คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทเริ่มต้นของเรื่องวุ่นๆ
ตอนที่ 1 : บทเริ่มต้นของเรื่องวุ่นๆ
ในช่วงพักเที่ยงแบบนี้นักเรียนส่วนใหญ่ของโรงเรียนเอกชนคามิมักจะมายืนพูดคุยหรือเล่นกันบริเวณระเบียงทางเดินอาคาร เช่นเดียวกับตึกสี่ที่ตั้งเยื้องไปทางด้านหลังมีนักเรียนหลายคนเล่นเอ็ดตะโรโวยวายและวิ่งพล่านกันให้ทั่ว ทำให้ ยามางุจิ ทานาดะ อาจารย์หนุ่มฝ่ายปกครองคนใหม่ซึ่งย้ายเข้ามาแทนคนเก่าที่ประสบอุบัติเหตุแล้วลาออกไปต้องเดินขึ้นบันไดมาเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย
“เงียบๆกันหน่อยได้มั้ย เสียงพวกเธอดังลงไปถึงห้องพักอาจารย์ชั้นล่างเลยนะ!”
ดวงตาหยีเล็กมองดูเหล่าลิงทโมนที่ยังไม่สะทกสะท้านอย่างหงุดหงิดใจ วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานเขาจึงถูก ยามาโมโตะ ทาเคชิ อาจารย์ฝ่ายปกครองคนเก่าสั่งให้มาดูแลตึกนี้โดยจะให้กำลังใจอยู่ห่างๆ =_=” ดังนั้นควรแสดงอำนาจตามหน้าที่อย่างเด็ดขาดเพื่อให้นักเรียนเกรงกลัวและให้ความเคารพ
ขณะนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งแต่งตัวผิดระเบียบ สวมใส่ต่างหูห่วงเล็กๆและสร้อยคอจึงปรี่เข้าไปจับข้อมือเอาไว้ทันที ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“นายน่ะ...แต่งตัวผิดระเบียบ ไปห้องปกครองกับฉันเดี๋ยวนี้เลย!”
ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีนิลคมเข้มตวัดหันไปมองผู้อาจเอื้อมคนใหม่ที่สะดุ้งเฮือกเล็กๆ ความวุ่นวายรอบตัวและเสียงดังเอ็ดตะโรเมื่อสักครู่หายไปทันที นักเรียนทุกคนหยุดนิ่งราวกับรูปปั้นมองดูอาจารย์ฝ่ายปกครองคนใหม่กำลังยืนประจันหน้าหาเรื่องกับบุคคลน่ากลัวที่สุดในโรงเรียน หรือ...อาจที่สุดในโตเกียวหรือประเทศก็เป็นได้
“มะ...ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?”
ไม่รู้ทำไมในตอนนี้อาจารย์ทานาดะรู้สึกว่าเขาอาจทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไปทั้งที่มันเป็นเรื่องถูกต้อง ยิ่งดวงตาคู่งามแต่แฝงไปด้วยความลึกลับนั้นจ้องมองกลับมาเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น
“อาจารย์ทานาดะ!” อาจารย์ทาเคชิรีบวิ่งเข้ามาหาเพื่อนร่วมงานคนใหม่แล้วคว้าตัวออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
“โอ้ย...ทำอะไรของคุณน่ะอาจารย์ทาเคชิ”
“ผมลืมบอกไปว่าคนที่จะยุ่งไม่ได้เพียงคนเดียวในโรงเรียน คือ เท็นโนะ ริวยะ นักเรียนที่คุณกำลังจัดการเมื่อสักครู่”
“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ล่ะครับ ในเมื่อเขาเป็นนักเรียนในตึกที่ผมต้องรับผิดชอบ” อาจารย์ทานาดะถามกลับไปอย่างไม่พอใจสักเท่าไร
“ไม่ใช่ยุ่งไม่ได้...แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นเหมือนอาจารย์ฝ่ายปกครองคนเก่าที่ทำให้คุณต้องเข้ามารับหน้าที่แทนน่ะ” อาจารย์ทาเคชิเอ่ยบอกอาจารย์ใหม่ไฟแรงที่ค่อยๆกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นพร้อมกับดับไฟในตัวจนมอดไปด้วย... =_=”
“เป็นยังไงบ้างเท็นโนะ?”
