ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #57 : ตอนที่ 9 Noise

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18
      0
      7 ม.ค. 62

         ตั้งแต่เมื่อไรกัน ที่ข้าเริ่มหวาดกลัวความมืดตรงหน้า ทั้งที่ข้าเผชิญหน้าต่อความมืดมากมายและสยบมันลงได้ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ทว่าความมืดที่อยู่ตรงหน้าของข้านี้ต่างออกไป มันคือความมืดมิดที่เกิดขึ้นโดยผู้ที่ข้าไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นแก่เขา มันคืบคลานเข้ามาเมื่อใดกัน เพราะอะไรข้าจึงมองไม่เห็น หรือว่า...นั่นจะเป็นเพราะตัวข้าเอง


         "..ฟีเวอร์ "


         "ฟาเรนไฮต์"

         ดวงตาสีน้ำเงินสว่างจ้องมองไปในอากาศอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่นางฟ้าผมสีเงินจะรู้สึกตัว เพราะถูกเรียกชื่อโดยนางฟ้าอีกองค์หนึ่ง

         "เจ้าไม่ควรอยู่ตรงนี้ ถอยไปก่อนเถิด" เธอบอกฟาเรนไฮต์

         เธอมองตรงไปที่นักรบสีดำที่เคยเป็นเด็กหนุ่มส่งเสียงร้องอยู่ภายในลำคออย่างทรมาน ดาบที่พยายามจะหนีจากเขานั้นถูกฉุดรั้งด้วยบางสิ่งที่ถูกควบคุมโดยบางคน และใครที่ว่านั้น เธอรู้อย่างชัดแจ้งแล้ว

         "ขอปฏิเสธ โรไมน์ ข้ามีสิ่งที่ต้องสะสาง"

         ฟาเรนไฮต์ย่อตัวลงและชี้ดาบไปยังเป้าหมาย จากนั้นจึงพุ่งตัวไปโดยทันที ร่างของเธอแหวกอากาศไปอย่างรวดเร็ว จนสายลมปรากฏเป็นเส้นสีขาวที่ไหลไปตามส่วนเว้าโค้งเรือนร่างของเธอ

         "ช้าก่อน ฟาเรนไฮต์" 

    นักรบสวรรค์ผู้สวมผ้าคลุมสีแดงพยายามรั้งไว้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

         ฟาเรนไฮต์ส่งปลายดาบพุ่งไปเพื่อแทงนางฟ้าตกสวรรค์ เกลซี ทว่าเกลซีกลับหลบได้ก่อนที่ดาบจะเสียบทะลุร่าง

         "ฮิๆๆ ความผิดของเจ้า นางฟ้าผมเงิน" 

         เกลซีใช้หอกฟาดสวนเข้าที่ศีรษะของฟาเรนไฮต์อย่างแรงจนกระแทกลงกับหลังคาอาคาร ทะลุลงไปยังภายในตัวอาคาร

         โรไมน์เห็นดังนั้นจึงดึงสายธนูขึ้นเล็งพร้อมยิง เซลซิลีสบัดผ้าคลุมสีแดงไปด้านหลังสวนกระแสลมและขว้างหอกไปยังเกลซีโดยไม่รอช้า 

         เกลซีคว้าหอกของเซลซิลีได้กลางอากาศก่อนปะทะร่างของเธออย่างง่ายดาย โรไมน์จึงปล่อยสายธนูให้ลูกศรเรืองแสงสีเขียวพุ่งเข้าหาเกลซี แต่เธอก็ใช้หอกของเซลซิลีปัดลูกศรออกไป

         "นอยส์ กำจัดนักรบสวรรค์ทั้งสองซะ" เกลซีออกคำสั่ง

         ร่างที่ดูคล้ายกับนักรบสวรรค์สีดำค่อยๆ กระพือปีกเพื่อยกตัวให้ลอยขึ้น จังหวะนั้นเอง ฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่โตคว้าข้อเท้าของนอยส์ไว้ และเหวี่ยงร่างปลิวไปกระแทกกับอาคาร

         เซตที่กลับมามีไฟลุกทั่วร่างเข้ามาเป็นคู่ต่อสู้กับนอยส์อีกครั้ง เขาพุ่งเข้าหานอยส์ภายในอาคารและยิงหมัดอย่างรุนแรงเข้าที่ลำตัวของนอยส์จนร่างของเขาบิดเบี้ยว ทว่านอยส์กลับตวัดดาบฟันสวนกลับอย่างฉับพลันจนทั้งสองกระเด็นออกไปคนละทาง

         พื้นที่การต่อสู้เริ่มวุ่นวายมากขึ้นเมื่อกองทัพนักรบสวรรค์เข้ามาสมทบ 

         โดรนที่บินอยู่เหนือพื้นที่การต่อสู้ FOX 4 ถ่ายทอดภาพกลับไปที่ศูนย์ประสานงานและสำนักงาน SA โดยตรง

