คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ระหว่างเรา : ช่วงกลาง
มาแล้ว อ่านให้สนุกน้าาาาา ❤️❤️❤️❤️❤️
“รับประทานอาหารเช้ากันอิ่มแล้วหรือคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ” กังวานเสียงแหบหวานดังขึ้นเมื่อมาถึง ขณะทุกคนพร้อมใจลุกกันหมด ผู้ช่วยงานแพ็คคู่เพิ่งเดินพาอุปกรณ์บางส่วนไปเก็บ ตวัดตามองมาทางหล่อนปราดเดียว โดยไม่คิดรอให้ใครได้ตอบอะไร นายแม่กรองผกากล่าวต่อเคร่งขรึม “นี่บุปผาจะทิ้งคู่หมายทิ้งเพื่อนไปไหนหรือ”
“หนูกำลังจะไปในไร่”
“ไปทำไม ไม่ต้องหรอก ไม่มีมารยาทเลยนะจ๊ะ” ใช่แต่ถ้อยคำจะตำหนิ อีกทั้งดวงตาคมหวานนั่นด้วย
ดื้อดึงผ่านสายตาแต่เพียงครู่ อย่างไรก็ต้องจำยอม กลีบปากอิ่มขยับ
“หนูบอกให้คำเกี๋ยงจัดเซตชาเป็นของฝากแก่ดาราฉาย คุณชายปาริวรรตคุณหญิงรัตนาวดี และบอกให้ยี่เป็งจัดส้มสองลัง น้ำสองลังแก่คุณชายปาริวรรตกับคุณหญิงรัตนาวดี ไม่กล้ามอบอะไรไปมากกว่านี้ เกรงจะอึดอัดกันเสียเปล่า ๆ”
“ดีแล้วลูก” อีกฝ่ายยิ้มเห็นด้วย “น้อยแต่พองาม” หันไปทางคุณชายปาริวรรตและคุณหญิงรัตนาวดี “แล้วคุณน้าจะฝากไปให้ที่วังอีกทีผ่านทางขนส่งนะคะคุณชายคุณหญิง”
“อย่าลำบากเลยครับคุณน้า แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว เอ่อคุณน้าครับ”
“คะคุณชาย” นัยน์ตากลมโตประสบการณ์ชีวิตเผยชัดตรงหางตาหลายเส้นฉายแววฉงน
“จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง หากคุณน้าจะบอกให้บุปผชาติสละเวลาให้ผมสักนิดก่อนผมจะกลับ” เคร่งขรึมจริงจังในคำพูดกับหญิงวัยกลางคน ทว่ามองตรงมาทางหล่อน บีบคั้น
ประสานสบนัยน์ตาคร้ามคมชั่วอึดใจ ขณะคนอื่นพากันนิ่ง และเงียบ ปรายตามองแม่ ท่านพยักหน้า ดึงสายตากลับมองชายหนุ่ม
“ถ้าคุณชายต้องการเช่นนั้นดิฉันกับคุณแม่หรือจะกล้าขัด อย่าว่าแต่เพียงนิด แม้กระทั่งจากนี้ไปจนกว่าคุณชายจะกลับดิฉันก็มีให้ ดีเหมือนกันค่ะ เราจะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ”
“เธอคงมีคำตอบเด็ดขาดอยู่ในใจแล้ว”
โต้กลับอย่างรู้เท่าทันระคนตัดพ้อ ใช่เขาตัดพ้อทันทีเชียว บุปผชาติอยากจะเสียมารยาทยกมือขยี้ตาแรง ๆ แล้วเพ่งมองเข้าไปในพลอยนิลเจียรนัยหม่นแสง แต่แววนั้นมันหายไปเสียแล้ว
“แต่เอาเถอะ บางทีเวลาน้อยนิดที่เหลืออยู่อาจจะทำให้เธอใคร่ครวญให้ถ่องแท้แน่นอนอีกครั้ง ว่าจะยืนกรานตามนั้นหรือเปลี่ยนใจ เรื่องราวเราจะคุยกันตอนเวลาสิบสองนาฬิกาสี่สิบห้านาที”
