ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The choices of the chosen child [yuri]

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนพิเศษ : ดวงจันทร์ เงาและดวงดาว (ภาคแรก)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 859
      0
      24 ธ.ค. 51

    ....โรงเรียนมัธยมต้น มาโฮระ...
    เด็กสาวคนนึงผมยาวเกือบประบ่าในชุดนักเรียนแผนกม.ต้น รร.มาโฮระ กำลังก้าวเข้ามาถึงหน้าตึกเรียนม.ต้นด้วยท่าทางสงบ มือซ้ายถือเชือกที่พาดเอาไว้กับไหล่ที่ผูกไว้กับถุงผ้าที่มีลักษณะตรงยาว คล้ายๆจะเป็นดาบอยู่ข้างใน
    เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงฮอลที่ประชุมก็สะดุดเข้ากับกำแพงที่มีตราโรงเรียนขนาดใหญ่โชว์อยู่
    ที่ด้านล่างของตรานั่นแสดงรูปและรายชื่อของนักเรียนทั้งหมดที่กำลังศึกษาอยู่ด้วย เด็กสาวมองมันด้วยความสนใจและค่อยๆไล่ไปดูที่ละชั้นปี แต่ที่เธอดูแทนที่จะเป็นของนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่กลับไปดูรายชื่อของศิษย์เก่าที่ไม่มีรูปอยู่เลยแทน
    เด็กสาวค่อยๆไล่ไปดูปีเก่าๆไปเรื่อยๆ จนกระทั้งไปสะดุดกับชื่อที่เธอต้องการในที่สุด
    เธออ่านมันและเผลอยิ้มออกมาน้อยๆโดยไม่รู้ตัว และสักพักนึงก็มีเสียงเพื่อนของเธอดังขึ้น..

    “ซากุระซากิ!~~”

    ...เด็กสาวที่ได้ยินเสียงเรียกก็หันขวับไปมองทันที เด็กสาวผมดำยาวเลยไปถึงกลางหลังในชุดม.ต้นเหมือนกัน
    ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางดีใจสุดขีด สาวผมยาวเข้ามาทักทายซากุระซากิเพื่อนของเธออย่างร่าเริง....

    “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ!!!~~~ ซากุระซากิจังมาแต่เช้าเลยน่ะ~~”
    “เผอิญฉันต้องฝึกดาบตอนเช้าอยู่แล้วหน่ะค่ะ ว่าแต่คุณไดโดจิ(ผมรู้สึกตงิดๆนะ ชื่อนี้)ก็มาเช้าเหมือนกันน่ะค่ะ”
    “โธ่~~ เลิกเรียกฉันว่าคุณซะทีเถอะ ได้ยินแล้วฉันเขินน่ะ”
    “ตะ..แต่ว่า...”
    “เอาเถอะๆ ไหนๆก็มาเช้าแล้วเราไปดูพวกชมรมกันหน่อยดีไหม?”
    “เห๋?”
    “ก็ที่พวกรุ่นพี่เขาจัดงานวิชาการเพื่อให้เราเลือกเข้าชมรมยังไงหล่ะ!~ พวกเราม.หนึ่งก็ต้องเลือกกันน่ะ!!~ ”
    “นั่นสิน่ะค่ะ...แต่ว่า....”
    “ใช่ไหมหล่ะ!~ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ!!!”

    ....ไดโดจิที่ไม่สนใจฟังคำตอบของอีกฝ่ายก็ลากซากุระซากิไปยังงานที่จัดใกล้ๆทันที
    เด็กสาวทั้งสองเข้าไปดูในงานที่จัดไว้อย่างสนอกสนใจ ตัวของไดโดจินั้นตลอดทางบ่นแต่เรื่องที่ว่าเธอเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าชมรมอะไร
    แต่ที่เธอเล็งๆเอาไว้ก็มีชมรมคอรัส ชมรมถ่ายภาพ และชมรมตัดต่อภาพยนตร์ (เดาออกหรือยังว่าเป็นใคร)
    แต่สำหรับซากุระซากิแล้ว ทันทีที่เธอเจอชมรมเป้าหมาย เด็กสาวก็ตรงดิ่งเข้าไปยังโต๊ะที่สมัครเข้าชมรมทันที

    “ชมรมเคนโด้ใช่ไหมค่ะ?”
    “ใช่จ๊ะ!~ น้องมีอะไรจะสอบถามหรือเปล่าจ๊ะ หรือสนใจที่จะเข้าชมรม?”
    “ค่ะ .....”
    “จริงหรือจ๊ะ!!~~ ดีจังเลย~ ชมรมเรากำลังขาดรุ่นน้องม.ต้นอยู่พอดี ท่าทางน้องคงเป็นเคนโดด้วยสิน่ะ อ่ะ~ นี่จ๊ะใบสมัคร ช่วยกรอกให้เรียบร้อยด้วยน่ะจ๊ะ”
    “อ่า...ค่ะ”

    .....เด็กสาวก้มหน้าก้มตากรอกใบสมัครชมรมนั่นโดยทันทีไม่มีลังเล ทำเอารุ่นพี่ม.ปลายที่รับสมัครอยู่ยังนึกฉงน
    แต่ไหนๆน้องม.ต้นนานๆ จะมาสมัครเข้าชมรมของเธอทั้งที เธอจึงชวนรุ่นน้องคนใหม่คุยด้วยอย่างกันเอง

    “แหม~ น้องนี่ท่าทางทะมัดทะแมงดีน่ะจ๊ะ ทำให้พี่นึกถึงรุ่นพี่ร่วมชมรมคนนึง รุ่นพี่คนนั้นน่ะเก่งมากๆเลยน่ะ เก่งกว่ากัปตันทีมเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ยอมลงแข่งเลยสักครั้งก็ไม่รู้”
    “เหรอค่ะ”
    “จ๊ะ!!~~ แต่พอพี่เข้าชมรมได้แค่ปีเดียวอยู่ๆพี่เขาก็หายหน้าไป ตอนนั้นพี่ยังอยู่ม.หนึ่งเองมั้ง พวกรุ่นพี่ที่เรียนจบไปพอกลับมาเยี่ยมโรงเรียนบางคนยังถามหาอยู่เลยจ๊ะ~ สงสัยจะชวนไปแข่งระดับประเทศหน่ะ”
    “อืม ค่ะ... อ่ะ นี่ค่ะเขียนเสร็จแล้ว”
    “ขอบใจมากจ๊ะ!~ แล้วเจอกันที่ชมรมวันจันทร์หน้าหลังเลิกเรียนน่ะจ๊ะ เราจะมีปฐมนิเทศกัน แต่ถ้ามีอะไรสงสัยก็ไปหาพวกพี่ๆก่อนได้น่ะ ”
    “ค่ะ~”
    “อ่ะ!!~ พี่ก็มัวแต่คุยเพลินเลยลืมถามชื่อน้องเลย ขอโทษน่ะจ๊ะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรหรือจ๊ะ?”
    “เอ่อ....”

    ....เด็กสาวก็ทำท่าจะบอกชื่อกับรุ่นพี่ไปแต่ทว่าเธอก็ดันโดนเพื่อนของเธออีกคนลากไปซะก่อน
    “นี่ๆๆมัวทำอะไรอยู่!~ ชั่วโมงแรกจะเข้าแล้วน่ะ~ มาเรียนวันแรกถ้าเข้าสายมันจะดูไม่ดีน่ะจะบอกให้”
    “อ่า....อืมๆ เอ่อ...หนูขอตัวก่อนน่ะค่ะรุ่นพี่”
    “อ่า...จ๊ะ แล้วเจอกันน่ะ”

    ....แล้วร่างของเด็กทั้งสองก็วิ่งหายลับไปในตึกเรียนม.ต้นด้วยความรีบร้อน พร้อมๆกับเสียงกระดิ่งเรียกเข้าเรียนวันแรกดังขึ้น รุ่นพี่ชมรมที่ได้แต่มองไล่หลังตามก็ยิ้มๆให้ก่อนจะก้มลงมามองที่ใบสมัครของเด็กสาวที่กรอกให้เธอ

    “เฮ่อออ....สุดท้ายเลยยังไม่ได้บอกชื่อด้วยตัวเองเลยน่ะ แหม่ะ!~ อ่านเอาในใบสมัครก็ได้ เอ~~ ซากุระซากิ....อ้อ!~~ ซากุระซากิ อายะ น่ะเอง..”

    แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็วางใบสมัครนั้นลงและทำท่าคิดหนัก เพราะชื่อมันช่างคุ้นซะเหลือเกิน....แล้วสักพัก เธอก็คิดออก...

    “ห๋า!!! ซากุระซากิ???? นี่เป็นน้องของรุ่นพี่เซ็ตซึนะหรอกเหรอเนี้ย???”

    ...รุ่นพี่ชมรมเคนโด้หันมามองที่ใบสมัครอีกที่ด้วยความตกใจ
    เพราะรุ่นพี่ที่เธอเพิ่งเล่าให้อีกฝ่ายฟังก็คือ ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ รุ่นพี่ที่เก่งที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งชมรม
    แต่ไม่เคยลงแข่งเลยสักครั้งคนนั้นน่ะสิ! ไม่น่าเชื่อ!! รุ่นพี่เซ็ตซึนะมีน้องด้วยอย่างนั้นเหรอ?

    พี่เซ็ตซึนะที่เป็นตำนานของชมรมคนนั้นหน่ะน่ะ!! แต่จะว่าไปเขาก็ชอบถือดาบพาดหลังเอาไว้อย่างนั้นเหมือนกันนี่
    แถมในใบสมัครนี่ก็เขียนว่าเรียนวิชาดาบชินเมริวเหมือนกันด้วย...ก็คงจะใช่นั้นแหล่ะ
    แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็เอาแต่มองใบสมัครนั้นไม่วางตา นี่นักดาบน้อยที่เข้ามาใหม่จะมาสร้างตำนานเป็นนักดาบนิรนามเหมือนพี่ของเขารึเปล่าน่ะ??

    ...............................................................................................................................................................

    ...ในอีกมุมนึง มหาลัยสตรี มาโฮระ...

