คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 第SECRET集 |บทอัศจรรย์(เท้าความจากตอนที่แล้ว)
// บันทึกเหตุของนิล //
ในคืนนั้น เป็นข้าเสียเองที่นอนไม่หลับเสียทั้งคืน ต้นสายเหตุหาใช่สิ่งใดไม่ ก็คือเหตุตอนกลางวัน ที่ข้าเกือบจะปลิดชีวิตคนคนหนึ่งไปเสียแล้ว คนนั้นเป็นใครไปมิได้ ก็คือ…
น้องจันทราของพี่….
ข้าตกอึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีชายนิรนามคนหนึ่งปรากฏกายละเอียดขึ้นมา ตัวกายละเอียดสีทองคำ เปล่งแสงโชติมาตรที่ไม่ได้สะท้อนแสบทรวงนัยน์ตาไปเสียมาก เขาพูดราวกับว่า น้องจันเป็นคนที่มาจากแดนไกล หาใช่ไส้ศึกหนอนบ่อนทำลายธานีศรีรามเทพนครไม่ เรื่องนั้นหลังจากที่ข้าเดินมึนตึงเดินเข้าห้องหอนอนไป ก็คิดมากจนปวดหัวราวกับใครเอาหินมาทุบหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนข้าสามารถตั้งสติได้ตอนเพลาโพล้เพล้
ข้าได้อาบน้ำบนท่าที่ยืนออกมาจากตัวเรือน มองไปยังเรือนทาสไกลห่างออกไป ป่านนี้น้องจันทราของพี่จะรู้สึกอย่างไร เผลอเรียกน้องด้วยคำหยาบคำคายที่หาดูได้ไม่ พูดจาโดยไร้สติ แต่ก็แปลกพิกล ทำไมก่อนที่น้องจันทราจะมาอยู่เรือนนี้ ข้าเป็นคนไม่ค่อยอารมณ์ร้อน หงุดหงิดโกรธา ก็ไม่ระเบิดรุนแรงจนวินาศสันตะโรจนพวกทาสคนอื่นมายืนมุงพูดครหานินทาเสียงเบา ๆ ข้างล่างเรือน แม้ข้าจะไม่ได้ลงไปดูก็ตาม
พระจันทร์กลมเกือบเต็มดวงลอยอยู่กลางหัว นี่ยามสองแล้วฤา… ทำไมข้ายังลุก ๆ นอน ๆ อยู่บนเตียงตั่ง นัยน์ตาแม้จะปิด แต่หัวจิตหัวใจมันมันร้อนรุ่มต้องการหาคำตอบเรื่องเมื่อตอนกลางวันเสียอย่างนั้น
ทันใดนั้น….
ชายคนเดิมที่มาในกายละเอียด ข้าไม่รู้เป็นพวกผี วิทยากรมายาวิน หรือพวกแมนสรวงบนสวรรค์วิมานชั้นฟ้า ก็หารู้ไม่ แต่ข้าก็หาได้มีความกลัวกับชายกายละเอียดตรงหน้าไม่ เขาพูดอย่างเดิมว่า น้องจันทรามาไกลมาก จนข้าต้องถามออกไป ไกลคือไกลถึงพวกเมืองฝรั่งมังค่า หรือแค่เชียงใหม่กันแน่ ชายกายละเอียดผู้นั้นหายอมตอบออกมาใหม่ ข้าโวยวายจนขาดสติออกไป ทำไมข้าอารมณ์ร้อนรุ่ม ใจวาวโรจน์ขนาดนี้กันแน่…
เมื่อข้านั้นกำลังโวยวายระบายเตโชพ้นไปในใจ อยู่ดี ๆ ชายกายละเอียดผู้นั้นก็เดินไปตรงทวารหน้าต่างเรือนที่ลมเข้าโชยหวิว ๆ ชายกายละเอียดผู้นั้นเรียกข้าให้ไปยืนตรงทวารหน้้าต่าง พร้อมบอกให้ข้ามองไปยังดวงบุหลันสุดาที่ลอยกลมจวนเต็มดวงแหล่ไม่แหล่ พร้อมกับให้ข้าผูกพันธะสัญญาระหว่างเขากับดวงบุหลันดวงนั้นว่า