         เจ้าหน้าที่ SA ตื่นตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาได้เผชิญ แม้ว่าจะรับรู้ผ่านการรายงานหรือภาพเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ศูนย์ประสานงานมีอาการที่ย่ำแย่กว่า เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไว้อย่างดีพอ

         'เจ้าหน้าที่ SA ในพื้นที่ มีกองกำลังศัตรูเคลื่อนที่เข้าหาพวกคุณจากทิศตะวันตก อีกสามนาทีจะเห็นศัตรู'

         เจ้าหน้าที่ซึ่งควบคุมโดรนจากที่ห่างไกลแจ้งเตือน กองกำลังเจ้าหน้าที่ SA ให้เตรียมรับมือ

         "เป็นมนุษย์ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่ถามกลับไปในวิทยุ

         'ทวนคำถามอีกรอบ เราได้ยินไม่ชัด'

         "ศัตรูที่กำลังมา เป็นมนุษย์ใช่ไหม" 

         'จากทางทิศตะวันตก ยืนยันว่าเป็นมนุษย์'

         เจ้าหน้าที่ SA ซึ่งอยู่บนเรือลาดตระเวนลำน้ำทั้งสองลำ ต่างรีบนำเรือเข้าเทียบท่าฝั่งตรงข้ามกับลานว่างและขึ้นฝั่งวางแนวป้องกัน เจ้าหน้าที่บางส่วนถอดปืนกลออกจากเรือแล้วย้ายเข้าไปตั้งแท่นยิงปืนกลในอาคารใกล้เคียงอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับศัตรูที่ใกล้เข้ามามากขึ้น

         กองทัพนักรบสวรรค์ที่ตามหัวหน้าหน่วยนักรบทั้งสามมา บินตรงเข้ามายังพื้นที่ต่อสู้เพื่อเข้าจับหรือสังหารนางฟ้าตกสวรรค์

         เกลซีที่เห็นดังนั้นแล้วแต่กลับไม่มีท่าทีหวั่นไหวใดๆ มีเพียงรอยยิ้มมุมปากเท่านั้นที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอ

         เพียงเสี้ยววินาทีนั้น เซลซิลีฉุกคิดขึ้นได้ ด้วยท่าทางและความมั่นใจอย่างเหลือล้นของเกลซี เธอจะต้องคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่นั่นก็สายไป

         ปีศาจค้างคาวยักษ์ดันตัวผ่านช่องว่างระหว่างอาคารกระโจนขึ้นมาใช้กรงเล็บขนาดใหญ่คว้าเอากริฟฟอนตัวหนึ่งแล้วขว้างมันลงไปเบื้องล่าง ทะลุอาคารที่ผุพังลงไปอีกหลายชั้น ก่อนที่อาคารดังกล่าวจะทรุดตัวลงทับซ้ำอีก

         เหล่านักรบสวรรค์เข้าโจมตีปีศาจตนนั้นทันที เพื่อกำจัดศัตรูออกไปให้พ้นทาง ทว่ามันกลับไม่ได้มาตัวเดียว นักรบปีศาจที่ซุ่มรออยู่ก่อนก็ทะยานขึ้นบินเข้าปะทะกับนักรบสวรรค์กลางอากาศ

      
       "ไม่มีใครเข้าขัดขวางพวกเรา ไม่มีใครไล่ตามพวกเรา มอบสิทธิเด็ดขาดให้เราเพื่อปกครองที่แห่งนี้" 

         ดวงตาสีส้มที่ส่องประกายของเกลซี สื่อถึงนักรบสวรรค์ทั้งสองที่คิดจะหยุดยั้งเธอไว้ พลังของเธอนั้นได้พิสูจน์ให้โรไมน์และเซลซิลีเห็นแล้วว่าเธอแข็งแกร่งมากเพียงไร

         "คิระ" วาเลนไทน์เรียกชายหนุ่มที่มีสีหน้ากังวลน้อยที่สุด "พาคาระกลับมาให้ได้ สิ่งนี้สำคัญที่สุด"

         "ไม่นึกว่าเจ้าจะเดิมพันข้างเดียวกัน ราคามันสูงนะ"

         "มีแต่จะต้องจ่ายเท่านั้น"

         คิระได้ยินดังนั้น จึงตัดสินใจออกตัววิ่งไปทางที่คาระหรือนอยส์กระเด็นไป เพื่อช่วยให้เขากลับมาเป็นคาระ หรือเลวร้ายที่สุดคือ การหยุดยั้งเขาอย่างถาวร

         วาเลนไทน์ซึ่งอยู่ที่ท่าน้ำด้านล่างเล็งปืนทั้งสองกระบอกไปที่เกลซีซึ่งอยู่บนหลังคาของแนวอาคาร เธอลั่นไกออกไปโดยไม่หวังผลที่จะเกิดขึ้นเพียงแค่ต้องการดึงความสนใจเท่านั้น กระสุนสองนั้นกระเด้งออกก่อนถึงตัวของเกลซีราวกับมีเกราะกำบังที่มองไม่เห็นปกป้องเธอเอาไว้