    ...เด็กสาวผมยาวสีช็อคโกแลตอายุยี่สิบปีในชุดมหาลัยสตรีมาโฮระ ในมือถือรองเท้าสเก็ตกับกระเป๋าหิ้วใบย่อมๆ เธอกำลังวิ่งอย่าเหนื่อยหอบเข้ามาในคอฟฟี่ช้อปแห่งหนึ่ง

    “กิ๊ง~...กิ๊ง~”
    “ยินดีต้อนรับค่ะ กี่ที่ค่ะ?”
    “เอ่อ นัดเพื่อนเอาไว้น่ะค่ะ~ อ่ะ!~ ตรงนั้นไง”

    ......สาวผมยาวที่เห็นกลุ่มเพื่อนของตนก็ตรงดิ่งมานั่งกับเพื่อนๆอีกสามคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทันที
    “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ!~~ ทุกๆคน!~”
    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ~ คุณโคโนกะ มาช้าจังน่ะค่ะ”
    “แฮ่ะๆ โทษทีจ๊ะ~ เผอิญฉันตกรถไฟรอบเก้าโมงเลยมาสายหน่ะ”
    “ตื่นสายอีกแล้วหล่ะสิ คุณหนูโคโนกะ มัวแต่ล่ำลาองครักษ์สาวสุดที่รักอยู่หรือจ๊ะ~~”

    ....ซาโอโตเมะ ฮารุนะในชุดมหาลัยสตรีแผนกช่างศิลป์แซวอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ทำเอาโคโนกะที่ได้ฟังหน้าแดงเรื่อๆ แต่เธอก็เถียงอีกฝ่ายว่า
    “ใช่ที่ไหนหล่ะ!~~ ฉันไม่ได้คุยกับเซ็ตจังซักหน่อย อ่ะ!~ ว่าแต่รายงานของวิชาภาษาโบราณเนี้ยส่งวันนี้รึเปล่าจ๊ะ?”
    “ค่ะ แล้วคุณโคโนกะทำเสร็จแล้วเหรอค่ะ ”

    ....มิยาซากิ โนโดกะ ที่สวมชุดมหาลัยมาโฮระเหมือนกับโคโนกะถามขึ้น
    เธอนึกเป็นห่วงหญิงสาวที่เพิ่งมาทันทีที่คิดถึงเรื่องงาน เพราะพวกเธอที่เรียนคณะอักษรด้วยกัน
    แต่บ่อยครั้งเหลือเกินที่โคโนกะเกือบจะทำงานไม่เสร็จ ซึ่งมันก็ทำให้เธอแปลกใจพอควร เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนขี้เกียจอะไรออกจะขยันเสียด้วยซ้ำ และโคโนกะก็ไม่ทำให้ผู้ถามผิดหวัง เธอยื่นรายงานมาให้โนโดกะพลางพูดขึ้นว่า

    “เรียบร้อย!~ เสร็จเมื่อเช้านี้เอง ถ้ายังไงก็ฝากส่งให้ฉันด้วยน่ะจ๊ะ~ โนโดกะจัง~”
    “ค่ะ~”

    โนโดกะรับมันไว้ด้วยความยินดี อายาเสะ ยูเอะ ในชุดนักโบราณคดีของมหาลัยภาคสนามที่นั่งนิ่งอยู่นานก็เอ่ยถามสาวที่เพิ่งเข้ามาขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงโมโนโทนประจำตัว

    “ว่าแต่ คุณโคโนกะเอารองเท้าสเก็ตมาทำไมเหรอค่ะ? เห็นทุกทีจะเอามาเฉพาะวันที่มีเรียนที่ตึกกลางนี่น่า”

    ....โคโนกะที่ได้ฟังก็สะดุ้ง และทำท่านึกขึ้นได้ เธอรีบหันซ้ายหันขวามองไปที่ด้านนอกของร้านทันที ก่อนจะก้มๆตัวแล้วร้องถามเพื่อนโมโนโทนของเธอขึ้น...

    “เอ่อ ยูเอะจ๊ะ~ ช่วยดูให้ทีว่ามีพวกคนใส่สูทสีเข้ม ใส่แว่นดำอยู่ข้างนอกบ้างรึเปล่า?”
    “ตอนนี้ไม่มีน่ะ หลบอยู่เหรอค่ะ?”
    “จ๊ะ~”
    “อีกแล้วเหรอค่ะ?”
    “จ๊ะ~~”
    “พิธีดูตัว????”
    “จ๊ะ!~~~”

    .....โคโนกะขานรับทุกคำถามด้วยสีหน้าที่ลำบากใจแต่ก็แฝงไปด้วยความร่าเริง ฮารุนะเองที่ช่วยมองให้อีกคนก็พูดขึ้นว่า
    “อะไรกัน~ ฉันนึกว่าท่านตาของคุณโคโนกะจะยอมเลิกราแล้วซะอีก ”
    “นั้นน่ะสิ~ ฉันก็บอกแล้วว่าไม่แต่งๆ ท่านตาก็ยังไม่ยอมฟังฉันเลย เฮ้ออออ~~”
    “ก็น่าจะให้คุณเซ็ตซึนะพูดไปเลยสิค่ะ......ตอนนี้พวกคุณสองคนก็อยู่ด้วยกันตั้งสองปีแล้วนี่..”

    ....โนโดกะที่ดูจะขี้อายที่สุดกลับถามคำถามได้ตรงประเด็นและเข้าเป้าที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อจนเพื่อนๆที่เหลือหันมามองขวับอย่างฉงน ไม่นึกเลยว่าโนโดกะจะกล้าถามอะไรตรงๆแบบนี้ ทำเอาผู้ถามเองถึงกับอายหน้าแดงเพราะนึกขึ้นได้ว่าตนถามเรื่องที่มันส่วนตัวเกินไป
    ทว่าโคโนกะเองที่เริ่มสนิทกับคุณหนูห้องสมุดมากขึ้นมานับตั้งแต่เรียนมหาลัยคณะเดียวกันก็ไม่ถือสา
    เธอทำหน้าเศร้าเล็กๆ ก่อนจะกลบเกลื่อนความรู้สึกนั่นไว้และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติว่า

    “ถึงจะเป็นเซ็ตจังท่านตาก็คงไม่ฟังหรอกจ๊ะ~ ว่าแต่ว่ายูเอะจังวันนี้ออกนอกสถานที่เหรอจ๊ะ”
    “............”
    “ค่ะ.....วันนี้ตอนเที่ยงต้องขึ้นรถไฟชินกังเซ็งไปนาโกย่ากับพวกในคณะน่ะค่ะ อ่ะ!~ คุณโคโนกะ มากันแล้วค่ะ!!!”

    ...แล้วโคโนกะที่สบายใจได้ไม่นานพอยูเอะพูดเตือนก็รีบก้มตัวไปใต้โต๊ะอีกครั้ง
    และโนโดกะที่ดูอยู่เช่นกันพอเห็นพวกบอดี้การ์ดสองสามคนกำลังทำท่าจะเข้ามาในร้านก็พูดขึ้นว่า
    “แย่แล้วค่ะ! จะเข้ามาในร้านแล้วด้วย!!”
    “แง๊!~~ๆๆ ทำยังไงดีหล่ะ~ มีเรียนตอนบ่ายซะด้วย ฮือ~~ ต้องโดดซะแล้วมั้ง? งั้นฉันหนีไปก่อนน่ะจ๊ะ~~”

    ...พูดจบโคโนกะก็เผ่นแว่บหนีไปหลังร้านทันที คลาดกันกับพวกบอดี้การ์ดอย่างฉิวเฉียด
    และพวกบอดี้การ์ดที่รู้จักโนโดกะว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกันก็เข้ามาถามอีกฝ่ายขึ้นทันทีว่า
    “เห็นคุณหนูไหมครับ? คุณมิยาซากิ”
    “ อ่า...เอ่อ..”
    “โคโนกะเข้าเพิ่งออกไปเมื่อกี้เองนี้ ก็เขามีเรียนวิชาพิสูจน์อักษรไม่ใช่เหรอ?”
    “อ่อ..จริงด้วย ขอบคุณมากครับ”

    ...แล้วพวกบอดี้การ์ดที่ได้รับข้อมูลก็หายออกไปจากร้านทันที
    ฮารุนะที่ล่อหลอกให้พวกบอดี้การ์ดไปอีกทางได้สำเร็จก็กระหยิ่มยิ้มอย่างสะใจ และเธอก็กระแหนะกระแหนะคุณหนูห้องสมุดเพื่อนของเธอขึ้นว่า
    “โนโดกะนี่ก็จริงๆ เอ๋ออ๋าให้เขาจับพิรุธอยู่ได้ น่าจะชินกับพวกบอดี้การ์ดมากกว่าฉันแล้วน่ะ”
    “แหม~~ ก็พวกเขาน่ากลัวจะตายนี่จ๊ะฮารุนะ”

    ...แต่ยูเอะที่เมื่อเห็นว่าโคโนกะกลับไปแล้ว สาวโมโนโทนที่แอบอ่านสีหน้าของสาวผมสีช็อคโกแลตมาตลอดก็เอ่ยขึ้น
    “แต่เมื่อกี้ พอคุณโคโนกะเขาพูดถึงคุณเซ็ตซึนะแล้ว...รู้สึกเขาซึมๆไปแว่บนึงน่ะ”
    “อืม.....เธอก็จับได้เหมือนกันใช่ไหมยูเอะ ฉันยังได้กลิ่นเลย...”

    ฮารุนะที่จับพิรุธของโคโนกะด้วยเซ้นท์ก็พูดขึ้นเหมือนกัน พลางทำจมูกฟุดฟิด โนโดกะที่ดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรจึงถามขึ้น
    “พวกเธอพูดถึงเรื่องอะไรกันหน่ะ ยูเอะ ฮารุนะ”

    ....ยูเอะที่ฟังอยู่ก็นิ่งๆไม่พูดอะไรและดื่มน้ำเสาวรสต่อไป แต่ฮารุนะกลับทำท่าทีโมโห ให้ตายสิโนโดกะ! อยู่คณะเดียวกันแท้ๆยังไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง!! เอาแต่ซื่อแบบนี้ถึงไม่รู้เรื่องสองคนนั้นเลยสิน่ะ!
    คิดได้ดังนั้น..หญิงสาวนามปากกาพารุจึงพูดใส่โนโดกะเพื่อนรักอย่างเหลืออดว่า

    “ก็ที่คุณโคโนกะเขาทำท่าเศร้าทุกทีที่พูดถึงคุณเซ็ตซึนะยังไงหล่ะ!! ไม่เห็นเหรอ?”
    “อ้าว...ก็พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วนี่ แถมก็ไม่เคยพูดว่าทะเลาะด้วยกันด้วย”
    “งั้นก็เถอะ แต่ฉันได้กลิ่น!! มันใช่แน่ๆ กลิ่นของความรักที่ไม่สมหวัง....มัน..เศร้าซะจนเกินบรรยายเลยแหล่ะ...”

