ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #45 : บทเรียนที่ 40 ปริศนาโล่ห์น้ำแข็ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      46
      13 มี.ค. 51

                                      


           
                                                                             
    บทเรียนที่
    40  ปริศนาโล่ห์น้ำแข็ง

     

     

     


                                    “ 15 – 11  

    เสียงปรบมือดังไปทั่วห้องชมรม ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนจะต้องปรบมือให้กับความยอดเยี่ยมของลูกไม้ตายอันแสนจะน่ากลัวของลมดำ

      ชั้นขอยอมรับในฝีมือของนายเลยจริงๆ วิสด้อมแย้มยิ้ม โยนลูกปิงปองในมือเล่นอย่างสบายใจ

    ขอบใจ นายเองก็เช่นกัน  ลมดำยิ้มรับ

    แต่ว่า………” วิสด้อมขยับแว่นให้เข้าที่ นายก็มาได้เพียงแค่นี้แหละ !

    พริบตานั้นวิสด้อมก็เสริฟ์ลูกออกทันที แต่ลมดำที่ระวังตัวอยู่แล้ว ก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมจะใช้ลูกไม้ตายอีกครั้ง

     

    เหยี่ยวทมิฬ !

     

    ลูกปิงปองสัมผัสกับไม้ปิงปองที่ตั้งขนานกับโต๊ะก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้าทันที  จากนั้นก็พุ่งลงไปยังโต๊ะปิงปอง ก่อนที่จะหมุนควงเป็นวงกลมพุ่งออกขนานกับทางด้านซ้ายของโต๊ะอย่างรวดเร็ว

    “ 15 – 12

    วิสด้อมไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะขยับตัวด้วยซ้ำ แต่ที่น่าประหลาดก็คือ สีหน้าของเขากลับยังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆอยู่ได้

    “ 15 – 13 ”

    ลูกปิงปองพุ่งออกเป็นวงไปทางขวา ขนานไปกับโต๊ะ และวิสด้อมก็เพียงแค่ยืนยิ้มอยู่กับที่เหมือนเช่นเคย จนกระทั่ง……………

    “ 20 -15 เปลี่ยนเสริฟ์

    วิสด้อมรับลูกปิงปองจากลมดำ แล้วหันกลับไปมองยังเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนของเขา นี่เป็นลูกสุดท้ายของเขาแล้ว หากพลาดก็จะแพ้ทันที ซึ่งทางด้านลมดำนั้นเพียงแค่ใช้ลูกไม้ตายอีกเพียงแค่ลูกเดียวก็ชนะได้อย่างสบายๆ

    เห็นโทโมะกอดอกจากนั้นทำหน้านิ่วใส่ด้วยความโกรธ วิสด้อมก็ยิ้มออกมานิดๆ

    ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ

    โทโมะอยากเดินเข้าไปเขกหัวทันที เมื่อได้ยิน

    หนอย ยังจะมีหน้ามาพูดอีก  พร้อมกับชี้ไปที่หน้ากวนๆของวิสด้อม   นายไม่แม้แต่จะพยายามด้วยซ้ำ ขืนแพ้แบบนี้นะ เราจะไม่คุยด้วยเลยคอยดูสิ

    ส่วนคิง สตั้นนั้นส่ายหัวอย่างเสียอารมณ์

    นี่แกจะทำให้ชั้นหมากฝรั่งติดคอตายหรือยังไงกัน  มันไม่ตลกนะพวก

    ฮ่าๆๆ วิสด้อมหัวเราะอย่างสะใจ  โทษทีนะ แต่ชั้นไม่แพ้หรอกน่า   จากนั้นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง โดยไม่สนใจเลยว่ากรรมการ และผู้ชมกำลังจ้องมายังตน ให้รีบๆเสริฟ์ลูกได้แล้ว

    อืม คิดออกแล้ว ถ้าชั้นชนะละก็  เธอต้องเลี้ยงข้าวชั้นด้วย ชี้กลับไปที่โทโมะ

    เดี๋ยวเถอะ ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก โทโมะหงุดหงิด แต่ก็ยิ้มออกมา

    สัญญาก่อนสิ วิสด้อมทำตัวขวางโลกแบบสุดๆ

    อืม โทโมะกัดฟัน ก็ได้ๆ แต่ถ้าแพ้ละก็น่าดูเชียวละ

    วิสด้อมที่ได้ยินนั้นยิ้มออกมาจนแทบจะหุบไม่อยู่ จากนั้นก็ชูนิ้วโป้งให้แก่โทโมะ

    ไม่ต้องห่วง เอาแว่นฟ้าเป็นเดิมพันเลยเอ๊า !   จากนั้นก็หันหน้าไปทางกรรมการพร้อมเกาหัว ขอโทษคร๊าบๆ จะเสริฟ์เดี๋ยวนี่ละครับ

    วาที่นั่งดูอยู่ถึงกับส่ายหน้าเอือมระอา   คนอะไรขวางโลกชะมัด จะแพ้แล้วยังลีลาอยู่ได้ แต่ก็ขอนับถือในฝีมือ และความขวางโลกเลยจริงๆ โชคดีนะเจ้าแว่นฟ้า

     

    ตึง

    เสียงของวัตถุบางอย่างที่หล่นกระทบพื้นดังขึ้น ซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเป็นเสียงของเหล็กแท่งขนาดเล็ก จากนั้นเห็นวิสด้อมก้มลงถลกขากางเกงสีครีมขึ้น ก่อนที่จะปลดเครื่องถ่วงน้ำหนักที่ข้อเท้าทั้งสองออกดูๆแล้วน่าจะหนักไม่ต่ำกว่าสองกิโลเป็นอย่างน้อย