         เกลซีชำเลืองตามาที่วาเลนไทน์อย่างไม่ใส่ใจมากนัก ก่อนที่จะชี้ปลายหอกมาที่ท่าน้ำและยิงแสงสีเหลืองหม่นที่น่าขนลุกออกไป วาเลนไทน์หลบลำแสงนั้นด้วยการเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ลำแสงถูกยิงลงไปในน้ำ ตูม!! แรงระเบิดส่งน้ำขึ้นสูงพอๆ กับความสูงของอาคารสี่ชั้น ซ่า มวลน้ำเริ่มตกกลับลงมาตามแรงดึงดูดคล้ายกับสายฝน

         "น่าสนใจ" เกลซีหันมาทางวาเลนไทน์  "ทว่า หากเป็นระยะนี้ล่ะ"

         ฟุบ

         เกลซีหายตัวไปและมาปรากฏตรงหน้าวาเลนไทน์ในชั่วพริบตา หอกทั้งสองของเซลซิลีและเกลซีพุ่งตรงหมายแทงทะลุร่างของวาเลนไทน์ แต่วาเลนไทน์ไม่ยอมหลบหนีออกไป กลับพุ่งตัวเข้าประชิดยิ่งขึ้น ใช้ท่อนแขนกระแทกเข้าที่ศีรษะของเกลซีจนหมวกเหล็กที่คล้ายหัวแมลงหลุดออกไป ตามด้วยการทุบด้วยด้ามปืนเข้าที่ใบหน้า ก่อนจะยิงซ้ำเข้าไปสองนัด

         มีเพียงกระสุนนัดแรกเท่านั้นที่เข้ถึงตัวเกลซี อีกลูกหนึ่งกระดอนออกไปด้านข้างด้วยเกราะกำบังที่มองไม่เห็น 

         ฟิ้ว

         ลูกธนูของโรไมน์พุ่งแหวกอากาศโจมตีเกลซีในจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัว ทว่าเกลซีหันกลับมาและกางมือออกเพื่อหยุดยั้งลูกธนูด้วยพลังเวท

         ปัง!

         วาเลนไทน์ยิงเข้าที่ข้อมือของเกลซี จนทำให้เธอเสียสมาธิ ลูกธนูของโรไมน์พุ่งเข้ากระแทกที่เกราะหัวไหล่และแฉลบออกไป ในจังหวะนั้นเอง เซลซิลีเห็นโอกาสที่จะแย่งหอกคืนมาได้ จึงบินโฉบเข้าไปคว้าหอกของธอกลับมา เกลซีที่รอจังหวะนั้นอยู่แล้วจึงแทงเธอจากด้านหลัง ตรงเข้าที่ผ้าคลุมสีแดง ทว่าร่างนั้นกลับไม่หยุดเคลื่อนไหว เซลซิลีเบี่ยงตัวและหันกลับมาทำให้ผ้าคลุมที่ทะลุเป็นรูอยู่แล้วฉีกขาดเป็นทางยาวด้วยคมหอกของเกลซี

         "ชิ หลอกตางั้นรึ" เกลซีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

         เซลซิลีแทงหอกสวนกลับมาทันที แต่เกลซีก็สามารถเบี่ยงตัวหลบได้อย่างไม่ยากเย็น

         "จงปราบศัตรูของข้าให้พ่ายพลัน"

         เปลวเพลิงลุกท่วมหอกของเซลซิลีก่อนที่จะโหมกระหน่ำไปยังเกลซี 

         "หึ ทำได้ดี แต่ยังไม่พอ" เกลซีกระโดดถอยหลังออกไปจากเปลวไฟที่ไล่ตามเธอ

     ตึง!

         แผ่นหลังของเกลซีกระแทกกับบางอย่างที่เย็นเยือก 

         "ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!" 

         กำแพงน้ำแข็งปิดกั้นทางหลบหนีของเกลซี เปลวไฟของเซลซิลีไล่ตามได้ทันและแผดเผาร่างของเกลซีจนเปลวไฟลุกท่วมตัวของเธอ 

         นางฟ้าผมสีเงินใช้แขนข้างหนึ่งยันกำแพงอาคารและใช้มืออีกข้างปล่อยพลังเวท เรียกกำแพงน้ำแข็งปิดกั้นรอบตัวเกลซีรวมถึงด้านบนด้วย

         เปลวไฟอันร้อนแรงของเซลซิลีโหมกระหน่ำเผาไหม้ภายในกล่องน้ำแข็งจนผู้ที่อยู่ด้านในล้มลงไป

         กรี๊ดดดดดด!!

