ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อีกตัวตน

    ลำดับตอนที่ #2 : 第二集 | หน้าใหม่ที่น่าสงสัยของพี่อกใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 64


    .

    .

    .

    .

    สายพระพายพัดปลิวกายไหวสั่น วิ่งสนั่นคลุกป่าผ่าดงนั้นเคยไม่ 
    หนทางเข้าสู่ราชเขตค่อนข้างไกล เหตุฉไหนเกิดอะไรไม่ทันเรียง

    ผ่านไปเป็นเวลานานชั่วขณะ คุณพี่นิลจับมือน้องจันทราวิ่งป่าผ่าดงนอกเขตกรุงศรีอยุธยา ระยะทางจากป่าจนถึงพระนครเขตนั้นไกล คนพี่นั้นไม่มีสีหน้าเหนื่อยหอบสำแดงออกมา แต่คนน้องที่อยู่ชุดนอนสีดำเปลือยกายหยาบท่อนส่วนบนที่เรือนกายกำยำคล้ายพระเอก แต่ก็หอบเหนื่อยหน้าแดงเกินประมาณ ระหว่างทางทั้งสองคนวิ่งฝ่าทั้งลูกปืนและพวกทหารฝั่งอังวะเป็นพัลวัน เสียงปืนใหญ่สนั่นก้องไปทั่วป่าจนถึงเขตพระนครเมืองเอก ตอนนี้คุณพี่นิลนั้นวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าเรือนที่กำลังมีพวกข้าทาสบริวารกำลังวิ่งวุ่นอลหม่าน มีวิ่งชนล้มกลิ้งเสมือนส้มจำนวนมากกลิ้งตกลงมาก็ไม่ปาน ทิ้งให้น้องจันทรายืนงวยงงปนหอบเหนื่อยอยู่ชั่วพักหนึ่ง แต่ไม่นานคุณพี่นิลก็จับมือน้องไปที่ไหนสักแห่งหนึ่งในเรือนใหญ่

     

    เรือนออกญามหาสุริยง

    ที่ที่คุณพี่นิลนั้นพาไปคือ เรือนทาสที่ว่าง เป็นเรือนที่มุงด้วยใบจากที่ถูกตากแห้งจากสีเขียวในป่าชายเลนเป็นสีเหลืองอมทอง แตกต่างจากเรือนไทยไม้ประณีตสีน้ำตาลแดงเงาตรงหน้าที่เขาได้ยลเมื่อชั่วประเดี๋ยวประด๋าว

    “คุณจะพาผมไปไหน ทำไมไม่ฆ่าผมเสีย !”

    “ข้าคร้านที่่ฟังคำพูดหมดอาลัยตายอยากของเอ็งแล้วว่ะ ! หุบปากเก็บคำเสีย ไม่ต้องพูดมา เข้ามาที่หลบที่นี่ก่อน !”

    ‘จำคำข้าไม่ได้เหรอ ว่าถ้าอยากจะตื่นตากจากฝันต้องตายแบบไหน จันทรา…’

    เออ รู้แล้ว !! ; เขาตอบกลับไปในใจ ทันที่มีเสียงทิพย์ของเหล่าไสยบุรุษตีขึ้นมาในศีรษะ

    แล้วกูต้องอยู่ในฝันนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันวะ…. 

    คุณพี่นิลจับมือพาจันทราวิ่งมาถึงเรือนทาสเป็นจุดหมายที่คิดเอาไว้ ระหว่างทางที่ข้าทาสบริวารกำลังวิ่งวุ่นเก็บกระดาษ ทรัพย์สมบัติ รวมทั้งปกป้องผู้เป็นนายใหญ่ของเรือนนั่นก็คือ ออกญามหาสุริยง และ คุณหญิงน้ำ บิดรและมาตาของคุณพี่นิลอยู่นั้น ก็ต้องชะงักราวกับถูกมายาวินชั้นวิมานสะกดเอาไว้มาที่สายตาของคุณพี่นิลที่วิ่งจับมือน้องจันทรามาแบบหน้าใหม่

