ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #58 : ตอนที่ 10 Railway

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9
      0
      9 ธ.ค. 61

    ตอนที่ 10 Railway


         แนวสันเขื่อนที่ทอดยาวหลายกิโลเมตร ได้ทำการติดตั้งป้อมปืนใหญ่ตลอดแนว เพื่อให้การบำรุงรักษาเป็นไปโดยง่ายและรวดเร็ว ทางรถไฟที่ทอดขนานไปกับถนนที่รถยนต์ใช้สามารถทำให้การซ่อมบำรุงสะดวก แต่ไม่เฉพาะใช้ในการเดินทางของประชาชนทั่วไปเท่านั้น ทางทหารเองก็มีประโยชน์อย่างอื่นที่สามารถทำได้

         ขบวนรถไฟเดินทางออกจากฐานทัพทหารเรือมุ่งสู่แนวสันเขื่อนที่สามารถมองเห็นพื้นที่เมืองหลวงเก่าได้อย่างครอบคลุม ขบวนรถไฟที่พ่วงศูนย์บัญชาการรบย่อย แท่นยิงขีปนาวุธแบบต่างๆ ตู้บรรทุกขีปนาวุธ ตู้ของทหารป้องกันรถไฟ และคลังแสงอีกจำนวนมาก 

         เมื่อใช้ความเร็วสูง ขบวนรถไฟจึงเข้าประจำที่บนสันเขื่อนอย่างรวดเร็ว ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ทว่าแสงไฟในเมืองเก่ากลับไม่ส่องสว่างไสวเหมือนก่อนหน้านี้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเทคโนโลยีในปัจจุบัน

         อาวุธทุกรูปแบบบนเขื่อนได้โอนมาให้ศูนย์บัญชาการการรบบนรถไฟเป็นผู้ควบคุม เรือตรวจการณ์ของทหารเรือปิดน่านน้ำบางส่วนเพื่อความปลอดภัย

         "ท่านครับ กองทัพบกวางแนวสกัดกั้นนอกเขตเมืองเรียบร้อยครับ"

         "ทางศูนย์ประสานงานยังไม่บรรลุภารกิจ หากช้ากว่านี้จะเกิดปัญหาใหญ่" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าว

         "ท่านครับ ข้อมูลศัตรูที่ได้มานี้ ของจริงใช่ไหมครับ" ผู้บัญชาการทหารเรือถาม

         "ใช่ เพราะเหตุผลนี้ เราจึงส่งทหารเข้าไปทั้งหมดไม่ได้ ต้องให้ทหารที่มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งเท่านั้น"

         "ข้อมูลจากสำนักงาน SA เชื่อถือได้ใช่ไหมครับ" ผู้บัญชาการนาวิกโยธินถามเพิ่มเติม

         "ใช่ เชื่อถือได้" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยื่นเอกสารให้ดูเพิ่มเติม

         "โอ้ นี่มัน ชุด Exo Skeleton ของ SA" ผบ.ทร.ตาโตเมื่อเปิดดูด้านใน

         "พวกเขาสร้างมันขึ้นเพื่อรับมือกับศัตรูมาตั้งแต่แรกแล้ว อาวุธอีกหลายประเภทเช่นกัน แต่ด้วยจำนวนที่น้อยนิด ทำให้เราไม่สามารถแจกจ่ายทหารให้ครบทุกคนได้" 

         ข้าราชการระดับสูงทั้งสามพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีรายงานแจ้งขอการสนับสนุนจากเขตเมืองเก่า

         รัฐมนตรีในชุดสูทสีเทายืนขึ้นก่อน ตามด้วยผู้บัญชาการทั้งสอง

         "ภัยคุกคามใหม่เข้ามาท้าทายเราถึงในบ้าน ออกไปต้อนรับพวกเขาหน่อย" รัฐมนตรีกล่าว

         "รับทราบครับ"

         นายทหารทั้งสองเดินออกไปจากฝ่ายบัญชาการรบ เมื่อพวกเขาออกมาที่ด้านนอก แสงสว่างวาบขึ้นจากด้านหน้าของเขื่อน ปากอ่าวไทยที่มีกองเรือขนาดใหญ่ประจำการ แสงสว่างเป็นดวงเล็กๆ พุ่งขึ้นจากเรือลาดตระเวนหนัก  มิสไซล์ถูกปล่อยออกจากท่อยิงพุ่งเป็นวิถีโค้งข้ามแนวเขื่อนตกลงสู่เขตเมืองเก่า 
         ควันสีเทาหม่นระเบิดขึ้นจากแนวอาคาร บรึม! เสียงดังก้องไล่มาตามผิวน้ำ เป็นสัญญาณของการเริ่มทำการรบอย่างเป็นทางการ



