ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องของต้นเหมย ` ✿ (end. สนพ.sensebook)

    ลำดับตอนที่ #12 : 11 ✿ กลับมาด้วยนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.71K
      614
      11 พ.ย. 64


    11

    กลับมาด้วยนะ , ต้นเหมย

     

    ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ

    สำหรับต้นเหมยมันเป็นถ้อยคำที่แฝงความจริงอย่างไม่อาจบิดพลิ้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น เขากลับมาถึงโอตารุช่วงเช้าตรู่ อาบน้ำและพักผ่อนเพื่อเตรียมออกไปเที่ยวตอนกลางคืนที่สวนโอโดริเพราะมีจัดงานเทศกาลไฟประดับ

    ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเบาๆ เขาตื่นมาก่อนญี่ปุ่นแล้วเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง คิดดูแล้วอดใจหายไม่ได้ ขนาดมาอยู่เพียงแค่เดือนเดียว ยังไม่รู้เลยว่าถ้าพรุ่งนี้ไอ้ตัวยุ่งไปส่งที่สนามบินจะแสดงท่าทางแบบไหน แต่คงไม่งอแงมากเท่าไหร่หรอกมั้ง

    เจ้าของร่างสูงรื้อกระเป๋าหยิบของออกมาบางส่วน ก่อนพบกับกล่องดนตรีคริสตัลม้าหมุนที่ซื้อเก็บเอาไว้ เขาลืมไปเสียสนิทเลยด้วยซ้ำอันที่จริงคิดจะซื้อให้ญี่ปุ่น ถือเป็นของขวัญให้กับเจ้าบ้านแต่ไม่มีโอกาส เขาหยิบมันออกมาวางไว้ในจุดที่มองเห็นได้สำหรับตัวเองแต่เป็นความลับกับญี่ปุ่น ก่อนกลับคงได้ให้เก็บเอาไว้

    เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงหยิบของเตรียมไปอาบน้ำ พวกเขาตกลงกันว่าจะออกจากบ้านประมาณห้าโมงและตอนนี้เกือบสี่โมงเย็นแล้ว ก

    ครืด!

    อีกแล้วเสียงทุ้มพูดติดหัวเราะตอนเจ้าบ้านเปิดประตูห้องเข้ามาแบบไม่ขออนุญาต ใบหน้ามึนงงยู่ลงเพราะรู้ว่าต้องโดนดุ ทำไมชอบลืม

    เราตั้งใจจะทำให้ตกใจต่างหากญี่ปุ่นบึนปากใส่คล้ายไม่ยอมรับผิด ท่าทางเอาแต่ใจทำให้เหมยต้องดึงเข้ามาภายในห้องแล้วปิดประตูให้สนิท ต...ต้นเหมย!”

    ถ้าเหมยกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่จะทำยังไงคนตัวสูงโน้มใบหน้าเข้าใกล้ ญี่ปุ่นขยับถอยจนแผ่นหลังแนบชิดกับประตูแบบไม่อาจหนีไปไหนได้อีก

    ม...ไม่เห็นเป็นอะไร ผู้ชายเหมือนกันนี่

    โอเคชายหนุ่มยิ้มมุมปากถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว สองมือจับชายเสื้อของตัวเองไว้ทำทีจะถอดแต่เสียงใสกลับท้วงไว้ก่อน

    ต้นเหมยทำอะไรอะ!”

    ถอดเสื้อ

    ทำไมต้องมาถอดตอนนี้ด้วยเล่า! ด...เดี๋ยวเราออกไปจากห้องก่อนเขายังไม่ทันจะได้ขยับไปไหนเหมยก็เอื้อมมือมาคว้าไว้ก่อน ต้นเหมย!”