    ฮารุนะที่แม้จะพูดด้วยอารมณ์ในตอนต้นแต่กลับมีน้ำเสียงเศร้าในตอนท้าย
    ยูเอะเองก็ทำหน้านิ่งรู้สึกเช่นเดียวกับฮารุนะ มันบอกไม่ถูกหรอกว่ามันคืออะไร
    แต่ที่แน่ๆดูเหมือนว่าภายนอกที่ดูร่าเริงของโคโนกะนั้น กลับกำลังเก็บอะไรบางอย่างไว้อยู่ข้างใน
    ...อะไรที่มันแสนจะขมขื่นที่ยูเอะรู้สึกได้ในตัวอีกฝ่ายมาตลอดตั้งแต่สมัยม.ต้นแล้วหล่ะ...

    .....................................................................................................................................................................................................

    “เฮ้ออออ~~ พ้นแล้วมั้ง~”

    .... โคโนกะที่สเก็ตวิ่งออกมาจากมหาลัยมาอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งด้วยความเหนื่อย
    พวกบอดี้การ์ดนี่ นับวันยิ่งฉลาดขึ้นเรื่อยๆน่ะ ถ้าเป็นตอนม.ต้นแค่แอบในตู้เสื้อผ้าสักชั่วโมงก็ถอยแล้ว
    เดี๋ยวนี้พัฒนาถึงขนาดมีเบอร์เพื่อนในคณะทุกคนแถมยังรู้ตารางเรียนของเธออีก
    ท่านตาก็ท่านตาเถอะ ฉันยอมทำพิธีไตรเวทย์ให้แล้วก็น่าจะยอมตามใจฉันได้แล้วน้า~~
    แง๊~~~~ ท่านตาใจร้าย~~~(ToT) และขณะที่โคโนกะกำลังนั่งพักหายเหนื่อย เสียงของบุคคลที่เธอไม่ปรารถนาก็ดังขึ้น

    “อ๊ะ! คุณหนูอยู่นั่น! ตามไปเร็ว!!”
    “แง๊!~~~ ทำไมมากันเร็วแบบนี้น้า~~~”

    .......โคโนกะบ่นกับตัวเองก่อนจะรีบลุกขึ้นใช้สเก็ตวิ่งต่อหนีต่อทันทีทั้งๆที่ยังไม่หายเหนื่อย
    แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะยังไม่เข้าข้าง เพราะตรงหน้าของเธอมันเป็นบันไดทอดยาวลงไปกว่ายี่สิบเมตร พวกบอดี้การ์ดที่เห็นอย่างนั้นก็รีบตามไปให้ทันทันที

    “ทางข้างหน้าคุณหนูไปต่อไม่ได้แน่!~ ดักเอาไว้เร็ว!!”

    ...แล้วพวกบอดี้การ์ดก็รีบวิ่งกรูไล่หลังตามโคโนกะเร็วยิ่งกว่าเดิม
    โคโนกะที่เห็นทางข้างหน้าก็เริ่มหน้าซีด โอ้ย~~ ข้างหน้าก็จระเข้ ข้างหลังก็เสือ ทำยังไงดี?
    สงสัยต้องใช้ไอ้นั่นแล้วหล่ะมั้ง คิดได้ดังนั้น สาวผมยาวก็พึมพำขึ้นว่า...

    “พระเจ้าค่ะ!~~ ได้โปรดช่วยลูกช้างให้ทำได้สำเร็จที่เถอะน่ะค่ะ~~~~”

    ...ภาวนาจบ...โคโนกะก็เร่งสเก็ตไปทางข้างหน้าที่มันเป็นทางลงบันไดด้วยความเร็วสูงสุด ทำเอาพวกบอดี้การ์ดที่คิดว่าคุณหนูไม่ว่าจะยังไงก็ไปต่อไม่ได้นั้นถึงกับตะลึง!! นี่คุณหนูจะลงจากบันไดที่ยาวขนาดนั้น ทั้งๆที่ใส่สเก็ตจริงๆหน่ะเหรอ???

    “หลีกทางด้วยค่า!!!~~~ หลบไปด้วย!!~~ เดี๋ยวโดนลูกหลงไปไม่รู้ด้วยน้า!~~”

    โคโนกะตะโกนเตือนพวกที่เดินอยู่ตรงบันไดทางลงที่ขวางทางทันที ก่อนจะเทคตัวกระโดดขึ้นทั้งๆที่ยังใส่รองเท้าสเก็ต
    ทำเอาบอดี้การ์ดที่มองตามหน้าซีด คุณหนูคิดจะกระโดดลงไปหรอกเหรอ??

    เป็นไปไม่ได้หรอก!! มันสูงเกินไป!! ตายหล่ะ!! ถ้าคุณหนูเป็นอะไรไปพวกเรามิโดนท่านโคโนเอม่อนฆ่าหรอกรึ????

    “คุณหนู!! อย่าน่ะครับบบบ!!!”

    ....แต่ห้ามไปก็เท่านั้น!! โคโนกะที่กระโดดไปที่ราวจับบันไดแล้วใช้สเก็ตไถลลงมาตามราวจับอย่างกับนักสเก็ตมืออาชีพ!
    สาวผมยาวพยายามทรงตัวระหว่างที่ไถลอยู่บนราวตลอดทางด้วยใบหน้าที่สนุกสนานจนกระทั้งมาถึงด้านล่างในที่สุด!
    โคโนกะดีดตัวออกจากราวจับนั่นและรีบสไลด์สเก็ตหนีต่อทันที

    “เยส!!! สำเร็จแล้ว!!~~ อย่างนี้ค่อยคุ้มกับที่ฝึกมาหน่อย!!~~”

    โคโนกะชูกำปั้นทำท่าดีใจสุดชีวิตก่อนจะสเก็ตหนีออกไปต่อ แต่พวกบอดี้การ์ดที่มองดูอยู่ตลอดใจหายแว้บ
    นั่งเข่าอ่อนอยู่หน้าบันไดทางลงนั่นอย่างหมดแรง เฮ้อออ~ เกือบโดนท่านโคโนเอม่อนทำโทษเข้าแล้วไง

    ... แต่เดี๋ยว! พวกเขายังต้องไปเอาตัวคุณหนูมาเข้าพิธีดูตัวนี่น่า คิดได้ดังนั้น พวกเขาที่มัวแต่ตะลึงก็รีบตามคุณหนูต่อทันที
    ...และโคโนกะเองที่พอเหลี่ยวหลังไปก็พบว่าพวกนั้นยังไม่ยอมเลิกราก็ทำท่าอ่อนใจอีกรอบ

    “ แง๊!~~ ฉันเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วน่ะ~~ ตามมาอยู่ได้~~ สงสัยต้องใช้มาตรการสุดท้ายแล้วหล่ะมั้ง??~”

    แล้วโคโนกะที่พูดอย่างนั้นพอมาถึงถนนใหญ่ก็หันซ้ายหันขวาเพื่อไปใช้มาตรการสุดท้ายทันที และแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
    “อ้าวๆ!~ โคโนกะ~~ มาทำอะไรที่นี่หล่ะเนี้ย?”

    อาซากุระ คาซึมิในชุดไปรเวทสวมหมวกกันน๊อกและแว่นตากันลมกำลังขี่เวสป้าสีครีมผ่านมาพอดี
    ท่าคงกำลังจะไปตระเวนหาข่าวเพื่อทำหนังสือพิมพ์ของมหาลัยอยู่ โคโนกะจึงไม่รอช้าที่จะขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย

    “คาซึมิ~~~ ช่วยฉันหน่อยสิจ๊ะ~~”
    “เห๋!~”
    “คุณหนู!!~~ กลับมาเถอะคร้าบบบบ!!”

    ...โคโนกะที่ได้ยินก็ทำท่าเลิกลั่กหันไปทางเสียงนั่นทันที คาซึมิที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
    แต่ท่าอีกฝ่ายคงกำลังหนีพวกคนใส่ชุดสูทสามสี่คนนั้นอยู่เป็นแน่ นักข่าวสาวจึงเอ่ยชวนขึ้นมาทันที
    “ขึ้นมาเลยคุณหนู!~ เดี๋ยวเหยี่ยวข่าวสาวคนนี้จะพาหนีไปให้เอง!!”
    “เย้!!~~ ขอบใจมากจ๊ะคาซึมิจัง~~”

    โคโนกะที่ได้ฟังก็ไม่ชักช้าที่จะกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์เวสป้าของคาซึมิตามคำชวนทันที
    และคาซึมิเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพร้อมก็บิดคันเร่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
    พวกบอดี้การ์ดที่กว่าจะไล่ตามมาก็ถูกทิ้งไปไม่เห็นฝุ่น พวกเขาที่ต่างหอบแฮ่กก็ได้แต่มองตามหลังเวสป้าสีครีมนั่นด้วยความอ่อนใจ หัวหน้ากลุ่มบอดี้การ์ดที่มองตามก็พูดขึ้นว่า

    “เฮ้อออ~~ ไม่ทันแล้วหล่ะ สงสัยวันนี้ก็ฟาล์วอีกตามเคย...”

    ......................................................................................................................................

    ...เย็นของวันนั้น...

    “กลับมาแล้วค่ะ”

    ...อายะจังที่กลับมาที่ห้องพักก็ไม่ได้ยินเสียงใครตอบรับ สาวน้อยหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆห้องก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองขึ้นมาว่า

    “อืม....ยังไม่กลับมาซะหล่ะมั้ง?”

