คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : สิ่งที่ฉันเลือกคือ
เวลาเที่ยงคืน ณ ลานพิธีไตรเวทย์....
“ในนามของเผ่าทั้งสามเผ่า มนุษย์ เทพ และปิศาจ ขอบังอาจเริ่มพิธีไตรเวทย์ พิธีอันศักดิ์สิทธิ์อันแสดงถึงความสมดุลของพลังเวทย์ทั้งสามเผ่า ณ บัดนี้!!”
สิ้นเสียง...คบเพลิงที่ถูกวางปูยาวตลอดสะพานเชื่อมไปยังลานพิธีกลางทะเลสาบก็ลุกพรึ่บขึ้นมาทันที!!
ท่ามกลางผู้คนที่มาเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ที่รอดูการทำพิธีอย่างสงบ
ผู้กล่าวดำเนินพิธีที่อยู่ตรงหน้าสะพานทางเชื่อมก็ผายมือของตน เชิญผู้ถูกเลือกที่พร้อมอยู่แล้วให้ไปยังลานพิธีไตรเวทย์....
....โคโนเอะ โคโนกะในชุดผู้ถูกเลือกเต็มยศเดินเข้าไปตามทางสะพานนั่นอย่างช้าๆ ใบหน้าของเธอนั้นดูเศร้าสร้อยดูทุกข์ใจราวกับองค์หญิงที่ต้องคำสาบไม่มีผิด
ชุดกิโมโนขาวปักลายทองอันหรูหราที่เธอสวมใส่อยู่ลากยาวออกมาจนถึงพื้นทำให้หญิงสาวผู้ถูกเลือกนั้นดูงามสง่าทุกย่างก้าวที่เธอก้าวเดิน โคโนกะเดินตามทางสะพานที่มีคบไฟส่องทางนำไปเรื่อยๆตามองไปยังลานพิธีตรงหน้า
ระหว่างที่กำลังเดินไปยังลานพิธีนั่น ใจของโคโนกะเต้นรั่วด้วยความตื่นเต้นและความกลัวในเวลาเดียวกัน
แม้ภายนอกเธอจะดูสงบเพียงใดแต่ในใจกลับคิดสับสนสติเตลิดไปไกลจนแว่บนึง
เธอแทบอยากจะวิ่งหนีไปจากที่นั่นเสียเดี๋ยวนั้น มือทั้งสองของเธอนั้นเย็นเฉียบและสั่นเกร็ง ด้วยความนิทราอันเป็นนิรันดร์ที่ใกล้เข้ามาก็อดทำให้เธอหวั่นเกรงกับอนาคตที่กำลังจะมาถึงไม่ได้....
(ถึงเวลาแล้ว.....ใกล้เข้ามาแล้ว....สิ้นสุดการรอคอยเสียที)
(อีกไม่นาน...ฉันก็จะเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้ว มันจะเป็นยังไงน่ะ? จะเหมือนตอนที่คนเราตายไหม? หรือจะเป็นการนอนที่เอาแต่ฝันตลอดไป??)
(ท่านแม่ค่ะ ท่านพ่อค่ะ ท่านตาค่ะ ที่หนูทำมันถูกต้องที่สุดแล้วสิน่ะค่ะ.....ทุกๆคนก็ดูหนูอยู่ ท่านแม่ก็กำลังดูหนูอยู่บนสวรรค์ใช่ไหมค่ะ?)
(แล้วเซ็ตจัง จะยอมทำตามที่ฉันเขียนในจดหมายนั่นรึเปล่า?? ถ้าเป็นเซ็ตจังสมัยก่อนอาจจะไม่ทำ แต่เซ็ตจังที่แค้นฉันมากๆตอนนี้ อาจจะอยากทำตามที่ฉันเขียนก็ได้น่ะ)
(อ่ะ....ถึงแล้ว......)
....แล้วโคโนกะก็เดินมาถึงลานพิธีในที่สุด ผู้ถูกเลือกหันไปมองผู้ดำเนินพิธีเป็นการให้สัญญาณว่าเธอพร้อมแล้ว
แล้วผู้ดำเนินงานก็พยักหน้าให้ก่อนจะประกาศก้องขึ้นมาว่า....
“เริ่มการอัญเชิญเทพแห่งสามโลก ณ บัดนี้!!!!”
“โฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ฮึ่มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ฝันไปเถอะไอ้พวกมนุษย์!!!!!!!!”
....ทุกคนในพิธีนั่นหันไปมองตามเสียงอย่างไม่เชื่อสายตา!! กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันเป็นอะไรที่ไม่คาดคิด!!
พวกปิศาจที่ไม่รู้มาจากไหนจำนวนมหาศาลจนกะคำนวณไม่ได้กำลังบุกเข้ามา!! พวกมันที่มากันมากซะจนปิดท้องฟ้าที่มีแสงจันทร์ส่องอยู่จนมิด!!
มันเหมือนกับว่ามีคนเอาผ้าสีมืดมาปิดท้องฟ้าครึ่งนึงเอาไว้ไม่มีผิด
แต่นี่...มันคือพวกปิศาจที่กำลังบุกมาทำลายพิธีนี่น่ะ!! แถมพวกมันที่บินอยู่บนฟ้ายังไม่นับรวมกับพวกที่บุกเข้ามารอบทะเลสาบอีกด้วย!!!
.....เอชุนที่ดูจะรู้ถึงการมาของพวกมันอยู่แล้วก็อดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้ มากันมากถึงขนาดนี้เลยหรือ! นี่มัน..เกินกว่าที่เราได้คาดการเอาไว้เสียอีก!!
หัวหน้าสหพันธ์มองพวกมันหน้าตาตื่นแต่เขาก็รีบตั้งสติและสั่งลูกน้องให้ดำเนินตามแผนทันที
“เปิดวงเวทย์ต้านเอาไว้!! ส่วนคนที่เหลือไปหาท่านโคโนเอม่อนแล้วเตรียมใช้แผนจู่โจมกลับ!!”
“ครับ!!/ค่ะ!!”
.....สิ้นคำสั่ง จอมเวทย์ชายหญิงร่วมร้อยก็รับคำและรีบทำตามที่สั่งทันที!!~
และแผนแรกก็ได้ผล วงเวทย์ขนาดมหึมาที่ร่ายโดยจอมเวทย์กว่าสามสิบคนครอบคลุมพื้นนี้รอบทะเลสาบเอาไว้ รวมถึงบริเวณที่พวกตนกำลังร่ายอยู่ด้วย ที่พวกเขาเลือกมาทำพิธีที่ทะเลสาบก็เพราะอย่างนี้นี่แหล่ะ!! การดึงพลังจากเทพวารีที่สถิตอยู่ที่ทะเลสาบแห่งนี้มันช่วยทุ่นพลังเวทย์ของพวกเขาได้อย่างดีทีเดียว!! ด้วยพลังของวงเวทย์ทำให้พวกมารถูกสกัดกั้นเข้ามาใกล้ทะเลสาบและลานพิธีไม่ได้!!~
พวกมันที่มองอยู่ด้วยความเจ็บใจก็หันมาปลุกร้องและเริ่มใช้แผนสองขึ้นมาบ้าง
“อย่าไปกลัว!! พวกมันกางวงเวทย์ใหญ่ขนาดนี้ได้ไม่นานจนจบพิธีหรอก!!! พลธนู!! พลหอก!!~ จัดการกับพวกจอมเวทย์ที่กำลังร่ายวงเวทย์นี่ซะ!!!”
“โห่!!!”
แล้วเหล่ากองพลอาวุธระยะไกลก็ก้าวมาที่เบื้องหน้าทัพใกล้ๆกับทะเลสาบให้มากที่สุดก่อนที่จะยิงธนูและข้างหอกออกไป ด้วยวงเวทย์ที่กันได้แต่พวกมารแต่ไม่ได้รวมถึงวัตถุที่เป็นอาวุธ ธนูทุกดอกและหอกทุกอันพุ่งไปยังร่างของกลุ่มจอมเวทย์อย่างไม่พลาดเป้า!
แต่มีรึว่าแผนตื้นๆอย่างนี้พวกคันไซจะอ่านไม่ออก พวกองครักษ์ที่ซุ่มอยู่ใกล้ๆรีบเอาโล่เหล็กขนาดใหญ่มากั้นป้องกันเหล่าจอมเวทย์เอาไว้จนมิดร่าง กลายเป็นเกราะเหล็กขนาดใหญ่ห่อหุ้มเอาไว้ทำให้อาวุธอันใดก็เข้ามาทำร้ายพวกเขาไม่ได้
พวกปิศาจที่ถูกอีกฝ่ายรู้ทันก็นึกเจ็บใจเพราะตอนนี้พวกสหพันธ์ได้ป้องกันการบุกเข้ามาของพวกมารอย่างสมบูรณ์!!
.....โคโนกะที่มองเหตุการณ์มาตลอดก็เริ่มหวาดวิตก แต่เธอก็ได้รับคำบอกมาหลายคราแล้วว่าไม่ว่าภายนอกจะเกิดอะไรขึ้น
เธอจะต้องดำเนินพิธีไตรเวทย์ด้วยตัวเองจนจบ เมื่อสติที่เตลิดไปกลับมาได้อีกครั้ง
โคโนกะก็เริ่มร่ายคาถาเพื่ออันเชิญเทพแห่งสามโลกทันที!!
“ลาราโก นาราต่าระโทกา นสากราโยทาดา มาทาโคเบเร่นามี ดานาโทนาร่า”
และโคโนกะที่เริ่มท่องบทอันเชิญแรกอันเป็นของเผ่ามนุษย์ก็ยิ่งทำให้พวกมารที่บุกเข้ามายิ่งร้อนใจ!
พวกมันจึงไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนใจมุ่งเป้าไปที่ผู้ถูกเลือกแทนทันที!!
“อย่าไปสนใจพวกจอมเวทย์นั่น!! พุ่งอาวุธที่มีอยู่ไปยังลานพิธีที่ยัยผู้ถูกเลือกให้หมด!!!”
“โอ้ววววว!!!”
แล้วห่าธนูและหอกทั้งหมดที่พวกมันมีก็ถูกพุ่งไปยังลานพิธีที่โคโนกะยืนอยู่อย่างไม่รอช้า!!
แต่โคโนกะที่กำลังตั้งสมาธิกับการท่องบทอัญเชิญเต็มที่ก็ยังไม่รู้สึกตัว
จนกระทั้งพวกหอกและลูกธนูที่ใกล้เข้ามาจวนเจียนจะถึงตัวโคโนกะอยู่แล้ว แต่พวกอาวุธเหล่านั้นก็เข้ามาในรัศมีดาบของใครคนนึง!!
“กระบวนท่าลับสำนักดาบชินเมริว!!! วายุบุปผาไร้เงา!!”
สิ้นเสียง...เหล่าคมหอกธนูก็เปลี่ยนทิศกระเด็นหล่นไปยังทะเลสาบจนสิ้น พวกปิศาจที่เห็นว่าอาวุธของพวกมันถูกหยุดก็ต่างตะลึง
เพราะผู้ที่หยุดอาวุธที่พุ่งเข้ามาด้วยตัวคนเดียวคือ อาโอยามะ โมโตโกะ ที่กำลังจ้องมาที่พวกมันอย่างไม่กลัวเกรง!!
ดาบสองมืออันเป็นกระบวนท่าที่เธอไม่ได้ค่อยใช้ถูกนำมาต่อกรกับพวกมันอย่างไร้ที่ติ!
! ดาบนึงที่เป็นของเธอและอีกเล่มที่เป็นของท่านพี่ซึรุโกะ
นักดาบสาวที่หันมาใช้มันในศึกที่สำคัญที่สุดเช่นนี้ก็พึมพำขึ้นมาเบาๆพลางกำดาบในมือทั้งสองกระชับแน่น....
“ท่านพี่ซึรุโกะค่ะ.......ได้โปรด.....ช่วยเป็นกำลังให้ข้าด้วยน่ะค่ะ”
......โมโตโกะที่ตอนนี้กลายมาเป็นองครักษ์พิทักษ์ผู้ถูกเลือกอย่างสมบูรณ์ก็มองไปยังสถานการณ์รอบๆด้วยใจที่หวาดหวั่นแต่ยังคงนิ่งไว้ด้วยวิสัยของนักดาบ ไม่ได้...เราจะหวั่นไหวไม่ได้! ต่อให้พวกมันมากกันมากขนาดไหนเราก็ต้องคุ้มครองคุณหนูโคโนกะอย่างสุดกำลัง!!
เพราะเราเป็นผู้เดียวที่สามารถสู้ได้โดยไม่ต้องพึ่งเวทย์!! ผู้ถูกเลือกที่ต้องไม่ถูกรบกวนด้วยพลังเวทย์รอบข้างอันใดตลอดการทำพิธีต้องมีแต่พึ่งเราเท่านั้น!!
.... จนกระทั้งโคโนกะท่องมนต์จบบทแรก เธอที่ได้ลืมตาขึ้นมาพบพี่โมโตโกะอยู่ตรงหน้าก็ยิ้มให้ราวกับเป็นการขอบคุณที่มาช่วยเธอและหลับตาทำท่าจะร่ายมนต์บทที่สองอันเป็นมนต์ของเผ่าปิศาจต่อ
ที่เธอไม่หยุดที่จะร่ายและหนีไปเพราะเธอมั่นใจและเชื่อใจกับนักดาบชินเมริวตรงหน้าว่าจะปกป้องเธอได้แม้ว่าพวกมันจะบุกเข้ามามากขนาดไหนก็ตาม!!
.....โมโตกะที่ได้รับความไว้วางใจจากอีกฝ่ายเต็มที่ก็มีใจฮึกเหิม เพราะเธอไม่ได้ทำเพื่อตัวเธอและคุณหนูโคโนกะคนเดียวแต่เธอ ทำเพื่อเซ็ตซึนะที่สมควรต้องมาอยู่ตรงนี้
เพื่อปกป้องผู้ถูกเลือกที่น้องสาวของเธอรักด้วย!! และทุกสิ่งทุกอย่างที่ใกล้เข้ามามุ่งทำร้ายในโคโนกะในระยะรัศมีของลานพิธี
พวกมันก็จะถูกดาบในมือทั้งสองของชินเมริวจัดการจนสิ้น!! ในยามนี้ตราบที่เธอยังมีลมหายใจ!!
ใครหน้าไหนก็มาทำอันตรายนายหญิงน้อยของเธอไม่ได้เด็ดขาด!!!
.....และแล้ววงเวทย์ที่กางอยู่มานานก็เริ่มอ่อนลงในที่สุด จอมเวทย์กว่าสามสิบคนที่ร่ายเวทย์อยู่เกือบยี่สิบนาทีก็ทำท่าจะใช้พลังเวทย์ต่อไปไม่ไหว และตอนนี้พวกปิศาจที่บุกเข้ามาก็เริ่มรู้แล้วว่าฤทธิ์ของวงเวทย์มันอ่อนลงก็ทยอยเข้ามาใกล้ทะเลสาบมากขึ้น เอชุนที่คำนวนเรื่องเวลาที่กางวงเวทย์ผิดไปก็เริ่มร้อนใจก่อนจะสั่งดำเนินการแผนจู่โจมกลับพวกมันทันทีทั้งๆที่มันก็เร็วกว่าที่เขาคิดไว้มากก็ตาม!!
เพราะเอชุนลืมคิดเรื่องพลังของไตรเวทย์ที่มันกำลังโอนเอนไปทางเผ่าปิศาจเสียสนิท!!!
“ใช้เวทย์อัคคีโต้กลับ!! วงเวทย์ที่กั้นเอาไว้อ่อนเกินไปแล้ว! แล้วพวกชุดสองรีบมาประจำที่แทนพวกชุดแรกทันที!!”
“ครับ!!/ค่ะ!!”
“เวทย์อัคคีพร้อม!!!~ โจมตี!!!!”
“ระเบิดอัคคี!!!!!!”
พรึ่บ!!!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!”
แล้วพวกปิศาจที่กำลังลิงโลดกับการที่พวกมันสามารถก้าวเข้ามาในเขตอาคมก็ต้องผงะเป็นครั้งที่สอง!!
เพราะตอนนี้รัศมีสีส้มที่แผ่อยู่เหนือทะเลสาบกำลังมีผลกับพวกมันโดยรอบ!!
ด้วยรังสีของเวทย์นั่นทำให้ปิศาจตนใดก็ตามที่เข้าไปใกล้ทะเลสาบจะต้องถูกเผาเป็นจุลกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา!!!
ผลจากการใช้เวทย์ไฟจู่โจมกลับฆ่าพวกมันไปได้กว่าพันตนในคราวเดียว!! มันเป็นจำนวนที่เยอะมากสำหรับการโจมตีหนึ่งครั้งแต่ก็ไม่มากพอสำหรับพวกมันที่เข้ามาถึงหมื่นที่กำลังทยอยกันเข้ามาอยู่ดี!!.
.แล้วตอนนี้พวกจอมเวทย์ชุดสองที่เข้ามาประจำที่เพื่อกางวงเวทย์กันแทนชุดแรก ก็เริ่มร่ายเพื่อต้านไม่ให้พวกมันเข้ามาใกล้ได้อีกครั้ง!!
“ฮึ่ม!!~~ แสบนักหน่ะไอ้พวกมนุษย์!!! แต่พวกแกใช้ไอ้เวทย์ไฟนั่นได้ไม่บ่อยนักหรอก!! ข้าจะคอยดูว่าแกจะทนใช้เวทย์ที่ต้องใช้พลังมหาศาลนี่ได้นานซักแค่ไหน!!”
แล้วพวกปิศาจที่รู้ว่าพวกตนทำอะไรไม่ได้และเข้าไปใกล้ผู้ถูกเลือกไม่ได้ ก็ได้แต่รอจังหวะให้พลังของวงเวทย์มันอ่อนลง
เพื่อหาโอกาสบุกเข้าไปเท่านั้น จนเวลาผ่านไป โคโนกะที่เพิ่งร่ายมนต์บทที่สองจบก็ลืมตามาดูสถานการณ์รอบๆ
แล้วเริ่มมนต์บทที่สามต่อโดยไม่ชักช้า เพราะตอนนี้มันเหลือเพียงแค่มนต์บทสุดท้ายเท่านั้น
มนต์ของเผ่าเทพที่ยาวที่สุดและยากที่สุด พวกท่านพ่อจะต้านพวกมันได้นานจนถึงเวลานั้นไหมน่ะ?
แต่ตอนนี้สิ่งที่ผู้ถูกเลือกก็ทำได้มีแต่ต้องเชื่อมั่นในความสามารถของทุกๆคนในสหพันธ์ที่กำลังคุ้มครองเธออย่างสุดชีวิตเท่านั้น!!!
...ทว่า..ด้วยวงเวทย์ที่กางอยู่ทนได้แค่สิบนาทีเท่านั้น เพราะพลังของเทพวารีเริ่มอ่อนลงอันเนื่องจากกำลังถูกแทนที่ด้วยพลังของเทพแห่งสามภพที่กำลังถูกอันเชิญมา แถมด้วยพลังเวทย์ที่มันไม่สมดุลไปตกอยู่กับพวกเผ่าปิศาจมากกว่า พวกจอมเวทย์ปิศาจจึงร่ายเวทย์ต้านวงเวทย์ที่ขว้างทางพวกมันเอาไว้จนวงเวทย์ที่พวกมนุษย์ได้สร้างมามันสลายหายไป
พวกมารทั้งหลายที่รอโอกาสนี้ก็ไม่รอช้าที่จะบุกเข้าไปทันที ทำเอาเอชุนที่ไม่นึกว่าพลังของเทพวารีจะอ่อนลงไปเร็วถึงขนาดนี้ก็คิดหนัก แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องคิดถึงสถานการณ์ตรงหน้าไว้ก่อน
แม้เวทย์อัคคีที่เตรียมร่ายอยู่ก่อนแล้วจะใช้ได้อีกเพียงหนึ่งครั้งและต้องรออีกนานกว่าจะใช้ได้อีก เอชุนก็ตัดสินใจใช้มันในที่สุด
“รอพวกมันให้เข้ามาใกล้ให้มากที่สุด!! แล้วค่อยใช้เวทย์อัคคีเป็นครั้งที่สอง!! หลังจากนั้นขอให้ทุกคนทุกหน่วย!~ ทั้งฝ่ายองครักษ์และจอมเวทย์ต้านมันเอาไว้อย่างสุดกำลัง คุ้มครองผู้ถูกเลือกให้ได้นานที่สุดจนกว่าจะจบพิธี!!!”
สิ้นเสียง พวกจอมเวทย์ที่รอให้พวกฝูงปิศาจให้เข้ามาใกล้จนเกินพอก็ปล่อยระเบิดอัคคีอีกเป็นหนที่สอง!!
พวกมารที่เข้ามาใกล้ถูกเผากลายเป็นจุลอีกเป็นจำนวนมากจนพวกมันที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาถึงกับชะงัก !
แต่มันก็ไม่มากพอที่จะหยุดพวกมันได้อยู่ดี!! และแล้วพวกมนุษย์ที่เหลืออยู่ก็ช่วยกันต้านพวกมันด้วยกำลังของตัวเอง ทั้งใช้ดาบ เวทย์ ยันต์ และกระดาษพยนต์เพื่อต้านกำลังของพวกมันอย่างสุดฤทธิ์!!
...... ทาคาฮาตะที่ในอยู่หน่วยต้านชุดสุดท้ายก็สั่งลูกน้องทุกคนให้ใช้เวทย์ยิงระดมใส่ปิศาจทุกคนที่เข้าใกล้ลานพิธีโดยไม่รอช้าโดยไม่ให้ผู้ถูกเลือกโดนรัศมีของเวทย์ที่ยิงเข้าไปด้วย!!