    ผู้ชายเหมือนกัน

    “…อย่าแกล้งเราได้ไหมอะ

    บอกไม่ฟังเหมยทำเสียงดุเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัว แต่พอเห็นสีหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้ก็คิดอยากทำให้น้ำตาร่วงจริงๆ ต้องทำยังไง

    ขอโทษเสียงหวานพูดอ้อมแอ้มพลางก้มหน้างุดหลบสายตา

    แล้วยังไงอีกเขาเลิกคิ้วทว่าญี่ปุ่นกลับไม่เงยหน้าขึ้นมองกันจึงต้องเชยใบหน้าดื้อรั้นของอีกฝ่ายขึ้นมา เหมยยิ้มมุมปากตอนคนดื้อจะอ้าปากเถียง

    ปกติขอโทษอย่างเดียวต้นเหมยก็หายแล้วนี่...

    ปุ่นทำผิดบ่อย

    จะตีเราเหรอ

    ใช่สิญี่ปุ่นทำหน้าตาน่าสงสาร แววตาสั่นไหวตอนเขาพูดตอบไป ปุ่นจะได้ไม่ทำอีก

    แต่เราไม่ได้ตั้งใจนะ

    ครับ

    ต้นเหมยห้ามตีเราเด็ดขาด!” พูดเสียงติดเอาแต่ใจ พยายามดันคนตัวใหญ่ให้ออกไปห่างๆ แต่ยิ่งทำอีกฝ่ายยิ่งขยับตัวเข้ามาใกล้อย่างไม่ยอม เราจะไม่ทำแล้ว

    พูดแบบนี้กี่ครั้งแล้ว

    ก็...ญี่ปุ่นพยายามนึก คิดหาคำตอบมาให้แต่ตอบไม่ได้เพราะมันนับไม่ถ้วน

    ถ้าเหมยไม่อยู่แล้วถึงจะทำแบบนี้ได้ รู้ไหม

    อย่าพูดแบบนี้

    เหมยชะงักเมื่อโทนเสียงของอีกฝ่ายฟังดูหม่นลง พอทวนประโยคของตัวเองแล้วถึงนึกได้ว่าไม่สมควร คราวก่อนเพิ่งงอแงไปหยกๆ ว่าไม่อยากให้เขากลับ คาดว่าเป็นเพราะความเคยชินด้วยส่วนหนึ่ง ปกติเราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด บางหนได้กินข้าวพร้อมกัน ไหนจะนอนเวลาเดียวกันอีก คงไม่แปลกหากต้องเหลือตัวคนเดียว

    ขอโทษครับ

    อื้อ ด...เดี๋ยวเราขออาบน้ำก่อนนะ

    ไม่ทันได้แม้แต่เอ่ยปากท้วงเอาไว้ ญี่ปุ่นรีบเปิดประตูแล้วเดินออกไป เหมยยกมือขึ้นลูบใบหน้าปล่อยให้อีกฝ่ายคิดอะไรคนเดียว เขาไม่รู้เช่นกันว่าควรพูดอะไร แต่เมื่อครู่เศร้าลงไปถนัดตา ถามว่าเขาอยากห่างกับเจ้าตัวไหม ก็ไม่ แต่ระหว่างเราทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความจริง

    ถึงอย่างนั้นเขากลับมั่นใจว่าท้ายสุดแล้วญี่ปุ่นจะไม่ทำให้ลำบากใจเลยแม้แต่นิด

     

     


    ช่างน่าเสียดายที่เขาอยู่ไม่ทันการเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างแท้จริง เพียงแค่อยู่ทันวันเริ่มต้นงานเทศกาลไฟประดับช่วงปลายปีและเริ่มจากสวนโอโดริเป็นสถานที่แรก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ออกมาจากบ้านยามดึก

    เทศกาลไฟประดับจะมีการแสดงไฟหลากหลายรูปแบบ สองข้างทางสว่างไสวจนอดถ่ายรูปเก็บเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งท้องฟ้ามืดลงเท่าไหร่ยิ่งมีผู้คนมาเดินเล่นกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือกระทั่งคู่รัก สำหรับต้นเหมยกับญี่ปุ่นแล้วคงอยู่ในจำพวกหลัง

