คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
ตอนที่
3
ลมเย็นจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในยามสายหาได้สร้างความระคายเคืองแก่ผิวอันบอบบางของหญิงสาวที่กำลังพักผ่อนอยู่ตรงระเบียงห้องนอนของตนเองเลยแม้แต่น้อย
ร่างเล็กๆพลิกไปมาบนเก้าอี้หินอ่อนตัวยาวขณะกำลังพิมพ์ประสบการณ์การท่องเที่ยวเมืองปาแลร์โมตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาลงในแล็ปท็อปอย่างขะมักเขม้น
เนื่องจากพันธิตราไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านเลยมากกว่านี้เพราะจะทำให้ความทรงจำบางส่วนคลาดเคลื่อนและอาจหลงลืมอะไรสำคัญๆที่จะใช้ในการทำพ็อกเก็ตบุ๊คได้
แม้การทำงานในต่างถิ่นจะไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ในออฟฟิศที่มีเครื่องไม้เครื่องมือหรือเอกสารต่างๆครบถ้วน
แต่ที่นี่ก็วิเศษกว่าการนั่งทำงานในห้องแคบๆแออัดด้วยเพื่อนร่วมงานนับสิบที่แย่งอากาศหายใจจากเครื่องปรับอากาศเล็กๆเก่าๆเพียงตัวเดียว
เพราะตอนนี้หญิงสาวกำลังทำงานอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอย่างขุนเขาและทะเล
อีกทั้งยังสามารถรับอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องแย่งใคร!
แต่ในที่สุดพันธิตราก็จำยอมหยุดงานและปิดแล็ปท็อปลงเมื่อพ่ายแพ้แสงตะวันอันแรงจ้าที่แหวกผ่านม่านเมฆเบื้องบนลงมาจนทำให้รู้สึกร้อนและเหนียวตัว
ก่อนลุกไปยืนชมวิวทิวทัศน์บริเวณริมระเบียงเพื่อผ่อนคลายหลังทำงานมาหลายชั่วโมง
พลางชม้ายตากลมโตของตนเองมองชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำราวสิบกว่าคนกำลังยืนเฝ้าตามจุดต่างๆของคฤหาสน์
ไม่ว่าจะเป็นหน้าประตูรั้วหรือริมกำแพงประหนึ่งคฤหาสน์แห่งนี้เป็นพระราชวังที่ต้องมีทหารองครักษ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา
ทว่า แม้เวรยามจะเยอะแต่ก็น้อยกว่าที่เคยพบเห็นเมื่อชายฉกรรจ์อีกสิบกว่าคนที่เหลือได้ติดตามผู้เป็นนายไปบริษัทแองเจโลกรุ๊ป
นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอได้ทำงานอยู่ในห้องนอนเพราะชายหนุ่มขอหยุดโปรแกรมพาทัวร์ชั่วคราว
ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าเขามีตำแหน่งสูงถึงประธานบริษัทจะให้ละทิ้งงานหลักก็ใช่เรื่อง
ก็อกๆๆ
สาวใช้สองคนเปิดประตูเข้ามาหลังจากเคาะเตือนล่วงหน้าเพื่อทำหน้าที่อย่างจัดห้องหับให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและทำความสะอาดโดยไม่ลืมบอกกล่าวเฉกเช่นทุกครั้ง
“มิสพันธิตรา...อีกหนึ่งชั่วโมงจะเริ่มมื้อเช้าแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม
คำพูดเดิมๆและการทำงานเดิมๆของเหล่าสาวใช้นั้นทำให้พันธิตราอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกหล่อนเป็นมนุษย์หรือหุ่นยนต์กันแน่
หากเป็นเธอคงเบื่อจนแทบฆ่าตัวตายที่ต้องมาคอยทำอะไรซ้ำๆซากๆแบบนี้ทุกวันและนั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเลือกทำงานเป็นคอลัมนิสต์เพราะจะได้ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆนั่นเอง
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
หญิงสาวเอ่ยขึ้น
“ได้ค่ะมิสพันธิตรา”
พวกหล่อนตอบพร้อมเพรียงกัน
“เอ่อ...เมื่อไรคาร์โลจะกลับมาจากบริษัทคะ?”
“ไม่ทราบเช่นกันค่ะ...เพราะท่านคาร์โลมักกลับไม่ค่อยตรงเวลา”
“ไม่เป็นไร...ขอบคุณค่ะ”
พันธิตราแอบลอบถอนหายใจเบาๆ
เอาเถอะ...ถึงไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการแต่ก็ทำให้รู้ว่าสาวใช้ทั้งสองคนพูดคำอื่นๆได้
แม้จะประสานเสียงตอบเหมือนกันทุกประโยคก็ตาม!