...และสักพักทาคาฮาตะที่เหมาะจะอยู่กับหน่วยตะลุมบอนมากกว่าก็หันมาสกัดพวกปิศาจที่เข้าใกล้ริมทะเลสาบพร้อมๆกับลูกน้องที่เหลือทันที!! โดยที่จอมเวทย์ที่อยู่รอบๆก็ระดมยิงเวทย์ป้องกันตัวผู้ถูกเลือกจากปิศาจที่บินรุมเข้ามาต่อไป!!
.... โมโตโกะเองที่อยู่คุ้มครองโคโนกะก็เข้าฟาดฟันพวกมันที่กล้าเข้ามาใกล้ผู้ถูกเลือกอย่างไม่ให้พลาด!!
เพราะมีเธอคนเดียวที่คอยอยู่คุ้มกันโคโนกะอยู่ตรงนี้!! จนพวกมันที่รุมเข้ามาใกล้ทะเลสาบมันมากจนเกินที่ฝีมือนักดาบชินเมริวธรรมดาจะทนไหว!! แม้พวกปิศาจจะถูกสกัดโดยการระดมยิงเวทย์แต่มันก็ไม่เพียงพออยู่ดี!!
โมโตโกะหันไปมองโคโนกะที่กำลังหลับตาเพ่งสมาธิร่ายมนต์บทสุดท้ายเต็มที่พลางชั่งใจก่อนที่เธอจะลองเสี่ยงดูซักตั้ง
นักดาบสาวชินมริวงัดไม้ตายสุดท้ายอันสุดยอดมาใช้จัดการกับพวกมันทันที!!
“วิชาลับสำนักดาบชินเมริว อัคคีเริงระบำ!!!!”
และแล้วร่างของโมโตโกะที่มีไฟลุกท่วมก็เข้าฟาดฟันพวกปิศาจที่รุมล้อมเข้ามาอย่างง่ายดาย ทุกรัศมีดาบที่แกว่งไปฆ่าพวกมันที่ใกล้เข้ามานับได้เป็นสิบๆตน
เธอที่สามารถใช้ความสามารถอันนี้อยู่ได้จำกัดแต่ก็ทุ่มเทกำลังและเพ่งจิตทั้งหมดเพื่อยื้อพลังนี้ให้อยู่กับเธอให้นานที่สุด!!
วิธีนี้มันก็จะทำให้เธอใช้วิชานี้ได้นานขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่าซึ่งมันก็เหมาะกับสถานการณ์ตรงหน้ายิ่ง! ไม่ต้องทุ่มพลังทั้งหมด และค่อยๆจ่ายพลังจิตที่มีไปทีละนิด ขยับร่างกายให้ไร้ประโยชน์ให้น้อยที่สุดก็พอ!
วิธีที่ว่ามันไม่เคยมีในตำรา ไม่แม้แต่จากคำสอนของท่านพี่ของเธอเพราะนี้เป็นสิ่งที่เธอคิดขึ้นมาเอง!!
สมกับที่เป็นนักดาบอัจฉริยะในรอบร้อยปีของตระกูลอาโอยามะ
เพราะตอนนี้ โมโตโกะที่ปกป้องโคโนกะจากพวกปิศาจที่รุมเข้ามาได้อยู่ในร่างนั่นเกือบสิบห้านาทีแล้ว แต่ด้วยร่างกายที่เริ่มฝืนใช้วิชานี้มานานเกินไปก็ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอช้าลง....จนโมโตโกะที่รู้ลิมิตของตนเองก็หันไปทางโคโนกะที่ยังร่ายมนต์ไม่เสร็จด้วยความเป็นห่วง....
“แย่แล้ว.!! คุณหนูยังท่องมนต์ไม่เสร็จ!!! ทำยังไงดี?? ข้าเองก็เหลือกำลังไม่มากแล้ว!”
และแล้วเพลงดาบเปลวไฟสุดท้ายก็ถูกใช้พร้อมกับเพลิงรอบกายที่มอดดับลง
....โมโตโกะที่ทรุดฮวบทันทีที่ใช้กระบวนท่าจนสิ้นก็เริ่มมองพวกปิศาจด้วยความหวาดหวั่น
เธอที่ตอนนี้กลายเป็นนักดาบธรรมดาไปแล้วก็ไม่มีทางจะต่อกรกับพวกมันจำนวนมหาศาลได้อีกต่อไป!
แล้วปิศาจตัวนึงที่กำลังใกล้เข้ามามองมาที่นักดาบชินเมริวอย่างประสงค์ร้ายมันทำท่าจะฆ่าเธอด้วยอาวุธในมือโดยทันที!!
“ฮี่ๆๆๆ เก่งนักใช่ไหมแม่นักดาบ!~~~ ตายซะเถอะ!!”
พรึ่บ!!!
“อ๊ากกกก!!~~”
...โมโตโกะที่เตรียมจะเงื้อมดาบฟันมันด้วยความอ่อนแรงก็ต้องชะงักขึ้นมาทันที
เพราะอยู่ๆก็มียันต์จากที่ไหนก็ไม่รู้พุ่งมาใส่ร่างปิศาจที่เข้าจะมาฆ่าเธอ! ร่างของมันไหม้เป็นจุลในพริบตา! โมโตโกะแหงนไปมองตามทิศที่ขว้างยันต์มานั่นก็ต้องตกตะลึง...เพราะบนท้องฟ้าสีมืดนั่น...คนที่เข้ามาช่วยเธอก็คือ.......คือ....
“เซ็ตซึนะ!!!! นี่เจ้า!!! เจ้าออกมาจากที่คุมขังอย่างนั้นรึ!!!!!”
.....ร่างพร้อมปีกสีดำของซากุระซากิ เซ็ตซึนะ ปรากฏกายขึ้นพร้อมๆกับเหล่ามนุษย์เผ่าปักษาที่อยู่ข้างกายเธอโดยรอบ ทั้งหมดบินอยู่เหนือทะเลสาบทำเอาพวกปิศาจที่บุกเข้ามาถึงกับหยุดชะงัก พวกมันไม่เข้าใจว่าผู้ที่มีสายเลือดเหมือนกับจอมมารมาที่นี้ทำไม? แต่ในเมื่อตอนนี้มันก็เป็นโอกาสดี
หัวหน้าเผ่ากระทิงที่ยืนอยู่เบื้องล่างก็ใช้นกยักษ์บินขึ้นไปหาอีกฝ่ายที่อยู่บนท้องฟ้าพลางถามเซ็ตซึนะด้วยน้ำเสียงก้องว่า
“ท่านจอมมาร!!~ ท่านมาเพื่อช่วยพวกเราใช่ไหม??”
.....สิ้นเสียง พวกเหล่าองครักษ์และจอมเวทย์ที่หยุดชะงักเช่นกันถึงกับฮือฮา
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่า เซ็ตซึนะจะเป็นจอมมารสำหรับพวกมัน!!
แล้วองครักษ์สาวที่บินอยู่กลางอากาศก็ก้มลงไปมองผู้ถูกเลือกที่กำลังท่องมนต์อยู่เบื้องล่าง
เธอมองโคโนจังด้วยสายตาที่คิดถึงและนั่นก็ทำเอาปิศาจกระทิงจับจุดได้ มันหันมาเจราจากับอีกฝ่ายทันที
“ไง...ก็อย่างที่พวกข้าเคยส่งทูตไป ท่านตัดสินใจตอนนี้มันก็ยังไม่สาย ถ้าท่านยอมช่วยพวกข้า ผู้ถูกเลือกก็จะปลอดภัยและอยู่กับท่านได้โดยปราศจากการรบกวนอีก แถมยังไม่ต้องมาเป็นเจ้าหญิงนิทราด้วย”
เซ็ตซึนะที่ฟังแต่ตาก็มองมายังโคโนกะที่กำลังอ่านมนต์อย่างไม่วางตา
เพราะเธอกำลังชั่งใจ...แล้วสักพักโคโนกะที่ร่ายมนต์บทที่สามเสร็จพอดีก็บังเกิดแสงสว่างรอบๆทะเลสาบขึ้น!!
“แย่แล้ว!!~ อันเชิญเทพสามภพมาได้แล้ว!!”
“ไม่ต้องสนใจยัยนั่นแล้ว!! ไปฆ่าผู้ถูกเลือกตอนนี้เลยดีกว่า!!”
“เดี๋ยว!!!!!!”
....แม้โคโนกะทำพิธีเสร็จไปอีกขั้นจนพวกปิศาจตนอื่นๆเริ่มร้อนใจ
แต่ปิศาจกระทิงที่ยังหวังจะได้พลังจอมมารในตัวเซ็ตซึนะอยู่มาเป็นพวกก็รีบห้ามพวกลูกน้องของมันเอาไว้
แล้วหันไปถามองครักษ์ปีกดำที่ลอยอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“รีบตัดสินใจซะท่านจอมมาร ถ้ายอมช่วยพวกข้า ข้ารับรองว่าท่านจะได้อยู่กับผู้ถูกเลือกอย่างมีความสุขตลอดชีวิต แต่ถ้าท่านเลือกที่จะช่วยมนุษย์แทน ท่านเองก็รู้ว่าในตอนนี้ท่านต่อกรกับพวกเราทั้งหมดไม่ได้หรอก!! ใช่ไหมพี่น้องทั้งหลายของข้า!!”
“โหๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!”
สิ้นเสียงของเจ้าปิศาจกระทิง พวกปิศาจนับหมื่นที่อยู่ที่นั่นก็โห่ร้องประกาศศักดาเสียงลั่น ทำเอาแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่นและพื้นน้ำสั่นไหวเป็นระลอกคลื่น
....เอชุนที่มองดูอยู่เบื้องล่างและกำลังสั่งการจอมเวทย์เพื่อเตรียมการในแผนขั้นต่อไปก็เริ่มหวั่นใจที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ชายร่างสูงมองดูเซ็ตซึนะคุงที่กำลังตัดสินใจอยู่ด้วยความรู้สึกที่คาดหวังในตัวอีกฝ่ายเต็มที่
“เซ็ตซึนะคุง....เห็นแก่เผ่ามนุษย์ทุกคนเถอะน่ะ โคโนกะเองเขาก็ทำเพื่อเผ่ามนุษย์ไปแล้ว แล้วเธอหล่ะเซ็ตซึนะคุงจะไม่เห็นแก่เผ่าที่เลี้ยงเธอให้เติบใหญ่ขึ้นมาเลยหรือ?? พวกเขาเหล่านั้นก็มีพวกเพื่อนๆของเธออยู่ด้วยน่ะ”
ท่านโคเอม่อนที่คุมฝ่ายเวทย์อัคคีก็มองไปที่เซ็ตซึนะเช่นกัน เขาหันไปถามเหล่าจอมเวทย์ที่กำลังร่ายเวทย์ไฟใส่คบเพลิงอันเป็นแหล่งของเวทย์ระเบิดอัคคีว่า
“ยังไม่เสร็จอีกเรอะ??”
“ยังค่ะท่าน!!...พวกเราทุ่มเวทย์ไปสองครั้งแล้วพลังจึงอ่อนลง การรวบพลังเวทย์จึงต้องใช้เวลานานกว่าเดิมค่ะ!”
“เอาเถอะ!! ไม่ว่ายังไงก็รีบๆเข้า!! ฉันไม่รู้แล้วว่าสถานการณ์ของพวกเรามันจะแย่ลงไปกว่านี้อีกไหม!! สงสัยพลังเวทย์นี่คงต้องใช้กับแผนสุดท้ายแล้ว!! เร่งเข้า!!!~”
พวกจอมเวทย์ที่เข้าใจคำพูดนั่นดีก็พยักหน้าและรีบทำตามคำสั่ง เพราะพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าเซ็ตซึนะที่ถูกสหพันธ์จับขังมานาน จะเลือกไปอยู่ฝ่ายไหน
เพราะเจ้าตัวต้องยังแค้นสหพันธ์อยู่เป็นแน่ และตัวเซ็ตซึนะเองที่ไม่อยากให้คุณหนูโคโนกะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราก็มีสิทธิ์ที่จะทำลายพิธีไตรเวทย์ตัวเองอย่างง่ายดายด้วย!! ขอเพียงเซ็ตซึนะเลือกที่จะพาผู้ถูกเลือกหนีไปจากตรงนี้เท่านั้น!!
โคโนเอม่อนมองไปยังร่างของอดีตองครักษ์ของหลานสาวของตนด้วยความหวังอันน้อยนิด
แม้ใจจะรู้สึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะต้องไปอยู่กับพวกมารแน่ๆ แต่ชายชราก็พึมพำขึ้นมาราวกับจะพูดให้องครักษ์สาวได้ฟังว่า
“ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากเสียโคโนกะไปเซ็ตซึนะคุง แต่ถ้าเธอเลือกไปอยู่ฝ่ายมารหรือเลือกที่จะพาโคโนกะหนีไป พวกเธอก็จะไม่มีทางมีความสุขด้วยกันไปได้ตลอดชีวิตหรอกน่ะ ฉะนั้น...นึกว่าฉันขอร้องเถอะเซ็ตซึนะคุง ลดความหลุ่มหลงของตัวเธอที่มีต่อโคโนกะซะเถอะ”
....โมโตโกะที่ยืนอยู่ใกล้เซ็ตซึนะที่สุดก็แหงนหน้าไปมองน้องสาวของตัวเองอย่างเชื่อมั่น
เธอที่รู้ว่าน้องสาวของเธอไม่อยากที่จะเสียคุณหนูโคโนกะไปแต่ก็คงไม่อยากที่จะให้เผ่ามนุษย์ต้องสูญสิ้นไปด้วย
เธอพึมพำขึ้นมาเบาๆ ให้กับน้องสาวที่กำลังกำชะตาชีวิตของเผ่ามนุษย์อยู่ว่า
“เธอต้องรู้สิว่าเธอต้องทำอะไรเซ็ตซึนะ ท่านพี่ซึรุโกะเองก็กำลังดูอยู่น่ะ อย่าทำให้พวกเราผิดหวังซะหล่ะ ”....
และดูเหมือนมนุษย์ทุกคนที่ตรงนั้น จะภาวนาให้เซ็ตซึนะไม่เข้าร่วมกับฝ่ายมารอย่างสุดหัวใจ
เซ็ตซึนะที่บินอยู่ก็กำลังตัดสินใจคิดหนัก...ใช่ว่าเธออยากจะเสียโคโนจังไปน่ะ และก็ใช่ว่าเธออยากจะทำให้เผ่ามนุษย์ถูกทำลายไปด้วย!! แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี? ฉันตรงนี้จะจัดการกับพวกมันได้หมดอย่างนั้นเหรอ??.....พวกมันที่มาขนาดนี้
...แต่ถ้าฉัน...ยอมช่วยพวกมัน โคโนจังก็ไม่ต้องจากฉันไปสิน่ะ...
....แล้วเซ็ตซึนะที่นิ่งคิดไปนานก็เหลือบมามองโคโนจังเบื้องล่างอีกครั้ง
โคโนกะที่ร่ายเวทย์อันเชิญเทพสามโลกสำเร็จเหลือเพียงแต่พูดอัญเชิญให้ท่านเทพปรากฏกายขึ้นมาเท่านั้นก็ยืนนิ่ง
เธอแหงนหน้าไปมองที่องครักษ์ของเธอที่กำลังอยู่กึ่งกลางของการต่อสู้ของทั้งสองเผ่าอย่างสงบก่อนจะเผยรอยยิ้มมาให้อีกฝ่ายช้าๆอย่างอ่อนโยน ผู้ถูกเลือกที่เป็นกุญแจสำคัญสำหรับทุกๆอย่างในตอนนี้ก็เลือกที่จะพูดกับเซ็ตจังของเธอด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติเหมือนกันว่าเรื่องทั้งหมดรอบๆตัวนี้มันไม่ได้เกิดขึ้น
เหมือนกับว่าตอนนี้มันมีแค่เธอกับเซ็ตจังเพียงสองคนเท่านั้น..
“เซ็ตจังจ๊ะ~ เลือกในสิ่งที่เซ็ตจังอยากจะทำเถอะน่ะ ฉันเอาแต่ใจตัวเองกับเซ็ตจังมาจนเกินพอแล้วแหล่ะ จากนี้ต่อไป.....ไม่ว่าเซ็ตจังจะทำยังไงฉันก็พร้อมจะเป็นไปตามที่เซ็ตจังต้องการ ขอเพียงมันมาจากใจของเซ็ตจังเท่านั้น เพราะฉันรักเซ็ตจัง...รักที่สุด และก็จะรักตลอดไปด้วย แล้วฉัน........จะรอคำตอบของเซ็ตจังน่ะ~”
พูดจบโคโนกะยิ้มให้อีกครั้งอย่างร่าเริง ทำเอาเซ็ตซึนะที่ได้ฟังถึงกับตื้นตันและอึ้งกับคำพูดอันไม่น่าเชื่อนั่น
...โคโนเอม่อน เอชุนและโมโตโกะที่ได้ยินก็หันไปมองผู้ถูกเลือกอย่างไม่เชื่อหู นี่ตกลงโคโนกะเอง...ก็ยังตัดใจจากเซ็ตซึนะไม่ได้ด้วยสิน่ะ
โคโนกะก็ยังพร้อมที่จะทิ้งหน้าที่ของผู้ถูกเลือกเพื่อความรักของตัวเองอยู่อย่างนั้นหรือ??
แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ โคโนกะไม่ได้ตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ไม่เคยคิดจะตัดใจไปจากอีกฝ่ายเลยต่างหาก ทุกอย่างที่เธอทำ แกล้งเฉยชา เดินหนีและทิ้งเซ็ตจังของเธอไปมันเป็นเพียงการปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้แกล้งโกหกตัวเองไปเท่านั้น
....และตอนนี้ เซ็ตจังของเธอก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว คงจะมาเพื่อตัวเธอเป็นแน่
พอแล้ว..พอเสียที เธอต้องขอยอมแพ้ต่อองค์รักษ์ของเธอตรงหน้าแล้วหล่ะ
ในเมื่อใจของเธอก็ไม่อาจฝืนความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายได้อีกต่อไป
...เธอที่ถูกปกป้องโดยองครักษ์ผู้นี้มาเนิ่นนานจึงขอมอบการตัดสินใจครั้งสำคัญ...ให้กับเซ็ตจัง ที่รักของเธอได้ตัดสินก็แล้วกัน
.... ก็ชีวิตของเธอ...เป็นขององครักษ์สาวที่มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้วนี่~~
แล้วเซ็ตซึนะที่ได้ฟังคำพูดนั่นก็ยิ้มน้อยๆให้กับตัวเองก่อนจะหลับตาคิดนิ่งนานพลางคิดถึงเรื่องราวของตนกับโคโนจัง
ที่เคยผ่านมาทั้งหมด ภาพเก่าๆมันรำลึกเข้ามาในมโนภาพของเธอ และแล้วเซ็ตซึนะก็ตัดสินใจได้ในที่สุด....องครักษ์หันไปยิ้มตอบหญิงที่เธอรักอยู่เบื้องล่างก่อนจะประกาศก้องออกมาว่า
“พี่น้องปักษาทั้งหลาย!!~ ฆ่าพวกปิศาจที่บุกเข้ามาให้หมด!!~ อย่าให้พวกปิศาจเข้ามากรำกรายผู้ถูกเลือกได้แม้แต่คนเดียว!!~ พิธีไตรเวทย์!!!! ต้องดำเนินต่อไปจนจบพิธี!!!!!!!”
“โฮ่วววว!!!!!!”
สิ้นคำ....พวกพ้องเหล่ามนุษย์ปักษาที่รับคำบัญชาก็บินร่ายรอบรอบๆลานพิธีที่อยู่กลางทะเลสาบและต้านพวกปิศาจที่รุมกันเข้ามาอย่างโกรธแค้นอย่างสุดกำลังและสู้อย่างถวายชีวิต!! จนไอ้ปิศาจกระทิงเองยังหัวเสียอย่างสุดๆ!!
บ้าที่สุด!! ไม่น่าเชื่อว่าใจที่โดนมารครอบงำไปแล้วยังจะคิดทำเพื่อเผ่ามนุษย์มากกว่าตัวเองอีก!!
ไอ้ลูกครึ่งนี่มันไม่อยากอยู่กับผู้ถูกเลือกนั่นแล้วหรือไงน่ะ? มันทำใจที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ??
.....ใช่แล้ว! ที่เซ็ตซึนะเพิ่งพูดออกไปมันมาจากใจของเธอนั่นแหล่ะ
ให้โคโนจังได้ทำพิธีไตรเวทย์ต่อไปจนจบ! มันไม่ใช่ว่าเธอคำนึงถึงเผ่ามนุษย์มาเป็นอันดับแรกหรอกน่ะ
เธอถึงเลือกที่จำทำเช่นนี้แต่มันก็มาจากตัวพวกเธอทั้งสองเท่านั้นต่างหาก
เซ็ตซึนะรู้ดีว่าเลือกทางไหนถึงจะทำให้พวกเธอมีความสุขที่สุด เลือก....ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องยังไงหล่ะ!
ถ้าพวกเธอยังรั้นที่จะหนีไปจากภาระตรงหน้าอีกมันก็จะเป็นวัฏฐจักรเช่นนี้ไปเรื่อยๆไม่มีสิ้นสุด สู้แล้วหนี หนีแล้วสู้ ฆ่าทำลายไม่จบสิ้น มันไม่มีทางที่พวกเธอจะอยู่ได้เป็นสุขกับสิ่งเหล่านี้หรอก
อีกอย่างโคโนจังก็ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน...ถึงโคโนจังจะนิทราไปตลอดกาลเธอก็จะขอนอนเคียงข้างคอยเฝ้าฝันถึงองค์หญิงของเธอจนกว่าจะสิ้นลมไปก็แล้วกัน แล้วโคโนจังเองก็คิดอย่างที่ฉันคิดใช่ไหม?