         อากาศรอบตัวสั่นไหวอีกครั้ง เสียงกรีดร้องอันทรงพลังและน่าขนลุกดังมาจากด้านหลังแนวอาคาร ทุกคนต่างยกมือขึ้นปิดหูของตนเอง มันเป็นเสียงที่หนักอึ้งและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง



         ข้ามลำน้ำมาที่อีกฝั่งหนึ่งของลานว่าง ทหารไททันค่อยๆ เคลื่อนที่ตามถนนเล็กๆ หลายเส้นตามคำสั่งของเกลซี แต่ก็ต้องถูกสกัดไว้ด้วยเจ้าหน้าที่ SA ทั้งสองฝ่ายต่างยิงโต้ตอบกันไปมา ตามตรอกซอยบางส่วนก็เกิดการต่อสู้ภายในอาคารและระยะประชิดกันประปราย

         "ย้าก!" เซตเงื้อขึ้นแล้วหมัดต่อยไปที่ใบหน้าของนอยส์อย่างจัง

    ตึง!

         ทว่านอยส์ก็มีเพียงอาการหน้าสะบัดไปเล็กน้อยก่อนจะตวัดดาบฟันเช่นเดิม ซึ่งเซตก็ต้องรับการโจมตีนั้น เพราะไม่อาจหลบการโจมตีที่รวดเร็วนั้นได้

    คิระพุ่งตัวออกจากแนวอาคารเข้ามาที่ด้านหลังของนอยส์อย่างรวดเร็ว

         "แทรกซึม" เขาใช้ฝ่ามืออัดกระแทก ตูม! เข้ากลางแผ่นหลังจนนอยส์หลังแอ่น 

         ของเหลวสีดำสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น

         "กรี๊ดดดด!" นอยส์กรีดร้องออกมาเพื่อป้องกันตัว

         คลื่นเสียงผลักเซตให้ถอยออกไป ทว่าคิระกลับยืนหยัดเอาไว้ได้แต่ก็ต้องใช้มือทั้งสองข้างปิดหูของตัวเอง ปีกสีดำขนาดใหญ่สะบัดฟาดร่างคิระอัดเข้ากับกำแพงอาคารอย่างแรง จนอาคารทรุดตัวลงมาครึ่งหลัง

         เซตลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังไหลลงมาที่ข้างใบหน้าจึงใช้มือแตะดู มันมีสีแดงคล้ำและไหลออกมาจากหูของเขาเอง

         "ชั่งหัวมันแล้ว" 

         เซตกำหมัดแน่น แขนขนาดใหญ่ที่เกิดจากโลหะทั้งสองข้างของเขาค่อยๆ  เปล่งแสงเป็นสีส้มราวกับเหล็กที่ถูกเผาไฟอย่างร้อนแรง

         "จงชดใช้ในสิ่งที่เจ้ากระทำลงไป แล้วข้าจะแบกรับบาปนั้นเอง"

         ชุดของเซตลุกเป็นไฟขึ้นในทันที ดวงตากลายเป็นเปลวเพลิงที่ลุกโชนราวกับไม่มีวันมอดดับ ทั่วทั้งร่างของเซตลุกเป็นเปลวไฟส่องสว่าง ดึงความสนใจของนอยส์

         เซตย่างก้าวช้าๆ มุ่งตรงไปหานอยส์ ก่อนเร่งความเร็วมากขึ้นจนกลายเป็นวิ่ง นอยส์ยังคงยืนอยู่กับที่ตั้งรับการโจมตี เขาเงื้อหมัดขึ้นและปล่อยมันสุดแรงเพื่อต่อยเข้าที่ร่างนอยส์

         ดวงตาสีฟ้าเข้มวูบไหวเคลื่อนที่เข้าประชิดเซตได้ก่อน เป็นครั้งแรกที่นอยส์เปิดฉากโจมตี เขาคว้าตัวเซตไว้ด้วยปีกสีดำทั้งสองและมืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือดาบ 

         เซตถูกจับกดลงที่พื้นอย่างแรง ก่อนที่นอยส์จะยื่นหน้าเข้าใกล้

    กรี๊ดดดดด!!!

    วูบ

         รอบตัวเซตพลันเงียบลงในทันที แม้ว่านอยส์ยังคงปล่อยคลื่นเสียงโจมตี มีเพียงแรงสั่นสะเทือนถี่ๆ ที่ทั่วทั้งร่างยังคงรู้สึก ไม่เพียงแต่กายภาพเท่านั้น ความรู้สึกที่รุนแรงส่งออกมาทำความเสียหายเช่นกัน เลือดที่พุ่งพล่านของเซตดันตัวเองออกสู่ภายนอก เลือดภายในร่างเซตระเบิดออกมาตามผิวกายสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น

         คิระรีบฝ่าคลื่นเสียงเข้ามาคว้าตัวนอยส์ออกจากเซต แม้ว่านอยส์จะหยุดกรีดร้องแล้ว แต่ดาบของเขายังใช้งานได้ 

         "คาระ! ตั้งสติหน่อย" คิระพยายามส่งเสียงเรียก

         ปลายดาบพุ่งเฉี่ยวใบหน้าของคิระเป็นคำตอบรับ รอยบาดลึกจนมีเลือดไหลซึมออกมา คิระจึงคว้าแขนนั้นไว้อย่างทันควันและหักข้อต่อแขนในทันที แขนของนอยส์บิดงอผิดรูป ทว่าไร้ซึ่งเสียงกรีดร้องใดๆ 

         นอยส์ยื่นมืออีกข้างหนึ่งขึ้นตรงหน้าคิระ เป๊าะ!