    ผู้ใดกันวะ…

    ทำไมกางเกงทรงแปลก ๆ วะ

    พ่อนายพาผู้ใดมาวะ , พ่อนายคือคุณพี่นิล

    เดี๋ยวมึงไปสืบด้วยนะอีแอบ

    เสียงจอแจระงมเป็นคลื่นความถี่ต่ำดังขึ้นเมื่อผู้เป็นนายและน้องจันทราหน้าใหม่วิ่งผ่านไป เมื่อผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง พวกข้าทาสก็กลับมาวิ่งจอแจวุ่นวายเหมือนโดนคลายมนต์สะกดอีกครั้ง

     

    “พักที่นี่่เสียก่อน สิ้นศึกพระเจ้าอลองพญาแลเสียงปืนใหญ่ดับลง ให้เอ็งรีบออกไปจากเรือนนี้เสียทันทีแลอย่ากลับมาที่นี่อีก” คุณพี่นิลปล่อยมือจันทราแบบไม่เบามือ พูดบอกแนะให้น้องทราบ แต่อีกฝ่ายก็หอบหายใจปนความสับสนอลหม่านในครั้งนี้ หลังคุณพี่นิลกล่าวจบ คุณพี่นิลก็รีบวิ่งออกไปจากเรือนทาสทันทีไม่รีช้ารอ ทิ้งให้จันทราถอนหายใจทิ้งเปล่าไปเรื่อย ๆ พักใหญ่

    .

    .

    .

    ราตรีกาลย่ำก้าวเข้ามาถึง เสียงอื้ออึงที่สนั่นเงียบหายสิ้น
     โฉมงามยลจันทราอรพิน คุณพีี่นิลเข้ามาไร้เสียงดัง

    ….น้องจันทราถูกทิ้งไว้เรือนทาสตั้งแต่ทิวาร์กาลผ่านเลยมาถึงยามราตรี เพลานี้ถอนหายใจมาไม่รู้กี่พันรอบ จนน้องจันทราได้ยลมองดวงจันทราที่กลมโตสว่างทั่วนภากาศ คำถามมากมายตีฟุ้งอยู่ในหัว ทำไมฝันมันถึงมีครบทุกสัมผัส ปกติความฝันนั้นจะได้ยลและยินแค่เสียงและภาพ แต่ทำไมกลิ่น รูป รส ถึงมาแบบไม่ได้นัดหมายกันเสียแบบนี้

    “กินข้าว…” เสียงทุ้มของพี่อกใหญ่เดินถือถาดสำรับอาหารเข้ามาอย่างวิสาสะ คนเป็นน้องอกเล็กที่ไม่เล็กนั้นสดุ้งเรือนทาสมุงใบจากเหลืองทองแทบกระดก “ตกใจเหรอ ?” น้องจันทราก้มมองสำรับอาหารที่เป็นอาหารคุ้นหน้าคุ้นตาที่เขาเคยทาน มีทั้งแกงเลียง น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ผักลวก และข้าวสวยร้อน ๆ ที่ควันขึ้นทุย ๆ

    น่ากินว่ะ อาหารไทยนี่ของชอบทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะอาหารรสจัด ๆ

    แต่นั่นไม่ใช่เมนไอเดีย ! 

    “เอ่อคุณครับ คุณช่วยผมสักอย่างนึกได้มั้ยครับ ?” เมื่อตั้งสติกับสำรับอาหารตรงหน้าแล้ว จันทราเงยหน้าขึ้นผอมซักคำถามใส่ทันที คุณพี่นิลวางสำรับอาหารลงบนพื้นที่ทำด้วยไม้ไผ่เรียง ๆ ติดกัน

    “อะไร ?” 

