คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 第二集 | หน้าใหม่ที่น่าสงสัยของพี่อกใหญ่
.
.
.
.
สายพระพายพัดปลิวกายไหวสั่น วิ่งสนั่นคลุกป่าผ่าดงนั้นเคยไม่
หนทางเข้าสู่ราชเขตค่อนข้างไกล เหตุฉไหนเกิดอะไรไม่ทันเรียง
ผ่านไปเป็นเวลานานชั่วขณะ คุณพี่นิลจับมือน้องจันทราวิ่งป่าผ่าดงนอกเขตกรุงศรีอยุธยา ระยะทางจากป่าจนถึงพระนครเขตนั้นไกล คนพี่นั้นไม่มีสีหน้าเหนื่อยหอบสำแดงออกมา แต่คนน้องที่อยู่ชุดนอนสีดำเปลือยกายหยาบท่อนส่วนบนที่เรือนกายกำยำคล้ายพระเอก แต่ก็หอบเหนื่อยหน้าแดงเกินประมาณ ระหว่างทางทั้งสองคนวิ่งฝ่าทั้งลูกปืนและพวกทหารฝั่งอังวะเป็นพัลวัน เสียงปืนใหญ่สนั่นก้องไปทั่วป่าจนถึงเขตพระนครเมืองเอก ตอนนี้คุณพี่นิลนั้นวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าเรือนที่กำลังมีพวกข้าทาสบริวารกำลังวิ่งวุ่นอลหม่าน มีวิ่งชนล้มกลิ้งเสมือนส้มจำนวนมากกลิ้งตกลงมาก็ไม่ปาน ทิ้งให้น้องจันทรายืนงวยงงปนหอบเหนื่อยอยู่ชั่วพักหนึ่ง แต่ไม่นานคุณพี่นิลก็จับมือน้องไปที่ไหนสักแห่งหนึ่งในเรือนใหญ่
เรือนออกญามหาสุริยง
ที่ที่คุณพี่นิลนั้นพาไปคือ เรือนทาสที่ว่าง เป็นเรือนที่มุงด้วยใบจากที่ถูกตากแห้งจากสีเขียวในป่าชายเลนเป็นสีเหลืองอมทอง แตกต่างจากเรือนไทยไม้ประณีตสีน้ำตาลแดงเงาตรงหน้าที่เขาได้ยลเมื่อชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
“คุณจะพาผมไปไหน ทำไมไม่ฆ่าผมเสีย !”
“ข้าคร้านที่่ฟังคำพูดหมดอาลัยตายอยากของเอ็งแล้วว่ะ ! หุบปากเก็บคำเสีย ไม่ต้องพูดมา เข้ามาที่หลบที่นี่ก่อน !”
‘จำคำข้าไม่ได้เหรอ ว่าถ้าอยากจะตื่นตากจากฝันต้องตายแบบไหน จันทรา…’
เออ รู้แล้ว !! ; เขาตอบกลับไปในใจ ทันที่มีเสียงทิพย์ของเหล่าไสยบุรุษตีขึ้นมาในศีรษะ
แล้วกูต้องอยู่ในฝันนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันวะ….
คุณพี่นิลจับมือพาจันทราวิ่งมาถึงเรือนทาสเป็นจุดหมายที่คิดเอาไว้ ระหว่างทางที่ข้าทาสบริวารกำลังวิ่งวุ่นเก็บกระดาษ ทรัพย์สมบัติ รวมทั้งปกป้องผู้เป็นนายใหญ่ของเรือนนั่นก็คือ ออกญามหาสุริยง และ คุณหญิงน้ำ บิดรและมาตาของคุณพี่นิลอยู่นั้น ก็ต้องชะงักราวกับถูกมายาวินชั้นวิมานสะกดเอาไว้มาที่สายตาของคุณพี่นิลที่วิ่งจับมือน้องจันทรามาแบบหน้าใหม่
ผู้ใดกันวะ…
ทำไมกางเกงทรงแปลก ๆ วะ
พ่อนายพาผู้ใดมาวะ , พ่อนายคือคุณพี่นิล
เดี๋ยวมึงไปสืบด้วยนะอีแอบ
เสียงจอแจระงมเป็นคลื่นความถี่ต่ำดังขึ้นเมื่อผู้เป็นนายและน้องจันทราหน้าใหม่วิ่งผ่านไป เมื่อผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง พวกข้าทาสก็กลับมาวิ่งจอแจวุ่นวายเหมือนโดนคลายมนต์สะกดอีกครั้ง
“พักที่นี่่เสียก่อน สิ้นศึกพระเจ้าอลองพญาแลเสียงปืนใหญ่ดับลง ให้เอ็งรีบออกไปจากเรือนนี้เสียทันทีแลอย่ากลับมาที่นี่อีก” คุณพี่นิลปล่อยมือจันทราแบบไม่เบามือ พูดบอกแนะให้น้องทราบ แต่อีกฝ่ายก็หอบหายใจปนความสับสนอลหม่านในครั้งนี้ หลังคุณพี่นิลกล่าวจบ คุณพี่นิลก็รีบวิ่งออกไปจากเรือนทาสทันทีไม่รีช้ารอ ทิ้งให้จันทราถอนหายใจทิ้งเปล่าไปเรื่อย ๆ พักใหญ่
.