    แม้จะยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างจริงจังก็ตาม

    ต้นเหมย เรากินซอร์ฟครีมได้ไหมอะคนข้างกายหันมาถามด้วยแววตาคาดหวัง ความจริงเหมยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกินหรอก เพียงแต่บางครั้งเขาคิดว่ามันเย็นเกินไปแถมเจ้าตัวยังชอบบ่นหนาวหลังกินเสร็จอีก

    เอาสิญี่ปุ่นฉีกยิ้มแป้นก่อนคว้าข้อมือเขาเดินไปยังหน้าร้านขายซอร์ฟครีม จะบอกว่าก่อนออกจากบ้านและหลังออกมานั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยที่เขาไม่แน่ใจเหตุผล อาจเพราะอีกฝ่ายกลัวเขาคิดหนักจึงทำเหมือนไม่เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้

    ต้นเหมยเอาไหม

    ไม่ครับเป็นอันรู้กันว่าเขาจะไม่สั่งมาเพราะบางครั้งญี่ปุ่นชอบมาบอกให้ช่วยกิน เขามองรอยยิ้มนั้นไม่วางตาและอยากเห็นบ่อยๆ

    ยอมรับตามตรงว่าเขาอยู่ตรงนี้จนมีญี่ปุ่นเป็นความสบายใจของตัวเองไปแล้ว

    ต้นเหมย

    หือ

    เป็นอะไรหรือเปล่าเหมยส่ายหน้าแทนคำตอบ สะบัดไล่ความคิดเมื่อครู่ออกไป คนโกหกไม่น่ารักนะ

    อ่าลมหายใจผ่อนออกเชื่องช้าก่อนยิ้มให้กับญี่ปุ่นหนหนึ่ง ปิดบังอะไรไม่ได้เสียแล้วใช่ไหมกับคนนี้ แค่คิดว่าคงคิดถึงปุ่น

    “…” คนที่กำลังจะอ้าปากงับซอร์ฟครีมนิ่งงัน พอนึกถึงวันพรุ่งนี้ทีไรหัวใจกระตุกวูบทุกที เราคงคิดถึงต้นเหมยเหมือนกัน...

    ครับ

    “เรา...”

    “มีอะไรหรือเปล่า”

    “ป...เปล่า” ญี่ปุ่นเอ่ยปฏิเสธ ก่อนหันซ้ายทีขวาทีแล้วชี้ยังไปเก้าอี้พักผ่อนตัวหนึ่งซึ่งไม่มีใครจับจอง “ไปนั่งตรงไหนกันไหม”

    เหมยไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าแล้วเดินตามไป เมื่อนั่งลงเราต่างคนต่างเงียบปล่อยให้เสียงผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาดังอยู่ในโสตประสาท หนักเข้าเหมยทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้จึงเอ่ยปากพูด

    ไอจัง  

    หือ

    เดี๋ยวเหมยกลับมาไม่ใช่ถ้อยคำสัญญาใดๆ แต่เป็นความจริงจากเขาผู้ซึ่งหลงรักคนที่อยู่ทางไกล คนข้างกายยิ้มจางแล้วพยักหน้าลงระรัว จะโทรหาทุกวัน

    ไม่ต้องหรอก วันไหนยุ่งหรือเหนื่อยพักผ่อนก่อนก็ได้ เราไม่อยากให้ต้นเหมยต้องคอยมาเป็นห่วง

    วันไหนเหนื่อยยิ่งต้องได้ยินเสียงสิ

    “…”

    จะได้หาย

    บ้าถ้ากลับไปแล้วต้องคุยกับคุณพ่อดีๆ นะน้ำเสียงเจือความเป็นห่วงกลั่นออกมาจนรู้สึกได้ ญี่ปุ่นงับซอร์ฟครีมคำสุดท้ายเข้าปากทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ เหมยเอื้อมมาคว้าเอาไว้ก่อนล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาแล้วเช็ดมือให้ ขอบคุณนะ

