คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เรื่องร้าย : ครึ่งจบ
เมื่อวานเลิกงานดึกเหนื่อยจัด บวกชั่งใจเรื่องต้นฉบับว่าจะคงเนื้อหาบางส่วนหรือตัดออกเลยไม่ได้อัพ ต้องขออภัยคนรอด้วยนะคะ วันนี้มาแล้ว ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ❤️❤️❤️❤️❤️
เสียงห้าวต่ำกังวานทุ้มนุ่มไม่ใช่ใคร หญิงสาวแหงนหน้า เชือกยาว ๆ ดัดแปลงทำเองไหวตัวตามลมแรงพัดมาวูบหนึ่ง ถอนใจเฮือก
เสียงฝีเท้าขยับเข้าใกล้ เย็นชื่นกลิ่นน้ำหอมผู้ชาย รวยรื่นเตะจมูกชัดกลิ่นกว่าเดิม ไม่ทันนึกระแวดระวัง กังวานเสียงเดิมเปล่งอยู่ข้างหู
“ฉันถามว่าเธอกำลังจะไปไหน ทำไมถึงไม่ตอบ”
ขนอ่อนลุกเกรียวกราว หนาวเยือกกะทันหันเสมือนหนึ่งอยู่ดี ๆ ไปโผล่อยู่บนยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ทั้ง ๆ ลมหายใจรินรดข้างแก้มผ่าวร้อนไม่ต่างจากไอน้ำเพิ่งพวยพุ่งจากกา
“ดิฉันกำลังจะตอบ แต่คุณชายคุกคามดิฉันเสียก่อน”
“คุกคามหรือ หึ”
เสียงหัวเราะเบา ๆ จั๊กกะจี้หู กวนขุ่นอารมณ์ยิ่งกว่าเสียงวี้ ๆ หวี่ ๆ ของยุงของแมลงบินว่อน ยิ่งปลายนิ้วเห็นทางหางตาขยับไหวจับปอยผมรุ่ยร่ายไปทัดหูอย่างนิ่มนวลยิ่งเพิ่มแรงโทสะ หากเขาจะไม่ใช่ คุณชายปาริวรรต หล่อนใช้วิชาศิลปะการต่อสู้จัดการเสียแล้ว
เป็นคุณชายปาริวรรตแล้วยังไง ห๊ะนังดอก
นั่นสิเป็นคุณชายปาริวรรตแล้วยังไง
ยิ้มร้ายผุดพรายตรงมุมปาก มาดมั่นลุกวาวแววในดวงตา พลิกตัวเร็วหวังจับอีกฝ่ายทุ่มพื้น ทว่ากลับกลายเป็นหล่อนถูกกระทำ
“ปล่อยดิฉันเดี๋ยวนี้” หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก ขณะมือแข็งแรงโอบกอดแน่นเข้า ใกล้ชิดหนักกว่าเดิมอีก ขบเม้มริมปากจนเจ็บ หน้างอนเง้า เงยมองคนกล้าดีตาคว่ำ ยิ่งเห็นพลอยนิลเจียรนัยคู่นั้น เล่นเหลี่ยมกับแสงไฟสลัวเหลืองนวล เปล่งประกายวับวามระยับพราย ยิ่งโมโหควันออกหู
“ปล่อย บอกให้ปล่อยไงเล่า”
“จะปล่อย ถ้าไม่ดิ้น แล้วก็สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายฉัน”
“ดิฉันหรือจะกล้า” เถียงทั้ง ๆ ยังอยู่ไม่นิ่ง
“แน่ใจหรือไม่กล้า” เขาถามยิ้ม ๆ เหมือนรู้ทัน ขณะเดียวกันกระชับวงแขนรัดรึง ไม่ต่างอะไรกับงูเหลือมกำลังจัดการเหยื่อให้ขาดใจ
ใช่หล่อนกำลังหายใจไม่ออก ชั่วเสี้ยวเวลาน้อยนิด ลมหายใจจะหมดเอาดื้อ ๆ นี่มันแนบสนิทมากเกินควร ขืนดื้อดึง คุณชายปาริวรรตผู้เคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง อาจจะกลายเป็นไอ้หื่นกาม บุปผชาติเปลี่ยนมาเป็นน้ำเย็น
“แน่ใจค่ะ ได้โปรดปล่อยดิฉันเถอะค่ะคุณชาย ดิฉันเจ็บระบมไปหมดแล้ว”
