ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ เชียร​ ภาคีทัณฑ์อาถรรพ์ ] สัจจะ สัญญา และอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #5 : ถ้ำปอบ​

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 64


    'ในถ้ำไม่เห็นจะมีอะไรเลย'

    'เฮ้​ ปอบอยู่ไหน​  ออกมาหาหน่อย'

    'เจ้าบ้ารึไง​ จะให้ปอบมาฆ่าเราหรอ'​

     

    “ชู่​  เงียบ​ ๆ​ หน่อย” 

    “อะไร​ ในถ้ำมันจะมีอะไร​ ปอบก็ฆ่าง่าย​ ๆ​ ไม่ใช่หรอกเหรอ”

    “ก็บอกให้เงียบ​ ๆ​ ไงคง​  ถ้าไม่เงียบข้าก็ควักไส้เจ้าเอามาล่อปอบซ่ะ”  

     

    จากเสียงพูดที่เคยครื่นเครงกลับเงียบมาคุชวนอึดอัด​ เพียงไม่นานก็เริ่มมีเสียงดังกรอบแกรบคลอขึ้นมาเบา​ ๆ​  มาจากด้านหลัง อัณณิกาและเชียรที่เดินรั้งท้ายพลันส่งสายตาหากันและจึงจัดการต้นเสียง​​ แต่สิ่งที่พบนั้นก็เป็นเพียงรูปปั้นแตก​ ๆ​ จากพิธีกรรมเพียงเท่านั้น 

     

    “ฮ่า​ ๆ​  สุดท้ายพวกเจ้าสองคนก็แค่ปอดเองน่า” คงเอ่ยออกมาหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าเหยเกของทั้งคู่ 

     

    “กรอบบ​ แกรบ​บ"  เสียงคลอนั่นยังดังไม่หยุด  หญิงสาวผมนิลกระดิกนิ้วส่งสัญญาณให้บุญรู้ว่าตนต้องการคบเพลิงเพื่อเพิ่มแสงสว่าง​​  เมื่อได้คบเพลิงมาแล้วเธอจึงเดินนำไปด้านหลังรูปปั้น  เสียงนั่นกลับดังขึ้น ดังขึ้น จนเห็นที่มาของเสียง  ร่างผอมแห้งหนังหุ้มกระดูกตัวสูงโย่งนั่งแทะกินไส้ของตัวเองและมองมาทางตน

     

    “มันกำลังกินไส้ตัวเอง” เสียงหนึ่งดังขึ้น แต่หญิงสาวไม่รอช้าใช้กริชตัดคอขาดสะบั้น 

    “เห็นมั้ยว่าฆ่าได้ง่าย ๆ” สมานเอ่ยออกมา

    “แต่เจ้าเคยว่ามันเหมือนกับคนทั่วไป ไฉนมันผอมแห้งแถมหนังหุ้มกระดูก ทั้งยังเล็บที่ยาวเหยียดนั่นอีก” อัณณิกาเอ่ยโต้กลับไป 

    “จะว่าไป ปอบก็ต้องกลัวของขลังใช่ไหมแก้ว…แก้ว” ฟ้าหันซ้ายทีขวาที่หาผู้ที่มาของขลังมากที่สุดในที่นี้แต่มิเห็นแม้แต่เงาของเด็กสาว

     

    “หวาาา  ก…แก้ว” บุญตะโกนร้องลั่นถ้ำ  เมื่อเห็นหัวของแก้วนั้นกลิ้งหลุน ๆ หลุดลงมาจากบ่า สายโลหิตไหลชโลมไปทั่วร่าง เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

     

    “ปอบมันมาจากไหนกัน ไม่ใช่มันสนใจแค่แสงไม่ใช่หรอ”

    “นำไฟมาให้ข้า” เชียรเอ่ยพลันยื้อแย้งคบเพลิงมาจากบุญ  มือขวาแย้งคบเพลิงมาพลันขว้างขึ้นไปบนเพดานถ้ำอย่างทันควัน ภาพที่เห็นนั้นคือผีปอบนับร้อยตัวที่เกาะอยู่ด้านบนราวกับค้างคาวที่กำลังจำศีล ร่างซูบผอมปล่อยตัวลงมาจากเพดาลพลันเดินโซซัดโซเซหาเหยื่อภายในถ้ำ ต่างคนต่างนำอาวุธขึ้นมา บ้างเป็นศัสตราวุธ บ้างก็ร่ายมนต์คาถา ต่างขุดวิชาของแต่ละคนนำมาสู้กับปอบ

     

    ‘ยักษ์อย่างงั้นเหรอเชียร เรียกไม่เอ่ยชวนกันบ้างเลยนะ’