         '...จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในเขตเมืองต่างๆ นั้นทำให้เจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนเพิ่มมาตราการที่เข้มงวดขึ้น ทว่าในเขตเมืองหลวงเก่าตกเป็นเป้าการโจมตีของกองกำลังติดอาวุธที่ยังหลงเหลือ...'


         '...สหประชาชาติเพิ่มระดับการเฝ้าระวังสถานการณ์ในราชอาณาจักรไทยอย่างใกล้ชิด ขณะที่ชาติอาเซียนเร่งระดมอาวุธเตรียมพร้อมสนับสนุนการต่อต้านกองกำลังติดอาวุธในราชอาณาจักรไทย..."


         '...ทางกองทัพเรียกกำลังพลกลับเข้ากรมกอง เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอันใกล้ ขอให้ประชาชนที่ไม่อยู่ในเขตสีแดง ดำเนินกิจวัตรตามปกติ และอยู่ในความสงบ...'


         หน้าจอขนาดใหญ่ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านข้างของอาคารห้างสรรพสินค้าในเขตเมืองเก่าถ่ายทอดรายงานข่าวจากช่องต่างๆ แต่ไม่มีผู้คนให้ความสนใจอีกต่อไป เพราะลานด้านหน้าที่เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าได้ถูกดัดแปลงเป็นค่ายทหารไปเรียบร้อยแล้ว

         "เจ้าจะทำอะไรได้!"

         เสียงของหญิงสาวหวีดดังสะท้อนผ่านช่องตึกมาถึงค่ายทหาร

         เหล่าทหารหนุ่มสาวต่างหยุดสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำพร้อมกับเงี่ยหูฟังเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เสียงวิทยุดังซ่าแผ่วๆ มีเพียงพลวิทยุเท่านั้นที่เข้าใจว่าปลายสายส่งสารมาว่าอย่างไร

         "ทั้งหมดประจำตำแหน่งรบ!"

         นายทหารลั่นเสียงออกคำสั่งมาแต่ไกล และเหล่าทหารก็ไม่รีรอ รีบเข้าประจำที่และตรวจสอบอาวุธให้พร้อมใช้งาน

         ครืดดดด! 

         เสียงปืนมินิกันดังสะท้อนไล่ตามมาทีหลัง เส้นแสงสีส้มถูกกราดยิงขึ้นบนท้องฟ้าจำนวนมาก

         ไม่นานเรือลาดตระเวนลำน้ำก็โผล่พ้นออกจากมุมตึกเข้าสู่เวิ้งน้ำ ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือห้างสรรพสินค้าที่ค่ายทหารตั้งอยู่ 

         "อย่าพึ่งยิงจนกว่าจะสั่ง"

         นายทหารกล่าวอีกครั้ง

         ลูกจรวด RPG พุ่งไล่หลังเรือลาดตระเวนลำน้ำลำแรกและเฉียดออกจากตัวเรือไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น มันพลาดเป้า ตูม!!

         เรือเล็กไล่หลังเรือลาดตระเวนลำน้ำมาหลายลำ แต่ละลำมีไททันเต็มอัตราศึก 

         "ยิงพวกเรือเล็กให้หมด" นายทหารอนุมัติให้ยิง

         ปังๆๆๆ!

         ปืนกลหนักเริ่มสาดกระสุนระลอกแรกใส่เรือของพวกไททัน แม้ว่าพวกเขาจะถูกโจมตี แต่ก็ไล่ล่าเรือลาดตระเวนไม่ยอมหยุด

         ในจังหวะนั้นเอง รถไฟฟ้าที่วิ่งมาจากเขตเมืองใหม่ได้เข้าเทียบชานชาลาของค่ายทหารในทันที ทั้งขบวนว่างเปล่าไม่มีผู้โดยสารแม้แต่คนเดียว

         ทหารสองนายขนเครื่องยิงลูกรวดย้ายไปบริเวณสถานีรถไฟฟ้าเหนือท่าน้ำที่เรือลาดระเวนกำลังเข้าเทียบท่า

