คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ตอนที่
2
แสงแดดรำไรไล้เปลือกตาที่พริ้มหลับของหญิงสาวซึ่งกำลังหลับใหลอยู่บนเตียงขนาดใหญ่เพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากนิทราอันยาวนานเสียที
พันธิตราพลิกกายอยู่ชั่วครู่ด้วยความงัวเงียแต่แล้วก็ต้องลุกขึ้นเมื่อจดจำได้ว่าบัดนี้ได้มาอยู่ประเทศอิตาลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลมจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทักทายหญิงสาวทันทีที่เปิดประตูกระจกออกไปยืนอยู่ตรงระเบียง
เสียงคลื่นที่ซัดซ่ากระทบหาดเป็นระยะๆนั้นโอบอุ้มจิตใจของแขกผู้มาเยือนอย่างพันธิตราให้หลงใหลได้ไม่ยาก
เมื่อมองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอแห่งอารยธรรมที่ผสมผสานกับธรรมชาติรอบด้านอย่างลงตัว
ระหว่างที่พันธิตรากำลังชื่นชมธรรมชาติอย่างสุนทรีย์อยู่นั้น
เสียงอื้ออึงด้านล่างก็ทำให้เธอต้องชะโงกลงไปมองยังสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ ปรากฎร่างของชายฉกรรจ์หลายคนสวมใส่ชุดวอร์มสีดำกำลังออกกำลังกายอย่างขะมักเขม้นเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
เมื่อพวกคนเหล่านี้ยังคงรักษาคาแร็คเตอร์ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และดูเหมือนสาวสวยในวงล้อมชายหนุ่มจะเป็นจุดเด่นพอสมควรทำให้พวกเขาเห็นเธอตรงระเบียงโดยง่ายจึงโค้งตัวทำความเคารพอย่างนอบน้อมประหนึ่งที่ทำกับคาร์โล
แองเจโล
“สุภาพจัง” พันธิตราอดคิดแบบนั้นไม่ได้
ทั้งยังรู้สึกประทับใจที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมราวกับแขกกิติมศักดิ์ โดยหารู้ไม่ว่าที่พวกหนุ่มๆแสดงพฤติกรรมแบบนั้นเพราะเห็นเธอเป็น
‘ผู้หญิงของเจ้านาย’ หาใช่ ‘แขกของเจ้านาย’ อย่างที่คิด
ดวงตากลมโตบ่ายไปยังท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กว้างไกลอีกครั้ง
ผืนน้ำระยิบระยับด้วยแสงสีทองจากดวงตะวันยามเช้าตรู่ไหวไปมาเป็นลอนคลื่นซึ่งซัดกระทบกันจากแรงลม
ปาแลร์โมนครแห่งอารยธรรมเก่าแก่เริ่มมีสีสันขึ้นมาราวกับเพิ่งถูกปลุกให้ตื่นเพื่อเริ่มวันใหม่
ภาพแห่งความประทับใจส่งผลให้พันธิตราอดคว้ากล้องถ่ายรูปมาบันทึกความทรงจำอันงดงามไว้ไม่ได้
หากนี่ไม่ใช่การมาประเทศอิตาลีเพื่อทำงานหญิงสาวคงพ่วงครอบครัวมาด้วยเป็นแน่เพื่อให้พวกท่านได้ชื่นชมกับทัศนียภาพที่เธอได้เห็น
ณ ขณะนี้
ครอบครัว...
คำนี้ฉุกใจพันธิตราได้ชะงัดเมื่อลืมสัญญากับคุณหญิงพิชชาพร
ว่า...จะโทรศัพท์กลับไปทันทีเมื่อถึงประเทศอิตาลี ตอนนี้ก็ล่วงเลยหลายชั่วโมงแล้วเพราะเธอเผลอหลับไปนานเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าระหว่างเดินทางมายังที่นี่
หากแต่ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าโทรศัพท์มือถือที่อุตส่าห์ชาร์ตจนแบตเตอรี่เต็มนั้นกลับไม่มีสัญญาณใดๆ
“โอ้ยยย...ป่านนี้คุณแม่ต้องพาลบ่นจนคุณพ่อหูแฉะแล้วแน่ๆ” เธอพึมพำอย่างรับรู้ชะตากรรมของท่านนายพลรัชชานนท์ผู้เป็นบิดา
ก็อกๆๆ
ประตูที่เปิดออกหลังจากเสียงเคาะดังขึ้นทำให้หญิงสาวต้องหยุดทุกอย่างแล้วเหลียวมองสาวใช้สองคนที่เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม
“มิสพันธิตรา...อีกหนึ่งชั่วโมงจะเริ่มมื้อเช้าแล้วค่ะ”
“ออ...ค่ะ แต่ฉันขออาบน้ำอาบท่าก่อนนะคะ”
หญิงสาวคว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมเข้าห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะไม่ปรารถนาให้เจ้าของบ้านต้องรอนาน
รวมถึงปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองได้ทำความสะอาดและจัดห้องหับตามใจชอบ
ผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนอ่อนๆถูกมัดรวบด้วยริบบิ้นสีฟ้าเข้ากับผ้าพันคอสีเดียวกันบนชุดเดรสสีขาวอย่างลงตัว
ดวงหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเบาๆทำให้หญิงสาวสดใสและน่ารักในสายตาของคาร์โล
แองเจโล และผู้อยู่ใต้โอวาทหลายคนที่ได้พบเห็น มาเฟียหนุ่มมองลูกแกะตัวน้อยไม่วางตาตั้งแต่เธอเดินเข้ามาจนถึงโต๊ะอาหาร
กลิ่นแชมพูและสบู่ยังหลงเหลือจากการอาบน้ำยั่วยวนหัวใจใช่เล่นจนต้องลุกขึ้นมาช่วยขยับเก้าอี้ให้พันธิตราแทนที่จะปล่อยให้เอริคได้ทำตามหน้าที่ของตนเอง
“เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้เจ้าของบ้านซึ่งกลับไปนั่งยังที่เดิม “วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนคะ?”
