ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อีกตัวตน

    ลำดับตอนที่ #8 : 第七集 |สนิทเสน่หา...

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 64


     

     

     

     

     

    “จะกลับแล้วเหรอพ่อจันทรา ทำไมถึงได้หุนหันพลันแล่นเยี่ยงนี้เล่า ?” นายเมฆมองเจ้าจันถือสพายผ้าและมือข้างซ้ายถูกคนเป็นพี่อกแกร่งจับเอาไว้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของไปเสียแล้ว

    “ข้าสองคนยังหาไม่ได้เรียนภาษาฝาหรั่งเลย แบบนี้ข้าคงเสียดายแย่…”

    เจ้าจันมองยิ้มเบา ๆ ให้กับสองคนคู่หู หลินหยางเทียนหนาน รวมถึงนายเมฆหรือเหม่ยหยิน แต่ไม่ได้พูดอะไรสิ่งใดออกไปอีก ได้เพียงลาจากกันด้วยการพิศหน้ากันก่อนจะนิราศจากลากันไป

     

     

    ระหว่างทางที่เดินจากจวนจนมาถึงท่าน้ำที่จอดเรือเอาไว้นั้น ทั้งคู่หาได้ส่งเสียงอันใดออกมาไม่ ทั้งคู่เงียบใส่กัน ไม่พูดไม่จาอะไรออกมา แต่แล้วในที่สุดคุณพี่นิลอกแกร่งก็ได้เอากระเป๋าเงินที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าโจงกระเบนสีน้ำตาลดำควักออกมา จ่ายเงินให้กับยายที่ขายขนมจีนน้ำพริกจอดเทียบท่าอยู่

    “กินข้าวกินปลาเสียก่อน ประเดี๋ยวน้องเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา เพราะเมื่อคืนเรา – อื้อ..” จันทราใช้แม่นางนิ้วทั้งห้าป้องปากคนเป็นพี่เอาไว้เพื่อไม่ให้พูดเรื่องพรรค์นั้นได้ยินไปถึงกรรณโสตของผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมาและคุณยายที่ขายขนมจีนน้ำพริก

    “ทะลึ่งจังวะ ไม่อายคนบ้างเหรอ ?” เจ้าจันหันซ้ายหันขวาก่อนจะตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่พอใจที่ซ่อนความเหนียมอายไว้ในอก

    “ไม่อาย เขาจะได้รู้ว่าเจ้าเนี่ยเป็นของพี่…” 

    “หึ ใครเขาอยากเป็นกัน ทำมาปากหวาน เดี๋ยวเหอะ !” เจ้าจันติเตียนคนเป็นพี่อกแกร่งเสร็จ ก็ซัดขนมจีนน้ำพริกไปราว ๆ ครึ่งแท่งเทียน พร้อมชมธรรมชาติยามอรุณ หมู่หมวลปักษาบินว่อนนภาแลชลธี แสงสุริยันต์สะท้อนลงพื้นน้ำในเพลาที่พึ่งจะรุ่งเช้าไม่ได้นาน “ที่นี่น่าอยู่จัง เสียดายมาโผล่ช่วงบ้านเมืองกลียุค” 

    เมื่อคืนจันทรากับนิลได้ปรับความเข้าใจกันนานมากได้หนึ่งก้านธูป เล่าเรื่อง สารภาพทุกอย่างให้ฟังด้วยกัน และหลับนอนค้างอ้างแรมที่จวนโรงน้ำชาจนถึงเช้าตอนนี้ ทั้งคู่จึงไม่ต้องเก็บความลับให้อัดอั้นตันใจอีกต่อไป

    “ถ้าอยากอยู่ ก็อยู่ด้วยกันนะ” จันทราหันมาสบตาคุณพี่นิลก่อนจะมองด้วยสายตาทีแคลงใจ

    “จะไม่โดนตะเพิดไล่ออกมาอีกใช่มั้ย ?” 

