ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องของต้นเหมย ` ✿ (end. สนพ.sensebook)

    ลำดับตอนที่ #13 : 12 ✿ คิดถึงนะ {อ่านคำเตือนด้วยนะคะ}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.07K
      408
      12 พ.ย. 64


    !คำเตือน!

    มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

    ใช้คำพูดดูหมิ่นเหยียดหยาม , การรังเกียจคนรักร่วมเพศ

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 


    *


    ผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์หลังกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น ความเป็นจริงต้องได้พูดคุยเรื่องงานแต่งกับป๊าตั้งแต่วันนั้นแล้ว ทว่ากลับมีเรื่องด่วนเข้ามาทำให้ป๊าม้าต้องบินไปประเทศจีนพร้อมตระกูลเจี๋ย

    ใจหนึ่งรู้สึกดีที่ยังเหลือเวลาให้หายใจได้ทั่วท้อง อีกใจหนึ่งกลับคิดว่าไม่ดีเพราะเขาอยากเร่งให้เรื่องมันจบไปเสียที แต่มันไม่นานเกินรอแล้วเนื่องจากเย็นนี้ป๊าจะกลับมาบ้านและคาดว่าตระกูลเจี๋ยคงมาพร้อมหน้ากัน

    อะไรของพู่เล่าเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา เหมยสลัดความคิดแล้วหันไปมองตาม น้ำเงินกำลังนั่งทำหน้ายู่เนื่องจากโดนพู่กันแซวเรื่องรอยคิสมาร์กบนต้นคอ

    มาอะรงอะไรล่ะวะ กูแค่บอกว่าเมื่อวานยังไม่มีรอยนี้คนกลั่นแกล้งหัวเราะคิกคักก่อนจะโดนเล่นงานบ้าง เพราะเพลิงเป็นผู้ช่วยในฝ่ายน้ำเงิน

    ไปแซวมันอะ ดูตัวเองนิดนึง เท่าที่กูจำได้ตรงนี้เมื่อวานมึงก็ไม่มี...

    เฮ้ย ไอ้เชี่ย!” พู่กันตะโกนลั่นเมื่อเพลิงเอื้อมมือมาถกเสื้อนักศึกษาจนเผยให้เห็นรอยคิสมาร์กสีกุหลาบแต้มอยู่ แต่ได้เห็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นแหละ หน้าเหี้ย เดี๋ยวกูจะฟ้องไอ้หมิง

    ฟ้องไปเลยโว้ย ใครกลัวใครมึงคิดให้ดี ไอ้เพลิงคนเนี้ยไม่เคยกลัวหมิงหรอกเว้ยเพลิงยักคิ้วกวนประสาททว่ากลับทำหูลู่หางตกเมื่อเห็นบุคคลในบทสนทนาเดินมาด้านหลัง แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือตอนที่เห็นเพื่อนสนิทเดินเข้ามาใกล้โต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่ง หมิงร้องไห้ทำไม

    เหมยตวัดสายตามองตามทันใดเมื่อเพลิงเอ่ยทัก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งก่อนจะต้องเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาพี่ชาย

    หมิงเป็นอะไร

    ฮือ เหมย ...เจ้าตัวสะอื้นตัวโยนจนน้ำเงินและพู่กันทำตัวไม่ถูกได้แต่ลูบหลังปลอบประโลมอยู่เงียบๆ ยอมรับว่าหัวอกคนเป็นพี่นั้นมีแต่ความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้น เขาถามซ้ำอีกครั้งก่อนน้องจะพูดอู้อี้ในลำคอถึงสาเหตุที่ทำให้ร้องไห้

    หมิงถ้าร้องไห้เหมยฟังไม่รู้เรื่องเขาไม่ได้ใช้โทนเสียงดุแต่อย่างใด หยุดร้องก่อน

    อือพอโดนสั่งหมิงรีบฮึบ ยกมือขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาลวกๆ ก่อนเพลิงจะเป็นฝ่ายหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองแล้วส่งให้ ป๊าอยู่บ้านแล้วเหมย ...เมื่อกี้เขาโทรหากู

    โทรมาว่าอะไร

    เขาแค่โทรมาบอกให้กลับไวๆ แต่มึงป๊าลืมกดวางสาย ...กูเลยแอบฟังเหมยส่งสายตาเชิงดุทันใดเพราะเคยสอนหมิงหลายหนแล้วว่าหากป๊าลืมกดตัดสายอย่าแอบฟังให้รีบวางทันที แต่วันนี้น้องชายกลับผิดคำสั่ง กูไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาพูดถึงเรื่องของมึง กูเลย...

