ใจเย็น นี่เพื่อนเอง ใจเย็น"

        "โอ้ โทษที"

        "ไม่เป็นไร" เขายิ้มแห้ง และเริ่มอธิบายต่อ "เมื่อไหร่ที่มันเกิดขึ้นจริงๆ มันเกิดขึ้นเร็ว ไม่ใช่เป็นขั้นตอนแบบนี้ เอาใหม่..." เขาฝึกซ้อมให้เธออยู่หลายรอบ จนเธอต้องหาจังหวะพักและชวนคุย

        "มาร์คัส นายเล่าเรื่องของนายกับนาโอมิให้ฟังได้ไหม? ก่อนที่จะเจอกัน ชีวิตวัยเด็กอะไรทำนองนั้น จะได้หรือเปล่า?"


        "มันเป็นความลับน่ะ" เขายิ้มแล้วพูดต่อ "มันไม่ได้สวยงามนักหรอก เธอยังอยากฟังอยู่ไหมล่ะ?"

        "นายอึดอัดหรือเปล่า" เขาส่ายหน้า เบ้ปาก และวางมีดลงบนพื้น ซึ่งตู้เย็นยังถูกเปิดทิ้งไว้ เป็นแสงสว่างเดียวที่ทำให้มองเห็นหน้าเขา

        "ฉันกำพร้าตั้งแต่จำความได้ ถูกอุปการะสองครั้ง เข้าโรงพยาบาลบำบัดจิตหนึ่งครั้ง"

        "โรงพยาบาลบำบัดจิต?" เขายิ้มเห็นฟัน แต่เธอไม่ และมาร์คัสไม่ชอบที่เธอเกือบจะเห็นทุกมุมในชีวิตบัดซบของเขานัก "นายไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน"

        "ก็เธอไม่เคยถามนี่" เขาพูด "มันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเท่าไหร่ ว่าไหม? การถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ถูกรังเกียจจากสังคมทั้งที่บริสุทธิ์" เธอรอให้เขาเล่าต่อ "ครอบครัวแรกที่อุปการะฉัน..." มาร์คัสกลืนน้ำลาย มองข้ามไหล่เธอไป ความเคียดแค้นยังคงฝังอยู่ภายในแววตาแข็งกร้าวสีดำคู่นั้น "พวกมันต่างหากที่ทำ บังคับให้ฉันทำบางอย่างโสมม ถ้าฉันไม่ยอมมันจะทำโทษเด็กคนอื่น ใช่ มีเด็กคนอื่นๆที่เป็นแบบฉันอีก เราตกเป็นทาสเซ็กส์ แต่ละคนอายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ"


        "ต้องมีคนจัดการกับพวกมัน มีคนบอกตำรวจหรือยัง แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น...แล้วเด็กๆ?" เธอละล่ำละลักราวกับเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ก่อนกระพริบตาถี่ นึกได้ว่าตัวเองต้องหายใจ "มันจบหรือยัง?"

        "นาโอมิช่วยฉันจบเรื่องนี้ ใช่ จบสนิทเลยล่ะ เธอจัดการส่งพวกชั่วเข้าคุก และช่วยเด็กๆพวกนั้นจากขุมนรก แต่แย่หน่อยที่พวกเขาไม่สามารถมีชีวิตปกติได้หลังจากทนเรื่องทารุณบัดซบเทือกนั้นมานานหลายปี" มือมาคัสกำเข่าผ่านผ้าห่มแทบจิกลงเนื้อตัวเอง "เด็กๆมีอาการป่วยทางจิต"

        "หมายความว่า พวกเขาสภาพจิตไม่ปกติทุกคนเลยหรือ? แล้วไม่มีทางรักษาหายหรือยังไง?" โอลิเวียข้องใจ แต่หลงลืมว่าหนึ่งในเด็กโชคร้ายนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ

        "พวกเขาไม่มีวันลืม เชื่อฉันเถอะ ความฝันคอยตอกย้ำเราทุกคืน ต่อให้หายดีก็ไม่มีใครอยากเอาไปเลี้ยงต่อ พวกเขาส่วนใหญ่เลยติดอยู่ในศูนย์บำบัดจิตไม่ก็บ้านอุปถัมภ์ ไม่มีใครชอบเด็กมีตำหนิ ส่วนคนอย่างนาโอมิก็ใช่ว่าจะมีมาบ่อยๆ"

        "แล้วนายฝันร้ายหรือเปล่า?" ในที่สุดเธอก็ถามจนได้ "นายก็เคยเป็นเด็กพวกนั้น แต่นายดู…"

        "ร่าเริง" เขาต่อประโยค "ดูปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไปใช่ไหม?" เธอพยักหน้าเล็กน้อย เขาอยากบอกความจริงว่ากว่าจะผ่านเรื่องโหดร้ายมาได้มันไม่ง่ายเลย และสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ผ่านไปเฉยๆ แต่ทิ้งความเสียหาย ขโมยความไร้เดียงสาวัยเด็ก ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างถาวรอย่างไม่มีวันหวนคืน แต่มาร์คัสไม่ยอมพูดถึงห้วงอารมณ์ที่แท้จริงข้อนั้น

        "ฉันเคยฝันร้าย แต่เพราะนาโอมิทำให้ฉันหายขาด อย่างที่เธอเห็น หายดีจนเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เอ่อ...ตอนแรกฉันกับเธอก็เข้ากันไม่ได้นักหรอก" มาร์คัสหัวเราะเครียดๆ "ฉันไม่ไว้ใจผู้ใหญ่สักคน รู้ตัวด้วยว่าเป็นลูกที่ดีให้ใครไม่ได้ แถมก่อเรื่องสารพัด จนกระทั่งเธอพิสูจน์ตัวเองด้วยการจับคนวิปริตเข้าคุกนั่นแหละ"

        ความจริงมีอะไรมากกว่าแค่จับคนเข้าคุก มาร์คัสเพียงแค่ต้องเก็บความลับระหว่างนาโอมิกับเขาเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จะบอกว่าไม่ไว้ใจโอลิเวียก็ว่าได้ เพราะมันยังไม่ถึงเวลา เขามองเธอถอนใจอย่างโล่งอก และเผยยิ้มในตอนจบของบทสนทนายามดึก รางวัลของการเสียสละขนมปังโรลวานิลาชิ้นสุดท้ายและนมกล่องที่หมดแล้ว


        เรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นในเช้าวันแรกที่เธอต้องไปโรงเรียน รถสีแดงจอดหน้าบ้านคุณนาโอมิ โทมัสขับรถมารับเธอและมาร์คัสแต่เช้า เขาและเธอไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจ มาร์คัสเดินตรงเข้าทักทายอย่างเป็นมิตร

        "เกิดบ้าอะไรขึ้น?" โทมัสเกี่ยวขาแว่นกันแดดลงเพื่อมองทั้งสองชัดๆ

        "ปกป้องโอลิเวียจากฆาตกรไง" พูดแล้วดันแว่นกลับ "ขึ้นรถสิพวก" เธอเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ มาร์คัสรีบยื้อแย่งประตู แล้วแทรกตัวเข้าไปนั่ง ก่อนยิ้มแฉ่งและแก้ตัว

        "วันนี้ฉันเมารถน่ะ" เขาว่า เธอกระตุกยิ้มแล้วเปิดประตูหลัง เข้าไปนั่งเงียบๆ "ขอบใจโทมัสที่เป็นห่วงเรา"

        รถขับเคลื่อนออกไป ขณะที่ภาพภายนอกเลื่อนเปลี่ยนผ่านกรอบหน้าต่างรถ จากสวนสาธารณะ เป็นบ้านผู้คน ห้องสมุดชุมชน ห้างสรรพสินค้า "เหลือเชื่อที่เราโดนไอ้บ้าโรคจิตเล่นงานขนาดนี้แต่ตำรวจยังจับไม่ได้ เธอคิดว่าไง ถ้าฉันเจอตัวมันก่อนตำรวจเธออยากทำอะไรกับมัน?"

        เธอมองตาโทมัสผ่านกระจกมองหลังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า "ฉันแค่อยากรู้เหตุผล ว่าทำไมต้องแม่ฉัน"

        "แค่นั้นน่ะเหรอ? ถ้าเหตุผลคือแม่เธอร่านเหมือนเหยื่อผู้หญิงคนอื่นๆของเขาล่ะ..."

        "ขืนนายพูดแบบนั้นอีกทีล่ะก็…" เธอกัดฟันพูดแล้วทิ้งประโยคเงียบ มาร์คัสชำเลืองโทมัส แต่หมอนั่นยังไม่หยุด

        "ถ้าฉันพูดเธอจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ?" โทมัสพูด "ฉันแค่พูดเรื่อยเปื่อยตามที่ได้ยินมาก็เท่านั้น"

        "หุบปากแล้วขับรถ ก่อนที่เราจะโดดลง" มาร์คัสเตือน คิดไว้อยู่แล้วว่าโทมัสต้องมีอะไร คำตอบคือปั่นหัวคนเล่นนี่เอง แต่สุดท้ายเขาก็พาทั้งสองถึงโรงเรียนโดยไม่มีใครปากแตกหรือโดดลงจากรถขาแข้งหัก


        ตั้งแต่เดินเข้าอาคารเรียน เสียงอื้ออึงจากการคุยแซดซาลง ผู้คนต่างหยุดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ชั่วขณะ สายตาผู้คนหันมาจับจ้องคนทั้งสาม โทมัส มาร์คัส และเธอ ซึ่งไม่ใช่สงสาร รังเกียจ หรือหวาดกลัวอย่างที่ควรเป็น แต่มันคือไฟสปอร์ตไลท์ที่สาดส่อง แววตาพวกนั้นเปี่ยมปรารถนา ตกภวังค์ กรุ่นไอเสน่หาอะไรบางอย่างก่อนหันไปซุบซิบกัน มันไม่น่าเป็นแบบนั้น

        แต่เป็นเช่นนั้นตลอดทาง บางคนเดินเข้ามาตบไหล่เบาๆ กล่าวคำแสดงความเห็นอกเห็นใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักแม้แต่หน้าคร่าตาหรือชื่อเต็มของเธอด้วยซ้ำ เห็นทีว่าข่าวเรื่องแคล์ถูกฆาตกรรมจะแพร่ไปไวอย่างที่โทมัสพูด

        "รู้สึกเหมือนกันไหม?" มาร์คัสหันไปกระซิบข้างโอลิเวีย

        "เรากำลังเป็นจุดรวมสายตา"

        "เราดังแล้วต่างหาก" โทมัสเสนอหน้าตอบ "ไม่ชินล่ะสิ ฉันรู้อยู่แล้ว เก็บเกี่ยวจากมันก่อนผู้คนจะเลิกสนใจละกัน" โอลิเวียไม่ใส่ใจที่เขาพูดมากนัก เหลือบเห็นเอมิลี่หรืออดีตแฟนโทมัสในชุดเชียร์หลีดเดอร์กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋สีเขียวดำ หล่อนยืนหันเข้าหาแท่นไว้อาลัยเชอร์รีน โต๊ะข้างประตูห้องพักครูเก่าเต็มไปด้วยดอกไม้กระดาษโน้ตหลากสี ออริกามิรูปสัตว์ และการ์ดพร้อมภาพถ่ายแห่งความสุข เอมิลี่หันมามองเธอพอดี

        "ฉันว่าเราแยกกันเดินเถอะ" เธอรีบปลีกตัวออกจากแสงไฟ วิ่งขึ้นบันไดชั้นสอง ผ่านชั้นพักที่มีหน้าต่างบานใหญ่เห็นสนามกีฬาเขียวชะอุ่ม และเลี้ยวขวาหาตู้ล็อกเกอร์ตัวเอง


        ใครบางคนเข้ามาจับไหล่ขณะเก็บของในตู้ เธอเกือบใช้ท่าหักแขนป้องกันตัวที่มาร์คัสสอนเสียแล้ว แต่ปรากฏว่าเป็นเพื่อนๆเธอเอง ซูซานกับมาร์ติน ซูซานอยู่ในชุดเชียร์หลีดเดอร์แบบเดียวกับที่เห็นเอมิลี่ใส่ ไม่ยักรู้ว่าเด็กหัวกะทิอย่างซูซานจะเป็นเชียร์หลีดเดอร์กับเขาด้วย เธอหลงคิดว่าเชียร์หลีดเดอร์พวกนั้นมีแต่พวกผู้หญิงแก่แดดอย่างเอมิลี่เสียอีก

        "ชุดล่อตาเสือ ฉันชินกับมันแล้วล่ะ เธอคงเบื่อเต็มทีที่มีคนมาแสดงความเสียใจตลอดทั้งเช้า" ซูซานยื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อนพร้อมแนบกระดาษสีขาวพับเป็นสี่เหลี่ยมให้ เขียนด้วยปากกาสีดำว่า ฝากส่งให้ โอลิเวีย วอลเตอร์สตัน

        "อะไรน่ะ?"