    ......และอายะจังที่ตอนนี้ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปก็รีบเข้าไปวางของในห้องนอนของตนก่อนที่จะมาที่ห้องส่วนกลาง ห้องที่เธออาศัยอยู่มันเป็นอพาร์ทเมนท์ที่แบ่งเป็นสัดเป็นส่วน มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีห้องครัว ห้องกินข้าวและห้องรับแขก ห้องพักที่นี่มันห่างจากรร.ม.ต้นมาโฮระแค่นั่งรถไฟใต้ต่อเดียว

    ดังนั้น.....วันนี้เธอที่ไม่ได้ไปทำธุระที่ไหนจึงกลับมาเร็วกว่าเพื่อน และอายะที่เดินไปที่หน้าห้องนอนอีกห้องนึงก็ยืนนิ่ง ชั่งใจอยู่นาน ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในที่สุด

    ....นักดาบชินเมริวน้อยที่ก้าวเข้ามาในห้องนอนก็รีบปิดประตูและเดินเข้าไปใกล้ที่เตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในห้องนอนนั้นทันที
    ...เธอเอ่ยทักกับผู้ที่อยู่ตรงหน้าไปว่า..

    “กลับมาแล้วค่ะ....พี่เซ็ตซึนะ...”

    ...อายะทักทายเซ็ตซึนะที่กำลังนอนอยู่ด้วยน้ำเสียงกึ่งดีใจกึ่งเศร้า
    เพราะตอนนี้ต่อให้เธอทำวิธีใดก็ตามอีกฝ่ายก็คงไม่มีทางลุกขึ้นมาหรอก ด้วยร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงภายใต้ผ้าห่มผืนหนาตรงหน้าพาให้อายะจังเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

    เซ็ตซึนะที่ตอนนี้หลับตานิ่งสนิทก็ดูจะไม่รู้ถึงการมาของอีกฝ่าย อายะจังค่อยๆเข้าไปนั่งข้างๆร่างของเซ็ตซึนะก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้อีกฝ่ายอย่างช้าๆ นักดาบน้อยที่ใบหน้าห่างจากอีกฝ่ายเพียงคืบก็พูดกับร่างที่ยังนอนหลับใหลอยู่ว่า..

    “พี่เซ็ตซึนะค่ะ.....คือว่าหนู....หนู”

    .....แต่อายะจังก็ไม่กล้าพูดต่อ แม้จะรู้ว่าทุกคำพูดที่เธอได้เปล่งออกไปอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินก็ตาม
    แต่นักดาบน้อยก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยความในใจออกมาอยู่ดี ที่เธอทำได้ก็มีเพียงแสดงสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายในใจออกมาผ่านการกระทำเท่านั้น อายะจึงค่อยๆเลื่อนใบหน้าให้ริมฝีปากของตัวเองเข้ามาใกล้กับของอีกฝ่ายที่หลับอยู่ด้วยหัวใจระทึก
    สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งที่เธอแอบทำมาหลายทีและจะกล้าทำก็ต่อเมื่อบุคคลอีกคนหนึ่งยังไม่มาเท่านั้น
    และแล้วริมฝีปากของนักดาบน้อยที่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงนิ้วก็ต้องชะงัก เมื่อมีอีกเสียงนึงดังขึ้น

    “กลับมาแล้วจ้า!~~~ อายะจัง!~~ ...อ้าว...ยังไม่กลับมาหรอกเหรอ?~”

    ....โคโนกะในชุดนักศึกษามหาลัยกลับมาถึงอพาร์ทเมนท์พอดี ทำเอาอายะจังถึงกับสะดุ้งชะงักตัวเองในสิ่งที่กำลังจะทำอยู่และรีบทำตัวให้ปกติ
    นักดาบน้อยตั้งสติของตัวเองให้หายตื่นเต้นก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้องนั่นและเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติว่า
    “กลับมาแล้วเหรอค่ะพี่โคโนกะ~ วันนี้กลับช้าจังน่ะค่ะ”
    “จ๊ะ~~ พี่มัวแต่หนีพวกบอดี้การ์ดอยู่หน่ะเลยช้า ป่านนี้แล้วอายะจังคงหิวแย่เลย เดี๋ยวพี่จะรีบทำอะไรให้กินน่ะ~~”
    “ค่ะ~”

    ...โคโนกะที่ทักกลับอย่างร่าเริงแม้จะนึกแปลกใจที่ทำไมอายะจังถึงเดินออกมาจากห้องนอนของตน
    แต่สาวผมยาวก็ไม่ใส่ใจเธอรีบไปคว้าผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายกระต่ายประจำตัวและเริ่มทำกับข้าวทันที
    เมื่อผ่านไปสักพัก โคโนกะที่หันมาดูนาฬิกาในข้อมือก็เริ่มบ่นขึ้น

    “ว้า!~~ เหลืออีกแค่ไม่ถึงชั่วโมงเอง ไม่ทันแน่ๆ ท่านตาเองก็เถอะน้า~ ไม่น่ามาเจ้ากี้เจ้าการเล้ย~~”
    “ท่านโคโนเอม่อนให้พวกบอดี้การ์ดมาตามพี่โคโนกะเข้าพิธีดูตัวอีกแล้วเหรอค่ะ?”
    “จ๊ะ~~ น่าเบื่อที่สุดเลย~~”

    ...โคโนกะที่ตีไข่ไปพลางบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดทำเอาอายะจังที่ได้ฟังก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
    นักดาบน้อยหันไปมองนาฬิกาอีกครั้งก็เห็นว่ามันคงไม่ทันจริงๆจึงเดินมาหาโคโนกะที่กำลังทำกับข้าวอยู่และคว้าตะเกียบในมือของพี่โคโนกะมาตีไข่เสียเองพลางพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า

    “มา!~ วันนี้หนูขอแสดงฝีมือเอง~ พี่โคโนกะรีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ”
    “อ๊ะ! อายะจังจ๊ะ~ แต่ว่า...”
    “หนูโตแล้วน่ะค่ะ~~ ไม่ใช่เด็กๆ อีกอย่างเดี๋ยวก็เหมือนคราวก่อนที่พี่โคโนกะนอนคาห้องน้ำหรอกค่ะ”

    ...โคโนกะที่ถูกอีกฝ่ายแซวก็อายจนหน้าแดง ก่อนจะรีบขอบใจอายะจังที่เข้ามาช่วยและรีบวิ่งหายวับไปห้องอาบน้ำทันที
    อายะจังที่มองตามหลังพี่โคโนกะที่แม้จะยี่สิบแล้วแต่ยังมีนิสัยเหมือนเมื่อตอนที่เธอได้เจอพี่โคโนกะครั้งแรกไม่เปลี่ยนก็ยิ้มๆ
    ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารเย็นต่อไป

    .....จนเมื่อโคโนกะออกมาจากห้องอาบน้ำพร้อมๆกับอาหารเย็นที่อายะจังทำเสร็จพอดี
    โคโนกะมองอาหารที่โต๊ะด้วยแววตาที่ปลาบปลื้มพลางรีบปรี่เข้าไปตะครุบตัวกอดที่ด้านหลังของอายะจังที่กำลังวางกับข้าวอยู่ทันที
    ทำเอาอายะจังถึงกับสะดุ้งจนหน้าแดงออกมานิดๆ

    “ว้ายย!~~~ ตกใจหมดเลยค่ะพี่โคโนกะ~”
    “อ๊า~~ ก็อายะจังของพี่เก่งเหลือเกินนี่น่า ดูสิๆ ~ กับข้าวน่ากินทั้งนั้น น่ารักจริงๆเลยน้า~~ ”
    “เหรอค่ะ~~ ก็พี่โคโนกะสอนหนูมาดีไง! ”
    “แหมๆ~ ชมอย่างนี้พี่ก็เขินแย่สิจ๊ะ~~ อีกอย่างอายะจังเก่งเองต่างหากด้วย เพราะพี่ไม่เห็นว่าเซ็ตจังจะพัฒนาฝีมือด้านนี้ขึ้นมาซักนิด สู้อายะจังก็ไม่ได้!~ว่าแต่...หัดทำกับข้าวเก่งแบบนี้ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของใครรึเปล่าเอ่ย?~”

    ..โคโนกะที่ถามไปก็มองไปยังนักดาบน้อยที่เธอกอดอยู่ด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี....ทำเอาอายะจังที่ได้ฟังก็หน้าแดงก่ำ ก่อนที่จะส่ายหัวดิ๊กแทนคำตอบ
    โคโนกะที่เห็นท่าทางอายๆนั่นก็หัวเราะคิก ก่อนจะผละตัวจากอีกฝ่ายและเริ่มจะหม่ำข้าว แต่อายะจังที่เข้ามานั่งอยู่ด้วยอีกคนกลับนิ่งเฉยจนโคโนกะเอ่ยถามขึ้น

    “อ้าว!~ อายะจังหิวไม่ใช่เหรอจ๊ะ?”
    “เอ่อคือ...เมื่อกี้ตอนทำๆอยู่หนูชิมไปด้วย สงสัยชิมเยอะไปหน่อยหนูเลยหายหิวเลย หนูขอรอทานข้าวกับพี่เซ็ตซึนะแล้วกันน่ะค่ะ”
    “อ่าจ๊ะ~ งั้นพี่หม่ำก่อนหล่ะน่ะ!!!~~~”

    โคโนกะที่หิวเต็มแก่ก็ยิ้มหน้าแป้นแล่นและเริ่มกินข้าวเย็นทันที
    อายะจังที่เห็นพี่โคโนกะที่มักทำตัวแบบเด็กๆเสมอก็ยิ้มให้อย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะขอตัวไปอาบน้ำและโคโนกะที่กินเสร็จก็ดูนาฬิกาที่ข้อมืออีกครั้ง

    “อีกสิบห้านาที...ยังทันนี่เนอะ~~”

    แล้วโคโนกะที่ล้างจานเสร็จก็รีบเข้าห้องนอนไปโดยไม่ลืมตะโกนบอกอายะจังไปว่า
    “อายะจัง!~~ พี่ไปนอนก่อนน่ะ~~”
    “ค่า!~~~”

    แล้วโคโนกะก็หายเข้าไปในห้องนอนทันที อายะจังที่ยังอาบน้ำอยู่ก็แหงนไปมองที่นาฬิกาในห้องน้ำใกล้ๆ

    “อืม...หกโมงยี่สิบแล้วเหรอเนี้ย? วันนี้ช้ากว่าทุกวันน่ะ..”