    เต็มใจ

    ไปเดินเล่นกัน

    ครับ

    ชายหนุ่มสาวเท้าตามคนข้างหน้าไปด้วยความรู้สึกหน่วงภายในหัวใจ คิดไม่ตกเลยสักวินาที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนกดถ่ายรูปญี่ปุ่นเก็บเอาไว้ เดินตามไปเรื่อยๆ มองสองข้างทางประดับแสงไฟชวนอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

    ก่อนจะหยุดอยู่หน้าไฟประดับรูปต้นไม้สีสว่าง ญี่ปุ่นเงยหน้าขึ้นมองยอดสูงสุดแล้วคิดจะหันไปหาคนที่มาด้วยกันเพื่อบอกให้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เพียงแค่หมุนตัวกลับกระทบเข้ากับอกต้นเหมยอย่างแรง

    อยู่ใกล้เราขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ยถามติดหัวเราะเพราะเขาแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้เพียงแค่หันหลังก็ชนกันแล้ว

    นานแล้ว

    อือฮึ…” สุดท้ายแล้วไอ้เรื่องชวนถ่ายรูปกลับถูกพับเก็บไปเพราะต้นเหมยอยู่ใกล้เกินกว่าที่ควร เขารีบหมุนตัวกลับมาเพราะไม่อาจทนสายตาคู่นั้นได้ อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ว่าเขาเขินถึงได้ขยับถอยหลังออกไปแต่ไม่ได้ไกลกันมากนัก

    เหมยยืนนิ่งอยู่นาน เอาแต่คิดว่าควรจะทำอย่างไรให้ญี่ปุ่นมั่นใจว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปชอบใครอีก หนึ่งความคิดคือการบอกขอเปลี่ยนสถานะระหว่างเรา แต่อีกหนึ่งนั้นกลับกลัวญี่ปุ่นจะมองว่ามันเร็วจนเกินไป

    ท้ายสุดแล้วเหมยกลับขยับตัวไปใกล้อีกครั้งก่อนโน้มกระซิบจากด้านหลังหาได้สนใจผู้คนรอบข้างที่เดินขวักไขว่แม้แต่นิด

    ไอจังเขาเรียกเสียงแผ่ว แม้เจ้าตัวจะไม่ได้หันกลับมาแต่กลับส่งเสียงตอบรับในลำคอทำให้รู้ว่าสามารถพูดต่อไปได้เลย รู้ว่าไม่ชอบให้พูดแบบนี้

    ...

    แต่เหมยไม่อยู่ ดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม

    “…”

    กินข้าวให้ได้ทุกวัน ญี่ปุ่นไม่ตอบรับใดนอกเสียจากยืนฟังเฉยๆ พูดกันตามตรงว่าเขาไม่ได้อยากพูดให้มันดูเศร้าหรือคิดว่าเราไกลกันเกินไปแต่เขาห่วงจริงๆ อย่าฝืนถ้าง่วงนอน อย่าวิ่งเวลาออกไปข้างนอก

    ...อื้มเสียงหวานขานรับแต่เหมยสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ก่อนเจ้าตัวจะหันกลับมาหาพร้อมหยาดน้ำเอ่อล้นอยู่ตรงขอบตา

    ไม่ร้องเขาทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยุ่งกำลังจะหลุดสะอื้น ไอจังครับ

    ต...ต้นเหมยห้ามพูดแล้วนะ ห้ามๆๆ

    เหมยแค่เป็นห่วง

    เรารู้... ฮึก แต่เราไม่อยากให้ต้นเหมยกลับญี่ปุ่นตอบเสียงอู้อี้ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ไม่อยากให้ต้นเหมยมองเรางี่เง่า

    ไม่คิดแบบนั้นหรอก

    เราอะเจ้าตัวเล็กพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ สูดน้ำมูกแล้วฮึบครั้งหนึ่ง อยู่กับต้นเหมยจนไม่อยากให้ไปไหนแล้ว

    ...