“ทำไมถึงไม่คุยเสียตั้งแต่ตอนนี้ล่ะคะ ดิฉันกับคุณชาย”
“เพราะฉันรู้คำตอบของเธอ แต่ฉันยังไม่พร้อมจะรับฟังในเวลานี้ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า” หันไปค้อมศีรษะกับนายแม่กรองผกา ตวัดตาไปทางน้องสาวกับอีกหนึ่งสตรี ชายหนุ่มพูดเรียบขรึม “ขอเวลาเป็นส่วนตัวของพี่ ห้ามใครรบกวนเข้าใจไหม”
“ค่ะ” รับคำพร้อมกัน สองคนหันมองซึ่งกันและกันก่อนหันมาทางหล่อน
ผิดหวังวูบหนึ่ง ไม่เข้าใจวาววาบแต่เพียงชั่วขณะ คุณหญิงรัตนาวดีคลี่ยิ้มเฝื่อน
ระแวงระวัง ฉายชัดระคนสมใจคราวนี้ไม่เร้นแอบ ประสานสบนัยน์ตาดาราฉายบุปผชาติตัดสินใจ
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ดาราฉาย หากเธอสะดวก”
“ฉันสะดวก แต่คุณน้ากับหญิงรัตนาวดีล่ะ” ปรายนัยน์ตาเฉี่ยวไปทางเพื่อนสนิท ก่อนเลื่อนไปทางนายแม่กรองผกาเผยยิ้มหยันตรงมุมปาก
หล่อนไม่ใช่ลูกไม้หล่นใต้ต้น แต่ก็ไม่ได้กระเด็นกระดอนไปไกล
กรีดลึกด้วยสายตาตอบโต้ชั่วครู่ เจ้าบ้านเหยียดยิ้ม ก่อนจะหันไปทางคนวงนอก พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนสีหน้าอารมณ์ซ่อนรอยตะเข็บ “คุณหญิงรัตนาวดีมากับคุณน้าดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เบื่อ”
“ค่ะคุณน้า” พยักหน้ารับกับผู้สูงวัยวุฒิ ร่างสะโอดสะอง ใช้สายตากับหล่อนเชิงขอร้อง ส่วนกับอีกคน บุปผชาติไม่มั่นใจ
“เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือ”
เมื่ออยู่ตามลำพังสองคน ฟ้าสีคราม ตะวันผ่าวระอุสีเงินยวง ใบไม้หยักสีเขียวเข้มสดใส ดอกกุหลาบสีชมพูหวาน สนามหญ้า ต้นไม้ ทิวเขา บ้านเรือน ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นโทนสีผ่าวร้อนตามห้วงสถานการณ์ ต่างฝ่ายต่างไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีอันใดอีก คุณแม่ลูกแฝดล้วงกระเป๋ากางเกง
“นี่ของเธอ” แบมือ เผยให้เห็นต่างหูดอกไม้ส่องประกายแสงระยิบระยับ “มันตกอยู่ใกล้ตู้ลิ้นชักหน้าห้องครัว”
“ฉันคิดแล้วว่ามันต้องอยู่แถวนั้น ไอ้ค้างคาวบ้า” เอื้อมมือหยิบ หล่อนพลิกตัวเยื้องย่างสง่างามออกนอกร่มเงา ก่อนจะชูต่างหูเล่นกับแสง “เมื่อเช้าเธอทำแบบนี้ใช่ไหม...แล้วก็แบบนี้ด้วย”
โยนคว้างคว้าหมับเลียนแบบไม่ผิดเพี้ยน ทว่าดาราฉายไม่ได้นำหลักฐานชิ้นสำคัญใส่กระเป๋าอาภรณ์ กลับเอาไปทัดหู พลางปรายตายิ้มแสยะ ก่อนจะเชิดหน้ามองหยันตรง ๆ