         เรือของไททันยิ่งเพิ่มความเร็วไล่ตามเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับยิงโจมตีเรือลาดตระเวนไม่หยุด พลปืนมินิกันของเรือลาดตระเวนจึงยิงสวนกลับไป ทำให้เรือลำหนึ่งระเบิดเปลวไฟลุกท่วมไม่สามารถไล่ตามต่อได้ ทว่าอีกลำหนึ่งก็เข้ามาใกล้ขึ้น

         ทหารบนชานชาลาจึงยิงจรวดทำลายเรือดังกล่าวที่ไล่ตามมาให้แทน เปลวไฟลุกโชนขึ้นเหนือเรือของไททันและเลี้ยวเบนออกทางอื่นตามกระแสน้ำ เรือลาดตระเวนจึงเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย

         ปังๆๆๆ!!

         ระหว่างที่ทหารกำลังสนใจไททัน ในอากาศ นางฟ้าที่มีปีกคล้ายกับแมลงบินไล่ตามมาด้วยความรวดเร็วสู่เวิ้งน้ำ นางฟ้าปีกขนนกสีขาวบินไล่ตามมาพร้อมกับร่ายเวทยิงน้ำแข็งไล่หลัง

         "รับนี่ไป" เกลซีร่ายเสกผึ้งตัวโตบินเข้าปะทะนางฟ้าที่ไล่ตามมา

         ตูม!!

         มันระเบิดทันทีที่เข้าใกล้แต่นางฟ้าผมสีเงินที่ไล่ตามมากลับไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บ

         เจ้าหน้าที่ SA แบกร่างเด็กหนุ่ม และหญิงสาวที่หมดสติขึ้นไปมายังรถไฟฟ้าที่จอดรออยู่ที่ชานชาลา เมื่อเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายก้าวเข้าผ่านประตูรถไฟฟ้า ขบวนรถก็เคลื่อนตัวออกทันที โดยทำการปิดประตูภายหลัง

         เมื่อเห็นท่าไม่ดี เรือเล็กของไททันเริ่มถอยออกจากพื้นที่ไป 

         เกลซี นางฟ้าในชุดเกราะที่คล้ายกับแมลงสามารถร่อนลงบนหลังคารถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายได้ทัน ทว่านางฟ้าผมสีเงินกลับไม่เป็นเช่นนั้น เธอจึงพยายามโจมตีนางฟ้าอีกตนหนึ่งด้วยเวทน้ำแข็งแทน พร้อมกับบินไล่ตามต่อไป

         ทหารที่พะวงอยู่กับการป้องกันศัตรูตรงหน้าจึงไม่ทันสังเกตเห็น ว่าได้มีศัตรูตามขึ้นรถไฟฟ้าขบวนดังกล่าวได้แล้ว



         ชายหนุ่มในชุดผ้าคลุมสีดำวางร่างของเด็กหนุ่มอีกคนลงบนพื้นอย่างแผ่วเบาพื่อรอให้เขาฟื้นสติ 

         "ไอน์ปกป้องบีไว้ อย่าห่างจากเธอ" หญิงสาวผมบลอนด์ทองมอบหมายหน้าที่ให้เด็กหนุ่มที่ยังมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง

         "ครับ" ไอน์ตอบรับก่อนที่จะดันร่างบีประชิดมุมหนึ่ง

         "คาระจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม" บีถามด้วยเสียงสั่นเครือ

         "แน่นอน" 

         ดวงตาสองสีของวาเลนไทน์จ้องมองมาที่บีก่อนให้คำตอบ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจ เธอพิงตัวที่ขอบหน้าต่างและมองดูสถานการณ์ภายนอก

         "เกลซียังตามเรามา" เธอกล่าว

         ขบวนรถไฟฟ้าวิ่งไปตามรางด้วยความเร็วสูง ผ่านสถานีที่ตอนนี้ร้างผู้คนหลายสถานี

    ตึง!!