.....โคโนกะที่ได้ฟังคำตอบของเซ็ตจังของเธอก็ยิ้มให้และรับทำตามที่อีกฝ่ายเลือกอย่างเต็มใจ
และโมโตโกะที่อยู่ในลานพิธีก็กำลังใช้ดาบจัดการพวกปิศาจไปด้วยอย่างสุดความสามารถ
ทั้งๆที่ตนเองตอนนี้กลายเป็นนักดาบธรรมดาไปแล้ว เธอหันมาถามคุณหนูโคโนกะที่กำลังจะดำเนินพิธีต่อว่า...
“คุณหนูโคโนกะ คุณหนูรู้อยู่แล้วเหรอค่ะว่าเซ็ตซึนะเลือกที่จะทำเช่นนี้?”
โคโนกะที่กำลังทำพิธีต่อก็ชะงักก่อนจะส่ายหน้าให้น้อยๆแทนคำตอบ
“ไม่.....หนูไม่รู้หรอกว่าเซ็ตจังจะเลือกฝ่ายไหน พี่โมโตโกะ หนูรู้แต่ว่า...สิ่งที่เซ็ตจังเลือก..มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เซ็ตจังเลือกให้กับตัวหนู และหนูก็เชื่อมั่นในทางเลือกนั่นด้วย...”
สิ้นคำโมโตโกะที่ได้ฟังก็พยักหน้ารับความคิดนั่นอย่างสงบ
สมกับที่พวกเธอลำบากตรากตรำมาด้วยกัน.....ไว้ใจกันและกันซะจนมอบชีวิตให้เชียวหรือ ฉันหล่ะนับถือจริงๆ
และโมโตโกะที่อยู่ใกล้โคโนกะที่สุดก็เลือกที่จะถอยห่างออกมาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้องสาวของเธอจัดการคุ้มครองผู้ที่ถูกเลือกที่เซ็ตซึนะรักอย่างเต็มภาคภูมิ เพราะเธอตอนนี้ที่กลายเป็นนักดาบธรรมดาไปแล้วอยู่ไปก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ เธอจึงหันไปตะโกนบอกกับน้องสาวของเธอที่บินจัดการกับพวกปิศาจบนฟ้าว่า
“เซ็ตซึนะ!! ข้าไม่มีพลังจิตเหลืออีกแล้ว!! คงต้องไปสมทบกับพวกเอชุนแล้วหล่ะ!! ที่ตรงนี้ข้าขอมอบให้เจ้า!!”
พูดจบ..โมโตโกะก็ขว้างดาบคู่ใจในมือขึ้นไปหาเซ็ตซึนะที่กำลังบินอยู่บนฟ้า
องครักษ์สาวรับมันมาไว้ในมืออย่างพอเหมาะพอเจาะ เธอมองไปยังพี่สาวที่ส่งมันมาให้เธอเบื้องล่างด้วยสายตางุนงง
แล้วโมโตโกะที่เห็นอย่างนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“นั่นเป็นดาบของท่านพี่ซึรุโกะ!! ใช้มันซะ!! เจ้าต้องการมันมากกว่าข้า!!”
เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ยิ้มรับคำก่อนที่เข้าฟาดฟันฝูงปิศาจที่รุมล้อมเข้ามาด้วยกระบวนท่าดาบสองมือ!!
หนึ่งดาบยูนางิอีกหนึ่งดาบเป็นของพี่ซึรุโกะของเธอ!! ไม่ว่าใครหน้าไหนก็รอดไปจากคมดาบทั้งสองเล่มในมือเธอนี้ไม่ได้!!
โมโตโกะที่มอบหน้าที่ให้น้องสาวอย่างสมบูรณ์ก็รีบมุ่งหน้าไปสมทบกับพวกเอชุนที่กำลังตามไปสมทบโคโนเอม่อนที่กำลังรวบรวมพลังเวทย์สำหรับเวทย์อัคคีทันที
“คุณโมโตโกะ....”
“ค่ะ...ฉันในตอนนี้กลายเป็นนักดาบธรรมดาแล้ว ขออยู่คุ้มครองพวกจอมเวทย์อยู่ตรงนี้แล้วกันน่ะค่ะ”
เอชุนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ และโคโนกะที่รู้ว่าเซ็ตจังของเธอเลือกที่จะให้ทำพิธีไตรเวทย์ต่อไป
ก็หันกลับมาทำพิธีต่อด้วยความตั้งใจ ผู้ถูกเลือกกล่าวคำอัญเชิญเทพแห่งสามโลกขึ้นมาทันที
“ข้าในนามของตัวแทนของเผ่าทั้งสาม ขออัญเชิญท่าน ท่านเทพสามภพที่หลับใหลอยู่ได้ตื่นขึ้นมา ณ บัดนี้!!”
....สิ้นคำแสงสว่างที่ส่องรอบๆทะเลสาบก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที วงเวทย์สีขาวขนาดใหญ่แผ่อยู่ใกล้ลานพิธีกลางทะเลสาบ
และแล้วร่างของเทพแห่งสามภพก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทุกคนเป็นครั้งแรก!! ร่างที่คล้ายกับหญิงสาวที่สูงราวร้อยเมตรค่อยๆลุกขึ้นมากลางทะเลสาบ
โคโนกะและทุกคนทุกตนที่อยู่ใกล้ๆมองร่างนั่นด้วยความตะลึง!! นี่หน่ะหรือเทพสามภพ!! ช่างดูน่าเกรงขามอะไรอย่างนี้!!~
....ร่างแสงสีขาวนวลที่ปรากฏกายขึ้นมาก็มองมาที่โคโนกะเขม็ง
ทันทีที่ปิศาจฝ่ายมารที่มุ่งจะทำลายพิธีเข้ามาใกล้เทพสามภพ พวกมันก็ถูกเผาเป็นจุล!! และท่านเทพสามภพเองที่ไม่อยากให้ใครมารบกวนการสนทนาของนางกับผู้ถูกเลือกตรงหน้าก็เลือกจะใช้เวทย์จัดการกับพวกปิศาจทุกตนที่มุ่งร้ายโดยรอบโดยไม่ลังเล
สายตาที่ท่านเทพมองมาที่พวกมันนั้นไร้ปราณี แล้วสักพัก ก็เกิดรัศมีเวทย์แผ่ไปรอบๆ ผลักพวกปิศาจที่มุ่งจะมาทำลายพิธีกระเด็นไปไกล!! โดยที่พวกเซ็ตซึนะและเผ่าปักษาที่เป็นปิศาจเหมือนมิได้โดนเวทย์นั่นไปด้วย
ผลของพลังนั่นทำเอาพวกปิศาจที่อยู่รอบทะเลสาบทั้งหมดกระเด็นไปไกลเป็นกิโลๆ
ฤทธาของเทพตรงหน้าทำให้ทั้งหมดที่เห็นถึงกับตะลึง!! มองร่างของพวกปิศาจที่ลอยปลิวไปไกลอย่างทึ่งเป็นที่สุด!!
และแล้วท่านเทพสามโลกที่ถูกอันเชิญขึ้นมา เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดมารบกวนนางแล้ว นางจึงเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังขึ้นว่า
“เจ้าใช่ไหมที่เรียกข้ามา? เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกเพื่อปรับสมดุลของพลังเวทย์สิน่ะ”
โคโนกะที่ได้ยินแม้จะนึกกลัวท่านเทพตรงหน้าขึ้นมาจับใจแต่เธอก็พยักหน้าให้และพูดขึ้นว่า
“ค่ะ......ข้าที่เรียกท่านมาเพื่อทำการนั้น...”
“งั้น....ตามข้ามา...เจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือก...”
สิ้นคำ...มือมหึมาอันมาจากร่างแสงที่โปร่งใสนั่นก็ดึงตัวโคโนกะให้เข้ามาใกล้ๆ
ร่างของโคโนกะที่ลอยอยู่บนมือนั่นก็ค่อยๆลอยเข้าไปใกล้ท่านเทพช้าๆก่อนจะหลับตาหมดสติลงไป
...เพราะตอนนี้จิตใจของเธอ กำลังดำดิ่งไปยังดินแดนแห่งสามโลกที่มีแต่เทพสามภพและผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะได้เข้าไป
....และร่างของเทพสามภพที่ยืนอยู่ก็นิ่งไม่ไหวติงเพราะนางก็กำลังมุ่งจิตไปยังดินแดนสามโลกที่ว่านั่นเช่นกัน...
...เมื่อเห็นว่าร่างของโคโนจังลอยอยู่บนอากาศและไร้ทางป้องกันตัวเอง
พวกมนุษย์ปักษาที่รับบัญชาว่าจากท่านเทพของพวกมันก็บินมาปกป้องผู้ถูกเลือกเอาไว้
เซ็ตซึนะเองก็เช่นกัน เธอมองไปที่ฝูงปิศาจที่กำลังมุ่งหน้ามารอบๆเขม็งพลางหันไปพูดกับหัวหน้าเผ่าปักษาว่า...
“ข้าขอโทษที่เอาแต่ใจทำให้พวกท่านต้องเดือดร้อนเช่นนี้น่ะ ท่านหัวหน้าเผ่าปักษา”
“ไม่หรอกท่านเทพ มันไม่ทำให้ข้าเดือดร้อนสำหรับพวกข้าเลยซักนิด พวกข้าภูมิใจที่จะได้ตายเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนเยี่ยงท่าน....ว่าแต่ท่านเทพจะไม่ใช้วิธีนั่นจริงๆหรือ?”
เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ครุ่นคิดหนัก พลางสายตาเหลือบไปมองอายะจังที่หลบอยู่ใกล้ๆท่านพี่โมโตโกะโดยมีฟูตะอยู่เคียงข้าง
เธอมองเด็กน้อยด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆให้กับคำตอบนั่น
“ไม่....ข้าไม่อยากจมดิ่งไปยังจิตอันชั่วร้ายนั่นอีกแล้ว อีกอย่างสิ่งที่อายะจังทำให้กับพวกข้า มันก็มากพอจนข้าไม่มีทางทดแทนได้แล้วหล่ะ ข้าไม่อยาก...จะให้อายะจังจะต้องมาทำอะไรเพื่อข้าอีก...”
หัวหน้าปักษาที่ได้ฟังแม้จะหนักใจแต่ก็เคารพการตัดสินของท่านเทพของมัน
แต่ถ้า..สถานะการณ์ตรงหน้ามันย่ำแย่กว่านี้..มันก็จะขอร้องให้ท่านเทพของมันใช้วิธีนั่น
วิธี...ที่ได้มาซึ่งพลังของจอมมารอย่างสมบูรณ์ แม้มันจะต้องฝืนใจท่านเทพก็ตาม
....แล้วเซ็ตซึนะที่มองฝูงปิศาจที่กำลังกรูเข้ามาก็หายใจเข้าออกแรงขึ้น...หัวใจขององครักษ์สาวเต้นตึกตักด้วยความหวั่นเกรงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ฉัน..จะปกป้องโคโนจังได้จนตลอดรอดฝั่งไหมน่ะ?? โคโนจังอุตส่าห์ไว้ใจเราจนวินาทีสุดท้ายแล้วแท้ๆ
คิดพลางองครักษ์สาวก็เหลือบไปมองร่างของโคโนกะที่ลอยตัวนิ่งหมดสติอยู่
แต่ด้วยใจที่มุ่งมัน..เซ็ตซึนะชูดาบขึ้นและเรียกให้พวกพ้องปักษานับร้อยที่อยู่ข้างเธอขึ้นมาว่า..
“ข้าจะขอร้องพวกท่านทั้งหลายเป็นครั้งสุดท้าย!! พี่น้องปักษาของข้า!! ได้โปรด!! ปกป้องผู้ถูกเลือกตรงนี้ด้วยชีวิตของพวกท่านนน!!!”
“โฮ่ววววววววววววววว!!!!!!!!!!~~~”
พวกปักษาทุกตนต่างร้องรับด้วยความเต็มใจและมีกำลังใจที่ฮึกเหิม
พวกมันที่ล้วนสำนึกในบุญคุณที่เซ็ตซึนะได้ละเว้นชีวิตพวกมันเอาไว้
แล้วยังอายะจังที่แสดงความเด็ดเดี่ยวต่อหน้าพวกมันอีก มันทุกตนตรงนั่นพร้อมถวายชีวิตตามบัญชานั่นอย่างไม่ลังเล
และพวกฝูงปิศาจที่ใกล้เข้ามาเต็มที..ก็ทำให้เซ็ตซึนะที่พร้อมอยู่แล้วร้องสั่งพี่น้องร่วมสายเลือดของตนเองว่า..
“จัดการพวกมันนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!”
“โฮ่วววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!”
..แล้วการต่อสู้ของพวกเซ็ตซึนะและเผ่าปักษานับร้อยปะทะกับฝูงปิศาจเกือบหมื่นก็เริ่มต้นขึ้น!!
พวกจอมเวทย์รอบๆต่างดีใจว่าเซ็ตซึนะไม่ไปเป็นพวกมารก็ช่วยต้านพวกมันเอาไว้เช่นกัน
...แต่ด้วยกำลังที่ต่างกันมากจนแทบจะเหมือนกองทัพช้างขยี้กองทัพมด ทั้งหมดก็ต้านเอาไว้ได้ไม่ได้นานอยู่ดี
แต่มีหรือที่เซ็ตซึนะจะยอมแพ้!! องครักษ์สาวเร่งพลังความมืดในตัวออกมาทำให้ออโร่ร่าสีมืดแผ่ออกมาโดยรอบ!! ใช้ความเร็วสูงจัดการกับพวกมันในพริบตาเดียว!!
ด้วยกระบวนท่าดาบสองมือที่เพิ่งใช้จัดการกับพวกปิศาจที่อยู่ๆรอบๆกว่าห้าสิบตนในชั่วอึดใจ!!
เป้าหมายของเธอคือการปกป้องโคโนจังดังนั้นตราบที่เธอยังอยู่ตรงหน้า ไอ้หน้าไหนมันก็มาชิงตัวโคโนจังของเธอไม่ได้ทั้งนั้น!!
.....และโคโนเอม่อนที่มองสถานการณ์อยู่ริมทะเลสาบก็เริ่มเห็นว่าพวกตนจะต้านไว้ได้ไม่นาน...
ชายชราจึงใช้วิชากระดาษพยนต์ส่งร่างจิ๋วของตัวเองไปคุยกับเซ็ตซึนะที่กำลังช่วยคุ้มครองร่างของโคโนกะอยู่
เซ็ตซึนะที่เห็นกระดาษพยนต์ของท่าน ผอ. ก็แปลกใจและอึ้งจนคุยอะไรไม่ถูก แต่โคโนเอม่อนที่กำลังรีบร้อนก็รีบบอกข่าวสารสำคัญทันที...
“เซ็ตซึนะคุง...”
“.....ทะ..ทะ...เอ่อ...”
“เรื่องเก่าช่างมันเถอะ!~ แต่ตอนนี้ พวกฉันด้านล่างกำลังจะใช้เวทย์ลมขั้นสูงสุดป้องกันโคโนกะเอาไว้!! พวกเธอต้องหลบอยู่ตรงกลางทะเลสาบให้ได้มากที่สุดและจัดการกับพวกปิศาจที่อยู่หลุดรอดเข้าไปในวงล้อมของเวทย์ลมนั่นด้วย!! นี่เป็นเวทย์ใหญ่ชุดสุดท้ายที่พวกเราจะทำได้แล้วหลังจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอแล้วน่ะ!!”
“...คะ..ค่ะ ท่านผอ. ขอบพระคุณมากๆค่ะ...”
“ไม่หรอก...ฉันต่างที่ต้องเป็นคนพูด ขอบใจที่ช่วยปกป้องหลานของฉันมาตลอด เซ็ตซึนะคุง”
...เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งไป ทั้งๆที่เธอก็แสดงอาการเกรี้ยวกราดใส่ท่าน ผอ.ในวันนั้นอย่างร้ายกาจ แต่ท่านผอ.กลับไม่ใส่ใจมันและเลือกที่จะลืมมันไปแทน
องครักษ์สาวรู้สึกซึ้งอยู่ในใจที่ต่างก็พยายามทำเพื่อปกป้องคนที่ตนรักก็พยักหน้ารับคำนั่น..
“ค่ะ......ดิฉันเองก็ต้องขอบคุณที่ท่านไว้ใจดิฉันค่ะ....ท่านโคโนเอม่อน”
ร่างกระดาษพยนต์ของโคโนเอม่อนที่ได้ฟังก็พยักหน้าเล็กๆเป็นเชิงรับรู้อย่างสงบก่อนที่จะหายตัวไป
ชายชราที่อยู่ด้านล่างมองไปยังเซ็ตซึนะและเผ่าปักษาที่เข้ามาในระยะปลอดภัยก็สั่งการกับจอมเวทย์ที่อยู่ข้างกายของเขาทันที!
“ใช้เวทย์วายุได้!!”
“ครับ!!/ค่ะ!!”
และแล้วเหล่าจอมเวทย์ชายหญิงร่วมถึงเอชุนและโคโนเอม่อนก็ทุ่มสุดกำลังเพื่อสร้างลมหมุนขนาดยักษ์ขึ้นมา และในพริบตานั้น...ไต้ฝุ่นขนาดมหึมาก็ได้บังเกิดขึ้น!! ก้อนลมขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้นกลางทะเลสาบกลายเป็นไต้ฝุ่นหมุนวนพัดพวกปิศาจนับพันๆตนปลิวกระเด็น!!
ด้วยเวทย์ที่กลายมาเป็นทั้งการป้องกันและการโจมตีพร้อมๆกัน พวกปิศาจที่เข้าใกล้ก็ต่างแดดิ้น ล้มตายเพราะแรงลมที่ซัดมาที่พวกมันไปมากมาย!!
ส่วนพวกปิศาจที่หลุดรอดเข้าไปอยู่ใจกลางไต้ฝุ่นยักษ์ก็ถูกเซ็ตซึนะและเผ่าปักษาจัดการจนสิ้น!!
โคโนเอม่อนและเอชุนที่กำลังใช้เวทย์อยู่ภายใต้วงไต้ฝุ่นก็ต่างเหงื่อแตกซิก
พวกเขาไม่รู้ว่าจะใช้เวทย์นี่ได้นานสักเพียงไหน สิบนาที? ยี่สิบนาที? แต่ที่แน่ๆมันใช้จัดการกับพวกปิศาจได้ผล
ทำให้กำลังพลของพวกมันลดลงไปกว่าครึ่ง!! ถึงมันจะฟังดูเป็นข่าวดีแต่เวทย์ไต้ฝุ่นนี้มันก็เป็นไม้ตายของพวกเขาแล้วนี่น่า!!
หลังจากสิ้นลมไต้ฝุ่นนี้ไปแล้วมันต้องขึ้นอยู่กับพวกเซ็ตซึนะและองครักษ์อื่นๆแล้วหล่ะ
.....สิ่งที่พวกเขาทำได้หลังจากนี้..คือภาวนาให้โคโนกะรีบปรับสมดุลของไตรเวทย์ให้เร็วที่สุดเท่านั้น!!
.........................................................................................................................................................................................
...ณ ดินแดนแห่งสามโลก......
......โคโนกะที่ดวงจิตถูกเทพสามภพดึงมาดินแดนแห่งนี้ ทันทีที่ได้สติผู้ถูกเลือกก็มองไปรอบๆ
แล้วโคโนกะก็ต้องพบว่าตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่กลางอากาศ ที่ด้านล่างเท้าของเธอมองเห็นหุบเหวที่ดิ่งลุกลงไปจนไม่รู้จะไปจบที่ใด รอบๆก็มีทุ่งหญ้าเขียวขจีอยู่เหนือปากเหวที่ไกลสุดลูกหูลูกตา และบนท้องฟ้าก็กลายเป็นสีหม่นเทาเหมือนยามที่เมฆรวบตัวก่อนที่ฝนจะตกไม่มีผิด
สภาพอากาศรอบๆนั้นช่างอึมครึมน่ากลัวยิ่ง และแล้วเทพสามภพที่พาโคโนกะมาที่แห่งนี้ก็ปรากฏกายขึ้น
ในร่างแสงที่ขนาดเท่ากับสตรีธรรมดาร่างสูงลอยตัวอยู่ตรงหน้าโคโนกะ นางเอ่ยกับผู้ถูกเลือกที่กำลังมองไปรอบๆว่า
“เห็นแล้วสิน่ะ....ว่าผลจากการที่มิได้ทำพิธีเป็นเวลายาวนานมันเป็นเช่นไร
บัดนี้ ท้องฟ้าสีคราม..อันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าเทพ ได้ถูกความมืดของเผ่ามารครอบงำไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว
และพื้นดินอันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่ามนุษย์นั้น....”
...ยังไม่ทันจะพูดจนจบ หุบเหวที่เบื้องล่างของโคโนกะก็ทำท่าจะขยายมากขึ้น
ทำเอาทุ่งหญ้าเขียวขจีรอบๆพังทลายไปและเริ่มที่จะถูกหุบเหวนั่นกลืนกินไปจนเหลือลดน้อยลง
โคโนกะมองพวกมันที่กำลังถูกความมืดแทรกแซงเข้าไปด้วยความหวาดกลัว
คิดถูกแล้วที่เธอเลือกที่จะทำพิธี เซ็ตจังเลือกดีแล้วที่จะให้เธอสานต่อ
มิเช่นนั้น เธอคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ปล่อยให้พลังของเผ่าปิศาจมาครอบครองทั้งสามเผ่าได้
และท่านเทพที่รับรู้ว่าใจของโคโนกะกำลังต้องการอะไร นางจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงและเรียกสิ่งๆนึงออกมาทันที
...และแล้ววัตถุทรงกลมก็ปรากฏขึ้นตนหน้าทั้งสอง มันมีวงแหวนสามวงวิ่งวนอยู่รอบๆเป็นวงแหวนสีดำ ขาว และทอง
วงแหวนสีทองนั้นหมุนอย่างเชื่องช้าจนแทบจะไม่ขยับไปไหนแต่สีดำและขาวนั้น ยังคงหมุนสลับขยับไปมารอบๆทรงกลมนั่นอยู่ แต่วงแหวนสีดำดูจะวิ่งเร็วมากกว่า
เพียงแค่นี้โคโนกะก็รู้ได้ทันที ความเร็วของวงแหวน หมายถึงการที่เผ่าใดกำลังจะแผ่พลังเวทย์ได้มากกว่ากัน
...และหน้าที่ของเธอก็คือ...ทำให้วงแหวนทั้งสาม หมุนอย่างเท่าเทียมและสมดุล
“ข้าไม่มีอำนาจใดๆที่จะทำให้พลังเวทย์ของทั้งสามเผ่านั้นสมดุลได้
ถึงข้าจะเป็นเทพแห่งสามภพที่ดุจเป็นมารดาของพวกเจ้า
แต่ข้าก็ทำได้เพียงนำผู้ถูกเลือกมาเท่านั้น ต่อแต่นี้....มันก็เป็นภาระของเจ้าแล้ว...เจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือก...”
