คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : บทเรียนที่ 39 ดาบอัคคีทมิฬปรากฎตัว
บทเรียนที่ 39 ดาบอัคคีทมิฬปรากฎตัว
“ เริ่มการแข่งขันได้ !!! ”
เสียงประกาศเริ่มการแข่งดังขึ้น ตามติดด้วยเสียงเชียร์ จากนั้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ วารีบวางแซนด์วิชที่กินอยู่ลงในกระปุกทันที ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นอาหารเที่ยงเพียงอย่างเดียวของเขาก็ตามที
วาคิดว่า หากเขาเป็นโรคหัวใจแล้วละก็ วันนี้เขาอาจจะหัวใจวายตายไปแล้วก็ได้ ไม่เพียงแต่ช่วงเช้าตอนที่นั่งดูการแข่งของไซโคร แนชก็เล่นเอาให้นั่งลุ้นจนตัวโก่งแล้ว ไหนจะตอนที่กำลังเฝ้าไซโคร แนช ซึ่งหมดสติในห้องพยาบาลแล้ว จู่ๆก็ได้ยินเสียงดัง ตึง ตึง อีก ซึ่งวาก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร แต่เขาคิดว่าคู่ต่อสู้ที่กำลังสู้กันอยู่บนเวทีในตอนนั้นคงจะต้องน่ากลัวแน่ๆ
และพอไซโคร แนชตื่นขึ้นมาทุกคนก็ถูกว่าเป็นการใหญ่ เพราะเขาอยากให้ทุกคนได้ไปดูการแข่งมากกว่า แต่ก็ยังขอบใจที่อุส่าห์อยู่เฝ้าเขา
หลังจากนั้นวาก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องพักนักกีฬาปิงปอง แต่ก็ต้องพบว่าทุกคนหายไปหมดแล้ว ซึ่งเมื่อมาถึงห้องแข่งพิธีเปิดก็เสร็จสิ้นไปเสียแล้ว ทุกอย่างในวันนี้จึงดูวุ่นวายไปหมด
วาหาพวกของเขาอยู่สักพักก็พบว่า พรีส ไซ โซลีน และระรินนั่งอยู่ด้านหน้าสุดของที่นั่งคนดูแล้ว เมื่อวานั่งมองรอบๆห้อง ก็พบว่า ห้องชมรมปิงปองที่นี่หรูกว่าห้องชมรมที่โรงเรียนเขาเสียอีก ภายในห้องฉายไฟสีส้มอ่อนคล้ายกับบรรยากาศในโรงแรม ซึ่งผิดคาดจากลักษณะโดยทั่วๆไปของโรงเรียนไอแซกเป็นอย่างมาก แถมระหว่างที่นั่งคนดูซึ่งเรียงตัวสูงขึ้นไปนั้นก็มีพรมสีแดงปูยาวไปตามขั้นทางเดิน
ที่กลางห้องในตอนนี้มีโต๊ะปิงปองอยู่เพียงแค่โต๊ะเดียว ส่วนโต๊ะอื่นๆน่าจะถูกยกออกไป คงเพื่อต้องการให้คนดูจดจ่ออยู่เพียงแค่การแข่งที่กลางห้องเท่านั้น ส่วนด้านขวาถัดจากโต๊ะปิงปองก็มีจอผ้าขนาดใหญ่เพื่อฉายภาพการแข่งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นับว่าโรงเรียนไอแซกพิถีพิถันทุกรายละเอียดไม่เสียทีที่เป็นเจ้าภาพการแข่งเลยจริงๆ
แต่ที่ทำให้หัวใจของวาต้องเต้นตุบตับขึ้นมาทันทีเลย ก็เพราะภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะปิงปองกลางห้องนั่นเอง เด็กหนุ่มผิวคล้ำที่มีผ้าโพกหัวสีดำอยู่บนหัว ใช่แล้ว จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากลมดำ เพื่อนซี้ประจำชมรมปิงปองที่โรงเรียนเก่าของเขานั่นเอง
วาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้พบกันเร็วขนาดนี้ สมาชิกทีมที่ลมดำพามาด้วยดูท่าจะเป็นรุ่นน้องที่ชมรม ซึ่งวาคลับคล้ายคลับคาว่าเคยเห็นหน้ามาบ้าง เด็กชายที่ท่าทางเรียบร้อยนั่นคงจะเป็นเรย์ ส่วนที่ดูท่าทางมั่นใจๆนั่นท่าทางจะเป็นโย และเท่าที่วารู้มาฝีมือของทั้งสองคนก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
เมื่อเหลือบมองไปยังคู่ต่อสู้ในรอบแรกของลมดำ วาก็ต้องตกใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะนั่นมันเจ้าแว่นฟ้านิสัยประหลาด จอมอวดดี ที่เขาเพิ่งเจอด้วยเมื่อเช้านี้นั่นเอง เจ้าแว่นฟ้าอยู่ในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนเหมือนตอนเมื่อเช้าเดี้ยะ แถมยังเอามือทั้งสองผาดไว้หลังหัว ผิวปากอย่างสบายใจ ดูแล้วน่าหมั่นไส้พอๆกับเจ้าเซตเลยจริงๆ
ส่วนสมาชิกทีมของเจ้าแว่นฟ้าก็เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่เมื่อเช้าเข้ามาห้ามเจ้านั่นไว้ และชายร่างอ้วนท่าทางขี้เก๊กอีกคนหนึ่ง ดูแล้วเข้ากันได้กับเจ้าแว่นฟ้าเป็นอย่างดี
หลังจากการทายหัวเหรียญเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ปรากฏว่า ฝั่งเจ้าแว่นฟ้าจะเลือกเสริฟ์ก่อน โดยคู่แรกลมดำส่งเรย์ลงแข่ง และฝั่งเจ้าแว่นฟ้าส่งหญิงสาวคนนั้นลงแข่ง
การแข่งเป็นแบบปกติ คือ แข่งยี่สิบเอ็ดลูก ฝั่งไหนชนะสองในสามคนก่อนก็จะเป็นผู้ชนะไป วานั่งลุ้นจนตัวสั่นเลยทีเดียว หวังให้ลมดำซัดเจ้าแว่นฟ้านั่นให้เลิกเก๊กได้เสียที
เมื่อเสียงประกาศการแข่งเริ่มขึ้นหญิงสาวก็เสริฟ์ลูกออกในทันที ลูกเสริฟ์ดูเร็วเกินกว่าจะเป็นการเสริฟ์จากหญิงสาวท่าทางบอบบางเช่นนั้น ส่วนเรย์ก็โต้กลับได้อย่างสงบนิ่ง
“ เฮ้อ ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย ” วารู้สึกหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ
“ นั่นคือ เพื่อนที่โรงเรียนเก่าที่รุ่นพี่เคยบอกหรือค่ะ ” ระรินถามมองพวกลมดำไปมา “ ที่แข่งอยู่ก็คือรุ่นน้องใช่ไหมค่ะ เก่งจังเลยค่ะ ”
“ อืม แต่ว่าทางด้านนั้นก็ใช่ย่อยนะ ถึงจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ ว่าแต่เขาอยู่โรงเรียนอะไรหรอ ? ”
“ รุ่นพี่สนใจหรอค่ะ ” ระรินแกล้งแซว
“ ป่าวสักหน่อย แค่อยากรู้น่ะ เห็นเครื่องแบบแปลกดี ” วารีบแก้ตัว
“ โรงเรียนนั้นคือ โรงเรียนบริงเกอร์ค่ะ ที่ชุดเป็นสีแดง ก็เพราะ โรงเรียนนี้มีไฟเป็นสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน ซึ่งหมายความว่า นักเรียนทุกคนต้องเร่าร้อน และมีไฟในชีวิตอยู่เสมอค่ะ ” ระรินตอบอย่างมั่นใจ
“ รู้ดีจังเลยนะเรา ” แต่ก่อนที่วาจะถามอะไรต่อก็ได้ยินเสียงลูกตบดังขึ้น ก่อนที่กรรมการจะขานคะแนน ซึ่งผู้ที่กำลังนำอยู่ก็คือ เรย์ นั่นเอง ทำให้วาอดที่จะดีใจไปด้วยไม่ได้
เกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งสถานการณ์ทางฝั่งลมดำค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ เรย์เริ่มเอาจริงโดยตบอย่างไม่คิดว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้หญิงหรือไม่
“ มันจะมากไปแล้วนะ ! ” เจ้าแว่นฟ้าถึงกับเดือดดาลขึ้นมาทันทีที่เห็นหญิงสาวโดนตบใส่หลายลูก จนกรรมการถึงกับหันไปมอง และก็ถูกหญิงสาวต่อว่าขึ้นมาทันที
“ จะบ้าหรือวิสด้อม ?! ” หญิงสาวหน้ามุ่ย หันไปค้อนขณะกำลังเก็บลูกโยนกลับให้เรย์ “ นี่เราแข่งอยู่นะ มีมารยาทหน่อยสิ ”
วิสด้อม หรือเจ้าแว่นฟ้าหุบปากในทันที เอามือล้วงกระเป๋าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ส่วนหญิงสาวคนนั้นก็หันไปขอโทษเรย์แทน จากนั้นการแข่งก็เริ่มต่อไปเรื่อยๆ
เรย์ก็ยังคงตบเอาๆ ไม่เว้นช่องว่างให้หญิงสาวคนนั้นได้หายใจ จนในที่สุดเรย์ก็ชนะไปด้วยคะแนน 21 ต่อ 10 ลูก
“ ขอโทษด้วยนะ ” หญิงสาวยิ้มเจือนๆให้กับวิสด้อม และเจ้าอ้วนขี้เก๊ก
“ ไม่เป็นไรหรอก เธอทำดีแล้ว ” วิสด้อมสีหน้าอ่อนโยนผิดจากเวลาที่พูดกับคนอื่นลิบลับ “ แต่เจ้าพวกนั้นต้องได้รับบทลงโทษแน่นอนที่กล้าตบใส่ผู้หญิงอย่างนี้ ไม่มีอ่อนข้อให้บ้างเลย ”
หญิงสาวหันมาค้อน
“ เธอนี่ก็
..นี่มันการแข่งนะ เราดีใจเสียอีกที่เขาเล่นเต็มที่ ”
“ เออ โทษทีนะ ” เจ้าอ้วนเป่าหมากฝรั่ง พลางเด๊าะ ลูกปิงปองไปด้วย เดินผ่านกลางทั้งสองคนไป “ ชั้นกำลังจะแข่งแล้ว มีอะไรจะอวยพรกันหน่อยไหม ”
“ โชคดีนะ ” หญิงสาวยิ้มให้
“ โชคดีเพื่อน ” วิสด้อมชูนิ้วโป้งให้ “ จัดการมันให้เละเลยนะ คิง สตั้น ”
“ ไม่ต้องห่วง ชั้นเล่นเต็มที่อยู่แล้ว ” คิง สตั้นเป่าหมากฝรั่งแตก เดินเด๊าะลูกไปเรื่อยๆ จนถึงโต๊ะปิงปองทางด้านลมดำก็ส่งโยไปรอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คิง สตั้นทายหัวเหรียญถูก และขอเป็นฝ่ายเลือกฝั่งก่อน โดยให้เหตุผลว่า