วงแขนรัดรึงคลายแค่พอหลวม ราวกับยังไม่ไว้วางใจ บุปผชาติเงยมอง ประสานสบนัยน์ตาคร้ามคม พยักหน้า พลางเผยอยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกล่าวคำขอร้องช้า ๆ “ได้โปรด”
เสี้ยวขณะ เหมือนอีกฝ่ายจะเดินทางไปในที่ไกลแสนไกล ครั้นรู้สึกตัวพลอยนิลไหววูบเร้นอะไรบางอย่างมิดชิด ริมฝีปากหยักหนาแย้มพราย
“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะระงับยั้ง หากเธอมีความคิดจะทำร้ายฉันอีก ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอได้ทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว เข้าใจไหมบุปผชาติ”
ถ้าไม่ยังอยู่ในอ้อมแขน หล่อนโต้เถียงเสียแล้ว เมื่อไหร่กันที่บุปผชาติคนนี้เคยทำร้ายคุณชายปาริวรรต
แต่ด้วยหวังอิสระ จึงได้แต่พยักหน้ารับคำเช่นอีกฝ่ายต้องการ “เข้าใจค่ะ”
“ดีมาก” สิ้นเสียงนุ่ม แทนที่จะหลุดพ้นจากการจองจำทันทีทันใด กลับขาดทุน ขม่อมพราวเหงื่อถูกตีตราประทับ ร่างกายกลับไปแนบชิดสนิทแน่นอีก
ฉุนเฉียวในอารมณ์ ทว่าพยายามเก็บเร้น ต่อเมื่อเป็นอิสระ หญิงสาวด่าว่าด้วยสายตา ก่อนจะสะบัดหน้าใส่ ไม่ได้รังเกียจสัมผัส แต่ไม่ต้องการ
เสียงหัวเราะเบา ๆ เสมือนพึงพอใจนั้นระรื่นหู ทว่านั่นยิ่งสร้างความขุ่นเคืองในใจหล่อนคูณยกกำลังสาม หันกลับไปมองบุรุษตรงหน้า ตั้งท่าจะขยับปาก หากกลับเป็นเขาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ทีนี้เธอจะบอกฉันได้หรือยัง ว่าเธอกำลังจะไปไหน ทำไมต้องมาทางนี้” ชายหนุ่มเงยมองขึ้นไปชั้นสอง ระเบียงห้องนอนของหล่อน
แต่ก่อนนั้นด้านนอกบริเวณนี้ไม่ได้โล่งรับลมรับแดดช่วงบ่ายเต็ม ๆ แต่เคยมีมะม่วงแก้วขมิ้นลูกดกอายุมากอยู่ต้นหนึ่ง ต่อเมื่อมันตรอมใจค่อย ๆ เฉาตาย สลัดใบร่วงทีละใบ กระทั่งใบเรียวยาวสีน้ำตาลแดงใบสุดท้ายปลิดปลิวหลุดจากขั้ว เหลือแต่กิ่งก้านแห้งโกร๋นในวันฟ้าหม่นทึมเทา ตะวันหลีกหนี ฤดูหนาวปีขยลกับฑิฆัมพรตั้งไข่ นายแม่กรองผกาก็สั่งให้คนในไร่มาเลื่อยทิ้ง อีกทั้งขุดรากถอนโคนเสียสิ้น
“ดิฉันจะไปบ้านลุงอินทา”
“บ้านลุงอินทาหรือ” ย้ำถามทั้งเลิกคิ้ว “แล้วทำไมต้องทำเหมือนเด็กสาวหนีเที่ยว ถ้าพลั้งพลาดจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ห่วงตัวเอง เธอก็ควรจะคิดถึงคนอื่น หรือมีอะไรเป็นความลับอยู่ที่นั่น”
“ไม่มีความลับอะไรอยู่ที่นั่น คุณชายคิดว่าดิฉันจำเป็นต้องมีความลับหรือคะ” ไม่ได้ยอกย้อนหวังเอาชนะ หากคือความจริงหล่อนไม่มีความคิดปกปิด คนกระทำเช่นนั้นคือนายแม่กรองผกาต่างหาก