“เท็นโนะนายจะจัดการไอ้หน้าใหม่นั่นเลยมั้ย?” เสียงลูกสมุนหลายคนปรี่เข้ามาถามไถ่เขาที่กำลังปัดร่องรอยการจับตรงแขนเสื้อแล้วเชิ่ดหน้าเหยียดยิ้มนิดๆที่มุมปาก
“ยังหรอก...ฉันสงสารผ.อ.ที่ต้องวิ่งวนหาอาจารย์คนใหม่มาแทนที่!”
ใช่แล้ว...เขาเป็นคนจัดการอาจารย์ฝ่ายปกครองคนเก่าด้วยมือของตัวเอง เพราะไอ้หมอนั่นบังอาจมาย่างกรายในสถานที่ส่วนตัวหรือที่คนอื่นๆรู้จักในนาม สวรรค์ ข่มขู่จะทำเรื่องรื้อถอนโรงยิมเก่าเพื่อต่อรองให้เขาแต่งตัวและทำอะไรถูกระเบียบ ก็เลยสั่งสอนโดยจับทุ่มแต่แรงไปหน่อยจนพื้นกระดานหักพังลงไปพร้อมกับกระดูกแขนอาจารย์แก่ที่หักหลายท่อน เฮ้อ...เสียเวลาต้องมาซ่อมแซมพื้นใหม่อีก น่ารำคาญชะมัด!
แต่นั่นก็แค่ปัญหาเล็กๆเพราะนักเรียนและอาจารย์ส่วนใหญ่รู้ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตและเรื่องส่วนตัวจึงพยายามละ ลด เลิก เนื่องจากไม่อยากเจ็บตัวโดยไม่จำเป็น
เว้นเสียแต่...คนๆหนึ่งที่เข้ามายุ่มย่ามแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
“คุณริวยะ...ขอโทษนะคะพอดีฉันติดสอบเทสต์เลยทำให้มาช้า”
หญิงสาวผมยาวสลวยรับกับใบหน้ารูปไข่ที่งดงาม ผิวพรรณผ่องใสราวกับอัญมณีที่น่าทนุถนอม ยื่นกล่องข้าวสีเทามาให้เขาที่ยืนอยู่
“บอกแล้วไงว่าไม่เอาข้าวกล่อง เธอเลิกเอามาให้ฉันสักทีได้มั้ย!” เขาเอ่ยอย่างรำคาญใจ
“แต่วันนี้คุณแม่ทำโคโรเกะมันฝรั่งที่คุณริวยะชอบมาให้ด้วยนะคะ”
“ก็ช่างแม่เธอสิ!”
นัยน์ตากลมโตนั้นฉายแววเศร้าขึ้นมาจนเขาอดใจแป้วไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรับความหวังดีนั้นแต่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวต่างหาก เพราะผู้หญิงตรงหน้าคือ ฮินาชิมะ ยูริ น้องสาวคนละแม่นั่นเอง
หลังจากที่แม่เขาเสียชีวิตเมื่อสองปีก่อน พ่อเขาก็แต่งงานใหม่กับแม่ของเธอ แล้วจะให้ยอมรับง่ายๆได้ยังไงต่อให้รู้สึกดีที่เธอกับแม่พยายามเข้าหาก็เถอะ! และที่สำคัญเขาไม่เคยมองว่ายูริเป็นน้องสาวของตัวเองเลยสักครั้งนอกเสียจากในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง...
“เอ่อ...ถ้าไม่ทานข้าวกล่องนี้แล้วคุณริวยะจะทานอะไรล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันลงไปซื้อให้” เธอยื่นข้อเสนออย่างไม่ลดละ
“ยัยโง่...ป่านนี้ร้านค้าปิดหมดแล้วล่ะ มันใกล้เวลาเรียนคาบบ่ายแล้วไม่เห็นเหรอ!”
“ขอโทษค่ะ...เอ่อ...แล้วทำยังไงดีล่ะ” เธอกระวนกระวายเพราะไม่อยากทำให้พี่ชายต้องอารมณ์เสีย ริวยะถอนหายใจเบาๆพลางเอ่ยปัดๆไป
“ฝั่งโรงเรียนนานาชาติจิเตกิมีร้านมินิมาร์ทเปิดอยู่ ถ้าเธอกล้าไปซื้อมื้อเที่ยงจากที่นั่นมาให้ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้จะยอมรับข้าวกล่องที่แม่เธอทำ!” คำสั่งนั้นทำให้หลายคนที่ได้ยินถึงกับเหวอไปเพราะรู้ดีว่ามีกฏห้ามข้ามเขตแดน...