“ ชั้นขี้เกียจเสริฟ์ก่อนน่ะ เดี๋ยวจะจบเกมง่ายไป ”
โยที่ปกติเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เลยนึกฉุนขึ้นมาบ้างแต่ก็เก็บอารมณ์ไว้ จากนั้นก็เสริฟ์ลูกแรกออกด้วยความเร็วสูง เป็นลูกตรงธรรมดา แต่แฝงไปด้วยพลังที่หนักแน่น
แต่พอมองไปยังคิง สตั้นก็พบว่าเขายังคงเป่าหมากฝรั่งอย่างสบายอารมณ์ และก่อนที่ลูกจะพุ่งถึงตัวก็แค่กลืนหมากฝรั่งเข้าไปพร้อมโต้กลับอย่างสบายๆ
“ น่าเบื่อ ” คิง สตั้นเป่าหมากฝรั่งต่อ
“ หึ ” โยไม่ตอบ แต่เพิ่มพลังในการตีขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับดูหนักหน่วงกว่าเรย์เสียอีก แต่ไม่ว่าจะตีไปยังไงคิง สตั้นก็ไม่มีท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนเลยแม้แต่น้อย และที่น่าตกใจมากที่สุดคือ คิง สตั้นเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆเท่านั้นเอง ส่วนโยนั้นถูกโยกไปโยกมาอย่างไม่รู้ตัว
‘ อะไรกันเนี่ย การควบคุมลูกที่น่าตกใจนั่น ’ วาพยายามเพ่งไปยังมือของคิง สตั้นเพื่อหาเคล็บลับในการตี
“ 5- 0 เปลี่ยนเสริฟ์ ” เสียงกรรมการขานคะแนน เพียงแค่ห้าลูกเท่านั้นก็เริ่มเห็นความได้เปรียบของเกมแล้ว สภาพของคิง สตั้นยังคงปกติ หนำซ้ำยังเป่าหมากฝรั่งอย่างสบายอารมณ์ ส่วนโยนั้นเหงื่อเริ่มออกมาพอสมควรแล้ว
“ เฮ้อ ไม่สนุกเลยให้ตายสิ ” คิง สตั้นหยิบหมากฝรั่งอีกลูกจากในกระเป๋าใส่ปากก่อนที่จะเสริฟ์ออกไป ลูกเสริฟ์ของคิง สตั้นช้ากว่าของหญิงสาวเสียอีก
โยยิ้มออกมาอย่างได้ใจ วิ่งไปตวัดไม้ตบลูกออกทันที
“ ออก ! ”
เหลือเชื่อ ทั้งๆที่เป็นลูกช้าๆธรรมดาๆแท้ๆ แต่เมื่อโยตวัดไม้ออกไปนั้น ลูกก็วิ่งออกไปด้านข้างอย่างน่าประหลาดใจ
“ ใจเย็นๆ ตั้งสมาธิดีๆ ” ลมดำที่นั่งกอดอกอยู่บอกโย
“ ครับผม ” โยมีกำลังใจเพิ่มขึ้นอีกมากเมื่อได้ยินคำกล่าวของลมดำ
‘ เอาละคราวนี้ไม่พลาดแน่ ’ โยเพ่งสมาธิจากนั้นรอรับลูกเสริฟ์ลูกต่อไปของคิง สตั้น
‘ ฟ้าว ’
ลูกเสริฟ์แสนจะธรรมดาลอยข้ามตาข่ายไปอย่างช้าๆ จากนั้นร่อนลงที่กลางโต๊ะอย่างนิ่มนวล ดูไร้พิษสงอย่างที่สุด และเมื่อโยโต้ลูกนั้นกลับไป
“ ออก ! ”
ลูกปิงปองกระเด็นออกด้านข้างราวกับมีแรงระเบิด และ
.
“ ออก ! ”
ไม่ว่าจะพยายามสักกี่ที ไม่ว่าจะเปลี่ยนวิธีการตียังไงผลก็ออกมาเหมือนเดิม คือ ลูกปิงปองกระเด็นออกไปด้านข้างจนหมด ทำให้โยถูกกดดันอย่างหนัก เหงื่อไหลซึมไปทั่ว
“ ไม่เป็นไร สู้เกมเสริฟ์เขาไม่ได้ก็เล่นเกมเสริฟ์เราแทน ” ลมดำตะโกนบอกสีหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับรุ่นพี่ผู้ใจดี
แต่ทว่า ไม่ว่าโยจะพยายามเสริฟ์ดีแค่ไหนคิง สตั้นก็โต้กลับมาได้ด้วยลูกนิ่มๆแบบทุกครั้ง และเมื่อโยโต้กลับลูกก็กระเด็นออกไปเหมือนเช่นเคย จนในตอนนี้คะแนนอยู่ที่ 19 ต่อ 0 ลูก
“ นะ นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ” โยหัวเสีย จับไม้ของเขาดูว่าผิดปกติอะไรหรือเปล่า และก็ต้องพบว่า
“ ไม่จริง ! ” มือที่สัมผัสหน้าไม้พบว่า บริเวณที่รับลูกของคิง สตั้นนั้นเป็นรอยหมุนของลูกปิงปอง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงพลังของการสปินลูกว่า มหาศาลแค่ไหน
โยมองไปยังคิง สตั้นที่กำลังเป่าหมากฝรั่งอย่างสบายใจ ทั้งๆที่อ้วนขนาดนั้น แต่ก็ไม่มีแม้แต่เหงื่อสักหยดให้เห็น ส่วนเขาเหงื่อไหลชุ่มไปทั้งตัว แถมยังไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้าเท่านี้มาก่อน ทั้งๆที่เขาฝึกหนักมาทุกวันแท้ๆ แต่ทำไมกัน ?