    เราอยากเจอหน้าต้นเหมยทุกวัน ...ฮึก เหมือนเก่งอยู่ได้ไม่กี่นาทีก็หลุดปล่อยโฮอีกแล้ว อยากให้ต้นเหมยบอกฝันดีทุกคืน

    เหมยยังบอกฝันดีได้ทุกคืนเขาทนเห็นคนตัวแสบสะอื้นไห้ไม่ได้อีกแล้ว จำต้องพูดแทรกเพื่อเน้นย้ำสิ่งที่เขาจะกระทำ คอลกันก็ได้

    อือ

    แต่เดี๋ยวเหมยกลับมา

    อื้มญี่ปุ่นเริ่มหยุดร้องไห้ เผยรอยยิ้มให้เห็นจนเขายิ้มตาม กลับมาด้วยนะ

    ครับ

    ถ้างั้นระหว่างรอ เราจะไม่ทำให้ต้นเหมยต้องเหนื่อยใจเลย

    “…”

    แต่ว่า... ถ้าเกิดต้นเหมยไม่อยากมาหาเราแล้วก็บอกกันนะ ห้ามปล่อยให้เรารอ

    ไม่เป็นแบบนั้นหรอก ถ้าเลือกได้

    ...

    เหมยก็ไม่อยากกลับเหมือนกัน

     

     


    ญี่ปุ่นตื่นสายเหมือนวันแรกที่ต้องรอต้อนรับเพื่อนใหม่ ทว่าในวันนี้มีต้นเหมยมาปลุกให้ลุกไปอาบน้ำ อีกหนึ่งสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไม่ใช่การตื่นมารอพบใครแต่เป็นการเตรียมตัวไปสนามบินเพื่อส่งผู้อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนกลับบ้าน

    เจ้าตัวยุ่งจัดการหยิบขนมปังเข้าปากหนึ่งแผ่น มื้อเช้าวันนี้ไม่มีอะไรมากนักและเขาโดนบังคับให้กินทั้งที่ไม่อยากเลยสักนิด เขารีบล่กๆ เพราะกลัวต้นเหมยจะตกเครื่องหากช้ากว่านี้

    ไม่ต้องรีบเหมยเอ่ยตอนเจ้าของบ้านจ้ำมาหาท่าทางตระหนก เดี๋ยวล้ม

    สายแล้วอะ ฮือ เราจะทำให้ต้นเหมยตกเครื่องไหมเนี่ย

    ก็ดีสิจะได้อยู่ต่อ

    ฮึ คุณพ่อได้มาตามถึงที่นี่แน่ๆญี่ปุ่นพูดพลางกลั้วหัวเราะ ขณะเดินมาสวมรองเท้าผ้าใบ ทว่าเหตุการณ์เดิมกลับเวียนซ้ำคนที่ยืนอยู่ข้างกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก้มลงก่อนจะผูกเชือกรองเท้าให้เหมือนอย่างเคย ด...เดี๋ยว

    ไม่เป็นไรเหมยพูดเสียงเบาแล้วเงยหน้ามองญี่ปุ่นคล้ายจะบอกว่าอย่าชักขาออกไปไหน พอเจ้าตัวเห็นอย่างนั้นแล้วจึงนั่งนิ่งเฉย

    ขอบคุณนะกลายเป็นคำพูดติดปากของญี่ปุ่นไปแล้ว ทำแบบนี้เดี๋ยวเราก็ร้องไห้อีกหรอก

    เดี๋ยวปลอบ

    ฮื่อ ไม่ต้องเลยน่า จะหมดเวลาแล้วเขาย่นจมูกพลางบอกปัด ไม่อยากให้มาเสียเวลาอยู่กับเขานานเท่าไหร่นัก ถ้าตกเครื่องมาเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ ไปกัน