“ผมจะพยายามพาคุณเที่ยวให้ทั่วเมืองปาแลร์โมในสัปดาห์นี้
ถึงจะค่อยๆทยอยพาทัวร์ให้ทั่วอิตาลี
และผมขอรับประกันว่าทุกที่ที่คุณไปจะต้องประทับใจและปลอดภัยแน่นอน...เชื่อมือไกด์พิเศษคนนี้เถอะครับ”
มื้อเช้าวันนี้ค่อนข้างพิเศษเสียหน่อยเนื่องจากมีซุปครีมเห็ดกับชาผลไม้นอกเหนือจากกาแฟและคอร์เนตโตอันเป็นมื้อปกติของชาวอิตาเลี่ยน
เพราะคาร์โลไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกเบื่อหน่ายกับอะไรเดิมๆ
ขณะที่เขานั้นเคยชินเสียแล้วจึงขอดื่มเพียงเอสเปรสโซแก้วใหญ่เท่านั้น
เพียงไม่นานนักแก้วชาผลไม้ที่บัดนี้ว่างเปล่าก็ถูกวางลงบนโต๊ะดั่งเดิมหลังจากพันธิตรารู้สึกอิ่มหนำสำราญ
พลางหยิบผ้าเช็ดปากที่วางข้างๆมาใช้ ทว่า ก็เหลือบเห็นชายหนุ่มกำลังจดจ้องมองเธออยู่พอดี
“เอ่อ...หน้าของฉันมีอะไรติดเหรอคะ?” เธอถามด้วยอารมณ์ขัน
“เปล่าหรอกครับ
เพียงแค่ผมกำลังนึกสงสัยอะไรบางอย่าง”
“เอ๊ะ...สงสัยเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“ผู้หญิงไทยนี่สวยเหมือนคุณทุกคนหรือเปล่าครับ?” คำถามของคาร์โลดึงใบหน้าหวานๆของพันธิตราให้ก้มลงต่ำอย่างเขินอายทันที
เมื่อคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล่าวชมอย่างซึ่งๆหน้าแบบนี้
“ฉันคิดว่าผู้หญิงไทยคนอื่นๆสวยกว่าฉันค่ะ”
“เรื่องนั้นผมไม่อาจทราบได้เมื่อยังไม่มีการพิสูจน์ด้วยสายตาตัวเอง
แต่ที่แน่ๆผมรู้ว่าคุณคงได้รับความสวยมาจากคุณแม่แน่ๆ”
หัวใจหญิงสาวสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชมหวานๆจากมาเฟียหนุ่ม
ทว่า มันก็ทำให้เธอฉุกคิดอะไรได้บางอย่างเกี่ยวกับครอบครัว
“เอ่อ...พอดีฉันจำเป็นต้องติดต่อไปหาครอบครัวที่ไทยแต่ว่ามือถือใช้ไม่ได้
ไม่ทราบว่าแถวนี้ไม่มีสัญญาณเหรอคะ?”
พันธิตราถามในสิ่งที่กำลังกังวลใจด้วยเกรงว่าคุณหญิงพิชชาพรกับท่านนายพลรัชชานนท์จะเป็นห่วง
“ออ...ใช่ครับ
เนื่องจากบริเวณนี้อยู่บนเขาและติดทะเลทำให้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร
ถ้าเป็นในเมืองก็ไม่มีปัญหาอะไร”
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาสร้างคฤหาสน์หลังงาม ณ สถานที่แห่งนี้ เพราะยากต่อการลอบดักฟังทางโทรศัพท์มือถือนั่นเอง
“แต่ถ้าคุณมีธุระเร่งด่วนก็สามารถใช้โทรศัพท์บ้านตรงบริเวณห้องรับแขกได้เลยครับ” คาร์โลตอบ
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอรบกวนด้วยนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
สำหรับพันธิตราตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวเล็กๆในห้องรับแขกอีกแล้ว
เธอยกหูพลางกดเบอร์โทรศัพท์กลับไปยังประเทศไทยทันที แน่นอนว่าเสียงปลายสายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก...
“ฮัลโหล...ยัยมะเขือหรือเปล่าลูก?” คุณหญิงพิชชาพรชิงถามเสียก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรสักคำ จนเธอนึกขำขึ้นมา
“ค่ะ...คุณแม่ หนูเอง”
“โอ้ยยย...เป็นอย่างไรบ้างลูก
ทำไมถึงติดต่อกลับมาหาแม่ช้าจัง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่หนูเหนื่อยจากการเดินทางก็เลยเผลอหลับไป” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ
แม้มีข้าวของเงินทองมากองตรงหน้ามากมายเพียงใดก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้พันธิตราสุขใจมากเท่าการได้ยินเสียงหรือเห็นหน้าครอบครัวขณะอยู่ต่างประเทศ
“มันน่าตีนักเชียวลูกคนนี้
ดูสิ...ปล่อยให้แม่เป็นห่วงแทบตาย ส่วนตัวเองนอนหลับสบายเสียอย่างนั้น”
“โถๆๆ...คุณแม่ขา ขอโทษนะคะ”
หญิงสาวออดอ้อนอย่างรู้ดีว่าผู้เป็นแม่จะให้อภัยง่ายๆ
“เอาเถอะๆ...แล้วนี่พักอยู่ที่ไหนกัน
สะดวกสบายดีไหม?”