“เฮ้อ
จะจบแล้วสินะ เกมที่น่าเบื่อ ” คิง สตั้นถอนหายใจ จากนั้นเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “ ชั้นจะให้ดูของดีหน่อยก็แล้วกันนะ ถือเป็นคำขอบคุณที่อุตส่าห์เป็นคู่ซ้อมเล่นฆ่าเวลาให้ ” แล้วก็กลืนหมากฝรั่งเข้าปากพร้อมตั้งท่าแบล๊คแฮนด์จากนั้นใช้มือซ้ายคีบลูกปิงปองไว้ที่ระดับสายตา
‘ BLACK HOLD !!! ’
ลูกปิงปองดิ่งลงจากนิ้วอวบอิ่ม หมุนสองสามรอบก่อนจะสัมผัสกับหน้าไม้สีดำ และพุ่งออกด้วยความเร็วสูงผิดกับทุกครั้งที่ผ่านๆมา โยที่เหนื่อยจนแทบทรุดถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ไม่สามารถคิดอะไรได้อีก นอกจากใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดพุ่งเข้าไปรับลูก
“ ชั้นไม่ยอมแพ้แบบนี้หรอก ไม่ยอมเด็ดขาด !! ” โยเกือบจะร้องไห้ แต่ก็กัดฟันตวัดไม้ปิงปองออก และเมื่อไม้ของเขาสัมผัสกับลูกปิงปองก็ต้องพบว่า มันไม่ปกติเสียแล้ว
ไม้ปิงปองของเขาคล้ายถูกพลังของลูกปิงปองดึงดูดเข้าไป มือที่ล้าอยู่แล้วเมื่อตวัดไม้ออก และพบกับแรงดึงดูดอันน่าประหลาด ทำให้ จู่ๆ ไม้ที่อยู่ในมือก็หลุดมือออกไปในทันที พร้อมกับลูกปิงปองที่พุ่งกลับไปหาคิง สตั้น
“ 20 0 เปลี่ยนเสริฟ์ ! ”
คิง สตั้นยิ้มพร้อมจุ๊ปากเบาๆ
“ เฮ้ๆ จับไม้ยังไม่มั่นคงเลยนะ ต้องไปฝึกมาใหม่แล้วละ ” จากนั้นโยนลูกให้กับโย
“ ระวังหน่อยนะ เดี๋ยวคนอื่นจะโดนลูกหลง ” คิง สตั้นแหย่ แต่โยไม่มีแม้แต่อารมณ์จะโมโห มือของเขาสั่นเทาไปด้วยความกดดัน ที่ฝึกมาทั้งหมดมันไร้ความหมายเลยหรือ ? นี่เราไม่สามารถทำแต้มได้แม้แต่ลูกเดียวเลยหรือ ? และที่ผ่านมาเจ้าอ้วนนั่นยังไม่ได้เอาจริงเลยหรือ ?
โยรู้สึกว่าลูกปิงปองของเขาเกือบจะล่วงหล่นออกจากมือที่สั่นเทาไปด้วยความกลัว และความกดดันของเขา แต่ความรู้สึกมั่นใจก็กลับมาอีกครั้งเมื่อมือของลมดำเตะบนบ่าของโยเบาๆ
“ อย่าเพิ่งถอดใจสิ ยังไม่แพ้สักหน่อย ” ลมดำยิ้มอย่างอบอุ่น วาที่มองอยู่อดที่จะชื่นชมในตัวเพื่อนของเขาไม่ได้ ยังคิดว่าหากเป็นเขาเอง จะเอาชนะคิง สตั้นได้หรือไม่
ไม่สิ ไม่ใช่แค่คิดว่าจะเอาชนะได้หรือเปล่า แต่เป็นอยากแข่งจนตัวสั่นเลยมากกว่า วารู้สึกได้จากมือที่กำแน่นของเขา
“ แต่รุ่นพี่ครับ ผม
” โยน้ำตาเกือบไหลออกมาแล้ว
“ อะไรกันไม่สมกับเป็นนายเลยนิ ให้มันคึกคักหน่อยสิ ” ลมดำชกเบาๆใส่โย และนั่นก็ได้ผลโยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง มือกำลูกปิงปองแน่นขึ้นอีกครั้ง
“ เฮ้ๆ โทษทีนะ แต่ว่ารีบหน่อยได้ไหม หมากฝรั่งของชั้นใกล้จะหมดรสแล้ว ” คิง สตั้นเป่าหมากฝรั่งทำท่าเซ็งๆใส่ ซึ่งเมื่อเห็นสายตากดดันจากลมดำ ก็ยิ้มขึ้นมานิดๆ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงแค่ส่งสายตากลับไปว่า คอยดูให้ดีก็แล้วกัน
“ เอาละนะครับรุ่นพี่ ! ” โยที่เรียกความมั่นใจกลับมาได้ตะโกน เมื่อลมดำพยักหน้าให้ โยก็เสริฟ์ออกไปในทันที ลูกเสริฟ์นี้รวดเร็วจนน่ากลัว รวดเร็วจนเกือบจะหายไป
“ ว้าว นั่นใช่ลูกวาร์ปรึเปล่าค่ะ ” ระรินสะกิดวา
“ อืม ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเลยละ ” วายิ้มให้กำลังใจโยอย่างเต็มที่ แม้เขาจะรู้ว่าโยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคิง สตั้นเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยให้ได้สักลูกก็ยังดี
ลูกเสริฟ์ลูกนี้ ขอให้ได้แต้มด้วยเถิด
.
