คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 第六集 | จวนโรงน้ำชาทรามสวาท (NC 18+)
“พี่เฟิง มีเด็กใหม่อยากมาทำงานที่นี่” นายเมฆแทนสรรพนามเถ้าแก่ไท่เฟิงว่าพี่เพราะเขาสนิทกัน เถ้าแก่ไท่เฟิงในตอนนี้กำลังนั่งใช้พู่กันไม้น้ำตาลจีนคัดตัวอักษรอยู่ แต่ทันทีที่ใดยินเสียงตัวอักษรจีนที่ยังเขียนไม่เสร็จได้หนึ่งคำอย่างสมบูรณ์ ก็ถูกยกพู่กันออก แล้วค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าที่หันข้างอยู่มามองทั้งสองคน โดยจำเพาะคนแปลกหน้าคนนี้
!!!!
เฮ๊ย !! พี่ไต้ฝุ่น…..
“บอกชื่อของนายมา ?”
“จันทรา เรียกว่า….จัน ก็ได้ขอรับเอ่อ…เถ้าแก่”
“ทำไมอยากมาทำงานที่นี่ ?” คำถามนี้เป็นคำที่ถ้อยคำเบื่อหูเป็นเสียมาก ๆ แต่จันทราจำต้องตอบออกไป
“กระผมไม่มีงาน ไปหางานแถวนี้ก็หาไม่ได้ เลยจำต้องมาทำงานที่นี่ขอรับ…เถ้าแก่” จันทราตอบไปพลางก้มหน้าและมองไท่เฟิงอย่างเนือง ๆ ไม่ขาด เพราะคือพี่ไต้ฝุ่นเวอร์ชั่นถอดแบบออกมาเลย
ป่านนี้พี่ไต้ฝุ่นคงอยู่งานศพ ไม่ก็ลอยอังคารเราอยู่แล้วมั้ง….
“อยากมาทำงาน เพียงเพราะหางานไม่ได้ แล้วจะให้มั่นใจให้นายทำงานได้เยี่ยงไร หา !!”
“ไหนเจ้าบอกว่าเขาเป็นคนใจดีไง ทำไมพูดจารุนแรงขนาดเชียวพ่อเมฆ”
“เถ้าแก่กำลังทดสอบหน้าใหม่อยู่อย่างไรเล่า อย่าหากังวลไปเลยหนาพ่อจัน”
“เถ้าแก่จะมองกระผมอย่างไร กระผมหาสนใจไม่ กระผมหารู้แค่ว่า ต้องทำงานเพื่อประทังชีวิตของตัวกระผมเอง ตอนนี้เถ้าแก่อาจจะไม่มีความมั่นใจในตัวของกระผม ถ้ากระผมทำงานแล้วไม่เป็นที่พอใจ เพียงไล่ออกมา ไม่เห็นยากเลยนะขอรับ”
“นี่ !!” ไท่เฟิงเอามือชี้หน้าจันทราเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ คลายนิ้วชี้ลงจนสีหน้าเป็นปกติ “มัวแต่ปะทะคารม เห็นทีคืนนี้ลูกค้าจะหายหมด อยากจะทำก็ทำ ข้าจะคอยดู ว่าถ้าเสียงวิจารณ์โรงเตี๊ยมข้าเป็นไปในทางลบเพราะเจ้า อย่าหาว่าข้าใจแข็งดั่งศิขรินทร์บนเหลียงซานก็แล้วกัน เหอะ !! ไป เจ้าพานายคนนี้ไป ให้เขาเรียนรู้ให้ทันก่อนแขกจะมาค่ำคืนนี้เสียแล้วกัน !!” ไท่เฟิงเมื่อปล่อยอัคนีเพลิงโดยคำพูดออกมาแล้ว ก็หันกลับไปหยิบกระดาษคัดตัวจีนต่อ จันทราก็ไม่วายที่จะมองไท่เฟิงที่ถอดแบบจากพี่ไต้ฝุ่น ยุคครานั้น ชอบเรียนคณิต ไหนครานี้ทำไมเขาถึงกลายเป็นหนอนอักษรไปเสียดาย
ชอบเรียนอักษรก็ดีเหมือนกัน ว่าง ๆ จะชวนคุยให้เลิกอคติกันไปเลย คอบดูเถอะ !!
แต่งเอ็นซีพอได้ แต่เรื่องลีลาบนเตียงจริง ๆ ก็ต้องรอดูนะพี่ไต้ฝุ่น เอ้ย…เถ้าแก่ ให้สบประหมาดแค่วันนี้เหอะ !!