มื้อเช้าวันนี้ไม่อร่อยเท่าที่ควรเมื่อบรรยากาศรอบตัวเงียบเหงาอย่างไม่เคยเป็นในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพราะตั้งแต่หญิงสาวได้เหยียบย่างเข้ามาพักยังคฤหาสน์แห่งนี้ก็ต้องพบเจอใบหน้าหล่อๆกับคำพูดหวานๆซึ่งแฝงไว้ด้วยเสน่ห์และความเคร่งขรึมของชายหนุ่มทุกครั้ง
จนในที่สุดสองมือบางก็ต้องวางถ้วยกาแฟคาปูชิโน่ลงทั้งที่ยังดื่มไม่หมดเสียด้วยซ้ำ
น่าแปลกจริงๆ...สถานที่แห่งนี้มีผู้คนมากมายแต่กลับไม่ได้ช่วยกล่อมเกลาให้รู้สึกหายเหงาได้เลย
เมื่อต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนโดยไม่ก้าวก่ายและสุงสิงกัน
อีกทั้งพวกเขาเหล่านั้นยังปรนนิบัติกับเธอดุจราชินีที่เพียงเอื้อนเอ่ยสิ่งใดก็พร้อมจะหามาให้ตามปรารถนาซึ่งนั่นอาจเพราะเป็นความประสงค์ของคาร์โลที่สั่งกำชับไว้
ทว่า มันก็ทำให้หญิงสาวถูกยกไว้สูงจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้ชิดอย่างสนิทสนม
ในตอนนั้นเองพันธิตราก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
ในเมื่อชายหนุ่มและทุกคนทำดีกับเธอถึงเพียงนี้ก็น่าจะตอบแทนอะไรกลับไปบ้าง เช่น การทำอาหารไทยรสเลิศที่ขนาดท่านนายพลรัชชานนท์กับคุณหญิงพิชชาพรผู้เป็นบิดาและมารดายังติดอกติดใจให้พวกเขาได้ลองลิ้มชิมรสกัน
ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวรีบกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองแล้วเปิดหนังสือคู่มือท่องเที่ยวประเทศอิตาลีฉบับพกพาที่นำติดตัวมาด้วยเพื่อค้นหาจุดมุ่งหมาย
แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น วุชชีเรีย ย่านตลาดสดอันเลื่องชื่อแห่งปาแลร์โม
ดูเหมือนหญิงสาวจะคิดไกลเกินไป
เพราะความตั้งใจนั้นแทบพังทลายเมื่อชายในชุดสูทสีดำคนหนึ่งหันมาพบเธอขณะกำลังเดินสะพายกระเป๋าออกจากตัวคฤหาสน์พร้อมพาร่างใหญ่โตที่อัดด้วยมัดกล้ามเข้ามาขวางทางเอาไว้
“มิสพันธิตราจะออกไปที่ไหนครับ?”
น้ำเสียงสุภาพไม่ได้ช่วยทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้นเลยเมื่อสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมของอีกฝ่ายคล้ายจะบีบร่างของพันธิตราให้หดเล็กลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เอ่อ...ฉันคิดว่าจะออกไปซื้อกับข้าวในตลาดมาทำมื้อเย็นให้คาร์โลน่ะค่ะ” คำตอบนั้นส่งผลให้ดวงตาสีชาของชายฉกรรจ์คนนั้นฉายแววแห่งความประหลาดใจ
“การทำอาหารเป็นหน้าที่ของพวกแม่ครัวครับ”
“ฉันรู้ค่ะ...แต่ฉันอยากทำอาหารไทยให้คาร์โล
เพื่อตอบแทนที่เขาดูแลฉันเป็นอย่างดีตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา” พันธิตราอธิบายความตั้งใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้และหวังว่าเขาจะเข้าใจ
“ผมไม่สามารถปล่อยคุณออกไปได้”
ความหวังของหญิงสาวพังทลายโดยสมบูรณ์เมื่อได้ยินในสิ่งที่ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์กล่าว
“ทำไมล่ะคะ?” เธอถามด้วยความไม่เข้าใจจริงๆ เพราะเขาไม่มีสิทธิ์ห้ามปรามเรื่องพรรค์นี้
“ภายนอกคฤหาสน์อาจไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณครับ...มิสพันธิตรา”
“แต่ฉันโตแล้ว...ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆนะคะ!!!”
“ถึงกระนั้นก็เถอะ...นี่เป็นคำสั่งของท่านคาร์โลครับ!”
พันธิตราไม่อยากเห็นสีหน้าของตนเองเวลานี้เลย
ว่า...มันจะบูดบึ้งสักเพียงใดเมื่อไม่อาจฝ่าด่านของชายในชุดสูทสีดำ
พลางหมุนตัวหมายจะกลับเข้าไปทำงานหน้าแล็ปท็อปตามเดิม ทว่า
ต้องเปลี่ยนใจเมื่อพบเห็นสวนหย่อมเล็กๆบริเวณด้านข้างคฤหาสน์ จึงได้เดินฉับๆไปยังจุดมุ่งหมายใหม่เพื่อใช้สงบสติอารมณ์และไปให้พ้นๆจากคนเหล่านั้น
“ทำตัวเป็นพวกมาเฟียไปได้!”
หญิงสาวไม่รู้เลยแม้แต่น้อย ว่า...สิ่งที่คิดนั้นถูกต้องทุกประการ
ดอกไม้นานาพันธุ์ถูกปลูกไว้สวยงามเคียงข้างทางเดินอิฐสีส้มอมแดงซึ่งปูลาดยาวไปจนถึงด้านหลังของคฤหาสน์ที่แวดล้อมด้วยแมกไม้ใหญ่หลากหลายต้นจนสร้างร่มเงาแก่ผู้มาเยือนอย่างพันธิตรา
ซึ่งบัดนี้แทบลืมความขุ่นเคืองใจต่างๆเมื่อได้พบเห็นธรรมชาติรอบกาย
ฝูงผีเสื้อภมรค่อนข้างเบิกบานพลางพากันหยอกล้อกันไปมาบนเกสรอย่างเริงร่า
เช่นเดียวกับเหล่าพฤกษาที่ดูเหมือนจะไม่ยี่หระแม้ไร้ผู้คนสนใจให้ความดูแล เมื่อมีสรรพสัตว์น้อยใหญ่
ทั้งแมลง กระรอก และนกคอยแวะเวียนเยี่ยมเยือนไม่ได้ขาด
ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าใดพงหญ้าก็รกชัฏมากขึ้นเท่านั้นจนหญิงสาวเริ่มไม่อยากไปต่อ
ถ้าไม่บังเอิญเหลือบพบกำแพงรั้วที่โอบล้อมรอบคฤหาสน์จุดหนึ่งซึ่งทรุดโทรมจนอิฐด้านล่างแตกโหว่เป็นช่องพอลอดตัวออกไปได้
ความคิดอันแยบคายแต่อาจไม่เข้าท่าก็บังเกิดขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ผุดบนใบหน้าหวานๆของพันธิตรา
“ไม่ให้ฉันไปทางด้านหน้า
ฉันก็ไปทางด้านหลังละกัน!”