    ไม่เป็นไรจำต้องเอ่ยปากบอกให้หมิงสบายใจเสียก่อนว่าครั้งนี้เขาไม่ได้โกรธ หาใช่เพราะเรื่องที่ป๊าพูดเป็นเรื่องของตัวเอง แต่เขาไม่อยากให้หมิงร้องไห้ไปมากกว่านี้

    ป๊าไม่ยอมนะเหมย ...เขาไม่ยอมถ้ามึงจะไม่แต่งกับเพ่ย ฮึกเมื่อพูดถึงตรงนี้หมิงกลับสะอื้นออกมาอีกครั้งราวกับทุกความรู้สึกที่เก็บเอาไว้มันล้นทะลักออกมา วันนี้เขาจะพามึงไปดูแหวน เหมยกูทนไม่ได้ กูอยากคุยกับป๊า ขอให้เป็นกูได้ไหม

    พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดแบบนี้ สรรพนามหนนี้ดูแปลกไป ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินเหมยแทนตัวเองว่าพี่กับหมิงและหากว่าได้ยินนั่นหมายความว่าเจ้าตัวกำลังโกรธ มันไม่ใช่เรื่องที่หมิงต้องแก้

    เหมยมึงเพลิงปรามแล้วหันไปบีบไหล่ เพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูแข็งกว่าที่ผ่านมา หมิงมันห่วงมึง มากๆ

    ขอโทษหมิงตอบเสียงแผ่ว ก้มหน้าลงมองมือตัวเอง ยิ่งได้ยินเสียงแฝดคนพี่ถอนหายใจยิ่งรู้ว่าเหมยคงไม่พอใจจริงๆ

    ลุกมาคุยกันคนตัวสูงว่าก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะ ไม่ใช่ว่าอยากปิดบังเพื่อนแต่เขาอยากคุยกับหมิงเป็นการส่วนตัว นิสัยน้องชายเขารู้ดีกว่าใคร ต่อให้ปกติห้าวแค่ไหนถึงเวลาร้องไห้ก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นอยู่ดี แต่เมื่อครู่คงอดไม่ได้จริงๆ

    หมิงลุกตามเขาออกมาอยู่ข้างตึกคณะ อันที่จริงมหาลัยยังไม่เปิดแต่พวกเขามาช่วยงานอาจารย์ เช่นนั้นเลยไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านเท่าไหร่นัก

    เฮีย

    ไม่ต้องร้องแฝดคนพี่บอกเสียงเบา หันไปเผชิญหน้ากับน้องชายด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเพราะไอ้เด็กดื้อประจำบ้านร้องไห้จนตาแดงไปหมดแล้ว แถมยังเรียกเขาด้วยคำว่าเฮียอีก เวลามีปัญหาที่คิดว่าหาทางแก้ไม่ได้สรรพนามจะเปลี่ยน เหมยจะเปลี่ยนมาแทนตัวเองว่าพี่เวลาโกรธ ส่วนหมิงจะเรียกพี่ชายว่าเฮีย

    ถ้าโดนบังคับจะเอาความสุขมากจากไหน”

    “พี่รู้แล้วว่าเป็นห่วง”

    “งั้น

    “ถ้าป๊าไม่ยอม พี่ก็ไม่ยอม” เหมยตอบเสียงหนักแน่นจนแฝดน้องเริ่มสะอื้นอีกหน “ฮึบเดี๋ยวนี้”

    “พยายามอยู่ ก็มันหยุดไม่ได้”

    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหมิง อย่าพูดให้ป๊าเบนหัวเรือ พี่รู้ว่าควรจะทำแบบไหน

    เฮียยอมให้หมิงมาตลอดเลยอะ...

    เพราะอะไรล่ะ

    ...

    ถึงได้บอกว่าให้ฟัง พี่บอกให้ทำอะไรหมิงอย่าดื้อสิคนที่ได้รับศักดิ์เป็นพี่ชายจำต้องผ่อนลมหายใจแผ่วก่อนเอื้อมมือไปวางบนศีรษะแฝดน้อง ไม่บ่อยนักที่จะกระทำแต่เห็นทีวันนี้หากไม่ทำคงไม่หยุด พี่เคยทำหมิงร้องไห้ไหม

    ไม่เคย เฮียไม่เคยทำ... ตั้งแต่เด็กป๊าม้าจะซื้อของเล่นให้แค่ชิ้นเดียว เฮียยังยอมให้หมิงเลือกอันที่อยากได้ เฮียยอมตื่นเช้าไปช่วยงานป๊าแล้วให้หมิงตื่นสาย เฮียยอมกินผักที่หมิงไม่ชอบให้ม้าจะได้ไม่ดุ เฮียยอมเปลี่ยนสีผมแทน คนอื่นจะได้ไม่จำเราสลับกัน เฮียให้หมิงเป็นที่หนึ่งมาตลอด

    ครั้งนี้ ถ้าหมิงไปพูดให้ป๊าเปลี่ยนให้หมิงแต่งงานแทน หมิงจะร้องไห้

    “…”

    แล้วหมิงคิดว่าพี่จะยอมเหรอ?

    สิ้นสุดเสียงนั้นแฝดน้องจึงโผเข้ากอดพี่ชายเต็มแรง เหมยกอดปลอบแล้วลูบผมให้เหมือนที่เคยทำเมื่อก่อน เขารู้ว่าเป็นพี่น้องควรได้รับอะไรเท่าเทียมกัน ทว่าทุกอย่างที่ทำให้หมิงนั้นเกิดจากความเต็มใจ

    ฮึก...

    ไม่ร้องอาจเพราะเขาไม่เคยทำให้หมิงร้องไห้ เช่นนั้นตัวเองจึงไม่ชอบน้ำตา ไม่ว่าจะเป็นใคร วันนี้พี่จะคุยกับป๊า

    ขออยู่ด้วยนะ

    ห้ามได้ไหมล่ะคนในอ้อมกอดส่ายหน้าระรัวก่อนผละออก เขามองแฝดน้องที่ร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบแก้มจนเปียกไปหมด สัญญาไหมว่าจะไม่พูดอะไรนอกจากฟังเฉยๆ

    ได้

    วันนี้หมิงอาจจะร้องไห้อีก

    ...