แต่….หน้าใหม่ คงจะยังไม่มีใครสนใจ พ่อเมฆน่าจะเยอะเอาเรื่อง…
ภากรดับลับอัสดงคต เผยเนื้อสดแทบจวนมิเหลือซ่อน
จับแต่งหน้าเม้มฉาดแสนอรชร เด่นอำพรคือจันทราหาใช่ใคร
“เสร็จแล้วพ่อจันทรา… ดูที่คันฉ่องสิ” นายเมฆทางนั้นแต่งหน้าเม้มฉาดจนงามเรียบร้อย ก็เตรียมแต่งหน้าให้เหย้านครที่เป็นจันทราหน้าใหม่ หาใช่อื่นไกล จันทรามองยลใบหน้าตัวเองที่ถูกแต่ง เทียวแรกเขานึกว่าจะต้องขาวเหมือนสีทาฝ้าเพดานบ้าน แต่เปล่าเลย นี่มันไม่ได้วอก แต่มันตรงกับเฉดสีผิมของเขาเลย สีฉาดที่ปากเป็นสีแดงอมชมพู ทัดใบชาหอม เรือนกายเปลือนท่อนบนเห็นอกแกร่งแลผ้าสีขาวที่คลุมท่อนล่างบางจนจีบผ้าแยกเป็นสองทางซ้ายและขวาจรดติดพื้นเหมือนหางสัตว์ เรือนกลางจวนจนเห็นจวนใหญ่เสียได้เลย
หึ เห็นกันหมดแล้ว เออแต่พออยู่ไปสักพักก็ไม่ได้ขวยเขินกระไร นายเมฆมันน่าจะชินชาละ…
“ฉันว่า คืนแรกของพ่อ จะมีพวกบุรุษแย่งพอกันมากมายเป็นแน่” เทียนหนานกล่าวพลาวหัวเราะไปกลับหลินหยางข้าง ๆ ที่แต่งตัวพร้อมก่อนแล้ว
‘มาดูกันเทียว คืนนี้ใครจะลงปิดม่านที่เตียงใครก่อนกัน ฮ่า ๆ ๆ’ ฝ่ายพวกเหย้านครหรือฝ่ายรับที่รอต้อนรับบนชั้นที่สองหัวเราะหัวใคร่ ก่อนจะพากันไปมองตรงด้านล่าง ที่บัดนี้บริเวณด้านนอกจวนโรงน้ำชา คึกคัก เริ่มมีผู้คนสัญจรผ่านไปมา พวกด้าวเยือนที่อยู่ด้านล่างทีบ้างกำลังทาน้ำมันหอมและลื่นลงบนเรือนกาย บ้างก็แซวพวกเหย้าเรือนทางชั้นสองไปพลาง ๆ จนนายเมฆต้องทวนกฎข้อห้ามกันไม่หวาดหวั่นอยู่เนือง ๆ ร่ำไป
บัดนั้นอกแกร่งย่างเท้าสาวเข้ามา ใช้สายตามองรอบท้วนนัยน์ทัศน์
จันทราเห็นจึงรู้สึกใจอึดอัด พระพายพัดจากทวารสู่หลังหวิว
เจ้าจันเห็นจึงรีบบอกเมฆา รู้เสียว่าเจ้าจันตกขวานสิว
เมฆาทราบจึงทำไม่บิดพลิ้ว จึงแสร้งหิวเดินลงชิมลูกกวน
ถอดความด่านล่าง
เฮ้ย พ่อนายมาได้ไงวะ ไอ้เหี้ย ต้องหลบจังวะนี้ !!
“พ่อเมฆ ข้าขอซ่อนตัวก่อนได้ฤาไม่ คนที่ไม่ลงรอยเขากำลังเดินเข้ามา !!”
“คนไหนบอกข้ามา !”
‘ใคร ๆ !!’
ไอ้เหี้ยเอ้ย ไม่ต้องตะลึงขนาดนี้ เบา ๆ หน่อยยยย
“ข้าต้องหลบก่อน ถ้าเขามาถามหาข้า หรืออะไรยังไง บอกไปนะ ว่าไม่รู้จัก ไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้ ๆ”
“…ได้ ๆ ซ่อนตัวดี ๆ ล่ะ ” นายเมฆ เทียนหนาน หลินหยาง และพวกเหย้านครอีกหน่วยชีวิตเกาหัวให้อีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในม่านที่เปิด แต่ยังเผยให้เห็นมุมมองเอาไว้ดูสถานการณ์เล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่กันต่อไป บ้างแสร้งก็ชงน้ำชา บ้างก็เปิดตำราสูตรน้ำชาเก่า ๆ บ้างก็จัดผ้าม่านของเตียงตัวเอง
มาทำไมตอนนี้ !!!