    อะไรของเจ้าหมอนั่นกัน ? เสียงพึมพำหนาหูของคนดูดังขึ้น

    วาที่นั่งดูอยู่ก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าตลอดการแข่งเจ้าหมอนี่จะใส่เครื่องถ่วงน้ำหนักไว้ด้วย น้ำหนักที่ถ่วงขาทั้งสองไว้ก็คงจะไม่ใช่น้อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถเคลื่อนไหวตามลูกของลมดำได้ทันอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ที่น่าจะเรียกได้ว่า ไม่ปกติแล้วก็คือ แท่งเหล็กที่ใส่ไว้ตามช่องต่างๆบนนาฬิกาข้อมือที่น่าจะสั่งทำมาเป็นพิเศษนั่นต่างหาก  แบกรับน้ำหนักจากแท่งเหล็กมากๆขนาดนั้น แต่ยังสามารถตบลูกร้ายกาจๆออกไปได้  มันไม่ใช่คนแล้วแบบนี้

    อ้า วิสด้อมเหวี่งแขนไปมา รู้สึกดีชะมัด แต่ก็ไม่คิดเลยนะ ว่าจะต้องปลดเครื่องถ่วงน้ำหนักตั้งแต่รอบแรกแบบนี้

    ลมดำที่เห็นก็มีอาการตะลึงไม่แพ้วาเช่นกัน

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน !   แต่ก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   แต่ว่าถึงต่อให้นายจะปลดเครื่องถ่วงน้ำหนักมาตอนนี้ มันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก

    เอาละนะ วิสด้อมหยุดลูกปิงปองที่เด้งบนโต๊ะไว้ในมือ คอยดูให้ดี นี่คือพลังที่แท้จริงของ ดาบอัคคีทมิฬละ

    จากนั้นลูกเสริฟ์ก็พุ่งแหวกอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับมีเปลวเพลิงสีดำอยู่รอบๆ

    ไม่ทัน ! ความคิดวูบหนึ่งแว่บขึ้นมาในหัวของลมดำ ก่อนที่จะได้ยินเสียงกรรมการขานคะแนน

    “ 16 – 20 ”

    เฮ้ๆ อย่าเพิ่งเหม่อสิพวก ชั้นกำลังจะเสริฟ์แล้วนะ  

    “ 17 – 20 !

    ลูกปิงปองพุ่งผ่านหน้าของลมดำไปอีกครั้ง  ลมดำแม้จะเพ่งสมาธิไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถรับได้ทัน จริงอยู่ที่ว่า ลูกเสริฟ์นั้นเร็วขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่ได้ปลดน้ำหนักหลายเท่าตัว  แต่มันก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของลมดำที่จะรับได้  ถ้าอย่างนั้นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ?

    ลมดำเพิ่งสมาธิจดจ่อไปยังมือที่ถือไม้ของวิสด้อมตาไม่กระพริบ และ

    “ 18 – 20 !

    เห็นแล้ว ! ลมดำที่ยอมเสียแต้มลูกนี้ไปฟรีๆ ก็เพื่อหาเคล็บลับในการตี  และทิศทางของลูกอันพิศดารนี้

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มีคนที่เสริฟ์ด้วยท่าแบบนั้นได้จริงๆ ลมดำส่ายหน้าสลัดความตกใจไว้ก่อน สิ่งที่ลมดำเห็นก็คือ จังหวะเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ไม้จะกระทบลูกนั้น วิสด้อมก็เอียงไม้เล็กน้อย เปลี่ยนเป็นใช้สันไม้ตีออกไปแทน เป็นวิธีการตีที่บ้าบิ่นสุดๆ แถมยังมีโอกาสในการตีโดนน้อยมาก ซ้ำยังไม่แน่ว่าจะสามารถตีข้ามตาข่ายไปได้ แถมความเร็วของลูกก็ไม่น่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ด้วย

    ดูท่าเพื่อนนายจะแย่แล้วละ พรีสไซลูบคางแหลมๆกล่าว

    ไม่หรอก วายังคงยิ้มอยู่ ที่ลมดำหยุดดูไปเมื่อสักครู่นี้ เขาน่าจะพบวิธีจัดการลูกเสริฟ์นั้นได้แล้ว และนั่นละคือ อีกในหนึ่งความสามารถของเขา ตาเหยี่ยว  (EAGLE EYE) ยังไงละ

    ตาเหยี่ยวอย่างนั้นหรือ ? ”

    ใช่แล้ว วาพยักหน้า สายตาของลมดำที่สามารถวิเคราะห์จุดอ่อน และที่มาของวิถีของลูกได้นั้นไม่ต่างอะไรกับเหยี่ยวที่บินอยู่บนฟ้ารอคอยที่จะโฉบเหยื่อเลยแม้แต่น้อย

    “ 19 – 20 !

    แต่วาลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง ต่อให้สามารถอ่านเกมได้แค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่สามารถกำจัดจุดอ่อนของตัวเองไปได้มันก็เป็นการไร้ประโยชน์อยู่ดี

     

     

    มันไม่มีความกดดันบ้างเลยรึไงนะเจ้าหมอนี่ ลมดำปาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากนั้นตั้งท่าเตรียมใช้ลูกไม้ตาย ต้องลองเสี่ยงกันดูหน่อยละ ถ้าเราสามารถตีลูกไม้ตายออกไปได้ละก็……. ’

    “ 20 เท่า เปลี่ยนเสริฟ์ !