    “แบบนี้ก็สนุกซ่ะแล้วสิ  จงออกมา'ชิรายูกิฮิเมะ'(ปีศาจหิมะ)” หลังเอ่ยอัญเชิญวิญญาณของหญิงสาวร่างสูงพลันปรากฎผิวกายซีดเผือด เรือนผมสีขาวดั่งหิมะ กายของนางนั่นห้อมล้อมไปด้วยความเย็นยะเยือกไม่ต่างกับการกระทำของเจ้านายตนในยามนี้

     

    “โห เจ๋งไม่เบานี่หว่า” คงเอ่ยพลางฆ่าปอบไปเรื่อย ๆ 

    “อนิกา…เจ้าจัดการทางนั้น  ข้าจะจัดการทางนี้เอง” เชียรกล่าวตะโกนออกมา พลางใช้ยักษ์ไปด้วย 

    “!!!…ได้สิ ท่านแม่ทัพ” อัณณิกาเอ่ยเปรยออกมาเบา ๆ  ก่อนจะชักดาบคาตานะออกมาทำให้ปีศาจของตนได้ดาบมาใช้ด้วย  ยักษ์ตัวนี้ก็เป็นดั่งเหมือนดาบสองคม  จะกระทำตามนายทุกอย่างแต่กลับทิศทางกัน  ถ้ากระทำผิดด้าน นายอาจจะบาดเจ็บไปด้วย

     

    “จินตา…บุญ!” 

    “ฟ้า…อย่าเพิ่งเสียสมาธิ รีบร่ายคาถาอาณาเขตเร็ว”

    “ได้ สมานช่วยคุ้มกันข้าที” 

    “มโมพุทธายะ นโมพุทธานะ…” เสียงร่ายอาคมจากสมานดังขึ้น ทำให้ฟ้าต้องทำสีหน้าเจื่อน

    “นั่นมันคาถาพรางตานิ!” 

    “สมาน!”

     

     

    “อ้ากกก…”

    “เชียร… ฟ้าถ้าเจ้ากางเขตอาคมเสร็จแล้วก็รีบบอกข้าด้วย” อัณณิกาฟันดาบกวาดไปที่กลางตัวของปอบ และวิ่งไปหาเชียรทันที  และยิ่งวิ่งไปไกลเท่าไหร่ ยักษ์ของตนก็ยิ่งไกลมาเท่านั้นมีทางเดียวก็คือต้องอัญเชิญกลับ…

     

    “พลุสัญญาณล่ะ หักพลุแล้วเรียกครูมาให้ช่วยพวกเราสิ พลุอยู่ไหน” เนตรกล่าวพร้อมสีหน้าแห่งความหวัง เป็นคนที่ไม่มีอาวุธแต่ก็ดวงดีใช่เล่น

    “จริงสิ จินตาเก็บไว้ไม่ใช่หรอ”

    “อั๊วจะไปเอาเอง”

    “เหมย!” คงเอ่ยเสียงหลงตามหลังหญิงสาวชาวจีนที่วิ่งว่องไปทางศพของจินตาและหยิบชูพลุสัญญาณขึ้นมาเตรียมหักแท่งพลุสัญญาณ

    “เหมยหลิง อย่าเพิ่งหักมัน!”

     

    บึ้ม!!! 

    ไม่ทันที่หญิงสาวได้กล่าวเตือน จากไฟสีฟ้าที่ลุกแจ้งกลับกลายเป็นเสียงระเบิดต่อหน้าต่อตาทุกคน 

     

    ‘ถ้าข้าเห็นแสงนั่นก่อน ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้’ อัณณิกากำดาบไว้แน่นก่อนจะวิ่งไปคุ้มกันฟ้าที่ร่ายเขตอาคม 

     

    “ทะ…ทำไมถึง” คงแสดงสีหน้าเหวอ แต่ก็คงจะละสายตาจากปอบไปไม่ได้

     

    “ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนว่าจะใช้พลุสัญญาณแล้วสินะ เป็นไงบ้างทุกคน” 

    “เสียงครู” 

    “บอกแล้วไงว่าพวกเธอต้องสนุก”

     

    “สนุกกับผีน่ะสิ” อัณณิกาเอ่ยประชดครูพรรณพยัคฆ์พลางเรียกยักษ์ของตนกลับมา

    “เขตอาคมใกล้เสร็จแล้ว  เนตรรีบพาเชียรเข้ามา เร็วเข้า!” ฟ้ากล่าวแต่ก็ยังร่างคาถาไปเรื่อย ๆ 

    “นะโมพุทธายะ อาณาอารักขา เขตสายสิญจน์คุ้มภัย”

     

    “ฟ้า  เชียรสลบไปแล้ว!” เนตรเอ่ยพร้อมกะสีหน้าตื่นตระหนก ถ้าไม่รีบกว่านี้ปอบก็คงพังอาณาเขตเข้ามาได้แน่ ๆ

    “ฉันจะเป่าสมานแผลให้ พยายามปลุกเชียรไว้นะ” 

    “ตื่นสิเชียร อย่าลืมที่เคยสัญญากันไว้สิ”

    “เชียร!!!”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×