ถ้าเขายอมบอกทุกอย่างเกี่ยวกับจันทรา ข้าจะต้องห้ามระบายโทสะหรือความกังขาหวาดระแวงกับน้องจันทรา ข้าจำต้องเข้าใจน้องจันทรา เมื่อเขาสั่งให้ข้ามองไปยังดวงบุหลัน มองไปหานานไม่ ตัวข้าก็เหมือนถูกดูดม้วน ผ่านลมผ่านฝุ่นราววิมานวิโรจน์ จนเมื่อตัวข้ายืนได้ ข้าก็ได้เห็นบ้านเห็นเมืองที่ดูผิดแผลกแปลกตาไปจากกรุงศรีฯ อย่างมาก บ้านเมืองทีนี่สัญจรด้วยการเดินบ้าง คนไปนั่งอยู่เรือที่มีล้อ…. ข้าก็หารู้ไม่ มีอะไรที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมเป็นแท่งยาว ๆ รำไร มีต้นไม้สองช้างทาง จนข้าเหลือบไปสังเหตุหอห้องหนึ่ง แผ่นป้ายนั้นเขียนว่า
DARK AREA BAR
ไม่รู้ว่าเขียนถูกฤาไม่ แต่ภาษานั้นก็หาได้อ่านออกไม่ แต่มันก็มีแสงสีและดนตรีตำนองเร็ว ๆ ประหลาด จนอยากระส่ายตัวเต้นระบำออกมา แต่ต้องเก็บงำอาการนั้นเอาไว้แลเดินเข้าไปสถานที่นั้น…
สถานด้านใดเต็มไปด้วยผู้คน ที่ซึ่งแต่งตัวคล้าย ๆ กันคือเสื้อผ้าผิดกับที่ข้าใส่ แต่ผิดตรงที่นี่ มีแต่ผู้ชายหุ่นกายกำยำล่ำสันเยี่ยงข้า น่าจะเหมือนกับโรงน้ำชา โรงเหล้า คนที่นี่หาได้มีใครมองเห็นข้าไม่ จึงไม่ต้องระแวงกังวล ข้าเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนมุมมืดที่แสงไฟเริ่มน้อย จนเห็นเป็นบุรุษชายสองคนกำลังนั่งคุยกัน ข้าค่อย ๆ ใช้สายตาเพ่งพินิจพิศมองออกไป
น้องจันทรา กับ…..
ไอ้ไท่เฟิง ทำไมมันมาอยู่ด้วยกันได้…
เสียงในใจประเดประดังซัดเข้ามาในกายจนเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น นั่นก็คือ บุรุษกายละเอียดคนนั้น
เขาบอกว่า นี่คืออนาคตสองร้อยห้าสิบเก้าปีถัดมา เมืองจันทบูร…..
ข้าตะลึงตะลานกับคำตอบที่มีเสียงแต่ไม่ปรากฏรูปออกมา จนนึกได้ว่าทำไมคนถึงแต่งตัวแปลก ๆ นี่ขนาดแค่หัวเมือง บ้านเมืองเปลี่ยนไปขนาดนี้ ข้าเองก็ไม่ใช่คนหัวโบราณ พลางนึกไปว่า ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่ผิวคนยั่งเหี่ยวย่นได้เลย ใยบ้านเมืองจะหาเปลี่ยนแปลงมิได้ หาต้องเทียบกับใคร ตอนข้ายังเยาว์หนุ่นผิวยังนุ่ม พออายุมากขึ้น ผิวก็เริ่มคล้อยลงไปบ้าง แต่ไม่มาก เพราะฉนั้น….
สองร้อยปีผ่านไป บ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี หามีเรื่องเสียหายไม่….
พวกความเชื่อ หรือ ข้อปฏิบัติธรรมเนียมที่มันโบราณก็เอาออกไปบ้าง ไม่ใช่ยังยึดถือกันอยู่ คิดแล้วก็โมโหบ้านเมืองตัวเสียจริง เดชะบุญที่พ่อแม่ข้าไม่ใช่พวกโบราณกินเส้นเลือด…..