    ลมดำรับลูกปิงปองจากวิสด้อมมาไว้ในมือ เขากำมันไว้แน่น เหงื่อไหลออกมาอย่างช้าๆ เนื่องจากความกดดัน และความตื่นเต้น

    เราอ่านออกแล้ว ! เมื่อสักครู่แม้ว่าลมดำจะไม่สามารถตีลูกไม้ตายออกไปได้ แต่ทว่าไม้ของเขาก็สามารถสัมผัสโดนลูกปิงปองได้แล้ว ถึงแม้มันจะพุ่งขึ้นสูง และกระเด็นออกไปก็ตาม  

    ครั้งนี้เราตีได้แน่ ! ลมดำเงยหน้าขึ้นด้วยความมั่นใจ  จากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนเชียร์จากคนดูคนหนึ่ง

    สู้เขานะ นายทำได้แน่ !!!

    เมื่อลมดำมองไปยังต้นเสียงก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสามส่วน ผูกไทค์สีดำ กางเกงสีดำกำลังยืนโบกมือ พร้อมชูกำปั้นให้แก่ตนเอง และเมื่อเพ่งมองสักพักความกดดันที่มีอยู่ทั้งปวงก็หายเป็นปลิดทิ้งในทันที เพราะนั่นคือ เพื่อนรักของเขา วา นั่นเอง

    ลมดำชูกำปั้นกลับไปในทันที ตะโกนว่า

    ไม่ต้องห่วง สัญญาที่ให้ไว้ชั้นจะต้องทำให้ได้ นายก็อย่าแพ้ใครก็แล้วกัน !!!

    วาไม่ตอบคำได้แต่พยักหน้า โดยไม่สนใจว่า มีหลายคนหันมามองยังตนเอง  ส่วนวิสด้อมนั้นหัวเราะ และปรบมือตามน้ำไปด้วย

    สัญญางั้นรึ วิสด้อมเกาคาง ช่างเป็นมิตรภาพที่น่าประทับใจเสียจริงๆ

    ลมดำไม่มีอาการโกรธเลยแม้แต่น้อย ตอบกลับไปว่า

    มาตัดสินกันเลย !

    วิสด้อมปัดไทค์ที่ตกลงมากลับไปไว้บนบ่า

    ชั้นเองก็มีสัญญาที่จะแพ้ไม่ได้เช่นกัน เพราะโทโมะสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวชั้น ถ้าชั้นชนะ !

    ลมดำหลับตานิ่งก่อนที่จะชูลูกขึ้นสูงพร้อมปล่อยลงมาอย่างช้าๆ  ลูกปิงปองหมุนสองสามรอบก่อนที่จะผ่านระดับสายตาของเขาไป และทันใดนั้นเอง ประกายตาของลมดำเปลี่ยนไปจนคล้ายเหยี่ยว พร้อมตวัดไม้ออกไปในทันที

    ลูกปิงปองโค้งออกราวกับเหยี่ยวที่กำลังบินโฉบเฉี่ยวไปมากลางอากาศ ก่อนที่จะกระทบลงที่โต๊ะและพุ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม เป็นลูกสปินที่มีความรุนแรงลูกทีเดียว

    วิสด้อมพุ่งไปทางขวาด้วยความรวดเร็วจากนั้นตวัดไม้ออกอย่างไม่รอช้า ตบลูกสปินที่แสนจะทรงพลังของลมดำกลับไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

    ลมดำตอนแรกตั้งท่าจะใช้ท่าไม้ตาย แต่ทว่าลูกที่โต้กลับมานั้นรุนแรงเกินไป รวดเร็วเกินไป ขืนตั้งท่าไม้ตายอยู่จะต้องพลาดท่าแน่นอน จึงเปลี่ยนเป็นใช้แบล๊คแฮนด์โต้กลับไปได้อย่างฉิวเฉียด

    ชั้นไม่แพ้แน่ ขอแค่มีโอกาสใช้เหยี่ยวทมิฬให้ได้เท่านั้น ลมดำดึงพลังสมาธิที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาในการแข่งลูกนี้

    ลมดำในเวลานี้น่ากลัวที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมาเลยจริงๆ พลังสมาธิ บวกกับเทคนิคการสปินลูกที่ไม่เป็นรองใคร และความเยือกเย็นเฉพาะตัวของลมดำที่อ่านเกมได้อย่างทุละปรุโปร่งนั้นไม่มีทางแพ้แน่นอน วากำมือแน่น

    สภาพของทั้งวิสด้อม และลมดำในตอนนี้คล้ายกับการเดินอยู่บนเส้นด้ายบางๆ หากฝ่ายใดพลาดเสียสมาธิไปแม้แต่น้อยก็จะต้องผ่ายแพ้ในทันที ซึ่งลมดำผู้มีสมาธิเป็นเลิศ และผ่านการทดสอบความกดดันในสถานการณ์ต่างๆมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนไม่มีทางพลาดอย่างง่ายๆแน่นอน

     

     

     

    วิสด้อมเมื่อได้โอกาสที่ลูกสปินของลมดำครั้งนี้ดูอ่อนกำลังมากที่สุด ก็เปลี่ยนท่าไม้ในทันที ไม้ปิงปองตวัดเอียงวูบก่อนที่สันไม้จะสัมผัสกับลูกปิงปอง และ………