....โคโนกะที่ได้ฟังก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองไปสัมผัสดวงจิตของไตรเวทย์ตรงหน้า
ที่เป็นสัญลักษณ์ของเครื่องหมายแสดงความสมดุลของเวทย์ทั้งสามเผ่าและร่ายคาถาเพื่อปรับทิศทางของพลังเวทย์ทันที
“มาร่าน่า โนกาโร่พา อาราตากีร่าคา ปาแมเสเร่เยน สกาฟ่าร่าพสา ดาไพนทาด ทีพาร่าดนี”
.....ทันทีที่ร่ายคาถา ดวงจิตของไตรเวทย์ตรงหน้าก็ส่องแสงขึ้นมา ทำให้วงแหวนสามวงรอบๆ จากที่หมุนด้วยความเร็วไม่เท่ากันเปลี่ยนมาเป็นความเร็วที่เท่ากันทั้งสามวง แต่พอผ่านไปสักพักวงแหวนสีทองก็กลับมาหมุนช้าๆอีกครั้ง
ยัง..ยังหรอกตอนนี้พลังของไตรเวทย์มันยังไม่สมสมดุลหรอก....ต้องใช้พลังควบคุมปรับสมดุลของมันให้มากกว่านี้
แล้วโคโนกะก็เร่งใช้พลังของตัวเองเพื่อใช้ปรับสมดุของไตรเวทย์ให้มากยิ่งขึ้น...
...............................................................................................................................................................................................
“อั๊กกกก!!!”
“เป็นยังไงบ้างท่านหัวหน้าปักษา!”
“ข้าไม่เป็นอะไรมาก ท่านเทพ ....แต่พวกมัน...เยอะมากซะจน...”
.....ทั้งเซ็ตซึนะและเหล่ามนุษย์ปักษาที่เป็นปราการด่านสุดท้ายในการคุ้มครองผู้ถูกเลือกที่ร่างยังคงหมดสติและลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาใกล้จะเพลี่ยงพล้ำให้กับพวกปิศาจที่รุมเข้ามาเต็มที
พวกเขาทั้งอ่อนแรงและเหนื่อยจนสุดจะทนเพราะต้องต่อกรกับพวกมันที่มากกว่ามากๆเป็นเวลานาน...
และทางด้านพวกเอชุนเองที่เป็นฝ่ายจอมเวทย์ อย่าว่าแต่จะไปปกป้องโคโนกะเลย
พวกเขายังปกป้องตัวเองให้รอดยังแทบทำไม่ได้ เพราะด้วยทั้งหมดที่เป็นจอมเวทย์....ซึ่งเป็นพลังที่มีอยู่จำกัด จึงเริ่มมีหลายคนล้มหมอบและสลบไป จอมเวทย์ทุกคนล้วนอยู่ภายใต้การคุ้มกันของกลุ่มองครักษ์ของ อ.ทาคาฮาตะ และโมโตโกะที่เป็นเพียงนักดาบธรรมดาไปแล้วเท่านั้น...
“บ้าจริง!! มากันไม่ขาดสายเลย!!”
“ ทางพวกเซ็ตซึนะก็ดูจะต้านเอาไว้ไม่อยู่แล้วน่ะค่ะ แล้วนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีค่ะท่านเอชุน??”
ทั้งเอชุนและโมโตโกะที่รับมือพวกปิศาจไปปรึกษากันไปก็เหลือบหันไปมองร่างของโคโนกะที่ยังลอยคว้างไม่ได้สติอยู่
และแล้วเอชุนก็ต้องเบิกตาโพล่งเพราะตอนนี้รอบๆตัวโคโนกะลูกสาวของเขาเหลือเพียงเซ็ตซึนะคุงและมนุษย์ปักษาอีกเพียงยี่สิบกว่าตนเท่านั้น!! แถมตอนนี้ยังมีปิศาจกลุ่มนึงทางริมทะเลสาบทางทิศตะวันตกกำลังร่ายเวทย์พุ่งไปยังพวกที่อยู่ลานพิธีโดยที่พวกนั้นยังไม่รู้ตัวด้วย!!
“แย่แล้ว!!! เซ็ตซึนะคุง!! ระวังพวกจอมเวทย์ปิศาจตรงข้างหลังนั้น!!”
แม้เอชุนจะตะโกนสุดเสียงแต่พวกเซ็ตซึนะก็ไม่ได้ยิน และสภาพของเขาตอนนี้ก็ไม่มีสมาธิพอที่จะใช้กระดาษพยนต์
พ่อตาของเขาเองก็กำลังจะเตรียมเวทย์กางเวทย์ป้องกันเป็นครั้งที่สาม...
ทำยังไงดี! อย่างนี้เราก็ไปเตือนพวกเซ็ตซึนะคุงไม่ได้เลยน่ะสิ
โมโตโกะที่เห็นดังนั้นก็คิดที่จะไปเตือนน้องสาวของตนด้วยตัวเอง แต่ทว่า สะพานที่เชื่อมไปยังลานก็พังไปแล้วเนี้ยสิ!!
“ชิ!!....ถ้าข้าไม่ใช้จิตจนหมดหล่ะก็!!”
....ถ้าเป็นเมื่อก่อน โมโตโกะคงใช่จิตเสริมกายและกระโดดข้ามไปยังลานพิธีนั่นได้ในพริบตา
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่..เธอทำเช่นนั้นไม่ได้อีก และแล้วบุคคลอีกคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของพวกเขามาตลอดก็ขออาสาขึ้น
“หนูไปเองค่ะ!!~~”
“เอ้ย!! ไม่ได้น่ะอายะ!! มันอันตรายน่ะ!!”
อายะจังที่ตอนนี้มีปีกสีขาวอยู่กลางหลังพุ่งตัวบินไปยังลานพิธีไตรเวทย์ด้วยความเร็วทันทีโดยไม่สนคำห้ามของพี่ชาย
ทำเอาฟูตะที่คิดจะรั้งเอาไว้ก็ไม่ทัน เขาที่พยายามร้องตะโกนห้ามน้องสาวของตนสุดเสียงแต่ก็ไม่เป็นผล
อายะจังบินไปหาเซ็ตซึนะท่ามกลางฝูงปิศาจที่ผ่านไปมามากมายเสียแล้ว!!
ฟูตะที่เห็นการกระทำอันบ้าบิ่นของน้องสาวตัวน้อยของตนอีกครั้งก็ได้แต่ตะโกนไล่หลังไปด้วยความเจ็บใจว่า..
“ยัยบ้าเอ๋ย!! ห้ามเป็นอะไรไปเชียวน่ะ!! ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปข้าจะไปเอาเรื่องกับยัยนักดาบนั่น!! เข้าใจไหม!!”
อายะจังที่แม้จะบินไปไกลแต่ก็ยังได้ยิน เด็กน้อยหันมายิ้มให้พี่ฟูตะของตนก่อนจะมุ่งมั่นตั้งในใช้ปีกสีขาวกลางหลังบินไปหาพี่เซ็ตซึนะของเธอให้ได้ แม้อายะจังจะเป็นเป้าทำให้พวกปิศาจรอบๆนั่นสนใจจนพวกมันเข้ามาจะทำร้ายอายะจังได้หลายครั้ง แต่ด้วยสายเลือดปักษาที่ไหลเวียนอยู่ในตัว
เด็กน้อยที่อาศัยความที่ตัวเล็กกว่าสามารถบินหลบพวกมันทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
จนกระทั้งเซ็ตซึนะเองที่สังเกตเห็นว่าอีกอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่พวกปิศาจบินเข้ามา
เมื่อเธอเพ่งมองก็ต้องตกใจว่าคนที่กำลังฝ่าฝูงปิศาจเข้ามานั่นคืออายะจัง องครักษ์สาวรีบรุดไปคุ้มครององค์หญิงน้อยของตนด้วยดาบทั้งสองมือทันที
“มาที่นี่ทำไมอายะจัง!! ไม่รู้รึไงว่าตรงนี้มันอันตรายขนาดไหนน่ะ!!!”
“คือว่าพี่เซ็ตซึนะ หนู...หนูจะมาบอกว่าที่ตรงนั้นมันมีพวกปิศาจกำลังคิดจะใช้เวทย์มาโจมตีพวกพี่น่ะค่ะ!”
อายะจังที่เข้ามาเจออีกฝ่ายได้สำเร็จ ละล้าละลักบอกข่าวสำคัญให้องครักษ์สาวในสภาพหอบแฮ่กพลางชี้ไปยังทิศนั้น
เซ็ตซึนะที่มองเห็นก็เบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ เพราะที่เธอเห็นคือจอมเวทย์ปิศาจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ที่ริมทะเลสาบกำลังร่ายคาถาและเกิดเปลวไฟขนาดมหึมาอยู่ตรงหน้าพวกมัน!
แย่แล้ว!! อยู่ไกลขนาดนี้จากตรงนี้ไปจะห้ามพวกมันทันไหมน่ะ!!!
แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องลองเสี่ยงหล่ะ คิดได้ดังนั้น เซ็ตซึนะก็หันไปบอกเด็กน้อยที่บินอยู่ตรงหน้าว่า
“อายะจัง!...ถ้ากลับไปหาฟูตะอีกมันอาจจะไม่โชคดีเหมือนขามาแล้วน่ะ!! อายะจังต้องอยู่ใกล้ๆร่างของโคโนจังเข้าใจไหม? ให้มนุษย์ปักษาคนอื่นๆคอยคุ้มครองอายะจังน่ะ!!”
“อื้มมมม!!~~”
....เด็กน้อยรับคำอย่างกระตือรือร้น แต่เซ็ตซึนะที่ใจกำลังร้อนรนสุดขีดก็ผละจากอายะจังและมุ่งหน้าไปจัดการกับพวกจอมเวทย์ปิศาจนั่นทันที แต่ลูกไฟนั่น!! มันพร้อมที่จะปล่อยมาโจมตีทางนี้ได้ทุกเมื่อแล้วน่ะ!!
แล้วโคโนจังก็เป็นเป้านิ่งให้พวกมันซะด้วย!! หัวหน้าปักษาที่เห็นดังนั้นพอมองตามไปทิศที่ท่านเทพของมันกำลังจะไปก็เข้าใจในทันที มันรีบสั่งมนุษย์ปักษาทุกตนที่เหลือให้เตรียมรับมือกับเวทย์ขนาดใหญ่ที่กำลังจะโจมตีเข้ามา!!
...แต่..ลูกไฟที่ใหญ่ขนาดนั้น...พวกเราจะรับมือได้อย่างนั้นรึ!!!
...และดูเหมือนว่าพวกจอมเวทย์ปิศาจที่ได้พลังมากเกินตัวอันเกิดจากการที่พลังไตรเวทย์นั้นยังโอนเอียงไปเผ่าของพวกมัน
ก็สามารถสร้างลูกไฟได้อย่างรวดเร็ว จนหัวหน้าของกลุ่มที่เห็นดังนั้นจึงรีบออกคำสั่งขึ้นมาโดยไม่ชักช้าทันที
“ใช้เวทย์โจมตี!! จัดการเผาร่างยัยผู้ถูกเลือกให้เป็นจุลซะ!!!!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ฝันไปเถอะ.......”
ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!
....สิ้นคำ...เสียงปืนก็ดังลั่นพร้อมกับห่ากระสุนที่พุ่งเข้าไปยังร่างของจอมเวทย์ปิศาจทุกตน
กลิ่นควันปืนลอยโขมงออกมาพร้อมกับการปรากฏกายของผู้ที่ไม่คาดฝัน!!
“ทัตสึมิยะ!!! คุณคาเอเดะ!!!”
...ทัตสึมิยะ มานะในชุดทะมัดทะแมงพร้อมรบ กับนาเงเสะ คาเอเดะที่สวมชุดนินจาโคงะยืนอยู่อีกที่ริมฝั่งนึงของทะเลสาบห่างจากพวกจอมเวทย์ปิศาจนั่น พวกเธอทั้งสองกางยันต์กั้นปิศาจเอาไว้และคาเอเดะก็มีหน้าที่คุ้มครองมานะที่ใช้ปืนจัดการกับพวกปิศาจที่อยู่ในระยะไกล
นินจาโคงะใช้วิชาแบ่งร่างจัดการกับพวกปิศาจรอบๆอย่างชำนิชำนาญ
และเมื่อทั้งสามได้เจอหน้ากันในสถานการณ์ที่ขับขันเช่นนี้ก็ต่างยินดีเป็นที่สุด!
“ขอโทษน่ะที่มาช้า พวกฉันต้องฝ่าฝูงปิศาจเข้ามาไม่ได้มีปีกเหมือนเธอนี่น่ะ เอางี้! พวกพื้นราบที่อยู่ห่างมือเธอแถวนี้พวกฉันจัดการเอง เธอไปจัดการไอ้พวกเบ้งๆที่เข้ามาใกล้ดีกว่าเซ็ตซึนะ”
“แล้วพวกที่จู่โจมทางน้ำก็ไม่ต้องเป็นห่วงน่ะเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าลอบวางทุนระเบิดไว้โดยรอบไว้แล้ว คงจะต้านพวกมันได้อีกนานเลยเจ้าค่ะ นินๆ”
ตู้มมมมมมมมมม!!!!!!!!~
...สิ้นคำ เสียงระเบิดจากริมทะเลสาบแห่งนึงก็ดังลั่น! ทุนระเบิดของคาเอเดะที่เพิ่งพูดถึงได้ทำงานของมันพอดี
แรงระเบิดนั่นทำให้น้ำแตกกระจายกลายเป็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ น้ำในทะเลสาบสาดกระเซ็นไปทั่ว!!
ทั้งหมดมองมันด้วยความตื่นตะลึงโดยเฉพาะมานะ เธอมองไปยังนินจาโคงะคนรักของเธอแล้วต่อว่าเสียงเข้ม..
“เธอใส่ดินระเบิดมากเกินไปแล้วน่ะ!! คาเอเดะ!!”
“แต่มันก็ได้ผลนี่เจ้าค่ะ นินๆ ดูสิเจ้าค่ะ พวกมันหงอจนไม่กล้าลอบไปทางน้ำกันแล้ว!”
...แล้วก็เป็นอย่างที่นินจาโคงะกล่าว พวกปิศาจหลายตนที่คิดจะลอบลงไปทำร้ายผู้ถูกเลือกทางน้ำล้วนขยาดระเบิดนั่นจนไม่กล้าลงไปในทะเลสาบกันทั้งนั้น
เซ็ตซึนะที่ได้รับการช่วยเหลือจากสหายทั้งสองคนทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมานาน
แถมครั้งล่าสุดเธอก็ทำร้ายทั้งสองจนสลบไปด้วย มันไม่มีอะไรในตอนนี้ที่เธอจะทำได้นอกจาก.....
“ขอบคุณมากเลยน่ะ ทัตสึมิยะ คุณคาเอเดะ ฉัน...”
...เซ็ตซึนะที่ตื้นตันกับความมีน้ำใจของสหายทั้งสองจนพูดต่อไม่ออก
แต่เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว มานะยิ้มให้กับสหายร่างบางที่ทำท่าจะร้องไห้ออกมาพลางพูดขึ้นว่า
“เฮ!ๆ ถึงจะมาบีบน้ำตาแต่งานหน้าฉันก็คิดเงินเหมือนเดิมน่ะจะบอกให้ รีบๆกลับไปคุ้มครองคุณหนูโคโนกะได้แล้ว!”
“ทัตสึมิยะ....”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพวกเราเองก็มีเรื่องติดค้างท่านเซ็ตซึนะที่เคยเป็นเหตุให้ท่านต้องตาบอดมาก่อน ครั้งนี้จึงขอมาทดแทน เรื่องแค่นี้ไม่ต้องกังวลไปหรอกเจ้าค่ะ นินๆ”
“คุณคาเอเดะ.....”
........เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ยิ่งซึ้งใจเข้าไปอีก แต่องครักษ์สาวที่แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกสหายทั้งสอง
แต่ตอนนี้เธอมีภาระที่สำคัญยิ่งที่ต้องทำ.....
เซ็ตซึนะพยักหน้ารับที่จะทำตามนั้นและทำท่าจะบินกลับไปที่ลานพิธีโดยพูดพึมพำเบาๆไว้ทิ้งท้ายว่า....
“ไว้เจอกันน่ะ.......ถ้าฉันรอดไปได้หน่ะ........”
พึมพำเสร็จเซ็ตซึนะก็ยิ้มและบินจากไป ทั้งมานะและคาเอเดะที่แม้ได้ยินไม่ถนัดแต่ทั้งสองก็เริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
หลังจากนั้น ทั้งมานะและคาเอเดะก็ช่วยจัดการกับพวกจอมปิศาจที่หวังโจมตีระยะไกลโดยรอบ!! ทั้งคู่ที่ตั้งใจมาช่วยพวกเซ็ตซึนะอย่างเต็มที่ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมห้องและสหายร่วมศึก แม้สถานการณ์ในตอนนี้มันยากที่จะต่อกรกับพวกปิศาจทั้งหมดเสียเหลือเกิน!!
.....ทางด้านเซ็ตซึนะที่บินกลับมายังร่างของโคโนกะที่ลอยตัวอยู่เพื่อมาคุ้มครองตามเดิม
ก็ถูกหัวหน้าเผ่าปักษาที่สภาพร่อแร่เต็มที่เรียกทักด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก...
“ท่านเทพ!! ทางนี้ยังมีพวกจอมเวทย์ปิศาจอีกกลุ่มที่กำลังใช้เวทย์ไฟโจมตีมาทางนี้!! ห๊ะ!!~ ไม่น่ะ!!!!!!”
เซ็ตซึนะที่ได้ฟังพอเห็นอาการตกใจของหัวหน้าเผ่าปักษาก็รีบหันไปมองตาม
แล้วเธอก็ตกตะลึงจนตัวทั้งตัวสั่นเต็มไปด้วยความกลัว เพราะตอนนี้เปลวไฟมหึมาขนาดสิบเมตรกำลังมุ่งมาทางนี้!!
เข้ามาเร็วมากซะด้วยสิ!! แย่ที่สุด!! พวกมันมีมากเกินไป!! โคโนจัง!!!
..แล้วเซ็ตซึนะที่นึกเป็นห่วงองค์หญิงของตนขึ้นมาจับใจก็พบว่าโคโนจังยังไม่ฟื้นขึ้นมา อายะจังที่บินอยู่ใกล้ๆก็มองลูกไฟนั่นด้วยความกลัวจนสั่นเทา
มันใกล้เข้ามาแล้ว!!! อีกร้อยเมตรเท่านั้น!!! แต่ไม่ว่ายังไง!! ฉันก็ต้องหยุดมันให้ได้!!!!
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!!”
“อย่าน่ะท่านเทพ!!!!!!! ท่านรับมือมันไม่ได้หรอก!!!”
...เซ็ตซึนะที่ไม่รักตัวกลัวตายพุ่งร่างตัวเองบินไปยังลูกไฟที่กำลังมุ่งมาโจมตีผู้ถูกเลือกทันที!!
และในระยะที่องครักษ์สาวกับลูกไฟนั่นห่างกันเพียงสิบเมตร เธอทุ่มกำลังทั้งหมดใช้กระบวนท่าไม้ตายเพื่อหยุดมัน!!
“ซัน~ คู~ เซ็น!!!!!!!!!~~~”
และไม่น่าเชื่อ!! เซ็ตซึนะในร่างปิศาจจะสามารถหยุดไอ้ลูกไฟอันเกิดมาจากพลังเวทย์มหาศาลได้ด้วยตัวคนเดียว!!
ลูกไฟนั่นถูกดาบสองมือผ่าออกเป็นสองเสี่ยงและหล่นลงทะเลสาบไปในที่สุด!!
แต่ตอนนี้สภาพของเซ็ตซึนะนั้นสะบักสะบอบหายใจหอบแฮ่ก เสื้อที่สวมใส่ถูกไฟไหม้ไปหลายส่วน
องครักษ์ปีกดำมองไปที่กลุ่มจอมเวทย์ปิศาจตรงหน้าที่กำลังจะยิงเปลวไปลูกที่สองและสามออกมา
สิ่งที่เธอจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่วินาทีทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ อีกสองลูก...ในสภาพเช่นนี้...เราคงจะไม่รอดแล้วเป็นแน่.......
“โคโนจัง.....ฉัน......”
..........................................................................................................................................................
“....ฉัน.....คงทำตามที่โคโนจังเขียนไว้ในจดหมายไม่ได้แล้วหล่ะ......ลาก่อนน่ะ องค์หญิงของฉัน....”
“เซ็ตจัง!!!!~~”
...โคโนกะที่กำลังร่ายคาถาเพื่อปรับพลังเวทย์ให้สมดุลอยู่ก็เผลอเรียกชื่อองครักษ์ของเธออย่างลืมตัว
เมื่อกี้..เสียงเซ็ตจังนี่!! ด้วยลางสังหรณ์ที่เป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาจึงทำให้เริ่มเสียสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าไป
จนเทพสามภพจับสังเกตได้ นางรีบเตือนสติผู้ถูกเลือกตรงหน้าด้วยความหวังดี...