พรมสีแดงสดถูกปูยาวตลอดทางเดินตั้งแต่ลิฟท์สำหรับผู้บริหารจวบจนถึงด้านหน้าบริษัทแองเจโลกรุ๊ป
พนักงานรักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่งดูเหมือนจะลนลานและตื่นตระหนกกับการมาของบอสใหญ่อย่าง
คาร์โล แองเจโล ขณะกำลังตรวจตราความเรียบร้อย ทั้งที่สมควรจะเคยชินเพราะทำงานมาหลายปี
แต่อย่างไรเสียก็อดขยาดกับความน่าเกรงขามของบุรุษทรงอำนาจผู้นี้ไม่ได้สักครั้ง
ทันทีที่ลีมูซีนคันใหญ่จอดนิ่งเทียบท่าหน้าประตูเข้าสู่บริษัท
ชายในชุดสูทสีดำนับสิบกว่าคนก็กุลีกุจอออกจากรถยนต์ซึ่งนำหน้าและตามท้ายขบวนมายืนขนาบสองฝั่งทางเดินเพื่อเตรียมพร้อมอารักขาผู้เป็นนายอย่างรู้หน้าที่
“เชิญครับท่านคาร์โล”
“ขอบใจเอริค”
มาเฟียหนุ่มก้าวออกจากรถอย่างเชื่องช้าพลางคว้าแว่นกันแดดขึ้นมาสวมใส่เพื่อบดบังดวงตาสีเหล็กของตนเอง
แล้วเดินผ่านพวกองครักษ์ในชุดดำที่โค้งคำนับตลอดเส้นทางจนกระทั่งถึงลิฟท์ตัวใหญ่สำหรับผู้บริหาร
ก่อนที่มันจะพาเขาขึ้นไปยังห้องประธานบริษัทชั้นบนสุดอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ออออออออ” ผู้ทรงอิทธิพลทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่าย
พลางทิ้งร่างลงบนเก้าอี้บุนวมตรงโต๊ะทำงานของตนเองเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
แม้เครื่องปรับอากาศจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่กลับไม่ได้ช่วยทำให้ใจนั้นกระชุ่มกระชวยเลยแม้แต่น้อย
งานการมากมายทั้งภายนอกภายใน คือ
ปัญหาที่ต้องคอยตามสะสางทุกวี่ทุกวันไม่มีทางหมดจนกว่าเขาจะตายหรือหาใครสักคนมาดูแลสถานที่แห่งนี้แทน
แน่นอนว่าคงยากเมื่อมาเฟียหนุ่มรู้ดีว่าตนเองนั้นโดดเดี่ยวเดียวดายสักเพียงใด
ไม่มีพ่อแม่พี่น้องหรือแม้กระทั่งญาติสนิทมิตรสหายคอยช่วยเอาใจใส่ หากล้มลงวันใดพนักงานนับหมื่นใต้การปกครองต้องเดือดร้อนเป็นแน่
“ท่านคาร์โลเป็นอะไรครับ?” เอริคถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
ผู้ถูกถามยังไม่ตอบอะไรพลางเอนกายพิงพนักแล้วพาดท่อนขาไว้บนโต๊ะ
มือหนึ่งหยิบบุหรี่จากกล่องเหล็กขึ้นมาจุดสูบเพื่อบรรเทาความฟุ้งซ่านและขับไล่ความวุ่นวายในหัวให้ออกไปพร้อมกับควันสีขาวขุ่น
“เบื่อ” ในที่สุดคำตอบก็หลุดออกมาหลังพบว่าเอริคยังรอคอยฟังอยู่ไม่ห่าง
“ผมเข้าใจว่ามันน่าเบื่อ
แต่งานมากมายยังรอคอยให้ท่านสะสางนะครับ”
“ฉันรู้น่า...เลิกบ่นเป็นคนแก่เสียที!”
หากเขาไม่รู้หน้าที่ของตนเองคงไม่ปล่อยให้พันธิตราอยู่คฤหาสน์เพียงลำพังแบบนั้นแน่ๆ
แต่ด้วยความรับผิดชอบในฐานะประธานบริษัททำให้ต้องยอมแบกภาระหน้าที่เอาไว้อีกครั้งหลังหยุดวางไปได้หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ...และก็เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายด้วย
กริ๊งงงงงงงงง!!!
เสียงอินเตอร์คอมบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ดับอารมณ์เบิกบานของคาร์โลที่เริ่มกรุ่นให้มอดลงในชั่วพริบตา
เอริคจึงไม่รอช้ากดรับแทนเจ้านายซึ่งบัดนี้ชักสีหน้าขึงตึงเรียบร้อยแล้ว
“ท่านคาร์โลคะ...เอกสารต่างๆตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาให้นำเข้าไปเซ็นต์ได้เลยไหมคะ?” น้ำเสียงหวานๆจากเลขาธิการสาวสวยหน้าห้องกล่าวถามผ่านกล่องสี่เหลี่ยมสีดำเนื่องจากไม่ปรารถนาโดนไล่ตะเพิดหากเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า
“ยัง!!!” เขาตอบสั้นๆ
“เอ่อ...เมื่อสองถึงสามวันก่อนมิสอิสซาเบลล่าโทรศัพท์มาหาท่านคาร์โลที่บริษัทแต่ไม่พบ
หล่อนจึงฝากข้อความเอาไว้ว่าให้ท่านติดต่อกลับไปหาด่วนค่ะ”
อีกฝ่ายจำใจรายงานต่อแม้เริ่มรับรู้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวของบอสแล้วก็ตาม
“มีแค่นี้ใช่ไหม?” มาเฟียหนุ่มถามกลับไป
“ค่ะ”
ทันทีที่หญิงสาวตอบ เอริคก็รีบกดปิดอินเตอร์คอมเพื่อตัดการสื่อสารอย่างรู้หน้าที่
คาร์โลอัดควันบุหรี่เข้าปอดตนเองอีกครั้งอย่างเบื่อหน่าย
หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ยินได้ฟังมันเป็นเรื่องซ้ำๆซากๆต้องพบเจออยู่ทุกวี่ทุกวัน
“ความจริงแล้วท่านน่าจะรีบเซ็นต์เอกสารต่างๆของสัปดาห์ก่อนให้เสร็จ
เพราะหากรั้งรออาจต้องทับถมกับเอกสารต่างๆในสัปดาห์นี้ด้วยนะครับ”
นัยน์ตาสีเทาตวัดมองผู้อยู่ใต้โอวาทอย่างไม่พึงพอใจเสียเท่าไร
แต่แล้วก็ต้องผ่อนปรนลงเมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายนั้นหวังดีและเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าตักเตือนเขาในเรื่องไม่สมควร
“ฉันเหนื่อยเอริค
ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาทำเรื่องพวกนี้ทุกๆวัน”
มาเฟียหนุ่มรับสารภาพตามตรง
“ถ้าเช่นนั้นท่านคาร์โลอยากจะทำอะไรครับ?”
