คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ถ้ำปอบ
'ในถ้ำไม่เห็นจะมีอะไรเลย'
'เฮ้ ปอบอยู่ไหน ออกมาหาหน่อย'
'เจ้าบ้ารึไง จะให้ปอบมาฆ่าเราหรอ'
“ชู่ เงียบ ๆ หน่อย”
“อะไร ในถ้ำมันจะมีอะไร ปอบก็ฆ่าง่าย ๆ ไม่ใช่หรอกเหรอ”
“ก็บอกให้เงียบ ๆ ไงคง ถ้าไม่เงียบข้าก็ควักไส้เจ้าเอามาล่อปอบซ่ะ”
จากเสียงพูดที่เคยครื่นเครงกลับเงียบมาคุชวนอึดอัด เพียงไม่นานก็เริ่มมีเสียงดังกรอบแกรบคลอขึ้นมาเบา ๆ มาจากด้านหลัง อัณณิกาและเชียรที่เดินรั้งท้ายพลันส่งสายตาหากันและจึงจัดการต้นเสียง แต่สิ่งที่พบนั้นก็เป็นเพียงรูปปั้นแตก ๆ จากพิธีกรรมเพียงเท่านั้น
“ฮ่า ๆ สุดท้ายพวกเจ้าสองคนก็แค่ปอดเองน่า” คงเอ่ยออกมาหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าเหยเกของทั้งคู่
“กรอบบ แกรบบ" เสียงคลอนั่นยังดังไม่หยุด หญิงสาวผมนิลกระดิกนิ้วส่งสัญญาณให้บุญรู้ว่าตนต้องการคบเพลิงเพื่อเพิ่มแสงสว่าง เมื่อได้คบเพลิงมาแล้วเธอจึงเดินนำไปด้านหลังรูปปั้น เสียงนั่นกลับดังขึ้น ดังขึ้น จนเห็นที่มาของเสียง ร่างผอมแห้งหนังหุ้มกระดูกตัวสูงโย่งนั่งแทะกินไส้ของตัวเองและมองมาทางตน
“มันกำลังกินไส้ตัวเอง” เสียงหนึ่งดังขึ้น แต่หญิงสาวไม่รอช้าใช้กริชตัดคอขาดสะบั้น
“เห็นมั้ยว่าฆ่าได้ง่าย ๆ” สมานเอ่ยออกมา
“แต่เจ้าเคยว่ามันเหมือนกับคนทั่วไป ไฉนมันผอมแห้งแถมหนังหุ้มกระดูก ทั้งยังเล็บที่ยาวเหยียดนั่นอีก” อัณณิกาเอ่ยโต้กลับไป
“จะว่าไป ปอบก็ต้องกลัวของขลังใช่ไหมแก้ว…แก้ว” ฟ้าหันซ้ายทีขวาที่หาผู้ที่มาของขลังมากที่สุดในที่นี้แต่มิเห็นแม้แต่เงาของเด็กสาว
“หวาาา ก…แก้ว” บุญตะโกนร้องลั่นถ้ำ เมื่อเห็นหัวของแก้วนั้นกลิ้งหลุน ๆ หลุดลงมาจากบ่า สายโลหิตไหลชโลมไปทั่วร่าง เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก
“ปอบมันมาจากไหนกัน ไม่ใช่มันสนใจแค่แสงไม่ใช่หรอ”
“นำไฟมาให้ข้า” เชียรเอ่ยพลันยื้อแย้งคบเพลิงมาจากบุญ มือขวาแย้งคบเพลิงมาพลันขว้างขึ้นไปบนเพดานถ้ำอย่างทันควัน ภาพที่เห็นนั้นคือผีปอบนับร้อยตัวที่เกาะอยู่ด้านบนราวกับค้างคาวที่กำลังจำศีล ร่างซูบผอมปล่อยตัวลงมาจากเพดาลพลันเดินโซซัดโซเซหาเหยื่อภายในถ้ำ ต่างคนต่างนำอาวุธขึ้นมา บ้างเป็นศัสตราวุธ บ้างก็ร่ายมนต์คาถา ต่างขุดวิชาของแต่ละคนนำมาสู้กับปอบ
‘ยักษ์อย่างงั้นเหรอเชียร เรียกไม่เอ่ยชวนกันบ้างเลยนะ’
“แบบนี้ก็สนุกซ่ะแล้วสิ จงออกมา'ชิรายูกิฮิเมะ'(ปีศาจหิมะ)” หลังเอ่ยอัญเชิญวิญญาณของหญิงสาวร่างสูงพลันปรากฎผิวกายซีดเผือด เรือนผมสีขาวดั่งหิมะ กายของนางนั่นห้อมล้อมไปด้วยความเย็นยะเยือกไม่ต่างกับการกระทำของเจ้านายตนในยามนี้
“โห เจ๋งไม่เบานี่หว่า” คงเอ่ยพลางฆ่าปอบไปเรื่อย ๆ
“อนิกา…เจ้าจัดการทางนั้น ข้าจะจัดการทางนี้เอง” เชียรกล่าวตะโกนออกมา พลางใช้ยักษ์ไปด้วย
“!!!…ได้สิ ท่านแม่ทัพ” อัณณิกาเอ่ยเปรยออกมาเบา ๆ ก่อนจะชักดาบคาตานะออกมาทำให้ปีศาจของตนได้ดาบมาใช้ด้วย ยักษ์ตัวนี้ก็เป็นดั่งเหมือนดาบสองคม จะกระทำตามนายทุกอย่างแต่กลับทิศทางกัน ถ้ากระทำผิดด้าน นายอาจจะบาดเจ็บไปด้วย
“จินตา…บุญ!”