    แต่จะไม่ใช่เพราะป๊าบังคับให้หมิงแต่งงานแทนพี่

    อือ ขอบคุณนะเฮีย

    ครับ ไปล้างหน้า

    ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยดิ ...เดินไปแบบนี้อายคนอื่นเขาเหมยหลุดยิ้มกับคำบ่นอู้อี้ในลำคอ แต่ก็พยักหน้าแล้วยอมเดินตามหลังไป เขามองแผ่นหลังของน้องชายไม่วางตา คิดว่าอย่างไรวันนี้คงโดนหนักในเมื่อป๊าพูดเองว่าไม่ยอม แต่เขาจะไม่มีทางให้น้องชายต้องมารับผลนี้เด็ดขาด

    สำหรับหมิงเขาเป็นคนดูแลมาตลอด ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาคิดไม่ดีหรืออยากให้แฝดต้องทุกข์ใจ เขารู้ว่าหมิงเป็นห่วงแต่เขาเองก็ห่วงน้องไม่แพ้กัน ใช่ว่าไม่รักตัวเองหรือไม่นึกถึงญี่ปุ่นผู้เป็นแฟน... เขาน่ะรักญี่ปุ่น เช่นนั้นวันนี้ต่อให้ต้องแตกหักก็ยอม

     

     


    เหมยและหมิงรีบตรงกลับบ้านทันทีหลังจากช่วยงานอาจารย์เสร็จ เพียงแค่จอดรถหน้าบ้านแฝดน้องก็รู้สึกห่อเหี่ยวเพราะเห็นรถของแขกผู้ใหญ่จอดเทียบอยู่ในโรงรถ

    “ขอคุยกับญี่ปุ่นก่อน” เขาจำต้องบอก วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้คุยกับแฟนตัวเล็กที่อยู่ไกลเลย “เดี๋ยวตามเข้าไป”

    “ได้ๆ เดี๋ยวกูบอกเขาเองว่ามึงคุยธุระอยู่”

    “โอเค” เหมยรับคำก่อนปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเบอร์ที่อยู่ในรายการโปรด เขาลงจากรถก่อนเดินออกไปทางประตูรั้วหน้าบ้าน ไม่อยากคุยอยู่แถวนี้เกรงว่าใครจะมาวุ่นวาย รอเวลาอยู่ไม่ถึงนาทีปลายทางก็กดรับ ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลอดเข้ามา

    “อยู่ไหนครับ”

    (อยู่แถวมหา’ลัยนี่แหละ กำลังจะกลับแล้ว ต้นเหมยอะอยู่ไหน วันนี้เรายุ่งๆ อะไม่ได้โทรหาเลย) เสียงอีกฝ่ายบ่นงุบงิบจนเขานึกหน้าออก (งอนไหม)

    “ไม่งอนหรอก เข้าใจ”

    (อื้อ ทำไมเงียบจัง อยู่ในห้องเหรอ)

    “เปล่าครับ อยู่หน้าบ้าน” เหมยตอบกลับตามความจริง “โทรมาหาก่อน”

    (หือ วันนี้ป๊ากลับมาแล้วใช่ไหม)

    “ครับ” เขาเล่าให้ญี่ปุ่นฟังทุกเรื่องเพราะไม่อยากปิดบัง เจ้าตัวยุ่งเป็นห่วงมาก พูดซ้ำกับเขาหลายหนว่าไม่อยากให้เป็นแบบนี้ “ไม่ต้องห่วงหรอก”

    (ไม่ห่วงได้ไงเล่า ต้นเหมยทั้งคนนะ) เพราะความน่ารักของญี่ปุ่นนั่นแหละทำให้เขายอมไม่ได้ หากจะต้องไปแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เขามีญี่ปุ่นอยู่ข้างกัน มีหมิงอยู่ข้างหลังแบบนี้จะยอมแพ้ได้อย่างไร (ต้นเหมย)

    “ว่าไงครับ”

    (เรารู้ว่ามันไม่ใช่เวลา)

    (แต่เรา คิดถึงต้นเหมยนะ)

    “คิดถึงเหมือนกัน” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าได้อย่างไม่ยากหากคนที่คุยด้วยคือคนสำคัญ “อยากจูบ”

    (ตต้นเหมย พูดอะไรก็ไม่รู้เนี่ย เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก) เขาหัวเราะในลำคอกับน้ำเสียงโวยวายของเจ้าคนดื้อ (นิสัยไม่ดีเลย)

    “เหมยพูดจริง”

    (อื้อ ทำไงเล่า)

    “รอได้”

    (จะหนีไปจูบคนอื่นก่อนไหม)

    “ไม่ครับ” ญี่ปุ่นขี้หึงข้อนี้เขาเพิ่งรู้หลังจากตกลงคบกันเป็นแฟน อาจเพราะอยู่ไกลเลยแอบคิดอะไรไปเรื่อย “รอแต่ปุ่น”

    (เดี๋ยวไว้เราเสร็จงานแล้วอาจจะไปหานะ ดีไหม)

    “ลำบาก”

