คลินิกนักสืบ
สามหนุ่มเพื่อนสนิท รวมตัวกันเป็นกลุ่มนักสืบเพื่อไขคดี โดยใช้ออฟฟิศชั้น2ของคลินิกเป็นที่รวมตัว
ผู้เข้าชมรวม
1,086
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
ดราม่า ผจญภัย นิยาย ต่อสู้ นักสืบ สืบสวน ไขคดี ปริศนา คลินิกนักสืบ ลึกลับ ฆาตกรรม ฆาตกร อาชญากรรม สืบสวนสอบสวน นิยายสืบสวน
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่ 1
เหตุเกิดที่งานแต่ง
ตอนค่ำวันหนึ่งในฤดูหนาวที่บรรยากาศอึดอัดจอแจเต็มไปด้วยเสียงดังหน้าถนนริมฟุตบาทของกลุ่มคนพลุกพล่านใจกลางเมือง หน้าคลินิกผู้คนต่อแถวยาวจนล้นออกไปด้านนอกจนถึงหน้าร้านขายของชำเล็ก ๆ ฝั่งซ้ายและร้านขายหนังสือฝั่งขวาของแนวตึกแถวสามชั้น ถัดออกไปเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งซึ่งตอนนี้กำลังเก็บของจะปิดร้านและถัดไปอีกเป็นร้านสะดวกซื้อที่เปิดขายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงปิดไฟสว่างอยู่ตรงหน้าปากซอย
เสียงดังลอดจากห้องตรวจออกมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับของคลินิก ซึ่งเป็นเสียงของคุณหมอหนุ่มโสด ตัวสูง ผิวสีขาว อายุสามสิบต้น ๆ กำลังดูผลตรวจเลือดและดุคนไข้แกมเป็นห่วง ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
คุณหมอ “คุณสมพร นี่คุณแอบไปกินของที่ผมห้ามมาอีกแล้วใช่ไหม
ผมดูแค่ผลตรวจเลือดของคุณก็รู้แล้ว ค่าน้ำตาลในเลือดกับคอเลสเตอรอลคุณสูงมากกว่าที่มาเดือนที่แล้วอีก นี่คุณอยากผ่าตัดอีกหรือไง รู้ไหมว่าถ้าหลอดเลือดหัวใจตีบอีกคุณจะต้องได้ผ่าตัดนะ”
และนี่เป็นเสียงบ่นที่มีของคุณหมอ ซึ่งบีที่เป็นพยาบาลประจำคลินิกผู้ช่วยของหมอและคนทำหน้าที่จัดยาตามหมอสั่งจะต้องได้ยินเสียงบ่นคนไข้ของหมอเจ้าระเบียบอยู่เป็นประจำทุกวัน
คุณหมอเจ้าของคลินิกคนนี้เขามีชื่อว่า นายแพทย์เอกดนัย ทิพย์เจริญหรือชื่อเล่นที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ หมอจอห์น อายุ 31 ปี เป็นหมอโรคหัวใจประจำศูนย์หัวใจในโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางแห่งหนึ่งซึ่งเตรียมตัวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ คลินิกนี้เพิ่งเปิดมาได้ประมาณสามปีโดยนอกจากชั้นหนึ่งที่ใช้เปิดเป็นคลินิกแล้ว ชั้นสองของตึกยังเป็นเป็นออฟฟิศสำนักงานของหมอหนุ่มและชั้นสามใช้เป็นที่นอนพักของหมอหนุ่มเอง
หลังจากทำงานรักษาคนไข้เสร็จทั้งงานที่โรงพยาบาลและคลินิกแล้วนั้น งานอดิเรกที่คลั่งไคล้ของหมอเจ้าระเบียบคนนี้คือเขาจะชอบทำตัวเป็นนักสืบ ชอบสันนิษฐานเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ ชอบเรื่องแนวลึกลับ สืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนมอปลายแล้ว เพราะด้วยนิสัยที่เป็นคนช่างสังเกต,เก่งในการเชื่อมโยงและจดจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ทำให้หลายครั้งเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจเองยังให้เขาช่วยวิเคราะห์หลักฐานและรูปคดี แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่นำหลักฐานของคดีออกมาให้คนนอกดู แต่ว่ากลุ่มเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้นี้ทำให้เขาที่หนึ่งคนเป็นตำรวจและอีกคนที่เป็นวิศวกรเจ้าของบริษัทรับเหมาแอบทำกันเป็นประจำที่บริเวณออฟฟิศชั้นสองของคลินิกนี้คือตั้งกลุ่มเป็นนักสืบนอกเวลา