“เจ้ากำลังจะหลุดออกจากการควบคุมพลังของไตรเวทย์ไปน่ะ เจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือก อย่าเสียสมาธิไปสิ”
....โคโนกะที่ถูกเรียกสติก็ชะงักก่อนที่จะตั้งใจทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อไป เพราะตอนนี้มันเหลืออีกนิดเดียวแล้วเท่านั้น วงแหวนของเผ่าปิศาจมันหมุนเร็วกว่าอีกสองเผ่าที่เหลือไปนิดเดียว และตอนนี้ท้องฟ้ารอบๆก็กลายมาเป็นฟ้าโปร่งสดใสสมกับพลังไตรเวทย์ที่เริ่มจะปรับสมดุลมาดังเดิมแล้ว
...แต่ทว่า ใจของโคโนกะนั้นก็ยังนึกเป็นห่วงเซ็ตจังของเธออยู่ดี โคโนกะตั้งสมาธิร่ายคาถาได้เพียงพักเดียวก็เริ่มที่จะเสียสมาธิอีกครั้งและคราวนี้ผู้ถูกเลือกที่เริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีก็หันไปขอร้องกับเทพสามภพตรงหน้าทันที แม้จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรก็ตาม...
“ท่านเทพสามภพค่ะ ข้ารู้ว่าข้าไม่มีสิทธิ์จะขอร้องอะไรจากท่าน แต่ได้โปรดเถอะค่ะ ให้ข้าได้รู้ที....ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนที่คุ้มครองร่างของข้าอยู่”
....ท่านเทพสามภพที่ได้ฟังก็นิ่งไป....นางรู้ว่าอีกฝ่ายมีความคิดอันใดอยู่ แต่ทว่า...
“เจ้ามนุษย์ เจ้าที่ได้ตัดสินใจที่จะเป็นผู้ถูกเลือกแล้ว ไม่สมควรอาลัยอาวรณ์กับสิ่งอื่นอีกน่ะ...”
“ข้ารู้ค่ะว่าข้าต้องทำอะไร แต่ว่า...ข้าก็ยัง.....”
“เป็นห่วงสิน่ะ แต่ว่า...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้น เจ้าก็ยังมีภาระที่ต้องกระทำต่อไป เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ค่ะ...ข้าเข้าใจดี...”
...ท่านเทพสามภพที่ได้ฟังคำมั่นก็หลับตาเพื่อคิดสักพัก ก่อนที่ท้องฟ้ารอบๆตัวโคโนกะจะกลายเป็นภาพถ่ายทอดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นรอบๆลานพิธีไตรเวทย์ออกมา และแล้วภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ดีที่เธอยังเอามือปิดห้ามเสียงตัวเองไว้ได้ทัน..เพราะตอนนี้..ที่ลานพิธีนั่น
...ร่างของเซ็ตจังที่มีควันขโมงรอบตัวกำลังนอนแผ่หราอยู่ สภาพของนักดาบชินเมริวปีกดำนั้นยับเยินจากการไหม้ของลูกไฟที่เธอเพิ่งจัดการไปนั่น ข้างๆตัวขององครักษ์สาวมีอายะจังที่กำลังร้องเรียกพี่เซ็ตซึนะของเธอด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกสุดขีด!
“พี่เซ็ตซึนะ!! พี่เซ็ตซึนะ!!! พี่อย่าเป็นอะไรไปน่ะ!! พี่อย่าทิ้งหนูไปเหมือนพ่อกับแม่ของหนูสิ!! น่ะพี่เซ็ตซึนะ!! ลุกขึ้นมา!!”
...เซ็ตซึนะที่ถูกเด็กน้อยเขย่าตัวก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
องครักษ์สาวฝืนยิ้มให้องค์หญิงน้อยในท่าทางที่เหนื่อยอ่อนก่อนจะหันไปมองรอบๆด้วยท่าทางที่เป็นกังวล
เซ็ตซึนะพยายามรวบรวมแรงที่มีอยู่พูดขึ้นว่า...
“....พวกมัน....ยังมาไม่หยุดเลย แถม.....โคโนจังก็ยังทำพิธีไม่เสร็จด้วย แต่พี่...พี่...คงจะไม่รอดแฮ่ะ...”
“ไม่ใช่น่ะพี่เซ็ตซึนะ!! พี่แค่เหนื่อยแค่นั้น!! พี่ก็พักสักหน่อยก่อนก็ได้!! น่ะ...อย่าทิ้งหนูไปเลยน่ะ”
“อืม..............นั้นสิน่ะ........”
....แล้วเซ็ตซึนะที่คิดว่าตนยังมีภาระที่ต้องปกป้องโคโนจังของเธอต่อก็ฝืนลุกขึ้นมาด้วยท่าทางทุลักทุเล กระชับดาบทั้งสองมือขึ้นมาอีกครั้ง แม้ตอนนี้พวกของท่านเอชุนจะกางวงเวทย์ขึ้นมาได้อีกครั้งแต่มันก็คงจะต้านเอาไว้ได้ไม่นาน
...เซ็ตซึนะจึงคิดที่จะสู้กับพวกมันต่อ แต่พอจะลุกขึ้นมาเซ็ตซึนะก็ถึงกับกระอักเลือด!!
ความเจ็บที่มันแพร่เข้ามาทั่วร่างกำลังสร้างความเจ็บปวดให้เธออย่างรุนแรงจนไม่สามารถขยับร่างของตนให้ไปไหนได้อีกต่อไป
อายะจังที่เห็นดังนั้นก็มองตาตื่น เธอรีบห้ามพี่เซ็ตซึนะของเธอเสียงหลงทันที!!
“พี่เซ็ตซึนะ!! อยู่เฉยๆเถอะน่ะ~~ เลือด..เลือดมันออกมาเยอะมากๆเลย พี่เซ็ตซึนะต้องพักก่อนน่ะ!~”
“แต่อายะจัง.......โคโนจัง..ยังทำพิธีไตรเวทย์ไม่เสร็จเลย......”
.......ด้วยพวกปิศาจที่ยังเหลืออยู่อีกมากกำลังรุมล้อมเข้ามาเรื่อยๆมืดฟ้ามัวดินรออยู่นอกวงเวทย์นั่น
เซ็ตซึนะมองพวกมันด้วยแววตาที่สิ้นหวังลมหายใจของเธอนั้นเข้าออกด้วยความยากลำบาก
...แต่ไม่ว่ายังไง ไม่ว่ายังไง...ฉันก็ต้องทำเพื่อโคโนจังต่อไป....แม้ว่าฉันจะต้องตายไปก็เถอะ...
“ท่านเทพ.....ข้าขอให้ท่านทบทวนอีกครั้ง....ใช้วิธีที่ข้าบอกเถอะ...ตอนนี้มันยังมีเวลาเพียงพอน่ะ...”
...เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ครุ่นคิดหนัก แต่อายะจังที่พร้อมจะทำตามวิธีนั้นอยู่แล้ว เด็กน้อยรีบช่วยพูดเสริมให้อีกคนทันที
“นั่นสิพี่เซ็ตซึนะ!~ หนูเต็มใจน่ะ.......”
ทว่า...เซ็ตซึนะที่สาบานไว้แล้วว่าจะไม่ทำตัวเยี่ยงมารอีก เธอปฏิเสธสิ่งที่ทั้งสองเอ่ยมาโดยทันที
“ไม่!!!! พี่ทำกับอายะจังแบบนั้นไม่ได้หรอก!! หัวเด็ดตีนขาดพี่ก็ไม่ทำ!!”
“แต่พี่เซ็ตซึนะ.....พี่แทบจะลุกไม่ไหวแล้วน่ะ ใช้...”
...เซ็ตซึนะที่เห็นเด็กน้อยที่พยายามชักชวนเต็มที่ก็ใช้มือแตะริมฝีปากของอายะจังห้ามคำพูดเอาไว้
แม้ร่างกายของตนทำท่าจะไม่ไหวจนรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวแต่องครักษ์สาวก็ยังยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย เธออ้อนวอนต่ออายะจังในฐานะองครักษ์พิทักษ์องค์หญิงน้อยว่า
“อย่าพูดอีกเลยเพค่ะ...... ได้โปรดเถิดองค์หญิงน้อย อย่าบีบคั้นหม่อมฉันอีกเลย”
“ตะ..แต่......”
“ให้หม่อมฉันตายซะยังดีกว่า......น่ะเพค่ะ”
“มะ..ไม่!!~~.......ไม่เอา!!!!!!~~”
...แล้วอายะจังที่ได้รับการปฏิเสธจากอีกฝ่ายก็ร้องเสียงลั่นพลางส่ายหัวไปมาแล้วทำท่าจะร้องไห้
เด็กน้อยโผเข้ากอดร่างองครักษ์สาวที่นอนหายใจอย่างอ่อนแรงแล้วพูดร้องขอกับอีกฝ่ายทั้งน้ำตาทันที
“ไม่น่ะ!!~~ ไม่เอา!!~~~ พี่เซ็ตซึนะห้ามตายเด็ดขาดเลยน่ะ!~~ พี่บอกว่าจะเป็นองครักษ์ให้หนูจนกว่าหนูจะหาองครักษ์ของหนูเจอไม่ใช่เหรอ?? จะผิดคำพูดกับหนูหรือไง!! ห้ามตายน่ะ!! ห้ามตาย!! ไม่ว่ายัง.....อ๊ะ!......”
....ด้วยประโยคที่อยู่ๆก็ชะงักไป เซ็ตซึนะที่เงยหน้าไปมองที่หลังอายะจังก็ต้องช็อคสุดขีด
ตัวทั้งตัวของเธอเย็นวาบเพราะความกลัว! ร่างของอายะจังที่กอดเธออยู่นั้นมีลูกธนูมาปักอยู่ที่ปีกสีขาวข้างซ้ายอยู่จนทะลุไปถึงหัวไหล่!!
ไม่เพียงแค่นั้น!! ห่าลูกธนูก็กำลังพุ่งมาที่พวกเธอด้วย!! ร่างของโคโนกะอันเป็นเป้าหมายสำคัญถูกมนุษย์ปักษาที่ยังเหลืออยู่ป้องกันได้จนสิ้นแต่ไม่มีใครมาช่วยป้องกันสายเลือดปักษาทั้งสองเอาไว้!! ผลก็คือ ร่างน้อยๆของอายะจังถูกธนูทำร้ายเข้าเต็มๆ!!!
“อายะจัง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
....เซ็ตซึนะที่ตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างเล็กตรงหน้าก็พยายามลุกขึ้นมาอย่างลืมเจ็บและใช้ดาบปัดลูกธนูที่ยังกระหน่ำยิงมาทันที!!
อีกมือที่เหลือกอดร่างองค์หญิงน้อยไว้แน่นและบังทางของลูกธนูเอาไว้พลางพยายามเขย่าร่างนั้นและเรียกให้เด็กน้อยรู้สึกตัวให้ได้
“อายะจัง!! อายะจัง!! ตื่นสิอายะจัง!!~ อยู่กับพี่ก่อนอย่าเพิ่งหลับน่ะ!!”
....เซ็ตซึนะที่พยายามปัดฝนลูกธนูด้วยท่าทางอ่อนแรงแต่ปากก็ร้องเรียกปลุกอายะจังไม่หยุด
ด้วยความที่ตนแทบจะไม่มีแรงจะทำอะไรอยู่แล้ว ลูกธนูที่ปัดได้บ้างไม่ได้บ้างจึงปักเข้าที่ต้นขาทั้งสองข้างของเธอเต็มๆ!!
แต่ด้วยใจที่เป็นห่วงเด็กน้อยในอ้อมกอดมากกว่าจึงฝืนความรู้สึกเจ็บนั่นและใช้ดาบปัดลูกธนูที่ถูกยิงเข้ามานั้นจนหมดไป
อายะจังที่นอนหายใจรวยระรินในอ้อมกอดของอีกฝ่ายก็ร้องเรียกชื่อเซ็ตซึนะด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงเต็มที..
“พี่.....พี่เซ็ตซึนะ.....”
“อายะจัง!!~ อายะจัง!!! อดทนไว้น่ะ!!~ เดี๋ยวพี่จะพอไปหาหมอ!!~ แข็งใจไว้!คุยกับพี่ไปเรื่อยๆก่อนน่ะ!!”
“เลือด..เลือดของหนู...”
“ใช่ๆ!~ เลือดมันไหลอยู่แต่พี่ใช้มือห้ามมันไว้แล้ว เดี๋ยวพี่จะหาผ้ามาห้ามมันไว้ด้วยรอเดี๋ยวน่ะ!! ”
แล้วเซ็ตซึนะก็รีบฉีกเสื้อฝึกดาบที่สวมอยู่มาห้ามเลือดที่กำลังไหลออกมาจากไหล่ของอายะจัง รวมถึงปีกซ้ายด้วย
...แย่ที่สุด!!~ มันยิงทะลุปีกมาถึงด้วย!! ร่างเล็กๆแบบนี้คงทนที่จะต้องดึงลูกธนูออกมาไม่ได้หรอก!! ทำยังไงดี!! ทำยังไงดี!!
..... เซ็ตซึนะที่เริ่มจะลนลานทำอะไรไม่ถูกเพราะเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าอาจจะตายได้ทุกเมื่อถ้าถึงมือหมอช้าเกินไป!!
บาดแผลสาหัสขนาดนี้อายะจังอาจตายจริงๆก็ได้!! แต่ที่อายะจังพยายามพูดอยู่มันไม่ใช่อย่างที่เซ็ตซึนะคิด...
“เลือดของหนู....พี่เซ็ตซึนะต้องใช้มัน....”
องครักษ์สาวที่ได้ฟังก็ตกตะลึงหันมามองหน้าอายะจังตาตื่น....จนถึงตอนนี้แล้ว ยังยืนกรานจะให้พี่ดื่มเลือดของอายะจังอีกเหรอ??
ไม่..ไม่หรอกอายะจังต้องรอดสิ!ด้วยความคิดที่ยังมีความหวัง
เซ็ตซึนะพยายามปลอบอีกฝ่ายให้อยู่กับตนเอาไว้ทั้งๆที่ปากคอเริ่มสั่นด้วยความรู้สึกกลัว...กลัวว่าจะเสียเด็กน้อยตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ..
“บะ..บ้าน่า!~~ พี่ต้องใช้มันที่ไหนกัน... เดี๋ยวพี่จะพาอายะจังไปหาท่านเอชุนเอง ท่านเอชุนมีคนที่เก่งเรื่องเวทย์รักษาเยอะแยะ ต้องช่วยอายะจังได้แน่ๆ รอเดี๋ยวน่ะ...”
และเซ็ตซึนะที่คิดจะพาร่างน้อยๆไปหาพวกท่านเอชุนที่น่าจะมีคนที่ใช้เวทย์รักษาเหมือนโคโนจังอยู่บ้าง
องครักษ์สาวฝืนตัวลุกขึ้นและพยายามอุ้มร่างเล็กๆในอ้อมแขนขึ้นมาด้วย
แต่ที่เธอทำได้ ก็เพียงลุกขึ้นนั่งเท่านั้นเพราะพอจะยืนขึ้นมา เธอก็กลับทรุดฮวบลงไปอีกเพราะต้นขาทั้งสองข้างของเธอยังมีลูกธนูปักอยู่นั้นเอง...
“ฮึ่ม!~~ บ้าเอ้ย!!~”
“พี่เซ็ตซึนะ...”
“อะไรเหรออายะจัง? ดีแล้วน่ะ พูดกับพี่เรื่อยๆอย่าหยุดน่ะ”
“พี่เซ็ตซึนะ...ถ้าใช้เลือดของหนู...พี่ก็ช่วยพี่โคโนกะได้น่ะ...”
ด้วยน้ำเสียงที่พยายามพูดในสภาพอ่อนแรงของอายะจัง ทำเอาเซ็ตซึนะอึ้งขึ้นมาทันที ก็ใช่..มันช่วยได้ แต่..แต่ว่า...
....ด้วยใจที่แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้า เซ็ตซึนะจึงพยายามไม่วกเข้าเรื่องเลือดนั่น
และพยายามพาเด็กน้อยคุยเรื่องอื่นด้วยน้ำเสียงที่ชักชวนให้อีกฝ่ายรู้สึกสนใจและอยู่กับตนไปเรื่อยๆแทน
“ไม่....ทำอย่างนั้นอายะจังจะตายเอาน่ะ! ไม่เอาไม่พูดแล้ว!!~ พูดเรื่องอื่นเถอะอายะจัง เอางี้!~ ไว้เสร็จเรื่องนี้แล้วพี่จะพาอายะจังไปอยู่ด้วยตามที่เคยสัญญาเอาไว้ จำได้ไหม? พี่จะพาอายะจังไปรู้จักกับพวกเพื่อนๆของพี่ด้วย!~ เพื่อนของพี่หลายคนต้องเป็นแบบที่อายะจังไม่เคยได้เจอแน่ๆ มีทั้งพวกพ่อมด นินจา นักมายากล แม่ชี อ้อ~ มีกระทั้งผีกับหุ่นยนต์ด้วยน่ะ!~ พวกเขาเป็นเพื่อนที่นิสัยดีกันทั้งนั้นแหล่ะ อายะจังต้องชอบพวกเขาแน่ๆ ไม่ว่ายังไงอายะจังต้องไปเจอพวกเพื่อนๆของพี่ให้ได้น่ะ!!~”
อายะจังที่ได้ฟังแม้จะรู้สึกตื่นเต้นตามแต่ก็ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้แทนคำตอบ
ทว่าเจตนาของเด็กน้อยยังคงเดิมไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามพูดบ่ายเบี่ยงไปซักเพียงใดก็ตาม...
“ทำไมพี่เซ็ตซึนะไม่ยอมให้หนูช่วยหล่ะ? พี่เซ็ตซึนะเกลียดหนูแล้วเหรอ?”
...ด้วยคำถามที่ไร้เดียงสาแต่ก็รู้ว่าพยายามรวบรวมแรงพูดออกมาเต็มที่ เซ็ตซึนะที่รู้ทั้งรู้ว่าเด็กน้อยอยากจะให้ตนทำอะไรแต่เธอก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
“ไม่...ไม่ใช่อายะจัง พี่รักอายะจังต่างหากหล่ะ อย่าทำกับพี่อย่างนี้สิ..น่ะ”
“ก็พี่ไม่ยอมให้หนูช่วยนี่....พี่เซ็ตซึนะถึงได้เกลียดหนู ไล่หนูออกไป เหมือนตอนนั้นไง...”
“ไม่ใช่น่ะอายะจัง ตอนนั้นมัน....”
“ถ้าพี่รักหนูก็ต้องให้หนูช่วย.....น่ะ พี่เซ็ตซึนะ พี่โคโนกะรออยู่น่ะ”
.....พูดจบอายะจังก็มองไปยังร่างของโคโนกะที่ยังลอยตัวอยู่กลางอากาศ
เซ็ตซึนะที่มองตามก็รู้ว่าด้วยสถานการณ์ตอนนี้...ถ้าเธอไม่ใช้พลังจากสายเลือดที่เหมือนจอมมารนั่น
เธอก็จะช่วยโคโนจังไม่ได้เลย รวมถึงช่วยเผ่ามนุษย์ไม่ได้ด้วย และอายะจังที่เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มจะโอนอ่อนตามก็พูดขึ้นมาอีกว่า...
“ถ้าเป็นพี่เซ็ตซึนะ หนูต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ ใช้เลือดของหนูเถอะน่ะ...”
เซ็ตซึนะที่กำลังลำบากใจถึงที่สุดก็มองไปยังรอบๆลานพิธีที่กำลังของวงเวทย์ครั้งสุดท้ายกำลังจะหมดลง
.....มัน...ไม่เหลือวิธีอื่นอีกแล้วจริงๆ....ทุกๆคนที่อยู่ที่นี้ก็คงต้านไว้ไม่อยู่แล้ว..ถ้าพิธีไตรเวทย์ทำได้ไม่เสร็จสมบูรณ์หล่ะก็
..ถึงอายะจังจะรอดวันนี้ วันหน้า..ก็ต้องถูกพวกปิศาจที่ครองโลกได้ฆ่าอยู่ดี...แต่..ฉันก็ไม่อยาก....
“ปัดโธ่เว้ย!!!!!!!!!! ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ด้วย!!!!!!!”
เซ็ตซึนะระเบิดความอึดอัดออกมาด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด
ให้ตายสิ!! ให้ตายสิ!!! มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหม???? ฉันต้องทำมันใช่ไหม???
และดูเหมือนว่าด้วยสถานการณ์รอบๆนั่นมันทำให้องครักษ์สาวที่นิ่งไปอยู่นานก็ตัดใจ ทำในสิ่งที่ฝืนใจของตัวเองในที่สุด....
“ตกลงอายะจัง.....พี่......ยอมแพ้แล้ว...”
อายะจังที่ได้ฟังก็ยิ้มให้อย่างยินดีทั้งๆที่ใบหน้าก็เริ่มซีดเผือกไปเรื่อยๆ
แล้วเซ็ตซึนะที่ตัดสินใจแล้วว่าจะดื่มเลือดจากอายะจัง ก็นิ่งทำใจสักพักก่อนจะก้มศีรษะไปที่หัวไหล่ที่ยังถูกธนูปักอยู่อย่างช้าๆ ด้วยกลิ่นคาวเลือดที่แตะจมูกเข้ามามันกระตุ้นเลือดในกายพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนยามที่เธอคิดจะกัดคอของอายะจังไม่มีผิด เขี้ยวค่อยๆงอกออกมาพร้อมๆกับรังสีแห่งความมืดที่เริ่มแผ่ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
เซ็ตซึนะหันไปหอมแก้มเด็กน้อยตรงหน้าอย่างแผ่วเบาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็พูดขึ้นว่า....