‘ เป๊าะ ’
หมากฝรั่งที่เป่าอยู่ของคิง สตั้นแตกออกทันที ก่อนที่คิง สตั้นจะก้าวขาพุ่งตัวออกไปทางขวาเพื่อรับลูกกึ่งลูกวาร์ปของโย
‘ เป๊ะ ’
ลูกเสริฟ์ของโยลูกสวนกลับไปได้อย่างเฉียดชิว แต่คราวนี้คิง สตั้นไม่สามารถทำลูกให้สปินได้ทัน ซึ่งโยก็ไม่รอช้ารีบชิงตบกลับไปในทันที เพื่อไม่ให้คิง สตั้นได้ตั้งตัวสปินลูก
“ เฮ้ๆ ” คิง สตั้นคำรามเกือบจะกลืนหมากฝรั่งลงคอ เมื่อวิ่งไปด้านซ้ายเพื่อรับลูกอย่างคนเสียศูนย์
โยกระหน่ำตบใส่คิง สตั้นอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้คิง สตั้นต้องวิ่งไปวิ่งมาอย่างน่าขัน แต่หากสังเกตดีๆจะพบว่า ที่หน้าของคิง สตั้นเริ่มมีสีแดงขึ้นมาแล้ว
“ ชักจะฉุนแล้วนะเฟ้ย ! ” แต่ก็ได้แต่วิ่งรับลูกของโย
“ ย๊าก !! ชั้นจะต้องทำให้ได้ ” โยตบลูกอย่างบ้าคลั่ง ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดเพื่อทำแต้มให้ได้ และเมื่อลูกของคิง สตั้นพุ่งกลับมาหาโยอย่างช้าๆ โยจึงได้โอกาสง้างไม้อย่างรวดเร็ว หวังตีกลับไปด้วยความแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ อย่า !!! ” ได้ยินเสียงลมดำตะโกนเมื่อตนเองง้างไม้ออก แต่ไม่ทันเสียแล้วโยเมื่อง้างไม้ได้ก็ตวัดไม้ตบกลับไปในทันที ความแรง และความเร็วของลูกนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่ทว่า
“ ขอบใจนะที่ให้เวลาชั้นตั้งตัว ” คิง สตั้นยิ้มอย่างชั่วร้าย “ จะตอบแทนให้สาสมเลย ที่ทำให้ชั้นเหงื่ออก !!! ”
คิง สตั้นไม่ง้างไม้เพราะไม่มีเวลาแต่ตวัดไม้โฟวแฮนด์ออกไป มือขวาที่ถือไม้ชูสูงขึ้นกว่าปกติ ลูกปิงปองที่ตบด้วยความเร็ว และแรงนั้นถูกสปินกลับไปด้วยความแรงที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว
‘ WHITE HOLD ’
โยที่ตั้งสมาธิอยู่แล้ว เมื่อลูกเด้งกระทบพื้น ก็ง้างไม้ตีใส่ลูกนั้นด้วยความแม่นยำ แต่ปรากฏว่าลูกปิงปองหายไปเสียแล้ว
เขาตีโดนลูกชัดๆ นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่ๆ แต่ทำไมกัน ? ลูกปิงปองหายไปไหน ?!
‘ เป๊ะๆๆ ’
ลูกปิงปองตกลงสู่โต๊ะด้วยความนิ่มนวลอย่างที่สุด ที่แท้เมื่อสักครู่พอไม้สัมผัสกับลูก ก็ถูกแรงสปินให้เด้งขึ้นสูงจนโยมองไม่ทันนั่นเอง
เสียงลูกปิงปองค่อยลง ก่อนที่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดจะไหลอาบลงทั้งสองแก้มของโย เขาแพ้แล้ว และแพ้อย่างหมดรูปที่สุดด้วย
ความจริงหากเมื่อสักครู่นี้เขาไม่เปิดโอกาส ง้างไม้เพื่อตีลูกไปเพียงเสี้ยววินาทีละก็ คิง สตั้นก็คงไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวเลย และแต้มจะต้องเป็นของเขาแน่นอน
ลมดำไม่แม้แต่จะส่ายหน้าผิดหวัง แต่รีบเดินเข้าไปหาโยพร้อมกับกล่าวปลอบใจ
“ ไม่เป็นไร นายทำดีที่สุดแล้ว และเราก็ยังไม่ได้แพ้สักหน่อย ”
“ ผะ ผม ขอ โทษ ครับ
.. ” โยเช็ดน้ำตาไม่กล้ามองหน้าลมดำ
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปนั่งพักซะ ต่อไปพี่จัดการให้เองนะ ” ลมดำยิ้มก่อนจะส่งสายตาท้าทายไปให้คิง สตั้น ซึ่งเป่าหมากฝรั่งต่ออย่างสบายใจ
“ เฮ้ๆ คู่แข่งนายอยู่ตรงนั้น ” คิง สตั้นชี้กวนๆไปที่วิสด้อม ซึ่งกำลังยิ้มกวนๆมองมาที่ลมดำด้วยสายตาจริงจังอยู่ก่อนแล้ว
“ ขอบใจมากพวก ” วิสด้อม ยิ้มพร้อมกับส่งห้านิ้วให้กับคิง สตั้น
“ อืม เยื่อง หมูๆ ” คิง สตั้นเคี้ยวหมากฝรั่งต่อ “ เย่น เยา ยส เกือบ หมก แน่ะ ”
ส่วนหญิงสาวนั้นแค่ยิ้มพร้อมส่ายหน้า