    “ปกติข้าไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนง่าย บ้านเมืองพึ่งผ่านพ้นศึกสงครามไม่นาน ต่อให้ข้าไม่ระแวงในตัวเจ้า คนอื่นก็อาจจะระแวงในตัวเจ้าเช่นกัน และเจ้าก็มิสามารถไปห้ามหักให้คนอื่นไม่ให้เข้าใจผิดได้ไม่” จันทราฟังอย่างมีวิพากย์และคิดตามด้วยสีหน้าที่ดูออกยาก

    “จริงงของท่าน แต่ข้าอยากจะบอกท่านว่า ข้าไม่ได้โกรธท่านเลย ข้าแค่รู้สึกเสียใจที่มองข้าแบบเข้าใจผิดเฉย ๆ”

    “ไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านนะต่อไปนี้ ให้เรียกว่าข้า ‘พี่’ ได้ฤา”

    “หากข้าไม่เรียก คงจะโดนหวายลงหลังอีกกระมัง” เขายิ้มยียวนกับคนเป็นพี่ แต่คนเป็นพี่ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจ

    “ข้าแค่ขอร้อง หาได้บังคับเจ้าเสียหน่อย เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนพาลพาโล ไร้เหตุไร้ผลเสีย”

    “เออ… รู้แล้ว คุณ พี่ นิล” จันทราพูดพร้อมแย้มหวานออกมา ใบหน้าของจันทรานั้นแม้จะเป็นใบหน้าคมเข้ม ไทบ้าน ดุดันคล้ายคุณพี่นิล แต่เวลายิ้มก็จะกลายเป็นหมาขี้อ้อน อ่อนระทวยไปทันที ทำให้คนเป็นพี่ยิ้มออกกว้างจนฟันเรียงชิดสวย เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากจากคนคนนี้…

     

     

     

     

     

     

    “ถึงเรือนแล้ว…” พ่อนิลก้มมองน้องจันทราที่นอนหลับตลอดทางพร้อมหนวดตรงบริเวณจมูกสั่นจาง ๆ เพราะลมหายใจของน้อง พ่อนิลลอบมองพลางแย้มเย็น ๆ ก่อนจะพูดบอกให้อีกคนได้สติ “ถึงเรือนแล้วหนา…”

    “อื้ออออ……ถึงแล้วอ๋อ…..” เจ้าจันค่อย ๆ บิดเนื้อบิดตัวและค่อย ๆ ปรับสายตา ตามด้วยการค่อย ๆ ชันตัวขึ้นเป็นลำดับต่อมา “อ้าว พ่อไม้ !” เจ้าจันเห็นพ่อไม้เดินมาเอาเรือเข้าเทียบท่า พ่อไม้ยิ้มรับทักทายอีกฝ่าย ก็จะผายมือรับผู้เป็นนายที่กลับจากเรือนแล้ว

    “ประเดี๋ยวให้คนไปเก็บเสื้อผ้าแลของใช้ของพ่อจันทราขึ้นไปบนเรือนข้าด้วยหนาเจ้าไม้” เจ้าจันหันหน้าแล่นมาที่คนเป็นพี่ทันที 

    อะไรกันวะ ทำไมมันปุ๊ปปั๊ปรับโชคขนาดนี้วะกู….

    “ได้ขอรับ”

    “พ่อนาย….เอ่อ…พี่นิล ไม่ต้องรบกวนผู้ใดดอก เก็บเสื้อผ้ากับของข้าทำเองได้ มันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงขาเสียซักหน่อย” ผู้เป็นนายผายมือให้เจ้าจัน เจ้าจันงวยงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ส่งมือไปให้อีกคนจับและเดินเคียงคู่ไปกัน ส่วนพ่อไม้ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเดินตามมา

     

     

     

     

     

     

     

    เพลาอาทิตย์อับแสง แมลงเรไรเริ่มเข้าแทนที่ เพราะตอนนี้คือรัตติยามแล้ว ช่วงเพลาชาย เจ้าจันขนของมาถึงเรือนของผู้เป็นพี่อกใหญ่เสร็จ ต่างคนต่างช่วยกันจัดข้าวจัดของให้เข้าที่ คนเป็นน้องอยากจะนอนแยกห้อง ส่วนผู้เป็นพี่ก็รบเร้าให้นอนด้วยกัน จนคนเป็นน้องที่ชื่อจันทรา ต้องยอมจำนนต่อการออดอ้อนออเซาะของอีกฝ่าย 

    ในตอนนี้ทั้งคู่ทานสำรับเย็นเสร็จกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองโพกผ้าขาวม้าเดินไปที่ท่าน้ำที่ตั้งอยู่บนเรือนของคุณพี่ที่แยกออกมาจากตัวเรือน 

