ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #5 : ลาง

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 65


    “ขอโทษที่ทำให้รอ เข้ามาได้เลย คุณ Shirley”

    “ค่ะ”

    ครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเข้าสู่หัวค่ำ และหลังจากที่เธอเอาหัวของขุนพลอ็อคที่บุกโจมตีเมืองมาแล้ว Shirley ก็กลับเข้ามาในห้องของโบสถ์ที่อยู่หลังกิลด์ผจญภัยที่ยืมมาเป็นห้องประชุม

    “ขอบคุณที่สำหรับงานนะ กรุณานั่งลงก่อน”

    ชายที่มาจากกิลด์นั่งอยู่ข้างบาทหลวงที่อยู่ในห้องพร้อมกับกองเอกสารจำนวนมากที่อยู่บนโต๊ะต่อหน้าพวกเขา

    สิ่งเดียวที่อธิบายงานที่พวกเขาทำก็คือยืนยันคำร้องและรายงานความสำเร็จที่พวกเขาทำเสร็จแล้ว

    ไม่เหมือนกับคำร้องง่ายๆเช่นสรรหาวัตถุดิบหรือสมุนไพร คำร้องใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการปราบมอนสเตอร์หรือปีศาจจะต้องถูกตรวจสอบกับบาทหลวง

    “… <<ความจริง ・ หยั่งรู้>>. …เราพร้อมที่จะเริ่ม เมื่อไรที่เจ้าพร้อม”

    สิ้นบทร่าย บาทหลวงก็ถือไม้คถา ปลายไม้ก็เริ่มส่องประกายออกมา

    เวทมนตร์ที่บาทหลวงใช้ในฟื้นฟูของเทพธิดานั้นรู้จักในเทพนภาผู้เป็นมารดาที่ผ่านการประยุกต์ใช้งานมาหลายครั้ง ตั้งแต่รักษาบาดแผลยันไปถึงล้างคำสาป และก็จ้างผู้เชี่ยวชาญอีกหลากหลายตั้งแต่นักผจญภัยยันรัฐบาล

    ครั้งนี้ บาทหลวงใช้เวทมนตร์ที่รู้จักในการ “จับโกหก” เพื่อเค้นหาความจริงจากคำโกหก

    กิลด์ไม่ยอมรับรางวัลอย่างเขาหรือหูที่เป็นหลักฐานว่าทำคำร้องสำเร็จ และก็ไม่พูดอะไรกับนักผจญภัยที่เดินผ่านเมืองที่มาพร้อมกับหัวสดๆหลายหัวที่น่าจะย่นเกินกว่าขมวดคิ้วหลายๆครั้งอีก

    มันง่ายกว่ามากที่จะสืบหาความจริงที่ใช้เวทมนตร์อย่างนี้ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางกายภาพที่อาจะทำให้มีน้ำหนักมากเกินพอที่จะเอากลับมายังในเมืองในตอนแรกด้วย

    “เอาล่ะ จงรายงานมา ถ้าอยากทำ”

    “คำร้องวันนี้คือให้ไปกำจัดพวกอ็อคที่อยู่ในอาณาเขตของพวกมันที่ค่อยๆขยายมายังเมือง พอๆกับไปปราบมอนสเตอร์ที่อยู่ใต้สังกัดของมันด้วย นอกจากตัวของอ็อคแล้ว ฉันก็ได้สังหารก็อบลิน 24 ตัวกับหมาป่าหายนะ 13 ตัว เท่าที่ฉันรู้โดยที่ไม่หนีไปไหน”

    ขณะที่ Shirley เล่าข้อมูลออกมาหน้าตาเฉยโดยที่ไม่หยุด บาทหลวงก็พยักหน้าเป็นช่วงๆ

    “…ฉันสาบานในนามของเทพนภาผู้เป็นมารดาว่าคำพูดของเธอนั้นจะไม่มีวันโป้ปดเด็ดขาด”

    “เข้าใจแล้ว ทำได้ดีเลยนะ Shirley เอาล่ะ ในตามเคย กรุณารับสิ่งนี้ไว้กับเจ้าด้วย”