ฝ่ายพ่อนิล อกแกร่งของน้องอกเล็ก (ไม่เล็ก !!) ////
เมื่อนั้น พ่อนิลร่างใหญ่เดินเข้ามาในจวนโรงน้ำชา เพราะกำลังมาตามหาเจ้าจันทราตั้งแต่หน้าเขตพระราชฐานจนถึงเขตถิ่นพวกจีน เพราะพ่อนิลได้ถามพ่อไม้บ่าวคนสนิทที่พึ่งกลับไปหลังจากส่งจันทราเสร็จสรรพเรียบร้อย
รังสีทมิฬดำก่อตัวขึ้นในโรงน้ำชาสวาทเสน่หา ทำเอาพวกด้าวเยือนหรือรุกคนอื่นหันหลังหนีกับไป เพราะคนตรงหน้านั้นมาด้วยสายตาคิ้วชี้ต่ำจนถึงสันจมูกจนแทบบรรจบหากัน สีหน้าคร่ำเคร่งกว่าปกติ และได้ตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองที่นายโลมฝ่ายเหย้านครหันมาพร้อมเพรียงกันและเผยรอยยิ้มเย็น ๆ เป็นการต้อนรับขับสู่ ขัดกับบางคนกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในมุ้งม่านอยู่เตียงเดียว
“ฮวานหยิง….” คำกล่าวยินดีตอนรับดังขึ้นพร้อมเพรียง พ่อนิลอกแกร่งโปรยยิ้มมุมปากเบา ๆ ก่อนจะมองสำรวจไป แต่ต้องชะงักเมื่อมีคนใช้เสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“พ่อนิล วันนี้มึงอยากได้นายโลมคนไหนเป็นพิเศษฤาไม่ ?” เถ้าแก่ไท่เฟิงเป็นเพื่อนเกลอสนิทชิดกันมาแต่วัยเด็ก เพราะเคยแข่งฝีพายด้วยกันในวัยเยาวาน แต่เมื่อทั้งคู่โตขึ้น ต่างคนต่างแยกไปทำงาน ทำหน้าที่ของตน ต่างคนต่างมีเรื่องธุระส่วนตัวจนแทบจะมาเจอกันแบบนับครั้งได้ แต่ติดที่ว่าครานี้ พ่อนิลไม่ได้มาเพื่อพูดคุยปราศรัยกับไท่เฟิงด้วย
“มึงอย่าแซว !! มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยคิดเรื่องกระไรแบบนี้ แล้ววันนี้ตัวกูก็ไม่ได้จะมาสนธนาพาธีกับมึงดอก”
“แล้วมึงมาหากูนี่มีเหตุอันใดวะ”
“กูมาตามหาคนว่ะ”
“มาตามหาที่นี่ แล้วมึงจะเจอมั้ย…. เอ่อว่าแต่ คนที่มึงตามหานี่คือหายไปนานกี่วันคืนวะ ?”
“พึ่งหายวันนี้”
“อ่อ….” เถ้าแก่ไท่เฟิงหลังจากตอบรับที่พ่อนิลอกใหญ่ผายผึ่งพูดบอก ก็หันมองสำรวจมองพวกนายโลมฝ่ายเหย้านครรวม ๆ แต่มีสิ่งนึงผิดสังเกตตรงที่ มีคนหายไปหนึ่งคนนั่นก็คือจันทรา แม้ว่าจะพึ่งรู้จักชื่อเรียงนาม ยังหาได้สนิทสนมกัน “เอ้า !! แล้วไอ้คนที่ชื่อ เอ่ออ….จันทง จันทรา ไปไหนวะ ?” เมื่อมองหาไม่พบ เถ้าแก่ไท่เฟิงจึงมุ่งเป้ามาที่นายโลมเมฆ โดยที่พ่อนิลก็หันมามองพร้อมเถ้าแก่ไท่เฟิงด้วย “ไอ้เมฆ มันไปไหน มึงรู้ฤาไม่วะ ?”
“เอ่อ….เห็นบอกว่าจะออกไปข้างนอกสักพัก แล้วจักกลับมาพี่เฟิง ฉันรู้แค่นี้แหละพี่”
“เร็ว ๆ ก็แล้วกัน จะยามหนึ่งแล้ว แขกจะเริ่มมาเรื่อย ๆ เตรียมตัวกันให้พร้อม” ไม่วายเถ้าแก่ไท่เฟิงพูดจบ พ่ออกใหญ่ก็เดินดุ่ม ๆ ไปนั่งตรงโต๊ะไม้ตั้งพื้น จันทรามองลอดผ้าม่านออกมา และต้องรีบปิดม่านกลับทันที เมื่ออีกฝ่ายเหมือนหมายใจจะอยู่ที่นี่ เพราะเริ่มสงสัยตั้งแต่ชื่อแล้ว
ไอ้เหี้ย แม่งไม่กลับไอ้สัสเอ้ย เจอหน้ากูจะโดนลากกลับไปฆ่ามั้ยวะเนี่ย….