.
.
ราตรีกาลย่ำก้าวเข้ามาถึง เสียงอื้ออึงที่สนั่นเงียบหายสิ้น
โฉมงามยลจันทราอรพิน คุณพีี่นิลเข้ามาไร้เสียงดัง
….น้องจันทราถูกทิ้งไว้เรือนทาสตั้งแต่ทิวาร์กาลผ่านเลยมาถึงยามราตรี เพลานี้ถอนหายใจมาไม่รู้กี่พันรอบ จนน้องจันทราได้ยลมองดวงจันทราที่กลมโตสว่างทั่วนภากาศ คำถามมากมายตีฟุ้งอยู่ในหัว ทำไมฝันมันถึงมีครบทุกสัมผัส ปกติความฝันนั้นจะได้ยลและยินแค่เสียงและภาพ แต่ทำไมกลิ่น รูป รส ถึงมาแบบไม่ได้นัดหมายกันเสียแบบนี้
“กินข้าว…” เสียงทุ้มของพี่อกใหญ่เดินถือถาดสำรับอาหารเข้ามาอย่างวิสาสะ คนเป็นน้องอกเล็กที่ไม่เล็กนั้นสดุ้งเรือนทาสมุงใบจากเหลืองทองแทบกระดก “ตกใจเหรอ ?” น้องจันทราก้มมองสำรับอาหารที่เป็นอาหารคุ้นหน้าคุ้นตาที่เขาเคยทาน มีทั้งแกงเลียง น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ผักลวก และข้าวสวยร้อน ๆ ที่ควันขึ้นทุย ๆ
น่ากินว่ะ อาหารไทยนี่ของชอบทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะอาหารรสจัด ๆ
แต่นั่นไม่ใช่เมนไอเดีย !
“เอ่อคุณครับ คุณช่วยผมสักอย่างนึกได้มั้ยครับ ?” เมื่อตั้งสติกับสำรับอาหารตรงหน้าแล้ว จันทราเงยหน้าขึ้นผอมซักคำถามใส่ทันที คุณพี่นิลวางสำรับอาหารลงบนพื้นที่ทำด้วยไม้ไผ่เรียง ๆ ติดกัน
“อะไร ?”
ต้องจักจี้อีกที ถ้ารู้สึกจักจี้แสดงว่าไม่ได้ฝัน เอาวะเป็นไงเป็นกัน
“จักจี้ผมหน่อยได้มั้ยครับ ?”
“จักจี้เอ็งเนี่ยฤ ?” คุณพี่นิลมองจากศีรษะไปจนถึงปลายเท้าที่ดำเป็นขุยก้นหม้อ เพราะวิ่งหนีอันตรายมาทั้งวัน จากนั้นก็กับมามองใบหน้าคมเข้มซ่อนความหวานของจันทราออีกครั้ง “แปลกพิกล”
“ช่วยผมทีครับ ผมอยากรู้ว่านี่คือฝันหรือเปล่า ??”
