อย่ามาหยามข้านะ! - นิยาย อย่ามาหยามข้านะ! : Dek-D.com - Writer
×

    อย่ามาหยามข้านะ!

    เคนตะ ในอดีตเธอกลับเป็นแค่เด็กขี้แพ้ เมื่อโตขึ้นเธอได้รู้ถึงความเจ็บปวดที่ผ่านมา ดังนั้นเคนตะตัดสินใจจะเรียนที่โรงเรียนโชเซ็งจิที่โด่งดังเพื่อพิสูจน์ว่าสไลม์ชั้นต่ำอย่างเธอไม่ได้อ่อนแอเสมอไป!

    ผู้เข้าชมรวม

    221

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    221

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  11 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ย. 67 / 16:08 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ เสียงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ภาพตรงหน้าช่างบิดเบี้ยวไปหมด... เลือดสีขาวบนพื้นเย็นเฉียบ นี่ข้า... จะตายแล้ว เหรอ...

    ใครก็ได้ ฮึก... ช่วยข้าที พอได้แล้ว เลิกรังแกข้าได้แล้ว พอทีเถอะ... พอกันที!!!

    เด็กหญิงผมขาวดุจหิมะมัดจุกผมหนึ่งข้างไว้โบว์สีแดงจ๋า พยายามลุกขึ้นจากพื้นปูนที่เยือบเย็น หน้ามองตรงไปข้างหน้า ทั้งๆที่ยังมีเลือดเปื้อนริมฝีปากและศีรษะของเธอ

    “พอกันที! พอกันที! ข้าจะไม่ร้องไห้ ไม่มัวแต่มาเสียเวลากับพวกเจ้าแล้วเว้ย!”

    ถึงเด็กหญิงจะบอกเช่นนั้น แต่เธอก็ยังสะอึกสะอื้น น้ำตาคลอเบ้า กัดฟันพยายามไม่ให้น้ำตาปริล้นออกมา

    “อะไรล่ะ ก็เจ้าน่ะเป็นมอนสเตอร์ชั้นต่ำ ก็ต้องอยู่ที่ต่ำๆสิ๊~ ถึงจะถูก จริงมั้ยไอ้คุโระ”

    “ฮึๆ ข้าก็ว่างั้น ดีมากจุนตะ”

    “ยินดีช่วยเสมอเพื่อน”

    มันช่วยไม่ได้นี่นา... ก็แม่ของเด็กสาวเป็นสไลม์ ส่วนพ่อก็ทิ้งเธอตั้งแต่ยังเล็ก

    นั่นอาจเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากๆ สำหรับเด็กไร้พ่อ แต่มันเป็นแค่อดีตไปแล้ว ตอนนี้เด็กหญิงในวันนั้นกลับกลายมาเป็นเด็กสาวอายุ 16 ปี มีนามว่า "เคนตะ" หรือฉายา เคนตะจอมห่วยตลอดการ,เคนตะขี้แพ้ แม้กระทั่ง เคนตะเจ้าน้ำตา

    ให้ทำอย่างไรได้เล่าก็เธอทำคะแนนห่วยสุดของห้องเรียนทุกปีเลยนี่นา ถึงเธอจะไม่เป็นไอ้ขี้แพ้หรือไอ้ขี้แงแล้วก็เถอะ ก็คงมีคนล้ออยู่ดี ในตอนนี้เธอมุ่งมั่นมากกว่าเก่าและมีความฝันว่ามัธยมปลายจะไปต่อที่โรงเรียนโชเซ็งจิ!

    เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็พากันหัวเราะลั่นทั้งห้อง แล้วบอกกับเคนตะไปว่าจะเข้าได้ไงกัน โรงเรียนนั้นมีการสอบแบบการประลอง ต้องใช้พลังเวทย์และทักษะการใช้กลยุทธิ์ที่เก่งขั้นเทพ

    “ไม่เห็นจำเป็นเลย ก็ข้าน่ะเก่งอยู่แล้วล่ะแค่มีใจสู้ มันก็ได้เอง!”

    ได้ยินแล้วก็น่าขันยิ่งนัก แค่ยกใบไม้จากพลังเวทย์ เคนตะก็ยังทำไม่ได้ แล้วประสาอะไรจะไปสอบสู้ได้กันเล่า

    ไม่รู้ล่ะ ยังไงข้าต้องทำให้ได้ ไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น เคนตะมุ่งมั่นฝึกทุกวัน จนมาถึงการสอบเข้าโรงเรียนที่เธอพุ่งเป้าหมายเป็นอันดับที่ 1 โรงเรียนโชเซ็งจิ ที่นั่นมีนักเรียนมากมายหลายเผ่าพันธุ์มาสอบ แต่ละคนดูเก่งสุดๆ ไปเลย

    “อ๊ะ... ขอโทษค่ะ”

    “ไม่เป็นไรครั- ... เฮ้ยย ไอ้เคนตะขี้แพ้นี่หว่า”

    เคนตะเผลอไปเดินชนคนผิดซะแล้ว คนๆ นั้นคือคุโระ เพื่อนที่เคยแกล้งเธอสมัยเด็ก

    “ไม่คิดเลยว่าคนห่วยๆ อย่างแกจะมาสอบด้วย”

    “แหงสิ ข้าน่ะต้องเข้าให้ได้ จะไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก!”