“อย่าห่วงเลยค่ะ
มิสเตอร์อัลเบอร์โต้ ไกด์พิเศษของหนูดูแลดีมาก อีกทั้งยังพามาพักที่คฤหาสน์ในปาแลร์โมด้วย
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นต้องชอบแน่ๆเพราะที่นี่สวยมากๆเลยค่ะ”
พันธิตรากล่าวพลางมองดูการตกแต่งภายในที่หรูหรารายล้อมอยู่รอบตัวอย่างอดชื่นชมไม่ได้
จนเหลือบไปพบเอริคที่เดินเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า
“ขออภัยครับมิสพันธิตรา
ขณะนี้ถึงเวลาเดินทางแล้ว”
“ออค่ะ” เธอตอบเขา พลางรีบกล่าวบอกคุณหญิงพิชชาพรทันที “คุณแม่ขา...เดี๋ยวหนูต้องขอตัวก่อนนะคะ
พอดีว่าต้องออกไปทัวร์ในเมืองเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการทำงาน
แล้วหนูจะติดต่อกลับไปเองแต่คงไม่บ่อยมากเพราะที่นี่สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี
จะใช้โทรศัพท์บ้านก็เกรงใจมิสเตอร์อัลเบอร์โต้”
“ตกลงจ้ะ
แต่ถ้าลูกมีปัญหาอะไรต้องรีบติดต่อแม่ทันทีเลยนะ!” ผู้เป็นแม่กำชับ
“ได้ค่ะ”
“จ้าๆ...แค่นี้นะจ๊ะ”
คุณหญิงพิชชาพรตัดบทโดยไม่ฟังเสียงร้องทักท้วงจากผู้เป็นสามีอย่างท่านนายพลรัชชานนท์ที่โวยวายแทรกเข้ามาว่าต้องการขอคุยกับลูกด้วยแม้แต่น้อย
พันธิตราถึงกับหัวเราะแล้ววางหูโทรศัพท์ไปเนื่องด้วยเกรงใจ ‘ไกด์พิเศษ’ ที่รออยู่ก่อนหน้าแล้ว
กลิ่นแห่งอารยธรรมโรมันโบราณที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมของคนเมืองยุคปัจจุบันดูจะอบอวลและคละคลุ้งเป็นเนื้อเดียวกัน
เมื่อมองไปทางไหนก็พบแต่ตึกรามบ้านช่องที่มีอายุยาวนานก่อนใครต่อใครในที่นี้จะเกิดเสียอีก
ความอยากรู้อยากเห็นของพันธิตรากระตือรือร้นจนบางครั้งคาร์โลอดประหลาดใจตัวเองไม่ได้
ที่คว้าลูกแกะแสนใสซื่อมาเล่นสนุกแทนที่จะเป็นแม่แมวป่าแสนเจ้าเล่ห์เฉกเช่นทุกครั้งที่เขาเคยทำ
เสียงกดชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินไปเรื่อยๆเพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองปาแลร์โมนั้นไม่ได้ทำให้มาเฟียหนุ่มรำคาญใจแม้แต่น้อย
เมื่อเขาไม่ค่อยมีโอกาสออกมาทำอะไรแบบนี้สักเท่าไรด้วยตำแหน่งที่เป็นถึงประธานบริษัทแองเจโลกรุ๊ปนั้นทำให้มีงานในและงานนอกอย่างการนัดพบปะสังสรรค์กับผู้หลักผู้ใหญ่มากมายในประเทศ
ซึ่งยังไม่นับงานลับที่ปิดบังซ่อนเร้นอย่างค้าขายอาวุธสงคราม เพียงแค่นั้นก็ทำให้ชีวิตวุ่นวายจนบางครั้งไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว
นั่นทำให้คาร์โลรู้สึกพึงพอใจที่ได้เล่นเกมกับหญิงสาวชาวไทยผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยการแสร้งทำหน้าที่เป็นไกด์พิเศษให้เธอเพราะเป็นการพักผ่อนไปด้วยในตัว
ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องโดนอารักขาจากลูกน้องมากมายในฐานะมาเฟียอยู่ดี
เมื่อรอบด้านล้วนแต่อันตรายด้วยศัตรูทั้งจากทางรัฐบาลและวงการเดียวกัน
จึงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้เอริคจะต้องคอยตามรับใช้อย่างใกล้ชิดโดยไม่ปล่อยให้ผู้เป็นนายคลาดสายตาแม้วินาทีเดียว
ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องหรูหราตามสถานที่ต่างๆนั้นมักซ่อนเร้นสถาปัตยกรรมเก่าๆซึ่งหลงเหลือมาแต่ครั้งโบราณ
ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์หรือวิหารมากมายต่างถูกรักษาให้สืบทอดเพื่อคงอยู่มาตั้งแต่ยุคกลาง
เฉกเช่น ซานโจวานี เดลยิ เอเรมีตี
โบสถ์เล็กๆตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวสดซึ่งคอยปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้จากโลกภายนอกที่กำลังหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจเลี่ยงหลบจากสายตาของแขกผู้มาเยือนอย่างพันธิตราได้
เธอเงยมองโดมสีส้มอมแดงกระดำกระด่างห้ายอดบนตัวโบสถ์ที่สร้างจากศิลาราวกับต่างแดดตากลมมานานแสนนานอย่างสนอกสนใจพร้อมเก็บภาพเอาไว้ในกล้องคู่ใจที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลา
“ซานโจวานี เดลยิ เอเรมีตี
นี่เป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมในยุคกลาง จะมีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยอดโดมแบบแขกมัวร์ ( ***มัวร์ คือ ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรไอบีเรียและแอฟริกาเหนือ
แต่เดิมเป็นชาวอาหรับและพูดภาษาอาหรับด้วยสำเนียงฮาซานียะห์ ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศมอริเตเนีย
) ห้ายอดนั้น” คาร์โลอธิบายให้ฟังคร่าวๆ แล้วเดินตามหญิงสาวซึ่งกระตือรือร้นไปตรงบริเวณนั้นทีบริเวณนี้ทีอย่างเบิกบานใจ
“ท่านครับ!” เอริคที่เดินตามต้อยๆเพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้เอ่ยเรียกเจ้านายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ว่าอย่างไร?”
“เมื่อสักครู่พวกของบรูโน่โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาขอเจรจาเรื่องที่ท่านคาร์โลขายอาวุธสงครามให้มิสเตอร์เบอร์นาร์ดเมื่อวานนี้น่ะครับ”
ชื่อ ‘บรูโน่’ นั้นขมวดคิ้วโก่งเข้มของมาเฟียหนุ่มจนแทบชนกัน
“อีกแล้วเหรอ...น่ารำคาญจริงๆ
ถ้าพวกมันโทรศัพท์เข้ามาอีกก็บอกไปว่าฉันไม่คุยอะไรทั้งนั้น!”
“แต่ถ้าบรูโน่เกิดไม่พอใจ...”
น้ำเสียงละล้าละลังของผู้รับใช้คนสนิทนั้นส่งผลให้คาร์โลรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาไม่น้อย
“จะไปกลัวทำไม ถ้าอาวุธของพวกมันดีจริง...มิสเตอร์เบอร์นาร์ดคงไม่มาซื้อกับฉันหรอก
แล้วแบบนี้จะมาเรียกร้องอะไรอีก พอๆ...เลิกพูดเรื่องที่ทำให้ฉันหงุดหงิดได้แล้ว
ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าตอนนี้ คือ เวลาพักผ่อนของฉัน!”