“….” คุณพี่นิลถอนหายใจส่งเสียงในลำคอ และส่ายหัวกับคำถามพิลึกแปลก ๆ ของจันทราสำหรับเขา “กินข้าวสิ ถ้ารู้สึกอร่อย ก็แสดงว่าไม่ใช่ฝัน” คุณพี่นิลอกใหญ่แกร่งส่ายหน้าไปที่สำรับ จันทราจึงค่อย ๆ คลานไปที่สำรับอย่างช้า ๆ อกใหญ่กอดอกยืนมอง พร้อมทั้งยลมองไม่ขาดสายตา
ใช้มื้อกินข้าว…. ได้สิ ชอบจกอยู่แล้ว
กรั๊บ…. เห้ยอร่อยว่ะ รสชาติถึงเครื่องถึงท้อง แต่แล้วทำไมตอนแรกกูเหมือนฝันวะ หรือว่ากูโดนใครอุ้มมาแกล้งปะวะเนี่ย
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสางอีกมาก ประเดี๋ยวพรุ่งนี้เอ็งก็กลับเรือนเอ็งไปเสีย อย่าถือเสียว่านี่เป็นบุญคุณ เพราะยามเพลาใดใครเดือดร้อน ข้าช่วยเหลือเสมอ….” จันทราเคี้ยวข้าวไปมองตาละห้อยปริบ ๆ ตาม ก่อนคุณพี่นิลนั้นจะเดินออกไปสะสางเรื่องกิจของตัวเขา
“เดี๋ยวก่อนคุณครับ…” จันทราเอื้อมมือไปดึงโจงกระเบนที่สีน้ำตาลเข้มอมแดงที่ยาวเกือบถึงตาตุ่มเอาไว้ เมื่อเจ้าของนามนั้นได้ยินเสียงเรียกจึงหันกลับมา พร้อมทั้งสบัดขาให้มือที่จับอยู่หลุดออก
“มีกระไรอีก ?”
เอาไงดีวะ กูไม่มีบ้าน ฝันก็ไม่ได้ฝัน ชิบหายวิบัติละกู ทำตามในนิยายพีเรียดไทยที่เคยอ่านมาละกัน เป็นไงเป็นกันวะ
“ผมไม่บ้าน พ่อแม่ผมก็ตายหมดแล้ว ผมหนีพวกข้าศึกมา ให้ผมอยู่ที่สักพักได้มั้ยครับ ?”
“เหรอ ?”
“ใช่ครับ” ในเมื่อจันทรารู้แล้วว่านี่ไม่ใช่ฝัน แต่จะทำยังไง เขาไม่ได้เป็นชาวกรุงศรีมาแต่ยังแบเบาะ เพราะตัวเองเกิดในยุคโลกาภิวัตน์ ครั้นจะไปตายเอาดาบหน้า เห็นทีคงจะไม่รอดจริง ๆ
“….จักอยู่ที่นี่ก็ย่อมได้ ในฐานะทาสในเรือนเบี้ยเท่านั้น เอ็งต้องทำงานโรงกระดาษให้ข้า และเอ็งก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะอดตายถ้าอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่ ที่เรือนข้ามีข้าวปลาให้กินทุกมื้อไม่มีขาด อยากได้เบี้ยอัฐไปสะสางเหตุจำเป็นอันใดก็ให้เดินมาบอกข้าก็แล้วกัน” จันทราฟังแล้วนึกพินิจพิจารณาซักชั่วครู่ “ถ้าฟังแล้วอยู่ไม่ได้ เจ้าก็ต้องไปตายเอาดาบหน้าเอง”
“อยู่ครับ อยู่ ๆๆ” จันทราเปลี่ยนจากหน้านิ่งเข้มเป็นยิ้มหวานปานเสี้ยวจันทร์ ทำเอาพี่อกใหญ่ยกมุมปากยิ้มด้านเดียวแล้วหุบกลับมาสีหน้าปกติทันทีทันใด
“ประเดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าเอาผ้าผ่อนมาให้เองผลัดเปลี่ยนให้ก็แล้วกัน ท่าอาบน้ำเดินจากเรือนตรงนี้ตรงไปทางด้านโน้นก็ถึงแล้ว” จันทราพยักแล้วยิ้มไป คนพี่ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่เดินออกไปเงียบ ๆ เบา ๆ
เมื่อเดินมาได้สักชั่วประเดี๋ยวประด๋าวคนที่เป็นพี่อกใหญ่หันกลับมามองด้วยแววตาเคลือบความแคลงสงสัย ส่วนอีกคนนั้นกำลังยลพระจันทร์ดวงกลมโตสีทอง ไม่รู้เลยว่าพี่อกใหญ่กำลังมองอยู่
คนมาใหม่ ต้องจับตามองเป็นสำคัญ…
.
.
.
