ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #84 : ที่ๆมีควัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 576
      40
      28 พ.ย. 65

    ห้องสมุดหลวง แหล่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ของหนังสือทุกเล่มแม้กระทั่งที่เขียนถึงราชอาณาจักรหรือความสัมพันธ์ของราชอาณาจักร และก็เป็นสถานที่เปิดให้กับคนที่อยู่ ชมหรือทำงานในปราสาทนี้

    เป็นสถานที่ๆ Sophie กับ Tio นั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่ที่มีหนังสือที่ถูกเปิดออกอีกหลายๆเล่มระเกะระกะไปหมด โดยที่จดโน๊ตเพื่องานของพวกนั้นไว้

    พวกนั้นตัดสินใจว่าจะต้องทำรายงานการวิจัยอิสระให้เสร็จ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ประเภทที่มันโคตรอลังการกับเด็ก ห้องสมุดหลวงก็เป็นของประจำวันที่มีความลึกซึ้งและเป็นกุญแจประวัติศาสตร์ที่อยู่ในความคิดที่ลึกที่สุด มันเต็มไปด้วยสิ่งของลำค่าที่จะต้องค้นคว้าเรียนรู้ที่แม้แต่ในโรงเรียนหรือหอสมุดของเมืองชายแดนไม่มีหวังที่จะเทียบกันได้

    “เอาล่ะ นั่นน่าจะเสร็จแล้วล่ะ”

    “…ในที่สุดก็จบสักที”

    Tio ไม่อาจซ๋อนความอ่อนเพลียขณะที่เธอฟุบหัวลงบนโต๊ะหลังจากที่เธอกับ Sophie ทำการบ้านเสร็จด้วยกัน

    ถึงแม้จะเพื่อประสบการณ์ เหตุผลชัดเจนที่สุดที่พวกนั้นอยู่ในปราสาทราชวังก็คืองาน ถึงแม้ว่า ‘หน้าที่’ ส่วนใหญ่นั้นก็คือคอยเป็นเพื่อนเล่นให้กับ Hilda ก็ตาม

    อย่างไรก็ตาม พวกเธอก็ไม่ได้อยู่ข้าง Hilda ตลอด โดยเฉพาะในตอนนี้ Hilda ก็ยุ่งอยู่กับการพบปะบุคคลสำคัญจากต่างแดนที่เด็กที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอย่างพวกเธอเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าร่วมเลย ในเวลาเช่นนี้สาวใช้แห่งวังหลวงมืออาชีพจะเข้ามาทำงานและคอยดูแล Hilda และบุคคลสำคัญแทน

    ดังนั้นพวกเธอจึงได้เอาเวลาว่างนั่นมาทำรายงานการวิจัยอิสระให้เสร็จแทน อุปสรรคสุดท้ายของการสนุกกับปิดเทอมหน้าร้อนนี้ Alicia ได้จัดให้มีเวลาว่างช่วงหนึ่งเพื่อให้พวกเธอได้ใช้ โดยไม่มีการรบกวนใดๆ พวกเธอจึงทำการบ้านเสร็จอย่างว่องไว

    “ฉันเหนื่อยแล้ว… เรายังพอมีเวลา เธออยากจะกลับมาหลังจากกินของว่างมั้ย?”

    “อืม นั่นก็ช่วยได้”

    หลังจากที่ดูนาฬิกาพกของเธอแล้ว Sophie ก็ตัดสินใจว่าพวกนั้นยังมีเวลาพอที่จะไปเอาของว่างมาได้ เนื่องจากมันต้องใช้เวลาสักพักจนกว่าการพบปะของ Hilda จะจบลง แน่นอนว่าสำหรับพวกเธอแล้ว น่าจะเป็นการคุยกันขณะที่กินของว่างมากกว่าที่จะอ่านหนังสือ

    “ปราสาทนี่มันแตกต่างจากที่ฉันคิดเอาไว้เลย ทุกคนต่างก็ยุ่งกันทั้งนั้น”

    “เธอพูดถูก นี่มันสถานที่ๆคนเค้าอยู่กันจริงหรือ? เหมือนกับบางคนที่ทำให้กิลด์ใหญ่เสียเปล่าเลย”

    “เสียเปล่าหรือ…?”