“ไว้ใจหม่อมฉันน่ะเพค่ะ...องค์หญิงน้อย”
“อื้ม!~ ”
.....เสียงตอบรับของอายะจังนั้นแสดงความเชื่อใจในตัวอีกฝ่ายเต็มที่ ยิ่งได้ฟังองครักษ์สาวก็ยิ่งละอาย
แม้ใจจะไม่อยากที่จะทำร้ายเด็กน้อยตรงหน้าจนวินาทีสุดท้ายแต่เธอก็รู้ว่าร่างกายมันเรียกร้องแสดงความต้องการออกมาจนเหลือล้น!!
สุดท้ายเซ็ตซึนะก็ตัดใจก้มหน้าเอาริมฝีปากเข้าไปดูดเลือดจากแผลที่ลูกธนูยังปักอยู่ในที่สุด
ด้วยเลือดอันไร้มลทินที่ได้ลิ้มรสเข้าไป ทำให้ร่างของเซ็ตซึนะรู้สึกร้อน! ร้อนมากขึ้นมากขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมา!!
เดิมทีเซ็ตซึนะตั้งใจจะดื่มเลือดจากอายะจังเพียงนิดเดียวเท่านั้นแต่ความเป็นมารในตัวมันห้ามร่างกายของตนไม่อยู่!!
เซ็ตซึนะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแววตาสีแดงก่ำที่เหมือนดั่งจอมปิศาจไม่มีผิด!
ลมหายใจเข้าออกแรงมากขึ้นและเขี้ยวของจอมมารเซ็ตซึนะก็งอกออกมามากกว่าเดิม!
ปีกสีดำสนิทเริ่มแผ่ขยายใหญ่มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน! ร่างของเซ็ตซึนะจากเดิมที่มีผิวขาวทั้งตัวกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มไป
ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า! รวมถึงรอยสักสีดำสัญลักษณ์ที่เป็นของมารและรอยสักสีทองสัญลักษณ์ของเทพก็ค่อยๆปรากฏออกมาตามร่างด้วย!!
ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือดของเด็กน้อยตรงหน้ามันไม่เพียงพอสำหรับจอมปิศาจเซ็ตซึนะในตอนนี้เสียแล้ว!
ความกระหายในพลังอันบริสุทธิ์ของตนทำเอาเซ็ตซึนะขาดสติและตระบัดสัตย์คำสาบานของตนเอง!
เธอกดเขี้ยวของตนฝังลงไปยังปีกที่มีเลือดเปื้อนอยู่ทันทีอย่างไม่ลังเล! ทำเอาอายะจังที่รู้สึกเจ็บจากการกัดนั้นถึงกับร้องครางออกมา
มือที่กอดอีกฝ่ายเอาไว้เกร็งแน่น!! แต่เด็กน้อยก็พยายามกัดฟันไม่ให้ส่งเสียงร้องของความเจ็บปวดไปให้มากกว่านี้
จนในที่สุด เซ็ตซึนะที่กำลังจะไม่ได้สติเดิมอีกต่อไปก็ค่อยๆวางร่างน้อยๆในอ้อมกอดลงกับพื้น
เสียงหัวเราะหึๆอยู่ในลำคอของเซ็ตซึนะที่กำลังก้มหน้านิ่งมันทำให้องครักษ์สาวดูหน้าหวาดกลัวที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ออโรร่าสีมืดแผ่ขยายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ มากซะจนปิศาจทั้งหมดที่รายล้อมอยู่ใกล้เธอชะงักและทรุดตัวตกลงไปที่ทะเลสาบทันที !
บางตัวที่ทนต่อพลังของรังสีความมืดนั่นไม่ไหวก็ตายไปต่อหน้าเซ็ตซึนะเสียอย่างนั้น!
พวกปิศาจรอบๆที่สัมผัสได้ถึงขุมพลังมหาศาลที่กำลังกดดันมาที่พวกมันก็เริ่มสั่นกลัวโดยไม่แม้แต่จะได้เห็นตัวของเซ็ตซึนะเลยสักนิด!
แล้วเซ็ตซึนะที่เลือดกำลังเดือดพล่านในกายก็ค่อยๆกวาดสายตามองศัตรูของเธอโดยรอบด้วยความกระหาย
เธอยิ้มสแหยะให้กับพวกมันทุกตนก่อนจะกระชับดาบในมือและพูดขึ้นว่า
“ให้ตายสิ! รู้สึกดีชะมัด! มองพวกแกที่กำลังสั่นกลัวข้าเนี้ย... ต้องขอบพระทัยเป็นอย่างสูงเลยน่ะเพค่ะ องค์หญิงน้อยของหม่อมฉัน~~”
สิ้นคำ..พวกปิศาจที่ได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกกลัวองครักษ์สาวใจร่างจอมมารมากกว่าเดิม..
แต่พวกมันคงได้แต่รู้สึกเพราะบัดนี้เซ็ตซึนะได้หายวับไปจากลานพิธีไตรเวทย์นั่นและเข้าไปฆ่าพวกปิศาจที่อยู่รอบๆเธอเสียแล้ว!!
“อยากให้ข้าเป็นจอมมารให้ไม่ใช่เหรอไง??!? ข้าก็เป็นให้แล้วไง!!! ข้าจะฆ่าพวกแกไม่ให้เหลือซักตน!!! คอยดูซี่!! ฮ่า!!ๆๆๆๆ”
...พวกมนุษย์ปักษาที่ได้ยินเสียงระเบิดหัวเราะนั้นก็หันขวับไปมองท่านเทพของพวกมันด้วยความตื่นตะลึง!!
เพราะตอนนี้ เซ็ตซึนะที่อยู่ในร่างจอมมารเต็มตัวกำลังเข้าไปฆ่าพวกปิศาจทั้งหมดอย่างกับมดปลวก!! นี่ท่านเทพ... ดื่มเลือดของเด็กน้อยนั่นไปแล้วรึ!!~
...และบัดนี้ ไม่ว่าปิศาจหน้าไหนก็ไม่สามารถหยุดเซ็ตซึนะได้อีกต่อไป!
เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น!....ปิศาจเกือบร้อยตัวก็สลายร่างหายไปคาคมดาบ!...
เซ็ตซึนะที่ได้รับพลังใหม่เข้าฆ่าฟันพวกฝ่ายมารอย่างบ้าระห่ำไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด! เธอใช้ดาบสังหารพวกมันด้วยใบหน้าที่ยิ้มสแหยะและรู้สึกสนุกกับสิ่งที่เธอกำลังทำอย่างเต็มที่!!
ทว่า....ดูเหมือนกับว่าเวลาในตัวของเซ็ตซึนะนั้นได้หยุดลงทันทีที่เธอได้กลายมาเป็นร่างจอมมารนี้ขึ้นมา.....เพราะว่าตอนนี้เซ็ตซึนะไม่ได้มีสติหรือรู้สึกตัวกับสิ่งที่ร่างของเธอกำลังทำอยู่เลย!!!
..................................................................................................................................................................................
“เซ็ตจัง......”
.....โคโนกะที่มองการกระทำขององครักษ์ของตนผ่านท้องฟ้าที่ท่านเทพสามภพกำลังฉายให้อยู่นั้นก็อยู่ในอาการช็อคสุดขีด
เธอนึกสงสารทั้งเซ็ตจังและอายะจังจับใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ทั้งสองคนคงไม่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้
และทางท่านเทพสามภพที่รู้สึกเสียใจกับภาพตรงหน้าเช่นกันก็คิดว่าผู้ถูกเลือกเห็นสิ่งที่ต้องการมาพอแล้ว
นางจึงไม่ฉายภาพบนท้องฟ้าต่ออีก โคโนกะที่เห็นดังนั้นก็ทนอยู่เฉยไม่ได้เธอจึงอ้อนวอนขอกับท่านเทพตรงหน้าของเธอทันที
“ได้โปรดเถอะค่ะ!! ให้หนูไปช่วยพวกเขาเถอะน่ะค่ะ ท่านก็เห็นว่าอายะจังที่ยังเป็นเด็กเล็กๆอยู่กำลังจะตาย แล้วยังเซ็ตจังที่กำลังคลั่งนั่นอีก ให้ข้ากลับไปช่วยพวกเขาเถอะค่ะ”
“ไม่ได้!!~ ถ้าเจ้าออกไปแล้วจะกลับมาไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง!!”
“ตะ..แต่ว่า...ท่านก็ช่วยข้าได้ไม่ใช่เหรอค่ะ!!!”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า เจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือก แต่ข้าช่วยให้เจ้ากลับมาอีกครั้งไม่ได้จริงๆ
เจ้าควรที่จะทำหน้าที่ของเจ้าตรงนี้ให้เสร็จสิ้น สมความตั้งใจของพวกนางจะดีกว่า!!”
.....โคโนกะที่ได้ฟังก็อึ้งไป จริงสิน่ะ...ที่ทุกคนข้างนอกทำกันอยู่ ก็เพื่อช่วยให้ฉันได้ทำพิธีไตรเวทย์นี่น่า
มีคนตั้งมากมายที่เสียสละเพื่อฉันเพื่อที่จะให้ฉันได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฉันต้องสานต่อทำหน้าที่ตรงนี้ให้สำเร็จ
....คิดได้ดังนั้น โคโนกะจึงเพ่งสมาธิและกำลังทั้งหมดไปยังดวงจิตของไตรเวทย์ตรงหน้า
....ผู้ถูกเลือกเร่งการปรับสมดุลให้กับดวงจิตตรงหน้าให้ได้เร็วที่สุด...แต่ว่าระหว่างที่ร่ายคาถาไปนั้น
น้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาอาบแก้มของผู้ถูกเลือก ความรู้สึกเสียใจที่เอ่อล้นกับความเจ็บใจที่ตนไม่สามารถช่วยผู้คนทั้งหลาย
ที่กำลังทำเพื่อเธอได้มันพรั่งพรูออกมาผ่านน้ำตานั่น
ท่านเทพสามภพที่มองดูอยู่ตลอดก็นึกเห็นใจเจ้าพวกมนุษย์ขึ้นมาจับใจ ในฐานะมารดาของทั้งสามเผ่าการที่ต้องมาเห็นลูกๆของตน
เข่นฆ่ากันเองนางก็ทำใจไม่ได้มานานแสนนานเหมือนกัน และในบรรดาเผ่าทั้งสาม ...ลูกที่นางรักมากที่สุดก็คือเผ่ามนุษย์
เผ่าที่รักสันติที่สุดและยอมเสียสละเพื่อพวกพ้องของตนเองได้มากที่สุดอย่างที่เผ่าอื่นทำไม่ได้
แม้ว่าทุกๆเผ่าต่างก็มีข้อเสียของตัวเองไม่ว่าจะเป็นปิศาจที่มักจะเห็นแก่ตัวจนเกินไป กับเทพที่มักจะหยิ่งผยองมากจนเกินไป แต่เผ่ามนุษย์ที่มีนิสัยเสียตรงความละโมบโลภมากก็สามารถกลับใจและพร้อมที่จะทำเพื่อผู้อื่นได้เสมอ ถึงมันจะไม่ใช่กับทุกคนแต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนั้น
สิ่งที่เด็กน้อยคนนั้นเพิ่งกระทำก็เป็นหลักฐานชัดเจนอยู่ตรงหน้าของนาง
นิ่งไปสักพัก..ท่านเทพสามภพที่แม้จะช่วยทำตามคำขอของเจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือกตรงหน้าไม่ได้ แต่นางก็มีข้อเสนอ...
“เจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือก ถึงข้าจะช่วยให้เจ้ากลับมาอีกไม่ได้
แต่ข้ามีหนทางที่จะทำให้เจ้าช่วยพวกเพื่อนพ้องของเจ้าได้ ว่าแต่....เจ้ายินดีที่จะทำตามนั้นรึไม่?”
.................................................................................................................................................................................................................
....ท่ามกลางบรรยากาศรอบๆในยามค่ำคืนอันเงียบสงบ ณ ทะเลสาบที่ใช้จัดพิธีไตรเวทย์อันแสนศักดิ์
ร่างของบุคคลผู้นึงที่นอนสลบอยู่ที่ลานพิธีกำลังเริ่มรู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพมึนงง
นี่ฉัน...ยังไม่ตายหรือนี่?? ช่วงเวลาก่อนที่เราจะสลบไป เราจำอะไรไม่ค่อยได้เลยแฮ่ะ
รู้แต่....เราใช้ดาบฆ่าพวกปิศาจไปเรื่อยๆ ....เฮ! เดี๋ยว!!! แล้วพวกปิศาจหล่ะ!! แล้วพวกมารที่บุกเข้ามาหล่ะ!!
....คิดได้ดังนั้น เซ็ตซึนะที่สลบไปนานก็สะดุ้งลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที
องครักษ์สาวมองไปรอบตัวมีเพียงแค่ป่าและทะเลสาบที่อยู่ในความมืดเท่านั้น แล้วพวกปิศาจมันหายไปไหน??
และแทนคำตอบนั่น ร่างไร้วิญญาณของพวกปิศาจที่กองสุ่มกันอยู่ก็บอกได้เป็นอย่างดี และด้วยบรรยากาศรอบๆมันเงียบสงบจนเกินไปจนไม่น่าเชื่อว่าเธอพึ่งเผชิญกับฝูงปิศาจนับหมื่นมาหมาดๆ
เซ็ตซึนะที่ตื่นขึ้นมาก็ได้แต่แปลกใจและพยายามหาคำตอบกับทุกๆอย่างรอบกายที่ดูเรียบร้อยซะจนเหมือนกับมันไม่มีอะไรเกินขึ้น
และเมื่อก้มลงมองดูสภาพของตัวเองก็พบว่าตัวเธอไม่มีบาดแผลอะไรอยู่เลย ไม่รู้สึกเจ็บด้วย!
ร่างกายอยู่ในสภาพปกติทุกอย่าง! แต่เสื้อผ้านั้นขาดวิ่นจนเหลือแต่กางเกงฝึกดาบกับผ้าคาดอกเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพดีอยู่
และแล้วผู้ที่เฝ้าดูอาการของเซ็ตซึนะมานานก็จะเป็นผู้เฉลยคำตอบให้
“ท่านเทพ....”
“ท่านหัวหน้าเผ่าปักษา นี่มัน..นี่มันเกิดอะไรขึ้น?? แล้วพวกปิศาจพวกนั้นหล่ะ? ทำไมมันถึงได้ล้มตายไปหมดอย่างนี้?”
“นี่ท่านเทพ....จำอะไรไม่ได้เลยรึ?”
“เห??~~”
....หัวหน้าเผ่าปักษาที่อาการบาดเจ็บยังปรากฏให้เห็นอยู่เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็ได้แต่ทำหน้างงงัน
ก่อนที่มันจะเล่าในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วให้ฟัง
“หลังจากที่ท่านเทพดื่มเลือดของเจ้ามนุษย์ลูกเสี้ยวนั่น ร่างกายของท่านก็เปลี่ยนไปกลายไปเป็นร่างของจอมมารเต็มตัว ในยามนั้นตัวทั้งตัวของท่านมีผิวกายสีแดงพร้อมๆกับรอยสักยันต์สีดำและทอง ท่านอาละวาดฆ่าพวกปิศาจนั่นอยู่บนท้องฟ้าพลางหัวเราะสะใจออกมาไม่หยุด ท่านต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าตอนนั้นท่านเก่งกาจมากถึงเพียงใดและน่ากลัวมากสักขนาดไหน เพราะทุกกระบวนท่าดาบที่ท่านใช้ฆ่าพวกปิศาจได้เป็นร้อยๆตนแถมพวกมันก็กลัวท่านเทพซะจนไม่กล้าขยับหนีไปไหนด้วย ท่านสังหารพวกมันไปจนหมดในเวลาไม่ถึงชั่วยามเดียว ท่านรู้ตัวรึเปล่า??”
“...วะ..ว่าไงน่ะ? ข้าเนี้ยน่ะ? จัดการกับไอ้พวกปิศาจที่มากมายอย่างนั้น!?”
“ใช่.....แล้วพอท่านจัดการพวกมันจนหมด ท่านก็หมดสติร่างร่วงลงมากลางอากาศ ข้าก็เลยอุ้มร่างของท่านมาที่นี่ยังไงหล่ะ”
“เหรอ...แล้ว..อายะจัง. อายะจังหล่ะ?? โคโนจังด้วย!! พวกเขาเป็นยังไงบ้าง??”
...พูดจบเซ็ตซึนะก็หันไปมองเหนือลานพิธีไตรเวทย์ซึ่งก็ยังมีร่างของโคโนกะลอยอยู่ องครักษ์สาวรู้สึกโล่งใจที่โคโนจังของเธอยังปลอดภัยและยังดำเนินพิธีไตรเวทย์ต่อไปอยู่ แต่พอเธอหันซ้ายหันขวาจะหาอายะจัง ก็พอร่างของเด็กน้อยที่นอนอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นดังนั้นองครักษ์สาวรีบเข้าไปดูอาการขององค์หญิงน้อยของตนทันที..
“...อายะ...จัง...”
...เซ็ตซึนะที่เห็นร่างน้อยๆไม่ไหวติงก็ถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก ตัวทั้งตัวเย็นวาบช็อคสุดขีดกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ร่างของอายะจัง
ที่หัวไหล่ของเด็กน้อยยังมีลูกธนูปักอยู่และมีเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือตรงปีกซ้ายปีกน้อยๆสีขาวนั้น
แม้มันจะถูกเลือดสีแดงอาบไว้จนแทบจะมองไม่เห็นแต่มันต้องเป็นรอยเขี้ยวแน่ๆ
เซ็ตซึนะตะลึงกับบาดแผลตรงปีกนั้นแล้วเอื้อมมือไปจับที่ฟันเขี้ยวของตนเอง
เขี้ยวของเธอที่มันเคยงอกอยูมันหดกลับไปแล้วแต่...มันยังมีเลือดติดอยู่ที่ริมฝีปาก
เลือดที่เธอใช้นิ้วแตะดูมันต้องไม่ใช่ของเธอแน่ๆ แต่มันเป็นของอายะจังเด็กน้อยที่ยังนอนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเธอ
เซ็ตซึนะที่รู้สึกขวัญเสียยิ่งกว่าเก่ารีบเข้าไปกอดและเขย่าตัวปลุกองค์หญิงน้อยเบาๆทันที..
“อายะจัง ..ได้ยินพี่ไหม? อายะจัง...”
แต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากร่างน้อยๆเลย! ใบหน้าที่ซีดเผือกของอายะจังมันยิ่งทำให้เซ็ตซึนะหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
เธอรีบเข้าไปเช็คชีพจรของอีกฝ่ายทันที หัวใจของอายะจังยังคงเต้นอยู่บ้างแต่มันก็อ่อนซะจนเซ็ตซึนะเองยังแทบหาไม่เจอ
แต่นั่นก็แสดงว่ามันยังไม่สิ้นหวังนี่น่ะ! องครักษ์สาวที่ยังไม่ยอมแพ้รีบลนลานเรียกหาจอมเวทย์ของสหพันธ์ที่อยู่ที่ริมทะเลสาบทันที
“นี่!!! มีใครใช้เวทย์รักษาเป็นบ้าง!!! ช่วยมาดูเด็กคนนี้ด้วยเด็กคนนี้กำลังจะ....กำลังจะ....”
แต่เซ็ตซึนะที่หันไปมองรอบๆก็ต้องอึ้งเมื่อพบแต่ความว่างเปล่า เหล่าจอมเวทย์ทั้งหลายที่มีอยู่ล้วนล้มตายหรือไม่ก็สลบไปจนหมด!
ที่เธอเห็นอยู่อีกริมฝั่งนึงก็มีเพียงท่านพี่โมโตโกะของเธอที่นั่งพักอยู่ในสภาพร่อแร่กับอ.ทาคาฮาตะที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกันเท่านั้น
พอจะหันไปหาพวกทัตสึมิยะเผื่อว่าทางนั้นจะมีหนทางช่วยเธอบ้าง สหายของเธอก็ล้วนแต่นอนหายใจหอบแฮ่กทั้งสองคนพร้อมๆกับ
บาดแผลเต็มร่างกาย! นี่!! ไม่มีใครช่วยอายะจังได้อีกแล้วหรือนี่!!
และหัวหน้าปักษาเองที่ดูอยู่ตลอดก็มองอีกฝ่ายหน้าเศร้า มันพูดกับท่านเทพของมันด้วยเสียงที่ถ่ายทอดแสดงความเสียใจอย่างที่สุดออกมาว่า
“ไม่มีประโยชน์หรอกท่านเทพ พวกเขาล้วนต่างไม่ได้สติกันไปหมด และข้าเองก็ไม่กล้าเคลื่อนเจ้าลูกเสี้ยวนี่ไปไหนเพราะว่ามันอาจจะกระเทือนไปถึงลูกธนูที่ยังปักอยู่ด้วยทำให้รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าเดิม แล้วพวกข้าก็ลองตระเวนไปหาหมอแถวนี้มาแล้ว...แต่มันก็ไม่มีใครที่ไหนสักคน...พวกข้าเสียใจด้วยจริงๆ”
“ไม่...ไม่จริงใช่ไหม? มันยังมีความหวังสิ?? ต้องมีคนที่รักษาอายะจังได้แน่ๆ! อายะจังอุตส่าห์ไว้ใจฉันแล้วน่ะ!! ฉันต้องไม่ทำให้อายะจังตายสิ!!! อายะจังต้องรอดสิ!! ท่านหัวหน้าเผ่าปักษา!”
“หักห้ามใจเถอะท่านเทพ เจ้าลูกเสี้ยว.....คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วหล่ะ....”
