ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ เชียร​ ภาคีทัณฑ์อาถรรพ์ ] สัจจะ สัญญา และอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #4 : พายุใหญ่เริ่มตั้งเค้า...

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 64


    เสียงไก่ขันบอกย้ำเวลารุ่งสาง  ร่างระหงส์พลิกตัวตะแคงไป​มา​ รู้สึกครั่นกายาในยามนี้   

    ‘คงเป็นเพราะต่างถิ่นที่อยู่กระมัง’ อัณณิกาพลันขบคิด​ ลุกขึ้นเก็บเสื่อ​ หยิบศัสตราวุธของตนมาเก็บ ก่อนเดินออกไปล้างเนื้อล้างตัวโดยมิได้เอ่ยชวนหรือปลุกผู้ใดขึ้นมาในยามรุ่งสาง

     

    ร่างบางเดินตรงไปที่สายลำธารใกล้ ๆ กับเรือนนอนของเหล่าศิษย์ใหม่  ใช้มือกวักน้ำขึ้นมาล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดสะอ้านก่อนเดินสำรวจรอบ ๆ คุ้ม​  เมื่อคืนยังมิทันได้เดินชมก็พลันมีเรื่องมีราวเกิดขึ้นเสียก่อน​ แทนที่จะได้เชยชมใต้แสงจันทร์​ กลับต้องมาชมในยามหมอกหนาเช่นนี้

     

    “ไยเจ้ามาเดินเล่นทั้ง ๆ ที่แสงตะวันยังไม่ฉายส่องเช่นนี้”

    “ถ้ามีสัตว์ร้ายออกมากัดต่อย​ เจ้าจะเป็นอันตรายเอานะ!” 

     

    “!!!”

    อัณณิกาพลันแลหันซ้ายทีขวาทีเพื่อหาต้นเสียง รอบตัวของเธอนั้นมีเพียงแค่ความมืดขมุกขมัวปนกับหมอกในยามเช้า 

    นัยน์ตาเริ่มปรับรับความมืดพอแลเห็นสิ่งต่าง ๆ  รอบตัวได้​ เธอก็พลันเห็นครูของภาคีกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้​  ลักษณะเรือนผมยาวถักเปีย แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง


     

    “ข้าก็แค่อยากจะเดินดูรอบ ๆ คุ้มก็เพียงเท่านั้น  หากท่านครูไม่อยากให้ข้าทำเช่นนั้น ข้าก็จะกลับไปรอที่เรือนนอน” อัณณิกาเอ่ยน้ำเสียงปนเศร้าขณะเอี้ยวกลับไปทางเรือนนอนช้า ๆ  


     

    “เจ้าไม่ต้องกลับก็ได้ เพียงแต่เจ้าบอกชื่อของเจ้ามา ข้าจะแนะนำทางให้” ครูของภาคีเอ่ยออกมาอย่างสุขุม


     

    “ข้าชื่ออัณณิกา”


     

    “นามแฝงหรือ?”


     

    “มิใช่นามแฝง ข้าเพียงแค่ปรับชื่อให้เข้ากับที่แห่งนี้ก็เพียงเท่านั้น” อัณณิกายังเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม แต่ทุกคำพูดที่เอ่ยออกมานั้นกลับคิดไตร่ตรองไว้อย่างดีแล้ว


     

    “ชื่อของเจ้า​ ข้ารู้สึกคุ้นนัก​ แต่ช่างเถอะ​ ตามหลังข้ามา  ข้าจะพาเดินชมรอบคุ้ม” 

     

    ----------------------------------------------------------------

    ช่วงสาย

    “เอาล่ะ…เหล่าครูของภาคี  จะพาเด็กใหม่ไปจุดทดสอบของแต่ละกลุ่ม” 


     

    “ภารกิจถ้ำปอบ เริ่มต้น ณ บัดนี้! ” 

    เสียงของครูพรรณพยัคฆ์​กล่าวเปิดพิธีและจึงแยกเด็กใหม่เป็นทั้งหมด​ 6 กลุ่ม​ ก่อนที่ครูแต่ละคนจะเดินนำแต่ละกลุ่มไปที่หน้าทางเข้าถ้ำแต่ละแห่ง​  แต่ละกลุ่มล้วนแลดูหรรษาและครื่นเครง​  มิได้มีความกลัวกับภารกิจนี้แม้แต่น้อย


     


     

     ตึก​ ตึก​ ตึก​

     

    "จากนี้​ พวกเจ้าต้องเข้าไปในถ้ำและกำจัดปอบให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นคะแนนในการจัดระดับ" 

    "คบเพลิงและอาวุธพวกนี้​ หยิบไปเท่าที่ต้องการเลย แต่ก่อนจะเข้าไปครูให้โอกาสถามได้หนึ่งคำถาม" 

    "จะถามอะไรมั้ย​  กลุ่ม​ 4" พรรณพยัคฆ์กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างหรรษา​ปล่อยให้เหล่าศิษย์พูดคุยกันอย่างเสรี

     

    "โอ๊ย! ไม่จำเป็นหรอกครู​  เข้าไปเชือด​ๆ​  ก็จบ" คงเอ่ยพร้อมสีหน้าและท่าทางอันแสนมั่นใจ

    "อย่าประมาทน่าคง" 

    "นะ...นั่นน่ะสิ​ ฉันก็ถนัดแค่ดูฤกษ์ด้วยสิ" ฟ้าเอ่ยปรามต่อด้วยจินตาที่เสริมต่อ

     

    "เอ่อ​ อย่าหาว่าอั๊วโง่เลยนะ​ ปอบเนี่ยคืออะไรเหรอ?"  เหมยหลิงถาม

    "หา! เจ้าไม่รู้จักปอบเหรอ"