    เมื่อเสร็จธุระแล้ว Shirley จึงได้ยื่นรายงานที่เจาะประทับตราสีแดงของดาบกับคทาไขว้กัน… ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกิลด์

    การยื่นให้เจ้าหน้าที่แผนกตอบรับไปทำเรื่องสำเร็จคำร้อง โดยให้นักผจญภัยจ่ายนั้น เป็นการรายงานแบบขั้นตอนที่ไม่ได้มีอยู่ตลอด มันได้ดำเนินการล่วงหน้าไปหลังจากที่มีหลายกรณีตัวอย่างที่นักผจญภัยได้พยายามหลอกว่าทำคำร้องสำเร็จแล้วนั่นแหละ

    “ฉันทำคำร้องสำเร็จแล้ว”

    “ขอบคุณที่ได้พยายามทำงานนะคะ! กำจัดอ็อคเพียงคนเดียว นั่นหมายความว่าเธอจะได้รับรางวัลไปทั้งหมดสำหรับทั้งปาร์ตี้นะคะ!”

    หลังจากที่ชำเลืองมองดูคิวของพวกนักผจญภัยที่ยืนรอโดยเพื่อที่จะคุยกับ Yumina ที่อยู่ข้างหลังเธอ Shirley ก็รีบยืนยันรางวัลแล้วก็ลุกออกไปโดยไม่พูดทันที

    ขณะที่เธอเดินกลับบ้านนั้น ท้องฟ้ายามบ่ายก็เปลี่ยนไปเป็นเงาสีแดงอย่างช้าๆ แสงดวงอาทิตย์ที่ยังส่องแสงไปตามถนน คำร้องนั้นเสร็จเร็วกว่าที่เธอคาดไว้ แล้วเธอก็ได้นึกถึงเรื่องที่เธอจะทำอาหารเย็นอะไรให้กับลูกสาวเธออย่างใจจดใจจ่อ

    หลังจากที่ส่งรางวัลของคำร้องไว้ในบ้านพักแล้ว เธอก็เดินกลับไปโดยที่ไม่มีเวลาที่จะพักเท้ามุ่งหน้ารีบไปยังตลาดคึกคักที่ยังเปิดทำการตอนที่ยังเหลือแสงอีกนิดหน่อยของวัน

    ในขณะที่สินค้าชุดเกราะ อาวุธ ยาเพิ่มสมรรถนะและขวดยารักษาต่างก็เป็นสิ่งจำเป็นในเมืองชายแดนนี้ แต่เสบียงอาหารนั้นก็ยังขาดแคลนอยู่

    ถึงแม้จะมีทุ่งเลี้ยงสัตว์อยู่รอบๆเมือง พวกเขาก็ไม่สามารถครอบครองได้หมดเพียงลำพัง ทางเดียวที่จะจัดหาอาหารในเมืองชายแดนอย่างเพียงพอเพื่อการอยู่รอดก็คือนำเข้ามาจากเมืองข้างเคืองและเขตชนบท ย่อมทำให้มีราคาแพงขึ้นไปด้วย… ถ้าหากกิลด์นั้นไม่ได้คอยอุดหนุนพวกพ่อค้าที่ต้องเดินทางข้ามมา

    เพราะแบบนั้นเอง อาหารที่นี่จึงถูกกว่าที่ๆผลิตเสียอีก

    “ชีสนี่ราคาถูกเลยไม่ใช่หรือ?”