        "ไม่รู้สิ ใครบางคนเอามาใส่ในล็อกเกอร์ห้องเปลี่ยนเสื้อของฉันน่ะ คงจะตั้งใจให้เธอแต่ส่งผิด แต่ก็แปลกนะ เธอไม่ได้เป็นนักกีฬาสักหน่อย คนส่งไม่ดูตาม้าตาเรือสุดๆเลยว่าไหม"

        "รู้ไหมว่าใคร?" เธอถาม ซูซานยักไหล่ไม่รู้เหมือนกัน

        "ตอนนั้นฉันไม่เห็นใคร ว่าแต่ในนั้นมีอะไร? ของจากพวกโรคจิตหรือเปล่า"

        โอลิเวียคิดจะเปิดกล่องตรงนั้น แต่ฉุกนึกขึ้นได้ว่ามันอาจเป็นการกลั่นแกล้ง อาจเป็นอะไรที่ทำให้ขายหน้า ขณะเดียวกันมาร์ตินชี้จุดหนึ่งให้ซูซานดู แบรนดอนยืนพิงผนังอยู่ห่างๆ ซึ่งกำลังจ้องมองมาทางนี้ เธอคิดว่าเวลานี้คงไม่เหมาะ จึงเก็บใส่ตู้ล็อกเกอร์ไว้ก่อน

        "ขอบคุณ เดี๋ยวฉันค่อยเปิดดูทีหลัง" เธอบอกซูซาน หล่อนยิ้ม แล้วฝาแฝดชายหญิงก็ควงกันเดินลงบันได สองคนนี้มักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่บางทีก็เข้าขากันดีซะอย่างนั้น


        โอลิเวียรอจนถึงช่วงพักกลางวัน เลี่ยงการเปิดกล่องลึกลับนี่ในที่สาธารณะและเข้าห้องน้ำเพื่อดูเพียงลำพัง เธอคลี่แผ่นพับออกอันดับแรก ในนั้นมีข้อความสั้นๆ สำหรับคนอื่นมันอาจหมายถึงอะไรก็ได้ แต่เธอรู้ว่ามันเจาะจงอยู่เรื่องหนึ่ง


    'ผลงานชิ้นสุดท้าย : ฝีมือโทมัส มอร์ริสัน ไม่ใช่ฉัน'


        ตามด้วยวาดรูปยิ้มกว้าง แต้มจมูกกลมสีแดง และมีหมวกทรงสูงสีน้ำเงินตัดแดง เขียนข้อความเล็กๆในกล่องข้อความ 'เก็บเป็นความลับระหว่างเรา'


        ทันทีที่อ่านจบโอลิเวียก็ตระหนักว่าข้อความนี้มาจากใคร...ฆาตกรตัวตลก เธอกวาดตา หันขวับมองรอบห้องน้ำ จนมั่นใจว่ามันว่างเปล่า ก่อนแกะกล่องสีน้ำตาลลึกลับเปิดดู

        กระป๋องสเปรย์หุ้มด้วยห่อพลาสติกกันกระแทก แบบที่ใครเห็นก็อดใจบีบเม็ดตะปุ่มตะป่ำพวกนั้นเล่นไม่ได้

        "สเปรย์พริกไทย?" เธอพูดเบาๆ นึกถึงตัวตลกพิลึกคืนนั้น "เอาไว้ป้องกันตัวจากโทมัสงั้นเหรอ?"

        ก่อนจะทันรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนมุ่งตรงเข้ามาหาพร้อมเสียงแจ๊บๆ หล่อนฉวยแผ่นกระดาษจากมือ เอมิลี่สุดเริศเคี้ยวหมากฝรั่ง มือข้างหนึ่งถือแผ่นข้อความลับและกวาดตาอ่านอย่างเร็ว หรี่ตาสงสัยพร้อมหล่อนมองอย่างโมโหที่ไม่สามารถเข้าใจข้อความอันเรียบง่ายนี้

        "มันหมายถึงอะไร? ไอ้จดหมายรักเด็กเล่นนี่น่ะ"

        "หมายความอย่างที่เห็นนั่นแหละ" โอลิเวียตอบ เอื้อมดึงกลับแต่หล่อนชักมือหนี หล่อนแยกยิ้มเห็นฟัน เห็นหมากฝรั่งสีชมพูที่เคี้ยวในปาก สาแก่ใจที่ได้กุมอำนาจเหนือกว่า

        "เดี๋ยวนี้ปากเก่งนี่" พ่นลมทางจมูกแรง "จะบอกฉันดีๆ ว่าทำไมมีชื่อโทมัสอยู่ในนี้ หรือให้ฉันเอาไปถามเขาเองดีล่ะ ยัยเพี้ยน?"

        "มันไม่ได้มีความหมายอะไร อยากทำอะไรกับมันก็เชิญ"

        "ก็ได้ ดูไม่เห็นสำคัญอะไร ก็แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง เหมือนกับเธอ ไม่สำคัญแต่สำคัญตัวเองผิด ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่ฉายแววอะไรสักอย่าง ปล่อยให้ตัวเองถูกกดหัวได้ทุกวัน ขี้แพ้อยู่วันยังค่ำ เกิดมาไม่เคยเจอใครน่าสมเพชเท่านี้มาก่อน" หล่อนไม่ละสายตาจากเธอ อีกมือยัดแผ่นกระดาษใส่หน้าอกตูมๆของตัวเอง แล้วหยิบหมากฝรั่งคายจากปาก ใช้นิ้วโป้งขยี้หมากฝรั่งติดโคนผมบนหน้าผากเธอ ก่อนเน้นคำสุดท้ายเต็มไปด้วยอารมณ์ "อ่อนแอ"


        โอลิเวียคว้ากระป๋องสเปรย์พริกไทยอะลูมิเนียมบัดซบขึ้นมาหวังฉีดใส่หน้าหล่อน ประเดิมเป็นรายแรก แต่ใครบางคนเข้ามาผลักเอมิลี่หลบ จับข้อมือเธอที่กำลังฉีดสเปรย์บิดข้อมือพลิก ทำให้ต้องปล่อยโดยอัตโนมัติ

        "ไปสิ!" มาร์คัสไล่นังบ้านั่น และหันมามองเขม่น "ทำอะไรของเธอ"

        "นายช่วยหล่อนทำไม" สายตาเป็นประกายลุกโชน "ฉันแค่จะทำให้มันรู้ซะบ้าง ว่าความรู้สึกเจ็บแสบมันเป็นยังไง!"

