ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ เชียร​ ภาคีทัณฑ์อาถรรพ์ ] สัจจะ สัญญา และอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #6 : Bokura (僕ら)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 63


    { Flashback }

    "ตราบใดที่รัชสมัยนี้ยังไม่แปรผัน​ ตัวข้าก็ไม่ยอมตาย" เขากล่าวออกมาอย่างหนักแน่นพร้อมกับความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม​ ต่างจากหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานของทางราชการ​พร้อมเบ้ปากก่อนเอ่ยขึ้นทักท้วง

     

    "คนเรานั้นเกิดมาแล้วก็ต้องตายเป็นสัจธรรม​ แล้วท่านทำเพื่อผู้ใดกัน? ไม่ใช่ว่าอยู่ผู้เดียวรึ หรือว่าท่านกลัวตายล่ะ คิก...คิก คิก...คิก "

     

    คำทักถามนี้ทำให้เขานึกขึ้นได้​ เมื่อแต่ก่อนเขาไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว​ แต่ทุก​ ๆ​ คนที่เขารักนั้นกลับตายจากเขาไปเสียหมด​  เขาก็แค่อยากจะทำให้ยุคสมัยแห่งความอ่อนโยนนั้นเกิดขึ้นจริง ตามที่ได้เคยให้สัญญาไว้กับคนผู้หนึ่ง

     

    "ช่างเป็นถ้อยคำที่เห็นแก่ตัวเสียจริงนะท่านทูตอนิกา  ข้าว่าท่านต้องปรับเปลี่ยนความคิดเสียสักหน่อยแล้วกระมัง" ชายหนุ่มวัยรุ่นผมแดงในคราบชุดราชการเงื้อมะเหงกเขกหัวของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันเสียหนึ่งที​ ทั้งนี้ว่าก่อนใช้คำพูดคำจาอะไรให้คิดก่อนเสียบ้าง

     

    "ข้าก็เป็นแบบนี้ของข้าก็มานานมากโขแล้ว​  เรื่องตัดช่องน้อยแต่พอตัวให้มาปรึกษาหารือกับข้าได้​" ถึงจะโดนถึงเพียงนั้น​ หญิงสาวยังหัวเราะกลั้ว นั่งยิ้มแป้นภายในเรือนไม้หลังงาม​ แรงลมโชยพัดผ่านกิ่งไม้เสียดกันเกิดเสียงกล่อม​เสนาะไพเราะไปทั่วเรือนจนเกิดเป็นความผ่อนคลายให้แก่ทั้งสอง

     

    อนิกานั่งฟังเสียงบรรเลงเพลงจากไพรวัลเสียก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมาอีกคราและเอ่ยถ้อยคำที่ไม่น่าจะออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาวผู้นี้

     

    “แล้วข้าจะคอยรอชมรัชสมัยของท่านละกัน ท่านแม่ทัพ” เธอกล่าวด้วยความหรรษาไม่เคยแม้แต่จะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ก่อนเก็บข้าวของและออกไปจากเรือนไม้จนลับสายตาของเด็กหนุ่ม

     

    ----------------------------------------------------------------

     

    “ฟ้า เร็วกว่านี้ได้มั้ย” เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนนั้นอาการคล้ายกับคนใกล้ตายเข้าเสียทุกที

    “เจ้าก็ใจเย็น ๆ ซะบ้างสิ” ฟ้าตอบกลับและทำหน้าที่ของตนเองต่อ

     

    “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? ทำไมต้องฆ่ากันด้วย? พวกแกเป็นครูไม่ใช่หรอ?” 

    “ถามซ้ำซากกันแบบนี้ทุกปี ข้าจะตอบพวกเจ้าให้ก่อนตายก็ได้ว่า...ก็เพราะว่ามัน ‘สนุก’ ดีน่ะสิ!   การที่ได้เฝ้ามองความฉิบหายของเด็กโลกสวยแบบนี้น่ะ”

    “โคตรสนุก!”

     

    “คิดว่าภาคีนี่คืออะไร? สิ่งที่พวกเราต้องการคือทหาร ที่พร้อมจะฆ่าและตายในภารกิจ เอาง่าย ๆ ก็คือ...”

    “ใครรอดออกมาจากถ้ำปอบได้ ก็มีค่าพอที่จะจับมาเรียน!” 

     

    “บ้าชิบ!  แกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ ๆ” เสียงพึมพำเบา ๆ ออกมาจากปากอัณณิกาที่นั่งคุกเข่าอย่างจนปัญญา ตอนนี้สมองของเธอตื้อตันไปหมด มองไปรอบทิศก็มีเพียงพวกปอบคอยที่จะพังอาณาเขตเข้ามาได้ทุกเมื่อ 

     

    “แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะปล่อยพวกข้าไป” คงถามพรรณพยัคฆ์ ครูที่เขาเคารพนักเคารพหนาในยามสถานการณ์คราที้เขาก็ยังไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะโดนตัดหางปล่อยวัด

     

    “อืม...นั่นสิน้า ไม่ได้คิดไว้ด้วยสิ”

    “เอางี้ละกัน ที่กลางถ้ำจะมีวิหารที่มีแสงภายนอกส่องลงมาพอดี ที่นั่นจะมีพลุไปของจริงวางอยู่ จุดมันแล้วปาออกมาทางช่องเพดานถ้ำนั่น”

    “ถ้าทำได้ข้าจะดึงพวกเจ้าขึ้นมา ถ้าคิดจะเป็นทัพอาถรรพ์ที่เข้มแข็ง ก็ลองเอาชนะปัญหาง่าย ๆ แค่นี้ให้ได้ก่อนเถอะ”

     

    “แค่ชีวิตของตัวเองลองเอาให้รอดดูหน่อยเซ่!”

     

    สิ้นคำของพรรณพยัคฆ์ เชียรก็กลับมีแรงลุกขึ้นมาซะอย่างนั้น อีกทั้งยังพล่ามอะไรออกมาก็ไม่รู้อีก 

     

    “พูดพล่ามอะไรอยู่ได้ ช่วยกันออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ” อัณณิกาเอ่ยออกมาขัดการสนทนาระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ ก่อนจะปากริชของตนไปสลายเหล่ากลุ่มควันซึ่งเป็นตัวกลางในการมาของพรรณพยัคฆ์

     

    “เอาล่ะ ไอ้ครูบ้านั่นหายไปแล้ว  จะเอาไงกันต่อ” เธอหันกลับมาพูดอย่างหน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เพียงแค่ข่มความกลัวของตนเองเข้าไว้ 

     

    ปึง!!

    เสียงทุบตีอาณาเขตของปอบดังขึ้นราวกับเสียงนกบินชนบานกระจกแต่ภาพมันน่าสยองและสะอิดสะเอียน​มากกว่านั้น


     

    “อีกเดี๋ยวพวกปอบก็คงพังอาณาเขตเข้ามาได้” เนตรตื่นตระหนก​สายตาตนยังคงมองไปรอบด้าน

    “ไม่มีแผนอะไรแล้วงั้นเหรอ”

    “ตอนนี้ยัง”

     

    "ยังไม่มีแผนอะไรเลย" 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×