ตอนที่ 201 : ภาค 3-บท 1 ปฐมบทแห่งสงคราม
ภาค 3 - The war of pretend สงครามแห่งการเสแสร้ง
ณ ปราสาทจอมมาร
เวรุสที่ได้รับมอบหมายภารกิจให้รวบรวมเผ่าปีศาจให้กลายเป็นหนึ่งอีกครั้ง ก็สามารถทำได้สำเร็จในเวลาเพียงไม่กี่วัน
เผ่าปีศาจทุกเผ่ากลับมาอยู่ภายใต้ร่มเงาของราชันแห่งจอมมารผู้มีนามว่าเวลโดรอีกครั้ง
สัญชาตญาณนักรบนับพันปีของเวรุสได้บอกกับเขาว่าสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหนึ่งพันปีกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าในปัจจุบันนี้นายท่านของเขากำลังเข้าสู่สภาวะจำศีลอยู่
เวรุสในชุดเกราะเต็มยศกำลังจ้องมองไปยังเวลโดรที่กำลังนั่งเท้าคางอยู่บนบัลลังก์
"ข้อขอให้คำมั่นปฏิญาณว่า เมื่อท่านตื่นขึ้นมาอีกครั้งกำลังพลทั้งหมดจะพร้อมเข้าสู่สงครามตามบัญชาของท่าน"
เวรุสคุกเข่าลงต่อหน้าเวลโดรและถอดหมวกเกราะของเขาออก เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม
ณ ป่าดงดิบแห่งหนึ่งในอาณาเขตเผ่ามนุษย์
คล็อดชายผู้มีสายเลือดครึ่งมังกรทองกำลังนั่งอยู่บนโขดหินใกล้ริมแม่น้ำ
สายตาของเขาจ้องไปยังดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี ด้วยสายตาและอารมณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
"เหตุใดดวงดาวแห่งผู้นำถึงมีสามดวง" คล็อดที่มองขึ้นไปยังท้องฟ้ากำลังสงสัยอยู่
เรื่องการดูดาวและคาดการรวมถึงวิธีการทำนายโดยใช้ดวงดาวและตำแหน่งเป็นจุดอ้างอิงนั้น คล็อดเคยถูกสอนมาอย่างดีเขาแทบจะไม่เคยคำนวณพลาดสักครั้ง
"ดวงหนึ่งคือข้าอีกดวงคือเวลโดร แต่อีกดวงหนึ่งคือผู้ใดกัน"
ดาวแห่งผู้นำทั้ง 3 ดวงกำลังส่องแสงเจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้า ดาวทั้งสามสว่างยิ่งกว่าดาวไหน ๆ บนท้องฟ้าอย่างเห็นได้ชัด
คล็อดที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นรีบลุกขึ้นจากโขดหินและค้นหาเส้นทางเพื่อกลับไปยังอาณาจักรมนุษย์ในทันที
ในขณะเดียวกันนั่นเองปีศาจโครงกระดูกตนหนึ่งก็ได้ปรากฏกายออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับจ้องมองในทิศที่คล็อดกำลังมุ่งหน้าไป
"หรือว่าในสงครามครั้งนี้จะมีมือที่สามกัน" คาเรอัสพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะออกเดินทางติดตามคล็อดไปอย่างแนบเนียน
ณ อาณาจักรเอลฟ์
ภายในต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยเถาวัลย์และพืชนานาชนิด ที่ป่าแห่งนี้คือป่าอันเป็นที่ตั้งของอาณาจักรเอลฟ์
ส่วนต้นไม้ยักษ์ที่สูงกว่า 100 เมตรนี้และมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 50 เมตรนี้คือศูนย์กลางแห่งป่าเอลฟ์ อันเป้นที่อยู่อาศัยของราชินีเอลฟ์
"ในค่ำคืนที่มืดมิดจะมีดาวสามดวงทอประกายแสงเจิดจรัสเหนือดาวดวงอื่น ๆ เพียงแต่จะมีดาวอยู่ดวงหนึ่งที่ผิดปกติ เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น โลกใบนี้จะเริ่มเข้าสู่กลียุค"
เจ้าหญิงเอลฟ์ผู้มีรูปโฉมสวยงามเหนือเหล่าเอลฟ์เพศหญิงทั้งมวล กำลังนั่งท่องคำทำนายที่ถูกจารึกไว้ในคัมภีร์สีน้ำตาล
เธอกำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่พร้อมกับเหล่าบริวารผู้มีหน้าที่คุ้มกันและรับใช้
ดวงตาของเธอกำลังส่องสว่างออกมาเป็นสีฟ้าเขียวอ่อน ๆ คล้ายกับของอาร์เซน
"คำทำนายที่ถูกจารึกไว้เมื่อหนึ่งพันปีก่อนโดยท่านเทพเรสกำลังจะกลายเป็นจริง อาณาจักรเอลฟ์ของเราคงจะกำลังกลายเป็นสมรภูมิอีกครา"
ราชินีเอลฟ์ปิดคัมภีร์ในมือด้วยสีหน้าอันเศร้าโศก
ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง
คาอัสผู้มีร่างเป็นโครงกระดูกขนาดยักษ์กำลังเตรียมตัวขีดเส้นที่ผนังถ้ำเพื่อนับวันและเวลา
กองทัพนักรบเงาอันแข็งแกร่งและไร้เทียมทานของคาอัสทั้งหมดอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
"คะ...คะ...ครบ...แล้ว" คาอัสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก
คาอัสที่เห็นร่างของนักรบเงาอีกตนหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นมาก็ร้องคำรามออกมา ด้วยความภาคภูมิใจ
"นะ...นาย...ท่าน...ข้าทำตาม...คำสั่งของท่าน...สำเร็จแล้ว...ข้ากำลัง....กลับไป...ช่วย"
คาอัสเริ่มเดินนำหน้ากองทัพนักรบเงาและมุ่งหน้าออกไปจากถ้ำแห่งนี้ทันที
การกระทำเช่นนี้ของคาอัสนั้นแม้แต่คาเรอัสก็ไม่ทราบ ไม่มีใครรู้เลยว่าคาอัสต้องการทำอะไรและจะนำกองทัพนักรบเงามุ่งหน้าไปที่แห่งไหน นอกจากตัวของคาอัสเอง
กลับไปที่ห้องพักของกันต์
กันต์ที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้นั้นพยายามที่จะเรียกใช้ทักษะต่าง ๆ ที่ตัวเองมีออกมา แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถใช้ทักษะได้เลยแม้แต่ทักษะเดียว
ราวกับว่าพลังทั้งหมดที่เขาเคยมีมันได้หายไป แม้แต่รุ่นพี่ริสาเองก็ยังไม่ปรากฏตัวให้เห็นแม้แต่เงา
สถานการณ์ในตอนนี้อยู่ในขั้นเลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่ได้สู้กับเทพลูซิเฟอร์เสียอีก
"กำลังสงสัยละสิน่ะ ไม่ต้องกังวลไปอีกไม่นานความรู้สึกพวกนั้นก็จะหายไปเอง" กานต์ในร่างของครึ่งปีศาจครึ่งซัคคิวบัสกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้ว ชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
"เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ?" กันต์ตะโกนถามออกไป
"พูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้ความสามารถพิเศษของซัคคิวบัสสิน่ะ งั้นวันนี้นายก็เป็นของเล่นให้กับฉันยันเช้าเลยแล้วกัน"
กานต์เริ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล ๆ หูของชายหนุ่มก่อนที่จะกระซิบเบา ๆ "คราวนี้ห้ามลืมตาเด็ดขาดเลยน่ะ"
ทันใดนั้นเองเปลือกตาของชายหนุ่มก็เริ่มที่จะปิดลงด้วยตัวเอง พร้อมกับเรี่ยวแรงที่ลดหายไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันนั่นเองเสียงของรุ่นพี่ริสาก็ดังก้องเข้ามาในหัวของกันต์
"นายท่านนี่ข้าริสาเอง ตอนนี้นายท่านกำลังติดอยู่ในมิติแห่งความฝัน ขออภัยที่ข้าไม่อาจเข้าไปช่วยได้ แต่มันมีวิธีหลบหนีออกมาอยู่"
เมื่อได้ยินประโยคบอกใบ้เฉลยของริสา กันต์ก็เข้าใจขึ้นมาทันทีเลยว่าทำไมพลังของเขาทั้งหมดถึงได้หายไป