    ต้องจักจี้อีกที ถ้ารู้สึกจักจี้แสดงว่าไม่ได้ฝัน เอาวะเป็นไงเป็นกัน 

    “จักจี้ผมหน่อยได้มั้ยครับ ?”

    “จักจี้เอ็งเนี่ยฤ ?” คุณพี่นิลมองจากศีรษะไปจนถึงปลายเท้าที่ดำเป็นขุยก้นหม้อ เพราะวิ่งหนีอันตรายมาทั้งวัน จากนั้นก็กับมามองใบหน้าคมเข้มซ่อนความหวานของจันทราออีกครั้ง “แปลกพิกล”

    “ช่วยผมทีครับ ผมอยากรู้ว่านี่คือฝันหรือเปล่า ??”

    “….” คุณพี่นิลถอนหายใจส่งเสียงในลำคอ และส่ายหัวกับคำถามพิลึกแปลก ๆ ของจันทราสำหรับเขา “กินข้าวสิ ถ้ารู้สึกอร่อย ก็แสดงว่าไม่ใช่ฝัน” คุณพี่นิลอกใหญ่แกร่งส่ายหน้าไปที่สำรับ จันทราจึงค่อย ๆ คลานไปที่สำรับอย่างช้า ๆ อกใหญ่กอดอกยืนมอง พร้อมทั้งยลมองไม่ขาดสายตา

    ใช้มื้อกินข้าว…. ได้สิ ชอบจกอยู่แล้ว

    กรั๊บ…. เห้ยอร่อยว่ะ รสชาติถึงเครื่องถึงท้อง แต่แล้วทำไมตอนแรกกูเหมือนฝันวะ หรือว่ากูโดนใครอุ้มมาแกล้งปะวะเนี่ย 

    “ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสางอีกมาก ประเดี๋ยวพรุ่งนี้เอ็งก็กลับเรือนเอ็งไปเสีย อย่าถือเสียว่านี่เป็นบุญคุณ เพราะยามเพลาใดใครเดือดร้อน ข้าช่วยเหลือเสมอ….” จันทราเคี้ยวข้าวไปมองตาละห้อยปริบ ๆ ตาม ก่อนคุณพี่นิลนั้นจะเดินออกไปสะสางเรื่องกิจของตัวเขา

    “เดี๋ยวก่อนคุณครับ…” จันทราเอื้อมมือไปดึงโจงกระเบนที่สีน้ำตาลเข้มอมแดงที่ยาวเกือบถึงตาตุ่มเอาไว้ เมื่อเจ้าของนามนั้นได้ยินเสียงเรียกจึงหันกลับมา พร้อมทั้งสบัดขาให้มือที่จับอยู่หลุดออก

    “มีกระไรอีก ?”

    เอาไงดีวะ กูไม่มีบ้าน ฝันก็ไม่ได้ฝัน ชิบหายวิบัติละกู ทำตามในนิยายพีเรียดไทยที่เคยอ่านมาละกัน เป็นไงเป็นกันวะ

    “ผมไม่บ้าน พ่อแม่ผมก็ตายหมดแล้ว ผมหนีพวกข้าศึกมา ให้ผมอยู่ที่สักพักได้มั้ยครับ ?”

    “เหรอ ?” 

    “ใช่ครับ” ในเมื่อจันทรารู้แล้วว่านี่ไม่ใช่ฝัน แต่จะทำยังไง เขาไม่ได้เป็นชาวกรุงศรีมาแต่ยังแบเบาะ เพราะตัวเองเกิดในยุคโลกาภิวัตน์ ครั้นจะไปตายเอาดาบหน้า เห็นทีคงจะไม่รอดจริง ๆ 

    “….จักอยู่ที่นี่ก็ย่อมได้ ในฐานะทาสในเรือนเบี้ยเท่านั้น เอ็งต้องทำงานโรงกระดาษให้ข้า และเอ็งก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะอดตายถ้าอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่ ที่เรือนข้ามีข้าวปลาให้กินทุกมื้อไม่มีขาด อยากได้เบี้ยอัฐไปสะสางเหตุจำเป็นอันใดก็ให้เดินมาบอกข้าก็แล้วกัน” จันทราฟังแล้วนึกพินิจพิจารณาซักชั่วครู่ “ถ้าฟังแล้วอยู่ไม่ได้ เจ้าก็ต้องไปตายเอาดาบหน้าเอง”