    ปราสาทราชวังคือสถานที่ๆราชอาณาจักรปกครองครอบครัวในบ้านและก็ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันของคณะรัฐบาลของพระองค์ด้วย ตามปกติแล้ว ที่แบบนี้น่าจะมีกองทัพเล็กๆทำงานตรงนั้นด้วย อย่างเช่นรัฐมนตรีหรือข้าราชการ, สาวใช้, หัวหน้าคนใช้, พ่อบ้านและก็ตามนั้น ซึ่งก็ไม่อาจจะเลี่ยงความประทับใจอันตื่นเต้นนี้ได้

    ‘สถานที่ๆผู้คนแต่งตัวอย่างหรูหราประณีตบรรจง’ นั่นคือสิ่งที่ Sophie และ Tio คาดเอาไว้ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ฝาแฝดได้รับสิ่งใหม่เข้ามาในชีวิต

    “แม่เองก็ท่าจะยุ่งจริงๆด้วยสินะ”

    “ใช่… คิดว่าก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะงานของเธอคืองานจริงๆแค่นั้นแหละ”

    ก็คงจะไม่ต้องบอกอะไรหรอก แต่ทหารหลวงกับพวกรักษาการณ์ที่อยู่ในการรักษาความปลอดภัยของปราสาทเองต่างก็ยุ่งเช่นกัน Shirley ที่อยู่ในกลุ่มของผู้คุ้มกันส่วนตัวของ Hilda ก็คอยเก็บกำหนดการที่ยุ่งเหยิงของ Hilda อยู่

    ดังนั้น จึงช่วยไม่ได้ที่แม่ของพวกเธอจะยุ่งตลอด พวกเธอเข้าใจดีพอ พวกเธอเข้าใจ แต่… มันก็ยังเหงาอยู่ดี

    ตั้งแต่พวกเธอมาทำงานในสถานที่เดียวกันด้วยกัน จึงน่าจะดีถ้าพวกเธอใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้อีกสักหน่อย

    “จะว่าไป ก่อนที่เราจะมายังห้องสมุดนี้ แม่ทำสีหน้าแปลกๆไม่ใช่หรือ?”

    “ใช่ จะให้ว่ายังไงดี… เธอดูเหมือนกับเธอไปกินอะไรที่ผิดสำแดงเข้าหรือ?”

    พวกเธอไม่ได้ผิดที่เห็นแม่ของเธอเป็นแบบนั้น Shirley อยากให้มันไม่มีอะไรมากไปกว่าจะช่วย Sophie กับ Tio ทำรายงานการวิจัยอิสระแต่กลับต้องขมขื่นจากข้อเท็จจริงนั่นเนื่องจากเป้าหมายของคำร้องเธอยังใหญ่โต เธอจึงปฏิเสธไป

    ถ้า Kyle กับคนอื่นไม่ได้มาลากเธอไปด้วยนะ เธออาจจะทิ้งหน้าที่คุ้มกันมาช่วยทั้งสองที่ห้องสมุดแล้ว ครั้งหนึ่ง Shirley ไม่ได้ซ่อนด้านความเห่อจาก Sophie กับ Tio เอาไว้ ฝาแฝดก็เลยเห็นอีกด้านที่หาดูได้ยาก

    “อ๊ะ? พวกเธอคือ…”

    ขณะที่ทั้งสองกำลังนึกถึงแม่นั้น ประตูป้องสมุดก็เปิดออกมา คนที่เข้ามาก็คือ Philia กับ Lumiliana

    “อ๊ะ… คุณเป็นคนรู้จักของแม่สินะ…”

    “ส-สวัสดีค่ะ”

    “…ค่ะ สวัสดี นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกันเลยไม่ใช่หรือ?”

    หลานสาวกับน้าฝ่ายพ่อต่างก็มาจ๊ะเอ๋กันโดยไม่ได้คาดหมายเอาไว้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ Philia กำลังดำเนินการใต้คราบของหญิงสูงศักดิ์จากอดีตจักรวรรดิอยู่ ในขณะที่ต้องแกล้งสร้างความสัมพันธ์กับ Shirley ให้อยู่ในระดับของผู้รู้จักกันอยู่

    เธอไม่ยอมปล่อยให้ความจริงเล็ดออกมา… สายตาที่เป็นกังวลของ Lumiliana ที่อยู่หลังเธอ ท่าทางของ Philia ผสมด้วยหน้ากากชั้นเชิงที่สวมเป็นเจ้าหญิงและความรู้สึกแท้จริงที่เธอสาบานว่าจะไม่เปิดเผยออกมา

    “นี่มัน… จดบันทึกหรือ? ไม่สิ ถ้าพวกเธอเป็นเด็กในราชอาณาจักรนะ งานโรงเรียนหรือ?”