        "ด้วยวิธีนี้น่ะเหรอ? หาวิธีที่ฉลาดกว่านี้หน่อยสิ"

        "ว่าไงนะ?" เขาไม่มั่นใจว่าเธอกำลังตกตะลึงรอเฉลยวิธีฉลาดๆ หรือกำลังโกรธกันแน่ แต่สายตาเย็นเยือกและแข็งกร้าวอาจพอเป็นคำตอบ

        "แค่จะบอกว่า อย่าให้ใครจับมือเธอดมได้"

        พูดจบเขาก็ผลักประตูออกจากห้องน้ำหญิง เธอก้มเก็บกระป๋องสเปรย์ ยืนคิดทบทวนสิ่งที่มาร์คัสพูด

        ทว่านึกได้ว่าเอมิลี่กำลังคาบข้อความไปถามโทมัส ไม่ว่าในข้อความนั้นจะเป็นความจริงหรือโกหก เธอยังวางใจใครไม่ได้ และมันไม่ควรส่งถึงโทมัส

        

        ขณะเดียวกันมาร์คัสแจ้นตามเอมิลี่ไปก่อนหน้า หล่อนเดินเลียบหลังอาคารเรียน ซึ่งเป็นทางลัดไปจุดรวมตัวของแก๊งโทมัสหลังมื้อเที่ยง ใกล้กับโรงอาหาร ในที่สุดมาร์คัสก็ตามทัน

        "หยุดก่อน" เขาจับไหล่บอบบางของนังเชียร์หลีดเดอร์สุดแสบ หล่อนหยุดเดิน หันขวับปัดมือหลุด

        "อะไร ช่วยแค่นี้แล้วหวังจะได้รางวัลตอบแทนหรือไง?" เอมิลี่จอมหลงตัวเองพูด เขาแค่นหัวเราะให้กับความคิดอันน้อยนิดของหล่อน มองหัวจรดขาอ่อนขาวเนียน แล้วดึงสายตากลับมา

        "ให้ตายสิ ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะอยากกระโจนลงหลุมเธอหรอกนะ เพราะในนั้นคงอยู่กันอึดอัดน่าดู กี่คนล่ะนั่น"

        "ไปตายซะ" ชูนิ้วกลางและสะบัดกระโปรงหันตูดหนี

        "เฮ้! เดี๋ยวก่อน ฉันอยากได้กระดาษแผ่นนั้น" เอมิลี่หันกลับมา เดินมาใกล้ หยิบแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมออกมาจากหน้าอก ส่ายไปมาพอยั่วให้อยากแล้วยัดกลับลงไป

        "ฉันไม่ให้ ถ้าอยากได้ก็มาหยิบเองสิ โอ้...แต่นายไม่กล้า" มาร์คัสดึงแขนเธอ กระแทกร่างบางเข้ากับกำแพง ตั้งใจให้กลัวแต่หล่อนกลับแสยะยิ้ม "นั่นไง พวกปากแข็ง เผยธาตุแท้ออกมาเลยสิ"

        "สำคัญตัวเองเกินไปหรือเปล่า ฉันจะอ้วก ถ้าไม่เอาออกมาดีๆฉันจะล้วงเอง" เขาเหลือบมองร่องอกหล่อนแวบหนึ่ง

        "มันมีค่าอะไร ทำไมถึงอยากได้กระดาษแผ่นนี้กันนักหนา"


        "สาม…" เขาเริ่มนับถอยหลัง

        "พระเจ้า หรืออย่าบอกนะว่านายทำเพราะเอาใจยัยโอลิเวีย? นายชอบเธอจริงๆด้วย นี่เป็นจดหมายของนายด้วยหรือเปล่า?"

        "สอง!" มาร์คัสทุบกำปั้นกับกำแพง กัดฟันอย่างเหลืออด เธอไม่มีท่าทีหยิบมันออกมาเลยสักนิด ยิ้มยวนราวกับรอให้ทำด้วยซ้ำ

        "เอาเลยสิ" หล่อนท้า "ถึงนายได้มันไปฉันก็จะบอกโทมัสอยู่ดี" เธอพูด

        เขาดันแขนล็อกกระแทกหล่อนกับกำแพง โกรธจนแทบอยากตัดลิ้นนังบ้าตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เธอหวีดร้องเหมือนเสียงนกยามเช้าก่อนเงียบหายทันทีที่รู้ตัวว่าถูกมีดจ่อคอ ตาเบิกโพลง

        "นายมีมีดได้ยังไง? ทำไมถึงพกของแบบ-" เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบประกบปาก ใบมีดบางกดแนบแก้มหล่อน

        "ช-ชู่ววว ส่งมันมาแล้วหุบปากสำส่อนของแกให้สนิท ปริปากร้องแม้แต่แอ๊ะเดียวล่ะก็ บอกลาหน้าสวยๆกับชิวหาพาเพลินได้เลย" มาร์คัสแลบลิ้นแผลบๆ หล่อนควรจะหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ปรากฎว่านังนี่นิ่งเงียบไป ดวงตาสีฟ้าสบตา หัวเราะ


        "คิดไม่ถึงว่านายจะเถื่อนขนาดนี้ ให้ตายสิ ฉันชอบจัง แต่ในกรณีที่นายไม่รู้ ตรงนั้นมีกล้องอยู่นะ" หล่อนพูด เอียงศีรษะไปทางซ้าย เขาหันมองตาม หล่อนไม่ได้โกหก "และถ้าฉันแหกปากล่ะก็ นายซวยแน่ เพราะห้องข้างหลังเราคือห้องพักครูกีฬา รู้ใช่ไหมข้อหาพกอาวุธเข้ามาในโรงเรียนไม่ใช่เบาๆ..." เขากดมีดด้วยความโกรธแต่ยั้งมือไปด้วย กลัวไม่คุ้มเสีย