“ฉันอยากมีเวลาพักผ่อนนานๆกับใครสักคน”
ภาพของพันธิตราผุดขึ้นมาภายในหัวของคาร์โลจนเขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงหนึ่งสัปดาห์อันแสนสั้นแต่เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานที่ได้เพลิดเพลินเดินเล่นไปทั่วปาแลร์โมกับเธอ
“ให้ผมตามตัวมิสอิสซาเบลล่ามาให้ไหมครับ?” เอริคยื่นข้อเสนอ เมื่อเห็นว่าไหนๆแล้วหล่อนก็พร้อมมาปรนเปรอเฉกเช่นทุกครั้งที่ต้องการ
“เฮ้อ...เลิกพูดถึงแม่คนนั้นสักทีเถอะ!” คาร์โลตัดบทเสียเอง
ไม่ว่ากี่ครั้งกี่คราวความสุขที่เขาได้รับจากหล่อนก็มีเพียงเรื่องบนเตียงเท่านั้น
ไม่เหมือนพันธิตรา...ทั้งที่เพิ่งพบเจอได้ไม่นานแต่กลับทำให้รู้สึกดีจริงๆ
“ท่านคงไม่ได้คิดอะไรกับมิสพันธิตรานะครับ” เอริคกล่าวราวกับล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในจิตใจของผู้เป็นนายผ่านทางสายตา
ทว่า ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
กริ๊งงงงงงงงง!!!
อินเตอร์คอมบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ส่งเสียงงอแงขึ้นอีกครั้งสร้างความขุ่นเคืองให้แก่คาร์โลจนต้องลุกขึ้นไปกดรับด้วยตนเองพร้อมตวาดถามเสียงดัง
“มีอะไรอีก!”
“ขออภัยค่ะท่านคาร์โล
แต่...มีโทรศัพท์สายนอกเข้ามาค่ะ”
เลขาธิการสาวรายงานด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ จนเอริคนึกขำเมื่อคาดเดาได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังนั่งหน้าถอดสีอยู่ตรงโต๊ะด้านนอก
“จากใคร?”
“มิสเตอร์บรูโน่ โอเรสเต้
แจ้งเข้ามาว่าต้องการติดต่อค้าขายธุรกิจเครื่องหนังค่ะ”
ชื่อของบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ดึงใบหน้ามาเฟียหนุ่มกับลูกน้องคนสนิทให้หันมาสบตากันเล็กน้อย
เนื่องจากรู้ดีว่าบรูโน่เป็นผู้ใดและจุดมุ่งหมายคงไม่ใช่เรื่องธุรกิจเครื่องหนังเป็นแน่
“บอกไปว่าฉันไม่...” ยังไม่ทันที่คาร์โลจะได้พูดจบ เอริคก็ยกมือขึ้นปรามแล้วรุดเข้าประชิดตัวผู้เป็นนาย
“ผมคิดว่าท่านควรรับสายสักนิดนะครับ
แม้สามารถหลีกเลี่ยงไปได้เรื่อยๆแต่สักวันหนึ่งก็คงต้องเผชิญหน้ากันอยู่ดี อีกทั้งยังน่าสงสัยเพราะบรูโน่สามารถติดต่อพวกเราได้หลายทางโดยไม่ต้องผ่านโทรศัพท์บริษัทซึ่งเสี่ยงต่อการลอบดักฟัง
ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ...เหล่านั้นก็ได้” เอริคกระซิบเบาๆด้วยไม่อยากให้เลขาธิการสาวซึ่งยังคงรอฟังคำสั่งจากผู้เป็นนายผ่านอินเตอร์คอมได้ยินความลับเรื่องธุรกิจค้าขายอาวุธสงคราม
ใบหน้าคมคายของมาเฟียหนุ่มฉายแววลังเลเล็กน้อย
หาใช่ว่าเกรงกลัวผู้ทรงอิทธิพลมืดอีกกลุ่มแต่เขาไม่ปรารถนาเสวนากับพวกมันให้ลดเกียรติ
ทว่า สิ่งที่เอริคกล่าวมานั้นก็มีเหตุผล...
“โอนสายเข้ามาเลย!!!” การตัดสินใจอย่างรวดเร็วทำให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชารีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่องไว
ไม่นานเกินรอเสียงทุ้มๆต่ำๆของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังผ่านสายโทรศัพท์เข้ามา
“สวัสดี...คาร์โล!”
“มีธุระอะไร!” มาเฟียหนุ่มซักถามทันทีโดยไม่ใส่ใจในคำทักทายของฝ่ายตรงข้าม
“ใจร้อนเหลือเกิน
ปกติแล้วเป็นคนใจเย็นกว่านี้ไม่ใช่หรืออย่างไร
ขนาดฉันติดต่อไปตั้งนานยังไม่ติดต่อกลับมาแม้แต่ครั้งเดียว!”
“ฉันไม่มีอะไรต้องติดต่อหรือพูดคุยกับคนอย่างแก
ฉะนั้นถ้ายังไม่พูดธุระที่ต้องการ...ฉันจะวางสายเดี๋ยวนี้!”