เผ่าซัคคิวบัสน่าจะมีเวทบางอย่างที่ดึงจิตของเหยื่อเข้าไปในมิติแห่งความฝันของตัวเองได้ ซึ่งในมิติแห่งความฝันนี่มันก็เป็นมิติที่ถูกควบคุมโดยพลังของเธอ
"ไม่ใช่ว่าเธอควรจะไปทำเรื่องแบบนี้กับคนที่รักไม่ใช่รึไง" กันต์พยายามดึงสติของกานต์กลับมา
กานต์ที่กำลังปลดกระดุมเสื้อของชายหนุ่มพอได้ยินดังนั้นก็หยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ
"ข้าคืออาร์คนอสจอมมารลำดับที่ 5 ก็จริง แต่ร่างกายนี้คือร่างจริงของฉัน ร่างที่นายเคยสู้ด้วยในตอนนั้นเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไร้จิตวิญญาณ ฉันได้ใช้พลังของตัวเองสร้างหุ่นเชิดขึ้นมาและใส่วิญญาณของตัวเองไว้ภายในรวมถึงโอนย้ายพลังเข้าไปในร่างหุ่นเชิดด้วย"
หุ่นเชิดที่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ในความคิดของกันต์คือไม่มี เขาไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน
"ดังนั้นแล้วจิตวิญญาณของข้าจึงถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน อยู่ในร่างเด็กสาวกานต์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็เป็นจอมมารอาร์คนอส แต่เมื่อร่างหุ่นเชิดที่ถูกฆ่าไป ดวงจิตทั้ง 2 จึงกลับมารวมกันจึงทำให้ความทรงจำกลับมารวมกันพร้อมกับพลังที่ฟื้นคืน"
เพราะเช่นนั้นจึงทำให้ตอนนี้กานต์มีความแข็งแกร่งเกือบเทียบเท่ากับอาร์คนอส เพราะพลังที่ถูกโอนถ่ายกลับเข้าร่างเก่า
ด้วยเหตุนั้นผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกานต์ถึงมีพลังที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แต่ทำไมอีกร่างหนึ่งของเธอถึงได้อยู่ที่โลกฝั่งนี้กัน เพราะอะไรกันแน่
"แล้วเธอข้ามมิติมาที่โลกฝ..."
อีกครั้งที่กันต์ยังไม่ทันจะได้พูดจบหญิงสาวก็เอามือปิดปากของชายหนุ่มไว้ในทันที
"เรื่องราวพวกนั้นมันยังซับซ้อน วันนี้เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ"
"สรุปแล้วเธอต้องการอะไรกันแน่ ?"
"อีกครึ่งหนึ่งของจิตวิญญาณมันบอกกับฉันว่า เธอกำลังกลัว เธอกำลังกลัวที่จะเสียนายไป"
สำหรับผมแล้วกานต์คือเพื่อนสมัยเด็กที่อยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นเรียกว่าเพื่อนสนิทได้เต็มปาก แต่พวกเราก็คุ้นเคยกันอยู่ไม่ใช่น้อย
"ทั้งนังผู้หญิงนักบุญศักดิ์สิทธิ์ เล็ก รุ่นพี่ริสา มีแต่ผู้หญิงสวย ๆ เต็มไปหมด เธอที่เป็นคนนิ่ง ๆ จะเอาอะไรไปสู้กับพวกผู้หญิงคนอื่นได้ ดังนั้นแล้วฉันไม่ต้องการที่จะแพ้"
ประโยคแรกเหมือนอาร์คนอสจะนำเสนอความในใจของกานต์ออกมา แต่ประโยคหลังนี่มันพูดเองชัด ๆ
"ถึงเรื่องการต่อสู้ฉันต้องยอมรับว่าสู้ไม่ไหว แต่เรื่องบนเตียงมันก็ไม่แน่ใช่ไหมล่ะ"
เมื่อสิ้นเสียงของหญิงสาวดวงตาของเธอก็ทอประกายแสงสีม่วงอ่อนออกมา เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังใช้ทักษะสายเลือดซัคคิวบัสของเธอ
แต่ทว่ากันต์ที่ฝึกเรื่องความนิ่งและไม่หวั่นไหวของจิตใจมายาวนานนับเดือนจะมาตบะแตกเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ผมอยากรู้จริง ๆ เลยว่าผมจะตื่นจากฝันนี่ได้ยังไง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สักดอกนิ่ เงียบกริบเลย