“พรุ่งนี้ งานแต่หมอนก ยังไม่ได้ไปเอาชุดที่ฝากซัก-รีดที่ร้านไว้เลย ดีนะเจ้าพวกนั้นไม่มา เหนื่อยมาทั้งวันเลยวันนี้” เสียงหมอบ่นพึมพำอยู่คนเดียวหลังจากปิดคลินิก พรางนั่งลงบนโซฟาสีเทาตัวโปรดของเขาพร้อมกับเปิดอ่านการ์ดเชิญงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น
วันงานแต่ง ณ โรงแรมริเวอร์ไซด์ แกรนด์ พาเลซ ห้องบอลรูม ชั้น 2
เสียงเพลงรักบรรเลง แขกผู้มีเกียรตินับพันที่มาร่วมงานแต่ง ทุกคนหน้าตาชื่นมื่นสมกับเป็นวันงานมงคลสมรส แต่ว่ามีอยู่คนนึงที่ควรจะมีความสุขที่สุดในงาน กลับมีแววตาที่เศร้าแม้ว่าหน้าตาดูยิ้มแย้ม รับกับแขกที่อยู่ในงานแต่สายตานั้นมันหลอกคุณหมอนักสืบไม่ได้
ใช่ คนๆนั้นคือ เจ้าสาว ซึ่งก็คือหมอนกนั่นเอง
การที่หมอจอห์นดูออกว่าเจ้าสาวอย่างหมอนกดูไม่มีความสุข ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีข่าวลือในโรงพยาบาลที่ทั้งสองทำงานอยู่ว่า งานแต่งงานที่เกิดขึ้นมาอย่างกระทันหันในวันนี้เป็นเพราะการคุมถุงชนของคนในตระกูลฝ่ายหญิงที่เป็นผู้บริหารโรงพยาบาล อยากจะให้หมอนกที่เป็นหลานสาวได้แต่งงานกับหมอเก่ง ที่ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลอยู่และยังเป็นทายาทของโรงพยาบาลในเครืออีกด้วย เหมือนกับการแต่งงานครั้งนี้เป็นการทำธุรกิจมากกว่าการแต่งงานที่เกิดจากความรักของทั้งสองคนเสียมากกว่า
หมอนก แพทย์หญิงฉัตรลดา เกียรติรุ่งเรืองกุล อายุ 31 ปี แพทย์ประจำแผนกอายุรกรรม ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะแพทยศาสตร์ เพื่อนคณะที่เรียนรุ่นเดียวกับหมอจอห์น รูปร่างค่อนข้างตัวเล็ก สูงประมาณ 160 ซม. ชอบไว้ผมยาว ผิวขาวเหลือง หน้าหมวยเพราะมีเชื้อสายมาจากครอบครัวฝั่งคุณพ่อที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน โดยส่วนตัวหมอนกเป็นที่รักของคนในโรงพยาบาล เวลาทำงานจะเป็นคนที่อารมณ์ดี ขยันทำงาน ชอบช่วยเหลือคนอื่นไม่ถือตัวแม้ว่าตัวเองจะเป็นถึงลูกของผู้บริหารโรงพยาบาลก็ตาม
หลังจากคู่บ่าว-สาว ยืนต้อนรับแขกในงานเสร็จ งานพิธีต่าง ๆ ก็ดำเนินไปอย่างที่ไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วทันใดนั้นตาข้างขวาของหมอนักสืบได้กระตุกขึ้น ทำให้ในใจหมอจอห์นกลับอยู่ไม่เป็นสุข ราวกับเป็นลางว่าจะเกิดเหตุอะไรที่ไม่ดีขึ้นในงานมงคลแบบนี้ ซึ่งในใจคงได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นและอาการตากระตุกที่เกิดขึ้นจะเป็นแค่ตาที่ล้าจากการพักผ่อนน้อยของตัวเองเท่านั้น
พรึ่บ !!!