“ พวกนายนี่ละน้า
”
และเสียงเรียกคู่ตัดสินก็ดังขึ้นมา ทำให้วิสด้อมต้องค่อยๆล่วงไม้ปิงปองออกจากหลังเข็มขัดของเขา ส่วนลมดำนั้นปลดเสื้อคลุมสีดำออกจากไหล่ของเขาก่อนจะค่อยๆเดินไปยังโต๊ะปิงปอง
“ สู้เขานะครับรุ่นพี่ ” โยกัดฟันกล่าว
“ เต็มที่นะครับ ” เรย์ชูกำปั้นให้ ซึ่งลมดำก็ชูกำปั้นไปชนเช่นกัน
“ โชคดี ” คิง สตั้นโบกมือให้
“ สู้เขานะ ” หญิงสาวชูนิ้วโป้งให้ “ อย่าแพ้เขาละ ”
“ ไม่ต้องห่วงหรอก โทโมะ ” วิสด้อมมองไปยังลมดำ “ ชั้นไม่แพ้หรอก และจะเอาคืนส่วนของเธอให้ด้วย ”
โทโมะทำหน้าเหนื่อยใจ
“ เฮ้อ นายเนี่ยละนะ พูดไม่รู้เรื่องเลยให้ตายสิ ”
และเมื่อกรรมการกล่าวย้ำอีกครั้งวิสด้อมก็ก้าวออกไปอย่างกวนๆ พร้อมกล่าวดังๆว่า “ คร๊าบผมๆ ”
ขณะนี้ทั้งสองคนประจันหน้ากันเรียบร้อยแล้ว ศึกของคู่แรกกำลังจะตัดสินกันแล้ว หัวใจของวาเต้นแรงขึ้นอย่างถึงขีดสุด วาอยากจะตะโกนเชียร์ลมดำจริงๆ แต่ห้องทั้งห้องเงียบกริบจึงไม่อยากตะโกนนัก ได้แต่ส่งสายตาพร้อมยิ้มอย่างเชื่อมั่น ลมดำที่เรารู้จักไม่มีทางแพ้หรอก ไม่มีทาง
จัดการเจ้าแว่นฟ้านั่นให้น่วมไปเลยนะลมดำ
“ คู่ตัดสินระหว่างโรงเรียนบริงเกอร์ และโรงเรียนเวริคเริ่มได้ ! ”
ลมดำเป็นฝ่ายทายหัวเหรียญถูกเลือกเสริฟ์ก่อน ขยับผ้าโผกหัวสัญลักษณ์ประจำตัวให้เข้าที่ จากนั้นจ้องไปยังท่าของวิสด้อม ซึ่งก็ต้องพบว่าเจ้าหมอนั่นยืนเท้าสะเอวราวกับเป็นการซ้อมเล่นๆ แต่ลมดำก็ไม่ได้ใส่ใจ
“ เอารึยัง ” ลมดำถาม ขณะที่แบลูกปิงปองอยู่ในมือซ้าย
“ ได้เสมอ จะตอบแทนให้สาสมที่ทีมนายทำกับโทโมะไว้ ” วิสด้อมสีหน้าจริงจัง
ลมดำส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะโยนลูกเสริฟ์ขึ้นฟ้า พร้อมเสริฟ์ออกอย่างรวดเร็ว วาที่นั่งดูอยู่ถึงกับแทบหยุดหายใจไปในทันที
‘ ฟ้าว ’
คล้ายสายลมที่พัดพาไปวูบหนึ่ง ลูกปิงปองสัมผัสโต๊ะอย่างแผ่วเบาก่อนจะพุ่งผ่านหน้าของวิสด้อมไป
“ 1- 0 ”
วาปรบมือให้ลมดำ เจ้าแว่นฟ้าที่แท้ก็ไม่ใช่คู่มือของลมดำเลย แค่ลูกเสริฟ์ก็ถึงกับต้องยืนนิ่งไปเลยละสิ แต่ลมดำก็ไม่ประมาทยังคงจ้องไปที่วิสด้อมราวกับจะหาจุดอ่อน หรืออะไรที่ซ่อนอยู่จากนั้นก็เสริฟ์ลูกออกไปอีก แต่วิสด้อมก็ไม่สามารถรับได้อีก หรือจะเรียกว่ายินอยู่เฉยๆก็ได้
“ 2-0 ”
ขณะที่ลมดำกำลังจะเสริฟ์นั้นก็พบว่า วิสด้อมอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่าย
“ เสริฟ์ให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ ”
“ ว่าไงนะ ” ลมดำถามกลับ
“ ชั้นบอกว่า เสริฟ์ให้มันเร็วกว่านี้หน่อย ! ” วิสด้อมสีหน้าเอาจริง
“ แค่นี้นายยังรับไม่ได้เลยนะ ” ลมดำแกล้งยั่วโมโห ซึ่งก็ดูเหมือนจะยุขึ้นเสียด้วย
“ ลูกเสริฟ์กระจอกๆ ชั้นไม่อยากรับให้เสียไม้หรอก ” วิสด้อมชี้ไม้ไปที่ลมดำ “ แต่แกก็ดูมีฝีมือดีนะ ช่วยเอาจริงเลยจะได้ไหม ชั้นจะได้เอาคืนให้สนุกหน่อย ”
“ นิ ” โทโมะที่นั่งอยู่กำหมัดอย่างไม่พอใจที่วิสด้อมทำแบบนั้น หากเธอวิ่งไปทุบหัววิสด้อมได้คงจะทำไปแล้ว
ลมดำแม้จะได้ยินคำพูดเช่นนี้ แต่ที่มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“ ย่อมได้ รับมือ !! ”
จากนั้นเสริฟ์ลูกออกทันที ลูกปิงปองพุ่งไปเร็วกว่าเดิมเสียอีก วิสด้อมนั้นยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที แต่ก็ยังคงยืนเต๊ะท่าอยู่เหมือนเดิม
ลูกปิงปองพุ่งถึงตัววิสด้อมแล้ว และในทันใดนั้นเอง !!!