    "ลื้อเห็นหน้าอั๊วมั้ยเนี่ย จีนแท้​ ๆ​  อย่างอั๊วจะไปรู้ได้ไง" 

    "ข้าอธิบายให้ก็ได้​  ถ้าตอบง่าย​ ๆ​  ก็คือผีที่กินเครื่องใรของสิ่งมีชีวิตอื่น​  แต่ถ้าจะตอบจริง​ ๆ​ ล่ะก็...ปอบจะหมายถึงอาถรรพ์ที่อยู่ในร่างคน​ หากใครจิตอ่อน​ ทำตัวนอกรีด​ ผิดผี​ ก็อาจจะถูกอาถรรพ์นั้นเข้าตัวได้"  บุญอธิบาย

    "โห! เจ้านี่รู้เยอะจัง" แก้วเอ่ยออกมาพลางอยากรู้

    "เพราะข้าอยากจะเป็นหมอผีเหมือนกับพ่อน่ะ"

    "จริง​ ๆ​ ไม่ต้องกลัวมากก็ได้​ ข้าเคยเห็นปอบของจริงมาแล้ว" สมานเด็กหนุ่มมาดนักมวยเอ่ยต่อ​ 

    "หน้าตาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาอะไร​ แค่กำลังชาวบ้าน​ 2-3​ คนก็จัดการได้แล้ว" 

    "ใช่แล้ว!!! ไม่ต้องกลัวไปน่าทุกคน​ นี่เป็นแค่ภารกิจแรก​คงไม่ยากเย็นอะไรหรอก​ ตราบที่พวกเรายังสามัคคีและเชื่อใจกัน" คงเอ่ยปลุกใจพวกพ่องร่วมชะตา​  แต่ไม่ใช่กับอัณณิกาที่นั่งลับคมอาวุธของตนอยู่​โดยมิได้สนใจสิ่งรอบข้างโดยแม้แต่น้อย


     

    "ปลุกใจได้ยอดมาก! ถ้างั้นกลุ่ม​ 4  ไปเข้าถ้ำได้"

    "แล้วทำไมครูถึงไม่เข้าไปด้วยกันล่ะ​  มีอะไรมายืนยันว่าคุณจะไม่หลอกเราไปตาย? " คำถามของเชียรทำให้อัณณิกาละสายตาจากกริชและมองด้วยความใคร่รู้​ 

    "แกพูดงี้ได้ไงวะ!!! ไม่ไว้ใจรู้รึไง

    "สิทธิ์ถามคำถาม​ ถ้าไม่มีใครใช้ข้าก็จะใช้  ข้าไม่รู้ว่าที่ที่พวกเจ้าจากมาเป็นไง​ แต่ที่ที่ข้าอยู่มีแต่การเข่นฆ่า​ ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด​   ทั้ง​ ๆ​ ที่โลกภายนอกเป็นเช่นนั้น​ แต่ภาคีกลับสุขสบาย​ ทำเหมือนทุกสิ่งช่างง่ายดาย"

    "แบบนี้ไม่คิดจะตั้งคำถามบ้างเหรอ! จริง​ ๆ​  แล้วภารกิจนี้น่ะอาจจะ…"

    "ถ้าไม่เข้าไป...แกตาย!!!"

    "เอาซี่จะไม่เข้าไปก็ได้​ แต่ถ้ามีสักคนที่ไม่เข้าไป​ กลุ่ม​ 4 ทั้งหมดจะถูกไล่ออก​"

     

    "โธ่เอ๊ย! หยอกเล่นขํา​ ๆ​ เองน่า​ ไม่เอาอย่าเครียด​ มันก็แค่กิจกรรมสนุก​ ๆ​ ถ้าพวกเธอกลัว​ ก็จงใช้พลุสัญญาณนี่​ แค่หักมันและชูขึ้น​ ข้าจะรับรู้ทันที"

    "เท่านี้คงสบายใจได้แล้วนะ​  เชียร"

    "อย่าสนใจไปเลยครู​ หมอนี่ชอบชักใบให้เรือเสีย​  ที่จริงก็แค่คนปอดแหกสินะ"

    "พอเถอะน่าคง" อัณณิกายันตัวเองลุกขึ้นเอ่ยปราม

    "ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็น่าจะเข้าถ้ำได้แล้ว​ เดี๋ยวจะมืดค่ำเอา" คำพูดเหมือนจะเป็นห่วงแต่เธอเอ่ยออกมาด้วยความรำคาญเจ้าพวกนี้มากกว่า

    "งั้น​ เตรียมตัวเข้าถ้ำกันเถอะ" 

     

    'ข้าจะถือคบเพลิงให้'​

    'ข้าสู้ไม่เป็น​  ขอถือพลุสัญญาณละกัน'​

    'คงไม่ได้ใช้หรอกม้าง'​

     

    "เชียร....รีบไปกันเถอะ​ ยืนรออะไรอยู่ล่ะ" อัณณิกาเอ่ยทักเด็กหนุ่มและจึงเดินตามหลังกลุ่ม4เข้าไปในถํ้า

     

    "คิก  คิก​ ความสนุกมันจะอยู่ต่อจากนี้ต่างหาก" พรรณพยัคฆ์เอ่ยหลังเหล่าศิษย์ใหม่ได้เข้าไปด้านในถ้ำครบทุกคน​  ร่างของชายฉกรรจ์ได้เดินไปที่หน้าทางเข้าถ้ำพนมมือขึ้นใช้คาถาปิดผนึกทางเข้าออก ผู้ใดที่เข้าไปแล้วก็จงหาทางออกกันเอาเอง​ 
     

    "นับ​จากนี้ข้าขอไปหาที่ดื่มเหล้าก่อนล่ะ​  โชคดีนะ​ กลุ่ม​ 4 "

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×