    “เอิ่ม… ที่จริงแล้ว…”

    ขณะที่ Sophie อธิบายสิ่งที่พวกเธอกำลังทำในห้องสมุดนั้น Philia ก็พยักหน้าขณะที่เธอเข้าใจแต่ละอย่าง

    “อ๊ะ เข้าใจล่ะ ฉันรู้ว่าระดับการศึกษาที่ให้กับสามัญชนในราชอาณาจักรมันก็สูงทีเดียว แต่นี่มันไกลยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้อีก ในจักรวรรดินั้นมันยากที่สามัญชนจะอ่านหรือเขียนได้ แม้แต่คำนวณเองก็ตาม”

    “…เป็นความจริงหรือ?”

    “ค่ะ ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีคนรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็ตาม ก็มีอยู่น้อยมากที่จะรู้เรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้นนะ รู้มั้ย? เพราะการทำงานของจักรวรรดิ โอกาสที่สามัญชนจะเรียนรู้ได้จึงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ… กิลด์นักผจญภัยเองก็อยู่แต่ชายแดนเองนะ”

    มันง่ายที่จะได้ยินเสียงอิจฉาของ Philia ในจักรวรรดินั้น การศึกษาและความรู้จะผูกขาดโดยพวกขุนนาง ยังยากมากที่จะได้เห็นสามัญชนศึกษาหรืออ่านเขียนได้ดี แม้แต่ในหมู่ขุนนางเองก็ยังมีอคติต่อผู้หญิงอย่างรุนแรงจนฝังรากลึกในตระกูลชนชั้นสูง กับผู้หญิงหลายๆคนที่มีโอกาสจะได้ศึกษาด้วย

    ถ้าสามัญชนเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง มันก็จะเป็นการหว่านเมล็ดของการปฏิวัติขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องทำงานส่วนผู้หญิงก็คอยดูแลงานบ้าน เป็นความคิดแบบเก่าที่อยู่ในรากฐานบรรทัดสังคมของจักรวรรดิอยู่

    อีกด้านหนึ่ง ราชอาณาจักรให้การศึกษากับเด็กในชนชั้นสูงและสามัญชนเหมือนกัน ผู้หญิงสามารถเลือกเป้าหมายเองได้… ขณะที่บางคนที่มีปณิธานอย่างเช่นย้ายบ้านเกิดของเธอ เป็นธรรมดาที่เธอจะอิจฉากับประเทศที่ได้ทำไปแล้วจริงๆ

    ถ้าประเทศของเธอมีความรุ่งเรืองและผู้คนของเธอมีอิสระเช่นนี้ แล้ว Philia ก็คงจะรู้สึกไม่ต้องมาเปลี่ยนแปลงประเทศของเธอที่อ่อนแอถึงขนาดนี้แน่

    “แต่ เธอไม่รู้สึกเดี่ยวดายตอนที่แม่เธอออกไปทำงานบ้างหรือ?”

    อย่างไรก็ตาม เธอก็ช่วยไม่ได้นอกจากกังวลกับส่วนของอิสรภาพนั้นในประเทศนี้ เธอรู้ว่าเธอไม่ควรที่จะร้อนใจ เป็น Shirley ที่พวกเธอจะพูดถึงเรื่องนั้น แต่เนื่องจากเธอเลี้ยงดูทั้งสองคนเพียงคนเดียว จะไม่ทำให้ฝาแฝดต้องเหงาตอนที่เธอออกไปทำงานตลอดหรือ? แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกผลิบานในตัว Philia เลย

    “หืมม… มันก็มีบ้างที่เหงาตอนที่เธอออกไปทำงานทั้งวัน แต่ที่รู้ก็คือหม่าม้านั้นทำงานหนักและคอยสู้เพื่อตัวเรานะ”

    “เข้าใจล่ะ… นั่นก็ถือว่าดีเลยไม่ใช่หรือ?”

    พวกนั้นเป็นเด็กที่ดีเลยล่ะ เธอไม่อาจฝืนตัวเองที่จะไปลูบหัวพวกนั้นได้เลย

    “…อ๊ะ? พูดแบบนั้น…”

    “อะไรหรือ?”