    (ไม่ลำบากหรอกน่า เราอยากเจอต้นเหมยนี่)

    “อ้อนเก่งจัง”

    (เราเปล่านะ ถ้าเกิดต้นเหมยเจอเราจะไม่ดีใจเหรอ) ปลายสายถามเสียงหงอย

    “เจอแฟนตัวเองใครจะไม่ดีใจบ้างครับ”

    (ฮึ่ย ให้มันจริงเถอะ) ญี่ปุ่นฟึดฟัดจนเขาสัมผัสได้จากน้ำเสียง (เอ้อ ต้นเหมย วันนี้เพื่อนเราจะมาบ้านด้วยอะ)

    “ทำงานเหรอ”

    (ใช่แล้ว เราอาจจะไม่ได้ตอบ ...อีกอย่างเรากลัวทำงานแล้วเผลอหลับอะ)

    “ไม่เป็นไร ถ้าเผลอหลับพรุ่งนี้ค่อยโทรมาครับ แต่ถ้าไม่หลับก็โทรมานะ”

    (อื้อ คุยกับป๊าดีๆ นะ)

    “ครับ”

    (ถ้างั้นเดี๋ยวเจอกันนะ)

    “ครับ คิดถึงนะ”

    (เหมือนกัน)

    ชายหนุ่มรอให้แฟนตัวเองเป็นฝ่ายกดตัดสาย เหมยผ่อนลมหายใจออก กดเข้าแอปแชตแล้วพิมพ์ข้อความบอกคิดถึงไว้อีกครั้ง สองสามวันนี้ญี่ปุ่นยุ่งเขาเข้าใจ แต่มันไม่ได้เป็นปัญหาระหว่างเราหรอก

    “เหมย” เสียงใครบางคนทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เขารีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วหันไปมองต้นเสียง ใบหน้าเคร่งขรึมของป๊าทำให้ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่

    “ครับ?”

    “ตามป๊ามา”

    ลูกชายคนโตตอบรับคำ ก่อนบุพการีจะเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน เหมยถอนหายใจครั้งหนึ่ง คงไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือทำใจฝ่อได้แล้ว เอาเถอะอย่างไรวันนี้ต้องยกเลิกงานแต่งกับตระกูลเจี๋ยให้ได้

    หมดเวลาพูดปากเปล่าเสียที


     


    เจ้าของร่างสูงเดินตามป๊าเข้ามาภายในบ้าน เสียงพูดคุยจอแจทำให้เขารู้สึกหนักใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเสียงของอาเหว่ยหัวหน้าตระกูลเจี๋ย อาทิพย์ซึ่งเป็นภรรยา เพ่ยเพ่ย น้องชายของเขาและม้า

    “สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ตามมารยาท ผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นน้อมรับแล้วยิ้มแก้มปริ

    “เพ่ย สวัสดีพี่เขาหรือยังลูก” คุณแม่ของเพ่ยเอ่ยปากพลางหันไปสะกิดลูกสาวเสียงเบา

    “สวัสดีค่ะ” น้องยิ้มกว้างให้ เขาทำได้เพียงยิ้มรับแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างน้องชาย

    “อาไม่เห็นตั้งนาน โตเป็นหนุ่มแล้วหน่วยก้านดีใช้ได้” อาเหว่ยหัวเราะร่วนหลังจากพูดจบ “ดูทรงแล้วคงจะได้จากพี่หย่งมาเยอะ”

    “ฮ่าๆ ตอนเด็กฉันยังคิดว่ามันจะตัวเล็กกระจิ๋ว แต่พอโตมาแล้วดันสูงใหญ่เกินกว่าฉันสมัยหนุ่มไปเยอะ”

    “อย่างว่าแหละน่าพี่หย่ง ยุคสมัยเปลี่ยนอาหารการกินก็เปลี่ยนตามไป ไหนจะสภาพแวดล้อมอีก” อาเหว่ยว่าพลางหัวเราะ น้ำเสียงดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “เอ้อ จะว่าไป พี่หย่ง... นี่เกินเวลาแล้วเดี๋ยวฉันขอตัวกลับก่อน แล้วอย่างไรค่อยนัดกันใหม่นะ”

    “ได้ๆ ฉันขอโทษด้วยที่วันนี้ผิดนัดอีกแล้ว”

    “โธ่ ไม่ต้องเป็นพิธีอะไรมากหรอก เหลือแค่ชุดเท่านั้น อีกสักอาทิตย์สองอาทิตย์ไปดูยังไม่สาย มีอะไรเราคุยกันได้ทุกเรื่องน่าพี่หย่ง”

    เหมยแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นว่าทีแรกจะต้องไปดูแหวนให้กับอาเพ่ยไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้ถึงได้แยกย้ายกันอย่างนี้ เขาหันไปมองหน้าแฝดน้องแต่กลับโดนอีกฝ่ายใช้สายตามองมาเป็นเชิงว่าอย่าเพิ่งสงสัยอะไรจึงทำได้เพียงนั่งนิ่ง

    เขานั่งฟังผู้ใหญ่พูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะโดนป๊าสั่งให้ไปส่งเพ่ยเพ่ยหน้าบ้าน ถึงจะไม่อยากทำแต่ก็ต้องยอม เมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วจึงเห็นป๊าทำหน้าดุอยู่