    ฟึ้บ

    ลูกพุ่งออกด้วยความเร็วสูง แถมวิถีของลูกยังไร้ทิศทางให้จับได้ ส่วนพลังความรุนแรงนั้นไม่ต้องกล่าวถึง

    ลมดำตากระตุกวูบ ไม่ทราบว่าสมองสั่งการหรือเพราะสัญชาตญาณกันแน่ แต่พริบตาก่อนที่วิสด้อมจะตีลูกออกไป เขาก็ตั้งท่าเตรียมใช้ไม้ตายออกในทันที

    มาแล้วนี่ละ ที่มาของฉายา พายุลมดำ !!! วายิ้มบอกระริน ซึ่งนั่งทำหน้างงจ้องไปที่การแข่งอย่างตาไม่กระพริบ

    พายุลมดำจ้าวแห่งลูกสปิน ผู้สามารถอ่านเกมของคู่ต่อสู้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แม้จะในสถานการณ์กดดันก็สามารถใช้ความเยือกเย็นเล่นได้อย่างดีที่สุด

    ลำพังลูกตบที่บ้าคลั่งแค่นี้เทียบกับเขาไม่ได้หรอก เพราะว่า…………..

    ไม้ปิงปองขนานกับโต๊ะ เพียงวูบเดียวเท่านั้น พริบตาที่ตัดสินแพ้ชนะ ลมดำก็ตัดสินใจตวัดไม้ออกทันที หากไม่สามารถตีถูกลูกก็จะแพ้ในทันที และ……………..

     

    สุดยอดท่าไม้ตาย พายุลมดำ !!!

     

    ลูกที่รุนแรงกว่าเหยี่ยวทมิฬถึงเท่าตัวถูกใช้ออกในพริบตาทันทีที่ลูกอันแสนจะรุนแรงของวิสด้อมที่ตีมาก่อนหน้านั้นสัมผัสกับไม้ของลมดำ และเปลี่ยนเป็นเพิ่มพลังการสปินลูกอย่างรุนแรงเกินกว่าจะบรรยายได้ 

    ลูกปิงปองหมุนคว้างกลางอากาศขึ้นไปสูงเหนือหัวของทั้งสอง เป็นเวลาในชั่วพริบตาเท่านั้น คล้ายกับพายุในทะเลสีดำอันบ้าคลั่งที่พร้อมจะจมเรือเล็กๆที่อยู่กลางทะเลลงอย่างไร้ความปราณี

    พายุลมดำ…… ลูกไม้ตายที่อาศัยพลังความแรงของคู่ต่อสู้ และเสริมพลังจากตัดลูกของเหยี่ยวทมิฬเข้าไป วาบรรยายขณะที่ลูกหมุนคว้างขึ้นไป  และก็เป็นหนึ่งในลูกที่พี่ไม่สามารถรับได้เลยละ วายิ้มอย่างเต็มใจ ไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย เพราะเพื่อนของเขากำลังจะชนะแล้ว ดาบอัคคีทมิฬจนสิ้นเพียงเท่านี้แล้ว……………

     

    ฟ้าว !

     

    ลูกปิงปองเมื่อพุ่งลงสัมผัสพื้นก็หมุนคว้างอย่างบ้าคลั่ง ไม่สามารถอ่านทิศทางได้เลยแม้แต่น้อยว่ามันจะหมุนไปทางไหน มันหมุนอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังระบายความโกรธแค้นที่มีอยู่ออกมา คล้ายปีศาจที่กำลังจะทวงถามชีวิตจากผู้คน

    โทโมะที่มองอยู่ถึงกับเข่าอ่อนไปในทันที ก่อนที่คิง สตั้นจะเตะบ่าของเธอเบาๆ และเธอก็ตะโกนออกไป เป็นความหวังสุดท้ายจริงๆ

    อย่า แพ้ เขา นะ !!!

    วิสด้อมที่เพ่งสมาธิจดจ่ออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ยิ้มออกมาในทันที มือของวิสด้อมกำไม้ปิงปองแน่น แว่นฟ้าของเขาสะท้อนภาพการหมุนอย่างบ้าคลั่งของลูกปิงปอง เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น

    เขารู้ว่ามันกำลังจะมาในเสี้ยววินาทีนี้แล้ว !!!

    และทันใดนั้นเอง ลูกปิงปองก็หมุนพุ่งออกไปทางขวาขนานกับโต๊ะอย่างรวดเร็ว ถึงกับรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

     

    แล้ว อย่า ลืม เลี้ยง ข้าว ชั้น ละ !

     

    วิสด้อมพุ่งตัวออกไปในทันที ถ้าไม่เห็นกับตาก็แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่า วิสด้อมจะเคลื่อนตามจังหวะของลูกปิงปองที่พุ่งออกได้ทันที  แสดงว่าพลังสมาธินั้นก็ไม่เป็นรองลมดำเลยทีเดียว

    แต่ทว่า มุมที่ขนานกับโต๊ะขนาดนั้นไม่มีทางตีลูกขึ้นได้แน่นอน ทั้งยังลูกปิงปองที่หมุนเป็นวงขนาดนั้น แค่ตีโดนก็นับว่าเก่งแล้ว และถึงต่อให้ตีโดน ลูกที่มีพลังสปินสูงขนาดนั้นก็คงไม่มีทางข้ามตาข่ายและลงโต๊ะได้

    ฟึ่บ !!!