    ท่ามกลางพวกแม่บ้านที่ต่างก็ยื้อแย่งสินค้าราคาถูกนั้น ก็มีผู้หญิงผมขาวที่ไม่เข้ากับดวงตาดูเหมือนจะโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้

    โดยที่ไม่สนใจสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา เธอเดินผ่านระหว่างแผงลอยไปเพื่อที่จะต่อรองราคา

    “หุๆ…”

    Shirley ทำปากยิ้มกว้างในขณะที่มือของเธอเต็มไปด้วยถุงใส่ผัก ชีสและก็ไก่ ซึ่งซื้อมาด้วยเหรียญที่ได้มาจากเควสในวันนี้

    แป้งกับไข่นั้นมีให้ใช้ในบ้านพักแล้ว คราวที่แล้วก็สตูว์เนื้อเป็นของโปรดของ Sophie เลย งั้นวันนี้จะเป็นของที่ Tio ชอบล่ะกัน พายเนื้อล่ะ

    ไปตลาดซื้อเครื่องปรุงมาและก็คิดถึงการเตรียมอาหารให้ลูกสาว… ไม่ใช่ชีวิตที่เธอจะนึกภาพออกได้ตอนที่เป็นหญิงชนชั้นสูงหรือคู่หมั้นของเจ้าชายมงกุฏเลย

    แต่แค่คิดถึงใบหน้าที่มีความสุขของลูกสาวนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอก้าวผ่านวันไปได้

    “อ๊ะ! หม่าม้า!”

    Sophie วิ่งเข้ามาจากข้างหลังขณะที่เธอกลับมาจากการช้อปปิ้ง

    “ยินดีต้อนรับนะคะ! วันนี้ทำงานเสร็จแล้วหรือคะ?”

    “จ้า แล้ว Tio ไม่ได้อยู่กับลูกหรือ?”

    “ไม่นี่ เธอบอกว่าเธอได้ทำอะไรบางอย่าง”

    เมื่อได้ระลึกถึงเหตุการณ์ตอนเมื่อเช้านี้ Shirley ด้านปีศาจเริ่มที่จะกัดกินเข้าไปทีละนิด แต่ในความขวัญผวานั้นเธอได้หยุดมันไว้

    ถ้าเป็นทางเลือกของลูกสาว เธอก็ไม่ควรที่จะเข้าไปขัดใดๆ…

    “อ๊ะ นั่นอาหารเย็นคืนนี้หรือ?”

    “ใช่แล้วล่ะ ฉันคิดว่าจะทำพายเนื้อนะ”

    “บูวว… สตูวน่าจะดีกว่านะ”

    แม้ว่าบางครั้งเธอจะถูกยั่วให้ยอมด้วยการทำตาดวงตาหมาน้อยสีน้ำเงินที่ Sophie ทำก็ตาม ความปรารถนาของเธอก็คือจะต้องยุติธรรมในฐานะแม่จึงปล่อยให้เธอปฏิเสธคำขอของลูกสาวที่รักไป

    “เมื่อวานเราก็ทำสตูวไปแล้ว คืนนี้ก็จะเป็นของที่ Tio ชอบล่ะ”

    “หนูว่ามันช่วยไม่ได้นะ… ในฐานะพี่สาว หนูจะทำเป็นใจดีล่ะกัน”

    “เอาล่ะ แล้วลูกจะถือถุงไหนไปล่ะ?”

    ภาพแม่กับลูกสาวเดินมาด้วยกันโดยที่มีแสงอาทิตย์ส่องสะท้อนผมขาวพวกเธอ ด้วยเสื้อผ้าชาวบ้านและแลดูอ่อนโยน พวกเธอดูเหมือนกับครอบครัวธรรมดาที่มีความสุข

    นอกจากความงดงามแล้ว พวกเธอยังเป็นครอบครัวสุขสันต์ที่สามารถพบได้ทุกที่ ถ้าไม่รู้จักพวกนั้น ก็คงจะไม่มีทางคิดได้ว่าแม่คนนั้นเป็นนักรบที่เปื้อนไปด้วยเลือดของมอนสเตอร์ไม่กี่ชั่วโมงก่อน

    “อ๊า”

    Sophie ถึงกับหยุดทันทีตรงแผงของร้าน Sophie เริ่มมองไปที่ร้านที่ขายเครื่องประดับและอัญมณี

    “มีอะไรอยู่ที่ร้านนั้นหรือ?”

    “เอ๋!? อา เปล่า ไม่มีอะไรหรอก!?”

