คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Bokura (僕ら)
{ Flashback }
"ตราบใดที่รัชสมัยนี้ยังไม่แปรผัน ตัวข้าก็ไม่ยอมตาย" เขากล่าวออกมาอย่างหนักแน่นพร้อมกับความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ต่างจากหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานของทางราชการพร้อมเบ้ปากก่อนเอ่ยขึ้นทักท้วง
"คนเรานั้นเกิดมาแล้วก็ต้องตายเป็นสัจธรรม แล้วท่านทำเพื่อผู้ใดกัน? ไม่ใช่ว่าอยู่ผู้เดียวรึ หรือว่าท่านกลัวตายล่ะ คิก...คิก คิก...คิก "
คำทักถามนี้ทำให้เขานึกขึ้นได้ เมื่อแต่ก่อนเขาไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว แต่ทุก ๆ คนที่เขารักนั้นกลับตายจากเขาไปเสียหมด เขาก็แค่อยากจะทำให้ยุคสมัยแห่งความอ่อนโยนนั้นเกิดขึ้นจริง ตามที่ได้เคยให้สัญญาไว้กับคนผู้หนึ่ง
"ช่างเป็นถ้อยคำที่เห็นแก่ตัวเสียจริงนะท่านทูตอนิกา ข้าว่าท่านต้องปรับเปลี่ยนความคิดเสียสักหน่อยแล้วกระมัง" ชายหนุ่มวัยรุ่นผมแดงในคราบชุดราชการเงื้อมะเหงกเขกหัวของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันเสียหนึ่งที ทั้งนี้ว่าก่อนใช้คำพูดคำจาอะไรให้คิดก่อนเสียบ้าง
"ข้าก็เป็นแบบนี้ของข้าก็มานานมากโขแล้ว เรื่องตัดช่องน้อยแต่พอตัวให้มาปรึกษาหารือกับข้าได้" ถึงจะโดนถึงเพียงนั้น หญิงสาวยังหัวเราะกลั้ว นั่งยิ้มแป้นภายในเรือนไม้หลังงาม แรงลมโชยพัดผ่านกิ่งไม้เสียดกันเกิดเสียงกล่อมเสนาะไพเราะไปทั่วเรือนจนเกิดเป็นความผ่อนคลายให้แก่ทั้งสอง
อนิกานั่งฟังเสียงบรรเลงเพลงจากไพรวัลเสียก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมาอีกคราและเอ่ยถ้อยคำที่ไม่น่าจะออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาวผู้นี้
“แล้วข้าจะคอยรอชมรัชสมัยของท่านละกัน ท่านแม่ทัพ” เธอกล่าวด้วยความหรรษาไม่เคยแม้แต่จะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ก่อนเก็บข้าวของและออกไปจากเรือนไม้จนลับสายตาของเด็กหนุ่ม
----------------------------------------------------------------
“ฟ้า เร็วกว่านี้ได้มั้ย” เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนนั้นอาการคล้ายกับคนใกล้ตายเข้าเสียทุกที
“เจ้าก็ใจเย็น ๆ ซะบ้างสิ” ฟ้าตอบกลับและทำหน้าที่ของตนเองต่อ
“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? ทำไมต้องฆ่ากันด้วย? พวกแกเป็นครูไม่ใช่หรอ?”
“ถามซ้ำซากกันแบบนี้ทุกปี ข้าจะตอบพวกเจ้าให้ก่อนตายก็ได้ว่า...ก็เพราะว่ามัน ‘สนุก’ ดีน่ะสิ! การที่ได้เฝ้ามองความฉิบหายของเด็กโลกสวยแบบนี้น่ะ”
“โคตรสนุก!”
“คิดว่าภาคีนี่คืออะไร? สิ่งที่พวกเราต้องการคือทหาร ที่พร้อมจะฆ่าและตายในภารกิจ เอาง่าย ๆ ก็คือ...”
“ใครรอดออกมาจากถ้ำปอบได้ ก็มีค่าพอที่จะจับมาเรียน!”
“บ้าชิบ! แกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ ๆ” เสียงพึมพำเบา ๆ ออกมาจากปากอัณณิกาที่นั่งคุกเข่าอย่างจนปัญญา ตอนนี้สมองของเธอตื้อตันไปหมด มองไปรอบทิศก็มีเพียงพวกปอบคอยที่จะพังอาณาเขตเข้ามาได้ทุกเมื่อ
“แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะปล่อยพวกข้าไป” คงถามพรรณพยัคฆ์ ครูที่เขาเคารพนักเคารพหนาในยามสถานการณ์คราที้เขาก็ยังไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะโดนตัดหางปล่อยวัด
“อืม...นั่นสิน้า ไม่ได้คิดไว้ด้วยสิ”
“เอางี้ละกัน ที่กลางถ้ำจะมีวิหารที่มีแสงภายนอกส่องลงมาพอดี ที่นั่นจะมีพลุไปของจริงวางอยู่ จุดมันแล้วปาออกมาทางช่องเพดานถ้ำนั่น”
“ถ้าทำได้ข้าจะดึงพวกเจ้าขึ้นมา ถ้าคิดจะเป็นทัพอาถรรพ์ที่เข้มแข็ง ก็ลองเอาชนะปัญหาง่าย ๆ แค่นี้ให้ได้ก่อนเถอะ”
“แค่ชีวิตของตัวเองลองเอาให้รอดดูหน่อยเซ่!”
สิ้นคำของพรรณพยัคฆ์ เชียรก็กลับมีแรงลุกขึ้นมาซะอย่างนั้น อีกทั้งยังพล่ามอะไรออกมาก็ไม่รู้อีก
“พูดพล่ามอะไรอยู่ได้ ช่วยกันออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ” อัณณิกาเอ่ยออกมาขัดการสนทนาระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ ก่อนจะปากริชของตนไปสลายเหล่ากลุ่มควันซึ่งเป็นตัวกลางในการมาของพรรณพยัคฆ์
“เอาล่ะ ไอ้ครูบ้านั่นหายไปแล้ว จะเอาไงกันต่อ” เธอหันกลับมาพูดอย่างหน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เพียงแค่ข่มความกลัวของตนเองเข้าไว้
ปึง!!
เสียงทุบตีอาณาเขตของปอบดังขึ้นราวกับเสียงนกบินชนบานกระจกแต่ภาพมันน่าสยองและสะอิดสะเอียนมากกว่านั้น
“อีกเดี๋ยวพวกปอบก็คงพังอาณาเขตเข้ามาได้” เนตรตื่นตระหนกสายตาตนยังคงมองไปรอบด้าน
“ไม่มีแผนอะไรแล้วงั้นเหรอ”
“ตอนนี้ยัง”
"ยังไม่มีแผนอะไรเลย"
ความคิดเห็น