    ไม่มีภาพช้า หรือแม้แต่ความเคลื่อนไหวใดๆ มันเกิดขึ้นภายในเสี้ยวพริบตาเท่านั้น

    และผลตัดสินก็ได้ออกมาแล้ว

    21 – 20 วิสด้อม และโรงเรียนบริงเกอร์ชนะ !”

    วายังนั่งอยู่กับที่ เขารู้สึกว่าโลกเหมือนกำลังหมุนอยู่  ผ้าโผกหัวสีดำของลมดำๆค่อยร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างช้าๆ ลมดำยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ โดยที่ไม้ปิงปองยังคงถูกกำแน่นอยู่ในมือ และสามารถตีออกไปได้ทุกเมื่อที่ลูกตบจะโต้กลับมา

    เป็นไปไม่ได้ ลมดำเพิ่งรู้สึกตัวว่า การแข่งจบลงแล้ว วินาทีเมื่อสักครู่นั้นสั้นเพียงพริบตา แต่ยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์

    เห็นเป็นภาพของวิสด้อม ที่กระโดดพุ่งตัว ตวัดไม้จากมุมที่ไม่น่าจะวิ่งไปถึงทัน  ลูกหมุนความเร็วสูงที่ไม่น่าจะตีโดนได้ และพลังการสปินที่ไม่น่าจะมีใครตบกลับมาได้  แต่วิสด้อมกลับสามารถตบกลับมาได้หนำซ้ำยังตบในมุมที่แคบที่สุดจนเกือบจะขนานกับตาข่าย เป็นมุมที่ต่อให้เขาเร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางวิ่งไปรับได้ทัน หนำซ้ำพลังที่ตบลงมายังรุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวที่สุด

    ไม้ของลมดำค่อยๆหล่นลงกระทบพื้นอย่างช้าๆ ก่อนที่ลมดำจะค่อยๆทรุดตัวลงอย่างหมดแรง เรย์และโยรีบวิ่งเข้ามาประคองในทันที

    รุ่นพี่ครับ ไม่เป็นไรนะครับ รุ่นพี่ทำเต็มที่แล้ว โยกล่าวพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองแก้ม

    ลมดำส่ายหน้า จากนั้นก็พบว่ามีมือข้างหนึ่งมาเตะบนบ่าตนเบาๆ ซึ่งเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบกับวาที่กำลังยื่นไม้ปิงปองมาให้

    ไม่เป็นไรเพื่อน นายทำดีที่สุดแล้ว วาพยายามยิ้ม

    โทษทีนะ ลมดำยิ้ม แต่ในแววตาแฝงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด

    วิสด้อมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นจัดไทค์ให้เข้าที่ ยืนรับเสียงปรบมือที่ดังก้องไปทั่วด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ จากนั้นค่อยเดินไปกล่าวกับลมดำ

    ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้ต้องผิดสัญญา วิสด้อมยิ้ม แต่ว่านายเก่งมาก จากนั้นยื่นมือให้กับลมดำ ซึ่งลมดำก็ยื่นมือไปจับ ก่อนที่วิสด้อมจะสังเกตเห็นวา

    อ้าว แกคนเมื่อตอนเช้านิ  !

    วาจ้องกลับแต่ไม่ได้กล่าวอะไร เห็นวิสด้อมเริ่มอมยิ้มขึ้น

    หรือว่า…….เข้าใจแล้ว แกคือเพื่อนของเจ้าหมอนี่ที่สัญญากันไว้นั่นเอง วิสด้อมหัวเราะอย่างสะใจ ความจริงวาก็กำลังจะชมว่าฝีมือดีอยู่ แต่พอเห็นท่าทางกวนอารมณ์แล้วก็เปลี่ยนใจในทันที

    เสียใจด้วยนะ ที่ชั้นทำลายสัญญาของแกไปเสียแล้ว วิสด้อมจุ๊ปาก บอกแล้วยังไงว่าไม่มีลูกไหนที่ชั้นตบกลับไปไม่ได้  ฮ่าๆ

    ฮ่าๆ วาหัวเราะขึ้น ทำให้วิสด้อมต้องหยุดหัวเราะ

    แกขำอะไรของแก

    ก็จะขอบคุณนายน่ะสิ   วายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์  เพราะชั้นจะได้มีโอกาสได้ทำลายสัญญาของนายบ้างยังไงละ เตรียมตัวอดกินข้าวฟรีได้เลยพวก !!!

    มั่นใจเหลือเกินนะ วิสด้อมความจริงจะพูดว่า ขนาดเพื่อนแกยังแพ้เลย แล้วแกจะเอาอะไรมาชนะ แต่ก็เห็นแก่ลมดำเลยปิดปากไว้

    ทั้งสองมองหน้ากับพักหนึ่ง ราวกับจะอ่านความสามารถ และความมั่นใจที่ซ่อนอยู่ในตัวของแต่ละฝ่าย

    วาไม่กล่าวอะไรอีกนอกจากยิ้ม เมื่อพูดถึงการแข่งปิงปองสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมาทันที จากนั้นยักไหล่ เป็นเชิงว่า สบายๆ พร้อมเดินจากไปในทันที ทิ้งให้วิสด้อมยืนหงุดหงิดอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะถูกกำปั้นของโทโมะเขกเข้าที่หัวกำปั้นหนึ่ง

    โอ๊ย !