สุริยันเริ่มทอแสงเปล่งราศี ทุกชีวีลุกตื่นนอนจากหลับใหล
จันทราเองก็ตื่นนอนมาอย่างไว เพื่อจะได้รับแสงของสุริยันต์
“ฮ่าาาา กู๊ดไวป์ว่ะ เสียงนกร้อง ไก่ขัน แบบนี้ชอบเลย อยู่ต่างจังหวัดว่าดีแล้ว พอมาอยู่ในสมัยก่อนโคตรรู้สึึกดีเลย” จันทราอาบแสงแดดในยามอรุณอยู่นานไม่น่าเกียจ ต่อมาจึงหยิบผ้าผ่อนและผ้าเช็ดตัวสีดำอมกรมท่าเดินไปท่าน้ำ จันทราอาบน้ำแบบมองไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตนเคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพวกเครื่องอาบน้ำสมัยก่อน ประกอบไปด้วย เกลือผสมผงถ่านไว้สีฟันกับกิ่งข่อยสีฟัน ขมิ้นกับมะขามเปียกไว้ขัดตัวอาบน้ำ ส่วนมะกรูดนั้นเอาไว้สระผมเหมือนกับแชมพูในปัจจุบันยุค
จันทราเดินไปอาบน้ำที่ท่าเหมือนกับเมื่อคืน ที่ผิดกันตรงที่ พวกข้าทาสสาว ๆ หนุ่ม ๆ ทุกวัยนั้นล้วนจับจ้องมาที่จันทราเป็นเหมือนของแปลก ๆ
พ่อนายพาใครเข้ามากันวะเอ็ง
หรืออาจะเป็นพวกอังวะแฝงตัวมา ?!
อีวอก ปากอัปมงคลนะมึง หุบปากเงียบลิ้นไว้เลยนะมึง ทาสคนใหม่หรือเปล่า !!
กูว่าเกลอพ่อนาย หน้าตามันคมคร้ามมากเหมือนพ่อนายของเราเลย แต่มันทรงโจรไปหน่อยนะ
ยังไม่เห็นเวลากูยิ้มนะมึง มึงจะเปลี่ยนคำพูด..
ตัดสินกันเก่งจริง ๆ ไม่ต่างกับที่ที่จากมาเลย คนพวกนี้แม่งไม่เคยหมดไปจริง ๆ บางคนก็กระต่ายตื่นตูม ฮ่า !
“พ่อหนุ่ม !” จันทราหันกลับมามองเสียงเรียกผู้มาใหม่ เป็นชายหน้าออกหวานแก้มแดงระเรือ หน้าท้องมีลอนทั้งหกงามงด เอวคลอดแขนกระชับไม่เหมือนกับจันทราที่แกร่งใหญ่ ถ้ามองแบบไม่ตัดสิน อาจจะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังเยาว์ประมาณสิบเจ็บสิบแปดเห็นจะจริง บริเวณที่คอนั้นใส่ไม้ที่ขัดเงาเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำตาล
ใครวะ…
“ครับ?” ชายหนุ่มผู้มาใหม่งุนงงกับภาษาของจันทราเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเปิดสนธนาต่อ
“พ่อนายบอกว่าให้กระผมมาตามพ่อหนุ่มขึ้นไปบนเรือนใหญ่ตอนช่วงสาย ๆ ขอรับ”
เรือนใหญ่…. อ่อ เรือนตรงหน้าบ้านแน่เลย
“เรื่องอะไรเหรอ ?”
“กระผมได้ยินมาเท่านี้จริง ๆ ขอรับ”
“ได้” บทสนธนาจบลง ต่างคนต่างแยกเดินไปทำธุระหน้าที่ของตนต่อ ส่วนบุคคลที่จับกลุ่มนินทาตัดสินจันทรากันอยู่นั้นก็ยังรวมกระจุกมองจันทราด้วยตาตัดสินไร้ที่สิ้นสุด
จับกลุ่มในยุคนู้น แล้วยิ่งเป็นช่วงโรคระบาดนะ ติดโควิดกันหมดละ จุกกันมองกู หายใจกันออกมั้ยวะ แน่นชะ…
.
.
.
.
เหตุการณ์ก่อนอรุณเบิกเวหา เวลาเข้าใกล้ยามหนึ่งของเรือนคุณพี่นิล
หลังอกเล็กตกภวังค์ได้หลับไหล คนอกใหญ่เริ่มคิดขึ้นปรึกษา
เรียกคนสนิทชิดให้เข้ามา กูคิดว่ามันต้องมีสิ่งแคลงใจ
“พ่อไม้ พ่อไม้มาหาข้าที !!” หน้าหวานเดินมาหาคุณพี่นิลทันทีเมื่อได้ยินเสียงขานเรียก
“มีกระไรฤาท่านพี่ ?”