“อ้าวพ่อนิลไหนบอกไม่ชอบมาที่ไหน ฉไหนจึงเดินดุ่มไปนั่นเลยล่ะ”
“เรื่องของกู ทำไมวะ กูจักเป็นแขกบ้างไม่ได้บ้างฤา หะ ?” พ่ออกใหญ่พูดพร้อมเล่นลิ้นเล่นหน้าจนอีกฝ่ายต้องหลุดพูดบางอย่างออกมา
“หลายปีก่อนมึงกับกูยังนอนเล่นเพื่อนเล่นสวาทตำน้ำพริกด้วยกันอยู่เนือง ๆ เดี๋ยวนี้ริคิดจะลองอะไรใหม่ ๆ แล้วล่ะสิ เพื่อนกูไม่ธรรมดาว่ะ เจ้าข้าเอ้ย เจ้าข้าเอ้ย เผิงโหย่วกู” พ่ออกใหญ่ไม่ตอบอันใดกลับไปนอกจากยิ้มมุมปากและมองไปที่กาน้ำชา
เมื่อเจ้าจัน พ่อเมฆและสองคู่หู เทียนหนานหลินหยางได้ฟังเรื่องเล่นเพื่อนเล่นสวาท ตำน้ำพริก หรือที่เรียกว่า ผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกันโดยการชักว่าว ทำให้อึ้งตะลึงตะลานหน้าแดงจนเก็บอาการกันไม่อยู่ นายเมฆหรือเหม่ยชิ้นเอาผ้าที่โพกเอวบาง ๆ สีขาวมาปิดหน้า ส่วนสองคู่หูกระแทกไหล่และหัวชนกันจนต้องเกาหัวเพื่อบรรเทาอาการเจ็บจากการกระแทก
“อะฮึ่ม ! ทำงาน !! โน้นแขกมาแล้วเห็นฤาไม่ ?!” เถ้าแก่ไท่เฟิงใช้หน้าแทนมื้อชี้ไปเมื่อมีแขกผู้ชายหุ่นล่ำบึกเริ่มเดินเข้ามา ก่อนจะเดินขึ้นชั้นสามของจวนโรงน้ำชาไป
ไม่รอดแน่กู ยังไม่กลับด้วย แขกก็เริ่มมา…..
ยามหนึ่ง……
“ไอ้เหี้ยเอ้ย… ยังไม่กลับทำไงดี….” จันทราพึมพัมเบา ๆ อยู่บนเตียงที่มีม่านคลุมเอาไว้ อีกคนก็ยังคงนั่งจิบชาที่เหม่ยหยินหรือนายเมฆกำลังชงให้พลางส่งสายตาว่าจะทำยังไงต่อไป
ฝ่ายพี่นั้นนั่งอยู่เหมือนก้อนหิน ตาทมิฬเฝ้ารอน้องที่ตัวหมาย
ยามหนึ่งแล้วทำไมน้องไม่ย่างกร่าย กระวายใจหนักหนารู้ไม่ฤา (พ่อนิล)
(จันทรา) หากไม่กลับกูทนต่อหาไหวไม่ เอาวะไอ้จันทราอย่่าต่อยื้อ
ออกต้อนรับขับสู้รบปรบมือ ใต้สะดือกูคืนนี้คงบรรลัย
“เอาวะ แผนต้อนรับขับสู้ต้องมาละ แข็งยิ่งกว่าหิน ไม่ไปซักที” เมื่อจันทราคิดดังนั้น จึงใช้เวลาทำใจอยู่นานสองนาน ในที่สุดจึงตัดสินใจแหวกม่านออกไปด้วยสองมือ นายเมฆที่กำลังปรนนิบัติให้ความสุขารมณ์และพลางกำลังส่งสัญญาณก็เปลี่ยนเป็นตกใจจากการกระทำของจันทรา แก้วที่กำลังจะรินน้ำชาได้ตกลงพื้นเสียงดังกระทบจนพ่อนิล พ่ออกใหญ่หันมองนายเมฆ ก่อนจะมองผู้เป็นน้องจันทราที่ยังคงเครื่องประทินผิว และดอกไม้ที่ทัดหูยังคงมีกลิ่นหอมไม่เหี่ยวห่อ
“นั่งอยู่นานสองนาน รอใครอยู่ฤา….”