    ครับ

    ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือให้อีกฝ่ายจับเพื่อพยุงตัวขึ้นมา เหมยหันไปคว้ากระเป๋าลากของตัวเองก่อนหมุนตัวไปเปิดประตูบ้าน ทว่าช่วงจังหวะนั้นดันโดนเจ้าตัวแสบจับไหล่แล้วบังคับให้หันกลับไปหา

    เพียงแค่เสี้ยววินาทีญี่ปุ่นจู่โจมเขาได้ด้วยริมฝีปากนุ่ม แผ่นหลังกว้างแนบชิดไปกับบานประตู สองแขนโอบรอบเอวเอาไว้ทันท่วงที ปล่อยให้ถูกรุกล้ำอย่างเอาแต่ใจอยู่นาน ความดื้อรั้นอย่างนี้คงไม่มีใครเกินเล่นมาจูบกันตอนเขาไม่ทันตั้งตัวเสียได้

    คือว่า...ญี่ปุ่นขานอ้อมแอ้ม อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ สักที ไม่รู้ว่าความคิดด้านไหนสั่งถึงได้ดึงต้นเหมยมาจูบปาก แต่พูดก็พูดเถอะ... อยู่สนามบินมันทำไม่ได้นี่ อายคนอื่นตายเลย

    คือว่าอะไรครับ

    ...

    จูบลา?เหมยท้วงเมื่อคนตรงหน้าเงียบไปราวนึกคำตอบอยู่ ญี่ปุ่นจึงพยักหน้าลงน้อยๆ ดื้อจัง

    เราไม่ได้...

    อีกที

    หือ

    จูบอีกทีสิ

    สิ้นสุดคำพูดนั้นหาได้เป็นคำสั่งให้ญี่ปุ่นกระทำ แต่เป็นคำพูดเชิงขอร้องของต้นเหมย แขนแกร่งข้างหนึ่งกระชับอ้อมกอดแน่น ก่อนอีกข้างจะยกขึ้นรั้งท้ายทอยของเจ้าตัวยุ่งแล้วกดให้แนบชิด สัมผัสอุ่นร้อนแตะกันอีกครา

    หากคราวนี้กลับเนิ่นนานกว่าเมื่อครู่ ยิ่งได้ยินเสียงเฉอะแฉะจากปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดยิ่งทำให้แน่ชัดว่าไม่มีใครอยากหยุด ทว่าเวลามีจำกัดทำให้ต้องผละริมฝีปากออกจากกัน ปลายนิ้วโป้งไล้ตามแก้มใสอย่างเบามือ

    บ้า... บ้ามากด้วย

    ใครเริ่มก่อนล่ะ

    เรา...

    ไอจังเหมยเรียกชื่อก่อนมองตาของอีกฝ่ายและญี่ปุ่นไม่ได้หลบสายตาไปไหน

    อ...อะไร

    ถ้าอยู่ไกลกัน

    ม...ไม่ต้องมาพูดอะไรแบบเมื่อคืนเลยนะ เราไม่อยากร้องไห้แล้ว

    ฟังก่อนชายหนุ่มหลุดขำเมื่อเจ้าตัวโวยวายออกมาเสียก่อน เขาโน้มหน้าลงจนปลายจมูกแตะสัมผัสผิวหอมอย่างตั้งใจ เหมยจดจมูกฝังซ้ำบนแก้มใสอยู่หลายครั้งราวกับว่ามันไม่พอ ไอจังครับ

    หอม...อะไรขนาดนี้เล่าเสียงกระซิบใกล้ใบหูทำเอาหัวใจของญี่ปุ่นกระตุก ไหนจะเพิ่งโดนหอมแก้มมาอีก ความตื่นเต้นชวนให้หายใจไม่เป็นปกติเลยสักวินาที

    เป็น... เหมยแกล้งยั่วอารมณ์ด้วยการทิ้งช่วงจังหวะ แน่นอนว่าคนในอ้อมแขนนั่นเริ่มไม่พอใจเสียแล้ว

    พูดซี่ต้นเหมย เราทำตัวไม่ถูกนะ

    เป็นแฟนกับเหมยได้หรือเปล่า หัวใจคนฟังสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้เพราะโดนกอดเอาไว้ เสียงลมหายใจของอีกฝ่ายรินรดอยู่ข้างใบหูเหมือนตื่นเต้นไม่แพ้กัน มันอาจจะเร็วเกินไป

    ...