เขายังบอกกับข้าอีกว่า คนที่หน้าละม้ายคล้ายไอ้ไท่เฟิงนั่นคือพี่ที่จันทรารู้จัก ข้าได้รู้จักจันทรามากขึ้น จันทราเป็นนักเขียนนิยาย…หรือคนเขียนบทประพันธ์ มิน่าทำไมการใช้ภาษาถึงแปลกตาแปลกใจเป็นอันมาก บ้านเมือง ภาษาย่อมเปลี่ยน ลายมือจันทราหาได้ฉวัดเฉวียน แต่เป็นลายมือธรรมดาที่อ่านง่าย ถ้าข้าเขียนหนังสือคงตวัดชนกัน ไม่รู้ว่าถ้าจันทราได้ยลอ่าน จะเช้าใจฤาไม่….
‘เจ้าไม่ได้รู้จักจันทราอย่างดี เจ้าคิดตัดสินใจเจ้าจันทราไปเองว่าเป็นพวกหนอนไส้ศึก โดยที่เจ้าก็เห็นว่าจันทราก็เขียนหนังสือได้เหมือนเจ้า ภาษาเขียนก็ภาษาของกรุงศรี เพียงแค่ต่างไปบ้างก็เท่านั้น’
‘เพราะฉนั้นอย่าตัดสินใครที่ภายนอก ถ้ายังไม่รู้จักคนผู้นั้นดี จะรักใครเกลียดใคร คิดให้รอบคอบระเอียดอ่อน บางครั้งคำพูดแค่คำหนึ่ง อาจจะทำให้คนหนึ่งรังเกียจเดียดฉันท์ไปตลอดชั่วชีวา แม้ตายแล้วก็หาได้คืนดีกันไม่….’
‘ภพทิพย์ตรงหน้าคือบ้านเกิดเมืองนอนที่จันทราย้อนหวนผ่านม่านหมอกจากมาจริง ข้าหาได้ปรุงแต่งจนเกินจริงไม่ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจันทราเพียงเท่านั้น ยังไม่ใช่ทั้งหมด’
เมื่อสองสามประโยคนั้นได้สะท้อนเข้ากรรณโสต ตัวของข้าก็ถูกสูบดูดกลับไปที่ที่จากมา จนมายืนพิงริมทวารหน้าต่าง ปวดหัวจับจิตหนักกว่าเดิม เมื่ออาการปวดหัวหายพ้นสิ้น ข้าก็มองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว รู้สึกแค่สายพระพายพัดผ่านหน้าเย็น ๆ แต่จับจิตมากกว่าเดิม จนข้าต้องมานั่งเขียนหนังสือหนังหาได้จวนจะแผ่นที่สามแล้วตอนนี้
.
.
อรุณเบิกฟ้า ดวงไถงยกตัวขึ้นจากขอบนภากาศ หลังข้าอาบน้ำ พ่อไม้ก็ยกสำรับมาวางไว้ทันทีเหมือนเช่นทุกวัน หลังจากอาบน้ำขัดเนื้อขัดตัว ใส่น้ำหอมกลิ่นใบชาซื้อมาจากตลาดจีนที่ใช้มานมนานยังไม่หมด เพราะมันใช้แค่เพียงละอองฝอยเดียว ก็หอมติดทนนาน หลังจากทานสำรับข้าก็เตรียมตัวจะไปที่โรงเก็บกระดาษ เพื่อเตรียมตัวจะไปส่งกระดาษ คนในกรุงศรีคนเขียนหนังสือถึงแม้จะมีน้อย แต่ก็มากมายกว่าหัวเมืองแลเมืองหน้าด่าน
ข้าไม่ชอบนั่งเป็นคางคกนั่งบัลลังก์แลสั่งนู้นนี่ แม้ข้าจะเป็นนาย หาใช่บ่าวก็จริง แต่การเป็นนายคนอื่น จะหามีแค่พระเดช สั่งการบัญชาความอย่างเดียวก็หาเป็นนายที่ดีไม่ การที่คนเราจะเป็นเจ้าคนนายคนนั้น เราจะต้องมีทั้งพระเดชแลพระคุณ นั่นก็คือ เข้าใจบ่าวไพร่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มองบ่าวไพร่เป็นบ่าว เพราะบ่าวไพร่ก็เป็นมนุษย์เดินดินเยี่ยงข้า เพียงสถานะที่บ้านเมืองมันกำลังกดชี้คนพวกนี้อยู่เท่านั้นเอง…..