ไม่ใช่กู เสียงอ้อนออเซาะเกิ้น !!
พ่อนิลสะดุ้งลุกขึ้นมองจันทราตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้าที่ทั้งคู่เปลือยท่อนบนเห็นร่างกายกำยำสันทัด แต่ต่างกันตรงที่ท่อนล่างของเจ้าจันบางมากจวนจะเห็นธานีศรีเวียงแหล่ไม่แหล่
“ทำไมทำหน้าเยี่ยงไหน ไม่เอานะ ไม่เอา ๆ คืนนี้อยากได้น้ำชาแบบกล่มกล่อมหรือเข้มข้นจนอนไม่หลับฤาขอรับ” จันทราค่อย ๆ สอดมือข้างขวาไปที่คอที่มีเส้นเลือดปูดโปน มือข้างซ้ายค่อย ๆ ลูปไล้ตั้งแต่หน้าอกสองก้อนใหญ่ แวะพักที่ยอดเนินเขาไกรลาศทั้งสองข้าง เขี่ยจนอีกฝ่ายที่กำลังหน้างงงวยพร้อมสายตาไม่พอใจแปรผันเปลี่ยนเป็นพ่อนิลหลับตาทั้งสองข้างแต่ยังสามารถมองเห็นน้องนายตรงหน้าได้ ริมฝีปากส่งเสียงซี๊ดครางในลำคอเบา ๆ เพิ่มความราคะกำหนัดในตัวให้ลุกโชนวาวโรจน์ จรดมือซ้ายของเจ้าจันลูปสันคลื่นสวยที่มีขนอยู่รำไร
พ่อนิลไม่พูดอะไรต่อมา พักมือจันทราข้างซ้ายออก พร้อมมองด้วยใบหน้าที่ยังคงงงงวยและดุไปพร้อมกัน แต่อีกฝ่ายก็แสดงได้แบบไม่ได้เกรงกลัวอันใด
“ได้…!!!” พ่อนิลไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มตัวของจันทราด้วยมือข้างขวาข้างเดียวแนบตัวและเดินยังริมระเบียงที่บัดนี้ คนกำลังเดินสัญจรมากมาย แสงโคมไฟโดยรอบเขตพวกจีนสว่างไสวแต่ยังแพ้แสงแห่งจันทราดวงกลมโตบนท้องฟ้า
ระบมแน่กูคืนนี้…..ตายเลยได้มั้ยกูจะได้ตื่นอน กูคิดถึงบ้านกูแล้ววววววว
แกร๊ก !!!
ผ้าบางสีขาวของจันทราถูกฉีกขาดออกอย่างไม่ปราณี อกใหญ่จับตัวของเจ้าจันให้นอนเป็นท่าแคทคาวหรือท่าน้องสุนัข เมื่อผ้าสีขาวบาง ๆ ที่ยั่วยีราคะนั้นขาดออกไปกองบนพื้น อกใหญ่จึงถอดโจงกระเบนออกอย่างคล่องแคล่วเหมือนมีประสบการณ์มาหลายร้อยถ้วน จันทรารู้สึกถึงปลาชะโดยักษ์อสุราที่ฟาดลงบนก้นอย่างเร็วถี่แระแรง แต่ก็ยังมีหยาดน้ำทิพย์อ่อน ๆ หยดย้อยออกมาจนติดก้นโค้งสวย
เป็นไงเป็นกัน ฮืออ กูมีวีรกรรมเอาไปเล่าให้ลูกหลานฟังได้เลย ถ้ากูยังไม่ตายก่อน
ในเวลาต่อมา อกใหญ่โค้งตัวไปกอดเจ้าจันทราขณะเจ้าจันกำลังนอนท่าน้องสุนัข พร้อมกับพูดด้วยเสียงแหบพร่าที่หูข้างซ้ายว่า
‘รู้ฤาไม่ ว่าโคมไฟแลดวงกัษษากรที่ว่าส่องสว่างในยามราตรีนั้น ก็หาเทียบสู้เคียงน้องจันทราโฉมงามของพี่นิลหาได้ไม่….’
เหี้ยยย คนรุ่นก่อนทำไมมันคารมณ์สุดโต่งแบบนี้วะ เขินนะเว้ย… มาพูดเหย้าแหย่กันแบบนี้ !
“ปากหวานแต่แอบง้าวแทงอกน้องล่ะสิไม่ว่า….”
โต้เก่ง….. หึ้ยยยยยยย !!