คาร์โลไม่ได้ขู่พลางตั้งท่าจะกดวางสายเพื่อตัดบทสนทนา
“โอเคๆ...ก็แค่อยากสะสางปัญหาเรื่องที่แกบังอาจแย่งลูกค้าคนสำคัญอย่างมิสเตอร์เบอร์นาร์ดไปจากฉัน
มันจะไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอคาร์โล...ทั้งที่ตอนแรกเขาติดต่อฉันมาก่อนแท้ๆแต่แกก็กลับแย่งไปอย่างซึ่งๆหน้า!” น้ำเสียงแค้นเคืองของอีกฝ่ายคล้ายจะบันดาลโทสะออกมาได้ทุกเมื่อ หากกลับสร้างรอยยิ้มเหยียดบนสีหน้าของคาร์โล
แองเจโลประหนึ่งฟังเรื่องขำขัน ก่อนที่เขาจะดีดบุหรี่ลงบนพื้นพรมสวยหรูเบื้องล่างแล้วบดขยี้มันด้วยรองเท้าหนังดั่งที่เคยกระทำเช่นทุกครั้ง
“ถ้าสินค้าโหล่ยโท่ยของแกดีจริง...มิสเตอร์เบอร์นาร์ดคงไม่มาซื้อกับฉันหรอก
ความจริงแกน่าจะเก็บของพรรค์นั้นไว้ให้เด็กอนุบาลเล่นมากกว่านะ!”
“ไอ้คาร์โล!!!” บรูโน่ตวาดกร้าวผ่านโทรศัพท์จนเสียงดังเล็ดลอดออกมา
“ธุระแกมีแค่นี้ใช่ไหม?”
“หึหึ...ยังมีอีก คิดหรือว่าฉันจะยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว”
“รีบว่ามา...ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาต่อล้อต่อเถียงเรื่องงี่เง่ากับแก!” กลับกลายเป็นคาร์โลเสียเองที่ต้องบันดาลโทสะเมื่อพบน้ำเสียงยียวนชวนน่าสงสัยของอีกฝ่าย
“เพราะแกตอบแทนฉันอย่างสาสม
ฉันก็เลยมีของรางวัลชิ้นใหญ่ส่งไปให้ที่คฤหาสน์ หวังว่าแกคงจะชอบมันนะ!” พูดจบบรูโน่ก็กดตัดสายโทรศัพท์โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาซักถามอะไรอีก
‘ของรางวัลชิ้นใหญ่’ คำๆนี้เปรียบประหนึ่งลูกระเบิดที่ทำเอามาเฟียหนุ่มนั่งไม่ติดอีกต่อไป
ความพะว้าพะวงใจเกี่ยวกับคำพูดนั้นก่อเกิดเป็นมรสุมปั่นป่วนอยู่ภายในหัวจนแทบบ้าคลั่ง
ทั้งยังร้อนรุ่มใจคล้ายใครสักคนเอาพระเพลิงมาแผดเผาหวังให้ร่างเขาไหม้เป็นจุณ พลัน
ภาพของหญิงสาวก็ผุดขึ้นมาแทนที่ทุกสิ่งทุกอย่าง
“คารีน่า!!!” ทันทีที่คิดขึ้นได้ว่าปล่อยพันธิตราทิ้งไว้ในคฤหาสน์ เขาก็รีบบัญชาผู้อยู่ใต้โอวาทอย่างรวดเร็ว
“พาฉันกลับคฤหาสน์เดี๋ยวนี้!!!”
“ครับท่าน” เอริคตอบพลางรุดออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง โดยมีมาเฟียหนุ่มวิ่งตามติดอย่างกระชั้นชิด
พระเจ้า...หากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ
ที่ต้องทำให้หญิงสาวผู้ไมรู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเผชิญเรื่องอันตรายถึงเพียงนี้! คาร์โลได้แต่ตำหนิตนเองที่สะเพร่าละเลยทั้งยังภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าไปตลอดเส้นทางขอให้พันธิตราปลอดภัย!
เสียงคำรามฮึมฮัมของเครื่องยนต์ดังแว่วมาแต่ไกลก่อนปรากฎรถยนต์สีตะกั่วแล่นปราดเข้ามาจอดเทียบด้านหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์หินอ่อนหลังงามราวกับพายุ
ทว่า หลังจากนั้นมันกลับนิ่งสนิทไม่ไหวติงไร้ความเคลื่อนไหวจากบุคคลผู้อยู่ภายในจนน่าผิดสังเกต
“นั่นรถใครน่ะ?” ชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำคนหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนอีกคนซึ่งมีหน้าที่เฝ้าเวรยามตรงประตูเหมือนกันด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ...เดี๋ยวฉันลองออกไปดูสักหน่อยดีกว่า” เขาตอบพร้อมกดปิดสวิตช์ระบบรักษาความปลอดภัยอย่างรั้วไฟฟ้าและสัญญาณกันขโมยเพื่อหมายออกไปตักเตือนคนเหล่านั้นว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
ก็อกๆๆ
“คุณ...บริเวณนี้ห้ามจอดรถนะครับ!” คำกล่าวตักเตือนนั้นทำให้ใครบางคนที่อยู่ด้านหลังกระจกติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบค่อยๆเผยโฉม
ปรากฏใบหน้าชายวัยกลางคนหากแต่คร้ามด้วยหนวดเครารุงรัง
“แล้วใครว่าพวกข้าต้องการจอด!” อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพลางชักปืนสั้นออกมายิงใส่ระยะเผาขนทันที
ปังงงง!!!