    แต่อยากให้มั่นใจ อ่า เหมยอยากรู้สึกว่าถึงอยู่ไกลก็ไม่เป็นอะไร เพราะไอจังอยู่ข้างกัน

    พูดแบบนี้ไม่เขินเหรอ

    เขินสิครับ แต่อยากบอกญี่ปุ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกสองแขนขึ้นกอดต้นเหมยเอาไว้แน่นก่อนจะสัมผัสได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่เอื้อมขึ้นมาลูบบนศีรษะ กอดเหมยแล้วจะเป็นแฟนกันหรือเปล่า

    อื้อ เป็น ...เป็นอยู่แล้ว

    คำตอบรับนั้นช่างทำให้หัวใจฟู แม้จะพูดกับญี่ปุ่นไปว่ามันเร็วจนเกินไปสำหรับการขอเป็นแฟนแต่ลึกๆ ภายในใจกลับบอกว่าทุกอย่างมันช้าเกินไป ...ยังไม่ทันจะได้อยู่กับญี่ปุ่นตอนเลื่อนสถานะเป็นแฟนกันเลยด้วยซ้ำ

    ไว้ไปฮาโกดาเตะด้วยกันอีกรอบได้ไหม

    จะไปถ่ายรูปอีกเหรอ

    ครับ

    รูปของคราวที่แล้วลงให้หมดก่อนไหมอะญี่ปุ่นหัวเราะคิกคักก่อนผละเจ้าของร่างใหญ่ออกจากอ้อมกอด ไว้รอบหน้าเราพาไปทัวร์ที่อื่นดีกว่า

    อยากไปถ่ายรูปกับไอจังที่นั่น

    เพิ่งถ่ายมานี่

    อยากได้รูปคู่

    รูปคู่ก็มีนะเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางนึกไปถึงรูปถ่ายทั้งหมดภายในกล้องของตัวเอง ไหนจะรูปที่ลงโลกออนไลน์อีก จะถ่ายซ้ำเหรอ

    ครับ

    เหมยอยากได้รูปคู่ตอนเราเป็นแฟนกัน

     

     


    ผู้คนภายในสนามบินขวักไขว่เหมือนวันแรกที่เขามาไม่มีผิด เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีกับการอยู่ด้วยกัน สารภาพตามตรงว่ากว่าจะออกมาจากบ้านได้เขาชิงจูบเจ้าตัวดื้อไปหลายหนจนคิดว่าตัวเองอาจจะอยู่ในขั้นเสพติดรสจูบของญี่ปุ่นก็เป็นได้ รวมถึงบอกที่อยู่ของกล่องดนตรีคริสตัลนั้นด้วย ตอนแรกกะว่าก่อนขึ้นเครื่องค่อยโทรบอกแต่คิดไปคิดมาอยากจะเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายตอนได้รับจึงเดินกลับไปเอาออกมาให้กับมือ

    เขาไม่ผิดหวังหรอกที่ตัดสินใจใหม่ เพราะได้เห็นแววตาสดใสก่อนกลับ

    จะไปไหนต่อไหม

    เราจะไปหามารุเหมยพยักหน้าก่อนก้มดูนาฬิกาข้อมือของตน ไม่ต้องห่วงเรานะ เดี๋ยวจะทิ้งข้อความเอาไว้