...ด้วยคำพูดนั่น เซ็ตซึนะอยากจะประกาศก้องปฏิเสธว่ามันเป็นการโกหก
แต่ร่างน้อยๆที่เธอกอดอยู่นั้นตัวเย็นเฉียบมันก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ใช่
องครักษ์สาวที่มององค์หญิงน้อยที่กำลังจะตายในอ้อมแขนก็เริ่มที่จะร้องไห้ เธอซุกใบหน้าไปยังร่างน้อยๆที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วปล่อยโฮออกมาทันที
“ไม่~~~ ไม่จริง~~~ องค์หญิงน้อยอย่าจากหม่อมฉันไปสิเพค่ะ องค์หญิงน้อยต้องอยู่กับหม่อมฉันก่อน ไหนบอกว่าจะไปอยู่ด้วยกันกับหม่อมฉันยังไงหล่ะเพค่ะ? หม่อมฉันอยู่นี่แล้วไงอย่าทิ้งหม่อมฉันไปอีกคนสิเพค่ะ องค์หญิงของหม่อมฉันก็จากไปแล้วอย่าทำอย่างนี้อีกคนสิเพค่ะ!~ ฟื้นสิเพค่ะองค์หญิงอายะ!!”
.....เซ็ตซึนะที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดกอดร่างน้อยๆของอายะจังไว้แน่น นึกเสียใจที่ตนทำให้องค์หญิงน้อยตรงหน้ากำลังจะต้องตายจากไปตลอดกาล
เด็กน้อยที่ต้องมาตายเพราะความเป็นมารในตัวเธอ ถ้าเธอไม่กระหายที่จะดื่มเลือดของอีกฝ่ายจนใช้เขี้ยวของตนเองกัดลงไปอีกรอบ
อายะจังก็อาจจะไม่ตายก็ได้ แต่พอนึกอยากจะย้อนเวลากลับไปมันก็เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เสียแล้ว
อายะจังกำลังจะตายด้วยน้ำมือของเธอเองไม่ใช่ใครหรือปิศาจใดๆตนอื่น แต่เป็นเธอ ...องครักษ์ประจำตัวขององค์หญิงน้อยตรงหน้าเท่านั้น!!
....และอยู่ๆเซ็ตซึนะที่กำลังนั่งกอดร่างของอายะจังก็สัมผัสได้ถึงมือของใครคนนึงมาจับแก้มของเธอเอาไว้
และเมื่อองครักษ์ที่กำลังเสียใจเงยหน้าขึ้นมา เธอก็ต้องตกใจจนเบิกตาโพลง
รอยยิ้มที่เจ้าของมือนั่นมอบให้เธอมันช่างดูอบอุ่นและอ่อนโยนซะเหลือเกิน
และแล้วเจ้าของรอยยิ้มนั่นก็พูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย....ชวนให้เซ็ตซึนะรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก
“อย่าร้องไห้เลยน่ะเซ็ตจัง อายะจังจะต้องไม่ตายแน่ๆ...ฉันรับรอง..”
..โคโนกะที่มาจากไหนก็ไม่รู้พูดและยิ้มให้อีกฝ่ายพลางใช้พลังเวทย์รักษาร่างน้อยตรงหน้า ไม่เพียงเท่านั้นพลังเวทย์แห่งการรักษายังแผ่ซ่านเป็นแสงส่องไปยังเผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆโดยทั่ว ทำให้พวกเขาที่บาดเจ็บหายกลับมาไร้ซึ่งบาดแผลใดๆดั่งเดิม และผ่านไปสักพักร่างของอายะจังที่เดิมเย็นเฉียบก็เริ่มอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ลูกธนูที่ปักอยู่ที่หัวไหล่ซ้ายก็สลายหายไป ใบหน้าจากเดิมที่ซีดเผือกจนแทบไม่มีเลือดก็กลับมาเป็นสีขาวอมชมพู
องครักษ์สาวมองการรักษานั้นด้วยความดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้จะไม่เข้าใจว่าโคโนจังของเธอกลับมาได้ยังไง
..เพราะเธอคิดว่าผู้ถูกเลือกจะต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้วซะอีก แต่เธอที่เห็นว่าอายะจังไม่ต้องตายแล้วก็เลยไม่นึกถึงเรื่องอื่น
นอกจากลองเขย่าปลุกอายะจังขึ้นมาอีกครั้งและเด็กน้อยที่เพิ่งเฉียดตายก็ทำท่าสะลึมสะลือก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“อายะจัง....”
...เด็กน้อยที่เพิ่งฟื้นขึ้นมามองไปรอบๆกายด้วยความเหนื่อยอ่อน เธอเห็นทั้งพี่เซ็ตซึนะและพี่โคโนกะที่กำลังเฝ้ามองเธออยู่
แม้ใจของเด็กน้อยจะมีคำพูดมากมายแต่ด้วยเรี่ยวแรงที่เธอมี อายะจังทำได้ก็เพียงยิ้มให้และร้องเรียกพี่ๆของเธอทั้งสองคนเท่านั้น
“พี่เซ็ตซึนะ....พี่โคโนกะ...”
.....ทันทีที่ได้ฟังเซ็ตซึนะหัวเราะด้วยความดีใจทั้งน้ำตาทันที
โคโนกะเองก็เอื้อมมือไปลูบหัวเด็กน้อยที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาพลางยิ้มให้และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า
“ยินดีต้อนรับกลับจ๊ะ อายะจัง...”
เซ็ตซึนะเองที่ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกก็หันมามองโคโนจังที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำว่าขอบคุณ
โคโนกะที่มองอีกฝ่ายเช่นกันก็ไม่ทำอะไรอื่นนอกจากยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนอย่างเช่นทุกครั้ง
เซ็ตซึนะที่ตอนนี้มีความสุขเป็นล้นพ้นก็ยิ้มตอบก่อนจะหันหน้ามาคุยกับอายะจังที่อยู่ในอ้อมกอดว่า
“อายะจังกลับมาแล้ว~ กลับมาหาพี่แล้ว~ ไม่ตายแล้ว!~~ ดี......ดีจริงๆ”
....พูดไปเซ็ตซึนะก็มีน้ำตาไหลออกมาอีกรอบแต่คราวนี้มันเป็นน้ำตาของความดีใจ
อายะจังที่มองหน้าพี่เซ็ตซึนะของเธอที่กำลังร้องไห้ก็ทำหน้างงๆ ก่อนจะถามอีกฝ่ายด้วยท่าทางไร้เดียงสาว่า
“พี่เซ็ตซึนะร้องไห้ทำไมเหรอค่ะ? แล้วใครจะตายเหรอ?? แล้วพวกปิศาจมันหายไปไหนกันหมดหล่ะ?”
“อายะจังจ๊ะ~ เรื่องนี้เอาไว้ค่อยถามเซ็ตจังทีหลังแล้วกันน่ะ ตอนนี้อายะจังยังเหนื่อยเกินไปต้องพักผ่อนก่อน~~ เอาอย่างนี้..ไปพักที่เต้นท์ของพี่ก่อนก็ได้~~”
.....โคโนกะที่พูดไปแล้วลูบหัวของเด็กน้อยอีกครั้งอย่างแผ่วเบา เซ็ตซึนะเองก็เห็นด้วย
อายะจังที่ยังเด็กเกินไปไม่ควรมารู้ความจริงที่เกิดขึ้นแถมท่าทางอายะจังเองก็ยังเพลียๆอยู่ด้วย
และหัวหน้าปักษาที่เป็นอีกผู้เดียวที่ยังมีสติและลุกขึ้นได้ก็อาสาตนขึ้นมา
“ข้า....จะพาเจ้าลูกเสี้ยวไปเอง ท่านไม่ต้องห่วงไปหรอกน่ะ ท่านเทพ”
....เซ็ตซึนะก็พยักหน้าให้พลางพูดขอบคุณอีกฝ่าย แล้วเธอก็ปล่อยให้หัวหน้าเผ่าปักษาพาอายะจังไปพักที่เต้นท์
ตอนนี้เหลือแค่เพียงเธอและองค์หญิงของเธอที่อยู่ตรงลานพิธีเท่านั้น... ทั้งสองมองดูอายะจังที่ถูกพาออกไปแล้วสักพักผู้ถูกเลือกก็พูดขึ้น
“เซ็ตจังจ๊ะ.....ขอบคุณที่ทำเพื่อฉันมาตลอดน่ะ~”
....เซ็ตซึนะที่ได้ฟังแม้จะงงๆที่อยู่ๆอีกฝ่ายพูดกับตนเช่นนั้น แต่เธอก็ยิ้มรับคำพูดนั่นด้วยความยินดี
ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้และกระชับมันไว้ มือที่จับอีกฝ่ายแน่นนั่นมันส่งผ่านความรู้สึกต่างๆมากมายที่เธอมีให้กับโคโนจังมาตลอด ...ตั้งแต่ได้เจอหน้ากับโคโนจังเป็นครั้งแรก เซ็ตซึนะมองไปยังมือที่เธอจับอยู่สักพักก่อนจะหันมาพูดกับองค์หญิงที่อยู่เบื้องหน้าว่า..
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกน่ะ เพราะว่าทุกอย่างที่ฉันทำให้โคโนจัง ฉันทำให้ด้วยความเต็มใจ ถ้าชีวิตนี้ฉันไม่ได้พบ..ไม่ได้เจอกับโคโนจังแล้วหล่ะก็ ฉันคงจะเป็นแค่คนไร้ค่าที่จมไปกับความทุกข์และมืดมนไปแล้ว โคโนจังเป็นเหมือนไฟที่ส่องนำทางฉันมาตลอดเลยน่ะรู้ไหม? ฉะนั้นคำว่าขอบคุณนั่น..ฉันขอคืนให้กับโคโนจังจะดีกว่า ขอบคุณน่ะโคโนจัง...ขอบคุณที่มารักคนอย่างฉัน..และไว้ใจฉันมาตลอด”
....โคโนกะเองที่ได้ฟังก็เริ่มจะมีน้ำตารื้นออกมา
แต่เธอที่ยังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ก็ไม่อยากให้ความจริงมาทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขครั้งสุดท้ายของเธอไป
โคโนกะตัดสินใจเอามือที่ถูกกุมอยู่ไปลูบแก้มองครักษ์ของเธออย่างรักใคร่แทน เธอมองคนรักตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยมีไปให้โดยไม่ปิดบัง
พลางพูดตอบอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกจริงจากใจว่า
“งั้นฉันก็ขอบคุณที่เซ็ตจังรักฉันเหมือนกัน ... และก็...ฉันขอโทษน่ะที่ทิ้งเซ็ตจังไปในวันนั้น ตอนนั้นคงแค้นฉันมากๆเลยใช่ไหม?”
เซ็ตซึนะส่ายหน้าให้ช้าๆเป็นการปฏิเสธ ก่อนจะเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง
มือเขาไปลูบผมของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนและพูดกับองค์หญิงในอ้อมกอดว่า
“แต่โคโนจังกลับมาอยู่กับฉันเหมือนเดิมแล้วนี้ ฉันลืมมันไปหมดแล้วหล่ะ ที่รักของฉันกลับมาแล้ว”
แล้วเซ็ตซึนะก็ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นสุข ทว่าโคโนกะที่เริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาก็ผลักเซ็ตจังของเธอให้นอนลงไป
แล้วเธอก็นอนพิงไปที่ไหล่ของเซ็ตจังตาม เธอกอดร่างองครักษ์สาวที่นอนข้างเธอไว้แน่น
สายตาของผู้ถูกเลือกเหม่อมองไปที่พระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าด้วยความเศร้าสร้อย.....และองครักษ์สาวเองก็แหงนหน้ามองดูมันเช่นกัน
“เซ็ตจังจ๊ะ~”
“มีอะไรเหรอโคโนจัง?”
“ตอนนี้..ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินล่ะ.....ขอนอนอยู่อย่างนี้สักพักจะได้ไหม?”
“อืมเอาสิ...ฉันก็รู้สึกเหนื่อยมากๆเหมือนกัน ร่างกายมันล้าไปหมดเลย”
“เหรอ?~ ไม่เคยเห็นเซ็ตจังบ่นถึงเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยน่ะ~”
“อย่างงั้นเหรอโคโนจัง? สงสัยวันนี้มันคงจะเป็นวันที่หนักที่สุดในชีวิตของฉันแล้วหล่ะ”
“นั่นสิน่ะ.....ว่าแต่ คืนนี้พระจันทร์สวยมากๆเลยน่ะเซ็ตจัง สีของมันน่ากินเนอะ~ เหมือนไอศกรีมรสวนิลาเลย~”
“ฮ่ะๆๆ พูดอย่างนี้แสดงว่าโคโนจังหิวละสิท่า แต่ฉันว่าพระจันทร์ข้างฉันมันน่ากินกว่าน่ะ~”
....โคโนกะยิ้มให้กับคำพูดนั่นก่อนหันตัวเองมาซุกใบหน้าให้ใกล้ชิดอีกฝ่ายมากกว่าเดิม
เซ็ตซึนะที่นอนมองดูโคโนจังที่กำลังนอนพิงเข้ามาใกล้ก็ยิ้มให้และกอดร่างของโคโนจังเข้ามาด้วยความยินดี
ก่อนจะหันไปมองพระจันทร์ที่ลอยเด่นตรงหน้าต่อ คืนนี้พระจันทร์มันก็สวยและงดงามอย่างที่โคโนจังบอกจริงๆ
แต่มันดูเศร้าๆยังไงไม่รู้เหมือนกันน่ะ เอ้ย...ไม่น่า คิดมากไปแล้วเรา และสักพักเซ็ตซึนะก็ถามอีกฝ่ายขึ้นว่า..
“ว่าแต่ว่าน่ะ...โคโนจัง...”
“จ๊ะ?”
“โคโนจัง ...ทำพิธีไตรเวทย์สำเร็จแล้วเหรอ?”
“อื้ม!~...เสร็จเรียบร้อยแล้ว พลังไตรเวทย์กลับมาสมดุลเหมือนเดิมแล้วหล่ะ”
“เหรอ~ แล้วโคโนจังไม่ต้องไปเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้วใช่ไหม...ไม่อย่างนั้นโคโนจังคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก”
“จ๊ะ~~ ด้วยความเมตตาจากท่านเทพสามภพ ฉัน....................ไม่ต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้วหล่ะ”
“จริงๆเหรอ? ดี...ดีที่สุดเลยหล่ะโคโนจัง! เราจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆซะที ”
....เซ็ตซึนะที่ได้ฟังนั้นหัวใจก็สุดแสนที่จะลิงโลด นี่โคโนจังไม่ต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้ว!!...ช่างดีอะไรอย่างนี้
ต่อแต่นี้ต่อไป พวกเราก็คงไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้วน่ะสิ...ด้วยเซ็ตซึนะที่กำลังดีใจอย่างที่สุดก็เผลอยิ้มออกมาจนแสดงออกบนใบหน้า โคโนกะที่เหลือบไปมองเห็นก็ยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มของความเศร้า
เธอที่ยังนอนพิงไหล่ขององครักษ์ของเธอต่อก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมา แล้วอยู่ๆร่างกายของเธอก็รู้สึกวูบๆ ดวงตาที่มองดูพระจันทร์อยู่ก็ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ ลมหายใจที่เข้าออกอยู่ก็เริ่มชะลอช้าลงไปเรื่อยๆ...สติของตัวเองใกล้ที่จะหลุดลอยออกไป นี่....ถึงเวลาแล้วเหรอ? ทำไมมันเร็วอย่างนี้?
“เซ็ตจังจ๊ะ.........ฉัน.....”
...โคโนกะที่รู้ว่าเวลาของตนใกล้จะหมดลงก็เข้ามากอดองค์รักษ์ของเธอไว้แน่นแล้วพยายามรวบรวมเสียงที่มีอยู่เพื่อที่จะเปล่งคำพูดออกมา...แต่ร่างกายของเธอก็เริ่มหนักขึ้นทุกทีๆ ในสติสัมปะชัญญะของตนเริ่มไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงหัวใจของตนที่กำลังเต้นช้าลงเท่านั้น และเซ็ตซึนะเองที่เริ่มตกใจกับอาการนั่นก็หันมามองโคโนจังของเธอที่เริ่มมีท่าทางแปลกๆ ทว่า..โคโนกะที่เริ่มจะลืมตาไม่ขึ้นก็มีแต่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด หัวใจกำลังร่ำร้อง
อ้อนวอนของเวลาให้เธออีกสักนิด
ไม่น่ะ!~ ยะ..อย่าเพิ่งน่ะ ฉะ..ฉันขอร้อง อีกแค่คำเดียว.....คำเดียวเท่านั่น!....ร่างกายของฉัน..อดทนอีกนิดเถอะน่ะ...
“ฉัน............รัก...........................ซะ...”
“.......................”
“???????”
...อนิจจา..ผู้ถูกเลือกที่ยังพูดคำที่ต้องการเอ่ยออกมาไม่ทันจะจบ สติของเธอก็กลับดับวูบลงไปเสียก่อน
ดวงตาที่พยายามฝืนให้ลืมขึ้นมาก็ค่อยๆปิดลงไป มือที่กอดองค์รักษ์ของเธอไว้แน่นก็ค่อยๆคลายออก
ใบหน้าตอนนี้กลับนิ่งสนิทมีเพียงคราบน้ำตาที่ไหลอยู่ข้างแก้มเท่านั้น พร้อมๆกับความคิดที่ผุดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
เธอคำที่ตั้งใจจะพูดว่า “ฉันรักเซ็ตจัง” แต่เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาบอกกับคนรักของเธอได้จนจบ
มันเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดท้าย เพียงแค่เวลาอีกไม่กี่วิพระเจ้าก็มอบให้เธอไม่ได้....
...แล้วเซ็ตซึนะที่เห็นโคโนจังของเธออยู่ๆก็หลับตานิ่งเสียอย่างนั้นอย่างนั้นก็เริ่มใจไม่ดี....
ตัวแข็งทื่อความรู้สึกชาแผ่ไปทั่วตัว ใบหน้าของเธอเริ่มซีดเผือกกับอาการที่นิ่งสนิทขององค์หญิงที่อยู่ตรงหน้า..
“โคโนจัง.... ”
“................................................”
“โคโนจังเป็นอะไรไปหน่ะ? โคโนจัง......ตอบฉันสิ”
“.....................................”
...เมื่อไม่มีคำตอบกลับมาเซ็ตซึนะที่เริ่มตื่นตะลึงกับร่างที่นิ่งสนิทนั่นก็ทะลึ่งลุกขึ้นมาปลุกองค์หญิงที่นอนอยู่ข้างกายทันที
ด้วยท่าทางร้อนรน...ใจก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับอาการของหญิงสาวตรงหน้า...
ทำไม? ทำไมอยู่ๆโคโนจังถึงนิ่งไปแบบนี้หล่ะ? ..หรือว่ามันจะเป็นอาการของเจ้าหญิงนิทรา????
“โคโนจัง!~ โคโนจัง!!~~ เป็นอะไรไปหน่ะโคโนจัง!!!~ ก็...ก็ไหนบอกว่าโคโนจังบอกว่าโคโนจังไม่ต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม......”
...แล้วความคิดอันน่ากลัวอย่างนึงที่ผุดขึ้น ความคิดที่เธอไม่อยากจะให้มันเป็นจริงแม้เพียงนิด!~
เซ็ตซึนะหันไปกอดร่างที่สลบข้างๆตนให้ใกล้เข้ามาพลางเอื้อมมือตัวเองไปอังที่จมูกของอีกฝ่ายเอาไว้.....แล้วสิ่งที่นึกกลัวก็เป็นจริง!!
ตอนนี้องค์หญิงของเธอไม่หายใจแล้ว! ใบหน้าที่นิ่งสงบของอีกฝ่ายในอ้อมกอดพาเอาเซ็ตซึนะตัวเย็นวาบ
เธออึ้งมองดูร่างของโคโนจังที่อยู่ตรงหน้าจนเริ่มที่จะทำอะไรไม่ถูก...
“คะ......โค.........โคโนจัง......”
“.........................”
“โคโนจังที่รักของฉัน อย่างนิ่งไปแบบนี้สิ นี่โค...โน......”
เซ็ตซึนะที่รู้ความจริงก็เริ่มที่จะรับไม่ได้ หญิงสาวตรงหน้าเธอได้สิ้นลมไปแล้ว! คนรักของเธอตายไปแล้ว!!
โคโนจัง....ตาย!?? ตายแล้ว?? ได้ยังไง? ก็...ก็...ไหนบอกว่าพิธีนี้มันทำให้เป็นเจ้าหญิงนิทราเท่านั้นไม่ใช่เหรอ???
แล้ว...แล้วนี้มันอะไรกัน??? และเซ็ตซึนะที่มองร่างที่ไม่ไหวติงตรงหน้าก็มีคำถามผุดขึ้นมาในใจมากมาย
เธอมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยอาการสับสน แต่ด้วยใบหน้าของโคโนจังที่มีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ก็พอที่จะทำให้องครักษ์สาวเดาเรื่องราวเอาได้ทันที ....ทำไม..ทำไมฉันถึงไม่นึกเอะใจเลยน่ะ!!!!
“โคโนจัง!~ ที่โคโนจังบอกว่าไม่ต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้วก็เพราะอย่างนี้ใช่ไหม?? เพราะกลับมาช่วยฉัน!! กลับมาช่วยอายะจัง! โคโนจังก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้!! โธ่เว้ย!!! ทำไมฉันมันถึงโง่แบบนี้น่ะ!! ก็อยู่ๆโคโนจังจะกลับมาเฉยๆได้ยังไงหล่ะ!!~ มันต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกับการกลับมาสิน่ะ!! ใช่ไหมโคโนจัง!~
โคโนจังยอมตายเพื่อแลกกับการกลับมาช่วยพวกเราใช่ไหม?”
...ด้วยใบหน้าของโคโนกะที่ยังนิ่งสงบอยู่ต่อไปทำเอาองครักษ์สาวที่ปะติปะต่อเรื่องราวได้ถูกต้องก็เริ่มที่จะร้องไห้
ทำไมหล่ะโคโนจัง? ฉันอุตส่าห์ทำใจเรื่องที่พวกเราจะต้องพรากจากกันด้วยการนิทราไปแล้ว
ฉันยินดีที่จะนอนข้างกายโคโนจังแล้วเข้าไปอยู่ในฝันของโคโนจังตลอดกาลเลยน่ะ แล้วนี่มันอะไร? ทำไมโคโนจังต้องมาตายหล่ะ?