         นางฟ้าผมสีเงินทิ้งตัวลงแทงดาบทะลุหลังคารถไฟฟ้าลงไป 

         "ฟาเรนไฮต์ เจ้าจะไม่มีวันหยุดยั้งพวกเราได้" เกลซีที่ม้วนตัวหลบออกไปกล่าว

         บนหลังคารถไฟที่มีลมกระโชกแรงและแรงสั่นสะเทือน พวกเธอยังคงยืนนิ่งไม่เสียหลัก

         ฟาเรนไฮต์ดึงดาบของเธอขึ้นจากหลังคาพุ่งตัวเข้าหาเกลซีและแทงออกไป เกลซีใช้หอกซัดดาบกลับไป แต่ลูกเตะของฟาเรนไฮต์ที่โจมตีเข้ามาโดยที่เกลซีไม่ทันรู้ตัวก็กระแทกเข้าที่หน้าอกจนร่างกระเด็นไปยังอีกตู้ขบวนหนึ่ง

         "กลับไปยังที่ที่เจ้าจากมาซะ" ฟาเรนไฮต์กล่าวเตือน

         "เขาเลือกข้างไปแล้ว เจ้าจะทำอะไรได้ ฮิๆๆ"

         ฟาเรนไฮต์พุ่งตัวเข้าหาเกลซีอีกครั้ง ครั้งนี้เกลซีเริ่มยิงลำแสงสีเหลืองก่อน ฟาเรนไฮต์เสกแผ่นน้ำแข็งแวววาวใสเหมือนกระจก เบนลำแสงออกไป แต่ก่อนที่เธอจะเข้าถึงตัวเกลซี ร่างของเธอก็ร่วงหล่นลงเข้าไปในขบวนรถไฟ

         ตุบ! 

         ไม่ทันที่ฟาเรนไฮต์จะได้ตั้งตัว ฟิ้ว! กระสุนปืนพุ่งผ่านใบหน้าของเธอไป

         "อึก วาเลนไทน์" 

         "เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวอีก ฟาเรนไฮต์" 

         วาเลนไทน์เล็งปืนพกมาทางฟาเรนไฮต์

    ฟุบ

         เส้นแสงสีเหลืองพาดผ่านส่วนเชื่อมต่อระหว่างตู้โดยสาร มันค่อยๆแยกออกจากกัน อากาศภายนอกไหลเข้ามาภายในขบวน

         เกลซีตัดแยกตู้โดยสารส่วนที่ฟาเรนไฮต์อยู่ทิ้งออกไป

         ปังๆๆ!! 

         วาเลนไทน์ยิงปืนขึ้นบนหลังคาไปในจุดที่คาดว่าเกลซีจะอยู่ ทว่าเกลซีกลับกระโดดหลบไปมาอย่างคล่องแคล่ว

         ฟาเรนไฮต์ปล่อยน้ำแข็งเป็นสะพานทอดไปยังตู้โดยสารด้านหน้า ทันทีที่เธอกระโดดข้ามไป วาเลนไทน์หันกลับมายิงสกัดไว้จนฟาเรนไฮต์ต้องหลบไปด้านข้าง

         "ส่งตัวเขามาให้ข้า ก่อนที่เขาจะถูกชิงตัวไป" ฟาเรนไฮต์กล่าว

         "ปฏิเสธ เราไม่ให้โอกาสเป็นครั้งที่สอง" วาเลนไทน์ตอบกลับ ขณะฟังเสียงสัมผัสบนหลังคาเพื่อค้นหาเกลซี

         ฟาเรนไฮต์ได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกโกรธจัด เธอถูกตอกย้ำถึงความผิดพลาดก่อนหน้านี้ ที่ผละตัวออกจากคาระซึ่งไม่ใช่เอคโค่ ทว่าตอนนี้คาระกลับกลายเป็นศัตรูที่อันตรายไปเสียแล้ว

         "ข้าจะขึ้นไป" คิระกล่าวเสียงแผ่วให้วาเลนไทน์ทราบ ก่อนที่เขาจะทุบบานหน้าต่างและกระโดดออกไป

         ทันทีที่กระจกหน้าต่างแตกออก ฟาเรนไฮต์แทรกตัวเข้ามาภายในขบวนอย่างรวดเร็ว และวิ่งเข้าหาวาเลนไทน์พร้อมดาบที่พร้อมฟาดฟัน 

         วาเลนไทน์ใช้ปืนทั้งสองกระบอกยิงสกัดฟาเรนไฮต์เพื่อไม่ให้เธอเข้าใกล้ ทว่าแผ่นน้ำแข็งก็ปรากฏตรงหน้าฟาเรนไฮต์และขยายขึ้นจนกลายเป็นกำแพง กระสุนของวาเลนไทน์ไม่สามารถทำอะไรได้