    “พี่นิลไม่โพกผ้าอาบน้ำหรือขอรับ”

    “ไม่โพก เวลาอาบเขาก็ถอดกันหมด แต่เอ…น้องกับพี่ก็ไม่เหลือกระไรให้เห็นแล้ว ยังเหนียมอายอยู่อีกฤา ?” คนเป็นพี่ใช้นิ้วชี้ประกบนิ้วโป้งลูบไล้ไปที่คางที่มีหนวดพอประมาณ จนอีกฝ่ายต้องยิ้มและเบือนหน้าหนีเพื่อหลบอาการขวยเขินของตัวเอง

    “เออ ! ก็ได้วะ !” กลับตาลปัตรเมื่อเจ้าจันเป็นฝ่ายถอดผ้าขาวม้าออกเป็นคนแรก ในตอนนี้เมื่อคนเป็นน้องเปลื้องผ้าออกมาให้เห็นสาดเข้าสู่นัยน์ตาของคนเป็นพี่แล้ว ผู้เป็นนายจึงบอกตัวเองว่าจัดไปอย่าเสีย ก็เลยถอดตามผู้เป็นน้อง และใช้ขันน้ำตักราดผู้เป็นน้องให้มีหยดน้ำเกาะตัว ก่อนจะรดน้ำราดตัวเองตาม ๆ ไป

    ในเพลามืดนี้ คืนนี้จันทราอับแสง มีเพียงแค่แสงตะเกียงที่ตั้งอยู่ไกลเปล่งโชติออกมาเบา ๆ แสงจากตะเกียงสะท้อนแสงเข้าที่เม็ดเกล็ดน้ำที่ติดอยู่บนตัวของจันทรายิ่งขับประทินผิวให้น่าหลงราคะกับคุณพี่อกใหญ่มากขึ้นไปอีก

    “อื้อ !” อกเล็ก (ที่ไม่เล็ก) ถูกอีกฝ่ายที่คุณเป็นพี่ค่อย ๆ ไล้ลูบตั้งแต่บริเวณหัวไหล่จนมาบรรจบที่ยอดเนินปทุมถัน มือหนาแซมเส้นเลือดแกร่งค่อย ๆ บิดยอดสีดำไปมาเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายขาอ่อยระทวยยวบขึ้นและลง “ซี๊ด…..พี่นิ..”

    หลังจากทำธุระกันภายในท่อนบนเสร็จ คุณพี่นิลก็ปล่อยใจถลำสู่ท่อนล่างของคนเป็นน้อง ทั้งคู่ใช้มืออีกฝั่งขัดลำแท่งร้อนแข็งสะท้านของกันและกัน จนน้ำทิพย์กระจายสวาดทั่วและก็รีบอาบน้ำขัดเนื้อสีตัวเพราะกินเวลาจากการกระทำอย่างว่าไปนานมาก น้ำที่อาบยิ่งเย็นวาบมากขึ้นเรื่อย ๆ….

     

     

     

     

     

     

     

     

    ยามหนึ่งเข้ายามแล้ว เพลานี้ทั้งสองคนเปลือยกายท่อนบนจนเห็นกายหยาบท่อนบน แต่ท่อนล่างใส่กระเบนยาว โดยคนเป็นพี่ให้พวกบ่าวไพร่ไปซื้อโจงกระเบนสำหรับนอนแบบยาวมาให้ว่าที่พ่อศรีเรือนในอนาคตของเขา คนเป็นพี่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานไม้ขัดเงาที่มีหนังสือบาญชีแลกระดาษกองเต็ม ส่วนน้องจันทรานั่งเขียนนิยายที่เป็นกระดาษถูกวางบนของแข็งหนารองเอาไว้เพื่อไม่ให้หมึกซึมได้

    จันทราคิดเอาไว้ว่าอยากจะเอาไว้ทำเป็นแบบเสียงพูด โดยแนวภาษานิยายเป็นสมัยใหม่ ไม่ใช่กลอนกาพย์แต่อย่างใด ให้กับคนในยุคนี้ได้เห็นว่ายุคของเขาภาษานิยายหรือกลอนบทละครจะเป็นอีกแบบแผนหนึ่ง