    “อยู่ครับ อยู่ ๆๆ” จันทราเปลี่ยนจากหน้านิ่งเข้มเป็นยิ้มหวานปานเสี้ยวจันทร์ ทำเอาพี่อกใหญ่ยกมุมปากยิ้มด้านเดียวแล้วหุบกลับมาสีหน้าปกติทันทีทันใด

    “ประเดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าเอาผ้าผ่อนมาให้เองผลัดเปลี่ยนให้ก็แล้วกัน ท่าอาบน้ำเดินจากเรือนตรงนี้ตรงไปทางด้านโน้นก็ถึงแล้ว” จันทราพยักแล้วยิ้มไป คนพี่ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่เดินออกไปเงียบ ๆ เบา ๆ

    เมื่อเดินมาได้สักชั่วประเดี๋ยวประด๋าวคนที่เป็นพี่อกใหญ่หันกลับมามองด้วยแววตาเคลือบความแคลงสงสัย ส่วนอีกคนนั้นกำลังยลพระจันทร์ดวงกลมโตสีทอง ไม่รู้เลยว่าพี่อกใหญ่กำลังมองอยู่

    คนมาใหม่ ต้องจับตามองเป็นสำคัญ…

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

    สุริยันเริ่มทอแสงเปล่งราศี ทุกชีวีลุกตื่นนอนจากหลับใหล

    จันทราเองก็ตื่นนอนมาอย่างไว เพื่อจะได้รับแสงของสุริยันต์

    “ฮ่าาาา กู๊ดไวป์ว่ะ เสียงนกร้อง ไก่ขัน แบบนี้ชอบเลย อยู่ต่างจังหวัดว่าดีแล้ว พอมาอยู่ในสมัยก่อนโคตรรู้สึึกดีเลย” จันทราอาบแสงแดดในยามอรุณอยู่นานไม่น่าเกียจ ต่อมาจึงหยิบผ้าผ่อนและผ้าเช็ดตัวสีดำอมกรมท่าเดินไปท่าน้ำ จันทราอาบน้ำแบบมองไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตนเคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพวกเครื่องอาบน้ำสมัยก่อน ประกอบไปด้วย เกลือผสมผงถ่านไว้สีฟันกับกิ่งข่อยสีฟัน ขมิ้นกับมะขามเปียกไว้ขัดตัวอาบน้ำ ส่วนมะกรูดนั้นเอาไว้สระผมเหมือนกับแชมพูในปัจจุบันยุค

    จันทราเดินไปอาบน้ำที่ท่าเหมือนกับเมื่อคืน ที่ผิดกันตรงที่ พวกข้าทาสสาว ๆ หนุ่ม ๆ ทุกวัยนั้นล้วนจับจ้องมาที่จันทราเป็นเหมือนของแปลก ๆ

    พ่อนายพาใครเข้ามากันวะเอ็ง 

    หรืออาจะเป็นพวกอังวะแฝงตัวมา ?!

    อีวอก ปากอัปมงคลนะมึง หุบปากเงียบลิ้นไว้เลยนะมึง ทาสคนใหม่หรือเปล่า !!

    กูว่าเกลอพ่อนาย หน้าตามันคมคร้ามมากเหมือนพ่อนายของเราเลย แต่มันทรงโจรไปหน่อยนะ

    ยังไม่เห็นเวลากูยิ้มนะมึง มึงจะเปลี่ยนคำพูด..

    ตัดสินกันเก่งจริง ๆ ไม่ต่างกับที่ที่จากมาเลย คนพวกนี้แม่งไม่เคยหมดไปจริง ๆ บางคนก็กระต่ายตื่นตูม ฮ่า !