“ก็ได้ค่ะ” คำตอบนั้นทำให้ริวยะชะงัก เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้ารับปากเพราะมันเป็นแค่ข้ออ้างที่จะไม่รับข้าวกล่องและไล่หญิงสาวไม่ให้มาวุ่นวายช่วงพักเที่ยงทุกวันเท่านั้น
ริวยะมองดูยูริที่วิ่งลงบันไดไปอย่างอึ้งๆ พลางหันไปเอ่ยกับลูกสมุนสามถึงสี่คนที่ยืนอยู่ห่างๆอย่างรวดเร็ว
“นาโอยะ...เคโตะ พวกแกตามไปเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรมารายงานฉันด่วน...ไป!”
ยูริกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนเอกชนคามิ ดวงตาคู่สวยมองโรงเรียนนานาชาติจิเตกิที่ตั้งประจันอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างหวั่นๆ ก่อนถอนหายใจเบาๆเพื่อระงับความฟุ้งซ่านแล้วตัดสินใจวิ่งข้ามถนนไปทันที!
เวลาเดียวกันฝั่งโรงเรียนนานาชาติจิเตกิบริเวณสวนด้านหลังของโรงเรียน ผู้ชายคนหนึ่งนอนทรุดกองอยู่บนพื้นเสื้อผ้าขาดหวิ่นเปรอะเปื้อนไปด้วยหยดเลือดและฝุ่น ไม่ไกลจากใบหน้าที่สะบักสะบอมนั้นคือปลายรองเท้าหนังสีดำอย่างดี
เจ้าของรองเท้าราคาแพงนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลี จียง ผู้นำของโรงเรียนนานาชาติจิเตกิ เขานั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายๆ อยู่บนเก้าอี้บุนวมอย่างดีซึ่งเคยเป็นของผู้อำนวยการโรงเรียน เพียงแค่จียงเอ่ยปากว่าต้องการผู้อำนวยการก็รีบยกเก้าอี้ตัวนี้ให้เขาทันที
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของจียงไม่แม้แต่จะชายตาแลบุคคลที่นอนกองอยู่แทบเท้าเขาด้วยซ้ำ
“หนึ่งนาทีไม่ขาดไม่เกิน” ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างชัดเจน คนอื่นๆ ที่รายล้อมอยู่ใกล้ๆ แม้จะไม่พูดแต่สายตาก็มองมายังชายที่นอนอยู่แทบเท้าลีจียงเช่นกัน
“ลากมันออกไปซะ เกะกะลูกตา!!!” จียงสั่งเสียงเข้มด้วยท่าทางเบื่อหน่าย และหงุดหงิด
ทั้งที่เป็นพักกลางวันแท้ๆ ทำไมต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ด้วย เขาน่าจะได้นอนหลับสบายก่อนกลับขึ้นไปเรียนคาบบ่าย
แต่ก็ใช่ว่าการเรียนคาบบ่ายจะสำคัญนักหรอก ก็แค่เข้าไปหลับสบายในห้องแอร์เท่านั้นล่ะ
“นายเพลาๆ มือบ้างก็ได้นะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น ดึงสายตาสีน้ำตาลอ่อนให้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงพูดที่นั่งอยู่บนที่เท้าแขนบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่
หญิงสาวสัญชาติอเมริกัน ผมสีบลอนด์หยักโศกเด่นเป็นสง่าในระยะสามร้อยเมตร ดวงตาสีฟ้าสว่าง พร้อมด้วยความสูงแบบชาวตะวันตก คนเดียวที่สามารถพูดจาเล่นหัวกับจียงได้...อลิซาเบธ จีน รอส
“แล้วทำไมไม่จัดการเองล่ะ?”
“ขี้เกียจ...อีกอย่างฉันไม่ได้เป็นท่านผู้นำอย่างนายนี่”
จียงทำเพียงยิ้มมุมปากเท่านั้น ความจริงตัวเขาเองตอนที่เข้ามาเรียนที่จิเตกิก็ไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะเป็นผู้นำอะไรอย่างที่อลิซาเบธบอก แต่เพราะผู้นำคนก่อนมาหาเรื่องเขาก่อนต่างหากล่ะ
เสียงโวยวายดังมาแต่ไกลเรียกความสนใจของจียงและอลิซาเบธ ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาทางทั้งสองคน “มีเด็กคามิข้ามเขตมาที่มินิมาร์ทหน้าโรงเรียน!!”