         ฟาเรนไฮต์ดันกำแพงน้ำแข็งเข้าใกล้ จนแทบจะประชิดตัววาเลนไทน์ กำแพงน้ำแข็งหดตัวกลายเป็นหอกเคลือบอยู่ที่ปลายดาบของฟาเรนไฮต์

         "หลีกทาง!" ฟาเรนไฮต์แทงหอกน้ำแข็งสุดแรง

         "...หึ " วาเลนไทน์ตั้งรับด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง

         ฟุบ  หอกปะทะเข้าที่ร่างของวาเลนไทน์ อากาศรอบๆ ถูกฉีกสะบั้นเป็นรอยแยก ระเบิดออกสร้างความเสียหาย

         ตูม! กระจกหน้าต่างและประตูแตกกระจายจากแรงระเบิด ร่างของวาเลนไทน์ลอยลิ่วปลิวไปอีกตู้โดยสารหนึ่ง

         ไอน์และบีต่างก้มตัวหลบแรงอัดของระเบิด ฟาเรนไฮต์เดินเข้ามาใกล้ร่างของเด็กหนุ่มสองคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

         "อย่าแตะต้องเขา" ไอน์ส่งเสียงขัดฟาเรนไฮต์

         เธอไม่สนใจและเอื้อมมืออุ้มร่างคาระขึ้น ฟิ้ว!

         ใบหน้าของฟาเรนไฮต์เกิดรอยบาดขึ้นที่แก้ม 

         ไอน์เทน้ำในขวดลงบนฝ่ามือของเขาเอง

         "ถือว่าเตือนแล้วนะ"

         ฟาเรนไฮต์โบกมือขึ้นตรงหน้าเธออย่างไม่ใส่ใจ กึก

         "อึก โอ้ย" 

         ไอน์ทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวดอันฉับพลันที่แล่นมาจากมือของเขา

         ขวดน้ำที่ไอน์ถือตกลงพื้นและกลิ้งไปมาโดยไม่มีน้ำหกออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงไอเย็นลอยขึ้นเป็นควันจางๆ เท่านั้น

         "พลังของเจ้า ทำลายเจ้าเองได้" เธอกล่าว

         ไอน์จับที่แขนของเขา พยายามฝืนความเจ็บปวด มือของเขาถูกเคลือบด้วยน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งไปเสียแล้ว 

    "Tec...tum" 

         กำแพงโปร่งแสงสีม่วงอ่อนปรากฏขวางกั้นไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้าออกได้ ฟาเรนไฮต์จึงนำตัวคาระไปไม่ได้เช่นกัน

         "ฉัน..ไม่ยอมให้ใครเอาตัวเขาไปทั้งนั้น" บีกล่าวเสียงแข็ง



         คิระก้าวขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับดันหอกของเกลซีออกไป เกลซีเองก็พยายามใชช้หอกนั้นกดตัวคิระที่พลังค่อยๆ หมดลงเรื่อยๆ

         "นี่ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า ผู้พิทักษ์" เกลซีกล่าว

         "ใช่ นี่ไม่ใช่หน้าที่ของผู้พิทักษ์ แต่เป็นหน้าที่ของข้า" 

         คิระออกแรงผลักเกลซีออกไปสุดแรง และยิงพลังเวทไปอีกครั้ง ซึ่งเกลซีก้มตัวหลบอย่างไม่ยากเย็น

         "ยอมเถิด เจ้าไม่เหลือพลังพอจะต่อกรกับเราตั้งแต่แรกแล้ว " เกลซีเกลี้ยกล่อม

         "ไม่ พลังของข้ามันไม่สิ้นสุด" คิระชันเข่าลงบนหลังคา เขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนทรงตัวบนหลังคารถไฟฟ้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่ได้

         "คำพูดขัดกับที่ข้าเห็นนะ" 

         ทันใดนั้นค้างคาวปีศาจร่างยักษ์ได้บินโฉบลงมาที่รางรถไฟฟ้า ตึง!! และโจมตีหัวขบวนซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมทั้งขบวน จากนั้นมันจึงเหวี่ยงตู้โดยสารหน้าสุดออกจากทางรถไฟลงไปเบื้องล่างแล้วบินจากไป มันรับคำสั่งจากเกลซีโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัย มันเคลื่อนไหวเฉพาะเท่าที่ได้รับคำสั่ง

         ขบวนรถไฟลดความเร็วลงเรื่อยๆ 

         เกลซียกปลายหอกขึ้นแตะที่หน้าอกของคิระ

         "ข้าอยากให้เจ้าได้เห็น...โลกที่เรากำลังสร้างขึ้นใหม่"

         "มันจะไม่แตกต่างกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลย ฮ่าๆๆ" 

         รถไฟแล่นช้าลง จนหยุดนิ่ง

         "ข้ารู้อยู่แล้ว"

    ฉึก!