    พ่อหนุ่ม !” จันทราหันกลับมามองเสียงเรียกผู้มาใหม่ เป็นชายหน้าออกหวานแก้มแดงระเรือ หน้าท้องมีลอนทั้งหกงามงด เอวคลอดแขนกระชับไม่เหมือนกับจันทราที่แกร่งใหญ่ ถ้ามองแบบไม่ตัดสิน อาจจะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังเยาว์ประมาณสิบเจ็บสิบแปดเห็นจะจริง บริเวณที่คอนั้นใส่ไม้ที่ขัดเงาเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำตาล 

    ใครวะ…

    “ครับ?” ชายหนุ่มผู้มาใหม่งุนงงกับภาษาของจันทราเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเปิดสนธนาต่อ

    “พ่อนายบอกว่าให้กระผมมาตามพ่อหนุ่มขึ้นไปบนเรือนใหญ่ตอนช่วงสาย ๆ ขอรับ”

    เรือนใหญ่…. อ่อ เรือนตรงหน้าบ้านแน่เลย

    “เรื่องอะไรเหรอ ?”

    “กระผมได้ยินมาเท่านี้จริง ๆ ขอรับ”

    “ได้” บทสนธนาจบลง ต่างคนต่างแยกเดินไปทำธุระหน้าที่ของตนต่อ ส่วนบุคคลที่จับกลุ่มนินทาตัดสินจันทรากันอยู่นั้นก็ยังรวมกระจุกมองจันทราด้วยตาตัดสินไร้ที่สิ้นสุด

    จับกลุ่มในยุคนู้น แล้วยิ่งเป็นช่วงโรคระบาดนะ ติดโควิดกันหมดละ จุกกันมองกู หายใจกันออกมั้ยวะ แน่นชะ…

    .

    .

    .

    .

     

     

    เหตุการณ์ก่อนอรุณเบิกเวหา เวลาเข้าใกล้ยามหนึ่งของเรือนคุณพี่นิล

    หลังอกเล็กตกภวังค์ได้หลับไหล คนอกใหญ่เริ่มคิดขึ้นปรึกษา 
    เรียกคนสนิทชิดให้เข้ามา กูคิดว่ามันต้องมีสิ่งแคลงใจ 

    พ่อไม้ พ่อไม้มาหาข้าที !!” หน้าหวานเดินมาหาคุณพี่นิลทันทีเมื่อได้ยินเสียงขานเรียก

    “มีกระไรฤาท่านพี่ ?”

    “เบา ๆ อย่าเอ็ดไป” เพลานี้คุณพี่นิลยืนอยู่ที่ตั่งกลางเรือนไทย กลางตั่งเรือนของเรือนคุณพี่นิลนั้นเป็นโต๊ะไม้เตี้ยคล้ายโต๊ะญี่ปุ่นทรงใหญ่ เอาไว้สำหรับทำงาน สะสางเรือนกิจธุระ ทำบาญชีเบี้ยรายได้ที่ได้มาจากโรงทำกระดาษ และนอกจากไว้สำหรับทำงานแล้ว ยังเป็นโต๊ะเอาไว้ทานสำรับทั้งสามมื้อ เรือนของคุณพี่นิลนั้นถูกปลุกอยู่แยกกับเรือนของเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ บริเวณรอบตั่งกลางเรือนเป็นห้องหับหลาย ๆ ห้องเอาไว้ต้อนรับเกลอหรือปล่อยว่างเอาไว้ มีส่วนที่ยืนออกทางนอกเรือนประมาณสองเมตร คือเป็นหออาบน้ำ มีทั้งโอ่งมังกรจากเมืองราชบุรี และอ่างไม้สีน้ำตาลเงาวับวาว ไว้สำหรับแช่ตัวเพื่อผ่อนคลาย

    “ข้ามีงานให้เองทำ”