ทันทีที่ได้ฟังจียงก็รีบลุกขึ้นและเดินออกไปทันที เมื่อมาถึงที่หน้ามินิมาร์ทเขาก็พบผู้ชายใส่ยูนิฟอร์มจิเตกิสามคนกำลังยืนล้อมเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ จียงรู้สึกผิดหวังนิดๆ ที่พบว่าเด็กคามิที่ได้รับรายงานเป็นผู้หญิง เพราะหวังว่าคนที่กล้าข้ามเขตมาจะเป็น เท็นโนะ ริวยะ
“เกิดอะไรขึ้น?” จียงร้องถาม
เด็กจิเตกิหันควับกลับมามองเหมือนขัดใจที่ถูกขัดจังหวะ แต่เมื่อพบว่าคนถามเป็นใคร ต่างก็มีท่าทางลนลาน และไปยืนรวมกันอยู่ที่มุมหนึ่งทันที จียงมองทั้งสามคนอย่างรำคาญลูกตา ก่อนหันมาให้ความสนใจกับเด็กผู้หญิงท่าทางน่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น
อะไรก็ดูดี...แต่ไม่ดีอย่างเดียวเท่านั้นก็คือ ยัยตุ๊กตาญี่ปุ่นนี่ใส่ยูนิฟอร์มของนักเรียนคามิ
จียงเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ายูริ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตมองจียงตรงๆโดยไม่หลบสายตา อีกทั้งยังไม่ฉายความกลัวแม้แต่น้อย
“กล้ามากนะ...ที่ข้ามเข้ามาในเขตฉัน!” จียงเอ่ยเสียงต่ำ
“ฉันแค่มาซื้อของ ไม่ได้คิดจะมาหาเรื่องกับใคร” ยูริตอบกลับเสียงเย็นไม่แพ้กัน
แม้จะหวั่นใจอยู่บ้าง แต่สิ่งเดียวที่คิดในตอนนี้ก็คือต้องนำข้าวกลางวันกลับไปให้พี่ชายก่อนหมดเวลาพักกลางวันให้ได้
“แต่การที่เธอกล้าเหยียบเขตของจิเตกิก็เท่ากับเธอคิดจะมีเรื่องไม่ใช่หรือไง?” จียงถามกลับอีก
เขารู้สึกแปลกใจนิดๆ ผู้หญิงตรงหน้าไม่เพียงแต่ไม่กลัวเท่านั้น เธอยังไม่สนเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงมองเขาตาค้างน้ำลายไหลไปแล้ว
“ฉันไม่คิดจะหาเรื่องกับใคร” ยูริย้ำอีกครั้ง
จียงเอียงคอมองหญิงสาว ก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปยังป้ายชื่อซึ่งติดอยู่ที่อกเสื้อ
“ฮินาชิมะ ยูริงั้นเหรอ?”
ยูริไม่ตอบ เธอไม่สนใจสิ่งที่จียงพูดด้วยซ้ำ ในใจตอนนี้เริ่มกังวลหนักขึ้นเพราะใกล้หมดเวลาพักแล้ว หากเธอนำข้าวกลางวันไปให้พี่ริวยะไม่ทันล่ะก็ จะต้องโดนโมโหและไม่ยอมรับข้าวกล่องของคุณแม่ตลอดไปแน่ๆ
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ” จียงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกมองข้าม
ยัยเด็กนี่เหมือนมีเรื่องอื่นให้สนใจกว่าตัวเขา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จียงไม่ชอบเอาซะเลย พลางก้มลงมองถุงในมือยูริก่อนจัดการแย่งมา และแน่นอนว่ามันดึงความสนใจของหญิงสาวได้ทันที
“เอาคืนมานะ!” ยูริร้องพลางพยายามไขว่คว้าถุงคืน