“เบา ๆ อย่าเอ็ดไป” เพลานี้คุณพี่นิลยืนอยู่ที่ตั่งกลางเรือนไทย กลางตั่งเรือนของเรือนคุณพี่นิลนั้นเป็นโต๊ะไม้เตี้ยคล้ายโต๊ะญี่ปุ่นทรงใหญ่ เอาไว้สำหรับทำงาน สะสางเรือนกิจธุระ ทำบาญชีเบี้ยรายได้ที่ได้มาจากโรงทำกระดาษ และนอกจากไว้สำหรับทำงานแล้ว ยังเป็นโต๊ะเอาไว้ทานสำรับทั้งสามมื้อ เรือนของคุณพี่นิลนั้นถูกปลุกอยู่แยกกับเรือนของเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ บริเวณรอบตั่งกลางเรือนเป็นห้องหับหลาย ๆ ห้องเอาไว้ต้อนรับเกลอหรือปล่อยว่างเอาไว้ มีส่วนที่ยืนออกทางนอกเรือนประมาณสองเมตร คือเป็นหออาบน้ำ มีทั้งโอ่งมังกรจากเมืองราชบุรี และอ่างไม้สีน้ำตาลเงาวับวาว ไว้สำหรับแช่ตัวเพื่อผ่อนคลาย
“ข้ามีงานให้เองทำ”
“งานอะไรฤาขอรับพ่อนาย”
“เพลานี้เรือนข้ามีผู้มาอยู่ใหม่ คนคนนั้นหลบหนีเอาชีวิตรอดจากทหารพวกอังวะ ศึกพระเจ้าอลองพญาที่พึ่งถอยทัพกลับไป อันเพราะพระเจ้าอลองพญาโดนปืนใหญ่ระเบิดใส่ตัวเอง ตอนนั้นข้ากำลังออกไปรับกระดาษจากโรงกระดาษอีกที ดีนะที่ข้าพกดาบไปเพราะช่วงนั้นช่วงหน้าสิวหน้าขวาน ข้าเจอคนผู้นั้นวิ่งหนีตื่นกลัวมา ทีแรกข้ากะจะฆ่าให้เสียตรงนั้นเพราะคิดว่าเป็นพวกอังวะ แต่ข้ามองกางเกงที่คนคนนั้นใส่ กางเกงแปลกประหลาดมาก เหมือนไม่ใช่พวกอังวะ เพราะพวกอังวะกับอโยธยาศรีรามเทพนครเราแต่งตัวผ้าคล้าย ๆ กัน แลคนผู้นั้นไม่ได้มีท่าทีน่าสงสัย”
“แล้วคนผู้นั้นเป็นชายแลหญิงขอรับ”
“ชาย”
“เท่าที่กระผมฟัง ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่พ่อนายมีเรื่องร้อนใจอะไรฤาขอรับ”
“เล่าต่อนะ… เขาพูดภาษาเหมือนกับคนเมืองเรา แต่บางคำพูดรวบสั้นผิดปกติ อีกทั้งคนผู้นั้นอยากจะให้ข้าเนี่ยฆ่าให้ได้เลยตอนนั้น แต่พอมาถึงที่นี่ คนผู้นั้นกลับบอกว่า ไม่มีบ้าน พ่อแม่ตายสิ้น ไม่มีที่ไป แถมข้าเห็นว่าหนีเอาชีวิตรอดมาอีก ข้าเล่าให้เอ็งฟังเหมือนไม่มีอะไรดอกนะ แต่ข้าสงสัยว่าคนผู้นี้เป็นผู้ใดกัน ข้าเกรงว่าจะเป็นพวกอังวะแฝงตัวมา ไม่ก็พวกโจรปล้นชิงทรัพย์ ข้าได้ยินพวกข้าทาสบ่นกันอื้ออึง บางคนก็กลัวระแวงคนผู้นั้นจนข้ากลัวว่าเรื่องมันจะแดงไปถึงเจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ข้า เลยอยากให้เจ้าเนี่ยไปสอดแนมสืบเสาะให้ข้าหน่อย หากมีอันใดผิดปกติ น่าสงสัย ทำตัวแปลก ๆ ให้รีบแจ้งข้าทันทีอย่ารีรอ เพราะถ้ามัวแต่รีรอ กว่าถั่วจะสุกงากมันก็จะไหม้ ข้าเป็นห่วงคนในเรือนของข้า”
“ได้ขอรับ แต่กระผมยังไม่เห็นหน้าค่าตาเลยขอรับ”
“ตอนนี้อยู่ที่เรือนทาส เพลานี้ใกล้ยามหนึ่งแล้ว รีบไปกลับข้า จะได้เห็นหน้าแล้วจะได้จำเอาไว้”
“ขอรับพ่อนาย…”
“แลพรุ่งนี้ข้าฝากเจ้าไปตามเขามาพบข้าที่เรือนของท่านเจ้าคุณพ่อแลคุณหญิงแม่ตอนสาย ๆ ด้วย”
“ขอรับ”
.