    “งานอะไรฤาขอรับพ่อนาย”

    “เพลานี้เรือนข้ามีผู้มาอยู่ใหม่ คนคนนั้นหลบหนีเอาชีวิตรอดจากทหารพวกอังวะ ศึกพระเจ้าอลองพญาที่พึ่งถอยทัพกลับไป อันเพราะพระเจ้าอลองพญาโดนปืนใหญ่ระเบิดใส่ตัวเอง ตอนนั้นข้ากำลังออกไปรับกระดาษจากโรงกระดาษอีกที ดีนะที่ข้าพกดาบไปเพราะช่วงนั้นช่วงหน้าสิวหน้าขวาน ข้าเจอคนผู้นั้นวิ่งหนีตื่นกลัวมา ทีแรกข้ากะจะฆ่าให้เสียตรงนั้นเพราะคิดว่าเป็นพวกอังวะ แต่ข้ามองกางเกงที่คนคนนั้นใส่ กางเกงแปลกประหลาดมาก เหมือนไม่ใช่พวกอังวะ เพราะพวกอังวะกับอโยธยาศรีรามเทพนครเราแต่งตัวผ้าคล้าย ๆ กัน แลคนผู้นั้นไม่ได้มีท่าทีน่าสงสัย”

    “แล้วคนผู้นั้นเป็นชายแลหญิงขอรับ”

    “ชาย”

    “เท่าที่กระผมฟัง ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่พ่อนายมีเรื่องร้อนใจอะไรฤาขอรับ”

    “เล่าต่อนะ… เขาพูดภาษาเหมือนกับคนเมืองเรา แต่บางคำพูดรวบสั้นผิดปกติ อีกทั้งคนผู้นั้นอยากจะให้ข้าเนี่ยฆ่าให้ได้เลยตอนนั้น แต่พอมาถึงที่นี่ คนผู้นั้นกลับบอกว่า ไม่มีบ้าน พ่อแม่ตายสิ้น ไม่มีที่ไป แถมข้าเห็นว่าหนีเอาชีวิตรอดมาอีก ข้าเล่าให้เอ็งฟังเหมือนไม่มีอะไรดอกนะ แต่ข้าสงสัยว่าคนผู้นี้เป็นผู้ใดกัน ข้าเกรงว่าจะเป็นพวกอังวะแฝงตัวมา ไม่ก็พวกโจรปล้นชิงทรัพย์ ข้าได้ยินพวกข้าทาสบ่นกันอื้ออึง บางคนก็กลัวระแวงคนผู้นั้นจนข้ากลัวว่าเรื่องมันจะแดงไปถึงเจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ข้า เลยอยากให้เจ้าเนี่ยไปสอดแนมสืบเสาะให้ข้าหน่อย หากมีอันใดผิดปกติ น่าสงสัย ทำตัวแปลก ๆ ให้รีบแจ้งข้าทันทีอย่ารีรอ เพราะถ้ามัวแต่รีรอ กว่าถั่วจะสุกงากมันก็จะไหม้ ข้าเป็นห่วงคนในเรือนของข้า”

    “ได้ขอรับ แต่กระผมยังไม่เห็นหน้าค่าตาเลยขอรับ”

    “ตอนนี้อยู่ที่เรือนทาส เพลานี้ใกล้ยามหนึ่งแล้ว รีบไปกลับข้า จะได้เห็นหน้าแล้วจะได้จำเอาไว้”

    “ขอรับพ่อนาย…”

    “แลพรุ่งนี้ข้าฝากเจ้าไปตามเขามาพบข้าที่เรือนของท่านเจ้าคุณพ่อแลคุณหญิงแม่ตอนสาย ๆ ด้วย

    “ขอรับ”

    .

    .

    .