    “ทำไมแม่ถึงรู้จักชนชั้นสูงจากที่ๆเคยอยู่ในจักรวรรดิด้วยล่ะ? ก็รู้ว่าแม่น่ะ ไม่เคยคิดอยากจะกลับไปยังจักรวรรดิเลยนี่”

    (ธ-เธอรู้ด้วยหรือ…!?)

    ใจของ Philia เกือบจะหลุดออกมาจากปากแล้ว เธอไม่ได้หมายถึงดูถูกเธอไปหรอก แต่เธอนึกว่าเธอน่าจะอภัยที่ไม่คิดว่าเด็กสิบขวบนั่นจะคลี่คลายเรื่องราวของเธอที่ขัดแย้งกันได้ง่ายๆขนาดนั้น ดังนั้นปากของเธอจึงไม่ดิ้นรนที่จะโกหกออกมาอย่างกับมันติดอยู่ในคอของเธอ

    เธอเป็นลูกสาวของ Shirley จริงๆหรือเปล่าเนี่ย…? พอคิดแบบนั้นไป เธอน่าจะรู้ตัวเหมือนกับแม่พวกนั้นเลย อาจจะยิ่งกว่าพวกเด็กที่เห็นกับตาเสียอีก

    “ตอนที่คุณหญิง Shirley ยังอยู่ในจักรวรรดินั้น คุณหญิงก็มีความพอใจที่ได้เป็นรู้จักของเธอนะ”

    ขณะที่ Philia แข็งทื่อหลังจากที่หลบซ่อนอย่างกะทันหัน Lumiliana ก็ก้าวออกมาช่วยสนับสนุน ขณะที่เธอหันไปมองที่เธอนั้น อัศวินที่น่าเชื่อถือและเพื่อนสนิทของ Philia ก็กระพริบออกมา

    “ท่านแม่กับท่านพ่อของคุณหญิงและท่านเคานท์และภรรยาของ Aigner ต่างก็เป็นเพื่อนสนิทกับจักรพรรดิและจักรพรรดินีคนก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักกันมาตั้งแต่อายุน้อย… ก็น่ะ เธอยังดูอ่อนวัย แต่คุณหญิง Shirley นั้นยังสวยงามตั้งแต่ก่อนแล้วไม่ใช่หรือ?”

    “ช-ใช่แล้วล่ะ! จนกระทั่งอดีตจักรพรรดิและจักรพรรดินีจากไป ฉันจึงเยี่ยมปราสาทอยู่บ่อยๆเลยล่ะ”

    ความจริงแล้ว มันเป็นเรื่องจริงที่เคานท์ Aigner กับภรรยาของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจักรพรรดิและจักรพรรดินีคนก่อนก่อนที่จะเสียชีวิต เพราะความสัมพันธ์นั่นเอง ตระกูล Aigner จึงกลายเป็นพันธมิตรกับ Philia เป็นเครื่องมือในการติดต่อกับราชวงศ์ของราชอาณาจักร

    “คุณรู้จักแม่ตอนที่อายุยังน้อยมั้ย?”

    “ว้าว…! ท่าทางจะน่าสนใจเลยนี่!”

    Sophie กับ Tio แน่นอนว่าถึงกับกระตือรือร้นที่จะได้ยินถึงเรื่องราวของ Shirley จากก่อนหน้านั้น

    Philia กับ Lumiliana กะจะออกจากราชอาณาจักรก่อนเทศกาลศรีษมายันไม่กี่วัน นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่น้ากับหลานสาวจะคุยกันแบบนี้สักพักได้

    พอคิดแบบนั้น Philia ก็ยิ้มอบอุ่นขณะที่เธอนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับฝาแฝด คอยบอกเรื่องราวราวกับจะอ่านจากนิทาน ท่าทางของเธอนั้นได้ระลึกถึงรอยยิ้มของ Shirley ที่เคยมี

    “เอาล่ะ ถ้าเธอสนใจที่จะฟัง ฉันจะสอนความลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวตนของท่าน Shirley ที่แท้จริงใช้ให้มั้ย?”

    “ตัวตนแท้จริงหรือ?”

    “ใช่… เอาล่ะ เราจะมาคุยเรื่องไหนก่อนดีล่ะ?”

    เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความหลังของเธอ Shirley น่าจะไม่สงสัยที่ไม่เห็นด้วยถึงเรื่องนั้น แต่ถ้าลูกสาวเธออยากจะรู้เรื่องนั้นแล้ว Philia ก็ไม่คิดจะเก็บมันไว้ในที่มืดถึงสองครั้งหรอก

    “…ฮิๆๆ”

    “หืม…? อะไรหรือ Sophie?”