    “…”

    ขณะที่พวกเธอเดินผ่านกระจกร้าน Shirley ก็ไม่ได้คิดว่าสร้อยฝังหยกนั้นจะวางไว้ตรงหน้าด้วย

    ถ้า Sophie อยากจะซื้อเครื่องประดับสำหรับโรงเรียน เธอก็น่าจะพอจ่ายได้เนื่องจากเธอให้เหรียญทองหนึ่งเหรียญต่อเดือนไว้ในกระเป๋าสตางค์… แต่ดูเหมือนว่าเธอต้องการของนั่นจริงๆ

    (จะว่าไป ในราชอาณาจักรนี้ไม่มีประเพณีว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในตอนไหนเลยหรือ…)

    ถึงแม้ว่า Shirley จะไม่รู้ถึงรายละเอียดของคนที่เกิดในจักรวรรดิก็ตาม ในราชอาณาจักรนั้นมีประเพณีที่จะให้เด็กหรือนักเรียนเป็นจอมเวทหรือนักสู้ที่จะจารึกชื่อพวกนั้นไว้ตอนที่พวกนั้นมาถึงอายุ

    ของบางอย่างที่พวกเขาจะถือเอาไว้และจะจำคุณได้แม้ว่าจะแยกทางไป ต้องการที่จะส่งคำอวยพรให้กับพวกที่ย้ายไปจากบ้าน บางคนก็คอยส่งของดูต่างหน้าให้กับพวกผู้ใหญ่อยู่ทุกปี

    (…บางทีควรจะต้องเตรียมตั้งแต่เนิ่นๆดีมั้ย?)

    Shirley ได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว

    มันไม่มีค่าใช้จ่ายผูกมัดในอนาคตเมื่อไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม้แต่พรุ่งนี้

    แต่สำหรับลูกสาวแสนรักทั้งสองที่เธอผ่านเรื่องสาหัสในโลกนี้ เธอน่าจะหามาเองได้โดยที่ไม่ต้องจ่าย

    (ฉันจะเก็บรวบรวมชิ้นส่วนด้วยตัวเองแล้วจะไปตามช่างฝีมือดีที่สุดในประเทศมา… จะเป็นคำพูดที่สุดซึ้งของแม่ที่รักเลย…!)

    แม้จะเป็นของที่ทำจากไม้หรือสิ่งของที่หาได้ทั่วไปก็ตาม นักผจญภัยที่รู้จักในอสูรดาบสีขาวจะสาบานต่อลูกสาวเธอว่าจะต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดทุกอย่าง

    ต่อให้ไม่ได้เป็นชนชั้นสูงที่สุดในโลกที่จะมีชิ้นส่วนที่ดีที่สุดที่เหนือกว่าหัวหน้าช่างฝีมือก็ตาม แต่โชคไม่ดี ที่ไม่มีใครมาถึงตรงจุดนั้นได้

    (ในตอนนี้ ฉันต้องมองหาแร่ Jewelsaad ก่อน… ถึงแม้ไม่ใช่ว่า Yumina บอกว่ามันอยู่ที่หนึ่งในสถานที่มีมังกรหรือ?)

    Shirley จินตนาการสีหน้าร้องไห้ฟูมฟายของแผนกตอบรับที่ยอมรับคำขอเสร็จสิ้นเหมือนอย่างกับประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ

    แร่ Jewelsaad สามารถเรียกได้ว่าเป็นกล่องสมบัติธรรมชาติที่มีมากในราชอาณาจักรที่สามารถเอามาทำเป็นอัญมณีล้ำค่าและโลหะหายากได้

    แต่เพราะมันอยู่ไกลและอยู่ข้างในลึก มันจึงเริ่มฟักฟูติดกับพื้นเป็นจำนวนมากแล้วก็ปรากฏเป็นมังกรขึ้นมา ในความจริงแล้ว ไม่มีใครใครคิดที่จะครอบครองมันมาหรอก

    แม้แต่พ่อค้า ขุนนางหรือแม้แต่คนในตระกูลชั้นสูงก็ไม่มีใครอยากจะครอบครองสมบัติที่อยู่ในภูเขานี้เลย เพราะมันยุ่งยากที่ไม่มีทางเลือกใดๆนอกจากต้องไปขอให้พวกนักผจญภัยมาเก็บให้นะสิ