“เธอใจเย็น และมักจะคิดอะไรในแง่ดีเกินไปบุปผา ต่อให้ฉันยังไม่ได้บอกอะไรท่านหญิง แต่เรื่องของเธอก็กระฉ่อนไปทั่วแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร” หญิงสาวเค้นเสียง
“หึ อยู่บ้านอกจนเคยชิน ต่อให้บ้านทิพย์วารีของเธอกับคุณน้าจะสะดวกสบายไปเสียทุกสิ่ง แต่ยังไงก็ยังเป็นบ้านนอก วิถีการดำรงชีวิตต่างกัน ถ้าเพียงแต่คุณชายจะไม่เป็นข่าวกับฉัน ก็คงไม่มีใครสนใจคนทำตัวเหลวแหลกจนท้องป่องอย่างเธอหรอก”
“นี่หมายความว่า...” พยายามแล้วจะไม่แสดงออกให้อีกฝ่ายหลงระเริง ทว่าตาของหล่อนก็ยังอดเบิกกว้างไม่ได้
“ใช่ ฉันบอกให้ผู้จัดการส่วนตัวกระซิบนักข่าวรีทวีต และโหมประโคมในสื่ออื่นด้วย ต่อให้เธอไม่มีท่าทีอะไรกับคุณชาย แต่ความชะล่าใจเป็นวิถีของคนโง่เท่านั้น ดอกไม้ละมุนกลิ่นหอมเพียบพร้อมอย่างเธอ สุดท้ายมันก็ฉาวโฉ่กว่าดอกไม้เล็ก ๆ ไร้กลิ่น ไร้วงศ์สกุลอย่างฉัน” ยิ้มหยันกล้ำกลืนขืนความเจ็บปวด อีกฝ่ายเค้นเสียงลอดไรฟันต่อ “ฉันอยากจะซับน้ำตาปลอบประโลมท่านหญิงเสียเหลือเกิน”
“ท่านย่าชุบเลี้ยงเธอมาอย่างดี” รู้เต็มอก ยามท่านหญิงกนกเลขาละสายตาผินหน้าทางอื่น นัยน์ตาเฉี่ยวคู่นั้นมักเปิดความเปิดเผยความจงชังเสมอ หากก็ยังพยายามคิดในแง่ดี
'คุณแม่ขา...' ขณะขมุบขมิบปากรำพึงอย่างยากลำบากและอ่อนระโหยแรง ราวลมหายใจกำลังเอื้อนเอ่ยโบกมือลา มันจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถึงเวลานั้นก็คงไม่รู้สึกทรมานอีก ความประหวั่นพรั่นพรึงของเด็กหญิงลดน้อยถอยลง ตาพร่าเลือนพยายามเพ่งมองแสงสว่างส่องผ่านผิวน้ำจุดเล็ก ๆ นั่น
ความเย็นเยียบผจญอยู่ ไม่ได้ก่อให้เกิดความหนาวสะท้านในหัวใจเช่นก่อนหน้า กลับกันมันอุ่นซ่านอย่างแปลกประหลาด เมื่ออัตราการเต้นของก้อนเนื้อตรงหน้าอกด้านซ้ายค่อย ๆ แผ่ว ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว หากแต่สวยงามมากกว่าสิ่งใดพบมาในชีวิตทั้งหมด กลีบปากจิ้มลิ้มคลี่ยิ้ม
ทว่าในห้วงยามเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ แขนขากำลังนิ่งและแข็ง ราวกับได้ยินบทเพลงไพเราะขับกล่อมดังมาจากที่ไกลแสนไกล พลันอีกเสียงหนึ่งของสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดกู่ก้องบอกให้วิ่งตามหาที่มาของเสียง แรงฮึดเฮือกสุดท้ายส่งกำลัง แล่นริ้วซ่านกระจายทั่วทั้งร่าง ทั้งมือทั้งเท้ากระเสือกกระสนตะกุยน้ำ...