เป็นอันสรุปว่า...การสนทนาครั้งนี้ได้จบลงโดยที่เอริคไม่อาจปริปากอะไรต่อไปเนื่องจากหวั่นเกรงมาเฟียหนุ่มที่เริ่มจะมีโทสะขึ้นมา
แม้ว่าชื่อเสียงของ บรูโน่ โอเรสเต้
จะโด่งดังในฐานะพ่อค้าอาวุธสงครามที่แข่งขันกับคาร์โล แองเจโล มาตลอด
แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่น่ากลัวเท่าเจ้านายของเขาเอง!
คาร์โลพยายามปรับสีหน้าไม่สบอารมณ์ของตนเองให้เข้าที่เข้าทางแล้วถอนหายใจเบาๆเพื่อควบคุมสติ
ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวซึ่งยังคงเริงร่ากับสิ่งรอบตัวเพราะเห็นว่าสมควรที่จะต้องพักบ้างแล้วเมื่อนาฬิกาข้อมือทองคำยี่ห้อหรูบ่งบอกเวลาเที่ยงกว่า
“ผมคิดว่าเราควรจะไปเดินเล่นแถวย่าน
เวียรุจเจโร เซ็ตตีโม จะได้หาร้านอร่อยๆไว้กินกันในมื้อเที่ยงด้วย”
“ก็ดีค่ะ...พอคุณพูดขึ้นมาฉันก็เริ่มหิวเหมือนกัน”
พันธิตราตอบรับข้อเสนอนั้นแต่โดยดี
เวียรุจเจโร เซ็ตตีโม
เหมาะสมกับเป็นย่านค้าขายเมื่อถนนอันสะอาดสะอ้านนั้นถูกขนาบด้วยอาคารสูงสองฝั่งโดยพื้นที่ด้านล่างเปิดเป็นร้านค้าต่างๆ
เช่น ร้านหนังสือ ร้านขายของที่ระลึก ร้านเครื่องดื่ม ร้านอาหาร
ถัดไปนั้นก็ยังมีโรงภาพยนตร์อีกด้วย
ในตอนนี้พันธิตราได้หยุดอยู่ตรงหน้าภัตตาคารแห่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงจึงทำให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่ได้ยินกิตติศัพท์ต่างพามาฝากท้องสำหรับมื้อเที่ยงที่นี่จนแน่นเต็มร้าน
เพียงแค่มองผ่านกระจกด้านหน้าเข้าไปก็ทำเอาหญิงสาวถึงกับถอดใจเพราะแม้อยากลองอาหารรสโอชาสักเพียงใดก็ไม่อาจรบราฝ่าฟันลูกค้ามากมายซึ่งนั่งตามโต๊ะทุกตัวจนเต็มได้เป็นแน่
“เราลองไปหาร้านอื่นดูดีไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ...ร้านนี้ขึ้นชื่อที่สุดในปาแลร์โมและผมต้องการให้คุณได้ลิ้มรสอาหารรสชาติดีเยี่ยมของที่นี่”
มาเฟียหนุ่มตอบตามนิสัยของตนเอง
เพราะถ้าเขาหมายปองสิ่งใดไว้แล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนความตั้งใจเป็นอันขาด
“ลูกค้าในร้านเยอะเหลือเกิน
แล้วกว่าจะรอพวกเขากินแต่ละคอร์สเสร็จ...”
หญิงสาวเกรงว่ากว่าจะได้กินคงอิ่มน้ำย่อยเสียก่อนแน่ๆ
เพราะรู้ดีว่ามื้อเที่ยงของชาวอิตาเลี่ยนนั้นไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมงกับจำนวนอาหารห้าถึงหกอย่างในมื้อเดียว
“อย่าห่วงไปเลย...เรื่องนั้นผมจัดการเอง
คุณรอตรงนี้สักครู่หนึ่งนะครับ” คาร์โลกล่าวอย่างไม่กังวลก่อนจะกำชับเอริคให้อยู่ดูแลหญิงสาวระหว่างที่เขาเดินเดี่ยวเข้าไปภายในภัตตาคารนั้น
ร้านรวงที่เปิดขายสินค้าต่างๆข้างทางดูน่าสนใจไปเสียหมดในสายตาของพันธิตรา
หลายสิ่งหลายอย่างไม่เหมือนในบ้านเกิดที่ประเทศไทย
ทำให้หญิงสาวอดใจไม่ได้ที่จะซื้อเก็บเพื่อเป็นของฝากให้เพื่อนฝูงหลังจากกลับไป
“เดี๋ยวฉันขอไปดูของที่ระลึกตรงฟากโน้นหน่อยนะคะ” เธอพูดพลางชี้ให้เอริคดูร้านเล็กๆที่เปิดอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม “ไม่ต้องตามมาหรอกนะคะ เดี๋ยวมิสเตอร์อัลเบอร์โต้ออกมาไม่พบคุณ
อีกอย่างร้านก็อยู่ไม่ไกลมาก”
เธอกล่าวเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทำท่าจะเดินตามมา
“ก็ได้ครับ” เอริครับคำ
พันธิตราไม่รอช้าที่จะข้ามถนนไปยังร้านขายของที่ระลึก
ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจ เครื่องประดับจากวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น และโปสการ์ด
มีมากมายจนละลานตา ทำให้หญิงสาวต้องลังเลอยู่ชั่วครู่ที่จะเลือกดูข้าวของแต่ละชิ้นเพื่อเป็นของฝากจนไม่ได้ระมัดระวังตัวเลยแม้แต่นิดเดียวว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้
พลัวะ!!!
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งผลักร่างบางของหญิงสาวจนล้มลงไปกระแทกแผงสินค้าอย่างแรง
กว่าที่พันธิตราจะตั้งตัวและตั้งสติได้ทันเขาคนนั้นก็กระชากกระเป๋าสะพายของเธอติดมือไปด้วยเสียแล้ว
“กรี๊ดดด...ช่วยด้วยค่ะ
ฉันโดนวิ่งราวกระเป๋า!!!”
ขณะเดียวกันภายในภัตตาคารหรูหรายังคงคราคร่ำไปด้วยลูกค้าที่ใช้บริการจนโต๊ะเก้าอี้เต็มทั้งร้าน
หากแต่ภาพของบุคคลเหล่านั้นไม่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีเทาของคาร์โล
แองเจโลเลยแม้แต่น้อย
เพราะเขามั่นใจว่าอย่างไรเสียใครสักคนจะต้องยอมสละโต๊ะแล้วออกไปค้นหามื้อเที่ยงในร้านอื่นๆแน่นอน!