“ฟ้า…อย่าเพิ่งเสียสมาธิ รีบร่ายคาถาอาณาเขตเร็ว”
“ได้ สมานช่วยคุ้มกันข้าที”
“มโมพุทธายะ นโมพุทธานะ…” เสียงร่ายอาคมจากสมานดังขึ้น ทำให้ฟ้าต้องทำสีหน้าเจื่อน
“นั่นมันคาถาพรางตานิ!”
“สมาน!”
“อ้ากกก…”
“เชียร… ฟ้าถ้าเจ้ากางเขตอาคมเสร็จแล้วก็รีบบอกข้าด้วย” อัณณิกาฟันดาบกวาดไปที่กลางตัวของปอบ และวิ่งไปหาเชียรทันที และยิ่งวิ่งไปไกลเท่าไหร่ ยักษ์ของตนก็ยิ่งไกลมาเท่านั้นมีทางเดียวก็คือต้องอัญเชิญกลับ…
“พลุสัญญาณล่ะ หักพลุแล้วเรียกครูมาให้ช่วยพวกเราสิ พลุอยู่ไหน” เนตรกล่าวพร้อมสีหน้าแห่งความหวัง เป็นคนที่ไม่มีอาวุธแต่ก็ดวงดีใช่เล่น
“จริงสิ จินตาเก็บไว้ไม่ใช่หรอ”
“อั๊วจะไปเอาเอง”
“เหมย!” คงเอ่ยเสียงหลงตามหลังหญิงสาวชาวจีนที่วิ่งว่องไปทางศพของจินตาและหยิบชูพลุสัญญาณขึ้นมาเตรียมหักแท่งพลุสัญญาณ
“เหมยหลิง อย่าเพิ่งหักมัน!”
บึ้ม!!!
ไม่ทันที่หญิงสาวได้กล่าวเตือน จากไฟสีฟ้าที่ลุกแจ้งกลับกลายเป็นเสียงระเบิดต่อหน้าต่อตาทุกคน
‘ถ้าข้าเห็นแสงนั่นก่อน ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้’ อัณณิกากำดาบไว้แน่นก่อนจะวิ่งไปคุ้มกันฟ้าที่ร่ายเขตอาคม
“ทะ…ทำไมถึง” คงแสดงสีหน้าเหวอ แต่ก็คงจะละสายตาจากปอบไปไม่ได้
“ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนว่าจะใช้พลุสัญญาณแล้วสินะ เป็นไงบ้างทุกคน”
“เสียงครู”
“บอกแล้วไงว่าพวกเธอต้องสนุก”
“สนุกกับผีน่ะสิ” อัณณิกาเอ่ยประชดครูพรรณพยัคฆ์พลางเรียกยักษ์ของตนกลับมา
“เขตอาคมใกล้เสร็จแล้ว เนตรรีบพาเชียรเข้ามา เร็วเข้า!” ฟ้ากล่าวแต่ก็ยังร่างคาถาไปเรื่อย ๆ
“นะโมพุทธายะ อาณาอารักขา เขตสายสิญจน์คุ้มภัย”
“ฟ้า เชียรสลบไปแล้ว!” เนตรเอ่ยพร้อมกะสีหน้าตื่นตระหนก ถ้าไม่รีบกว่านี้ปอบก็คงพังอาณาเขตเข้ามาได้แน่ ๆ
“ฉันจะเป่าสมานแผลให้ พยายามปลุกเชียรไว้นะ”
“ตื่นสิเชียร อย่าลืมที่เคยสัญญากันไว้สิ”
“เชียร!!!”
ความคิดเห็น