    “เขียนกระไรอยู่ฤาน้อง ?” พี่นิลอกแกร่งเดินเข้ามาโอบไหล่เอาไว้โดยที่คนเป็นน้องก็ไม่ได้อารยะขัดขืนออกไป ปล่อยให้โอบไปโดยปริยาย 

    ในตอนนี้มีเพียงแสงตะเกียงในห้องสะท้อนเข้าหน้าของทั้งคู่ โดยฝ่ายน้องจันทรายิ่งขับผิวสีแทนให้หน้ามองไปมากกว่าเดิม

    อยากจะขอแช่เพลาหยุดเสียประเดี๋ยวนี้ หยุดตรงนี้ ตลอดไปได้ฤาไม่ รู้ฤาไม่ ว่าหัวใจของพี่นั้น ถูกน้องตีแตกไปเสียแล้วหนา…..

    “กำลังเขียนบันเทิงคดีอยู่ขอรับคุณพี่” 

    “เรื่องกระไรฤา ?”

    อย่าตัดสินคนจากกายหยาบ” คนเป็นน้องวางปากกาขนนกลงปนแก้วน้ำหมึกสีดำแล้วหันมาตอบอีกกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมยิ้มเบา ๆ “น้องอยากให้คนเราเลิกมองคนกันที่ภายนอก คนเราเห็นเขาเป็นแบบนู้นแบบนี้ รู้มาแค่ข่าวลือที่โจษจันกันเป็นทอด ๆ หารู้ไม่ว่าคนคนนั้นอาจจะไม่ได้ผิดจริงก็ได้ เพราะคนที่รู้ตัวเองที่ดีที่สุด ก็คือคนที่ถูกโจษจันนั่นแหละพี่นิล ทุกวันนี้น้องได้ยินข่าวโจษจันที่เขาลือกันนะ ทั้งที่นี่แลที่ที่น้องจากมาเนี่ย น้องก็รับสารมา แต่ก็ไม่ได้ไปรังเกียจคนที่ถูกโจษจัน เพราะเราไม่ได้เป็นเพื่อนสนิท ผัวเมีย หรือตัวเขาเอง จะไปเกลียดมันก็ไร้เหตุไร้ผลไปหน่อย”

    “พูดถึงเรื่องนี้ ก่อนที่น้องจะมาที่นี่ น้องก็เคยเป็นคนที่ถูกโจษจันมาก่อนนะคุณพี่ คุณพี่จะรังเกียจน้องก็ย่อมได้นะ”

    “พี่จะไม่รังเกียจน้อง แต่พี่จะถามว่าเหตุฉไน ใยตัวน้องถึงถูกโจษจัน” เจ้าจันเล่าให้คนเป็นพี่ที่นั่งโอบไล่ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมดในเรื่องของ ‘เป็นนักเขียน แต่โดนหาว่าแอบแซ่บ’

    “เรื่องมันก็อย่างที่น้องเล่าไปเนี่ยแหละขอรับ”

    “อืม….จริงอย่างที่เจ้าพูด เป็นพวกนัก…เขียนหรือพวกรจเลขกระไรพรรค์นั้น จะไปแอ…บ อะไรนะ ?”

    “แอบแซ่บ”

    “คือกระไรฤา แอบกินน้ำพริกเหรอ ?”

    “ไม่ใช่คุณพี่ หมายถึงว่าแบบ นอนกับคู่นอนหลายคน ชอบเรื่องทะลึ่งตึงตังบอะไรพรรค์นั้นน่ะขอรับคุณพี่”

    “อ๋อออออ พี่พอนึกได้ละ จริงอย่างที่เจ้าพูด เป็นกวี รจเลข จะชอบเรื่องแบบนี้ไม่ได้ฤาอย่างไร พี่เองนะก็เคยคุยเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ ก็โดนไล่ตะเพิดกลับมา ด่าว่าบัดศรีบัดเถลิง เดี๋ยวจะได้ปีนต้นงิ้ว ทุกวันนี้ไม่รู้ว่ามันมีจริงอยู่ฤา ไอ้นรกสวรรค์วิมานที่เขาเชื่อกันมาเนี่ย…”

    ดูท่าทางจะลิเบอรัลสัส ๆ เลย เสียดายว่ะพี่นิลเกิดผิดยุคนะ มายุคกูนี่ไม่น่าเบากูว่า น่าจะตัวพ่อเลย

    “เราแค่ไปคุยผิดคนเท่านั้นเองขอรับคุณพี่ อย่าไปถือสาอะไรกับพวกผู้ใหญ่พวกนั้นเลย ต่างยุค ต่างสมัย ผมนึกว่าคุณพี่จะหัวโบราณตัวพ่อเสียอีก….”