ช่วงเพลาสาย ข้ากลับเข้ามาตรวจสอบบาญชีทรัพย์สินอีกคราที่ตั่งยกสูงอยู่กลางเรือน ก่อนจะเดินลงจากเรือน ครั้นถึงทวารประตู ข้าจำต้องหยุดเพราะเห็นเหมือนพ่อไม้กำลังพาพ่อจันทราที่หอบถุงผ้าเดินไปที่เรือที่จอดเทียบลอยอยู่ท่าน้ำหน้าเรือน พ่อไม้กับน้องจันทราหันมามองข้าที่ยืนมองทอดออกไป ก่อนทั้งคู่จะไม่หันกลับมาอีก โดยเฉพาะน้องจันทราที่เบือนหน้าไปอีกฟากฝั่งจากฝั่งเรือนข้า ตอนนี้ข้ารู้สึกเสียใจ ไม่พอใจ ละอายใจ หลากอารมณ์ประเดประดังปนเข้ามาคุกรุ่นในทรวงอก ก่อนจะเดินลงไปทำงานทำการต่อเหมือนเช่นเคย…
//บันทึกเหตุของจันทรา//
ไม่รู้เหตุใดทำไมถึงตัดสินใจทำอะไรน่าตื่นเขินแบบนั้นออกไป อีกอย่างคือกูก็พึ่งรู้ว่าพ่อนายแม่งชอบชายด้วยกัน เคยนอนกับเถ้าแก่จวนโรงน้ำชาทำเรื่องพรรค์นั้น และกูก็เสียตัวให้เขาในคืนนั้น ไม่รู้เหตุใดทำไมกูถึงยอม ตอนแรกกูอยากจะให้แค่ยั่วโมโหหรือยียวนก็เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าคืนนั้นจะต้องระบมร้าวฉานไปทั่วตัว ทั้งลีลา ท่วงท่า จังหวะทำนอง แม่งจะบอกว่า รู้สึกดีมาก ๆ แม่งฟีลกู๊ด กู๊ดไวบ์แบบพูดไม่ออกไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมากูก็ได้แค่ถูไถแกนกลาง ไม่เคยเสียเอกราชให้กับใครเลย…..
นอกจากนั้นคราวนี้ก็แปลก เรียกกูว่าน้องจันทรา แต่ทำไมกูรู้สึกหวั่นไหวสั่นระรัวไปหมด ไม่รู้ว่าไอ้ผู้ชายทิพย์คนนั้นมันไปพูดหรือบอกอะไร กูก็ยอมรับว่าเสียใจนะที่แบบที่เขารู้จักกูน้อย แต่มันก็นะ มันพึ่งพ้นสงครามไป บ้านเมืองคราวกลียุค มันก็ไม่แปลกที่เราจะไว้ใจใครหาง่าย
ก็นะ…. รู้สึกหวั่นไหวไปแล้วอ่ะ รู้สึกดีด้วยแล้ว พ่อนายจะรู้สึกดีมั้ย
หรือมันจะเป็นความรักระหว่างนายและบ่าวต่อไปก็ไม่รู้
จะลองแต่งกลอนไปเกี้ยวพ่อนายดูดีกว่า
แต่ตอนนี้ของอนก่อนเว้ย แม่ง ดีนะไม่โดนเฆี่ยนไปมาก หนังที่หลังยังแค่มีเลือดรำไร จนเป็นรอยแผลระบมปนสะเก็ด หึ !! พ่อนายนะพ่อนาย….
พ่อเมฆเหม่ยหยิน หลินหยาง และเทียนหนาน ถึงจะเจอกันแค่ไม่ได้วันเดียว ทำงานเป็น sex worker เรามองว่า เขาก็มีความสุขกับงานของเขา ไม่เคยไปทำร้ายทำลายอาชีพหรือคนอื่น ๆ เลย ทุกคนก็ไม่ใช่คนเลวหรืออะไรเลย พวกผู้ชายที่เป็นรุกอยู่ชั้นล่าง ก็แซวไปตามประสารุก
ถ้าเป็นไปได้ ก็มีแผนอยากจะทำให้คนในพระนครที่ไม่ชอบมาเที่ยวซ่องหรือสถานที่แบบนี้ ให้เลิกเปลี่ยนความคิด ไม่ต้องทั้งหมดในพระนครก็ได้ แต่อยากจะให้มีใครซักคนเข้าใจจริง ๆ
ว่าแต่….