        "ปัดโธ่เว้ย!" เขาพ่น ถอนมีดเก็บใส่ปอกข้างเข็มขัด ผลักตัวเองออกจากหล่อน "ฉันให้เธอพูดเรื่องนี้ไม่ได้ ขอร้อง ช่วยเงียบปากสักเรื่องจะได้ไหม?" เธอเชิดหน้า เห็นปลายจมูกเล็กแหลม

        "ฉันจะบอก"

        "ให้ตายสิ" เขายีหัวตัวเองราวกับใกล้คลั่งเต็มที

        "ฉันจะบอกเรื่องกระดาษและกล้องวงจรปิด ถ้านายไม่บอกว่าข้อความหมายถึงอะไร"

        "ก็ได้! ยาเสพติด" หล่อนเลิกคิ้วโค้งทรงสเน่ห์ รอคำอธิบายเพิ่ม "ผลงานชิ้นสุดท้ายคือชื่อยาเสพติด และโทมัสเป็นคนขายไม่ใช่ฉัน ส่วนข้อความเล็กๆที่ว่าเก็บเป็นความลับระหว่างเรา คงไม่ต้องบอกนะว่าทำไม"

        "จริงเหรอ" เอมิลี่อึ้ง "โอลิเวียเสพยา? ไม่น่าเชื่อว่าสาวหลังเขาอย่างเธอจะเสพของพรรคนั้น?"

        "ขอกระดาษคืน เราหมดธุระกันแล้ว และฉันก็จะไม่ยุ่งกับเธออีกราวกับไม่เคยรู้จักกัน" หล่อนยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ ทำให้เขาอึดอัดใจอีกรอบ

        "ฉันอยากได้บ้าง ผลงานชิ้นสุดท้ายนั่น"


        อะไรทำให้แม่สาวใจร่านเกิดอยากเพิ่มประวัติขี้เมาให้ตัวเอง กลัวว่าชีวิตจะด่างพร้อยน้อยเกินไปงั้นหรือ? เขาส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่หวั่นไหวโดยไม่พูด

        "โอเค นายอยากได้กระดาษคืนใช่ไหม?" เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อหล่อนยกเรียวขาขึ้นมา สัมผัสตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมายันหว่างขาของเขาอย่างจงใจ กระโปรงสั้นกุดเลิกขึ้น "ทำให้ฉันสิ"

        "หยุดเดี๋ยวนี้" เขาหัวเราะแห้งๆ แต่เหงื่อซึมขมับ หล่อนไม่หยุดพันยุ่มย่าม ถ้ารู้ว่าเขาเป็นใครคงไม่กล้าทำเรื่องนี้แน่ "ไม่มีทางฉันไม่ทำกับเธอหรอกนังแพศยา"

        "นายไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต่อรองได้ อย่าลืมสิ" ชี้กล้องวงจรปิด ชี้ห้องด้านหลัง หยิบกระดาษจากร่องอกขึ้นมา ก่อนล้วงเข้าในกระโปรงเชียร์หลีดเดอร์ ราวกับมายากล กระดาษสี่เหลี่ยมหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ดูท่างานนี้จะไม่มีทางเลือกสำหรับเขาเท่าไหร่ "ใช้ปากหยิบออกมาสิ"

        "ไม่คิดว่ามากไปหน่อยเหรอ?" เอมิลี่ยักไหล่ สีหน้าไม่สำนึก ก่อนถอดแว่นเขาออกเหน็บเสื้อเชียร์หลีดเดอร์ตัวเอง และกดหัวเขาลงไป มาร์คัสจำยอมนั่งลงคุกเข่า ช้อนตามองนังบ้าขณะที่หล่อนใช้เล็บยาวเกาหัวเขาเบาๆเหมือนลูกหมาที่เลี้ยงไว้จนเชื่อง ก่อนบังคับให้เขาทำ ปากมาร์คัสเกือบติดกางเกงในของหล่อน แต่ถูกดึงผมรั้งไว้อย่างแรงเพราะอะไรบางอย่าง

        "เดี๋ยวก่อน....บอกฉัน ว่านายเกลียดฉันแค่ไหน" เขามองตาขวาง

        "ฉันเกลียดเธอ" แต่เอมิลี่ดูพึงพอใจกับมัน แทบเคลิ้มที่ได้ยิน และปลาบปลื้มที่เห็นมาร์คัสกัดฟัน ทรมาณ ต้อยต่ำ เขาพูดเน้นอีกครั้ง น้ำเสียงเค้นอย่างเกลียดชัง "ฉันโคตรเกลียดเธอนังแพศยา"

        เธอแฉะเพราะสิ่งนี้ ชัยชนะ หล่อนกดหัวอีก แต่เขาฝืนเกร็งคอแข็งต่อต้าน ไม่ยอมเล่นตามเกม

        "อย่าเสียเวลาเปล่า" มาร์คัสถอนหายใจฟืดฟาด ก่อนตัดสินใจทำเต็มที เล่นให้เสียวที่สุด ใส่ทุกเม็ดที่มี ให้เธอครวญครางอย่างถวิลหาจนแทบร้องขอให้เสร็จ แต่เขาไม่ทำให้ถึงจุดสุดยอด เขาหยุดเมื่อรู้สึกว่าเธอใกล้จะถึง และถอนตัว โผล่หัวออกจากใต้กระโปรงพร้อมคาบกระดาษอยู่ในปาก


        เสียงฟู่ดัง ควันผงสีขาวเย็นจับใบหน้าและลำตัวพร้อมลมพ่นแบบไม่บันยะบันยัง ทั้งสองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนมันจะหยุด แล้วพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ไม่ไกล มือหนึ่งถือถังดับเพลิงสีแดง อีกข้างยังอยู่ในท่าพร้องลงมือดับเพลิงอีกระลอก

        โอลิเวียโยนถังทิ้งลงพื้น เสียงโลหะกลวงกระแทกดังแกร๊งหนักๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ มาร์คัสอยู่ในท่าคุกเข่า ยังไม่ทันได้ยืนขึ้นอธิบาย

        "หวังว่าไฟร่านจะเย็นลงบ้างนะ ยัยปุยหิมะ" เธอว่าเอมิลี่ที่ตัวขาววอกเหมือนลิงตกกระป๋องแป้ง

        "ไม่ อย่าถ่ายนะ!"