    “พี่รู้สึกแปลก ๆ กะไอ้เรื่องความเชื่อกระไรพวกนี้มานมนานละ แต่คนที่นี่เขาเชื่อกันมากโข พี่จะถูกมองว่าเป็นคนประหลาดเสียล่ะสิ”

    “แต่สำหรับน้อง น้องมองว่าพี่นิลคิดดีมากนะ ไม่แก่แดด หัวโบรึณโบราณ นึกว่าจะเจอมารุ่นทวดเทียดที่แบบอีกอย่างนึงอ่ะ”

    “ว่าแต่…น้องชอบทวดคนนี้มั้ยล่ะ ห่างกันตั้งหลายรอยปีอย่างที่เจ้าบอก”

    “ถ้าในยุคนั้นอาจจะต่างกัน แต่น้องอยู่ในยุคนี้เราก็ไม่ได้ห่างกันนี่ขอรับ” เจ้าจันยิ้มให้คนเป็นพี่ จนพี่นิลอกแกร่งหลุดยิ้มหวานกว้างออกมา และถือกระดาษใบหนึ่งออกมามองพิิศสักชั่วครู่จนคนเป็นน้องอดที่จะลอบสอบถามไม่ได้ “กระดาษเขียนกระไรฤาขอรับคุณพี่ ?”

    “โคลงน่ะ พี่แต่งให้กับหนุ่มคนนึงที่อยู่ถัดจากเรือนพี่ไปน่ะ”

    อยากมีอนุเหรอ ?

    จะหึงทำไม สมัยนี้ผู้ชายมีเมียหลายคนไม่ผิดดอก หึ แต่ก็นะ….

    “หึงหวงข้าฤา ?”

    “หึงหวงอะไร…”

    “ใบหน้าออกชัดขนาดนั้น ไม่หวงหึงมึนตึงแล้วเรียกว่ากระ-----”

    “น้องหึงคุณพี่จบมั้ย !!!” ฝ่ายอกแกร่งสดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายตะคอกแสดงความไม่พอใจออกมา แต่อกแกร่งลอบยิ้มหัวเราะหัวใคร่ออกมา “หัวเราะอะไร จะมีอีกคนก็มีสิ ไม่ว่ากัน”

    ข้าไม่มีคนอื่นคนไกลที่ใดให้ไปชอบดอก เจ้ามาลักเอาหัวใจพี่หนีไปไหนต่อไหนเสียแล้วก็หารู้ไม่ จะมีคนอื่นใดจะมาเอาหัวใจของพี่ไปได้อีกเล่า….

    คนรุ่นนี้คารมดีเหลือเกินนักนะ ไปจีบสาวคงหลงหัวปักหัวปำน่าดู…..

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่อีกฝ่ายหยอดน้ำเชื่อมลงดวงเดือน ต่างฝ่ายต่างเข้านอน โดยตอนนี้ทั้งคู่นอนหงายแต่มีมือหนาจากคนเป็นพี่โอบไหล่น้องเอาตลอดไม่ขาดออก 

    “ถ้าคุณพี่ไปอยู่ในยุคน้องนะ มีแฟนหลายคนคือคนที่เจ้าชู้มากกามนะพี่”

    “ข้าก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ประตูดินเสียหน่อย ข้าไม่ชอบคนพรรค์นี้เหมือนกัน มีเมียมาก มีลูกมาก พอถึงคราวบั้นปลายก่อนสิ้นลมหายใจ ก็จะลำบาก เพราะถ้าเกิดแบ่งสมบัติกันไม่ลงตัวขึ้นมา พวกเมียเอก เมียอนุ รวมทั้งเมียบ่าว ก็ราวีกันไม่เลิกไม่ราไป สู้มีคนเดียว สนิทเสน่ห์หาจวนกมลไม่ดีกว่าดอกฤา…”