         ปลายหอกของเธอแทงทะลุร่างของคิระ ของเหลวสีดำไหลไปตามคมหอก ไม่ทันที่คิระจะได้เตรียมใจ เกลซีก็ดึงหอกออกมาก่อน ทำให้เลือดสีดำไหลทะลักออกมา ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงกองบนหลังคา

         เกลซีสะบัดหอกสลัดเลือดออกจากอาวุธ และกระโดดลงมาภายในตู้โดยสารที่หยุดนิ่ง

    แวบ

    ปังๆ!!

         แสงสีขาวสว่างวาบทำให้เกลซีต้องใช้มือบดบังแสงนั้น ก่อนที่กระสุนจะพุ่งเข้าที่หน้าอกของเธอสองนัด 

         มันเป็นการโจมตีที่รุนแรง เกราะของเกลซีอตกกระจายจนชิ้นส่วนเกราะนั้นใช้การอีกไม่ได้

         "อึก อ่า!"

         แสงสว่างนั้นดับวูบลง

         วาเลนไทนเล็งปืนมาที่เกลซีและลั่นไกอีกครั้ง ปังๆ! 

         เกลซีหลบออกจากวิถีกระสุนไปตั้งหลัก

         ฟาเรนไฮต์พยายามหาทางผ่านออกจากเขตที่บีสร้างเกราะกำบังขึ้น ทว่าก็เปล่าประโยชน์

         "เจ้าไม่ควรขัดขวางข้า" ฟาเรนไฮต์กล่าว

         "ท่านไม่ควรนำตัวเขาไปเช่นกัน" บีโต้ตอบ



         สถานีรถไฟฟ้าสถานีแรกของเขตเมืองใหม่ อยู่ไม่ไกลจากแนวกันน้ำมากนัก แต่เมื่อรถไฟฟ้าถูกระงับการใช้งาน ตลอดเส้นทางของทางรถไฟจึงไม่มีผู้ใดใช้บริการ ทว่าหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งในสถานีดังกล่าวกลับตั้งใจรอขบวนรถไฟอย่างอดทนเป็นเวลานาน

         "นี่มันช้าไปตั้งห้านาทีแล้วนะ" หญิงสาวคนหนึ่งเริ่มกังวล

         เธอเดินกลับไปมาไม่ยอมหยุดสลับกับดูนาฬิกาข้อมือ

         "ยังไม่เห็นเป้าหมายเลย มันแปลกๆนะ" ชายหนุ่มกล่าวผ่านวิทยุ

         เขานอนราบบนโต๊ะตัวหนึ่งพร้อมกับปืนไรเฟิลลำกล้องยาว เขามองผ่านกล้องเล็งไปยังอีกสถานีหนึ่ง

         "นี่ มีปัญหาแล้ว ทางหน่วยเหนือแจ้งมาว่า เป้าหมายมีปัญหา" ชายอีกคนกล่าว

         "เจอตั๊กแตนยักษ์ล่ะมั้ง" หญิงสาวคนเดิมกล่าวโดยเธอเริ่มหวาดกลัวเมื่อกล่าวถึงมัน

         "ไปดูกับตาละกัน" ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีมเสนอ " Romeo Juliet เตรียมเดินเท้าไปช่วยเหลือ"

         "รับทราบ"

         ทีมโรมิโอและจูเลียตทั้งหมดแปดคน กระโดดลงไปที่ทางรถไฟฟ้าและออกวิ่งเหยาะๆ ไปตามราง 

         ไม่นานพวกเขาก็เห็นเป้าหมาย ซึ่งกำลังมีการต่อสู้อยู่ภายในเป้าหมาย

         "Romeo 02 หามุมยิง" โรมิโอ 01 สั่ง "ที่เหลือเข้าใกล้มากขึ้น เพื่อยืนยันเป้าหมาย"

         โรมิโอ 02 แบกปืนของเขาขึ้นไปที่ข้างทาง คนอื่นๆ เคลื่อนที่เข้าไปใกล้ขึ้น

         "นี่ ยืนยันฝั่งเดียวกันที ที่กำลังเห็นคือผู้หญิงที่ใส่ชุดแมลงกำลังโมโหเลยล่ะ กำลังสู้กับผู้หญิง..." โรมิโอ 02 เงียบไป

         "อีกคนเป็นใครนะ" โรมิโอ 03 ถาม

         "เราเคยเจอเธอที่ห้องใต้ดิน เธอเป็นเจ้าหน้าที่ ฝ่ายเดียวกัน"

         "งั้น ซัดได้เลย" โรมิโอ 01 อนุญาต

    ปุง!!