‘ ฟึบ ปัก ! ’
วิสด้อมตวัดมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่าที่ตีออกไปถึงกับไม่คล้ายท่าตี เหมือนคนที่โบกมือขึ้นธรรมดาๆ แต่แฝงไปด้วยพลังและความรวดเร็วอย่างถึงที่สุด
ลูกของวิสด้อมเมื่อสัมผัสโต๊ะก็พุ่งผ่านหน้าของลมดำไป ซึ่งลมดำนั้นทำได้เพียงแค่กำลังง้างไม้เท่านั้น เสียงลูกปิงปองกระทบกับพื้น แต่ลมดำยังคงยืนนิ่งมองยังวิสด้อม ซึ่งขยับแว่นและยิ้มให้อย่างกวนๆ
“ ไม่เลว ” ลมดำยิ้ม เดินไปหยิบลูกขึ้นมา
วาที่นั่งดูอยู่ยังตะลึงไปพักหนึ่ง จากนั้นก็คิดขึ้นมาว่า เจ้าแว่นฟ้าคงแค่ฟลุ๊คเท่านั้น
‘ ฟุป ปัก !!! ’
ลูกปิงปองพุ่งผ่านหน้าลมดำไปอีกครั้ง รวดเร็วราวกับกระสุนปืนที่สามารถยิงไปได้ทุกที่ และถึงต่อให้ตีมาตรงๆก็ไม่สามารถจะรับได้
.. ทั้งรวดเร็ว ทั้งแฝงไปด้วยพลังอันมหาศาล เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
วาที่ดูอยู่เริ่มเกิดอาการตึงเครียดขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อหันไปมองหน้าพรีสไซที่กำลังกอดอกพึมพำอะไรอยู่ก็เอียวตัวไปถาม
“ นายว่าเขาฟลุ๊คไหม ”
พรีสไซขยับแว่นพร้อมส่ายหน้า สีหน้าแฝงความกดดัน
“ ไม่เลย ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่แน่ แต่ถ้าเป็นเจ้าหมอนี่ละก็ พูดได้เต็มปากเลยว่าไม่ฟลุ๊คแน่นอน ”
“ มั่นใจขนาดนั้นเชียว ”
พรีสไซพยักหน้า
“ นี่นายไม่รู้หรอว่าเจ้าหมอนั่นเป็นใคร ” พรีสไซตกใจเหมือนเห็นวาส่ายหน้า “ นายจำไม่ได้หรอ ที่ชั้นเคยเล่าให้ฟังไงเรื่องนักปิงปองที่เป็นที่จับตามองของหลายๆคนในตอนนี้น่ะ เจ้านั่นก็คือ นักปิงปองผู้ได้ฉายาว่า ดาบอัคคีทมิฬ ยังไงละ !!! ”
เมื่อได้ยินคำว่า ดาบอัคคีทมิฬ วารู้สึกว่ามือของเขาสั่นขึ้นมาทันที เจ้านี่น่ะหรือ ดาบอัคคีทมิฬ นักปิงปองที่ได้ชื่อว่า เป็นเจ้าแห่งการตบ พลังความรวดเร็ว และรุนแรงของลูกตบที่เปรียบได้กับดาบที่ฟันได้ซึ่งทุกสิ่ง ดาบที่ไร้ความปราณี
และพรีสไซก็ต้องประหลาดใจอีกเมื่อเห็นวาก้มหน้าหัวเราะอยู่คนเดียว
“ ขำอะไรของนายน่ะ ”
“ หึหึ ก็รู้สึกสนุกน่ะสิ ” วายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ่งได้เจอคู่ต่อสู้ที่ยิ่งเก่ง ยิ่งน่ากลัว วายิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น แต่ว่าตอนนี้เขาจะต้องเอาใจช่วยลมดำให้ได้ก่อน เพราะคนที่เขาอยากจะสู้มากกว่าคือ ลมดำ และลมดำไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้เพราะลมดำที่เขารู้จักไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน
..
‘ ปัก ปัก ! ’
ลมดำตวัดไม้สวนลูกตบของวิสด้อมได้อย่างน่าประทับใจ
“ เยี่ยม ” วิสด้อมยิ้ม “ อย่างนี้ก็สนุกสิ ลมดำแห่งเวริค ”
“ 3 2 เปลี่ยนเสริฟ์ ”
วิสด้อมเด๊าะลูกปิงปองสองสามครั้ง ก่อนที่จะปัดไทค์สีแดงไปไว้บนบ่า และโยนลูกเสริฟ์ขึ้นฟ้า จากนั้นตวัดไม้วูบด้วยความรวดเร็ว
ลูกปิงปองพุ่งทแยงไปทางขวา ซึ่งลมดำเตรียมพร้อมอยู่ก่อนหน้าแล้ว ลมดำเอียงไม้สปินลูกกลับไปยังวิสด้อม
‘ จะรับมือคู่ต่อสู้ที่เอาแต่ตบก็คงต้องใช้เทคนิคสปินละ ’
ลูกปิงปองเมื่อสัมผัสโต๊ะก็หมุนกลางอากาศเปลี่ยนทิศทางอย่างสวยงาม ราวกับสายลมกลางทะเลสีคราม วิสด้อมตอนแรกตั้งท่าจะตบด้วยโฟวแฮนด์ แต่จู่ๆ ลูกก็เปลี่ยนทิศกะทันหันทั้งยังแฝงไปด้วยพลังสปินที่ไม่ธรรมดา จึงเสียจังหวะไป
‘ เสร็จชั้นละ พบจุดอ่อนแล้ว ’ ลมดำยิ้ม เมื่อเห็นว่าลูกปิงปองกำลังจะเด้งเลยวิสด้อมไปแล้ว
แต่ทว่าวิสด้อมที่เสียจังหวะก็เตะเท้าขวาเอียงตัวไปทางซ้าย พร้อมกับวิ่งถอยหลังจากนั้นตวัดไม้ออกโต้ลุกของลมดำกลับไปด้วยลูกแบ๊คสปินอย่างรวดเร็วในมุมอับด้านขวาทันที ทั้งแม่นยำ ทั้งรวดเร็ว และรุนแรงราวกับมีตาทิพย์
ลมดำก็ใช่ย่อยไม่เสียสมาธิเลยแม้แต่น้อยรีบนำไม้ไปรับลูกไปด้วยท่าแบ๊คแฮนด์
‘ เป้ก ! ’
ลมดำไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย อาศัยแรงจากวิสด้อมที่ตีมาเพื่อโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว
“ ออก ! ”
แต่ทว่า ลูกตบนั้นแรงเกินไป ทั้งยังแรงที่สปินกลับมายังมากเกินไป จนทำให้การควบคุมลูกของลมดำเสียไป ลูกกระเด็นเลยโต๊ะไปไกลกว่าที่คำนวณไว้มากเลยทีเดียว
“ เฮ้ๆ คงไม่คิดว่าจะเอาชนะชั้นได้ด้วยลูกสปินหรอกนะ ” วิสด้อมยิ้มกวนๆ “ สำหรับชั้นน่ะ ต่อให้เป็นลูกแบบไหนก็ตบกลับไปได้หมดนั่นละ ”
“ อย่างนั้นเรอะ ” ลมดำยังคงสงบเยือกเย็น “ ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยทำให้ได้อย่างที่พูดจนถึงที่สุดหน่อยนะ ”
“ 10 15 เปลี่ยนเสริฟ์ ”
วิสด้อมรับลูกเสริฟ์จากลมดำ จากนั้นหาวอย่างกวนๆ
“ เฮ้อ นายนี่ตื้อเป็นบ้าเลยให้ตายสิ สงสัยคงต้องเอาจริงหน่อยละนะ ”
“ หึ ” ลมดำไม่ตอบโต้ เขารู้ดีว่าหากสูญเสียสมาธิเพียงแต่นิดเดียวอาจจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ได้ ตอนนี้วิสด้อมเป็นฝ่ายนำอยู่เสียด้วย
“ เอาละนะ ! ” วิสด้อมเสริฟ์ออกด้วยความรวดเร็ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเอาจริงขึ้น
‘ ถ้าฝั่งนั้นบอกว่าจะเอาจริง เราเองก็คงจะต้องงัดไม้ตายออกมาใช้บ้างแล้ว ถึงจะไม่ค่อยอยากใช้ตอนนี้ก็เถอะ ’
ลมดำนำไม้ปิงปองขนานกับโต๊ะตั้งท่าตั้งรับอย่างประหลาด ลูกปิงปองพุ่งเด้งโต๊ะอย่างรวดเร็ว หากตวัดไม้พลาดแม้แต่จังหวะเดียวละก็จะต้องเสียแต้มอย่างแน่นอน
และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ลมดำก็ตวัดไม้ออก
.
ไม่น่าเชื่อว่าไม้ที่ขนานอยู่กับโต๊ะจะสามารถสัมผัสโดนลูกที่พุ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นได้ แต่ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น ถึงกับเรียกได้ว่า เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ ที่ลูกปิงปองนั้นไม่ได้เด้งออก เพราะท่าตั้งรับที่ประหลาดแบบนั้นไม่น่าจะควบคุมลุกที่พุ่งด้วยความเร็วแบบนั้นได้
‘ เหยี่ยวทมิฬ ! ’
ไม้ปิงปองเอียง 15 องศา แรงสปินอันมหาศาลจากการตวัดไม้ด้วยความเร็วสูง ส่งลูกปิงปองที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงขึ้นฟ้าในทันที
ลูกปิงปองควงสว่านอยู่เหนือหัวของทั้งสอง คล้ายกับเหยี่ยวที่กำลังบินดูเหยื่อที่อยู่บนท้องทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง
และทันใดนั้นเองลูกปิงปองก็พุ่งลงใส่กลางโต๊ะด้วยความรวดเร็ว ลูกปิงปองหมุนเร็วขึ้นกว่าตอนที่พุ่งขึ้นไปเสียอีก รวดเร็วราวกับเหยี่ยวที่เล็งเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว
‘ ฟ้าว !!! ’
เมื่อลูกสัมผัสโต๊ะก็หมุนเป็นวงกระเด็นออกไปเป็นมุมเก้าสิบองศา หมุนออกไปทางด้านขวาของโต๊ะในทันที
รวดเร็ว รุนแรง และพลิ้วไหว
..
“ สะ สุดยอด ” พรีสไซที่ดูอยู่ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว ส่วนวานั้นยิ้มกริ่มอย่างดีใจ
“ เป็นยังไงละ นี่ละลูกไม้ตายของลมดำละ เหยี่ยวทมิฬ ลูกที่เล่นเอาเราเหนื่อยไปเลยละ ” พูดถึงตรงนี้ทำให้วาหวนนึกถึงเมื่อตอนที่เขาซ้อมปิงปองอยู่กับลมดำ ลูกนี้ละที่ทำให้เขาต้องเหนื่อยจนแทบทรุด
ลูกที่พุ่งขึ้นสูงจนไม่สามารถคำนวณได้ว่าจะตกลงที่ไหน เพราะหากเผลอเหงนหน้ามองไปแม้แต่พริบตาเดียว ลูกก็จะพุ่งลงมาทันที และเมื่อลูกสัมผัสโต๊ะแล้วก็จะพุ่งออกด้านข้างอย่างรวดเร็ว และยากต่อการคาดเดาเสียด้วยว่าลูกจะพุ่งไปทางซ้ายหรือขวา แถมลูกยังหมุนออกเป็นวง ซึ่งต่อให้เดาทางถูกก็ยากที่จะรับลูกสปินความเร็วสูงที่ต้องตั้งรับจากด้านข้างด้วย พูดง่ายๆว่า ไม่มีทางที่จะรับได้ง่ายๆ นั่นเอง หรือต่อให้รับได้ก็ใช่ว่าจะโต้ลูกสปินความเร็วสูงขนาดนั้นจากด้านข้างได้
“ นายหมดสิทธิ์ชนะแล้ว ดาบอัคคีทมิฬ ” วายิ้มอย่างมั่นใจ
_________________________________________________
ความคิดเห็น