         เขาดีดนิ้วหนึ่งครั้ง เสียงจากการดีดนิ้วซัดคิระลอยลิ่วข้ามลำน้ำไปยังอีกฝั่งของเมือง

         เซตยันตัวเองขึ้นอีกครั้ง ไฟยังคงลุกท่วมร่างเช่นเดิม ทว่าแววตาและบรรยากาศกลับเปลี่ยนไป เขาขนาดใหญ่งอกขึ้นที่ศีรษะของเขา 

         เปรี้ยง!! 

         สายฟ้าฟาดลงมายังพื้นบริเวณใกล้เคียงพวกเขา เสียงเครื่องดนตรีดังก้องขึ้นเป็นจังหวะและท่วงทำนองที่ไม่คุ้นเคย นักรบปีศาจในชุดเกราะหนามีเครื่องประดับมากมายก้าวข้ามเขตแดนมาสองตน พวกมันขึ้นมายืนเคียงข้างเซต ทวนอันยาวที่อยู่ในมือพร้อมที่จะฟาดฟันผู้ที่ตกเป็นเป้าหมาย

         "โฮะๆๆๆ วิญญาณของเจ้า..." เสียงของเซตเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำ แหบ แต่ดังก้อง

          "มอบมันมาให้ข้า"

         ที่ริมทางของถนน เปลวไฟลุกโชนขึ้นเป็นแนวยาว นอยส์เริ่มมีท่าทีหวั่นไหวเล็กน้อยที่เห็นเซตเปลี่ยนไป เซตหายตัวและเข้ามาปรากฏกายในระยะประชิด เขาคว้าคอของนอยส์และยกขึ้น แม้ว่านอยส์จะขัดขืนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้

         "เจ้าไม่มีวันชนะข้า หากใช้ความโมโหโกรธาเป็นที่ตั้ง" เซตกล่าวออกมาโดยไม่ได้ขยับปาก

         "อย่า...ยุ่ง...กับ...ข้า...ซาตาน" เสียงที่ดังก้องภายในหมวกเกราะของนอยส์กล่าว

         "เป็นใหญ่ในรก ดีกว่าเป็นทาสบนสวรรค์" ซาตานกล่าวต่อ

         ในตอนนั้นเองใบมีดโค้งงอขนาดใหญ่เกี่ยวเข้าที่คอของนอยส์ และเขาถูกกระชากโดยเคียว ซึ่งคิระเป็นผู้ดึงออกเขามาจากเงื้อมมือของซาตาน

         "งานนี้ข้ารับผิดชอบ" คิระกล่าว

         "คิระ เจ้า..."

    เปรี้ยง!!

         สายฟ้าฟาดลงมาตรงหน้าของซาตานในร่างเซต นักรบปีศาจทั้งสองที่ข้ามเขตแดนมาหวาดเกรงต่อสายฟ้านั้น ทั้งคิระและซาตานต่างมองขึ้นไปด้านบนราวกับรู้ว่าใครเป็นผู้ส่งสัญญาณเตือน

         "แยกย้ายกันดีกว่าไหม" คิระถามเชิงแนะนำ ก่อนที่เขาจะปักเคียวไปที่กลางหน้าอกของนอยส์ 

    กรี๊ดดดดด!!

         เสียงกรีดร้องนั้นยังคงดัง แต่ไร้ซึ่งพลังใดๆ และค่อยๆ แผ่วลงจนเงียบสนิท 

         ฝ่ายซาตานไม่ได้ตอบอะไร นักรบปีศาจก้าวเข้าสู่วงแหวนเวทข้ามเขตกลับไปก่อน ไฟบนร่างเซตค่อยๆ มอดดับลง เขาบนศีรษะหดสั้นจนหายไป และเซตก็ทิ้งตัวลงบนพื้นนอนแน่นิ่งไปทั้งอย่างนั้น

         ร่างของนอยส์ค่อยๆ กลายเป็นขี้เถ้าและขนนกสีดำ เมื่อลมพัดผ่านนำพาขี้เถ้าไป ก็เหลือร่างของเด็กหนุ่มทิ้งไว้ดั่งเดิม ดาบของเขาแยกหลุดออกจากมือของคาระ