         เสียงระเบิดดังออกจากปลายลำกล้องปืน กระสุนขนาดสิบสองจุดเจ็ดมิลลิเมตร พุ่งแหวกอากาศออกไป เส้นทางของกระสุนที่กระสุนได้วิ่งผ่านไปทำให้อากาศสั่นไหว

    ผัวะ!!

         กระสุนปะทะเข้าที่ร่างของเกลซี จนเธอรอยลิ่วตกจากทางรถไฟ 

         วาเลนไทน์รับรู้การมาถึงของผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือ เธอจึงหันไปพะวงกับนางฟ้าอีกองค์หนึ่งแทน

         "บี ทำดีมาก ปลดเกราะป้องกันออกได้แล้ว"

         "ค่ะ" บีคลายเวทของเธอออก

         กำแพงโปร่งแสงหายไป วาเลนไทน์ได้เล็งปืนมาที่ฟาเรนไฮต์ เธอพร้อมเหนี่ยวไกแล้ว แต่ก็ยังกังวลความปลอดภัยของคาระ

         ฟาเรนไฮต์ยกปีกข้างหนึ่งขึ้นปกป้องคาระที่เธอกำลังอุ้ม จากนั้นจึงวางร่างของเด็กหนุ่มลงในส่วนที่ปลอดภัย

         วาเลนไทน์ค่อยๆ ก้าวเข้าไปทีละก้าวใกล้ขึ้น ฟาเรนไฮต์เองก็ค่อยๆ ถอยหลังไป

         สายตาของทั้งคู่สงบนิ่งยามจดจ้องอีกฝ่ายหนึ่ง 

         ในจังหวะนั้นทันทีที่จิตสังหารส่งตรงไปยังอีกฝ่าย นั่นเป็นสัญญาณที่ทั้งสองเริ่มโจมตี

    ปัง!!

         วาเลนไทน์ลั่นไกออกไป กระสุนพุ่งเข้าหาฟาเรนไฮต์ทันที ก่อนที่กระสุนจะเข้าเป้า ฟาเรนไฮต์เลือกที่จะวิ่งเข้าหากระสุนแทน และเบี่ยงตัวหลบในจังหวะสุดท้าย

         กระสุนพุ่งผ่านใบหน้าของเธอไปอย่างกระชั้นชิด และเธอไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย

         ก่อนที่วาเลนไทน์จะได้ลั่นกระสุนนัดถัดไป ฟาเรนไฮต์ก็เข้ามาใกล้เกินกว่าจะยิงได้ทัน

         ใบดาบสีเงินสะท้อนแสงแดดสีส้มจากภายนอกแวววับชี้ตรงมายังร่างของวาเลนไทน์ ทว่าวาเลนไทน์พลิกตัวหันหลังกลับ และวาดขาอีกข้างหนึ่งขึ้น หวดส้นเท้าเข้าที่ร่างของฟาเรนไฮต์อย่างแม่นยำ

    ผัวะ!! 

         ร่างของฟาเนไฮต์ปลิวอัดกระแทกเข้ากับบานหน้าต่างอย่างรุนแรง จนโครงของตู้โดยสารบิดเบี้ยวเสียรูป

         ในตอนนั้นเองที่ โรมิโอและจูเลียตเข้ามาภายในตู้โดยสารได้

         "พาพวกเขาออกไปก่อน ข้าจะจัดการที่นี่เอง" วาเลนไทน์กล่าว

         โรมิโอช่วยกันแบกร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองออกไป โดยมีจูเลียตเป็นผู้คุ้มกัน บีและไอน์ออกไปพร้อมกับทั้งสองทีมที่เข้ามาช่วย

         "อึก"