    ตาบ้า ไม่รู้จักอยู่สุขกับเขาบ้างเลยนะ หาเรื่องคนอื่นไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ! โทโมะอ้าปากทำท่าจะกัดวิสด้อมด้วยความโมโห 

    วิสด้อมที่ทำท่าอวดเก่งก็เกิดอาการหง๋อยขึ้นมาทันที

    ขอโทษคร๊าบ จะไม่ทำอีกแล้วคร๊าบ วิสด้อมร้องครวญ

    อืม ครั้งนี้จะยกโทษให้ที่อุตส่าห์ชนะมาได้ โทโมะยิ้มแฉ่ง

    เรื่องเลี้ยงข้าวน่ะ……. วิสด้อมกล่าวจริงจัง ยังไม่ต้องเลี้ยงเราตอนนี้หรอกนะ ไว้ให้เราเอาชนะเจ้าหมอนั่นให้ได้ก่อน  ไม่รู้เป็นอะไรให้ตายสิ รู้สึกทั้งถูกชะตาแล้วก็ไม่ถูกชะตากับมันยังไงก็ไม่รู้

    โทโมะพยักหน้า เธอเข้าใจนิสัยวิสด้อมดี

    ได้เลย แต่นายเองนั่นละที่ไปหาเรื่องเขาก่อนนะ

    เรื่องเมื่อเช้าน่ะหรอ วิสด้อมทำท่าเครียด นี่เธอคิดว่าเราหาเรื่องเจ้าหมอนั่นเรอะ

    ก็ใช่น่ะสิ เขาอยู่ดีๆ นายก็เดินเข้าไปหาเรื่องเขาซะงั้น

    โถ่ เราสาบานได้ว่า เมื่อตอนเช้า เราแค่จะบอกเขาว่า เขารูดซิปไม่สนิท   วิสด้อมเล่าไปขำไป แต่พอเห็นเขามองกวนกลับก็เลยฉุนขึ้นมานะสิ

    เฮ้อ………บ้าทั้งคู่นั่นละ

    โทโมะเอามือกุมหัว พลางคิดว่า ใครกันแน่นะที่ไม่น่าให้อภัยมากกว่ากัน คนหนึ่งจะเข้าไปเตือนว่า ลืมรูดซิป แต่ดันฉุน ปากไปก่อน กลับพูดเป็นว่า แข่งปิงปองไหม ส่วนอีกคนก็ไม่น่าอภัยให้ข้อหา ลืมรูดซิปแล้วไม่รู้ตัวกระมัง…………

    วาเมื่อนั่งที่ได้สักพักก็จามออกมาเล็กน้อย

    เฮ้อ ใครนินทาเราอยู่รึเปล่านะ คงไม่หรอกมั้ง จากนั้นก็หยิบแซนด์วิชที่กินค้างอยู่ขึ้นมาทานต่อ  พร้อมดูคู่แข่งปิงปองคู่ต่อไป

    และวาก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคราว่า เคยเห็นหญิงสาวตรงหน้าที่ไหนมาก่อน   เมื่อหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินกับเพื่อนร่วมทีมก้าวไปนั่งที่ข้างโต๊ะปิงปอง

    รอบนี้เป็นการแข่งขันระหว่างโรงเรียนเรนครอสกับโรงเรียนไอแซก ซึ่งทางโรงเรียนเรนครอสนั้นระรินบอกว่า เป็นโรงเรียนหญิงล้วนโดยชุดที่เห็นนั้นไม่ใช่ชุดประจำโรงเรียน แต่คงเป็นชุดสำหรับนักกีฬาตัวแทน และสาวผมขาวท่าทางเยือกเย็นคนนั้นก็คือ ไลร่า หัวหน้าทีมซึ่งได้ฉายาว่า  โล่น้ำแข็งแห่งแสง

    และวาก็นึกออกในทันทีว่า เธอก็คือคนที่ชี้ทางให้เขาตอนที่กำลังหลงทางอยู่นั่นเอง ทำให้เขาอดนึกขำความรีบร้อนของตัวเองไม่ได้

     

     

     

    ผ่านไปไม่นานนักก็ถึงตาของไลร่าที่จะต้องลงแข่ง โดยทางโรงเรียนเรนครอสนั้นชนะไปแล้วหนึ่งเกม หากไลร่าสามารถชนะได้อีกเกมก็จะเข้ารอบทันที

    ซึ่งฟังจากพรีสไซแล้ว หากโรงเรียนเรนครอสเข้ารอบ ก็จะต้องไปเจอกับโรงเรียนบริงเกอร์  นั่นทำให้วารู้สึกสนใจมากเป็นพิเศษ  ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่วารู้สึกอยากให้โรงเรียนเรนครอสเข้ารอบมากกว่าโรงเรียนไอแซก ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะความเยือกเย็น และน่ารักของไลร่าก็เป็นได้

    และเมื่อได้เห็นการเล่นปิงปองของไลร่าก็ทำให้วาต้องตะลึงไปเลย  ความจริงตอนแรกวาไม่คิดด้วยซ้ำว่า  ผู้หญิงที่ดูสงบเยือกเย็นอย่างเธอจะสามารถเล่นปิงปองได้ 

    ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะตบลูกมาในรูปแบบไหนก็ตาม แต่ไลร่าก็สามารถรับได้อย่างไม่พลาดเลยแม้แต่ลูกเดียว  จนในที่สุดวาก็เข้าใจว่า ทำไมเธอถึงได้ฉายาว่า โล่น้ำแข็งแห่งแสง