“โอ้...ท่านคาร์โล
มีอะไรให้ผมรับใช้หรือไม่ครับ?”
ชายแก่ร่างท้วมในชุดสูทสีดำกลัดป้ายชื่อสีทองตรงหน้าอกด้านซ้ายบ่งบอกถึงตำแหน่งผู้จัดการภัตตาคารแห่งนี้ได้เข้ามาต้อนรับขับสู้มาเฟียหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลในปาแลร์โม
ไม่สิ...ในประเทศอิตาลีเลยก็ว่าได้ ด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพนอบน้อม
“มีแน่นอน...พอดีว่าฉันต้องการกินมื้อเที่ยงที่ร้านนี้
พอจะเคลียร์โต๊ะให้ได้หรือไม่?”
คาร์โลกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับไม่เห็นลูกค้าจำนวนมากที่นั่งกันเต็มไปหมด
“เอ่อ...”
ผู้จัดการร้านลังเลอย่างละล้าละลัง
ทว่า ก็ต้องรีบเปลี่ยนท่าทางเมื่อดวงตาคมเข้มสีเทาดุจเหล็กกล้าของมาเฟียหนุ่มจดจ้องเขม็งราวกับพร้อมจะฆ่าเขาให้ตายทางอ้อม
“ได้แน่นอนครับ!”
บริกรสามถึงสี่คนพยายามเข้าไปช่วยพูดจาไกล่เกลี่ยให้แขกผู้โชคร้ายโต๊ะหนึ่งออกไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอื่นแทนโดยไม่คิดค่าอาหาร
คราวแรกเขาคนนั้นดูเหมือนจะไม่ยินยอมและโวยวายเสียงดัง ทว่า พอหันมาพบบุคคลที่ต้องการโต๊ะแทนก็ถึงกับหน้าถอดสีแล้วตาลีตาเหลือกออกไปอย่างรวดเร็ว
“เรียบร้อยแล้วครับท่านคาร์โล” ชายแก่รีบเข้ามาบอกกล่าวทันทีที่ปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น
“ดีมาก”
ฉับพลัน
เสียงโวยวายด้านนอกก็ดังแว่วเข้ามาจนคาร์โลต้องเหลียวมองด้วยความตกใจ ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าน้ำเสียงนั้นช่างคลับคล้ายคลับคลาหญิงสาวชาวไทยภายใต้การดูแลของเขาเหลือเกินจนต้องรีบพรวดพราดออกไปจากภัตตาคารอย่างว่องไว
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ!!!” เขาถามทันทีที่ปรี่เข้าไปหาพันธิตรา
“มีคนวิ่งราวกระเป๋ามิสพันธิตราแล้วหนีเข้าไปในตรอกด้านขวาตรงนั้นครับท่าน!”
ผู้อยู่ใต้โอวาทรีบรายงาน
“ฉันจะทำอย่างไรดี ทั้งเงิน
ทั้งพาสปอร์ต อะไรต่อมิอะไรอยู่ในกระเป๋าฉันหมดเลย”
พันธิตรารู้สึกเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้
ทำไมเธอถึงสะเพร่าขนาดนี้ทั้งที่รู้ว่ามิจฉาชีพในประเทศอิตาลีชุกชุมยิ่งกว่ายุง ก็ยังพลาดท่าโดนพวกคนเลวๆเหล่านั้นวิ่งราวกระเป๋าไปต่อหน้าต่อตา
“ผมจะไปเอาคืนให้เอง” คำตอบที่หลุดจากปากมาเฟียหนุ่มส่งผลให้เอริคต้องมองหน้าเจ้านายของตนเองด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก
“ท่านครับ
แต่ผมเกรงว่ากระเป๋าของมิสพันธิตราจะไม่ได้กลั...”
“อยู่เฝ้ามิสพันธิตราเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา!!!”
พูดจบคาร์โลก็วิ่งออกไปตามทิศทางที่รู้ในตอนแรกโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดจบ
สองเท้าที่วิ่งอยู่นั้นค่อยๆผ่อนกำลังลงอย่างช้าๆ
ดวงตาสีเทากวาดมองรอบตรอกแคบๆที่เข้ามาแล้วพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบผู้ชายร่างสูงใหญ่สวมใส่เสื้อกั๊กยีนสีมอซอบริเวณบันไดหนีไฟของอาคารหลังหนึ่งกำลังรื้อค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าสตรีอย่างร้อนรนจนข้าวของกระจัดกระจายบนพื้น
ซึ่งเขาเองก็จดจำได้ว่ามันเป็นของพันธิตรา
“เฮ้ยยย...ส่งกระเป๋าใบนั้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!!!” คาร์โลตวาดเสียงดัง
“อะไรวะ...ใครเร็วใครได้สิเว้ย!” ชายฉกรรจ์ตะโกนกลับมา ทว่า ทันทีที่ใบหน้าหยาบกร้านคร้ามด้วยหนวดเคราเงยขึ้นพบบุรุษที่สวมใส่ชุดสูทสีดำสนิทก็ถึงกับต้องเบิกตาโพลง
“คาร์โล แองเจโล!!!”
กระเป๋าและข้าวของที่ถูกรื้อค้นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไปเพราะในตอนนี้ต้องรักษาชีวิตรอดไว้ก่อน
ส่งผลให้มิจฉาชีพคนนั้นรีบวิ่งหนีเข้าไปในตรอกย่อยๆที่อยู่ถัดไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าคาร์โลไม่มีทางปล่อยให้มันหนีรอด
เขาสาวเท้าวิ่งตามไปอย่างกระชั้นชิดโดยที่มือข้างหนึ่งล้วงปืน IMI Desert Eagle ( ***ปืน IMI Desert Eagle คือ ปืนพกที่ผลิตครั้งแรกในประเทศอิสราเอล มีฉายา อินทรีทะเลทราย
เหมาะสำหรับใช้สู้รบในสมรภูมิทะเลทรายเเละไร้ที่กำบังเพราะสามารถกันฝุ่นได้เเต่กันน้ำไม่ได้
เป็นปืนพกที่ทรงอานุภาพที่สุด ว่ากันว่า...สามารถล้มช้างตัวใหญ่ๆในการยิงเพียงไม่กี่นัด
) ที่พกติดตัวตลอดขึ้นมาจากใต้เสื้อสูทพลางเล็งเป้าไปยังเหยื่อผู้โชคร้ายแล้วลั่นไกโดยไม่รั้งรอทันที
ปังงงง!!!