         ฟาเรนไฮต์ยันตัวเองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เลือดสีแดงไหลออกมาจากศีรษะของเธอ และมันไหลลงมาจนบางส่วนเกือบจะเข้าตา เธอจึงใช้หลังมือปาดมันออก

         "หากเป็นเพียงนางฟ้าตกสวรรค์ เจ้าคงจะไม่ดิ้นรนเท่านี้" วาเลนไทน์เห็นถึงความมุ่งมั่นอันเหลือล้นของอีกฝ่าย

         "ข้าต้องทำภารกิจให้ลุล่วง นั่นคือหน้าที่" ฟาเรนไฮต์กล่าวเสียงเรียบ "หลีกทางให้ข้า"

         "ไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ แม้แต่ตอนนี้เจ้าก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อจิตใจของตนเอง ข้าปล่อยคาระให้เจ้าไม่ได้"

         คำตอบของฟาเรนไฮต์ที่กล่าวออกมานั้น วาเลนไทน์มองเห็นเสียแล้วว่าแววตาของเธอไม่ได้สงบนิ่งแม้แต่น้อย แต่เป็นแววตาของผู้ที่ต้องการจะสารภาพบาปของตน

         "เจ้าจะรู้อะไร" ฟาเรนไฮต์กล่าวเสียงแข็งกร้าว

         เธอดึงด้ามดาบให้ยาวขึ้นและพุ่งตัวเข้ามาเพื่อโจมตีวาเลนไทน์ แต่วาเลนไทน์เบี่ยงตัวหลบได้พ้นและเข้าจับตัวไว้ได้ วาเลนไทน์จึงเหวี่ยงฟาเรนไฮต์มาด้านข้างและตรึงเธอเอาไว้

         "ขอโทษด้วยนะ" 

    ผัวะ!!

         กระสุนจากพลซุ่มยิง โรมิโอ ปะทะเข้าที่ร่างของฟาเรนไฮต์อย่างรุนแรง เกราะหัวไหล่ของเธอแตกกระเด็นหลุดลอยออกมา ร่างของเธอปลิวออกจากตำแหน่งเดิม ของเหลวสีแดงกระเซ็นออกมา

    วาเลนไทน์หันไปทางโรมิโอ 02 และยกมือขึ้นแสดงตัวว่า 'ไม่เป็นอะไร

         เขาละสายตาออกจากกล้องเล็งและลุกขึ้นและแบกปืนขึ้นบ่า พร้อมกับที่ทีมโรมิโอและจูเลียตวิ่งพยุงร่างเด็กหนุ่มมาถึงตำแหน่งเขาพอดี

         "พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ฝืนหน่อย ไม่มีการสนับสนุน" โรมิโอ 01 กล่าวบอกลูกทีม



         วาเลนไทน์เก็บปืนเข้าซองก่อนที่จะดูพื้นที่รอบๆ อีกครั้ง

         "คิระ" เธอร้องเรียก "เฮ้ คิระ"

         เมื่อเธอหาคิระที่ด้านล่างไม่เจอ เธอจึงกระโดดขึ้นไปบนหลังคาขบวนรถไฟ

         และในที่สุดเธอก็พบร่างของเเขา

         "...คิระ" 

         เธอรีบโผเข้าไปที่ร่างของเขาทันที 

         "คิระ"

         มือของเธอสัมผัสกับของเหลวสีดำ และนั่นทำให้วาเลนไทน์ร้อนใจ 

         "ไม่...ไม่นะ คิระ อย่าล้อเล่นนะ" 

         วาเลนไทน์พยายามเขย่าตัวเรียกคิระอีกครั้ง

         "เฮ้ มันเป็นไปได้ยังไง คิระ อัศวินเงา..." เสียงของเธอเริ่มแผ่วเบาลง

    ฟ้าว!!

         เครื่องบินรบสามลำบินโฉบเหนือทางรถไฟตรงเข้าไปยังเขตเมืองเก่าที่ยังคงมีเสียงปืนดังก้อง แรงลมกระโชกตามมาภายหลังเพียงเสี้ยววินาที 

         สายลมนั้นพัดพานำความกลัวมาให้แก่เธอ และพัดพาเอาความหวังไป

         วาเลนไทน์ประคองศีรษะคิระวางไว้บนหน้าตัก ใบหน้าของเขาเหมือนเพียงแค่หลับไปเท่านั้น 

         ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นใดๆ แต่น้ำตาของเธอได้หยดไหลลงมาเสียแล้ว









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×