    (และเหนือสิ่งอื่นใด ก็จะได้รับรางวัลของกิลด์อย่างดีด้วย… โชคดีอะไรอย่างนี้ ฉันจะไปรับเอาคำร้องมาในวันพรุ่งนี้ แล้วก็ไปยังเหมืองแร่อัญมณี …และฉันก็อาจจะได้ไปฆ่ามังกรอีกด้วย)

    สำหรับ Shirley แล้ว ธุรกิจมังกรนั้นจริงๆแล้วไม่ใช่สิ่งสำคัญ ขณะที่แม่กำลังเอานิ้วแตะปากครุ่นคิดกับเรื่องในวันพรุ่งนี้ Sophie ก็เอียงหัวแล้วก็ถามออกมา

    “หม่าม้า? หม่าม้าเงียบไปพักหนึ่งแล้วนะคะ?”

    “อ๊ะ อย่าห่วงเลย ไม่มีอะไรหรอก”

    อยากจะเก็บความเซอร์ไพรสักหน่อย Shirley จึงได้กลับเข้าไปยังบ้านพักพร้อมกับลูกสาว

    กลางคืนได้มาเยือน และจำนวนนักผจญภัยที่ต่อแถวก็ได้ค่อยๆลดจำนวนลงจนหมด Yumina จึงได้ปิดทำการด้วยถอนหายใจหนัก

    วันนี้เธอก็ถูกหัวหน้ากิลด์ท้องที่เคี่ยวมาอีกแล้ว ‘ทำไมเธอถึงไม่ได้เลื่อนขั้นยัยอสูรดาบสีขาวให้เป็นแรงค์ A ในเมื่อเธออยู่เหนือสุดของนักดาบทั้งมวล!?’ หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่คล้ายๆกัน

    ปกติแล้ว กิลด์จะเคารพการตัดสินใจของสมาชิก และนั่นทำให้มีนักรบที่แข็งแกร่งเป็นจำนวนมากยอมหยุดอยู่ที่แรงค์ B ที่ไม่ประสงค์จะเลื่อนขั้นจนสูญเสียอิสรภาพไป

    ถึงแม้ว่า Shirley พิเคราะห์ตัวเธอแค่อีกคนหนึ่งในหมู่แรงค์ B ที่รักอิสระ กิลด์ก็ไม่อาจเมินเฉยคนที่ทำให้ปาร์ตี้ระดับสูงแรงค์ A ดูเหมือนตัวตลกโดยไปจัดการกับมอนสเตอร์ระดับภัยพิบัติอย่างมังกรด้วยตัวเธอเองได้ กิลด์เริ่มที่จะกดดัน Yumina อย่างไม่มีเหตุผลเพื่อที่จะให้เลื่อนขั้นให้จนได้

    “อ๊าาาา โธ่เว้ย… ถึงฉันจะพยายามถึงที่สุดแล้วนะเนี่ย พวกนั้นยังมีอะไรที่ยังดื้อด้านกับคนๆนั้นได้ยังไงล่ะเนี่ย!?”

    Yumina ถึงกับด่าในหัวเธอซ้ำๆไปมา โดยหวังว่าน่าจะทำให้หัวหน้าเธอหัวล้านก่อนวัยได้บ้าง

    (แต่ จริงๆเลย นั่นก็เป็นความจริงอย่างที่หัวหน้าพูดมานั่นแหละ)

    ต่อให้เธอไม่ใช่ตัวแม่เอง ในฐานะผู้หญิงก็ยังพอที่จะมีความเห็นใจกับ Shirley ที่อยากจะเอาเวลาไปอยู่กับลูกสาวเท่าที่จะทำได้

    อย่างไรก็ตาม กิลด์นักผจญภัยก็เป็นหน่วยงานที่คอยอุทิศช่วยเหลือผู้คน และทำให้ต้องการนักรบที่มีความสามารถที่จะตอบสนองในยามฉุกเฉินได้ทันที