    “แกตามป๊ามาที่ห้องทำงาน” น้ำเสียงต่างจากเมื่อครู่หลายเท่านัก หมิงหันมามองหน้าเขาแล้วลุกตามขึ้นมา “อะไรของแกเจ้าหมิง ป๊าเรียกเหมย”

    “ผมขอเข้าไปกับเฮีย” สิ้นสุดเสียงของน้องชาย ป๊าจึงส่งสายตาเชิงตำหนิ เหมยจึงต้องจับแขนหมิงแล้วเขย่าเบาๆ เพื่อเรียกสติ ไม่อยากให้แฝดน้องขัดใจไปมากกว่านี้ ทว่าคนเป็นพ่อกลับพูดแทรกขึ้น

    “อยากจะมาก็มา”

    “ครับ”

    ทั้งเขาและหมิงเป็นฝ่ายเดินตามป๊าขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ส่วนม้าโดนป๊าสั่งให้ไปทำอะไรในครัวไม่รู้ ประตูห้องสีน้ำตาลแก่ถูกผลักเข้าไป ดวงตาคมมองเห็นแผ่นหลังของผู้นำใหญ่กลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

    “เอาล่ะ แกมีอะไรอยากจะพูดก็พูดมา” น้ำเสียงเย็นเยียบของคนที่ยืนเอามือไพล่หลังทำให้เหมยต้องหันไปบอกน้องชายว่าขยับออกไปนั่งตรงโซฟา

    “ผมไม่อยากแต่งงานกับเพ่ยครับ” เหมยเข้าสู่ประเด็นอย่างรวดเร็ว “ผมมีแฟนแล้วครับป๊า”

    “แฟนแกคือใคร หน้าตาแบบไหน นิสัยอย่างไร ป๊าไม่เห็นรู้จัก แล้วอยู่ดีๆ แกจะมาบอกว่ามีแฟนเพื่อยกเลิกงานแต่งน่ะหรือ” เสียงทุ้มต่ำท้วงถามเรียบเฉย บุคคลมีพระคุณหันมามองหน้าเขานิ่งสลับไปมองหน้าน้องชายที่นั่งอยู่ตรงโซฟา “แกเคยเห็นไหมหมิง”

    “...ไม่เคยครับ” หมิงตอบเสียงแผ่ว สัญญากับเหมยเอาไว้แล้วว่าจะไม่พูดอะไร แม้จะรู้ดีว่าแฟนของพี่ชายเป็นใครก็ตาม

    “ไหนแกลองบอกมาหน่อยว่าแฟนแกเป็นใคร”

    “เป็นเพื่อนที่รู้จักกันครับ” หัวคิ้วของคนเป็นพ่อกระตุก “ป๊าไม่เคยเห็น ผมเพิ่งจะรู้จักเขาได้ไม่นาน”

    “รู้จักกันได้ไม่นานแล้วก็ตกลงเป็นแฟนกันน่ะหรือ แกกำลังล้อป๊าเล่นอยู่ใช่ไหม”

    “เปล่าครับ ผมพูดจริง”

    “แกก็รู้ว่าป๊าม้าหมั้นหมายแกไว้กับหนูเพ่ยมาตั้งแต่เด็ก”

    “แต่ผมไม่ได้ยินยอม”

    “แล้วแกจะให้ป๊าผิดคำพูดหรือ แกกับหนูเพ่ยรู้จักกันมาตั้งกี่ปี”

    “ผมเห็นเพ่ยเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งมาตลอด” เหมยมองหน้าผู้เป็นพ่อนิ่งคล้ายจะบ่งบอกว่าต่อให้แต่งงานกันไปก็จะไม่มีวันแปรเปลี่ยนความรู้สึก ให้เพ่ยไปเจอคนที่รักน้องด้วยความรู้สึกแบบนั้นไม่ดีกว่าหรือครับป๊า

    เฮอะ แกจะเอาแต่ใจมากเกินไปไหมป๊าหรี่ตามองอย่างไม่สบอารมณ์ แกดูแลน้องได้ อาเหว่ยก็ไว้วางใจ จะให้ป๊าไปพูดแบบไหน

    ถ้าป๊าไม่กล้าพูด เดี๋ยวผมพูดเองครับ

    อาเหมย!” เสียงแหบต่ำตวาดลั่นห้องจนแฝดน้องสะดุ้งเฮือก หมิงมองหน้าป๊ากับพี่ชายสลับกันไปมา เห็นได้ชัดว่าคนเป็นพ่อเริ่มเกิดอารมณ์คุกรุ่นแล้ว ไหนแกสัญญากับป๊าแล้วว่าถ้ากลับมาจะยอมแต่งกับหนูเพ่ย แฟนแกมันดีนักหนาหรืออย่างไรถึงได้ทำให้แกคิดผิดคำพูดขนาดนี้

    ครับ

    เฮียหมิงเรียกเสียงแผ่วเพราะเหมยยังยืนยันเสียงนิ่ง แฝดพี่หันมามองครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าเขาจึงต้องเงียบ ยิ่งเหมยต่อต้านมากเท่าไหร่ป๊ายิ่งไม่พอใจมากเท่านั้น