         เมื่อคิระปล่อยมือออกจากเคียว มันก็กลายเป็นฝุ่นผงลอยไปในอากาศเช่นกัน เขาไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกในตอนนี้ จากนั้นคิระก็ต้องแบกร่างเด็กหนุ่มทั้งสองกลับไปที่เรือ 

         เหล่านักรบปีศาจที่อยู่ตามมุมตึกได้แต่จับตามองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะพวกมันรู้ถึงความต่างของพลังงานที่ซอนอยู่ภายในตัวคิระ



         เสียงกระทบกันของอาวุธและชุดเกราะ เสืยงของปืน เสียงระเบิด สลับกับเสียงสิ่งของที่ล่วงหล่นจากที่สูง ดังผสมปนเปสร้างแรงกดดันและความสงสัยใคร่รู้มากมาย

         กลุ่มก้อนเมฆขมุกขมัวสีเทาเข้มค่อยๆ สลายไปจากท้องฟ้าเหนือเขตเมืองเก่า 

         หัวหน้าหน่วยนักรบสวรรค์ทิ้งดิ่งลงมากลางพื้นที่การรบของนักรบสวรรค์และนักรบปีศาจของเกลซี ดาบและโล่ขนาดใหญ่เคลื่อนที่เข้าปะทะกับนักรบปีศาจใกล้เคียงในทันที

         "ท่านรูฟัส นางฟ้าตกสวรรค์อยู่ถัดไปสองช่วงตึก" นักรบสวรรค์ใช้หอกยันปีศาจแล้วหันมาบอกรูฟัส

         "ทราบ ข้าจะรีบฝ่าไป" รูฟัสใช้โล่กระแทกหน้านักรบปีศาจตรงหน้าและแทงดาบเข้าที่ช่องว่างระหว่างเกราะ

         โฮก!

         นักรบปีศาจร่างสูงใหญ่เท่ากับชั้นสองของอาคารคำรามขึ้น เขาขนาดใหญ่แทงทะลุหมวกเหล็กของมันออกมา เหล่านักรบทั้งหมดต่างหันไปสนใจที่มัน

         ตึง!! 

         มันทิ้งลูกตุ้มหนามเหล็กลงที่พื้น และเริ่มเหวี่ยงโจมตี ตูม! ตุ้มเหล็กถูกฟาดลงถูกนักรบสวรรค์และนักรบปีศาจฝ่ายเดียวกัน เศษเกราะเหล็กแตกกระจายเป็นชิ้นๆ 

         โฮก! 

         นักรบสวรรค์หน่วยของรูฟัสรวมตัวกันตั้งแนวโล่ขวางนักรบปีศาจร่างสูงใหญ่ กริฟฟอนตัวหนึ่งบินร่อนลงมาช่วยป้องกันกันด้านหลังของแนวโล่

         ในตอนนั้นเอง เอมมา นักรบสวรรค์ที่พึ่งทิ้งตัวดิ่งลงมาทีหลังรูฟัส เธอง้างฆ้อนเหล็กของเธอรอจังหวะอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้จังหวะและความสูงที่พอดี เธอจึงออกแรงฟาดศีรษะนักรบปีศาจร่างใหญ่เต็มแรง ตึง!!

         ร่างอันสูงใหญ่ของมันถูกซัดลงพื้นอย่างแรง ใบหน้าจมลงไปในพื้นคอนกรีต ของเหลวสีดำสาดกระเซ็นเต็มท้องถนนจนถึงกำแพงอาคาร เหนือร่างกายที่นอนแน่นิ่งของมัน นางฟ้าสาวยันตัวเองขึ้นมาด้วยฆ้อนเหล็ก เธอไม่สวมเกราะช่วงลำตัวด้านบน เพื่อให้เหวี่ยงฆ้อนไปมาได้อย่างสะดวก

         "เฮ้อ" เอมมาถอนหายใจ

         การโจมตีแต่ละครั้งของเธอใช้พละกำลังที่มหาศาล เธอจึงเริ่มเหนื่อย แม้ว่าจะโจมตีไปเพียงครั้งเดียว

         กริฟฟอนกระโดดข้ามแนวโล่ของรูฟัสออกไปด้านหน้าแล้วไล่สังหารนักรบปีศาจที่เหลือเพื่อเปิดทางให้รูฟัส

         "ท่านนำไปก่อน พวกข้าจะตรึงพวกมันไว้ที่นี่" นักรบบนหลังกรืฟฟอนกล่าว ก่อนที่เขาจะบินกลับไปต่อสู้กับค้างคาวปีศาจยักษ์

         แนวโล่ของรูฟัสหันกลับหลังไปอีกด้านหนึ่งในทันที นักรบปีศาจที่โถมเข้ามาเพื่อโจมตีรูฟัสถูกกันไว้ด้วยแนวโล่ นักรบปีศาจที่บินขึ้นเพื่อจะข้ามแนวโล่ไปถูกยิงด้วยพลปืนที่อยู่ด้านหลัง จนต้องถอยกลับลงภาคพื้น