ลูกกระสุนพุ่งทะลุตัดขั้วหัวใจชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำ
ชั่วเวลาไม่กี่วินาทีเลือดสีแดงฉานก็สาดกระเซ็นทั่วพื้นถนนก่อนรองรับร่างไร้วิญญาณซึ่งทรุดล้มลงขาดใจตายคาที่
ฝ่ายศัตรูไม่รอช้าและไม่เปิดโอกาสให้เหล่าองครักษ์แห่งอาณาจักรได้ตั้งตัวก็รีบเร่งเครื่องยนต์ชนประตูรั้วจนล้มระเนระนาดแล้วกราดยิงด้วยปืนกลจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องไปทั่วบริเวณ
กระจกหน้าต่างและบานประตูของคฤหาสน์หลังงามแตกกระจายราวกับฟ้าถล่มดินทลายเมื่อห่ากระสุนจากรถยนต์ปริศนายิงทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
ทำให้พวกชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำไม่รอช้าคว้าปืนออกมาสู้ตอบโต้กลับไปบ้างแต่ก็ยากเกินกว่าจะเข้าประชิดตัวพวกมันได้ง่ายๆเมื่อรถยนต์คันนั้นขับส่ายไปส่ายมาอย่างบ้าคลั่ง
การต่อสู้ภายในคฤหาสน์เป็นไปอย่างดุเดือดเลือดสาดประหนึ่งสมรภูมิรบที่คร่าคร่ำด้วยสงครามของเหล่าทหารและศัตรู
ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่หยุดยั้งที่จะเอากันให้ตายไปข้าง
ในวินาทีนั้นเองรถยนต์สีดำอีกคันก็แล่นฝ่าทะลวงเข้ามาตามติดรถยนต์ปริศนาคันแรกแล้วเร่งเครื่องยนต์ประชิดก่อนเปิดกระจกไฟฟ้าเพื่อยิงสวนจากด้านใน
ปัง!!! ปัง!!!
เพียงสองนัดเท่านั้นก็ทำให้ยางล้อสองเส้นของศัตรูผู้อาจหาญบุกถ้ำเสือแตกระเบิดจนรถยนต์สีตะกั่วคันนั้นเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่ตามด้วยระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไฟลุกท่วมทั้งคัน
ทว่า ภาพเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวตรงหน้าหาได้เรียกร้องความสนใจมากไปกว่า ปืน IMI Desert Eagle ในมือของคาร์โล
แองเจโลที่ยังกรุ่นด้วยควันจากการยิงอย่างแม่นยำ
ผู้ทรงอำนาจเปิดประตูรถออกมาแล้วกวาดดวงตาสีเทาอันแข็งกร้าวไปรอบทิศทาง
ขณะที่เหล่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชารีบวิ่งเข้ามาเบื้องหน้าเพื่อรายงานความเสียหาย
ทว่า
มือหนาก็ยกขึ้นปรามเมื่อเขาไม่ปรารถนาจะรู้เรื่องที่สามารถเห็นได้ด้วยตามากไปกว่า...
“มิสพันธิตราอยู่ที่ไหน!” เขาตวาดถามเสียงดังลั่นจนหลายคนถึงกับมองหน้าเลิ่กลักไปมา
“ผมคิดว่าคงพักอยู่ด้านใน...ไม่น่าจะเป็นอันตราย...”
พลัวะ!!!
ปืนในมือของมาเฟียหนุ่มฟาดเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความโมโห
“พูดจาส่งเดช...เสียงปืนดังขนาดนี้จะไม่มีใครได้ยินแล้วออกมาดูเลยหรืออย่างไร
เข้าไปตรวจตราภายในคฤหาสน์เดี๋ยวนี้!!!”
“ครับท่าน!!!”
เหล่าองครักษ์ในชุดสูทสีดำรีบรุดเข้าไปในคฤหาสน์หลังงามที่บัดนี้มีสภาพยับเยินภายในช่วงเวลาไม่กี่นาที
เศษกระจกที่เกลื่อนกลาดตามพื้นทิ่มแทงหัวใจของบุรุษหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลเพียงแค่ปรายตามองเมื่ออดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าหากพันธิตราได้เห็นหรือรับรู้ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปจะรู้สึกเยี่ยงใด
“ท่านคาร์โล...มีพวกมันคนหนึ่งกระโดดหนีออกมาได้ทันก่อนรถระเบิดครับ!”
ร่างศัตรูซึ่งสะบักสะบอมอาบเลือดและเปื้อนเปรอะคราบเขม่าควันถูกลูกน้องของเขาสองคนหามกันเข้ามาไว้แทบเท้า
แม้บาดเจ็บสาหัสแต่ใบหน้าที่ยังคงเหยียดยิ้มแสดงความหยิ่งยโสโอหังอย่างไม่กลัวตายทำให้คาร์โลเกรี้ยวโกรธกระทืบลงบนอกของมันอย่างแรงจนลิ่มเลือดสดๆทะลักออกจากปาก
“ถ้าแกไม่ตายวันนี้ จงนำเอาคำพูดของฉันฝากถึงเจ้านายของแก
ว่า...แค้นนี้จะต้องได้รับการชำระแน่นอน!!!”
พลัวะ!!!
ปลายเท้าของคาร์โลเตะสะบัดเสยคางชายผู้เคราะห์ร้ายจนสลบนอนแน่นิ่งกับพื้น
ก่อนที่เขาจะสั่งให้ลูกน้องลากตัวออกไปให้พ้นเขตรั้วคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้นเองเหล่าองครักษ์ที่เหลือก็พากันเข้ามารายงานหลังตรวจตราภายในคฤหาสน์จนทั่วบริเวณ
“ท่านคาร์โลครับ...มิสพันธิตราไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์!”
“เป็นไปไม่ได้ หากันทั่วแล้วเหรอ!!!” มาเฟียหนุ่มตวาดถาม
“ครับท่าน...พวกเราหากันจนทั่วทุกห้องก็ไม่พบ
พอถามพวกสาวใช้กับแม่ครัวก็ไม่มีใครเห็นเช่นกัน”
“ผู้หญิงตัวเล็กๆเพียงคนเดียวยังดูแลกันไม่ได้
ปล่อยให้หายตัวไปได้อย่างไร ห๊ะ!!!”