    ป๊า ผมขอแค่เรื่องเดียว ...แค่เรื่องนี้

    แฟนแกคือใครป๊าถามซ้ำเกี่ยวกับเรื่องแฟนของเขานั่นทำให้เหมยต้องนิ่งไปครู่หนึ่ง หากบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายคงไม่ยอมรับแน่ ...แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่อาจปิดบัง ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วสิ่งเดียวที่ทำได้คือการพูดความจริง

    ชื่อญี่ปุ่นครับเหมยมองตาบุพการีแบบไม่เบนไปทิศอื่น เพียงต้องการให้รู้ว่าเขาจริงใจที่จะบอก เป็น...ลูกครึ่งญี่ปุ่นไทย

    แสดงว่าแกเพิ่งเจอเมื่อตอนไปเที่ยวคนถูกถามพยักหน้าลง เพราะแบบนี้แกเลยกล้ากลับมาดื้อรั้นใส่ใช่ไหม

    เปล่าครับ ไม่เกี่ยวกับญี่ปุ่น

    แล้วมันเป็นเพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะแฟนแก ...มันจะมีเหตุผลไหนอีกที่ทำให้แกไม่อยากแต่งงานกับหนูเพ่ย!”

    ผมชอบผู้ชายครับ

    เหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้พูดออกไป ทว่าผลลัพธ์จะเป็นทางไหนยังไม่อาจรู้ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ลูกชายคนโตของบ้านเพียงมองหน้าป๊านิ่งเฉย เห็นแววตาดุดันคู่นั้นกำลังเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตาและมองมาทางเขาด้วยความสงสัยสลับกับมองไปยังน้องชายที่เพิ่งลุกขึ้นยืน

    แก... แกว่าอะไรนะเขารู้ว่าป๊าได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ชัดเจน อาจแค่ต้องการให้พูดอีกหนเพื่อความแน่ใจ

    ผมชอบผู้ชาย แฟนผมเป็นผู้ชาย

    แกรู้ไหมว่าพูดอะไรออกมาป๊ามองเขาด้วยสายตาผิดหวัง ค่อยๆ ขยับก้าวเท้ามาใกล้ เช่นนั้นเหมยจึงพูดต่อ

    รู้ครับ ต่อให้ป๊าบังคับผมแค่ไหน ผมก็รักเพ่ยเพ่ยแบบนั้นไม่ได้ครับ มันเป็นเหตุผลที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด

    เพียะ!

    ฝ่ามือหยาบกร้านกระทบใบหน้าของลูกชายคนโตจนสะบัดไปอีกทาง

    ป๊า!” แฝดน้องตะโกนลั่นด้วยความตระหนกแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหาพี่ชายอย่างโดยเร็ว ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวถึงตัวกลับโดนสายตาดุและน้ำเสียงของเหมยห้ามเอาไว้

    หมิงสัญญากันว่าอะไร

    แต่...

    ถอยไปหมิงกลืนน้ำลายลงคอ กัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นความรู้สึกเจ็บช้ำในใจเอาไว้ เขาเบนสายตามองหน้าป๊าแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ แตกต่างกันจากเหมยที่ไม่แสดงท่าทีอะไรนอกจากการยกมือขึ้นแตะใบหน้าตัวเองเบาๆ ป๊า

    แกคิดวิปริตผิดเพศตั้งแต่เมื่อไหร่คนเป็นพ่อถามเสียงเล็ดลอดไรฟัน พยายามกักเก็บความโกรธเอาไว้ แม้อยากจะกระชากมาตีให้ตายคามือแต่ต้องยอมฟัง

    ผมไม่รู้ครับ

    ไม่รู้เหรอ ไม่รู้แล้วแกคิดแบบนี้ได้ยังไง หา!”

    ความรักความชอบมันห้ามกันไม่ได้นะครับเหมยพยายามอธิบาย ถึงผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ป๊าก็ไม่ควรจะบังคับกันเรื่องนี้

    ทำไม ฉันเป็นป๊าแกนะ

    ผมรู้ครับ แต่ป๊าไม่จำเป็นต้องบังคับกันทุกเรื่อง ...อย่างน้อยเรื่องความรัก ขอให้ผมกับหมิงได้เลือกเองไม่ได้หรือครับดวงตาและน้ำเสียงมุ่งมั่นของเหมยไม่ได้ทำให้ป๊าใจอ่อนแต่อย่างใด ทว่าป๊ากลับหันไปมองหมิงด้วยความสงสัย

    แกล่ะอาหมิง ชอบผู้ชายเหมือนพี่แกหรือเปล่า คิดผิดธรรมชาติเหมือนกันไหม

    ป๊าไม่ต้องพาน้องเข้ามาเกี่ยวหรอกครับเหมยจำต้องพูดแทรกเพื่อไม่ให้คนเป็นพ่อเปลี่ยนเป้าหมาย ผมแค่อยากบอกป๊าว่างานแต่งงานไม่ควรเกิดขึ้นจากการบังคับ ถ้ามันเกิดขึ้นจะมีแค่ป๊ากับครอบครัวนั้นที่มีความสุข แต่ผมกับหมิงไม่มี

    ถ้าป๊าจะบังคับให้อาหมิงแต่ง มันก็เป็นเพราะแก!” คนอายุมากกว่าโกรธจัดจนใบหน้าขึ้นสี ดวงตาวาวโรจน์มือไม้สั่นราวกับควบคุมมันไม่ได้ ทว่าเหมยกลับนิ่ง ใช่ว่ากวนประสาทแต่หากร้อนกับร้อนมาเจอกันมีหวังต้องจบ

    ผมดูแลน้องมา ไม่เคยทำให้ร้องไห้เสียใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ผมยอมให้น้องมีความสุขก่อนเสมอ แล้วป๊าคิดว่าผมจะทนเห็นน้องใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุขได้เหรอครับ?