         รูฟัสไม่รอช้ากระโดดขึ้นไปบนอากาศและออกบินไปทางทิศตะวันตก ตรงไปยังลานว่างที่เป็นเป้าหมายพร้อมกับเอมมา


         เพียงไม่นาน พวกเขาก็มาถึงลานว่าง หัวหน้าหน่วยนักรบทั้งสามที่ยืนล้อมกล่องน้ำแข็งมีท่าทีเหนื่อยล้า 

         "ท่านเซลซิลี ข้ามาเพื่อจับกุมนางฟ้าตกสวรรค์" รูฟัสกล่าวต่อนางฟ้าที่ดูอาวุโสสูงสุด

         "คงไม่จำเป็นอีกแล้ว แฮ่กๆ" เซลซิลีสบัดผ้าคลุมให้เข้าที่ "นางหมดฤทธิ์เสียแล้ว"

         เมื่อคิระแบกร่างเด็กหนุ่มทั้งสองมาถึงท่าเรือ เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของหัวหน้าหน่วยนักรบสวรรค์ 

         วาเลนไทน์ที่สังเกตดังนั้นจึงถอยออกไปหาคิระ 

         "พวกเราต้องการตัวคาระ" ฟาเรนไฮต์กล่าว "เราจะช่วยถอนคำสาปเวทมนตร์ให้เขา"


         บีและไอน์ที่อยู่บนเรือสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ไอน์จึงขอให้เจ้าหน้าที่เดินเครื่องยนต์เรือรอไว้แล้ว

         "คาระจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม" บีถามไอน์

         "เอ่อ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรหรอก" 


         คิระที่ได้ยินคำขอก็หลุดขำออกมา 

         "ฮ่าๆๆ ที่คาระกลายเป็นนอยส์เพราะคำสาปงั้นหรือ" 

         วาเลนไทน์ที่ได้ยินดังนั้นก็สงสัยเช่นกัน แต่จะถามเสียตอนนี้ก็ไม่ได้

         "ในเมื่อเขาไม่ใช่ เอคโค่ พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเขาอีก"

         คิระแบกร่างคาระและเซตขึ้นบนเรือ 

         "เราได้รับคำสั่งให้จับกุมหรือสังหารนางฟ้าตกสวรรค์สองตน" รูฟัสกล่าว

         ฝ่ายคิระและฟาเรนไฮต์ชะงักในทันทีที่ได้ยินดังนั้น

         "นั่นเป็นหน้าที่ของเรา ดังนั้น ท่านผู้พิทักษ์ควรให้ความร่วมมือกับเรา"

         "นางฟ้าตกสวรรค์งั้นหรือ เจ้าหนุ่มคนนั้น" เซลซิลีถามรูฟัสอีกครั้ง

         "ข้าเองก็ไม่นึกว่านักรบที่มีเสียงกรีดร้องนั้น จะกลายเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง"


         โดรนยังคงบินวนจับภาพเหนือพวกเขา ทางศูนย์ประสานงานได้ปิดไม่ให้ใครก็ตามที่เห็นภาพดังกล่าวแล้วออกจากห้องอีก แม้ว่าผู้บัญชาการศูนย์อย่างนิลกาฬจะเคยเห็นอะไรแบบนี้มาบ้างแต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ยังเหนือความคาดหมาย

         "ท่านคะ" เจ้าหน้าที่หญิงเรียกนิลกาฬเพื่อรายงานบางอย่าง "ทาง SA ต้องการทีมคุ้มกันผู้บาดเจ็บออกจากเมืองค่ะ เน้นย้ำว่าขอทีมที่รักษาความลับได้ดีด้วยค่ะ"

         "หน่วยรบเฉพาะกิจถูกเรียกตัวเข้าประจำการเกือบหมดแล้วครับ ที่เหลือไม่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเลยครับ" เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งรายงานเสริม

         "งั้นก็ช่วยไม่ได้ แจ้งให้ Romeo และ Juliet งดทำภารกิจเดิมและรับภารกิจนี้ก่อน"

         "รับทราบค่ะ"


         ฝ่ายคิระและนักรบสวรรค์ยังคงพยายามโน้มน้าวอีกฝ่ายให้ยอมทำตาม แม้ว่าในใจพวกเขาพร้อมจะใช้กำลังเข้าแย่งชิงคาระอยู่แล้วก็ตาม

         "เขาไม่ใช่เอคโค่ พวกเจ้าก็ควรจะปล่อยเขาไปตามทาง โดยมีพวกเราคอยดูแล" วาเลนไทน์กล่าว

         "เขาพึ่งจะกลายร่างเป็นนอยส์ อาจจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นอีก เราต่างหากที่ต้องควบคุมดูแล" โรไมน์ยกเหตุผลขึ้นกล่าวอ้าง

         "ส่งตัวเขามา" ฟาเรนไฮต์เริ่มใช้น้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น

        
    กร๊อบ! 