    “ว่าแต่โคลงที่พี่นิลแต่งเขียนไว้ว่าอย่างไร ข้ายังไม่รู้เลยหนาคุณพี่…เฮ้ย อย่ามานอนหลับใส่กันแบบนี้สิ !!” เมื่อเจ้าจันหันไปก็พบว่าอีกฝ่ายนอนเป็นทศกัณฐ์ล้มไปเสียแล้ว “เออไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกว่ะแม่ง เนี่ย !! บอกน้องว่าอกเล็ก ดูสิเนี่ย ตัวน้องกะตัวพี่ก็ไม่ใช่จะเล็ก ใหญ่ทั้งคู่ ดันมาหาว่าอกเล็ก ชิ !!” จริงอย่างที่เจ้าจันพูด คนกระไรหนาชอบแกล้งหยอดเรื่องหน้าอก ตอนนี้จันทราหันไปนอนตะแคงหลบอีกฝั่ง เพราะแง่งอนคนเป็นพี่

    “พานพบพานปะหน้า ฤทัย ไหวสั่น… เสน่หาแนบใจ ชิดใกล้ ครานั้นไล่น้องไป ทว่าพากลับ ใจกูคงร่ำไห้ เมื่อน้อง บ่คืน….”

    เหี้ยยยเขินปนเศร้าว่ะแม่ง…… น่าจะถอดความว่า พบหน้าก็ใจเต้นระรัว แล้วก็ก่อเกิดความรัก ตอนที่ไล่น้องออกไป ก็พาน้องกลับมา แต่ถ้ากูไม่กลับเรือน หัวใจเขาคงร้องไห้อยู่ในอก อ๊ากกกกกก แม่ผมเขินเว้ยยยยยยย

    หลอกถามดีกว่า ว่าถอดความถูกไหม….

    “ถอดบทว่าอย่างไรฤาคุณพี่ ?” เมื่อคนเป็นน้องถามคำถามนี้ออกไป คำตอบที่ได้กลับมาจากคนเป็นพี่ก็เหมือนดังที่ตัวน้องคิดตอบเอาไว้ก่อนแล้ว อาการขวยเขินจึงออกชัดโดยการอมยิ้มจนหนวดของเจ้าจันกระดิกตั้งเพราะขนลุกขนพองจากอาการขวยเขิน

     

    คราแรกจันทราจวนได้นอนตะแคงเสียแล้ว ฉไนปานนี้ถึงนอนตะแคงให้อีกฝ่ายได้กอดรัดฟูมฟักทะนุถนอมเป็นอย่างดี อีกทั้งเจ้าจันยังโดนจูบหน้าผากไปแล้วเสียด้วย

    ชีวิตนี้น้องเสียเอกราชให้คุณพี่ไปหมดสิ้นแล้ว

     

     

    แต่เตียง….มึงเล็กไปนะ กูตัวใหญ่ พี่เขาก็ตัวใหญ่ รักกันปานจะกลืนลงคอไปละเนี่ย….

     

     

     

    ปัจฉิมลิขิต

    ตอนเขียนฉากอาบน้ำแล้วทำเรื่องอย่างว่า ไรท์มีอาการเล็กน้อย ๆ แฮร่ ๆ

    เนอะผู้ชายอ่ะเนอะ 5555555 ช่างมันกูมาเขียนป.ล.ทะลึ่งบัดสีอีกละเว้ย พอ ๆ ๆ

     

     

    TBC >>>

    ลงเมื่อวันที่ 06 / 08 / 2564 เวลา 18.07 น.

    แก้ไขครั้งที่ 1 : ยังไม่มี

    __________________________________________________________

    ฝากติดแฮชแท็กน้อย ๆ ในทวิตเตอร์ด้วยนะครับ 

    #อีกตัวตน มาพูดคุยมโนสาเร่กัน 

    ไรท์จะเปิดแท็กอ่านตลอดเรื่อย ๆ นะครับ ทุกคำติชม คำวิจารณ์ทุกคำไรท์จะเก็บไว้พินิจพิจารณาทุกคำนะครับ และรบกวนไม่ใช้คำหยาบคาย หรือคำด่าทอที่หยาบคายนะครับ

    นามปากกา : SriRunhn (ศรีรันหณ์) 

    Twitter : teerarunhn

    E-mail : teerapatthanakit@gmail.com

    Facebook and Instagram Fanpage : SriRunhn 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×