     

     

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

    เรือนใหญ่

    ออกญาแลคุณหญิงสง่าพิศ ท่านรอพินิจมองผู้มาใหม่ 
    เจ้าจันทราก้าวเดินมาแต่ไกล ทั้งทาสไทมองยลไม่ขาดตา
    ออกญาแลคุณหญิงออกคำสั่ง ให้อกเล็กที่กำลังนั่งก้มหน้า
    ค่อย ๆ ยกเผยโฉมของหน้าตา เหตุใดหนาจึงน่ามองกว่าเมื่อวาน

    “ชื่อกระไรฤาเจ้า ?” คุณหญิงน้ำเอื้อนเอ่ยถามเจ้าอกเล็กที่ย้ำว่าไม่ได้เล็ก 

    “ชื่อจันทราขอรับ…แม่นาย”

    ดีนะ ยังจำบทนิยายพีเรียดมาได้บ้าง เกือบตายแล้วตรู

    “เห็นลูกข้าบอกว่า เจ้าหนีตายจากศึกอังวะมา แลบ้านก็ไม่มี พ่อแม่เจ้าก็ตาย เป็นความจริงใช่ฤาไม่ ?”

    “เอ่อ….ใช่ขอรับ”

    อยากจะบอกนะว่านอนฝันแล้วย้อนเวลามา แต่กลัวจะโดนถีบออกจากเรือนว่ะ

    “ข้าออกญามหาสุริยง แลนี่เมียข้า คุณหญิงน้ำ” ออกญาท่านพูดคุยกับจันทราหน้าใหม่อย่างเป็นมิตรที่ตั่งที่ยกสูงกลางเรือนใหญ่ คุณหญิงแย้มยิ้มเย็น ๆ ให้จันทรา เพราะเขานั้นน่ารักน่าเอ็นดู แม้กายหยาบจะแกร่งฉกรรจ์และพอยิ่งใส่โจงกระเบนสั้นเห็นขาอ่อนเฉกเช่นทาสก็ตาม ออกญาท่านหยิบของบางอย่างในกระเป๋าออกมาให้รับขวัญจันทรา ของสิ่งนั้นคือเงินสองบาท “ข้าให้เจ้า เป็นของรับขวัญแลปลอบขวัญเจ้า” บ่าวไพร่ในเรือนมองมาพร้อมเพียงกัน จนออกญาสุริยงต้องมองกำราบบ่าวไพร่ให้มุดก้มหน้าลงอีกครั้ง 

    กำเริบกันนัก เห็นอะไรนิดหน่อยไม่ได้ไอ้พวกนี้

    จันทราจ้องมองเงินสองบาทลักษณะคล้ายก้อนหินสีเทาเงาวับวาวประดับ จันทรามองมันเป็นของที่มีค่ามาก ๆ จันทราจึงเกรงใจไม่ขอรับไว้ “ผม…กระผมรับไว้ไม่ได้ดอก..ออกญาท่าน” จันทราพยายามฝึกพูดภาษาไทยโบราณเอาไว้ชินปาก เพื่อจะได้ไม่โดนถามว่าพูดจาผิดแปลกเหมือนคนมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ถึงกระทันท่านเจ้าคุณก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมทั้งจับมือของจันทราและจับมือจันทรากำเงินเบี้ยจำนวนสองบาทเอาไว้

    “ให้แล้วก็คือให้ ข้าไม่คืนคำ เพราะว่าคำพูด เมื่อพูดออกไปแล้ว คำพูดนั้นมันเป็นนายของเราทันทีทันใด

    “ขอบพระคุณครั…ขอรับ”

    “พ่อนิลบอกข้าว่า เจ้าจะทำงานที่โรงกระดาษ ตั้งใจทำงานและหากมีสิ่งใดเดือดร้อน สามารถบอกพ่อนิลพ่อนายของเจ้าได้เลยนะ พ่อนิลใจดี และอีกอย่าง พ่อนิลจะไม่ดุถ้าไม่จำเป็นนะ”

    “ขอรับแม่นาย” 

    "พาพ่อจันทราไปดูลานที่ทำงานก่อนไป ประเดี๋ยวพ่อจะต้องรีบเข้าวังด้วย คุณหญิงฉันฝากเรือนด้วยนะ เจ้าด้วย พ่อนิล

    “เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ / ขอรับท่านเจ้าคุณพ่อ”

    .