        "ฉันส่งไปทั่วโรงเรียนแล้ว เสียใจด้วย" เธอตวัดสายตาลงมองมาร์คัส วินาทีนั้นเขารู้ว่าบางอย่างถูกตัดขาดไปแล้ว ความเฉยชาในแววตาคู่นั้นได้บอกว่าบางสิ่งที่มีต่อเขาถูกทำลาย ราวกับนั่นไม่ใช่เธออีกแล้ว อาจกำลังคิดว่าเขาทรยศ แต่มันไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย

        มาร์คัสคลานตะกุยตะกายขึ้นจากพื้น จะคว้าตัวเธอ แต่โอลิเวียยกมือสองข้างขึ้นพร้อมถอยหนี ไม่ให้โดนตัว

        "อย่าแตะตัวฉัน" เธอถอยหลัง สายตาไร้ความรู้สึกจดจ้องอย่างมั่นคง สะกดกลั้นความเจ็บปวดภายใต้ท่าทีเย็นชา กลบเกลื่อนผ่านคำพูดใจร้าย "ตัวนายสกปรก ฉันไม่อยากเปื้อนน่ะ"

        เขาไม่ได้ตามโอลิเวีย ยืนทื่อหมดเรี่ยวแรง แต่แล้วหันกลับมาส่งสายตาขู่ฟ่อ ตะคอกใส่นังบ้านั่น พร้อมหยิบแว่นที่เสียบร่องอกเอมิลี่คืน "สมใจเธอแล้วสิ! เวรเอ๊ย!"


    ………………………….



        นอกจากโดนสายตามรณะของโอลิเวียแผดเผาจนร้อนใจอยู่ตลอดเวลาแล้ว ผมยังโดนคริสตน่ากับพรรคพวกด่ายับอีกด้วย กลายเป็นคนใจง่ายเสียเอง วันนี้ผมรีบมายืนดักรอหน้าประตูห้องเรียนทันทีที่กริ่งเลิกเรียนดัง

        ผมรู้จักโอลิเวียดี รู้ว่าเธอจะต้องหาทางหลบหน้า ทำเมิน หรือใดๆก็ตามเพื่อไม่ต้องสู้หน้าผม ทำให้ผมรู้สึกไร้ค่า เหมือนไม่ได้มีความสำคัญต่อเธอ แต่มันก็แค่ขั้นตอนทำโทษของเธอ โอลิเวียอาจหวังให้ผมสำนึกว่าการไม่มีเธออยู่นั้นเป็นยังไง ไม่ต้องพูดออกมาผมก็รู้ว่าเธอคิด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรางอแงบ้าบอกันสักหน่อย และบางครั้งผมก็เอาคืนเธอเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็ใจอ่อน มันเป็นแบบนี้เสมอ

        โอลิเวียรีบออกมาเป็นคนแรกๆอย่างที่คิดเอาไว้ เราสบตาแวบหนึ่ง แต่แล้วเธอก็ทำเหมือนผมเป็นคนอื่น เหมือนไม่รู้จักผม เธอเดินผ่านออกไป

        "โอลิฟ ถ้าฉันไม่ทำ นังนั่นจะปริปากเรื่องกระดาษ"

        "ขอบคุณ ไม่มีนายฉันคงแย่" เธอพูดแล้วเดินต่อ ใครบางคนฉุดแขนผมไม่ให้ตาม ปรากฏเป็นคริสตี้และกลุ่มเพื่อนอีกสองสามคน เกลียดกันถึงขนาดไม่ยอมให้ผมตามคืนดีเลยหรือ?

        "อย่ากวนใจเธอตอนนี้ มันไม่ช่วยอะไรหรอก" คริสติน่าพูด เฮนรี่กับมาร์ตินก็พยักหน้าเห็นด้วย

        "ฉันต้องกลับกับเธอ เราอยู่บ้านเดียวกัน" คริสตี้เหลือบมองในห้องเรียน ตอนที่ไอ้ขี้เก็กเดินออกมาตบบ่าผม

        "เดี๋ยวฉันไปส่งมาร์คัสกับโอลิเวียเอง" แต่ผมเห็นสายตาแบรนดอนที่มองมาจากโต๊ะหลังห้อง พร้อมกับคริสติน่าเดินออกจากวง มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ เธอจับแผลถลอกบนหน้าผาก ผมหวังว่าความบาดหมางจะจบลงแค่วันนั้น

        "ฉันกลับล่ะ ขอให้โชคเข้าข้างนายมาร์คัส"

        "มาเถอะ" โทมัสว่าแล้วเดินนำไป ผ่านนักเรียนคนอื่นที่เดินคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้อย่างเมามัน


        ผมรู้ว่าถ้าผมได้พูดกับโอลิเวียอีกสักนิด เธอต้องใจอ่อน เถียงไม่ขึ้นและยอมรับสิ่งที่ผมทำ แต่คงไม่สำเร็จผ่านหูฟังสีขาวที่เธอใช้อุดหูอยู่ หลังมื้อเย็นหล่อนด็แจ้นหนีขึ้นห้องและเก็บตัวเงียบ แน่นอนว่าไม่ให้ผมเข้าไป ผมจึงได้แต่ป้วนเปี้ยนหน้าห้องอย่างไม่เป็นสุข เอาหูแนบประตูที่ล็อก เงี่ยหูฟัง และมันเงียบกริบ ไม่รู้ว่าผมคาดหวังจะได้ยินอะไร

        ก่อนที่ผมจะละความสนใจจากบานประตูเพราะเสียงเดินขึ้นบันได นาโอมิส่งยิ้มให้กำลังใจ ดูเหมือนเธอรู้ว่าผมกำลังเผชิญปัญหาของวัยรุ่น

        มีอยู่สองทาง ปล่อยให้โอลิเวียเข้าใจผิดๆ หรือพยายามเข้าไปในนั้น แงะหูฟังออกมา แล้วพูดกรอกหูให้เธอเปลี่ยนใจ ซึ่งแย่หน่อยที่การปล่อยไปไม่ใช่นิสัยผม

        การงัดห้องไม่ใช่เรื่องหินสำหรับผม เรียกว่างานถนัดมือเลยละ ผมควรรู้สึกผิดที่ละเมิดสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของเธอ...

        เสียงกริ๊ก ผมเปิดเข้ามา เห็นหล่อนหันขวับโดดลงจากเตียง ซุกกระป๋องสเปรย์พริกไทยไว้ใต้หมอนหนุน น่าดีใจที่หล่อนใช้เวลาว่างนึกถึงผมด้วย ผมลืมตัวยิ้มก่อนรีบตีหน้าเครียดและเดินเข้าไปหา หัวใจผมเหมือนถูกบีบเมื่อเธอถอยหนีตอนที่ผมเข้าใกล้ เธอรังเกียจผมเหรอ?