    ไม่มีเทคนิคการตบที่พิสดาร ไม่มีลูกสปินที่พลิกแพลง แต่พลังสมาธิที่ดูเหมือนจะเหนือกว่าลมดำ และพลังการตั้งรับที่ไม่พลาดเลยแม้แต่ลูกเดียวนั้นเล่นเอาวารู้สึกหนาวไปเลยทีเดียว

    ต่อให้เปลี่ยนเป็นวาที่ตั้งใจมากกว่านี้ก็ไม่สามารถตั้งรับได้นานขนาดนั้น โดยที่ไม่ยอมลุกกลับเลย ซึ่งดูแล้วไลร่าต่างจากวิสด้อมที่ตบรุกอย่างบ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง

    ผ่านไปนานเท่าไหร่วาเองก็ไม่ทราบ เพราะวามัวแต่จดจ่ออยู่กับเทคนิคการตั้งรับที่สมบรูณ์แบบของไลร่าอยู่จนลืมเวลาไปเลย จนกระทั่ง………..

    “ 21 – 0  ไลร่า และโรงเรียนเรนครอสชนะ !

    เสียงกรรมการกล่าว พร้อมกับเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้อง หลายคนอาจมองว่าเป็นการแข่งที่น่าเบื่อหน่าย แต่สำหรับวาแล้ว มันเป็นการแข่งที่ดุเดือดไม่แพ้ตอนลมดำสู้กับวิสด้อมเลยทีเดียว

    วิสด้อมที่นั่งดูการแข่งอยู่ถึงกับมองตาเป็นประกาย

    การตั้งรับแบบไม่มีพลาดเลยแม้แต่ลูกเดียวของเธอนี่ มันช่างน่าทำลายเสียจริงๆ

    ดาบอัคคีทมิฬที่รู้จักแต่รุก ดาบที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง………….

    โล่น้ำแข็งแห่งแสงที่รู้จักแต่ตั้งรับ  โล่ที่สามารถปกป้องได้ทุกสิ่ง………….

    สองคนนี้เมื่อสู้กันแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะกันแน่……………..

     

     

    เมื่อประกาศผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว  วาก็สังเกตเห็นว่าท่าทีสงบของไลร่าเปลี่ยนไป  ดูรีบร้อนพิกล เห็นเธอคุยกับเพื่อนร่วมทีมสักพักก็ขอตัววิ่งออกจากห้องไปในทันที

    วานั่งอยู่สักพักก็พบว่า ผู้คนในห้องเริ่มทยอยกันเดินออกแล้ว เพราะการแข่งวันนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ ซึ่งก็หมายความว่า วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นเพื่อดูการแข่ง หรือเพื่อเตรียมตัวแข่งอีกต่อไป  เขาจึงตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่นกับลมดำเพื่อนเก่าสักหน่อย  

    หลังจากบอกกล่าวโซลีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วาก็แยกตัวออกมาคนเดียวเพื่อจะไปหาลมดำ โดยโซลีนนัดซ้อมปิงปองอีกทีก็ตอนเย็นเลย 

    แต่พอแยกตัวออกมาก็พบว่า ลมดำหายตัวไปพร้อมกันฝูงชนเสียแล้ว เล่นเอาวารู้สึกหัวเสียเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะน้อยใจ แต่เพราะการตามหาคนๆหนึ่ง ท่ามกลางผู้คนที่มากมายขนาดนี้ใช่จะเป็นเรื่องง่าย

    ดังนั้นวาจึงตัดสินใจว่าควรจะกลับไปลองหาตัวแถวห้องพักนักกีฬาปิงปองดู แต่หลังจากค้นหาอยู่สักพักก็ไม่พบวี่แววของลมดำเลย จนวาเริ่มถอดใจและคิดจะกลับไปนอนเล่นต่อ

    ขณะกำลังลังเลว่าจะนอนเล่นดีหรือไม่ วาก็เกือบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนุ่มจากหญิงสาวคนหนึ่งเรียกตน

    เธอ…….. ”

    วาหันตามต้นเสียงก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าต้นเสียงที่เรียกเขาคือ ไลร่า นักปิงปองสาวสวย เจ้าของฉายา โล่น้ำแข็งแห่งแสงนั่นเอง

    เออ เรียกผมหรอครับ   วาชี้นิ้วใส่ตนเอง ยังไม่ค่อยมั่นใจว่า คนอย่างไลร่าจู่ๆจะเข้ามาพูดคุยกับเขา

    ใช่ค่ะ ไลร่ายิ้มมุมปาก วาที่เห็นได้แต่ยิ้มกลับอย่างเขินอาย

    มีอะไรหรอครับ   วาพยายามกลั้นความตื่นเต้นไว้

    เธอว่างไหม ไลร่าเอียงคอถาม

    ก็……ว่างละครับ วายิ้มแห้ง ไม่กล้าแม้กระทั่งจะสบตาด้วย  แม้จะสงสัยว่าจู่ๆทำไมเธอถึงเข้ามาคุยกับตน แต่ด้วยความตื่นเต้นทำให้เขาสมองเริ่มไม่ทำงานเอาเสียแล้ว

    ขอคุยด้วยสักครู่จะได้ไหมค่ะ   ไลร่าถาม  ซึ่งวาเองก็ไม่ได้ตอบปฎิเสธดังนั้นวาจึงได้แต่เดินตามไลร่าไป