อกใหญ่ค่อย ๆ ลูบไล้ที่แผ่นหลังที่โค้งสวยเพราะเจ้าจันออกกำลังกายมานาน จึงคงรูปเอาไว้ ริมฝีปากของอกใหญ่ประกบจุมพิตลงบนแผ่นหลังหลายจุดไว้อย่างนิ่มนวลสลับรุนแรงไปพรางกัน มือใหญ่หนาที่มีเส้นเลือดปูนโปดค่อย ๆ เขี่ยยอดเขาไกรลาศของจันทราจนร้องเสียงหลงดังสนั่นจนคนในจวนที่อยู่ข้างล่างมองขึ้นมาและชั้นสองกับประชาชีที่เดินสัญจรผ่านมองรวมเด่นเป็นศูนย์กลาง จันทราเขินจนใบหน้าแดงผสมแสงสีนวลซีเปียจากโคมไฟสีนวลจาง ๆ แสงจากดวงบุหลันที่ส่องมา จนผิวของจันทราขึ้นเป็นสีนวลทองคำจาง ๆ มือหนาเลื่อนมาเรื่อย ๆ ผ่านอุทรที่เป็นลอนสันคลื่นจนมาถึงปลาช่อนตัวใหญ่ที่สู้ชะโดของคนพี่ที่คล่อมอยู่หาเทียบได้ไม่ หน้าอกอุรายังพอเถียงโต้ได้ แต่ส่วนนี้ต้องยอมศิโรราบแต่โดยดีเสียจริง
มือหนาจับน้องปลาช่อนของเจ้าจันที่บัดนี้นั้นแข็งใหญ่ปูดเต็มที หยาดทิพย์เบาเยิ้มมือคนพี่ คนเป็นพี่มีเล่ห์กลอุบายโดยการเอาหยาดน้ำทิพย์เบาอันนั้นไปลูบไล้บริเวณหัวปลาช่อนและบิดบริเวณปลายหัวจนอีกฝ่ายต้องรอขอชีวา
“อ๊า….หยุด !! พอแล้ว ฮ่า อ๊าา อ๊าาา” เมื่อเสียงครวญครางจากอีกฝ่ายเริ่มร้องออกมา อกใหญ่จึงอ่อนโยนปล่อยลง ทันทีทันใดนั้น !! อกใหญ่ก็หยิบจับลูกชายนามปลาชะโดใหญ่อสุราลงไปในช่องสวาทเสน่หาที่ปิดไม่ยอมให้สิ่งแปลกปลอมทะลายทะลวงลุล่วงเข้าไป
“เอือก อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา อ๋อยยย อาา ” อกใหญ่ยิ้มเล่ห์ร้ายใส่จันทราเมื่อเสียงกรีดครางดังลั่นขึ้น นายเมฆ คู่หูเทียนหนานหลินหยาง และนายโลมฝ่ายเหย้านคนคนอื่นตาค้าง หน้าแดง บ้างก็ซุบซิบแซว บ้างก็เอามือทาบหน้าอก เพราะท่วงลีลาท่าทำนองการสวาทกายสัมพันธ์นั้นเป็นเอกลักษณ์
จังหวะการเด้งเอวของพี่อกใหญ่ค่อย ๆ เริ่มจากนุ่มนวลให้น้องนายปรับอารมณ์แลวอร์มอัพก่อนจะค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้นที่มากกว่าเมตรต่อวินาทียกกำลังสองในสูตรฟิสิกส์ เสียงร้องเคล้าคลอไปกับจังวะเอวที่เสียบดันเข้าและออกเรื่อย ๆ ยิ่งเร็ว สิ่งร้องครางของเจ้าจันก็หลงจนไม่เป็นประสีประสา จนเรียกความสนใจคนบนจวนให้ขึ้นมามอง และผู้คนที่อยู่ข้างล่างมองขึ้นมา บ้างก็เดินหนีบ้าง บ้างก็ยืนดูแบบงงงวย หรือบ้างก็ส่งเสียงให้กำลังใจฝ่ายด้าวเยือนและเหย้านครหรือรุกรับ #นิลจันทรา เมื่อเร่งความเร็วจนถึงขีดจำกัดแล้วก็ตาม แต่ขอบพระทวารก็ยิ่งหนีบรัดบุตรชายปลาชะโดของพี่นิลอกใหญ่ให้รู้สึกมากยิ่งขึ้น
“ทำไมมัน…ยิ่งแน่น….อ๊ะ อ่า….” เสียงหอบเหนื่อยปนเสียงพูดเคล้าเคลือยิ่งเพิ่มราคะรมณ์แก่พี่นิลอกใหญ่มากจนเกินประมาณ
จนกระทั่ง……