เสียงปืนดังกึกก้องสะท้อนผนังอาคารประหนึ่งอสุนีบาตที่ฟาดผ่าลงมาจากเบื้องบนเพื่อลงทัณฑ์ใครบางคนที่ทรุดล้ม
เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นจากบาดแผลบริเวณท่อนขาจนไหลซึมชุ่มกางเกงยีนออกมาเปื้อนเปรอะพื้นถนน
“โอ้ยยยย...อย่าทำผมเลย
ผมขอโทษ”
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายพยายามถดตัวหนีจากมาเฟียหนุ่มที่ค่อยๆก้าวย่างเข้ามาอย่างเชื่องช้าประหนึ่งมัจจุราชที่พร้อมกระชากวิญญาณออกไปจากร่างกายก็ไม่ปาน
และทันทีที่ประชิดตัวคาร์โลก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเหยียบอกพร้อมเล็งปากกระบอกปืนจ่อไปยังศีรษะชายฉกรรจ์คนนั้น
“อย่าๆ...ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ
ผมสัญญา ผมจะไม่ทำอีก” มันร้องขอชีวิตด้วยใบหน้าตื่นกลัว
น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูจนไม่เหลือเคล้าของความเป็นลูกผู้ชายเมื่อความกลัวตายเข้ามาบดบังแทนที่
มือที่ถือปืนนั้นนิ่งพอกับนัยน์ตาสีเทาที่แข็งกร้าวราวกับสามารถดูดกลืนโลกทั้งใบมาไว้ในนั้นได้
ยิ่งสร้างความกลัวให้อีกฝ่ายจนแทบจะหมดลมทั้งที่ยังไม่โดนลูกกระสุนอีกนัดเสียด้วยซ้ำ
“เอาเถอะ...ถ้าไม่ติดว่าวันนี้คือวันพักผ่อน
ฉันจะส่งแกลงไปนอนในนรกแน่นอน!!!”
คาร์โลพูดพลางตัดสินใจลดปากกระบอกปืนก่อนจะเก็บมันไว้ใต้เสื้อสูทอีกครั้ง
ทำให้ชายคนนั้นรีบลากขาข้างที่บาดเจ็บออกไปอย่างลนลานหลังได้รับการปลดปล่อยให้รอดจากความตายอย่างเฉียดฉิว
“โจรกระจอก!” มาเฟียหนุ่มสบถพลางหมุนตัวเดินออกไปเก็บข้าวของหญิงสาวใส่กระเป๋าดั่งเดิม
เพื่อนำไปให้พันธิตราซึ่งกำลังยืนรอด้วยสีหน้าท่าทางกระวนกระวายโดยมีเอริคเฝ้าระวังความปลอดภัยตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
“คุณไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ
ฉันได้ยินเสียงปืนแว่วมาทำเอาตกใจเสียแทบแย่”
เธอร้องถามด้วยความกังวลใจ
“ไม่เป็นไรครับ
พอดีผมหลบลูกปืนได้”
เขาโกหกหน้าตายเมื่อไม่อยากบอกว่าเสียงปืนที่ดังขึ้นนั้นมาจากใครกันแน่
ก่อนจะยื่นกระเป๋าให้หญิงสาวอย่างรวดเร็ว “นี่กระเป๋าของคุณครับ”
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” เธอกล่าวพร้อมรับไปสำรวจว่ามีอะไรสูญหายบ้างหรือไม่
พลางต้องทำหน้าเหยเกอย่างเศร้าใจเมื่อพบว่าโทรศัพท์มือถือนั้นหน้าจอแตกละเอียด
มิหนำซ้ำซิมการ์ดและฝาปิดยังหักจนเสียรูปทรง
“แย่จริง...เดี๋ยวผมพาไปซื้อเครื่องกับซิมการ์ดใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าดีไหมครับ?”
คาร์โลยื่นข้อเสนอ
เพราะคาดว่ามือถือของพันธิตราคงไม่อาจกลับมาใช้งานได้อีกครั้งเป็นแน่
เนื่องจากตอนที่มิจฉาชีพคนนั้นหนีเขาก็เหวี่ยงเอากระเป๋าทิ้งแล้วเหยียบข้าวของที่ตกหล่นให้วุ่นวายคงทำให้พลาดไปโดนมันพอดิบพอดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่างไรเสียฉันก็คงไม่ค่อยได้ใช้เพราะไม่ชอบให้ใครโทรศัพท์มารบกวนขณะทำงาน
อีกอย่างที่คฤหาสน์ของคุณก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ซื้อใหม่ก็เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ” พันธิตราตอบ
“เอริค...ฉันอุตส่าห์กำชับไว้แล้ว
ว่า...ให้ดูแลมิสพันธิตราดีๆ ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ได้ ห๊ะ!!!” คาร์โลหันไปตำหนิลูกน้องคนสนิทด้วยความขุ่นเคือง
“ขออภัยจริงๆครับท่าน...ผมต้องขออภัยจริงๆครับมิสพันธิตรา”
ผู้อยู่ใต้โอวาทค้อมตัวเพื่อแสดงความเสียใจในสิ่งที่ทำผิดพลาด
ทำให้หญิงสาวต้องรีบโบกไม้โบกมือพัลวันอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
อีกอย่างมันก็เป็นความผิดของฉันมากกว่าที่ไม่ยอมให้คุณเอริคติดตามไปด้วยเพราะเห็นว่าร้านขายของที่ระลึกอยู่ไม่ไกลมากและเกรงว่าถ้าคุณออกมาจากภัตตาคารจะไม่เจอพวกเรา”
หญิงสาวยอมรับว่าเป็นความสะเพร่าของตนเอง
อีกทั้งไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ติดตามอย่างเอริคซึ่งทำหน้าที่ของตนดีอยู่แล้วแต่กลับต้องมาโดนตำหนิต่อว่าจากเจ้านายเพียงเพราะความประมาทของเธอ
“โอเคครับ...ถ้าเช่นนั้นเราไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ
เพราะนี่ก็บ่ายกว่าแล้ว”
“ค่ะ”
พันธิตรายิ้มหวานพลางเดินนำเข้าไปในภัตตาคารตามคำเชื้อเชิญของมาเฟียหนุ่ม
เปิดโอกาสให้คาร์โลหันไปตำหนิเอริคอีกครั้ง
“คราวหน้าอย่าทำงานผิดพลาดอีก!”