ไฟดับกลางงาน เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของแขกผู้หญิงในงานดังขึ้นตามมา แม้ว่าอีกไม่นานจะมีไฟฉุกเฉินที่เปิดขึ้นให้พอมีแสงสว่างในงาน แต่ด้วยผู้คนที่มีอยู่นับพันในงานก็ทำให้เกิดการชุลมุนและตามมาด้วยเสียงบ่นจากการหายใจไม่ออกที่อากาศไม่เพียงพอและอากาศที่เริ่มร้อน และมีแขกหลายคนค่อยๆทยอยเดินออกประตูออกมาคอยตรงโถงกลางด้านนอก เพื่อรอเวลาให้เจ้าหน้าที่โรงแรมทำการตรวจสอบระบบไฟฟ้าของห้องที่จัดงาน
10 นาทีผ่านไป
แขกทุกคนค่อยๆเดินกลับเข้ามาประจำที่ตัวเองในห้องจัดงาน และบนเวทีก็ได้จัดงานตามปกติ มีการร้องเพลง เล่มเกมกิจกรรมตามปกติที่ออแกไนเซอร์จัดงานได้เตรียมไว้ ซึ่งกินเวลางานไปสักพักใหญ่ แต่สิ่งที่แปลกและดูผิดปกติก็เกิดสะดุดตาหมอนักสืบที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวขึ้นมาจนได้ มองไปบริเวณข้างเวที คุณพ่อกับคุณแม่ของเจ้าสาวที่ทำสีหน้าร้อนรน ผิดวิสัยกับเจ้าภาพงานแต่งและยังมีการเรียกระดมคนนับสิบเพื่อรับคำสั่งทำหน้าที่อะไรสักอย่างที่ข้างเวทีนั้น พร้อมกับมีเสียงซุบซิบจากโต๊ะข้างๆว่าเจ้าสาวได้หายตัวจากงานไปอย่างไร้วี่แวว ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานทางพิธีกรในเวที ก็ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวซึ่งเป็นความจริงที่เจ้าสาวหายตัวไป ทำให้งานแต่งในวันนี้มีบรรยากาศที่อึมครึม แปลกตาที่แขกต้องเดินกลับบ้านด้วยหน้าตาที่งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากหมอจอห์นกำลังครุ่นคิดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับกำลังเดินผ่านหน้าประตูออกจากงานแต่งนั้น พลันเดินสวนกับเบน เพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจและอยู่ในกลุ่มนักสืบนอกเวลาของเขาด้วย จึงทักเบนออกไปด้วยน้ำเสียงรายเรียบตามแบบที่เขาเป็น
จอห์น “สวัสดีเบน นายมาทำคดีเรื่องของนกที่หายตัวไปใช่ไหม”
เบน “เออ แล้วล่ะมึง พอจะรู้อะไรบ้างไหมว่ะ มึงก็อยู่ในงานด้วยหนิ”
ตำรวจหนุ่ม คุยกับเพื่อนอย่างสนิทอย่างกับคนที่คุ้นเคยกันมานาน
จอห์น “เราก็ไม่รู้อะไรหรอก แต่ตอนที่มาถึง เราเห็นหน้านกดูเศร้าๆ”
เบน “แล้วมึงไม่ได้คุยกับนกมันหรือไงว่ะ เป็นเพื่อนประสาอะไร เพื่อนหายไปทั้งคน”
จอห์น “เราเห็นนกยุ่งๆ เราก็คิดว่านกแค่น่าจะเหนื่อยจากการที่ต้อง
รับแขกแค่นั้น ไม่ได้คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”
เบน “อ๋อ โอเค งั้นกูเข้าไปคุยกับพ่อแม่นกก่อนนะ เดี๋ยวค่อยคุยกันที่เดิม งานนี้ก็คงต้องให้มึงช่วยอีกนั่นแหละ”
หลังจากพูดกับเพื่อนเสร็จ ตำรวจหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปในงานเพื่อตามไปคุยกับพ่อและแม่ของเจ้าสาวที่มีลูกน้องของเขาเองกำลังสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
เบน “สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่”