    .....โคโนกะที่เข้ามาในห้องนอนก็รีบไปเปิดล็อคเกะใต้โต๊ะเขียนหนังสือด้วยกุญแจที่ตนคล้องคอร้อยกับสร้อยเอาไว้
    และหยิบไดอารี่ขึ้นมา เธอนั่งเขียนไดอารี่บันทึกประจำวันอยู่นานด้วยท่าทางรีบเร่งแต่ก็มีความสุข จนกระทั้งเธอเหลือบมาดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง..

    “ฟู่ววว!~~~ อีกสามนาที ทันฉิวเฉียดเลยน่ะ~”

    ....บ่นจบโคโนกะก็รีบวางไดอารี่เก็บเข้าที่ก่อนที่จะล็อคมันอย่างเดิมและเดินไปยังที่นอน
    เธอเลื่อนตัวไปนอนที่เตียงที่มีเซ็ตจังองครักษ์ของเธอนอนอยู่ โคโนกะเข้าไปนอนใกล้ๆอีกฝ่ายและเอาผ้าห่มขึ้นมาห่มก่อนจะมองไปที่หน้าต่างด้านนอกที่เหลือแสงสีส้มจากพระอาทิตย์อยู่เพียงเล็กน้อย องค์หญิงเอื้อมมือไปจับใบหน้าขององครักษ์ของเธอเอาไว้แล้วลูบมันไปมาเบาๆอย่างอ่อนโยนด้วยอารมณ์ที่คิดถึง

    เดี๋ยวเซ็ตจังก็จะตื่นแล้วสิน่ะ ฉัน....อยากที่จะดูตอนที่เซ็ตจังตื่นมาพร้อมฉันจัง
    นิ่งไปสักพักโคโนกะก็ทำท่าหาวหวอดขึ้นมา เธอที่รู้ว่าใกล้เวลาแล้วก็เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของอีกฝ่ายพลางพูดขึ้นว่า

    “ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ เซ็ตจังที่รักของฉัน~ วันนี้ก็อย่าลืมรักฉันด้วยน่ะ~”

    พูดจบโคโนกะก็เข้าไปหอมแก้มเซ็ตซึนะที่กำลังนอนอยู่ฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงก่อนที่จะล้มตัวลงนอนในที่สุด พร้อมๆกับแสงของพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปพอดี...และสักพักเซ็ตซึนะที่นอนอยู่ตลอดก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
    องครักษ์สาวพบร่างของโคโนจังที่นอนอยู่ข้างๆพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็ยิ้มตอบให้กับหญิงสาวที่นอนอยู่ตรงนั้น
    เซ็ตซึนะที่เพิ่งตื่นนอนก็โน้มตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของโคโนจังที่กำลังหลับพริ้มด้วยอารมณ์เสน่หาในตัวอีกฝ่ายก่อนจะเข้าไปกระซิบเบาๆให้อีกองค์หญิงของเธอได้ยินว่า

    “สายันต์สวัสดิ์~ องค์หญิงของหม่อมฉัน~”

    พูดจบเซ็ตซึนะก็เข้าไปจุมพิตไปที่กระหม่อมของโคโนจังหนึ่งทีเป็นการทักทายแล้วยิ้มให้อย่างเป็นสุข
    องครักษ์สาวในชุดนอนที่ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะใช้กุญแจที่คล้องคออยู่เหมือนกับของโคโนจังมาไขล็อคมันออกและหยิบไดอารี่ขึ้นมาอ่านบันทึกของโคโนจังวันนี้ทันที

    ถึงเซ็ตจัง สวัสดีตอนค่ำจ๊ะ!~~

    .........วันนี้ฉันถูกท่านตาเรียกให้ไปพบตั้งแต่เช้าแหน่ะแต่ความจริงคือหลอกให้ฉันไปเข้าพิธีดูตัวต่างหาก!!
    ร้ายกาจที่สุดเลยเนอะ!! น่าเคืองจริงๆ เดี๋ยวนี้ชักจะใช้แผนสูงขึ้นทุกวันๆ ฉันว่าซักวันฉันต้องโดนจับเข้าพิธีแน่ๆ
    ฮือ~~ จะทำยังไงลาดีเนี้ยเซ็ตจัง~ ช่วยฉันคิดหน่อยซี่~ ฉันถูกท่านตาบังคับเรื่องนี้ไม่เลิกซักที~~

    ........ แต่โชคดีน่ะที่ตอนนั้นฉันไหวตัวทันเลยหนีออกมาได้ ฉะนั้นวันนี้ฉันก็เลยโดดเรียนซะเลย!! (^^)
    โธ่...แต่วันนี้มีวิชาพิสูจน์อักษรที่ยากซะด้วยสิ!~
    ถ้าเกิดฉันติดเอฟวิชานี้ขึ้นมาฉันจะไปเอาเรื่องกับท่านตาให้ถึงที่เลยคอยดู!

    .......อ้อๆ แล้ววันนี้ตอนที่ฉันหนีพวกบอดี้การ์ด ฉันใช้สเก็ตไต่ลงราวบันไดยาวยี่สิบเมตรได้ด้วยน่ะ!!
    เก่งใช่ไหมหล่ะ? อุตส่าห์ฝึกท่านี้มาตั้งนานเพื่อใช้หนีในงานนี้เนี้ยแหล่ะ!~ (^o^) ฮิๆๆ

    แต่...มันก็หนีได้แป๊บๆพวกบอดี้การ์ดนั้นก็ตามมาทัน(T_T) โชคดีที่คาซึมิจังขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านมาพอดี
    ไม่งั้นฉันคงต้องใช้มาตรการสุดท้ายแล้วหล่ะ! แล้วหลังจากนั้นฉันก็หนีไปที่ตัวเมืองทั้งวันเลย!!

    (แต่มาตรการสุดท้ายนี่แพงน่าดู ไม่นึกเลยว่าคุณมานะจะงกขนาดนี้!~ ค่าจ้างแต่ละทีพาฉันอดกินขนมเค้กไปหลายมื้อเลยน้า~~)

    ..... แล้วก็ๆ น่ะฉันลืมบอกอายะจังไป ตอนนี้กับข้าวในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว ขอโทษน่ะจ๊ะ วันนี้มัวแต่ยุ่งๆหลบพวกบอดี้การ์ดอยู่เลยลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท(T_T)
    เซ็ตจังก็อย่าลืมไปซื้อมาด้วยน่ะจ๊ะ!~~ แล้วก็อย่าเอาพวกเนื้อไม่สดมาอีกน่ะ!! ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆด้วย!!
    อายะจังเขาเด็กกว่าเซ็ตจังตั้งเยอะ ยังจ่ายกับข้าวเก่งกว่าเลย หัดเอาอย่างอายะจังซะบ้างสิ!!

    .....เซ็ตซึนะที่อ่านมาถึงท่อนนี้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ความจริงเธอก็ขำกับไดอารี่ที่เธอกำลังอ่านอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วหล่ะ และเซ็ตซึนะที่หยุดหัวเราะได้สำเร็จก็หันมาอ่านบันทึกที่เหลือต่อทันที

    ....... วันนี้ตอนที่ไปเจอพวกโนโดกะจัง อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาทำนองว่า
    เรื่องพิธีดูตัวของฉันทำไมไม่ให้เซ็ตจังบอกท่านตาไปตรงๆ ก็โนโดจังเขารู้แค่ว่าเราอยู่ด้วยกันนี้น่ะ น่าตกใจใช่ไหมที่โนโดกะจังเป็นคนถาม??? (o_O)

    ........ แต่เขาก็ไม่ได้รู้หรอกว่าเราไม่ได้เจอหน้าและคุยกันตรงๆมาเกือบจะหกปีกแล้ว
    เซ็ตจังจ๊ะ ฉันเฝ้านับวันที่พวกเราจะได้อยู่เจอหน้ากันมาโดยตลอด ไอ้วันที่ท่านเทพสามภพว่า
    มันจะมาถึงเมื่อไหร่กันน่ะ? แล้วถ้าเกิดพวกเราทำไม่สำเร็จพวกเราจะต้องอยู่อย่างนี้ตลอดไปหรือเปล่า?
    ฉันไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรออย่างเชื่อมั่นต่อไปน่ะ.

    ......ปล.วันนี้ฉันก็ยังรักเซ็ตจังเหมือนเดิมน่ะจ๊ะที่รัก จุ๊บๆ(^3^)

    ....เซ็ตซึนะที่มาอ่านประโยคสุดท้ายก็หน้าแดงนิดๆก่อนจะหันไปมองร่างของโคโนจังที่กำลังนอนหลับปุ๋ย
    แม้จะหลับไปแล้วยังสามารถทำให้ฉันรู้สึกเขินได้เสมอเลยน่ะ

    อ่านจบ ... องครักษ์สาวก็เปิดไปยังหน้าที่มีกระดาษแผ่นหนึ่งเหน็บอยู่
    กระดาษสีขาวขนาดเล็กที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พวกเธอทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกครั้ง
    เซ็ตซึนะพลิกมันขึ้นมาอ่านข้อความในกระดาษนั่นด้วยอารมณ์ที่ย้อนกลับไปในช่วงเวลาของเมื่อหกปีก่อน
    ...ในวินาทีที่เธอได้เห็นกระดาษแผ่นนี้เป็นครั้งแรก....