“งั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่ว่ากระไร หากฉันจะขอไปบ้านลุงอินทากับเธอด้วย”
“ถ้าคุณชายมีความประสงค์เช่นนั้น ดิฉันหรือจะกล้าขัด เชิญค่ะ”
บุปผชาติพร้อมจะก้าว ทว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าขยับ เท่านั้นไม่พอ กังวานเสียงห้าวต่ำนั้นยังดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อยเหมือนเรือกระดาษลำน้อยลอยล่องกลางสายน้ำนิ่งต่อ
“บ้านลุงอินทาอยู่ไกลจากนี่มากไหม”
“พอสมควรค่ะ” ตอบแล้วก็กรอกตามองบน ชักขัดหูขัดตาขึ้นมาตงิด ๆ แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ยังถามต่อด้วยกังวานเสียงเดิม
“พอสมควรหรือ แล้วทางเปลี่ยวไหม”
“ไม่เปลี่ยวค่ะ” พยายามระงับการแสดงออกซึ่งความหงุดหงิดด้วยการพลิกตัวมองฝ่าความมืด ก่อนจะยกมือชี้นิ้วตรงไปทางที่ตั้งของบ้านไม้หลังเล็ก ทว่าสุ้มเสียงต่อมาเริ่มบ่งบอก “บ้านลุงอินทาตั้งอยู่ตรงตีนเขานี่เอง ถ้ามองกลางวันจะเห็นชัด”
“แต่ตอนนี้มันมืด”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้มันมืดแต่ดิฉันมีตัวช่วย” คราวนี้แทบจะปรี๊ดแตกทีเดียว พลิกตัวกลับ คุณแม่ลูกแฝดไพล่มือไปข้างหลัง ล้วงไฟฉายกระบอกจิ๋วในกระเป๋ากางเกงออกมาชูให้จอมซักไซ้ดูตัวสั่นระริก “ตกลงคุณชายจะไปบ้านลุงอินทากับดิฉัน หรือจะกวนประสาทต่อ”
อัญมณีพลอยนิลคู่นั้นมองวัสดุทำจากสเตนเลสเนื้อดี ตรงส่วนหัวมีกระจกกลมป้องกันความเสียหายแก่หลอดไฟแวบเดียว แล้ว ก็กลับมาประสานสบกับนัยน์ตาของหล่อนพราวระยับ
“ความจริงแล้วฉันอยากจะไปในทุก ๆ ที่กับเธอ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้คงไม่เหมาะนัก ที่เราจะไปไหนมาไหนกันสองต่อสอง ไว้เมื่อ...”
“อ้าวคุณชาย มาเดินเล่นอยู่ตรงนี้เองคุณน้าหาเสียทั่ว”
ไม่รู้ว่าโผล่มาอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่นายแม่กรองผกาก็เป็นเหตุทำให้บุรุษมาดดีเสียเซลล์ยกมือขึ้นเสยผมเผยอาการหงุดหงิด จากคราแรกบุปผชาตินึกหมิ่นคำพูดสวนทางการกระทำของเขา กลายเป็นร้อนวาบไปทั้งตัวกะทันหัน ทว่าเพียงอึดใจเดียวต่อจากนั้นเปลี่ยนความรู้สึกอีก
“อ้าวบุปผาก็อยู่ด้วยหรือลูก คุณแม่นึกว่าหลับไปเสียแล้ว” ดวงตาคมหวานแลเลยผ่านไปข้างหลัง เสี้ยวชั่วขณะเหมือนทำเมินมองไม่เห็น “คุณน้าว่า เข้าบ้านกันดีกว่าไหมคะ บุปผาเข้าบ้าน”
น้ำเสียงใช้กับแขกผู้มาเยือนอ่อนเสนาะหูไม่ต่างอะไรเสียงขิมบรรเลง แต่พอกับลูกแข็งกระด้างเหมือนแผ่นไม้สากระคาย อีกทั้งสารในดวงตาขณะวกกลับมามองก็บ่งชัดห้วงอารมณ์ หญิงสาวชำเลืองมองไปทางชายหนุ่ม
❤️❤️❤️❤️❤️
ความคิดเห็น