“ทำไมเด็กคามิอย่างเธอถึงต้องถ่อมาซื้อของถึงที่นี่ล่ะ?” จียงยิ้มนิดๆ อย่างชอบใจ อย่างน้อยแม่สาวเย็นชาคนนี้ก็สนใจเขาบ้างแล้ว
ยูริกัดริมฝีปากแน่น สายตาเธอจับจ้องอยู่ที่ถุงซึ่งถูกจียงแย่งไป
“เอาถุงของฉันคืนมา แล้วฉันจะไม่ข้ามมาฝั่งนี้อีก”
“แล้วถ้าฉันไม่คืนล่ะ?” จียงถามกลับพร้อมมองอย่างท้าทาย
เสียงออดเข้าเรียนดังลั่นทำให้ยูริหันไปมองทางประตูโรงเรียนทันที ออดเข้าเรียนดังแล้ว...และเธอเอาข้าวกลางวันไปให้พี่ริวยะไม่ทัน หญิงสาวหันมาตวัดสายตามองจียงอย่างโกรธจัด
“นายไม่ละอายใจบ้างหรือไง ฉันก็แค่ข้ามมาซื้อของแต่กลับมาหาเรื่องฉันแบบนี้”
จียงอึ้งไปเล็กน้อย ขณะที่อลิซาเบธและนักเรียนจิเตกิอ้าปากค้าง
“เธอ!” จียงตวาดเสียงดังพร้อมกระชากเนกไทของยูริ จนร่างบางปลิวตามแรงกระชากไปแนบชิดอกเขา
“ลี จียง!” เสียงเรียกจากอีกฝั่งของถนนเรียกสายตาทุกคนให้หันไปมองผู้ชายสองคนกำลังยืนอยู่พร้อมจะก้าวข้ามมา และนั่นไม่มีทางที่จียงกับอลิซาเบธจะไม่รู้จัก
“ไอ้นาโอยะกับไอ้เคโตะงั้นเหรอ?” จียงพึมพำก่อนหันมามองยูริที่ยืนอยู่ข้างๆ “เธอรู้จักพวกมันหรือเปล่า?”
“ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว ยัยนี่เรียนอยู่คามินะ” อลิซาเบธสวนขึ้นทันที และจียงก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“ปล่อยเด็กคนนั้นซะ ถ้านายไม่อยากมีเรื่อง!” นาโอยะตะโกนบอกพร้อมเดินมาหยุดที่เส้นแบ่งเขตแดน หรือก็คือเส้นแบ่งเลนนั่นเอง
“ยัยนี่เป็นคนข้ามเขตมาเองนะ” จียงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
นาโอยะกับเคโตะได้แต่มองหน้ากัน เขาสองคนยืนดูสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นเกือบจะข้ามฝั่งมาช่วยยูริอยู่แล้วถ้าไม่เพราะลีจียงโผล่มาเสียก่อน การปรากฏตัวของจียงทำให้นาโอยะกับเคโตะต้องหยุดรอเพื่อดูสถานการณ์ ทั้งๆที่ภาวนาว่าอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นแต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องอยู่ดี และเมื่อเห็นว่าจียงกระชากเนกไทของยูริพวกเขาทั้งสองจึงต้องปรากฏตัว
“นายเป็นผู้ชายนะ จะทำร้ายผู้หญิงด้วยเรื่องแค่นี้มันไม่ดูน่าเกลียดไปหน่อยเหรอ!” เคโตะพูดบ้าง
“ปากดีไปเถอะ!” จียงว่ากลับ
“ปล่อยเด็กนั่นไปเถอะน่า อย่างนายน่ะต้องเจอกับ เท็นโนะ ริวยะ มากกว่า...ถึงจะสมศักดิ์ศรี” นาโอยะพูดขึ้นอีก และคราวนี้มันทำให้จียงปล่อยมือจากเนกไทของยูริหันมามองพวกเขาสองคนด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ถึงตอนนี้ฉันกับไอ้หมอนั่นจะยังสู้กันไม่รู้ผล แต่สักวันฉันจะทำให้เท็นโนะ ริวยะ คุกเข่าลงอ้อนวอนตรงหน้าฉัน”
เพียะ!!!
เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังสนั่น พร้อมกับที่หน้าของจียงสะบัดหันไปตามแรงตบ แก้มซีกซ้ายรู้สึกคันยิบๆ
“ค่าที่นายดูถูกเท็นโนะ ริวยะ!” ยูริพูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
จียงและเด็กจิเตกิกว่าสิบคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ ถึงกับตะลึงงันและรวมไปถึงนาโอยะกับเคโตะด้วย แต่ทั้งสองคนไม่มีเวลาตกใจมากนัก เพราะต้องวิ่งตามยูริกลับเข้าไปในโรงเรียน
“จียงนายเป็นอะไรรึเปล่า?” อลิซาเบธร้องถาม เมื่อเห็นเพื่อนซี้ดูเหมือนจะยังตะลึงไม่หาย
ถ้าให้สารภาพตรงๆเธอเองก็อึ้งเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้ แต่อีกใจก็นึกสงสารเด็กคามิคนนั้นด้วย...ลีจียงคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่
“ยัยเด็กนั่น!” จียงคำรามลอดไรฟัน พร้อมมองไปทางประตูโรงเรียนเอกชนคามิที่ยูริเพิ่งจะเดินหายเข้าไป
“ก็แค่เด็กผู้หญิงน่า” อลิซาเบธพยายามทำให้จียงใจเย็นลง
“ยัยเด็กบ้านั่นกล้าตบหน้าฉัน!”
“อย่าไปถือสาเลย ไม่เสียลุคนายเท่าไหร่หรอกน่า”
“ต้องจับยัยเด็กนั่นมาให้ได้!” จียงประกาศลั่น
อลิซาเบธเองก็ได้แต่กลุ้มใจ เพราะรู้สึกสงสารยูริไม่น้อยทีเดียว แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อยัยเด็กนั่นทำตัวเอง แต่ความคิดของเธอต้องชะงักเมื่อจียงเอ่ยประโยคต่อมา
“ถูกใจซะแล้วสิ...ฮินาชิมะ ยูริ”
“หา!?” อลิซาเบธและเด็กจิเตกิคนอื่นๆ ร้องออกมาพร้อมกัน
แม้ออดหมดคาบพักกลางวันจะดังแล้วแต่ริวยะยังคงยืนรออยู่ที่ระเบียงอาคารไม่ยอมเข้าห้องเรียน แน่นอนว่าอาจารย์ก็ไม่กล้าวุ่นวายสอนตามหน้าที่ของตนไปเรื่อยๆ นัยน์ตาคมเข้มแม้นิ่งสนิทแต่แฝงความกังวลเอาไว้จนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินกลับขึ้นมาบนอาคารเรียน ความไม่สบายใจนั้นก็ทุเลาจนหายเป็นปลิดทิ้ง
“ขอโทษนะคะคุณริวยะ ฉันไม่ได้มันมา...” น้ำเสียงและสีหน้าของหญิงสาวเศร้าสลดลงจนเห็นได้ชัด แต่นั่นไม่ได้ทำให้ริวยะโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปมากกว่า
มือเรียวบางยกขึ้นทำท่าจะเอื้อมแตะไหล่เพื่อปลอบประโลม แต่เมื่อเหลือบเห็นลูกสมุนสองคนที่วิ่งตามมาก็ลดมือลงโดยเร็ว
“ช่างมันเถอะ...ฉันคิดอยู่แล้วล่ะว่าเธอทำไม่ได้ ต่อไปก็เลิกเอาข้าวกล่องมาให้ฉันสักที มันน่ารำคาญรู้มั้ย!!!”
“ค่ะ...”
“ไปได้แล้ว!” เขาสั่งเสียงเข้มทำให้หญิงสาวต้องเดินออกไปอย่างจำยอม ก่อนที่นาโอยะกับเคโตะจะตรงเข้ามาแทนที่
“มีอะไรเกิดขึ้นมั้ย?” ริวยะถามไถ่ทันที
“ไอ้จียงมันมาหาเรื่องยูริ แต่พวกเราไปช่วยได้ทัน” นาโอยะรายงาน
“แค่นั้น?” ริวยะถามต่ออย่างไม่ปักใจเชื่อเพราะรู้สันดาน เอ้ย...นิสัยของศัตรูคู่อาฆาตเป็นอย่างดี
“มันแย่งของที่เธอซื้อไปยูริเลยตบหน้ามัน ฉันว่าเรื่องคงไม่จบเพียงเท่านี้แน่” คำพูดของเคโตะทำให้ริวยะกำหมัดแน่น...
หนอย!!! ลีจียง กล้ามากนะ....กล้ามายุ่งกับผู้หญิงที่เขา...
ริวยะหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้ก่อนหันไปบัญชาลูกสมุนคนสนิทว่า
“หาคนไปเฝ้าเวรยามรอบๆโรงเรียนเพิ่ม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รายงานฉันได้ตลอดเวลา!!!”
ความคิดเห็น