        "ฉันล็อกประตูแล้ว"

        "ฉันรู้ แต่เราต้องคุยกัน เธออยากให้เราเป็นแบบนี้ตลอดไปงั้นเหรอ?"

        "ฉันไม่มีอะไรจะคุย" ผมไม่ได้รอคำตอบ ตรงเข้าไปจับต้นแขน

        "แต่ฉันไม่อยาก ไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้" เธอใช้ท่าปัดแขนที่ผมสอนเพื่อสลัดผม ลูกศิษย์เรียนรู้ไวจริงๆ "โอลิเวีย"

        "อย่าจับฉัน" เธอหันเดินหนี คิดจะออกนอกห้อง ผมรีบตะปบคว้าข้อมือ แต่เธอใช้สิ่งที่ผมสอนสลัดหลุดอีก ก่อนที่เธอจะทันเปิดประตูออกไป ผมผลักประตูปิดและเธอซ้อนอยู่ข้างหน้าระหว่างแขนทั้งสองข้างของผม ท่านี้ผมยังไม่เคยสอน

        "เธอต้องใช้หัวโขก ย่อตัวลงและกระแทกคางจากด้านหลัง จากนั้นก้มลงฉุดขาให้เสียหลัก" เธอพลิกตัวหันกลับมา "แต่ถ้าหันหน้า ในกรณีที่มือเธอว่าง จุดอ่อนฉันคือ ดวงตา ลำคอ ลิ้นปี่ กล่องดวงใจ…"


        ผมร่วงลงพื้นพร้อมไอโขลก โคตรจุกคอราวกับมีขอนไม้ปลิวจากพายุกระแทกหลอดลม ไม่รู้อะไรทำให้เธอเกิดคลั่งขึ้นมา แต่โชคดีแค่ไหนที่เธอไม่เลือกข้อสุดท้าย

        "เข้าใจคำว่าสมมติไหม!?" เสียงผมแหบแห้งเหมือนพื้นลูกรัง ขณะที่กองกับพื้นผมดึงขา เหนี่ยวให้เธอล้มลงก่อนที่จะทันได้เปิดประตู ถ้านี่เป็นการแสดงเราทั้งคู่เล่นก็คงเล่นได้สมจริงสุดๆ

        เธอนอนคว่ำ ดิ้นเพื่อพยายามพลิกตัวกลับมา และโอลิเวียเริ่มด้นสด เธอเกือบถีบยอดหน้าผมถ้าผมหลบไม่ทัน "ปล่อยนะมาร์คัส!"

        ผมลากขาและคลานขึ้นคร่อมทับร่างเธอ โอลิเวียเงียบ สบตาผม และหัวใจผมเต้นแรงบัดซบ

        "พร้อมฟังดีๆหรือยัง" เธอเหมือนเด็กขี้แยไร้ทางสู้ กะพริบตาปริบๆ แต่ไม่ปริปากพูดอะไรต่อ "ข้อแรกฉันรู้ว่าเธอมีความลับบางอย่าง และฉันปกป้องมัน...ข้อสอง ฉันไม่เคยชอบนังเอมิลี่ ไม่เคยชายตามองหล่อนด้วยซ้ำ เธอน่าจะรู้ว่าทำไม"

        โอลิเวียสั่นหน้าไม่เชื่อไม่ฟัง เริ่มดิ้นอีกรอบ ผมกดเธอแน่น "รังเกียจอะไรนักหนา! เห็นฉันเป็นผู้ชายหน้ามืดหรือไง นี่เธอหึงใช่ไหม?" ผมหายใจแรง เลือดในตัวพุ่งพล่างน รู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่อยู่และตัวสั่น "เธอไม่อยากเห็นฉันอยู่กับผู้หญิงอื่น พลอดรักกับคนอื่น เพราะถ้าไม่ใช่ก็คงไม่มีอาการแบบนี้ ฉันรู้จักเธอนะโอลิเวีย"


        เธอร่ำๆจะร้องไห้ อาจเพราะไม่ชอบถูกคุกคาม อยู่ภายใต้พละกำลังและการควบคุมของผม แต่นั่นตรงกันข้ามกับที่ผมพบเธอในคืนฮัลโลวีน

        "พูดสิ บอกมาว่าเธอรู้สึกอะไร ตอนที่เธอเห็นฉันอยู่กับนังนั่น ตอนที่ฉันทำแบบนั้น...มุดใต้กระโปรงเชียร์หลีดเดอร์สุดเซ็กซี่ แบบที่เธอไม่มีวันใส่แล้วฮ็อตเท่า ตอนที่ฉันกำลังส่งหล่อนขึ้นสวรรค์" โอลิเวียหลับตาปี๋ กัดฟันแน่นและส่งเสียงคำรามกระฟัดกระเฟียด ดันหัวโขกพื้น เธอคงทนฟังไม่ไหว "เธอรู้สึกอะไร"

        "ฉันเกลียด ฉันโคตรเกลียดนาย ตอนที่เห็นนายอยู่กับหล่อน… ทั้งที่รู้แต่นายก็ยังทำ นายรู้ว่าฉันเกลียดหล่อนแค่ไหน ต-แต่ทำไมถึงยังทำ! ฉันรู้สึกว่านายทรยศฉัน ไม่แคร์ฉัน นายยอมให้หล่อนชนะลับหลังฉัน ฉันรู้สึกเหมือนนายตั้งใจทำร้ายจิตใจฉัน"

        "ไม่ใช่หรอก นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกต่างหากโอลิเวีย" ผมกลั้นลมหายใจ ก่อนเค้นคำพูดจากความทรงจำต่อ "ตอนที่เธอเล่นจ้ำจี้กับแบรนดอนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันถูกทรยศ ถูกทิ้งเป็นไอ้โง่ขี้แพ้ ทั้งที่ฉันอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด ใช่ไหมโอลิเวีย แต่ทันทีที่เธอมาเคาะประตูขอคืนดี ฉันก็ทำเป็นลืม" ผมฝืนยิ้มอย่างเจ็บปวด "แต่ความรู้สึกพวกนี้มันเกิดขึ้นกับเธอไม่ได้ ถ้าเธอไม่ได้รักฉัน"

        เธอขมวดคิ้ว สายตากึ่งอ้อนวอนและสับสน "ถ้าไม่ได้รัก ทำไมไม่ปล่อยฉันไปละ"