     

     

    วารู้สึกอึดอัดเมื่อพบว่าสายตาของนักกีฬาปิงปองจากหลายโรงเรียนหันมามองเขา คงเพราะเป็นเขากำลังเดินอยู่กับไลร่านั่นเอง  เธอดูโดดเด่นไม้แพ้โซเฟียเลยทีเดียว ถึงกับอาจจะดูโดดเด่นกว่าเสียอีก

    วาเดินตามไลร่าด้วยความสงสัยไปสักพัก จนกระทั่งถึงโดมกว้าง โดยที่ตัวเขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาที่นี่ได้อย่างไร

    ยังไม่ทันที่เขาจะได้มองว่ารอบๆนี้มีอะไรบ้าง  จู่ๆไลร่าที่เงียบ และเอาเดินนำหน้ามานานก็เอ่ยปากขึ้น เล่นเอาวาแทบตั้งตัวไม่ถูก แต่ก็รับฟังด้วยความตั้งใจ

    เธอแข่งประลองอาวุธด้วยใช่ไหม ไลร่ายิ้มละไม

    ครับ  วาได้แต่ตอบกลับอย่างเรียบร้อย เพราะถูกความงดงามที่เยือกเย็นของไลร่าสะกดไว้

    ไลร่าที่ได้ยินก็ยิ้มมุมปากอย่างดีใจ  

    แล้วเธอก็อยู่ทีมเดียวกันกับเจ้า………อ่า ไม่สิไซโคร แนชด้วยใช่ไหม  

    ใช่ครับ รุ่นพี่ผมเองแหละครับ  วาหลบตาทันที ที่ไลร่าจ้องกลับมาหาตน  ความจริงวาอยากจะถามที่มาที่ไปกับเธอ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูก

    ไลร่าดีดนิ้ว ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย จากนั้นก็ลดอาการดีใจลง เมื่อเห็นวามองหน้างง

    อ่า ขอโทษนะค่ะที่ยังไม่ได้แน่ะนำตัว เราชื่อ ไลร่า นะ   หล่อนยิ้มให้วา  ส่วนวานั้นเขินจนพูดอะไรไม่ถูกแล้ว ได้แต่แน่ะนำตัวกลับไป

    ส่วนผมชื่อ วา ครับ วาก้มหัว   ว่าแต่ดียังไงหรอครับ

    ไลร่าหลบตาเล็กน้อย จากนั้นมองขึ้นฟ้าพลางกล่าว

    ก็….ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ คือว่ามีอะไรจะให้ช่วยหน่อยก็เท่านั้นแหละ

    วาได้แต่ยืนรอฟังคำขอความช่วยเหลืออย่างสงสัย  เขารู้สึกว่าจับต้นชนปลายอะไรไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไหร่

    อืม เอาเป็นว่าเย็นนี้เธอว่างหรือเปล่า ไลร่าถาม

    ครับ วาพยักหน้าตอบ แต่ว่าก็ต้องซ้อมปิงปอง เพราะว่าพรุ่งนี้จะต้องแข่งแล้วละครับ

    อ่า ไม่เป็นไร ขอเวลาแค่แป๊ปเดียวเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าไม่รังเกียจเราเป็นคู่ซ้อมให้ก็ได้นะ

    เมื่อพูดถึงปิงปองวาก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ยิ้มรับคำไปทันที

    ก็ดีสิครับ ถ้าอย่างนั้นคงจะต้องดีมากๆเลยละครับ

    ค่ะ แต่ว่าต้องช่วยเราเป็นการแลกเปลี่ยนนะ ไลร่ายิ้มอย่างอ่อนโยน

    เมื่อเอ่ยถึงความช่วยเหลือวาก็เริ่มไม่มั่นใจจึงถามกลับไปว่า

    แล้วเรื่องที่จะขอให้ช่วยมันคืออะไรหรอครับ

    ต้องสัญญาก่อนนะค่ะ ว่าจะไม่บอกใครทั้งนั้น ไลร่าสีหน้าจริงจัง  วาเมื่อได้ยินก็เริ่มไม่ค่อยมั่นใจ จึงตอบอ้อมๆไป

    ก็ต้องดูก่อนแหละครับ ว่ามันเป็นเรื่องอะไร  

    เรื่องนั้นไว้เราจะบอกอีกทีก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ห้องซ้อมตอนเย็นนะค่ะ ไลร่ายิ้มละมุนจากนั้นก้มหัวให้กับวาเล็กน้อย ซึ่งวาก็รีบก้มหัวกลับ โดยไม่ทันที่จะได้กล่าวอะไรทั้งนั้น

    ผ้าคลุมสีน้ำเงินพลิ้วไสวไปกับสายลม ก่อนที่ร่างงามจะค่อยๆก้าวห่างจากตัวของวาไปอย่างช้าๆ

    วาเกาหัวอย่างงุงงน เขาไม่อาจเข้าใจอะไรได้เลยแม้แต่น้อย เขารู้แค่ว่า ผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

    และหากเขาต้องการจะเข้าใจอะไรมากขึ้น คงมีทางเดียวคือ ต้องรอจนกว่าจะได้พบกับหล่อนอีกครั้ง  วารู้สึกว่าเวลาที่เหลืออยู่จนกว่าจะซ้อมปิงปองกลับกลายเป็นยาวนานขึ้นมาเสียแล้ว…………..

     

     

                           _______________________________________________

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×