กลเม็ดบทสวาทฟาดไม่หวั่น ร้องสนั่นลั่นราตรียามเวหา
ประชาชีถูกมนต์รักดึงดูดมา ร้องอ๊ะอ๋าเคล้าปลุงจนกลมกลืน
จังวะเริ่มถึงจุดหอมปากหอมคอ บัดนั้นก็ได้มือรุกลั่นไกลปืน
หยาดน้ำทิพย์ขจายจรปรายเต็มพื้น เสียงครึกครื้นอื้ออึงทั่วฟ้าดิน
อกใหญ่หยิบผ้าเช็ดขึ้นหลังน้อง นวลอองตองหายังหายราคะสิ้น
ลูกชายน้องยังคงแข็งราวศิขรินทร์ วอนพี่นิลช่วยบรรเทามันออกไป
มือหนาไม่รีรอจับปลาไว้ ปลาอะไรมีน้ำทิพย์หยดขาวใส
โขลกจนให้กำหนัดหลุดพ้นไซร้ ไม่ทันใดน้ำทิพย์นั้นพุ่งสู่ตัว
หลังจากที่พี่นิลอกใหญ่นั้นได้ทำการยิงเครื่องบินสีขาวหลายนัดพุ่งออกไป ก็หาได้ทิ้งน้องไม่ จึงช่วยน้องปลดปล่อยความแน่นระทมที่อยู่ตรงศูนย์กลางกลายให้คลายสิ้นไป หยาดน้ำทิพย์หนักสีขาวกระเซ็นทั่วหลังจันทราจนเหนียวเหนอะ แต่คนเป็นพี่นิลอกใหญ่ที่น้ำทิพย์ของคนเป็นน้องพุ่งไปที่หน้าท้องของพี่จันทรา เพราะพี่นิลอกใหญ่จับจันทรายืนพึงราวระเบียบไม้และขวางหน้าพร้อมโขลกน้ำพริกขึ้นและลง พี่อกใหญ่หาได้เช็ดให้พ้นออกไปไม่ แต่กลับเอามือข้างขวาจับน้ำทิพย์สีขาวที่เลอะเปรอะเปื้อนเต็มท้องหยดหนึ่งขึ้นมาชิมสัมผัสรสชาติจนน้องจันทราขวยเขินหน้าแดง เมื่อเห็นคนเป็นพี่จะช้อนหยดที่สอง จันทราจึงห้ามเอาไว้พร้อมหน้าแดง คนเป็นพี่ยอมศิโรราบฟังน้องแต่โดยดี คุณพี่นิลพิศยลที่ใบหน้าของน้องที่แดงระเรือ จนมีเสียงหนึ่งขัดแทรกจังหวะให้ทลายลง
“ไง ไหนบอกไม่ชอบ ไม่ธรรมดานะมึงอ่ะ ยิ่งกว่าตอนที่มานอนเคียงและตำน้ำพริกกับกูอีกนะ”
“มึงนี่ !!” น้องจันทราเมื่อได้ยินเรื่องราวของพี่นิลกับเถ้าแก่ไท่เฟิงซ้้ำสอง จึงมองใบหน้าของพี่นิลแบบคาดเดายาก จะหึง งอน ก็หารู้ไม่เดินออกไป จนคนเป็นพี่ต้องวิ่งตามน้องไป “ประเดี๋ยวจะไปไหน… รอพี่ก่อน กลับเรือนกับพี่นะ…”
เมื่อรหว่างพ่อแหง่แม่งอนกำลังเริ่มฉุยฉายขึ้นมานั้น นายเมฆจึงไล่แขกและพวกนายโลมฝ่ายด้าวเยือนที่ริอาจขึ้นมาโดยพลกาลลงไป เมื่อเสร็จเพลงรบแล้ว ทุกคนก็ไปทำหน้าที่ และทำสิ่งที่คั่งค้างเอาไว้ต่อไป ประชาชีที่หยุดยืนดูก็สัญจรต่อไปไม่ได้เหลียวกลับหันมองอีก
‘กูยอมแพ้ให้พี่ชายคนนี้ว่ะ ดุกว่ากูอีก’ นายโลมฝ่ายด้าวเยือนพูด
“หลังจากนี้มึงก็จำภาพวันนี้ไว้สิ แขกจะได้บันเทิงสำราญเต็มที่ ไป ๆ ทำงานต่อมึง”
“จันทราไม่เบาเลยนะเมฆ มาเข้างานคืนแรกโฉบแขกได้เลย นี่พึ่งยามหนึ่งเอง…” หลินหยางพูดด้วยสีหน้าตะลานตะลึง “ข้ามองจันทราไม่เหมือนเดิมว่ะพี่เมฆ ฮ่า ๆ ๆ”
“ยังไม่ชินอีกฤ ? ทำงานด้วยกันมานมนาน นอนทับกันกับแขกมากหน้าหลายตาทั้งกรุงศรีฯ จีน แขก ยังไม่ชินอีกฤ ไอ้เทียนกะไอ้หนาน หะ?”