    ไม่ห่วงไม่ได้

    ต้นเหมยอย่าชักช้าซี่ รีบไปได้แล้วปากพูดอย่างหนึ่งทว่าในใจคิดอย่างหนึ่ง แต่เขาจะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วงเด็ดขาด

    ครับ

    อื้ม

    อย่าดื้อรู้ไหม

    รู้แล้วน่าญี่ปุ่นย่นจมูกแม้จะได้ยินถ้อยคำนี้ซ้ำมาแล้วหลายหน แต่นี่คนพูดกำลังจะกลับไปแล้วนั่นทำให้เขาใจเสียไม่น้อย ไม่ค่อยเคยชินสักเท่าไหร่เวลาต้องมาส่งใครขึ้นเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือกระทั่งพี่ยิ้มที่มาเยี่ยมกันบ่อยๆ ต้นเหมยก็ห้ามดื้อนะ อยู่บนเครื่องไม่มีอะไรทำก็นอนหลับไปเลยนะ เมื่อคืนยิ่งนอนน้อยอยู่

    ครับ ถ้างั้นไปแล้วนะเสียงทุ้มพยายามปรับให้เป็นโทนปกติทว่ายังมีแอบสั่นไปบ้าง ใครจะคิดว่าคนร้องไห้ยากอย่างเขาจะเกิดความรู้สึกอ่อนไหวในใจ ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ

    อือฮึ ต้นเหมยถ้าเดินเข้าไปแล้วห้ามหันกลับมาด้วย เป็นอันรู้กันว่าคำสั่งนั้นเป็นเพียงเพราะเจ้าตัวจะร้องไห้งอแงถ้าเกิดว่าหันกลับมามองเดินทางปลอดภัยนะ

    ญี่ปุ่นฉีกยิ้มให้กับคนที่กำลังจะเดินทาง เขามองตามจนคนตัวโตหันหลังแล้วก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า พยายามกักเก็บอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองเอาไว้ไม่ให้พรั่งพรูออกมา เกรงว่าอีกฝ่ายนั้นอาจจะไม่ทำตามสัญญาแล้วหันกลับมามองและเขาคงไม่สบายใจหากว่าต้นเหมยต้องเห็นเขาร้องไห้ก่อนตัวเองจะขึ้นไปบนเครื่องบิน

    ยิ่งอีกฝ่ายเดินไกลออกไปมันยิ่งเกิดความรู้สึกหม่นในใจจากความคิดถึงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน เขาเม้มปากแน่นก่อนหมุนตัวกลับมาแม้จะยังพอเห็นแผ่นหลังของต้นเหมยอยู่ไกลๆ ก็ตาม แต่ญี่ปุ่นไม่สามารถยืนมองได้อีกต่อไป

    เขากลับมาเป็นเด็กอ่อนแออีกครั้ง ไม่เคยชินเลยสักที...

    เจ้าของร่างเล็กสาวเท้าออกมาจากสนามบิน เมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีเหตุการณ์พลิกผันอย่างต้นเหมยเดินกลับออกมาหาเขาจึงปล่อยสะอื้นไห้อย่างไม่อาจควบคุม ฝ่ามือยกขึ้นปิดหน้าของตัวเองไว้เพราะหยาดน้ำตานั้นไหลร่วงคล้ายสะสมมานาน

    แม้รู้ว่าเรายังเห็นหน้ากันได้ผ่านวีดิโอคอล ได้ยินเสียงผ่านการพูดคุยโทรศัพท์ แต่สำหรับเขาดันคิดว่ามันทดแทนความคิดถึงที่มีให้กันได้ไม่มากเท่าไหร่นัก ทั้งยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เจอกันอีก

    เพียงแค่ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที... เขายังรู้สึกคิดถึงได้มากมายขนาดนี้

    ญี่ปุ่นน่ะ...ชักจะติดต้นเหมยเกินไปแล้ว

     

    tbc
    กลับมารีอัปเหมือนเดิมแล้วคับ หลังจากหายไปนาน แฮ่

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×