    อาเหมย แกจะเอายังไง!”

    ผมขอแค่ป๊าเลิกคิดเรื่องบังคับให้แต่งงาน จะผมหรือน้องก็อยากให้ป๊ารู้ว่าไม่ยินดี

    แกน่ะมันอวดดี แค่คิดผิดเพศทำให้ตระกูลเสียหน้ามันก็มากพอแรงอยู่แล้ว ยังจะคิดให้น้องแกอกตัญญูกับป๊าอีกหรือ

    ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าการไม่อยากแต่งงานกับคนที่ป๊าหาให้เป็นเรื่องอกตัญญู เพ่ยเพ่ยเป็นเด็กน่ารักแต่ผมไม่เคยคิดเกินกว่าพี่น้อง จะว่าไปแล้วมีใครได้ถามน้องบ้างหรือยังว่าอยากแต่งกับผมจริงไหม หรือต้องทำเพียงเพราะโดนบังคับจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย

    ...

    ผมไม่เคยคุยกับเพ่ยเพ่ยเป็นการส่วนตัว ไม่เคยคิดทักหรือโทรไปถามไถ่ นอกเสียจากว่าน้องเป็นฝ่ายโทรมา ...ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเพ่ยเพ่ยเอาใจที่ไหนมาอยากแต่ง

    ฉันเลี้ยงแกผิดพลาดตรงไหนถึงได้ทำให้เป็นแบบนี้... มีอย่างที่ไหนเกิดมาเป็นผู้ชายแล้วยังมีหน้าไปชอบผู้ชายด้วยกัน มันไม่น่าขยะแขยงไปหน่อยหรือ!”

    ถ้าป๊าถามผม ผมก็จะบอกว่าไม่ครับ มันไม่ใช่เรื่องผิดถ้าผมจะรักกับผู้ชาย...

    เพียะ!

    ใบหน้าคมคายสะบัดไปอีกทางเมื่อได้รับสัมผัสจากฝ่ามือหนักอีกหน ครานี้กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดแถมยังมีกลิ่นคาวคลุ้งอยู่ในปาก เหมือนหนนี้จะโดนแหวนบนนิ้วป๊าฟาดเข้าเต็มๆ

    แกทำให้ฉันผิดหวัง ผิดหวังที่เลี้ยงลูกออกมาวิปริต!”

    “…” เหมยอึ้งไปชั่วครู่ น้ำเสียงสั่นเครือของคนเป็นพ่อทำให้รู้สึกผิดอยู่ในใจ เพียงแค่เขาชอบผู้ชายทำให้ป๊ารู้สึกผิดหวังมากขนาดนี้เชียวหรือ แต่ตอนนี้เขาเลือกความรู้สึกตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่ง ป๊าจะยกเลิกงานแต่งให้ผมได้หรือยังครับ

    ฉันยกเลิกแน่ ไม่มีทางเอาพวกผิดเพศอย่างแกไปให้คนอื่นเขาดูหมิ่นหรอก ...แต่แกรู้ไว้เลยนะว่าอาหมิงต้องซวยเพราะแกแฝดพี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยเข้าใจคำที่ป๊าพูดออกมา อาหมิง ถ้าแกยังรักป๊า แกต้องเป็นคนแต่ง

    มันจะไม่ตลกไปหน่อยหรือครับป๊า บอกจะแต่งกับแฝดพี่อยู่ดีๆ มาเปลี่ยนเป็นแฝดน้อง อย่างน้อยป๊าควรจะไว้หน้าตระกูลเจี๋ย

    ไสหัวออกไป!” เหมือนป๊าไม่ฟังคำพูดใดๆ จากเหมยอีกแล้ว หันมาตวาดลั่นพร้อมสีหน้าขึงขังแต่ยังไม่ทันจะได้มองหน้าเขากลับเบือนหนีไปอีกทาง พรุ่งนี้ป๊าจะคุยกับอาเหว่ย อาหมิงเดี๋ยวไป…”

    ป๊าหมิงเรียกขัดจังหวะเสียงแผ่วจนคนเป็นพ่อมองด้วยความสงสัย เหมยรีบก้าวเท้าเข้าหาหวังจะดึงหมิงออกมาก่อนจะได้พูดอะไรออกไป ทว่าไม่ทัน... ผมชอบผู้ชายเหมือนเฮีย

    แก... แกก็เป็นไปอีกคนหรือป๊ากดเสียงต่ำแถมกำมือแน่น เป็นผู้ชายมีเมียไม่ชอบ คิดชอบผู้ชายด้วยกัน คนอื่นจะมองฉันยังไง รู้ถึงไหนอายถึงนั่น มีลูกชายสองคนแต่มันผิดเพศกันหมด! พวกแกคิดอะไรกันอยู่ หา!”

    “...”

    “ไอ้เหมยแกน่ะตัวดี เสี้ยมสอนให้น้องคิดอัปรีย์!”

    ไม่ ป๊า เฮียไม่ได้ทำ...