    ผู้ถูกเลือกรุ่นที่สามสิบห้า
    โคโนเอะ โคโนกะ เผ่ามนุษย์
    ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ เผ่าเทพ เผ่าปิศาจ

    น่าตกใจจริงๆ...ด้วยข้อความที่ปรากฏอยู่บนกระดาษไตรเวทย์ เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเธอยังไม่ตาย
    ใช่แล้ว เพราะพวกเธอทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้ถูกเลือกด้วยกันทั้งคู่! เพียงแต่..ไม่มีใครรู้ว่าเซ็ตซึนะจะเป็นลูกครึ่งของเผ่าเทพปิศาจและก็ไม่มีใครนึกถึงว่าจะยังมีเผ่าเทพหลงเหลืออยู่ ฉะนั้นพวกสหพันธ์คันไซจึงไม่นึกเอะใจและไม่เคยลองเอากระดาษไตรเวทย์มาทดสอบตัวเธอเลยสักครั้งเพราะพวกเขาไม่คิดว่ามันจะมีผู้ถูกเลือกจากเผ่าอื่นอีก

    และกระดาษแผ่นนี้เธอก็ได้มาหลังจากที่พวกเธอทั้งสองคนฟื้นขึ้นมาแล้ว ถ้ารู้ว่าเธอเป็นผู้ถูกเลือกตั้งแต่แรก
    เธอคงจะเข้าทำพิธีนี่อย่างสบายใจแล้วหล่ะ ขนาดท่านเทพสามภพยังตกใจเลยนี้น่ะหลังจากที่ได้สัมผัสกับตัวเธอ
    ท่านเทพเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเธอเป็นผู้ที่ถูกเลือกอีกคน ตัวเซ็ตซึนะเองก็ไม่อยากจะเชื่อก็เธอไม่ได้มีพลังเวทย์อันมหาศาลเหมือนโคโนจังนี่น่า และดูเหมือนว่าคำอธิบายที่ท่านเทพมีให้กับกรณีของเธอก็คือ...

    “คงเพราะ...มีเผ่าเทพเหลือน้อยเต็มที และตัวเจ้าเองก็อยู่ใกล้พวกจอมเวทย์มาโดยตลอด
    ชะตาฟ้าจึงลิขิตให้เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกทั้งๆที่ตัวเจ้าเองก็มิได้มีพลังเวทย์มากมายเลยเช่นนี้
    ท่า...สิ่งที่เจ้าจะนำมาใช้ในการปรับสมดุลพลังไตรเวทย์คงจะไม่ใช่พลังเวทย์ในตัวแต่คงเป็นความเป็นเทพและมารของเจ้าเสียกระมัง เพราะเดิมทีทั้งเทพและปิศาจก็ก่อกำเนิดจากมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น
    เพียงแต่เผ่าทั้งสองเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่บำเพ็ญเพียรมามาพอจนมีพลังแก่กล้ากว่ามนุษย์ธรรมดา
    ดังนั้นหลังจากที่เจ้าเข้าไปปรับสมดุลของไตรเวทย์ในดินแดนสามภพแล้ว
    ...เจ้าคงต้องกลายเป็นมนุษย์สามัญไม่มีพลังของเทพและมารอีกต่อไป ซึ่งเจ้าก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นใช่หรือไม่?..”

    ...ซึ่งในตอนนั้น เธอดีใจทั้งน้ำตาและพยักหน้าทำตามที่ท่านเทพพูดทันที
    เพราะจะให้เธอเป็นมนุษย์ธรรมดาหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงแต่ให้โคโนจังกลับมาก็พอ...และมันก็อย่างที่เห็น เธอและโคโนจังกลับฟื้นขึ้นมาได้เป็นเวลาหกปีแล้ว
    แล้วเซ็ตซึนะก็เอากระดาษไตรเวทย์กับไดอารี่เก็บเข้าที่และล็อคมันเอาไว้อย่างเดิม พลางนำตัวเองกลับไปยังวันที่ตนได้คุยกับท่านเทพสามภพอีกครั้ง

    ... มันไม่เคยมีกรณีอย่างนี้มาก่อน เจ้าลูกครึ่งเทพปิศาจผู้ถูกเลือก ไม่เคยมีการทำพิธีของผู้ถูกเลือกสองคนต่อการปรับสมดุลหนึ่งครั้งมาก่อน
    และข้าเองก็ช่วยพวกเจ้ามากไปไม่ได้มากกว่านี้
    ทว่า...พวกทวยเทพทั้งหลายก็ต่างเห็นใจพวกเจ้า พวกเขาทั้งหลายจึงตัดสินใจให้พวกเจ้าต้องคำสาปไปแทนที่ของความตายและการที่ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งนิทราไปชั่วนิรันดร์

    ....ด้วยคำสาปของพวกทวยเทพ... นับแต่บัดนี้พวกเจ้าต่างไม่มีทางที่จะตื่นพร้อมกัน
    นึงตื่นยามกลางวันเท่านั้น อีกนึงตื่นยามกลางคืน คำสาปนี้จะดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั้งถึงวันเวลาที่แสงและเงาอยู่ด้วยกันโดยสมบูรณ์ เมื่อถึงช่วงเวลานั้นเจ้าสองคนต้องอยู่พร้อมกัน
    ถ้าผู้นึงนอนอยู่ อีกผู้นึงต้องเป็นคนปลุกอีกฝ่ายขึ้นมา และโอกาสที่พวกเจ้าจะแก้คำสาปนั้นมันจะมีเพียงแรกหนแลหนเดียวเท่านั้น ถ้าพวกเจ้าพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว ผู้ที่หลับใหลอยู่และมิได้ถูกปลุกก็จะหลับใหลไปกับคำสาปนี้ตลอดกาล เหลือแค่ผู้ที่ตื่นอยู่แล้วเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะใช้ชีวิตเหมือนปรกติต่อไป.....

    ....เซ็ตซึนะที่คิดถึงถ้อยคำนั้นก็คิดหนัก ปริศนาวันดังกล่าวเธอไม่รู้แน่นอนหรอกว่ามันจะมาเมื่อใด
    แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ตลอดหกปีที่ผ่านมานี้แน่ ไม่เช่นนั้น พวกเธอคนใดคนนึงคงหลับใหลตลอดกาลไปแล้ว
    เมื่อย้อนกลับไปคิดเรื่องเก่าสักพัก เซ็ตซึนะก็ออกไปจากห้องแล้วก็พบกับอายะจังที่กำลังดูทีวีอยู่
    องครักษ์เข้าไปทักทายอายะจังพลางยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

    “สายันณ์สวัสดิ์อายะจัง กินข้าวรึยังหล่ะ?”
    “ยังเลยค่ะ~ หนูกำลังรอพี่เซ็ตซึนะอยู่ กินด้วยกันน่ะค่ะ~”
    “เหรอ อ่า...งั้นพี่ขอไปล้างหน้าแป๊บนึงน่ะ”

    ...อายะจังที่หันมามองอีกฝ่ายก็ยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรีบไปอุ่นกับข้าวให้ร้อนแล้วรออีกฝ่าย
    ตลอดเวลาเกือบสองปีที่อายะจังได้มาอยู่กับพวกพี่ๆ อายะจังก็จะพยายามหาเรื่องมากินข้าวเย็นกับพี่เซ็ตซึนะของเธอ
    เกือบทุกครั้งที่มีโอกาสโดยไม่ให้พี่โคโนกะสงสัย แต่จะว่าไปเวลากินข้าวเย็นของพี่โคโนกะก็ออกจะเร็วไปหน่อยนี่น่ะ
    พี่โคโนกะคงไม่ผิดสังเกตอะไรหรอก....และแล้วทั้งสองก็มานั่งกินข้าวด้วยกันในที่สุด เซ็ตซึนะที่คีบไข่ม้วนเข้าปากพอเห็นรสชาติมันเปลี่ยนไปจากทุกทีก็ทักขึ้น

    “วันนี้อายะจังทำอาหารเย็นเหรอเนี้ย?”
    “ค่ะ~ พี่เซ็ตซึนะ พี่รู้ได้ยังไงค่ะ?”
    “ก็ไข่ม้วนมันรสอ่อนกว่าทุกที ก็โคโนจังชอบกินหวานๆน่ะสิ อายะจังรู้ว่าพี่ชอบแบบนี้เลยทำให้กินสิน่ะ ขอบใจน่ะอายะจัง”

    ...อายะจังที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มจนแก้มปริที่พี่เซ็ตซึนะของเธอรู้เรื่องนี้
    เธอตั้งใจให้ไข่หวานมันหวานน้อยลงเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นชอบ น่ะเอง แล้วหลังทานข้าวเสร็จ
    เซ็ตซึนะที่ต้องไปซื้อกับข้าวตามที่โคโนจังสั่งก็ทำท่าหนักใจ จนอายะจังที่กำลังทำการบ้านอยู่จับอาการนั้นได้ก็ถามขึ้น

    “มีอะไรหรือเปล่าค่ะพี่เซ็ตซึนะ?”
    “ก็โคโนจังน่ะสิให้พี่ไปซื้อของเข้าตู้เย็น แต่ถ้าซื้อไม่ถูกใจเดี๋ยวก็ถูกบ่นอีก...เฮ้อออ~~”
    “งั้นเดี๋ยวหนูไปซื้อเป็นเพื่อนเองค่ะ!~~ พี่เซ็ตซึนะรอหนูแต่งตัวแป๊บนึงน่ะ~~”

    ...แล้วอายะจังที่อาสาตัวเองอย่างกระตือรือร้นก็รีบวิ่งหายไปในห้องนอนทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดซักคำ
    เซ็ตซึนะที่ได้แต่มองตามหลังก็แปลกใจเล็กๆแต่ก็ยังนั่งรอ และทั้งสองที่พร้อมแล้วก็ออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาดด้วยกันในที่สุด

    ....แล้วเซ็ตซึนะก็ต้องทึ่งกับความสามารถของอายะจัง โคโนจังพูดถูก อายะจังที่แม้จะเด็กกว่าแต่กลับเก่งเรื่องนี้กว่าเธอซะอีก
    ...เพราะนักดาบน้อยดูปราดเดียวก็รู้ว่าอะไรสดไม่สด แถมยังรู้ด้วยว่าอะไรแพงไปถูกไป
    เธอที่วันๆเอาแต่ฝึกดาบอย่างเดียวแต่ไอ้เรื่องพวกนี้มันไม่ถนัดเสียเลยจริงๆ และขากลับจากการซื้อของ
    เซ็ตซึนะกับอายะที่เดินกลับอพาร์ทเมนท์ก็ต่างมีของเต็มมือทั้งคู่ ระหว่างทางอายะจังก็เล่าเรื่องการไปเรียนม.ต้นที่มาโฮระเป็นวันแรกอย่างตื่นเต้น

    “ ....แล้วพอหนูบอกชื่อกับสกุลไป อาจารย์คนนั้นเขาก็ถามขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ว่าหนูเป็นน้องของคนที่ชื่อซากุระซากิ เซ็ตซึนะรึเปล่า?”
    “เหรอ? อาจารย์ทาคาฮาตะถามอย่างนั้นเหรอ?”
    “ค่ะ~ แล้วยังมีรุ่นพี่ม.สองคนนึงที่หน้าตาเหมือนคนต่างชาติหน่ะค่ะ ที่ผมยาวสีทอง ชื่อ...เอ่อ ชื่อเอวาเจลีน เขาก็ถามเหมือนกันว่าหนูเป็นน้องของพี่หรือเปล่า
    แต่เวลาเขามองมาที่หนูน่ากลัวมากๆเลยน่ะค่ะ”
    “ฮ่ะๆๆ ก็พี่เคยไปทำร้ายคู่หูของคุณเอวามาก่อนนี่น่ะ ระวังตัวให้ดีหล่ะอายะจัง... คุณเอวาอาจจะเอาคืนจากอายะจังแทนพี่ก็ได้”
    “เห๋~~ จริงเหรอค่ะ? ว้า!~...อย่างนี้หนูก็แย่น่ะสิ”
    “นั่นสิน่ะ ว่าแต่อายะจังตอบพวกเขาว่าอะไรหล่ะ?”