‘ผู้หญิงสองคนนั้นที่ชอบพายเรือ แล้วเห็นผู้ชายอยู่บนเรือแล้วจับจิ้นกัน สาววายแห่งกรุงศรี ถ้าเขาสองคนมีความคิดอุดมการณ์เดียวกันกู กูอาจจะให้เขามาร่วมแผนด้วยดีกว่า…’
**คุยกับไรท์**
ตอนนี้คือเป็นเหมือนคล้าย ๆ ไดอารี่หรือไม่ก็จดหมายเหตุที่แต่ละคนรจน์บันทึกลงไป โดยจันทราเนี่ยมีแผนจะปลุกระดมรวมตัวกันให้พวกนายโลม พ่อเมฆ หลินหยาง เทียนหนานและคนอื่น ๆ ในจวนน้ำชานั้น ให้คนกรุงศรีฯ แท้ ๆ เปลี่ยนความคิดไปไม่มากก็น้อย ซึ่งไรท์คิดว่า ขนาดยุคเรา เราออกมาคอลเอาท์เรื่องความเป็นมนุษย์ หรือพวกเรื่องพรรค์นี้ แต่ผู้ใหญ่ หรือองค์กรเขาไม่เปิดรับ โดยเฉพาะ คนทำอาชีพ sex worker ที่โดนดูถูก มองว่า คนเป็นเกย์แล้วนัดไปมีอะไรกับใคร จะเป็นเอดส์ทุกคน คือตอนนี้ มันมีวิธีการป้องกัน มีความรู้หลากหลาย คนที่เป็นผู้หญิงขายบริการ เป็นพวกแพศยา พวกแหกส่วนนั้นให้ชาวบ้านไปทั่ว นิสัยไม่ดี ทั้งที่ความคิดจริงทุกวันนี้ ไรท์ได้เห็นความคิดของคนทำงานขายบริการ ความคิดยังดีกว่าคนที่ทำอาชีพที่มีเกียรติพรรค์นั้นอีก….
แก่นเรื่องที่ไรท์มักจะเน้นเสมอในนิยายเรื่องนี้คือ อย่าตัดสินใครที่ภายนอก อาจจะไม่ใช่ในเรื่องของ sex worker แต่เป็นในเรื่องอื่น ๆ เช่น การแต่งกาย หน้าตา ร่างกาย ฯลฯ ด้วย
ป.ล. ไรท์อยากให้คนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ได้ซึมซับข้อคิดดี ๆ ความคิดใหม่ ๆ แต่ว่าถ้าไรท์มองว่า ข้อคิดที่ไรท์พิมพ์นิยายลงไปมันไม่ถูกต้อง หรือมันไม่สมเหตุสมผล ก็สามารถคอมเม้นท้วงติง ทักมาในเฟสบุ๊คแฟนเพจ อินสตราแกรม หรือตั้งแท็กในทวีตกันได้เลยนะ
TBC >>>
ลงเมื่อวันที่ 11 / 07 / 2564 เวลา 11.13 น.
แก้ไขครั้งที่ 1 : ยังไม่มี
__________________________________________________________
ฝากติดแฮชแท็กน้อย ๆ ในทวิตเตอร์ด้วยนะครับ
#อีกตัวตน มาพูดคุยมโนสาเร่กัน
ไรท์จะเปิดแท็กอ่านตลอดเรื่อย ๆ นะครับ ทุกคำติชม คำวิจารณ์ทุกคำไรท์จะเก็บไว้พินิจพิจารณาทุกคำนะครับ และรบกวนไม่ใช้คำหยาบคาย หรือคำด่าทอที่หยาบคายนะครับ
นามปากกา : SriRunhn (ศรีรันหณ์)
Twitter : teerarunhn
E-mail : teerapatthanakit@gmail.com (ติดต่องาน)
Facebook and Instagram Fanpage : SriRunhn
(อยากติดตามสามารถติดตามได้นะ ไรท์จะคอยเอาไว้อัพเดตเกิดเมื่อนิยายไรท์ถูกตีพิมพ์หรือทำเป็น e-book นะครับ เอาไว้คอยรับข่าวสารเกี่ยวกับไรท์และนิยาย)
อ่านวันละนิด ลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้นะ =)
ความคิดเห็น