         ทุกคนต่างหันไปที่ต้นเสียง หอกของเกลซีแทงทะลุกำแพงน้ำแข็งออกมา นักรบสวรรค์ต่างพร้อมเตรียมต่อสู้อีกครั้ง

         "ออกเรือเลย!" คิระสั่งเจ้าหน้าที่

         เรือเร่งเครื่องออกตัวในทันที นักรบสวรรค์ต้องพะวงทั้งสองด้าน จะไล่ตามชิงตัวคาระคืนหรือจะต้องรับมือกับเกลซีที่กำลังเดือดดาล

         วาเลนไทน์ที่อยู่บนฝั่งวิ่งตามเรือและกระโดดตามขึ้นมาบนเรือได้ทัน

         "ฟาเรนไฮต์ โรไมน์ ตามเจ้าหนุ่มนั่นกลับมาให้ได้" เซลซิลีออกคำสั่ง

         "แต่ว่า.." ฟาเรนไฮต์ลังเล

         "ไป เร็วเข้า" เซลซิลีย้ำ

         "ค่ะ" ทั้งสองรับคำและรีบขึ้นบินไล่ตามเรือไป

         เกลซีแหวกกำแพงน้ำแข็งออกมาอย่างทุลักทุเล เมื่อเธอออกมาได้ก็ไม่รอช้า ร่ายมนต์บางอย่างในทันที เอมมาเห็นดังนั้นจึงเหวี่ยงฆ้อนเข้าใส่เกลซีเต็มแรง ทว่าเกลซีกลับกระโดดขึ้นไปบนอากาศและกางปีกแมลงของเธอออก 

         วงแหวนเวทปรากฏขึ้นบนพื้น ปีศาจตั๊กแตนตำข้าวตัวใหญ่ตะกายขึ้นมาจากวงเวทเพื่อเป็นคู่มือให้กับนักรบสวรรค์ทั้งสาม

         "ข้าไม่มีเวลาเล่นกับพวกเจ้า" เกลซีกล่าวก่อนที่จะพุ่งตัวบินตามฟาเรนไฮต์ไป

         เซลซิลีที่พยายามจะบินไปขัดขวางเกลซี กลับถูกโจมตีสกัดด้วยขาหน้าที่มีลักษณะคล้ายใบเลื่อยสกัดกั้นไว้ก่อน

    ก๊าซซซ!

    ตอนที่ 9 Noise




         บริเวณแนวกันน้ำเริ่มเป็นรูปร่างของแนวตั้งรับของทหารมากขึ้น แท่นปืนกลหนักถูกติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้นาวิกโยธินเริ่มเข้าประจำการตามเขตเมืองเก่าและเมืองบางกอกใหม่มากขึ้น

         การรายงานข่าวถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด ไม่มีหลุดรอดออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในเขตเมืองเก่า แม้ว่าจะมีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังมาเป็นระยะ

         รถตู้สีดำคันใหญ่สองคันเคลื่อนที่เข้ามาจอดใกล้บริเวณท่าน้ำแห่งหนึ่งซึ่งไม่ค่อยสำคัญมากนัก การป้องกันที่นี่จึงแทบไม่มีเลย นอกจากทหารเพียงไม่กี่นายเดินลาดตระเวน

         ทีมโรมิโอ 01 ถึง 04 และทีมจูเลียต อีกสี่คนลำดับหมายเลขเดียวกันลงจากรถพร้อมอาวุธครบมือ รอการมาถึงของเป้าหมาย

         "น่าจะมาถึงช่วงเย็น อีกไม่กี่ชั่วโมง" โรมิโอ 01 กล่าว

         "ก่อนหน้านั้นเลยนะ ข้อมูลศัตรูนี่มันอะไรกัน งานแฟนซีหรอ" โรมิโอ 04 ถาม

         "ไม่ใช่นะ ถ้านายได้ไปคุ้มกัน VIP ที่เขตสามล่ะก็จะถอนคำพูด ฉันเจอตั๊กแตนตัวสูงติดเพดาน..." จูเลียต 03 บรรยายพร้อมกับทำมือแสดงรูปลักษณ์

         "ถือว่าเตือนแล้วนะ ว่าอย่าดื่มแอลกอฮอล์ก่อนปฏิบัติภารกิจ" จูเลียต 01 กล่าวเสียงเย็นชา

         "ฉันไม่ดื่มสักหน่อย โธ่ ไม่มีใครเชื่อเลยหรอเนีย" 

         "บอกแล้ว ให้เธอกลับไปสอบปากคำผู้ช่วยรัฐมนตรีดีกว่า" โรมิโอ 02 กระซิบบอก 01
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×