    .....มาถึงตรงนี้ อายะจังที่พูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงมาตลอดก็เงียบและหยุดเดินเสียเฉยๆ
    เซ็ตซึนะที่ไม่ทันสังเกตก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆจนองครักษ์สาวเริ่มเอะใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดินข้างเธอ
    เซ็ตซึนะจึงหันหลังกลับไปมองอายะจังที่อยู่ๆก็หยุดเดินด้วยความแปลกใจ แล้วอายะจังที่ยืนก้มหน้านิ่งก็ถามอีกฝ่ายขึ้นว่า

    “แล้วพี่เซ็ตซึนะ...อยากจะให้หนูตอบว่าอะไรหล่ะค่ะ?”

    ......เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งเล็กๆก่อนจะก้าวไปหาอายะจังที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า
    เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอายะจังถึงถามเธอแบบนี้แต่องครักษ์สาวก็เข้าไปลูบหัวอีกฝ่ายพลางยิ้มให้และตอบคำตอบของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า

    “ก็บอกว่าเป็นน้องสาวของพี่สิ~ และเป็นน้องสาวที่พี่รักที่สุดด้วย ”

    ....อายะจังที่ได้ฟังนั้นหัวใจแทบจะสลายไปตรงนั้น น้ำตาก็เริ่มคลอและกำลังจะไหลออกจากดวงตาเศร้าคู่นั้นอย่างห้ามไม่อยู่
    แต่เซ็ตซึนะที่ไม่ทันสังเกตเห็นก็เริ่มตกใจที่อีกฝ่ายนิ่งไปดูและไม่ยินดีกับคำตอบที่เธอเพิ่งพูดไปนั้นเลย เธอจึงเข้าไปจะถามอีกฝ่ายทันทีแต่ทว่า..

    “มะเหมี๊ยวววว~~ มะเหมี๊ยววววว~~ มะเหมี้ยวววว~~”

    ....โทรศัพท์ที่โคโนจังตั้งให้เป็นเสียงแมวดังขึ้นมาพอดี เซ็ตซึนะที่สะดุ้งกับเสียงริงโทนนั้นก็รีบคว้ามันขึ้นมาดู
    ท่านพี่โมโตโกะของเธอนั่นเองที่โทรมา เซ็ตซึนะจึงจำใจต้องรับมันขึ้นมาคุยแม้ใจจะเริ่มกังวลกับอายะจังตรงหน้าแล้วก็ตาม
    “สวัสดีค่ะท่านพี่ มีอะไรหรือค่ะ?”
    “วันนี้เธอมีนัดกับพี่หน่ะ จำได้ไหม?”
    “ค่ะ ท่านพี่ หนูจำได้ ”
    “คืออย่างนี้ พี่ของเร่งเวลาหน่อยน่ะ เผอิญพี่มีธุระที่ต้องรีบไปทำแต่เช้า เอาเป็นที่เดิมแต่ตอนสามทุ่มแล้วกัน”
    “สามทุ่มเหรอค่ะ?”

    ....เซ็ตซึนะที่ถูกเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นก็กังวลขึ้นมาทันที ก็เธอยังอยู่กับอายะจังข้างนอกอยู่เลยนี่นา
    แต่อายะจังที่ก้มหน้านิ่งอยู่นานที่ได้ยินเช่นกัน นักดาบน้อยรีบทำเสียงให้เป็นปกติและพูดขึ้นว่า

    “พี่เซ็ตซึนะไปเลยก็ได้ค่ะ อพาร์ทเมนท์มันแค่เลี้ยวข้างหน้าเอง เดี๋ยวหนูเอาของเข้าตู้เองน่ะ~”
    “ตะ..แต่ว่า”
    “ก็พี่เซ็ตซึนะรีบไม่ใช่เหรอค่ะ หนูโตแล้วน่ะ~~ แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างพี่เซ็ตซึนะต้องไปทำงานด้วยไม่ใช่เหรอค่ะ? อย่าลืมเอาดาบไปด้วยน่ะค่ะ~”

    ...แล้วเซ็ตซึนะที่อีกฝ่ายยังยืนกรานเสียงแข็งก็จำใจทำตามนั้นในที่สุดโดยไม่ลืมพูดทิ้งท้ายให้เดินกลับดีๆด้วยความเป็นห่วง
    แล้วเซ็ตซึนะก็รีบเดินทางกลับไปเอาดาบและไปหาท่านพี่ของเธอที่ร้านอาหารตามที่นัดเอาไว้โดยที่อายะจังเองก็เอาข้าวของทั้งหมดที่ซื้อมากลับเข้าห้องด้วยตัวคนเดียว...

    .....ทันทีที่ถึงห้อง อายะจังก็จัดแจงเอาของเข้าตู้เย็น แต่ระหว่างที่เก็บของเข้าที่นักดาบน้อยก็ร้องไห้ไปด้วย
    น้ำตาที่ไหลไม่หยุดเพราะหัวใจของเธอกำลังร่ำไห้ เสียใจที่สุดท้ายสิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้มันก็ไม่เป็นจริง
    ....อายะจังที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปก็สะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาทั้งน้ำตาและหยุดมือกลางคัน ก่อนที่ร่างน้อยๆจะทรุดลงไปนั่งที่หน้าตู้เย็นและเอ่ยคำพูดขึ้นให้กับผู้ที่ไม่มีทางได้ยินเสียงของหัวใจของเธอว่า

    “หนูเป็นแค่น้องสาวของพี่เท่านั้นหรือค่ะ? พี่เซ็ตซึนะ~ หนูเป็นมากกว่านั้นไม่ได้เหรอ?
    หนูแทนพี่โคโนกะในหัวใจของพี่ไม่ได้หรือไง? จนป่านนี้แล้วพี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าหนูคิดยังไงกับพี่เซ็ตซึนะ
    หนู....หนู....รักพี่เซ็ตซึนะน่ะ ชอบพี่เซ็ตซึนะมาตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเลยด้วย
    ทำไม...ทำไมพี่ถึงไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของหนูเลยหล่ะค่ะ??~~ ”

    ...........................................................................................................................................................

    ...ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

    .....เซ็ตซึนะและโมโตโกะก็กำลังนั่งคุยธุระกันอยู่ วันนี้โมโตโกะมิได้ใส่ชุดนักดาบชินเมริวอย่างทุกที
    แต่นักดาบผู้พี่กำลังสวมใส่ชุดกระโปรงราตรีสีดำวาวที่เพิ่งใส่กลับมาจากงานเลี้ยงแห่งหนึ่งทำให้อีกฝ่ายดูสวยเด่นมากๆ
    แถมยังแต่งหน้าซะสวยเช้งอีกต่างหาก พาเอาคนทั้งร้านต้องเหลียวมามองด้วยความตะลึง
    เพราะโมโตโกะในอายุยี่สิบหกช่างดูสวยสง่าเหมือนกับนางแบบเสียจริง จนเซ็ตซึนะเองที่เห็นท่านพี่ในลุคใหม่ถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อก

    แต่งตัวดีๆก็สวยมากๆเลยนี่น่า ท่านพี่เนี้ย~~ และวันนี้ธุระที่พวกตนคุยกันหนึ่งในนั้นก็คือ
    เรื่องวันที่ท่านเทพสามภพได้เคยบอกเอาไว้กับเซ็ตซึนะน่ะเอง ซึ่งน้ำเสียงและการสนทนากลับมาสนิทสนมเหมือนกับตอนที่เซ็ตซึนะยังเด็กๆไม่มีผิด...

    “วันที่เงาแสงและเงาเป็นหนึ่งเดียวกันเหรอ? ฟังยังไงๆ พี่ก็ตีได้อย่างเดียวว่ามันคือตอนที่มีสุริยะคราสไม่ก็จันทรคราสน่ะ เซ็ตซึนะ”
    “ค่ะ หนูเองก็คิดเหมือนกับท่านพี่ แต่ตลอดหกปีมานี้มันก็มีสุริยะคราสและจันทรคราสมาตั้งหลายครั้ง แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เลยสักครั้งเดียว หรือว่ามันจะมีความหมายอย่างอื่นก็ไม่รู้”
    “นั่นสิน่ะ.....เอ่อว่าแต่ เรื่องย้ายไปรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยฝ่ายองครักษ์ที่สหพันธ์คันไซจะว่ายังไง? ปฏิเสธเหมือนเดิมไหม?”
    “ค่ะ...ช่วยบอกเขาไปเหมือนเดิมด้วยน่ะค่ะ ท่านพี่ก็รู้ว่าหนูไม่อยากจะจากโคโนจังไปไหน”

    ...โมโตโกะที่ได้ฟังก็นิ่งไปก่อนที่จะถอนหายใจและพูดขึ้นว่า...
    “แล้วเธอจะทนอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอเซ็ตซึนะ ได้เจอกันทุกวันแต่คุยกันไม่ได้เลย ตลอดหกปีมานี่ไม่นึกเจ็บใจขึ้นมาเลยรึไง?”