“เป็นเทียนหนาน เทียนหนานก็ตกใจพี่ มาคืนแรกพึ่งยามหนึ่งก็เรียบร้อย หายากนะพี่”
‘ข้าคิดเหมือนสองคนนี้’
‘ช้าก็ด้วย’
‘ข้าก็เหมือนกัน’ ฯลฯ
“เออยอม ๆ ไป ๆ ไปชงชาเตรียมไว้ เดี๋ยวยามสองอาจจะมีแขกก็ได้ ไป ๆ” พ่อนิลใช้มือไล่ปัด ๆ พวกนายโลมรุ่นน้องคนอื่น ก่อนจะมองไปเห็นสองคนนั้นกำลังเหมือนใช้สายตาสู้รัดฟัดเหวี่ยงกันนอกระเบียง อีกคนทั้งกอดแลหอมที่แก้ม อีกคนก็พยายามผละตัวดิ้นหนี
“มาคืนแรกขนาดนี้ ยอมแพ้เจ้าเลย จันทรา….กินอะไรเข้าไป ทำไมดูดแขกได้ขนาดนี้”
.
.
.
.
ในที่สุดก็ได้มีเวลาลงติดต่อกันได้ซักที ตอนนี้ใครที่อายุต่ำกว่า 18 ปี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ ตอนนี้คือจันทราได้งานเป็นนายโลมที่จวนโรงน้ำชา แต่คุณพี่ดั้นมาตามหาถึงที่นี่ จนได้ยินชื่อเจ้าตัวเลยไม่ยอมไปไหน จันทราก็เลยตามน้ำยอมไป จันทราแอบกระซิบมาบอกไรท์ด้วยว่า จันทรายอยู่ฝ่ายรับหรือเหย้านครก็ดีนะ ตอนที่แต่งคือหัวกำลังแล่น คิดภาษาอะไรสวย ๆ มากที่สุดตอนนั้นคือเขียนไว้ก่อนแล้ว ภาพลอยมาเต็มเลย เขินไปเขียนไปตอนแต่ง
นายโลมไม่ได้แต่งหน้าขาวเหมือนกับในหนังหรือซีรีส์ไทยโบราณที่เป็นขันทีหรือพวกพระกำนัลนารีในฝ่ายในหรือวังหลังนะ แต่แต่งหน้าเหมือนทั่วไปเลย เทียบปัจจุบันคือแต่งไม่วอก แค่ปากจะสีฉูดฉาดเท่านั้น ทัดดอกไม้ ไม่ได้เกินงามเครื่องประดับพะรุงพะรังจนเกินไป
ตอนนี้คือจบด้วยการยืนง้อกันกอดรัดฟัดเหวี่ยง รับบทซีนพ่อแหง่แม่งอนที่ระเบียบอีกฝ่ายที่ไม่ใช่จุดเมืองที่เป็นประเทศราชที่ถูกตีแตกไปแล้วนะ แต่เหมือนหลังเสร็จศึกของทั้งคู่ อีกฝ่ายเหมือนกับมาเป็นคนเดิม อีกคนก็ตามก้นไป อีกคนก็ไม่ยอมให้ถูกตาม เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
TBC >>>
ลงเมื่อวันที่ 05 / 07 / 2564 เวลา 02.12 น.
แก้ไขครั้งที่ 1 : ยังไม่มี
__________________________________________________________
ฝากติดแฮชแท็กน้อย ๆ ในทวิตเตอร์ด้วยนะครับ
#อีกตัวตน มาพูดคุยมโนสาเร่กัน
ไรท์จะเปิดแท็กอ่านตลอดเรื่อย ๆ นะครับ ทุกคำติชม คำวิจารณ์ทุกคำไรท์จะเก็บไว้พินิจพิจารณาทุกคำนะครับ และรบกวนไม่ใช้คำหยาบคาย หรือคำด่าทอที่หยาบคายนะครับ
นามปากกา : SriRunhn (ศรีรันหณ์)
Twitter : teerarunhn
E-mail : teerapatthanakit@gmail.com (ติดต่องาน)
Facebook and Instagram Fanpage : SriRunhn
อ่านวันละนิด ลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้นะ =)
ความคิดเห็น