    เพียะ!

    เฮีย!” หมิงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อแฝดพี่พุ่งเข้ามารับฝ่ามือไปเต็มแก้ม หัวใจของเขาสลายจนเผลอปล่อยสะอื้นไห้อย่างไม่อาจอดทน เขาจับแขนเหมยเอาไว้แน่นเพื่อระบายความรู้สึกบีบคั้น ป๊าทำไมใจร้ายแบบนี้!”

    ออกไป

    ป๊า… ลูกชายคนเล็กเรียกเสียงสะอื้น

    ไปจากบ้านฉันคนเป็นพ่อกดเสียงต่ำ ชี้นิ้วออกไปทางประตูห้องด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวและผิดหวังจากลูกชายทั้งสองคน ฉันบอกให้ออกไป! ในเมื่อเลี้ยงมาแล้วอกตัญญูกันหมดก็ไปซะ จะไปที่ไหนก็เรื่องของพวกแก!”

    ...คุณหย่ง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นแทรก สองแฝดหันไปมองทางประตูก่อนพบหญิงคนหนึ่งยืนมองทั้งน้ำตา คาดว่าคงได้ยินเพียงแค่ไม่กี่ประโยค มีอะไรค่อยๆ พูดกันสิคะ ...อาเหมย อาหมิง ลื้อไปทำอะไรให้ป๊าโกรธ

    ม้า...หมิงเรียกเสียงสั่นเครือทั้งยังจับแขนของแฝดพี่เอาไว้อยู่ ขอ...โทษครับ

    ฉันสั่งให้พวกแกไสหัวออกไปไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!” คำพูดตวาดยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง เมื่อสองพี่น้องไม่ขยับเขยื้อนคนเป็นพ่อจึงทำทีเข้ามาจะทุบตี ทว่าแม่กลับเป็นฝ่ายเข้ามาขวางเอาไว้

    คุณหย่ง!” ผู้มาใหม่ไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด หากแต่เรื่องราวครั้งนี้คงยากเกินกว่าจะพูดคุย

    ออกไปสิวะ!”

    ขอโทษนะครับม้าเหมยทำได้เพียงยกมือขึ้นไหว้คนเป็นแม่โดยไม่สามารถอธิบายอะไรให้ฟังได้ เขาเดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บปวด ยกมือขึ้นลูบใบหน้าหนหนึ่งเพื่อซับหยาดน้ำตาลวกๆ ก่อนหันไปมองน้องชายที่เดินอยู่ข้างกัน หมิง อยู่กับม้าไหม

    เฮียเจ็บไหมแฝดน้องหลีกเลี่ยงการตอบคำถามพยายามพูดโทนเสียงปกติ แต่เหมยรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงนั้นสั่นเครือเพียงใด เช่นนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปอีกเรื่อง

    หมิงผิดสัญญา

    ขอโทษ ...

    ขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้เหมือนกันเขาเอ่ยเสียงเบาขณะเดินออกมาจากบ้าน เหมยมีเพียงกุญแจรถ กระเป๋าเงินและโทรศัพท์เท่านั้น ความจริงเขาต้องการบอกให้ป๊ายกเลิกงานแต่งด้วยเหตุผล ไม่ได้คิดว่าน้องชายจะบอกความจริงแล้วโดนไล่ตะเพิดออกมาทั้งคู่ ...ถ้าหมิงไปกับพี่จะไม่มีใครอยู่กับม้า

    ...

    อยู่กับม้าไหมเหมยถามพลางมองไปยังแฝดน้องที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของตัวรถ เหมยไม่ได้อยากจะไล่ เพียงแค่ไม่อยากให้น้องต้องไปลำบาก เพราะเขาเองยังไม่รู้เลยว่าจะไปซุกหัวที่ไหนในคืนนี้ ม้ารู้เรื่องแล้ว ป๊าไม่กล้าลงไม้ลงมือหรอก

    ...

    อย่างน้อยแค่โดนดุ หรือไม่พูดกัน แต่หมิงจะไม่ลำบาก อยู่ในห้องของตัวเองได้

    ไม่เป็นไร ขอไปกับเฮีย เดี๋ยวค่อยกลับมาขอโทษม้าใหม่ ไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว

    ...เขาเงียบและใช้ความคิด อาจเพราะนานเกินไปหมิงจึงท้วงขึ้นมาอีกหน

    ขอร้อง

    “...”

    “นะเฮีย”

    ไปก็ไป สุดท้ายเขายังห่วงน้องชายอยู่เสมอ จากน้ำเสียง แววตา ท่าทางนั้นจึงไม่สามารถทิ้งเอาไว้คนเดียวได้ แม้ตอนนี้เราจะโตพอจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว แต่อย่างที่บอกว่าเขาไม่เคยปล่อยให้หมิงลำบากมันเลยไม่แปลกหากเขาจะคิดหนัก

    มันไม่ใช่แค่คิดถึงชีวิตในคืนนี้

    แต่ต้องคิดถึงชีวิตหลังจากนี้ด้วย



    tbc

    แง ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่ยังรอกันอยู่ หลังจากนี้ก็อัปจนจบแล้วเปิดเรื่องหนึ่งอาทิตย์ก่อนปิดตอนนะคับ 

    #เรื่องของต้นเหมย

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×