    “ทำเป็นพูด แกน่ะยังใช้พลังเวทย์ไม่เป็นเลย ก๊ากๆ”

    คุโระดูถูกเคนตะอย่างมาก ทำท่าทีเยาะเย้ย ในมือของเขามีเปลวไฟค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ปาไฟลุกโชนนั้นตรงออกไปที่ตัวของเคนตะ ทำให้เด็กสาวรู้สึกร้อนหน้าอก จากเปลวไฟเล็กๆ ก็กลายเป็นกองไฟขนาดใหญ่ ลามเข้าไปเรื่อยๆ ทำให้เสื้อของเคนตะถูกเผาไหม้บางส่วน

    ตุบ!

    “แค่ก! ร้อน… ร้อน! พอได้แล้ว คุโระของร้องล่ะหยุดที!”

    “ไอ้อ่อนปวกเปียก คิดว่าสภาพนี้จะสู้ได้หรอ ไร้สาระ!”

    “…”

    เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดกดดัน เคนตะกลับไม่ร้องไห้หรือทำตาอ้อนวอนเหมือนเมื่อก่อน เธอพยายามเอื้อมแขนข้างขวาและง้างมือออกมาจับแขนของคนตรงหน้าเอาไว้แน่น

    “จะทำอะไรวะ!”

    “หึ… คิดว่าคำพูดพวกนั้นจะทำอะไรข้าได้เหรอ”

    เคนตะยื่นหน้ามองคุโระและส่งรอยยิ้มที่น่าขนลุก พร้อมทั้งสายตาแน่นิ่งเหมือนกับบอกว่า ถ้าไม่ปล่อยฉันเอาแกตายแน่! คุโระผละมือของเขาออกจากเสื้อของเด็กสาว ทำหน้าประหลาดใจ ตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตน จากนั้นเขาจึงทำเป็นไม่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่เกิดขึ้นและขอตัวไปก่อน

    “ป…ไปก่อนนะ ไอ้เคนตะขี้แง! ระวังจะไม่ทันล่ะ ไอ้ขี้แพ้เอ๊ยย!”

    “…”

    เคนตะลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นตามชายเสื้อของเธอ เสื้อสีขาวเปอะเปื้อนไปหมดพร้อมทั้งรอยเผาไหม้ที่ถูกเผาจากคุโระไปเมื่อกี้นี้

    “เอ๊ะ? เวลาเท่าไรแล้วเนี่ย?”

    เด็กสาวยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูว่าในตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้ว บนนั้นเขียนไว้ว่า 13:23น.

    “ตายแล้ว!!! จะ 30 นาทีแล้ว!”

    เคนตะรีบวิ่งไปที่หอประชุมของโรงเรียนโชเซ็งจิอย่างไว

    “เอาล่ะนักเรียนทุกท่าน ขอให้เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบค่ะ แถวละ 100 คน ย้ำ! แถวละ 100 คน”

    นักเรียนทุกคนที่ตั้งใจมาสอบโรงเรียนแห่งนี้ต่างพากันคุยด้วยความตื่นเต้นจนเสียงดังลั่นหอประชุม จนทำให้อาจารย์ที่ยืนพูดบนเวทีถึงกับต้องกุมขมับ

    “นักเรียนทุกคนคะ ถ้าต่อแถวเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินเข้าไปหลังประตูบานนี้ได้เลยค่ะ”

    อาจารย์โค้งตัวลงอย่างสง่างาม ยื่นแขนทำท่าเชื้อเชิญให้เข้าไป นักเรียนทุกคนรีบวิ่งพุ่งไปทางประตู ต่างคนต่างรีบร้อนเหมือนกลัวว่าจะเข้าไปไม่ทัน บ้างก็ใช้พลังเวทย์ของตนเพื่อขัดขวางคนอื่นที่ด้อยกว่า บ้างก็ใช้วิชาลอยตัวเดินไปบนอากาศ แล้วสิ่งที่พีคที่สุดก็คือมีคนทะลุกำแพงเข้าไป!!! วิชานั้นมาจากคนในเผ่าภูตเวหาอย่างงั้นหรอ เป็นตระกูลที่สุดยอดไปเลย

    เคนตะพยายามเข้าไปที่ประตูบานนั้นแต่มันมีเหล่ามอนสเตอร์ต่างๆที่เบียดเสียดไปหมด พยายามแล้วพยายามเล่าก็ไปไม่ถึงสักที

    ติ๋ง!