.
.
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เรือนใหญ่
ออกญาแลคุณหญิงสง่าพิศ ท่านรอพินิจมองผู้มาใหม่
เจ้าจันทราก้าวเดินมาแต่ไกล ทั้งทาสไทมองยลไม่ขาดตา
ออกญาแลคุณหญิงออกคำสั่ง ให้อกเล็กที่กำลังนั่งก้มหน้า
ค่อย ๆ ยกเผยโฉมของหน้าตา เหตุใดหนาจึงน่ามองกว่าเมื่อวาน
“ชื่อกระไรฤาเจ้า ?” คุณหญิงน้ำเอื้อนเอ่ยถามเจ้าอกเล็กที่ย้ำว่าไม่ได้เล็ก
“ชื่อจันทราขอรับ…แม่นาย”
ดีนะ ยังจำบทนิยายพีเรียดมาได้บ้าง เกือบตายแล้วตรู
“เห็นลูกข้าบอกว่า เจ้าหนีตายจากศึกอังวะมา แลบ้านก็ไม่มี พ่อแม่เจ้าก็ตาย เป็นความจริงใช่ฤาไม่ ?”
“เอ่อ….ใช่ขอรับ”
อยากจะบอกนะว่านอนฝันแล้วย้อนเวลามา แต่กลัวจะโดนถีบออกจากเรือนว่ะ
“ข้าออกญามหาสุริยง แลนี่เมียข้า คุณหญิงน้ำ” ออกญาท่านพูดคุยกับจันทราหน้าใหม่อย่างเป็นมิตรที่ตั่งที่ยกสูงกลางเรือนใหญ่ คุณหญิงแย้มยิ้มเย็น ๆ ให้จันทรา เพราะเขานั้นน่ารักน่าเอ็นดู แม้กายหยาบจะแกร่งฉกรรจ์และพอยิ่งใส่โจงกระเบนสั้นเห็นขาอ่อนเฉกเช่นทาสก็ตาม ออกญาท่านหยิบของบางอย่างในกระเป๋าออกมาให้รับขวัญจันทรา ของสิ่งนั้นคือเงินสองบาท “ข้าให้เจ้า เป็นของรับขวัญแลปลอบขวัญเจ้า” บ่าวไพร่ในเรือนมองมาพร้อมเพียงกัน จนออกญาสุริยงต้องมองกำราบบ่าวไพร่ให้มุดก้มหน้าลงอีกครั้ง
กำเริบกันนัก เห็นอะไรนิดหน่อยไม่ได้ไอ้พวกนี้
จันทราจ้องมองเงินสองบาทลักษณะคล้ายก้อนหินสีเทาเงาวับวาวประดับ จันทรามองมันเป็นของที่มีค่ามาก ๆ จันทราจึงเกรงใจไม่ขอรับไว้ “ผม…กระผมรับไว้ไม่ได้ดอก..ออกญาท่าน” จันทราพยายามฝึกพูดภาษาไทยโบราณเอาไว้ชินปาก เพื่อจะได้ไม่โดนถามว่าพูดจาผิดแปลกเหมือนคนมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ถึงกระทันท่านเจ้าคุณก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมทั้งจับมือของจันทราและจับมือจันทรากำเงินเบี้ยจำนวนสองบาทเอาไว้
“ให้แล้วก็คือให้ ข้าไม่คืนคำ เพราะว่าคำพูด เมื่อพูดออกไปแล้ว คำพูดนั้นมันเป็นนายของเราทันทีทันใด”
“ขอบพระคุณครั…ขอรับ”
“พ่อนิลบอกข้าว่า เจ้าจะทำงานที่โรงกระดาษ ตั้งใจทำงานและหากมีสิ่งใดเดือดร้อน สามารถบอกพ่อนิลพ่อนายของเจ้าได้เลยนะ พ่อนิลใจดี และอีกอย่าง พ่อนิลจะไม่ดุถ้าไม่จำเป็นนะ”
“ขอรับแม่นาย”
"พาพ่อจันทราไปดูลานที่ทำงานก่อนไป ประเดี๋ยวพ่อจะต้องรีบเข้าวังด้วย คุณหญิงฉันฝากเรือนด้วยนะ เจ้าด้วย พ่อนิล
“เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ / ขอรับท่านเจ้าคุณพ่อ”
.