    Yumina นั้นรู้จักกับ Shirley มากว่าห้าปีแล้ว เนื่องจากเธอได้รับงานที่นี่ แล้วเธอก็ได้มาเป็นแรงค์ B ในเวลาไม่นาน

    Shirley ผู้กวัดแกว่งใส่มังกรดำบ้าคลั่งที่อาศัยอยู่ในขุนเขา แล้วก็ไปเด็ดหัวเจ้าค์หญิงแวมไพร์ที่น่าสยอง รวมทั้งกวาดล้างดันเจียนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย เธอทำเองหมดทุกอย่างด้วยคนเดียว Yumina รู้จักชื่นชมในเบื้องลึกกับผู้หญิงที่บรรลุงานเหล่านั้นได้ทั้งหมด

    ไม่ว่ากิลด์จะร้อนใจแค่ไหนในการที่จะเลื่อนระดับ Shirley ต่อให้เธอได้พบกับปาร์ตี้ที่มีคุณสมบัติในการเลื่อนขั้นเป็นแรงค์ A ก็ตาม ก็ยังเป็นปัญหาที่เธอที่ไม่เต็มใจที่จะเลื่อนระดับอยู่ดี

    (หวังว่าอย่างน้อยเธอจะได้เข้าร่วมปาร์ตี้สักวันหนึ่งนะ คิดว่านะ)

    แต่จำนวนของผู้ที่เข้ามาติดต่อร่วมมือกับ Shirley ดูเหมือนจะเพิ่มมาต่ำมาก ต่อให้เธอพยายามปิดบังท่าทีกับเธอก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะมีคนรู้จักมากขนาดนั้น

    เธอพูดคุยกับนักผจญภัยคนอื่นได้ยากมากและไม่เคยชวนใครเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยตัวเองเลย และนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาเท่านั้น

    ไม่ว่าจะมีคนที่มีความสามารถทึ่งแค่ไหนและดูดียังไง การออกไปผจญภัยกับคนที่คิดถึงเพื่อนร่วมทีมในปาร์ตี้บ้างก็เหมือนกับมีความปรารถนาที่จะไปตายแล้ว

    ไม่มีปาร์ตี้ไหนอยากจะทำลายตัวเองโดยการบวกธาตุแท้ไม่แน่นอนเข้ามาผสมด้วย มันยากที่จะบอกได้หากเห็นจากทัศนวิสัยของพวกนั้น

    อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงส่งเสริม Shirley ให้พยายามหาทางเข้าร่วมปาร์ตี้ให้ได้ บางทีถ้าเธอสามารถชี้นำไปสู่การตอบสนองความต้องการที่จะขึ้นเป็นนักผจญภัยแรงค์ A ได้ ด้วยความพากเพียรที่มากพอเธอก็อาจจะยอมที่จะเลื่อนระดับได้บ้าง

    นั่นคือสิ่งที่ Yumina หวังบรรลุเอาไว้

    “นักผจญภัยที่สามารถทำงานได้และไปด้วยกันกับ Shirley ได้… ใครกันน้าที่ยังไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้… เอาล่ะ”

    แม้ว่าชั่วโมงงานของกิลด์จะเสร็จแล้ว เธอก็เป็นคนที่อยู่ในห้องค้างคืน ก็เลยไม่มีใครมาบ่นเธอที่กลับบ้านดึก

    Yumina เอาเครื่องมือเวทมนตร์ออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์ เป็นเครื่องขยายเสียงเวทมนตร์ที่เชื่อมต่อโดยสายที่จะสามารถพูดคุยกับคนที่มีอุปกรณ์คล้ายๆกันที่อยู่ห่างกันหลายไมล์ได้

    “ฮัลโหล อรุณสวัส- เดี๋ยวนะ ไม่ใช่อย่างนั้น กิลด์มาสเตอร์? ค่ะ มีบางอย่างที่ฉันต้องขออนุญาตถามถึงเรื่อง…”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×