เสียงตำรวจหนุ่มกล่าวสวัสดีด้วยความเคารพ พร้อมกับพ่อและแม่นกรับไหว้เขา แล้วเบนก็พูดต่อน้ำเสียงนุ่มนวลราวกับเป็นคนละคนที่คุยกับจอห์นเพื่อนสนิท ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมตำรวจหนุ่มผู้นี้ถึงได้ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้โดยใช้เวลาไม่นาน อาจจะเป็นเพราะว่าเขาสามารถเลือกใช้คำพูดได้เหมาะสมกับคนที่สนทนาอยู่ได้
เบน “ผมอยากจะรบกวนให้คุณพ่อ คุณแม่ เล่าเหตุการณ์ที่พอจะจำได้ให้พวกเราฟังอย่างละเอียดได้ไหมครับ เออ ว่าแต่ หมอเก่ง เจ้าบ่าวไปไหนแล้วเหรอครับ”
อนุพงศ์ “มันกลับไปแล้ว อย่าไปถามหามันเลย”
พ่อของนกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็พลัดกันเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้กับเบนได้ฟัง พร้อมกับเดินนำพาไปดูที่ห้องพักหลังเวที สถานที่สุดท้ายที่ได้พอเห็นลูกสาวก่อนที่จะหายตัวไป
นายอนุพงศ์ เกียรติรุ่งเรืองกุล อายุ 64 ปี ตำแหน่งประธานบริหารและเจ้าของโรงพยาบาล ชายสูงวัย ส่วนสูงประมาณ 165 ซม. คิ้วเข้ม ตาตี่ แม้จะอายุเยอะ แต่ยังดูแข็งแรง กระฉับกระเฉง นิสัยส่วนตัวคือพูดเสียงดัง เด็ดขาด จริงจังในทุกเรื่อง เป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมดในบริษัทและครอบครัว
หลังจากเบนได้ฟังสิ่งต่าง ๆ ที่พ่อของหมอนกเล่าให้ฟังเแล้ว ก็ได้เดินสำรวจทุกที่อย่างละเอียด โดยบริเวณที่จัดงานพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่โล่ง มีเวทีอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตูทางเข้าหลัก มีประตูเข้า-ออกแค่ด้านหน้าและด้านหลังที่เป็นทางเชื่อมไปบันไดหนีไฟและตรงไปเป็นห้องน้ำรวมด้านหลัง ซึ่งเบนสันนิษฐานว่าจะเป็นทางที่หมอนกโดนจับแล้วลักพาตัวออกไปทางประตูหลังนั้น
เบน “หมวดที ตรวจสอบให้ละเอียด ประตูหลังดูเหมือนจะเปิดอยู่ อาจจะมีการใช้งานเมื่อไม่นานมานี้”
หมวดที “ครับ สารวัตร”
หมวดที ลูกน้องคนสนิทของเบน รับคำสั่งและกระจายกำลังตำรวจค้นหาทุกซอกทุกมุม จนไปพบชุดเจ้าสาวที่พบว่าถูกทิ้งอยู่ในห้องน้ำรวมด้านหลัง
ตัดกลับมาที่หมอจอห์น ซึ่งตอนนี้กำลังสำรวจรอบบริเวณโรงแรม เดินไปเดินมาอยู่ด้านข้างและด้านหลังโรงแรมที่เป็นระเบียงจุดชมวิวริมแม่น้ำ แต่เมื่อจอห์นกำลังจะเดินเข้าไปนั้น ได้มีเสียงตะโกนตามหลังมา
“นี่คุณ จะไปไหนน่ะ จุดชมวิวนี่เขาปิดปรับปรุงนะ ถ้าจะชมวิวแม่น้ำ ผมว่าคุณไปอีกที่ไหม ผมกำลังจะไป ฝั่งข้างโรงแรมวิวสวยกว่าตรงนี้อีกนะ”
จอห์นหันหลังกลับไปมอง พบว่าเป็นผู้ชายร่างสูง หน้าเข้ม ผิวสีแทน ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ดูเหมือนว่าจะเป็นแขกที่พักในโรงแรมที่กำลังนั่งดื่มไวน์คนเดียวอยู่ที่โต๊ะจัดเลี้ยงด้านนอกโรงแรม
“สวัสดีครับ ผมชื่อนัท คุณชื่ออะไรครับ” ชายคนดังกล่าวทักทายจอห์นด้วยความสุภาพ
จอห์น “สวัสดีครับ ผมจอห์นครับ”
นัท “คุณจะไปทำอะไรที่จุดชมวิวข้างหลังเหรอครับ หรือว่าคุณหาอะไรอยู่ ถามผมได้นะ ผมนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ก่อนฟ้าจะมืดเลย”
จอห์น “เปล่าครับ ผมจะไปชมวิวเฉยๆครับ”