.
.
.
ตอนที่สองไรท์จะแต่งกลอนเพื่อให้ได้อรรถรสในการนิยายวายพีเรียดไทยเรื่องนี้มากขึ้นนะครับ กลอนที่ไรท์ได้อ่านในตอนนี้นั้นไม่ยากนะครับ เป็นคำที่รีดทุกคนน่าจะเคยเจอในบทเรียนภาษาไทยอย่างดี แต่ถ้าหากคำในกลอนยากไป หรือไม่สามารถถอดความหมายของกลอนออกมาได้ คอมเมนท์บอกได้ทันทีทุกเวลาเลยนะครับ
อกใหญ่ อกเล็กคืออะไร ตอนที่ไรท์อ่านอาจจะมีงงงวยกันว่า เอ๊ะ ! อกใหญ่คือใคร อกเล็กเป็นคนไหน อันนี้ไรท์อาจจะเดากันได้ พระเอกในบางตอนจะถูกเรียกว่า ‘อกใหญ่’ แต่นายเอกจะถูกเรียกว่า ‘อกเล็ก’ ไรท์มีเขียนในบทอ่านตอนนี้ว่า ‘อกเล็กที่ไม่เล็ก’ นี่คือยังไง ไรท์เขียนทะลึ่งบัดสีหรือเปล่า จริง ๆ ไม่ได้ทะลึ่งนะครับ คือทำไมนายเอกอกใหญ่ แต่ถูกเรียกว่าอกเล็ก บอกใบ้ไว้ก่อนนะ
ปัญหาเรื่องหน้าอก
ให้เดาเรื่องกัน ว่าเอ๊ะ ทำไมหน้าอกถึงเป็นปัญหา เพราะเหตุอันใด ลองคอมเมนท์คาดเดากันมาได้นะครับ
ป.ล.1 กลอนที่ไรท์แต่งอาจจะไม่ได้ตรงตามโครงสร้างของบทกลอนนะ เพราะกลอนจะมีหลายประเภท กายพ์ โคลง ฉันท์ ร่าย เยอะมาก บทกลอนไรท์แต่งนั้นส่วนใหญ่จะเน้นสำผัสพยัญชนะและสระไว้ จริง ๆ ไรท์อยากแต่งโคลงสี่สุภาพมากเลยนะ ไอ้ที่เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใดพี่เอย อ่ะ อยากลองนะ แต่ต้องรู้เอกโท คำสร้อย อะไรเยอะแยะมาก จะลองฝึกแต่งมาให้รีดทุกคนอ่านกันนะครับ
TBC >>>
ลงเมื่อวันที่ 8 / 06 / 2564 เวลา 22.45 น.
แก้ไขครั้งที่ 1 : ยังไม่มี
__________________________________________________________
ฝากติดแฮชแท็กน้อย ๆ ในทวิตเตอร์ด้วยนะครับ
#อีกตัวตน มาพูดคุยมโนสาเร่กัน
ไรท์จะเปิดแท็กอ่านตลอดเรื่อย ๆ นะครับ ทุกคำติชม คำวิจารณ์ไรท์จะเก็บไว้พินิจพิจารณาทุกคำนะครับ
นามปากกา : SriRunhn (ศรีรันหณ์)
Twitter : teerarunhn
E-mail : teerapatthanakit@gmail.com (ติดต่องาน)
เร็ว ๆ นี้จะมีแฟนเพจนะ อาจจะมีแฟนเพจในตอนต่อ ๆ ไป รอติดตามกันนะครับ
อ่านวันละนิด ลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้นะ =)
ความคิดเห็น