ร่างบึกบึนของเหล่าชายฉกรรจ์ดูเหมือนจะหดเล็กลงในพริบตาเพราะหวาดเกรงมาเฟียหนุ่มซึ่งเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้า
เมื่อทุกคนในที่นั้นต่างทราบดีว่าไม่มีอะไรบนโลกนี้น่ากลัวเท่าเจ้านายเวลาโกรธจัดอีกแล้ว
“ท่านคาร์โลครับ
ใจเย็นๆก่อน” เอริคพยายามปรามทั้งที่รู้ว่า ‘ยาก’ เหลือเกิน
“จะให้ฉันใจเย็นได้อย่างไร
ป่านนี้หล่อนไม่โดนพวกมันจับตัวไปแล้วเหรอ!!!” คาร์โลตอบด้วยหวังไว้ลึกๆว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น
“พวกมันมากันเพียงเท่านี้หรือมีมากกว่านี้!” เอริคหันไปถามพวกเพื่อนๆของตนเอง
“มากันเพียงเท่านี้!” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ผมคิดว่ามิสพันธิตราคงไม่ได้โดนพวกมันจับตัวไปแน่นอนครับ” เอริครายงานผู้เป็นนายที่บัดนี้เริ่มคลายโทสะลงบ้าง
“หากเป็นเช่นนั้นจริง
แล้วหล่อนจะหายตัวไปได้อย่างไร?” คาร์โลเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ในตอนนั้นเองผู้อยู่ใต้โอวาทคนหนึ่งก็ยอมเป็นหน่วยกล้าตายรายงานเรื่องราวให้เจ้านายของตนฟัง
“เอ่อ...ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้
ผมเจอมิสพันธิตราแต่งตัวสะพายกระเป๋าเตรียมออกไปข้างนอก
แต่ผมขวางทางเอาไว้ทำให้หล่อนเดินกลับไป
แต่ไม่มั่นใจว่าจะแอบลักลอบออกจากคฤหาสน์ทางอื่นหรือไม่ เพราะหากเป็นทางด้านหน้ารับรองว่าไม่มีใครกล้าย่างกรายออกไปแน่นอนครับ”
“ก็เลยปล่อยให้ไอ้พวกเวรเหล่านี้เข้ามาแทนสินะ!” คาร์โลตำหนิอีกฝ่ายอย่างอ้อมๆ ก่อนหันมองเอริคที่ยืนอยู่ไม่ห่างด้วยความสงสัยอะไรบางอย่าง
ซึ่งอีกฝ่ายก็ล่วงรู้ในสิ่งที่ผู้เป็นนายกำลังครุ่นคิด
ว่า...พันธิตรามีวิธีอะไรถึงสามารถหลบหนีออกจากคฤหาสน์โดยรอดพ้นสายตาของเหล่าบอดี้การ์ดที่อารักขาคฤหาสน์นับสิบกว่าคนได้!
ความกระวนกระวายยังคอยรบกวนจิตใจมาเฟียหนุ่มไม่ขาดเมื่อรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่ได้รับข่าวสารจากเหล่าลูกน้องบางส่วนที่ออกตามหาหญิงสาวในละแวกใกล้ๆเสียที
ขณะที่พวกชายฉกรรจ์อีกกลุ่มก็กำลังจัดการตรวจสอบภายในคฤหาสน์ว่าเสียหายมากน้อยเพียงใด
“หล่อนออกไปที่ไหนกันนะ!”
มาเฟียหนุ่มพึมพำอยู่เพียงลำพัง
จนเอริคซึ่งคอยเฝ้าคุ้มครองอยู่ไม่ห่างอดกังวลแทนไม่ได้ เมื่อไม่เคยเห็น คาร์โล
แองเจโล เคร่งเครียดถึงเพียงนี้
“อย่ากังวลเลยครับท่านคาร์โล
เพราะอย่างไรเสียเราก็รู้แล้ว ว่า...พวกบรูโน่ไม่ได้จับตัวมิสพันธิตรา หล่อนคงแค่แอบออกไปข้างนอกประเดี๋ยวสักพักก็คงกลับมา” เอริคปลอบใจเหมือนที่เคยทำ หากแต่ครั้งนี้ไม่มั่นใจว่าจะช่วยคลายความวิตกได้หรือไม่
ภายในอกของคาร์โลอัดแน่นด้วยความว้าวุ่นใจเหลือเกินด้วยเกรงว่าพันธิตราจะได้รับอันตรายเนื่องจากเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆเพียงคนเดียว
ซึ่งนั่นทำให้เขาค่อนข้างสนใจในตัวเธอมากกว่าสตรีคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ความใสซื่อไร้เดียงสาอาจพาหญิงสาวโดนหลอกจากคนร้ายได้ง่ายๆเฉกเช่นเขาที่กำลังกระทำอยู่!
“พบมิสพันธิตราแล้วครับ!” ดุจเสียงสวรรค์ลบเลือนหมอกควันให้จางหาย ชายหนุ่มเหลียวมองสตรีที่เพิ่งตามหาตัวกันจ้าละหวั่นด้วยความดีใจพลางรุดเข้าไปหาเจ้าตัวซึ่งกำลังหอบหิ้วข้าวของมากมายตรงเข้ามาพร้อมชายในชุดสูทสีดำอีกคน
“คารีน่า...คุณหายไปไหนมาเนี่ย?” ชายหนุ่มชิงถามอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ...พอดีฉันอยากจะตอบแทนคุณที่ดูแลฉันเป็นอย่างดีมาตลอดหนึ่งสัปดาห์
ก็เลยออกไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าวมาทำอาหารไทยให้คุณน่ะค่ะ” เธอสารภาพตามตรง
“พระเจ้า...โชคดีจริงๆที่คุณปลอดภัย” เขาพูดพลางสวมกอดหญิงสาวเอาไว้โดยไม่แยแสสายตาจากเอริคหรือลูกน้องคนอื่นๆ
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการได้เห็นพันธิตราปลอดภัยแข็งแรงครบถ้วนสามสิบสองอีกแล้ว
มือบางพยายามผละอ้อมกอดอันหนักหน่วงของชายหนุ่มอย่างเขินอายเพราะคาดไม่ถึงว่าการแอบออกไปข้างนอกจะทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วงเป็นใยถึงเพียงนี้
มิหนำซ้ำยังทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาด้วย...