    “ก็นะ… ถึงแม้ว่าเราจะเป็นฝาแฝด ฉันก็เป็นพี่สาวนะ… ฉันไม่รู้สิ่งที่รู้สึกเหมือนจะเป็นพี่สาวเองนะ รู้มั้ย?”

    ‘พี่สาว’ เมื่อ Sophie พูดคำนั้นออกไป เธอก็ยิ้มอายๆให้กับ Philia

    “ถ้าเรามีพี่สาวที่อายุมากกว่าเรา สงสัยว่าถ้าเธอเป็นคนอย่างคุณล่ะ?”

    “หวา-!?”

    ‘พี่สาว’ ด้วยสองคำสั้นๆ Philia ก็รู้สึกถึงอารมณ์ดิบที่ผ่ากลางใจเธอเลย

    เป็นเรื่องธรรมดาที่ความรู้สึกเหล่านั้นที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ Shirley รู้สึกต่อลูกสาวของเธอในชีวิตประจำวัน แต่ถึงแม้เธอจะไม่รู้ถึงเรื่องนั้น Philia ก็ถามคำถามขณะที่เธอยกมือขึ้นอย่างสั่นๆ

    “ข-ขอโทษนะ…! ต-แต่ทั้งสองคน ช่วยเรียกฉันว่า ‘พี่สาว’ อีกครั้งได้มั้ย…?”

    “องค์หญิ… หมายถึง คุณหนูคะ!? ตั้งสติไว้ดีๆสิคะ!”

     


     

    เวลาผ่านไปก่อนที่พวกนั้นจะรู้ตัว คืนก่อนเทศกาลศรีษมายันก็มาถึง เป็นฤกษ์ดีและมีสภาพท้องฟ้าที่เหมาะกับเทศกาลเช่นนี้ ด้วยท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปลอดโปร่งไม่มีก้อนเมฆสักก้อนที่ปกคลุมไปด้วยดวงดาวเต็มท้องฟ้าและดวงจันทร์ที่ส่องลงมายังเมืองหลวง

    เหมือนอย่างที่แผ่นกระดาษของเขาได้สัญญาเอาไว้ จอมโจร
    มายาคงจะไม่ได้ไปไหนไกล ด้วยเทศกาลจะเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนเวลาในคืนนั้น มันก็คงจะเกินกว่าที่อาชญากรนั่นจะประกาศช่วงเวลาได้

    Shirley ยืนอยู่คนเดียวลานโล่งๆของปราสาท คอยเก็บจิตวิญญาณภายในขณะที่เธอถือดาบพิธีที่เธอได้มาจากเครื่องแบบไว้ในมือ จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงก้าวเดินเบาๆอยู่ด้านหลังเธอ

    “หม่าม้าคะ? มาทำอะไรตรงนี้หรือคะ?”

    เป็น Sophie นั่นเอง Shirley หันไปมองหน้าลูกสาวอย่างช้าๆ แล้วก็มองไปยังดวงตาของเธอ

    “ฉันนึกว่าน่าจะยืนคุ้มกันอีก จากตรงนี้ฉันก็เห็นห้องขององค์หญิงได้อย่างชัดเจน ฉันจึงน่าจะตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน”

    “โอเคนะ? แต่ไม่ใช่ว่าแม่จะกลับมาเร็วๆนี้หรือ? สาวใช้คนหนึ่งในปราสาทสอนฉันชงชาด้วย! หนูนึกว่าแม่อยากจะดื่มเสียอีก หม่าม้า… หรือว่ามันไม่ดีหรือคะ?”

    “เปล่า นั่นก็ไม่จริงทั้งหมดหรอก ถ้า Sophie ชงชาให้ ฉันก็ชอบมันทั้งนั้นแหละ”

    Shirley แสดงท่าทางอ่อนโยนที่สงวนไว้กับลูกสาว… แล้วทันใดนั้น

    “แต่ ก่อนอื่น”

    เธอพึมพำเงียบๆขณะที่ใส่รังสีสังหารไว้ในดาบพิธีในมือ แล้วเธอก็เหวี่ยงปลายแหลมไปยังใบหน้าของลูกสาวแสนรักของเธอด้วยความเร็วเทพ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×