    “อ๊ะ! น...น้ำหรอ?”

    เคนตะลูบหัวเช็ดน้ำที่ตกลงมาพลางเดินเบียดเข้าไปในฝูงมอนสเตอร์ที่กระหาย เธอไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากประตูบานนั้น แต่จู่ๆ ก็มีเสียงประกาศจากด้านหลังของหอประชุมดังขึ้น

    “อ้าวๆ เหล่าเด็กน้อยอ่อนหัดทั้งหลาย อย่าพึ่งรีบกรู่เข้าไปที่ประตูกันดิ! ไม่คิดไตร่ตรองอะไรเล๊ยย สมองนิ่มสุดๆ ฮ่าๆๆๆ”

    เคนตะและทุกคนที่ยังไม่เข้าไปที่ประตูบานนั้นหันหน้ามองหาต้นกำเนิดเสียง คนที่พูดอยู่ตรงหลังหอประชุมสวมชุดคุมสีดำสนิท ใส่หน้ากากชวนค้นหา ลักษณะหน้ากากกลมมน มีขีดแนวตั้งและนอนอยู่ท่อนล่างของหน้ากากคล้ายรูปฟัน รูตาที่เจาะให้เห็นสีตาภายในของคนที่สวมใส่น่าพิลึกกึกกือ

    “อะไรกันเนี่ย...”

    เคนตะเกาหัวหงิกๆ งงกับสถานการณ์ในตอนนี้ เช่นเดียวกับทุกคนในหอประชุม ทันใดนั้นคนสวมชุดดำปริศนาก็ได้กระโดดลอยไปบนฟ้าเหมือนกับการใช้ลอยตัวแต่กลับไม่อยู่นิ่ง โซเซไปมาเห็นแล้วน่าขัน ท่าทางตลกแบบนี้มันอะไรกัน

    คนๆ นั้น ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะและตบมือทั้งสองข้างพร้อมกัน 4 ครั้ง พร้อมกับท่องคาถาบางอย่าง อยู่ๆ หอประชุมเริ่มหมุนบิดเบี้ยว ทุกคนในหอประชุมต่างโงนเงน เซไปเซมา บางคนก็ล้มลงไปอ้วก แต่เคนตะกลับยืนได้ตามปกติ ผ่านมาสักพักก็กลับมาเหมือนเดิมแต่สถานที่เปลี่ยนไปกลายเป็นสนามสอบการต่อสู้!

    “พ่าม พ้าม! เป็นไงล่ะ นี่คือสนามประลองการสอบในโรงเรียน ในเมื่อทุกคนมาอยู่ที่นี่แล้วละก็... ต้องต่อสู้จนเป็นจนตาย สู้ด้วยเลือดเนื้อ ยอมเสียสละชีพ! ถ้าใครไม่อยากตายก็เชิญออกไปได้เลย ฉันจะให้เวลา 5 นาทีในการตัดสินใจ”

    ทุกคนตกใจมากที่การสอบครั้งนี้ต้องถึงตาย บางคนยกมือขอสละสิทธิ์เพราะกลัวตัวเองจะสู้ไม่ได้และตายไปอย่างไร้ความหมาย จาก 25,440 คน เหลือ 12,040 คน

    “ครบแล้ว 5 นาที โอ๊ะ! พวกเธอคงจะคิดสินะว่าฉันน่าสงสัย ไม่ต้องห่วง! ฉันเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนี้ ดังนั้นหายห่วงได้เลยเด็กน้อยทั้งหลาย อ้าวๆ การสอบจะเริ่ม ณ บัดนี้ 1 2 3 ไป!!!”

    เคนตะกลืนน้ำลายไปหนึ่งเฮือกและฮึดใจสู้ เอาไงเอากันล่ะนะ ข้าก็จะสู้ไม่ถอย!!!




    เป็นไงกันบ้างคะ นี่คือส่วนหนึ่งของนิยายของเราค่ะ :D มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างก็ฝากติชมได้นะคะ

    นิยายเกี่ยวกับเวทมนต์และการต่อสู้เป็นหลัก มีความตลกกับความเศร้าเข้ามานิดๆ แต่รับรองว่าสนุกแน่นอนค่ะ

    อัปเดตไม่บ่อย เดือนละ 1-4 ตอน (มีความไม่แน่นอนในแต่ละตอนที่อัปเดต) *ถ้าไม่อยากรอสามารถเลื่อนผ่านได้เลยค่ะ*

    รับประกันว่าทุกตอนได้อ่านแบบจุกๆ แน่นอน

    อย่าลืมมาอ่านกันเยอะๆนะ!

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น