    .

    .

    .

     

     

    ตอนที่สองไรท์จะแต่งกลอนเพื่อให้ได้อรรถรสในการนิยายวายพีเรียดไทยเรื่องนี้มากขึ้นนะครับ กลอนที่ไรท์ได้อ่านในตอนนี้นั้นไม่ยากนะครับ เป็นคำที่รีดทุกคนน่าจะเคยเจอในบทเรียนภาษาไทยอย่างดี แต่ถ้าหากคำในกลอนยากไป หรือไม่สามารถถอดความหมายของกลอนออกมาได้ คอมเมนท์บอกได้ทันทีทุกเวลาเลยนะครับ

    อกใหญ่ อกเล็กคืออะไร ตอนที่ไรท์อ่านอาจจะมีงงงวยกันว่า เอ๊ะ ! อกใหญ่คือใคร อกเล็กเป็นคนไหน อันนี้ไรท์อาจจะเดากันได้ พระเอกในบางตอนจะถูกเรียกว่า ‘อกใหญ่’ แต่นายเอกจะถูกเรียกว่า ‘อกเล็ก’ ไรท์มีเขียนในบทอ่านตอนนี้ว่า ‘อกเล็กที่ไม่เล็ก’ นี่คือยังไง ไรท์เขียนทะลึ่งบัดสีหรือเปล่า จริง ๆ ไม่ได้ทะลึ่งนะครับ คือทำไมนายเอกอกใหญ่ แต่ถูกเรียกว่าอกเล็ก บอกใบ้ไว้ก่อนนะ

    ปัญหาเรื่องหน้าอก

    ให้เดาเรื่องกัน ว่าเอ๊ะ ทำไมหน้าอกถึงเป็นปัญหา เพราะเหตุอันใด ลองคอมเมนท์คาดเดากันมาได้นะครับ

     

    ป.ล.1 กลอนที่ไรท์แต่งอาจจะไม่ได้ตรงตามโครงสร้างของบทกลอนนะ เพราะกลอนจะมีหลายประเภท กายพ์ โคลง ฉันท์ ร่าย เยอะมาก บทกลอนไรท์แต่งนั้นส่วนใหญ่จะเน้นสำผัสพยัญชนะและสระไว้ จริง ๆ ไรท์อยากแต่งโคลงสี่สุภาพมากเลยนะ ไอ้ที่เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใดพี่เอย อ่ะ อยากลองนะ แต่ต้องรู้เอกโท คำสร้อย อะไรเยอะแยะมาก จะลองฝึกแต่งมาให้รีดทุกคนอ่านกันนะครับ

     

    TBC >>>

    ลงเมื่อวันที่ 8 / 06 / 2564 เวลา 22.45 น.

    แก้ไขครั้งที่ 1 : ยังไม่มี

    __________________________________________________________

     

    ฝากติดแฮชแท็กน้อย ๆ ในทวิตเตอร์ด้วยนะครับ 

    #อีกตัวตน มาพูดคุยมโนสาเร่กัน 

    ไรท์จะเปิดแท็กอ่านตลอดเรื่อย ๆ นะครับ ทุกคำติชม คำวิจารณ์ไรท์จะเก็บไว้พินิจพิจารณาทุกคำนะครับ

     

    นามปากกา : SriRunhn (ศรีรันหณ์) 

    Twitter : teerarunhn

    E-mail : teerapatthanakit@gmail.com (ติดต่องาน)

    เร็ว ๆ นี้จะมีแฟนเพจนะ อาจจะมีแฟนเพจในตอนต่อ ๆ ไป รอติดตามกันนะครับ

     

     

     

    อ่านวันละนิด ลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้นะ =)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×