“เมื่อกี้โคโนจังยังพูดไม่จบเลยนี่น่า! โคโนจังตั้งใจจะพูดอะไรกับฉันไม่ใช่เหรอ? ตื่นขึ้นมาสิ!! ฉันรอฟังอยู่น่ะ!! ฉันอยากให้โคโนจังพูดให้ฉันฟังทุกวันเลยได้ยินไหม?! หรือไม่ก็กลับมาเพื่อฟังฉันพูดเองก็ได้! มาฟังฉันบอกว่าฉันรักโคนัจงยังไงหล่ะ!! น่ะโคโนจัง~ โคโนจังรับปากไว้แล้วนี่ว่าจะให้ฉันเลือกว่าจะให้โคโนจังเป็นยังไง! แล้วฉันก็จะเลือกให้โคโนจังฟื้นขึ้นมา...ได้ยินไหมโคโนจังฟื้นขึ้นมาสิ!~ กลับมาอยู่กับฉันเถอะน่ะ~ จะทิ้งฉันไปจริงๆอย่างนั้นน่ะเหรอ? ไม่เอาน่ะโคโนจัง.....อย่าทำแบบนี่สิ ได้โปรดอย่าทำแบบนี้!~~ จะให้ฉันทำอะไรก็ยอมทั้งนั้นขอเพียงโคโนจังกลับมาเท่านั้น น่ะ~ โคโนจัง !~~ ”
.....ทว่า..ไม่ว่าเซ็ตซึนะจะพยายามปลุกอีกหญิงสาวในอ้อมกอดมากขนาดไหน ร่างนั่นก็ไม่มีปฏิกิริยาและไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลยนั่นก็เพราะ
ร่างองค์หญิงตรงหน้าของเธอเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณไปเสียแล้ว
....ไม่มีโคโนเอะ โคโนกะอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป.....ตลอดกาล
..........และแล้วจิตใจของเซ็ตซึนะก็ต้องกลับมารู้สึกถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ความเศร้าเสียใจอันมาจากการจากไปของคนรักมันถาโถมเข้ามาในหัวใจขององครักษ์สาวอย่างสมบูรณ์
สมองของเธอเริ่มว่างเปล่าไม่อยากยอมรับกับความจริงตรงหน้า จิตใจของเธอกำลังถูกทำลายและแตกสลายหายไปจากเธอไปอย่างสมบูรณ์
เธอรู้ว่าเรียกอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมายังไงก็ไม่มีประโยชน์เพราะยังไงคนที่ทำให้โคโนจังต้องเป็นอย่างนี้ต้องเป็นท่านเทพสามภพแน่ๆ
ใจของเธอที่เมื่อกี้มันฉาบไปด้วยสีดำอันมืดมิดที่เกิดมาจากการสิ้นหวังเริ่มกลับมาโหมกระหน่ำด้วยไฟแห่งความโกรธแค้นอีกครั้ง
เซ็ตซึนะที่รับการจากไปของคนรักของตนไม่ได้ก็ร้องเรียกตะโกนท่านเทพสามภพที่น่าจะเป็นผู้พรากโคโนจังไปจากเธอทันที!!
“ท่านเทพสามภพ!!!!!!! ท่านอยู่ที่ไหน??????? ออกมาเดี๋ยวนี้น่ะ!!!!! ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!!! ข้ารู้น่ะว่าท่านยังอยู่แถวนี้!!! ท่านเทพสามภพ!!! ท่านเอาชีวิตของโคโนจังไปทำไมกันเล่า?? ท่านเป็นแม่ของพวกเราทั้งสามเผ่าเลยไม่ใช่หรือไง?? ทำไมท่านทำกับโคโนจังของข้าแบบนี้!!! เอาคืนมาน่ะ!!! เอาชีวิตโคโนจังของข้าคืนมา!!!! เอาองค์หญิงของข้าคืนมา!!!!!!!”
......เซ็ตซึนะที่ร้องเรียกหาท่านเทพสามภพสุดเสียงแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกๆคนที่มองดูเซ็ตซึนะอยู่ก็ได้แต่เสียใจและสงสารอีกฝ่ายอย่างที่สุด
เพราะตอนนี้องครักษ์สาวร้องตะโกนเรียกหาท่านเทพเยี่ยงคนบ้า เธอร้องเรียกหาอีกฝ่ายสุดเสียงอย่างไม่มีหยุดหย่อนจนเสียงแหบแห้ง อ้อมแขนที่ยังกอดโคโนกะเอาไว้แน่นก็กระชับร่างบางๆเข้ามาใกล้แล้วก็สะอึกสะอื้นไห้
อายะจังเองที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดตั้งแต่ที่พี่เซ็ตซึนะของเธอตะโกนออกมาก็นึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ
...แม้เด็กน้อยจะยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น..แต่ดูเหมือนพี่โคโนกะที่นิ่งไปนั้นมันจะทำให้พี่เซ็ตซึนะเสียใจเป็นอย่างมาก..
“ท่านเทพสามภพ!!!~ ท่านเป็นเทพภาษาอะไรทำไมถึงไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย!!! โคโนจังของข้าไปทำความผิดอะไรทำไมท่านถึงพรากชีวิตของโคโนจังได้ลงคอแบบนี้!! ทำไมไม่เอาชีวิตของข้าไปแทนเหล่า?? ข้าเป็นจอมมารน่ะ!!~ ฆ่าปิศาจนับร้อยนับพันได้โดยไม่รู้สึกสำนึกเลยสักนิด!! ข้าต้องสมควรที่จะตายสิไม่ใช่นาง!! ได้ยินไหมเจ้าพวกเหล่าทวยเทพทั้งหลาย!! พวกท่านดีแต่รังแกคนดีๆแบบนี้อยู่ร่ำไปใช่ไหมถึงได้ชอบเอาแต่อยู่เฉยๆแบบนี้??
ได้!!~ ต่อแต่นี้ข้าจะไม่นับถือพวกท่านอีกแล้ว!!~ พวกท่านมันก็ดีแต่ให้พวกเราบูชา!! แต่ไม่เคยเหลียวแลมาดูพวกเราบ้างเลย!! คอยดูน่ะ!! ถ้าข้าได้ตายไปอีกหน! ข้าจะทำทุกทางเพื่อที่จะไปจัดการกับพวกท่านที่อยู่บนสวรรค์จนสิ้น!! คอยดูซี่!!!”
.....และแม้เซ็ตซึนะจะเริ่มเปลี่ยนจากคำตัดพ้อมาเป็นการด่าทอพวกทวยเทพแทน แต่มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทะเลสาบโดยรอบก็ยังคงนิ่งสนิทอยู่ต่อไป
องครักษ์สาวเองที่สิ้นหนทางทุกอย่างก็ทำตัวนิ่งชาไม่สนใจอันใดอีก
ร่างของเธอนั่งนิ่งสงบและกอดร่างขององค์หญิงเข้ามากอดเอาไว้แน่นแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าร่างตรงหน้าจะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีกแล้วก็ตาม
.... จนกระทั้งเวลาผ่านไป ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น!! ร่างของท่านเทพค่อยๆปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้งกลางทะเลสาบ
นางมองไปยังตัวขององครักษ์สาวและร่างที่สงบนิ่งของผู้ถูกเลือกด้วยใบหน้าที่เศร้าสลด
..แล้วองครักษ์สาวที่เรียกท่านเทพสามภพมาได้สำเร็จแม้ว่าตอนแรกตนจะรู้สึกสิ้นหวังไปแล้วก็ตาม เธอไม่ชักช้าที่จะตะเบ็งเสียงถามอีกฝ่ายขึ้นมาทันที
“ท่านมาตามคำเรียกของข้าแล้วใช่ไหม!??! ดี!!! งั้นตอบข้ามาท่านเทพสามภพ!!! นี่มันหมายความว่ายังไง!!??? ท่านใช่ไหมที่ทำให้โคโนจังเป็นแบบนี้! โคโนจังตายเพราะท่านใช่ไหม? บอกข้ามาน่ะ...ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!! ทำไมโคโนจังถึงต้องตายแทนที่จะเป็นการนิทราหล่ะ!!”
...ท่านเทพสามภพที่กลับมาอีกครั้งก็ยืนนิ่งมองไปที่ร่างของโคโนกะอยู่นานก่อนที่จะตอบคำถามที่นางรู้ว่าเซ็ตซึนะอาจจะไม่อยากฟังเลยก็ได้ว่า..
“นั้นก็เพราะ.....เจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือกได้เลือกที่จะทำเช่นนี้ ผู้ที่มีสายเลือดเหมือนจอมมาร นางเลือกที่จะตายเพื่อช่วยพวกเจ้า...เหมือนอย่างที่เจ้าคิดอยู่ในใจตอนนี้ นางใช้พลังชีวิตของตัวเองมาปรับสมดุลของพลังไตรเวทย์แทน เพื่อที่จะมีพลังเวทย์เหลือเพียงพอที่จะกลับมารักษาเจ้าปักษาน้อยนั้น รวมถึงใช้พลังเวทย์หยุดความเป็นมารของเจ้าที่กำลังเริ่มอาละวาดฆ่าไม่เลือกด้วย ถ้าหากเจ้ามนุษย์ผู้ถูกเลือกไม่ทำเช่นนี้แล้ว เจ้าก็จะหยุดตัวเองไม่ได้และหันมาฆ่าพวกเดียวกันเอง
....เจ้ารู้ตัวรึเปล่า ผู้ที่มีสายเลือดเหมือนจอมมาร..ที่นางตายไปก็เพื่อช่วยพวกเจ้า และดึงจิตใจอันดำมืดของเจ้านั้นกลับมา”
....องครักษ์สาวที่ได้ฟังก็อึ้งไปทันที.....นี่โคโนจัง...นอกจากจะกลับมาเพื่อช่วยอายะจังแล้วยังกลับมา
เพื่อหยุดเธอจากร่างจอมมารอย่างนั้นเหรอ? มิน่า...ฉันที่สมควรจะอาละวาดต่อไปถึงหยุดตัวเองได้ มันเพราะโคโนจังมาช่วยหน่ะเองสิน่ะ
ฮ่ะๆๆ เพราะฉัน..เพราะฉันอีกแล้ว คนที่ฉันรักต้องตายเพราะมารในตัวฉันอีกแล้ว...
แม้แต่องค์หญิงที่ฉันรักก็ต้องตายเพราะฉัน ชีวิตของฉันมันต้องคำสาปเช่นนี้ใช่ไหม?
ฉันมีคนที่จะให้รักไม่ได้เลยใช่ไหม? ถ้าไม่ต้องเดินหนีฉันไปเหมือนท่านพี่โมโตโกะก็ต้องตายจากไป
เหมือนโคโนจังกับท่านพี่ซึรุโกะสินะ คิดได้ดังนั้น..เซ็ตซึนะที่นึกเสียใจและปลงตกกับทุกๆอย่าง
...แต่ก็ใช่ว่ามันจะสิ้นหวังซะทีเดียว ตรงหน้าของเธอเป็นท่านเทพสามภพนี่น่า
....ท่านอาจจะ..ท่านอาจจะช่วยโคโนจังได้ก็ได้!! ที่เราด่าพวกเทพไปพวกนั้นอาจจะสำนึกและกลับมาช่วยโคโนจังก็ได้!!
“ถ้าเช่นนั้น ท่านที่เป็นถึงเทพสามภพก็ช่วยโคโนจังได้ใช่ไหม? ก็ท่านเป็นคนนำพลังชีวิตของโคโนจังไปก็ต้องนำกลับมาคืนนางได้! นึกว่าข้าขอความเมตตาจากท่านก็ได้ท่านเทพสามภพ ได้โปรด..ข้ายอมทำทุกอย่างขอเพียงให้โคโนจังกลับมาเท่านั้น ช่วยให้นางฟื้นขึ้นมาเถอะ!! เอาชีวิตข้าไปแทนก็ได้!! จะพาข้าไปตกนรกขุมไหนก็ได้ทั้งนั้น!!”
...และท่านเทพสามภพที่ได้ฟังก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดกับนางเช่นนี้
นางได้แต่ตาหลับตานิ่งและส่ายหน้าให้แทนคำตอบ ก่อนจะพูดเหตุผลที่ทำให้นางทำตามคำขอขององครักษ์สาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ว่า..
“เสียใจด้วย เจ้าผู้ที่มีสายเลือดเหมือนจอมมาร
ข้าเป็นเพียงนามธรรมสำหรับพวกเจ้าเท่านั้นก็อย่างที่เจ้าได้พูดด่าพวกเราเหล่าทวยเทพ เจ้าพูดได้ถูกต้องยิ่ง
พวกเราก็ดีแต่ให้พวกเจ้าได้บูชา หามีอำนาจใดๆที่จะช่วยพวกเจ้าได้ไม่
ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ...ต่อให้เจ้ายอมแลกชีวิตเพื่อให้ผู้ถูกเลือกฟื้นขึ้นมามันก็คงไม่มีประโยชน์
เพราะนางได้เลือกที่จะนำพลังชีวิตไปปรับสมดุลของพลังไตรเวทย์แทนเสียแล้ว
หนทางเดียวที่จะทำให้นางฟื้นคือให้ผู้ที่ถูกเลือกคนอื่นมาปรับสมดุลอีกรอบแล้วเอาพลังชีวิตของนางกลับมา
....แต่ ข้าก็เห็นว่านางที่อยู่ในอ้อมกอดของเจ้าเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ถูกเลือก
เสียใจด้วยอีกครั้งเจ้าผู้ที่มีสายเลือดเหมือนจอมมาร เจ้าคงต้องหักห้ามใจของเจ้าเสียแล้วหล่ะ....”
สิ้นคำ..ความหวังของเซ็ตซึนะก็ดับวูบไปในทันที หัวใจของเธอจากเดิมที่มันมีแสงอยู่บ้างมันกลับดำมืดสนิท
มันไม่มีอะไรเหลือสำหรับองครักษ์สาวในตอนนี้อีกแล้ว
สิ้นแล้วทุกอย่าง มันทั้งเคว้งคว้างและว่างเปล่า....ใจเหม่อลอยและมองไปยังร่างขององค์หญิงในอ้อมแขนอย่างสิ้นหวัง.
... ไร้หนทาง ..นำคนรักกลับมา .. ชั่วนิรันดร์..
และหลังจากนั้น..ด้วยที่อายะจังนั้นเหนื่อยเต็มที่ สิ่งที่เธอทำได้ต่อจากนี้ก็มีเพียงมองดูเท่านั้น
เด็กน้อยมองดูท่านเทพสามภพและพี่เซ็ตซึนะที่นั่งซึมอยู่พูดคุยกันเป็นเวลาเนิ่นนาน
เธอไม่รู้หรอกว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันเพราะน้ำเสียงที่ใช้สนทนานั่นช่างแผ่วเบาเสียเหลือเกินจนเธอที่อยู่ห่างออกไปไกลนั่นไม่ได้ยิน แต่ที่เธอเห็น พี่เซ็ตซึนะของเธอที่ตอนแรกทำตัวเกรี้ยวกราดด้วยอารมณ์โมโหอยู่นานก็สงบลง ก่อนจะนั่งนิ่งและยอมพูดคุยกับท่านเทพโดยดี
ทว่า พี่เซ็ตซึนะของเธอที่กำลังพูดอยู่ จู่ๆก็เริ่มมีน้ำตาไหลอาบแก้ม
อ้อมแขนที่พี่เซ็ตซึนะพยุงร่างพี่โคโนกะเอาไว้ก็ถูกดึงเข้ามากอดและจุมพิตไปที่หน้าผากของพี่โคโนกะอย่างแผ่วเบา
ก่อนจะผ่อนมือวางร่างของพี่โคโนกะลงไว้กับลานพิธี แล้วซักพักพี่เซ็ตซึนะที่นั่งอยู่ก็หลับตานิ่งก่อนจะถูกมือของท่านเทพมาคว้าตัวไป
ร่างของพี่เซ็ตซึนะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศก็นิ่งไปนานอย่างนั้นและซักพักปีกสีดำทมึนที่มันอยู่กลางหลังพี่เซ็ตซึนะมาตลอดก็สลายไป!
มันกระจายกลายเป็นขนนกสีดำแล้วปลิวหายไปในอากาศ
แล้วสักพักร่างของพี่เซ็ตซึนะก็ถูกปล่อยมาที่ลานพิธีดั่งเดิม ร่างนั่นค่อยๆล้มลงไปพร้อมๆกับร่างของท่านเทพสามภพที่สลายหายไปด้วย
เด็กน้อยมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึงและอยากที่จะไปหาพี่เซ็ตซึนะของเธอใจจะขาด...แต่ด้วยที่เธอยังเด็กนัก
ร่างกายที่บาดเจ็บอยู่มันยังไม่หายดี พอได้ขยับร่างเพียงนิดอายะจังก็หมดสติไป
.....ทิ้งให้เด็กน้อยที่สลบไปเฝ้าแต่คิดเป็นห่วงพี่เซ็ตซึนะที่ล้มลงไปที่ลานพิธีนั่น....
...... ร่างขององครักษ์สาวที่ล้มลงไปนอนข้างกายองค์หญิงที่เป็นนายของตนก็นอนนิ่งอย่างสงบ มือของทั้งสองประสานจับกันไว้มั่นราวกับว่าพวกเธอจะไม่มีวันพรากจากกันไปอีกตลอดกาล
สิ้นสุดพิธีไตรเวทย์อย่างแท้จริงพร้อมๆกับร่างของหญิงสาวทั้งสองที่นอนเคียงข้างกันกลางลานพิธี
หนึ่งที่เป็นดั่งเงา...หนึ่งที่เป็นดั่งพระจันทร์... ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของทะเลสาบแห่งนั้น ก็หาได้มีเสียงอันใดอื่นอีกดังออกมานอกจากเสียงของลมที่ปะทะเข้ากับป่าไม้รอบๆเท่านั้น
เสียงลมหวิวๆที่ได้ยินมันช่างเศร้าสร้อยราวกับเป็นบทเพลงส่งไว้อาลัยให้กับคู่รักที่อยู่ตรงนั้นยิ่ง
โมโตโกะที่มองดูเหตุการณ์อยู่ตลอดก็ร่ำไห้น้ำตาไหลรินออกมา เธอมองร่างน้องสาวคนเล็กที่จากไปของเธอด้วยความรู้สึกเสียใจไม่ต่างจากตอนนั้น
ตอนที่เธอสูญเสียพี่ซึรุโกะของเธอไปเมื่อหลายปีก่อน ...ต่อแต่นี้คงเหลือเธอเพียงผู้เดียวอย่างแท้จริงเสียแล้ว
ชะตากรรมและความจริงอันโหดร้ายได้พรากเหล่าพี่น้องชินเมริวของเธอไปอย่างไม่มีวันหวนคืน....
......และแม้จะไม่มีใครได้สังเกตเห็นแต่มันก็ช่างประหลาดยิ่งนัก
เพราะคืนนี้ทั้งๆที่เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงแท้ๆ แต่อยู่ๆพระจันทร์ดวงกลมโตนั่นก็หายกลับลับหายไปเสียอย่างนั้น เงาสะท้อนของพระจันทร์ที่ควรจะฉายอยู่ที่ทะเลสาบก็ได้หายไปด้วย บนท้องฟ้ายามราตรีในตอนนี้เหลือแต่เพียงแสงดาวที่ส่องประกายลงมาบนพื้นโลกอย่างเศร้าสร้อย.
......ปล่อยให้พระจันทร์และเงาที่เคยเคียงคู่กันนั้นได้ลาจากไปตลอดกาล......
ราตรีจักหมดงาม หากไร้ จันทร์เอย เงาสะท้อนแสงกลับไป เคียงคู่ หากจันทร์ดับสิ้นไป ทิ้งเงา แล้วนา เงาจักตายตามชู้ มิอยู่ ตามจันทร์ (โคลงสี่สุภาพโดย Take)
( ดิฉันกลัว........กลัวมากว่าถ้าหากวันนึงดิฉันปกป้องคุณหนูไม่ได้ ดิฉันคงจะหมดสิ้นทุกอย่าง เหมือนผืนน้ำที่ไร้แสงจันทร์สาดส่อง ผืนน้ำที่มืดมิดก็เป็นดิฉันที่ขาดคุณหนูไปนั้นแหล่ะค่ะ ถ้าคุณหนูเป็นอะไรไปดิฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองเป็นแน่...........)
. . the choices of the chosen child ended.
...............................................................................................................................................................................
"เฮ้อออออ โพสหมดซะที..........เหนื่อยใจจริงๆขอรับ.....หมดภาระกิจแล้ว ไชโย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
..................
"............................"
"................................."
"เฮ้ออออออ........."
เซ็ตซึนะ -- "เหนื่อยใจสิน่ะ"
take --"อืม"
โคโนกะ -- "ยังไม่จบใช่ไหมจ๊ะ?"
take -- ".............ใช่"
เซ็ตซึนะ/โคโนกะ--"ทำใจเถอะนะ/จ๊ะ"
take -- "เฮ้อออออ ไม่ได้พักอีกแล้วกรู"
......................................................................................
สำหรับผู้ที่ไม่เคยอ่านมาก่อนขอรับ (คนเคยอ่านแล้วก็ได้) ---
.........หลังจากเขียน the choice of the chosen child จบ
(ซึ่งมันเป็นความตั้งใจแต่แรกแล้วว่ากระผมจะเขียนฟิคให้เซ็ตจังกับโคโนจังตายคู่กัน โหดจังเราเรา)
........เพื่อนซี้ของกระผม ก็โกรธกระผมน่าดูพร้อมกับบังคับให้เขียนตอนต่อทั้งๆที่มันก็ใกล้สอบเป็นเหตุทำให้ต้องกระผมเขียนต่ออีกสองตอนที่ชื่อว่า
"the moon the shadow and the star"
ความคิดเห็น