ดาราฉายไม่ใช่คนเลว ถ้าเลว อีกฝ่ายคงไม่ยื่นมือดึงหล่อนกลับมาจากความตาย “ท่านรักและเอ็นดูเธอมากกว่าหลานในไส้อย่างฉันเสียอีก”
“รักและเอ็นดู แต่ไม่เคยให้ความเท่าเทียม” เปล่งกังวานเสียงเฉียบ แววในดวงตาดั่งเพลิงร้อนแผดเผา “ไพร่ในบ้าน ยังไงก็เป็นไพร่ในบ้าน ไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน”
“นั่นเป็นสิ่งที่เธอกับแม่ของเธอกดตัวเองให้ต่ำตมกว่าสิ่งปฏิกูลเหม็นเน่าต่างหากเล่า คำว่าไพร่ในบ้าน ฉันไม่เคยได้ยินท่านย่ากล่าวถึง เพราะท่านไม่เคยคิดว่าใครเป็นไพร่ เป็นแต่เพียงคนในรั้วเดียวกันมีระดับขั้นตามครรลอง เช่นสังคมปกติทั่วไป”
“หึ คนเพียบพร้อมอย่างเธอพูดอะไรก็ได้”
“คนเพียบพร้อมอย่างฉันครั้งหนึ่งเคยตกเป็นเหยื่อของแม่เธอมาก่อน จำไม่ได้หรือ ไพร่ที่ไหนจะสามารถกุมอำนาจรองลงมาจากผู้เป็นใหญ่ของบ้านถ้าไม่ใช่คนสนิท”
“คนสนิท หึ นั่นเป็นแต่เพียงหน้าฉากที่เธอกับแม่ของเธอคิดไปเอง ถ้าท่านหญิงรักและไว้วางใจแม่ของฉันจริง ๆ ท่านคงไม่จับแม่ของฉันแต่งงานกับผู้ชายถึงสองคน เพื่อสกัดกั้นไม่ให้แม่ของฉันไต่เต้าขึ้นเป็นสะใภ้ของท่านหรอก”
“พูดกับเธอรังแต่จะเปล่าประโยชน์ ในเมื่อเธอบอกให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอกระซิบนักข่าวรีทวีต และโหมประโคมข่าวของฉันไปแล้ว ทำไมเธอไม่ปากสว่างกับคุณชายและคุณหญิงเสียด้วยล่ะ จะได้สมมาดตามปรารถนาของเธอ”
“หึ เธอไม่ได้รู้จักคุณชายอย่างที่ฉันรู้จัก และเธอไม่ได้สนิทกับหญิงรัตนาวดีเช่นที่ฉันสนิท”
“อ๋อ” ครางเสียงเหยียด เชือดเฉือนด้วยสายตา ก่อนจะหยามหยันซ้ำย้ำด้วยคำพูด “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต่างกับแม่ของเธอ ทำไมไม่ยึดอาชีพนักแสดงเสียด้วยล่ะ”
อีกฝ่ายเปล่งกังวานเสียงหัวเราะแจ่มใสยิ่งกว่าแสงแดดสว่าง ครั้นลมแรงพัดวูบปะทะ เรือนผมปลิวลู่ หล่อนยกมือจับปอยผมหลุดรุ่ยทัดใบหู ก่อนจะขยับริมฝีปากได้รูป “ก็กำลังดู ๆ บทอยู่ มีผู้จัดการหลายค่ายติดต่อมา”
“ดีสำหรับตัวเธอแล้วนี่ รายได้เพิ่มขึ้น จะได้เลิกรับเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนจากท่านย่าเสียที”
“ทำไมฉันจะต้องหยิ่งทรนงตัดช่องน้อย ถึงเงินนั่นจะไม่มากไม่มาย แต่มันก็ช่วยสร้างภาพให้ฉันได้อย่างดี เธอคงไม่รู้ว่าเศษเงินของท่านหญิงกนกเลขา ฉันบริจาคให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในนามของดาราฉายและคุณแม่ทุกเดือน”
ใจจริงอยากจะขับไล่ไสส่งคนตรงหน้าเสียตอนนี้ ทว่าป่วยการเปล่า อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็กำลังจะไป ยิ้มเอือมระอาแผ่ซ่านทั้งดวงหน้าของบุปผชาติ
❤️❤️❤️❤️❤️
ความคิดเห็น