“ขอโทษนะคะที่ฉันออกไปโดยไม่บอกกล่าว
แล้วยังฝ่าฝืนคำสั่งคุณด้วย” คำขอโทษขอโพยนั้นไม่ได้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกอะไร
เนื่องจากเขาไม่โกรธหญิงสาวเลยแม้แต่น้อยเมื่อภายในใจนั้นมีเพียงความห่วงใยเท่านั้น
“ไม่เป็นอะไรครับ...ผมเองก็ผิดที่ปล่อยคุณทิ้งไว้ในคฤหาสน์เพียงลำพัง
ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณตลอดสามเดือนเป็นอย่างดี ฉะนั้นเหตุการณ์เหล่านี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
พันธิตราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าเพราะอะไรชายหนุ่มถึงขนาดต้องสัญญากับแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เธอแอบหนีออกจากคฤหาสน์เพื่อไปตลาด
ทว่า ก็ไม่ได้ติดใจสงสัย เพราะไม่ปรารถนาทำเช่นนี้อีกเมื่อพลอยทำให้เขาและหลายคนเป็นห่วงกังวลจนวุ่นวาย
“ฉันก็สัญญาค่ะ
ว่า...จะไม่ไปไหนโดยไม่บอกกล่าว ขอโทษจริงๆค่ะ”
“ครับ...เอาเป็นว่าตอนนี้ผมว่างแล้ว
เพราะสะสางงานต่างๆจนเสร็จเรียบร้อยเพื่อให้เวลากับคุณทุกๆวัน” คาร์โลกล่าวโดยปราศจากความจริง
เมื่อรู้อยู่เต็มอกว่างานการมากมายยังกองท่วมหัวและรอคอยสะสาง แต่ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยทิ้งหญิงสาวตรงหน้าไว้เพียงลำพังอีกครั้งแน่นอน
พลางหันไปสั่งผู้รับใช้คนสนิทซึ่งกำลังชักสีหน้างุนงงปนสงสัยในเรื่องนี้พอดิบพอดี “เอริค...เตรียมรถ!”
“จะไปที่ไหนครับท่าน?”
เอริคถามทั้งที่ความจริงอยากรู้เรื่องเมื่อสักครู่มากกว่าว่าเจ้านายสะสางงานเสร็จไปตอนไหน
“สนามบิน...เราจะไปโรมกัน!” คำตอบนั้นส่งผลให้พันธิตราและเอริคตกใจทั้งคู่
“เอ๊ะ...เราจะไปโรมกันตอนนี้เลยเหรอคะ?” เธอร้องถามเสียงหลง
เนื่องจากคาดไม่ถึงว่ามันจะรวดเร็วปานสายฟ้าแลบเยี่ยงนี้
“ใช่ครับ เพราะหากชักช้าจะทำให้คุณเสียเวลาวันนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์” คาร์โลตอบพร้อมหันไปกำชับผู้อยู่ใต้โอวาทอีกครั้ง “รีบๆไปนำรถมาสิ!
“ครับท่าน!!!” เอริคตอบพลางกระวีกระวาดออกไปนำรถยนต์สีดำคันหรูมาจอดเทียบท่าตามคำสั่งเจ้านายอย่างไม่ขัดข้อง
ขณะที่หญิงสาวยังอดตื่นตระหนกกับความต้องการของชายตรงหน้าไม่ได้
“แล้วข้าวของที่ฉันไปซื้อมาจะทำอย่างไรล่ะคะ?” เธอร้องถามพลางก้มลงมองถุงพลาสติกใสที่ใส่กับข้าวอย่างเนื้อสัตว์และผักผลไม้มากมายในมือ
“เราจะนำไปทำกินกันที่โรมครับ”
คาร์โลตอบโดยไม่ยีหระในปัญหาข้อนี้
“ถึงอย่างนั้นฉันก็คงต้องขอเข้าไปเอาข้าวของเครื่องใช้ในการทำงานก่อนนะคะ”
แม้ชายหนุ่มสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องแรก
แต่พันธิตรามั่นใจว่าเขาคงไม่อาจจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จึงหมายจะเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์
ทว่า คาร์โลกลับรีบขวางทางเอาไว้
“ไม่ต้องห่วงคารีน่า
ผมจะให้ลูกน้องนำของของคุณทุกชิ้นที่ต้องการไปส่งภายหลังจากนี้”
“เอ๊ะ...ไม่เห็นจำเป็นเลยค่ะ
ฉันเข้าไปเอาเองก็ได้ ไม่น่าต้องลำบากให้คนอื่นๆนำไปให้เลย”
“ไม่ลำบากหรอกครับมิสพันธิตรา
กรุณารีบขึ้นรถก่อนเถอะครับ ประเดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้” เอริคช่วยเจ้านายเอาไว้ได้ทันท่วงที หลังเห็นหญิงสาวพยายามเข้าไปภายในเขตคฤหาสน์โดยไม่เกรงกลัวมาเฟียหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ทั้งที่ความจริงใครๆล้วนต้องยินยอมทำตามคำสั่งตั้งแต่ครั้งแรกแล้วแท้ๆ
“ก็ได้ค่ะ”
ในที่สุดพันธิตราก็จำใจทำตามประสงค์ของคาร์โลโดยไร้ข้อโต้แย้งเมื่อเห็นว่าเขามีท่าทีเร่งรีบจริงๆดั่งว่า
จึงได้รีบเข้าไปในรถอย่างว่องไวเพราะไม่อยากเสียเวลาให้เปล่าประโยชน์
“ขอบใจมากเอริค” มาเฟียหนุ่มกระซิบบอกผู้อยู่ใต้โอวาทด้วยสีหน้าท่าทางโล่งอก
หลังปิดบังสภาพอันไม่น่าดูของคฤหาสน์เอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญทำให้เขาจำใจต้องพาหญิงสาวหนีจากปาแลร์โมไปยังโรมนั่นเอง!
ความคิดเห็น