“ครับท่าน เอ่อ...แต่ว่า...”
“มีอะไรอีก?” คาร์โลถามอย่างหงุดหงิดใจ
“ผมเข้าใจว่าการช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ดี
แต่ท่านไม่ควรวิ่งเข้าไปในสถานที่เปลี่ยวๆเพียงลำพังเช่นนั้นโดยไม่มีผมติดตามไปด้วย
เพราะหากเป็นแผนลวงของพวกคู่แข่งท่านอาจจะแย่ก็ได้นะครับ”
“แล้วจะให้ผู้ชายตัวโตๆอย่างฉันมีคนติดตามดูแล
โดยปล่อยทิ้งให้ผู้หญิงตัวเล็กๆต่างถิ่นอยู่เพียงลำพังอย่างนั้นเหรอ!!!”
“ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น
แต่มันไม่คุ้มค่าที่ท่านจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับกระเป๋าของผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงสองวัน” คำพูดของเอริคชะงักโทสะในใจมาเฟียหนุ่มได้ราวกับคมมีดที่กรีดเฉือนผิวหนัง
ดวงตาสีเทาคู่งามล่อกแล่กไปมาด้วยความสงสัยในตนเองไม่ต่างกัน
ทั้งที่ความจริงแล้วการแก้ปัญหาก็ช่างแสนง่ายแค่ให้เงินทองที่มีมากมายกับเธอสักเล็กน้อยแล้วพาไปแจ้งเรื่องยังสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอิตาลีที่กรุงโรมก็เท่านั้น
แต่เพราะอะไรกันถึงทำให้มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลอย่างคาร์โล
แองเจโลต้องลงทุนวิ่งตามมิจฉาชีพกระจอกๆเพื่อนำกระเป๋ามาคืนให้แก่ผู้หญิงเพียงคนเดียว
“ฉันหิวแล้ว”
ผู้อยู่ใต้โอวาทไม่ซักถามเจ้านายที่ตัดบทเสียดื้อๆอีก
เมื่อรับรู้อยู่เต็มอกว่าถึงถามไปมาเฟียหนุ่มก็คงไม่มีคำตอบให้เขาเป็นแน่
จึงได้แต่เดินตามเข้าไปในภัตตาคารอย่างเงียบๆเท่านั้น
โคมระย้าที่ทำจากเครื่องแก้วมูราโนสีอำพันบนเพดานสูงซึ่งวาดภาพต่างๆแบบเฟรสโก
(
***เฟรสโก คือ จิตรกรรมฝาผนังหรือเพดานที่วาดด้วยสีผสมน้ำลงบนปูนปลาสเตอร์ที่มีทั้งแบบเปียก
แบบชื้น และแบบแห้ง เพื่อทำให้สีติดผนังได้ดีขึ้น ) นั้นสาดแสงสีชาลงมาสร้างบรรยากาศอันแสนหรูหราให้แก่ภัตตาคารแห่งนี้ที่ประดับประดาตกแต่งภายในแบบย้อนยุคประหนึ่งยุคกลาง
ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างที่ใช้กระจกสีสร้างลวดลายหลากหลายสีสัน หรือ โมเสก (
***โมเสก คือ ศิลปะการตกแต่งภายในด้วยแก้ว หิน หรือกระเบื้องชิ้นเล็กๆ
นิยมนำมาใช้บนพื้น หรือ ผนัง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์บางชนิด ) ที่เรียงรายอยู่บนผนังหินก็ดูเหมือนจะลงตัวเข้ากันได้อย่างน่าอัศจรรย์
บรรยากาศรอบตัวดูราวกับจะพยายามดูดกลืนพันธิตราให้หลุดเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งอดีตกาลที่รายล้อมรอบด้วยเหล่าขุนนางและอัศวินกำลังเลี้ยงสังสรรค์อย่างสนุกสนาน
โดยมีจักรพรรดิหนุ่มนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ณ ขณะนี้
“อาหารเป็นอย่างไรบ้างครับ?” คาร์โลถามเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งกินโดยไม่พูดไม่จามานานสักพักใหญ่
“เอ่อ...อร่อยมากเลยค่ะ”
ส้อมกับมีดถูกวางลงบนจานเปล่าหลังจากพันธิตรารับประทานพอร์เกตต้า
( ***พอร์เกตต้า คือ หมูหันของประเทศอิตาลี คือ
การเอาลูกหมูทั้งตัวมาทาเครื่องเทศกับสมุนไพรแล้วย่างจนหนังกรอบ ) อันเป็นอาหารจานหลักในคอร์สที่สามกับสลัดซึ่งเป็นอาหารจานข้างเคียงเข้าไปจนหมดจาน
เนื่องจากกลัวเสียมรรยาทที่จะกินทิ้งๆขว้างๆทั้งที่อิ่มจนแน่นไปหมดแล้ว
นั่นยังไม่นับอาหารเรียกน้ำย่อยในคอร์สที่หนึ่งจำพวกอาหารทะเลสดๆย่างจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
และ อาหารจานแรกในคอร์สที่สองอย่างสปาเก็ตตี้หอยลายที่ผัดด้วยน้ำมันมะกอกโรยด้วยพริกไทยกับผักชีจนกลิ่นหอมฟุ้ง
หากนี่ไม่ใช่คนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงสองวัน...หญิงสาวอาจคิดว่าเขาตั้งใจขุนเธอให้อ้วนกลมเป็นหมูเพื่อกลั่นแกล้งแน่ๆ!
“อาหารร้านนี้ทั้งสดและอร่อย
ถือว่ารสชาติดีเยี่ยมที่สุดในปาแลร์โมเลยก็ว่าได้ครับ” มาเฟียหนุ่มกล่าวบอกด้วยความภาคภูมิใจในฐานะเจ้าถิ่น
“ฉันไม่แปลกใจเลยค่ะ...ที่ร้านนี้มีลูกค้ามากมายเข้ามาไม่ขาดสาย
นับว่าพวกเราโชคดีจริงๆที่เหลือโต๊ะว่างตัวหนึ่งพอดิบพอดี”
“นั่นสิครับ...โชคดีจริงๆ” คาร์โลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับความโชคดีที่เขาคว้ามาไว้ในมือด้วยตนเอง
บริกรหนุ่มเดินเข้ามาในระยะสายตาอันคมกริบของคาร์โลซึ่งกำลังจิบไวน์บาโรโลด้วยท่วงท่าสบายๆอย่างผ่อนคลายก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมยื่นเมนูมาให้
“คุณผู้หญิงกับท่านคาร์โล...จะรับของหวานเป็นอะไรดีครับ?”