นัท “อ๋อ งั้นคุณไปด้านข้างแล้วกันครับ พอดีด้านหลังมันปิด หรือว่าคุณจะมาดื่มกับผมสักแก้วแล้วค่อยไป ผมยินดีนะครับ”
นัทเชิญจอห์นมาดื่มด้วยความเป็นมิตร โดยที่จอห์นก็รู้สึกแปลก ทั้งที่เพิ่งเคยรู้จักให้มานั่งดื่มร่วมโต๊ะกันแบบนี้ แต่ด้วยความที่ว่าจอห์นอยากที่จะสืบเกี่ยวกับคดีของนก และตรงที่นัทนั่งอยู่มองไปเห็นด้านหลังที่เป็นทางหนีไฟของโรงแรมพอดี จอห์นคิดว่าถ้านกโดนลักพาตัวไปด้านหลังจริงและนัทนั่งอยู่ตรงที่เขาว่าตลอดจริง เขาก็จะน่าจะเห็นอะไรสักอย่างก็เป็นได้ จอห์นจึงได้ตกลงนั่งดื่มกับนัทก่อนเพื่อหาข้อมูล
จอห์น “โอเคครับ ผมขอนั่งด้วยสักพักนึง แต่แก้วนี้ของคุณกับผม เดี๋ยวผมขอเลี้ยงคุณเองนะครับ”
นัท “สุดยอด คุณนี่ใจมันได้จริงๆ”
นัทตอบกลับจอห์นด้วยท่าทีกวนๆปนชอบใจ พร้อมกับที่จอห์นนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนัท และนัทเรียกขอแก้วเพิ่มจากเด็กเสิร์ฟ และให้เก็บแก้วอีกใบที่วางอยู่ไปด้วย
นัท “คุณจะไปไหนเหรอครับ ผมเห็นคุณเดินไปเดินมาหลายรอบ ไม่พูดไม่จากับใคร” นัทถามจอห์นด้วยความสงสัย
จอห์น “พอดีผมมาจากงานแต่งงานของเพื่อนที่ชั้นสองนี่ครับ แต่งานเลิกแล้ว ผมเลยเดินเล่น” จอห์นตอบนัท
นัท “อ๋อ เพื่อนผมที่มาด้วยกันอีกคนมันก็ไปร่วมงานแต่งนะ
แต่มันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ทิ้งผมให้นั่งกินคนเดียวอยู่นี่ “
จอห์น “ครับ”
นัท “เพื่อนผมมันเพิ่งอกหักมา ผมว่าจะมาเลี้ยงย้อมใจมันสักหน่อย แต่ดันกลับไปก่อนซะงั้น”
จอห์น “คุณนัทครับ คุณนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเลยใช่ไหมครับ” จอห์นถามนัทด้วยความสงสัยและอยากรู้
นัท “ผมก็บอกคุณไปแล้วไง ว่าผมอยู่นี่ตลอด”
จอห์น “คุณพอจะเห็นอะไรแปลกที่ด้านหลังโรงแรมไหมครับ”
นัท “อะไรแปลกๆเหรอ อืม”
จอห์น “อะไรครับ”
นัท “ก่อนจะบอก คุณต้องดื่มกับผมอีกแก้วนะ”
จอห์น “ก็ได้ครับ แต่คุณรีบบอกผมมาก่อนเถอะ”
นัท “ก็ตอนที่ไฟดับใช่ไหม ผมได้ยินเสียงดัง ตู้ม 3 ครั้ง แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดนะ แต่แปลก ครั้งแรก ไม่เหมือนกับครั้งอื่น”
จอห์นนิ่งคิดไปสักครู่เหมือนจะคิดอะไรออก หลังจากดื่มกับนัทเสร็จจึงขอตัวออกมา แล้วรีบกดโทรศัพท์ไปหาเบนทันที
จอห์น “ฮัลโหล เบน”
เบน “ว่าไงมึง คิดอะไรออกงั้นหรือ”
จอห์น “เราอยากจะให้นายไปดูหม้อแปลงหน่อย สาเหตุของไฟดับน่ะ น่าจะมาจากหม้อแปลงระเบิด เราไปถามคนแถวข้างนอกโรงแรมเขาบอกได้ยินเสียงเหมือนหม้อแปลงระเบิด”
เบน “ได้สิ แค่นี้ใช่ไหม”
จอห์น “ใช่ แล้วนายอะไรบ้างไหม”
เบน “เออ เกือบลืม เจอชุดเจ้าสาวอยู่ในห้องน้ำรวมว่ะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวกูจะบอกอีกทีนะ แค่นี้ก่อน นายเรียกละ”
หลังจากเบนวางสาย จอห์นก็ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปที่จุดชมวิวริมแม่น้ำด้านข้างโรงแรม
ผลงานอื่นๆ ของ Srwt_Bsl ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Srwt_Bsl
ความคิดเห็น