        "ฉันก็รัก…"

        "รักแบบเพื่อน เธอจะบอกแบบนี้ใช่ไหม? ไม่จริง อย่าเอาคำสวยหรูมาพูดเลย เธอแค่รักฉัน แต่รักมันมากกว่า นี่แหละคือความจริง" ผมยึดข้อมือเธอกับพื้น ไม่ปล่อย ก้มลงจวนประทับริมฝีปากจูบ แต่ตัดสินใจเบี่ยงออกและแนบแก้มเข้ากับแก้มร้อนผ่าวของเธอ


        ผมเหมือนไอ้งั่งขี้ขลาดเพียงเพราะผมตั้งใจว่าจูบที่เกิดขึ้นจะต้องมาจากความรักที่เธอยินยอมและพร้อมมอบให้ผมเอง ผมอดใจ ดึงตัวขึ้นกลับมาเหยียดแขน ตรึงเธอกับพื้นเช่นเดิม "เธอต้องชันเข่า เอาเท้าออกมาวางนอกเท้าฉัน"

        ผมสอนต่อ แสร้งลืมเรื่องที่เกิดขึ้น โอลิเวียทำตามขั้นตอนทั้งที่ตัวยังสั่นเทา หายใจไม่ทั่วท้อง "สังเกตว่าฉันกดน้ำหนักจากไหล่ลงที่ข้อมือเธอ สิ่งที่เธอต้องทำคือทำให้ฉันปล่อย เธอต้องทำให้ฉันเสียศูนย์เพื่อปล่อยมือจากเธอ ยันพื้นไม่ให้ตัวเองหน้าขมำ แต่ตอนนี้แขนฉันเหยียดแขนเธอไปข้างหน้า โอกาสเสียศูนย์น้อยมาก ดังนั้น...ดันตัวขึ้นมา ทำให้แขนตั้งเก้าสิบองศา" เธอขยับตัวบนพื้นขึ้นมาเสมอกับผม ข้อศอกเธองอแล้ว ไม่ได้เหยียดตึงเหมือนก่อนหน้านี้ "ดันสะโพกขึ้น แต่เดี๋ยวก่อน-" เธอไม่ได้ฟังต่อ ดันสะโพกกระแทก ทำให้ผมปล่อยมือขณะที่ตัวเลื่อนไถลไปข้างหน้า ตัวท่อนล่างผมยังทับเธออยู่ ผมค้ำพื้นยกตัวขึ้น และคว้าสองมือที่พยายามดันอกผมอยู่

        "ทันทีที่ฉันปล่อย เธอต้องตะแคงหน้า เก็บมือลงข้างล่าง อย่าให้ฉันทำแบบนี้ได้" ผมทำท่าศอก และต่อยหน้า ก็แค่สมมติน่ะนะ "เพราะถ้าฉันล้มสิ่งที่เกิดขึ้นคือร่างหล่นทับหน้าเธอ ถ้าทับจมูกคงเจ็บน่าดู และสิ่งต่อมาคือ ฉันยันตัวจากพื้นและนึกได้ว่าเพิ่งปล่อยเธอ ฉันต้องทำให้เธออ่อนแรงหรือหมดทางสู้ ซึ่งเธอต้องไม่ให้มันเกิดขึ้น" ผมยึดข้อมือเธออีก "พอฉันปล่อย เธอตวัดแขนลงพร้อมตะแคงหน้า จากนั้นกอดเอวฉันแน่นๆ" พอผมพูดออกไปแล้วฟังเหมือนผมหลอกให้เธอกอดชอบกล ผมจึงแก้ต่าง "มันเป็นวิธีไม่ให้ฉันกลับมาตั้งหลักได้ โอเค ลองอีกครั้ง…"


        เธอทำตามและหยุดในท่ากอดผม รัดแน่นเหมือนลูกลิงน้อยในสารคดี "ไต่ขึ้นมาสูงๆ และใช้แขนซ้ายยกขึ้นเหนือแขนฉันและตวัดลง ให้ข้อศอกพับและเบี่ยงแขนหรือไหล่ขวาเธอดันให้ร่างพลิกหงาย แล้วหมอบต่ำเพื่อถอดตัวเองออก อย่าให้คว้าเธอพลิกกลับมาอยู่ข้างล่างได้อีกรอบ"

        เธอปรับตัวเก่งเหลือเชื่อ ไม่ใช่แค่เรื่องที่ผมสอน แต่การเสแสร้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม ลืมเรื่องเอมิลี่ ไม่พูดถึงมันอีกเลย อาจเพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่าเธอก็รู้สึกบางอย่างกับผม เพียงแต่มันไม่ควรเกิดขึ้นขณะที่คบหากับแบรนดอน และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกผิดจนไม่อยากพูดถึงมัน ผมหวังว่าผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ


        อีกไม่กี่วันจะถึงวันจัดพิธีศพแคล์ วอลเตอร์สตัน และเป็นวันที่พ่อแท้ๆของเธอเดินทางมาถึงซันเซต เขาเป็นผู้ปกครองคนเดียวที่เหลืออยู่ อาจมารับเธอไปดูแลที่อื่นหรืออาจอยู่ที่นี่จนกว่าจะสิ้นเทอม และจากนั้นก็ย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ นั่นคงเป็นฝันร้ายของโอลิเวีย

        แต่ตอนนี้เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกัน กระทั่งฝันร้ายเกิดขึ้นกับคริสติน่า มันเกิดขึ้นก่อนโอลิเวียเสียอีก เพราะจู่ๆเธอก็หายตัวไปหลังคืนปาร์ตี้วันเกิดสุดเหวี่ยงของโทมัส ตำรวจมาที่โรงเรียนเพื่อถามคำถามง่ายๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือผม แต่การอยู่ในห้องสองต่อสองกับหนุ่มเครื่องแบบที่มีกุญแจมือกับปืนเหน็บเอว มันก็ทำให้หัวใจผมเต้นตุ้มๆต่ำๆไม่เป็นจังหวะได้เหมือนกัน


        

    จบตอนที่ 14 : Naomi Noble



    //เดี๋ยวพรุ่งนี้ไรท์มาลงตอนที่ 15 พอดีว่าเขียนข้ามตอน เหอะๆ//อยู่ผจญภัยไปกับไรท์ ดูซิจะเขียนกี่ปีจบ555//


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×