คำถามที่ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรนั้นส่งผลให้มาเฟียหนุ่มแทบกลั้นหายใจในชั่ววินาทีเมื่อสังเกตเห็นสายตาของพันธิตราเหลียวมองหลังจากได้ยินชื่อจริงๆของเขาจากปากบริกรหนุ่มผู้นี้
“ขอทีรามิสุ ( ***ทีรามิสุ คือ เค้กเนื้อเบาที่มีชื่อเสียงในประเทศอิตาลี ผสมกาแฟเอสเปรสโซกับเหล้าลิเคียวร์วางสลับเนยแข็งมาคาร์โปเน
) และตบท้ายด้วยคาเฟ่เฟรดโด้ ( ***คาเฟ่เฟรดโด้ คือ กาแฟใส่น้ำแข็งของประเทศอิตาลีมีลักษณะคล้ายโอเลี้ยงในประเทศไทย
) ละกัน” คาร์โลสั่งอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งเมนูในมือของอีกฝ่ายคล้ายจะไล่เป็นทางอ้อม
และแอบภาวนาไว้ในใจลึกๆว่าหญิงสาวจะไม่ได้ยิน
“ทำไมบริกรคนนั้นถึงเรียกคุณ
ว่า...คาร์โล ล่ะคะ?”
ดูเหมือนคำภาวนานั้นจะไม่ได้ผล
หากแต่คนอย่างคาร์โล แองเจโลไม่มีวันตกม้าตายได้ง่ายดายเยี่ยงนี้แน่นอน!
“ออ...อัลเบอร์โต้
แองเจโลเป็นชื่อของผมก็จริง แต่ส่วนตัวแล้วผมชอบให้คนอื่นๆเรียกว่า คาร์โล มากกว่า
และถ้าคุณไม่รังเกียจผมก็อยากให้คุณเรียกผมแบบนี้เหมือนกันครับ” เขาแก้ต่างอีกทั้งยังคว้าโอกาสในการแก้ปัญหาเรื่องชื่อตนเองที่ใครต่อใครอาจเรียกจนทำให้ผิดสังเกตได้อย่างแนบเนียน
“โอ้...ยินดีค่ะ และฉันก็ชอบชื่อคาร์โลมากกว่าอัลเบอร์โต้ด้วย” พันธิตราตอบรับข้อเสนอนั้นอย่างไม่ติดใจอะไร
เนื่องจากคนต่างชาติก็มักจะมีชื่อเล่นที่เรียกกันง่ายๆเช่นเดียวกับคนไทย “และถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันก็อยากให้คุณเรียกชื่อเล่นของฉัน ว่า...มะเขือ
มากกว่าพันธิตราค่ะ”
“เอ่อ...ได้ครับ
มะ...เข...ว...” ความพยายามในการเรียกชื่อเล่นหญิงสาวเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าของพันธิตราและเอริคที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างได้พร้อมเพรียงกัน
จนเธอต้องกลั้นหัวเราะแล้วโบกไม้โบกมือไปมา
“ถ้าลำบาก...เรียกพันธิตราอย่างเดิมก็ได้ค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นให้ผมตั้งชื่ออิตาเลี่ยนให้คุณไหมครับ?”
“ได้ค่ะ
ฉันเองก็อยากมีชื่ออิตาเลี่ยนเหมือนกัน”
คาร์โลนิ่งไปชั่วครู่อย่างครุ่นคิดเกี่ยวกับชื่อใหม่ของพันธิตรา
พลางชม้ายมองดวงหน้ารูปไข่ซึ่งสะท้อนอยู่ใต้แสงไฟก็พบกับดวงตากลมโตแวววาวที่กำลังจดจ้องเขม็งกลับมาราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆกำลังรอลุ้นว่าจะได้ตุ๊กตาตัวใหม่หรือไม่จนเขาอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น
“อืมมม...คารีน่า ละกันครับ”
มาเฟียหนุ่มตอบ ทำให้อีกฝ่ายรีบถามด้วยความใคร่รู้ทันที
“ว้าว...เพราะจังเลย
แปลว่าอะไรเหรอคะ?”
“ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ
เพียงแต่ผมคิดว่ามันคล้องกับคาร์โลดีก็เท่านั้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ...แค่นี้ก็เพียงพอแล้วและฉันก็ชอบมาก
เอาเป็นว่าต่อไปนี้ฉันจะเรียกคุณว่า คาร์โล และ คุณก็เรียกฉันว่า คารีน่า นะคะ”
พันธิตรายอมรับชื่ออิตาเลี่ยนที่ชายหนุ่มตั้งให้อย่างยินดี ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปรับของหวานกับเครื่องดื่มจากบริกรหนุ่มที่นำมาเสิร์ฟ
โดยไม่มีใครสังเกตเห็นสายตาของเอริคซึ่งเฝ้ามองมาด้วยสีหน้าค่อนข้างกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ความหวาดวิตกของผู้อยู่ใต้อำนาจนั้นค่อยๆก่อเกิดขึ้นทีละนิดเมื่อได้เห็นความสนิทสนมของเจ้านายกับหญิงสาวชาวไทยซึ่งมีมากขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งที่เพิ่งผ่านไปได้เพียงสองวัน
เพราะจนบัดนี้เขาก็ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นที่มาเฟียหนุ่มจะต้องเล่นเกมนี้เพื่อคลายเครียด
ในเมื่อทุกครั้งทุกคราวปัญหาต่างๆมักจบลงง่ายๆด้วยการซื้อความสุขจากผู้หญิงสักคนที่พร้อมเสนอตัวเข้ามาไม่ขาดสาย
แต่ทำไมคาร์โล แองเจโลต้องลงทุนเปลืองตัวไปกับพันธิตรามากมายอย่างไม่มีเหตุผล
อีกทั้งยังตั้งชื่ออิตาเลี่ยนที่มีความหมายอันไม่สมควรให้เธออีกด้วย!
ความคิดเห็น