    ....เซ็ตซึนะที่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายก็ยิ้มให้ ก่อนจะพูดให้เหตุผลที่เป็นตัวของเธอเองว่า
    “หนูนึกเจ็บใจอยู่ทุกเวลานั่นหล่ะท่านพี่ แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่หนูยินดีที่จะรับมัน มันดีกว่าที่จะปล่อยให้โคโนจังตายจากไปตรงหน้าโดยทิ้งให้หนูอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆหนูคงจะอยู่ได้ไม่นานก็ต้องฆ่าตัวตายตามโคโนจังไปแน่ๆ บางที..นี่อาจจะเป็นผลกรรมของตัวหนูเองที่ได้ก่อเอาไว้ตอนที่อยู่ร่างมารก็ได้.. ว่าแต่ท่านพี่เองก็เถอะอายุก็จะยี่สิบหกแล้วไม่คิดจะหาคู่ครองเรือนกับเขาบ้างเหรอ? ”

    ....เซ็ตซึนะถามขึ้นมาตรงๆด้วยท่าทางซื่อๆแต่โมโตโกะที่กำลังนั่งฟังอยู่ก็ยิ้มอย่างแค้นเล็กๆที่โดนน้องสาวตัวดีถามแบบนี้ เธอตอกกลับน้องสาวของเธอไปว่า..
    “ใครจะไปแก่แดดเหมือนเธอที่อยู่กับแฟนตั้งแต่อายุสิบแปดหล่ะเซ็ตซึนะ อีกอย่าง....ก็เพราะเธอมิใช่รึ? ที่ทำให้พี่ต้องวุ่นวายมาตลอดสิบกว่าปีมาเนี้ย ฉะนั้น..เรื่องพรรณนั้นพี่เลิกคิดไปตั้งนานแล้วหล่ะ”

    แม้โมโตโกะพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี ทว่ามันสะกิดไปที่ใจของเซ็ตซึนะเข้าอย่างจัง...
    นั่นสิน่ะ ท่านพี่ต้องมาดูแลเราตลอดเลยนี่น่า....แม้แต่ตอนนี้ก็คอยมาหาอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส เรานี่มันทำให้ท่านพี่ต้องลำบากอยู่เรื่อยเลยน่ะ...

    “ขอโทษค่ะท่านพี่ เพราะหนูทุกทีเลย ไม่อย่างนั้นท่านพี่คงมีความสุขแบบที่ลูกผู้หญิงคนอื่นควรจะมีไปแล้ว...”

    .ชินเมริวผู้น้องพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้ผิดพลางมองไปนอกหน้าต่างที่มีคู่รักมากมายที่อยู่ด้วยกัน
    ทั้งๆที่ท่านพี่โมโตโกะของเธอก็สวยมากๆเลยแท้ๆ และควรจะมีแฟนเหมือนผู้คนข้างนอกนั่น
    แต่ท่านพี่กลับต้องมาเหงาอยู่คนเดียวก็เพราะเธอ ทว่าโมโตโกะที่มองท่าทางนั่นอยู่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกเสียใจเพียงใด
    เธอยิ้มและส่ายหน้าน้อยๆให้แทนคำตอบพลางพูดขึ้นว่า

    “บ้าน้า~ ขอโทษอะไรกันเซ็ตซึนะ พี่กลับมีความสุขที่ได้อยู่แบบนี้มากกว่าอีกน่ะ พี่ไม่ใช่พวกแม่บ้านอะไรแบบนั้นนี้ ถ้าต้องมานั่งทำกับข้าวหรือทำงานบ้านทั้งวันหล่ะก็พี่ขอตายดีกว่า พี่ชอบที่ได้มาเป็นหัวหน้าตระกูลอาโอยามะเหมือนท่านพี่ซึรุโกะมากกว่าอีก”

    ...โมโตโกะพูดสิ่งที่อยู่ในใจด้วยท่าทางอารมณ์ดีก่อนที่จะขอตัวกลับ เพราะเธอเองก็มีธุระต้องไปจัดการกับเรื่องในตระกูลอาโอยามะแต่เช้าจึงอยู่นานไม่ได้ เพราะบัดนี้ นับตั้งแต่เรี่องของพิธีไตรเวทย์จบลง โมโตโกะก็เลิกทำตัวเป็นนักดาบพเนจรแล้วกลับมาทำหน้าที่ของหัวหน้าผู้นำตระกูลอย่างเต็มภาคภูมิ

    ซึ่งโมโตโกะก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ตอนนี้ตระกูลอาโอยะมาที่มีแต่ชื่อมานานกำลังจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
    เพราะโมโตโกะได้มีสัมพันธ์อันดีกับสหพันธ์คันไซ ตอนนี้งานสำคัญใดๆของสหพันธ์ทุกงานก็ต้องมีคนของตระกูลอาโอยามะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และเซ็ตซึนะเองที่พอเห็นท่านพี่กำลังจะกลับก็พูดล่ำลากับอีกฝ่าย

    “รักษาสุขภาพด้วยน่ะค่ะท่านพี่โมโตโกะ อย่าหักโหมงานเกินไปหล่ะ”
    “ เจ้าก็เหมือนกันเซ็ตซึนะ งานที่เจ้ารับทำอยู่มันก็อันตรายใช่เล่น ระวังตัวให้ดีๆหล่ะ”
    “ค่ะ..ท่านพี่”

    ทั้งสองต่างยิ้มให้กันและกันก่อนที่จะเดินแยกย้ายกันกลับไป
    เซ็ตซึนะที่มีเป้าหมายต่อไปคือที่มาโฮระ คืนนี้เธอมีงานจากทัตสึมิยะมาให้ทำอีกแล้ว งานที่ว่ามันก็คือการปราบพวกผีปิศาจนั่นเอง...

    “มาเร็วจังน่ะเซ็ตซึนะ แต่ก็ดีพวกเราจะได้เริ่มกันเลย วันนี้ต้องไปไกลหน่อยคงไม่ว่ากันน่ะ? ”

    ทัตสึมิยะ มานะในชุดมิโกะทักอีกฝ่ายขึ้นทันทีที่เซ็ตซึนะเดินทางมาถึงหน้าศาลเจ้า
    เซ็ตซึนะเองที่ตอนนี้ใช้ชีวิตได้แค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น พอจบม.ปลายก็หาอะไรอย่างอื่นทำไม่ได้นอกจากรับปราบปิศาจกับทัตสึมิยะเหมือนกับที่พวกเธอเคยทำงานมาด้วยกันตลอด
    และวันนี้งานก็ไม่ยากมากมายอะไร พอไปถึงสถานที่ที่นายจ้างๆมา พวกเธอใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็จัดการจนเสร็จเรียบร้อย เซ็ตซึนะที่เห็นว่าพวกเธอทำงานได้เร็วกว่าตอนม.ต้นมาก อาจจะเป็นเพราะพวกเธอเก่งขึ้นหล่ะมั้ง? และทัตสึมิยะที่กำลังแบ่งเงินค่าจ้างให้ก็ถามขึ้นว่า

    “วันนี้ง่ายไปเนอะเซ็ตซึนะ ชักเบื่อๆบ้างไหม?”
    “ก็ไม่มากนักหรอก แต่ฉันมันคนไม่มีการศึกษานี้ ก็คงมีแต่ต้องใช้ฝีมือทางดาบเนี้ยแหล่ะทำงาน ว่าแต่ชีวิตนักศึกษามหาลัยปีสองเป็นยังไงบ้างหล่ะ? เริ่มเรียนมาได้สองอาทิตย์แล้วนี้ใช่ไหมทัตสึมิยะ?”

    มานะที่ได้ฟังก็ทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที แต่มิโกะสาวที่เป็นคนเงียบขรึมก็ทำท่าหยักไหล่ให้และพูดขึ้นว่า
    “ก็งั้นๆ ส่วนใหญ่มันก็เป็นวิชาพื้นๆที่ไม่ค่อยมีประโยชน์กับงานของฉันอยู่แล้ว อยากจะลาออกอยู่แล้วเนี้ย ”
    “อ้าว....ทำไมหล่ะทัตสึมิยะ?”
    “ก็มันน่าเบื่อนี่ เสียเวลาทำมาหากินหมด รู้งี้ไม่น่าเชื่อที่คาเอเดะพูดแล้วออกมาทำงานเต็มตัวซะยังจะดีกว่า ”

    ...มานะที่พูดถึงคนรักของตนก็ทำท่าเจ็บแค้นนิดๆ เพราะอีกฝ่ายต้องไปสอบเลื่อนขั้นเป็นนินจาชั้นสูงซึ่งเป็นการสอบที่ทรหดมากต้องใช่เวลาสอบถึงสองปีเต็มๆ เธอจึงถูกคาเอเดะกล่อมให้เรียนมหาลัยต่อ
    ทั้งๆที่เธออยากเปิดธุรกิจรับจ๊อบของเธอให้เป็นบริษัทอย่างเต็มรูปแบบ คิดแล้วก็ยิ่งแค้นเพราะขานั้นแค่สองปีก็จบแต่เธอต้องเรียนถึงสี่ปีเชียวน่ะ!
    เซ็ตซึนะที่นั่งดูอาการของอีกฝ่ายอยู่นานก็รู้ว่ามิโกะสาวนั้นรู้สึกยังไง เธอยิ้มๆออกมาทำท่าจะกลับและพูดขึ้นว่า

    “น่า~~ อีกหกเดือนท่านคาเอเดะก็กลับมาแล้ว ฉันสิไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่.... อ่ะ เอาเถอะฉันกลับหล่ะน่ะ ทัตสึมิยะ แล้วเจอกัน”
    “อืม..แล้วเจอกัน”

    แล้วเซ็ตซึนะก็เดินออกจากศาลเจ้าทัตสึมิยะ ทิ้งให้มานะที่มองตามสหายร่างบางด้วยความรู้สึกสงสาร มิโกะสาวที่ยืนอยู่หน้าศาลเจ้าอยู่เนิ่นนานก็เปรยขึ้นว่า

    “เมื่อไหร่พวกเธอจะมีความสุขกันจริงๆซะทีน่ะ เซ็ตซึนะ พวกเทพเจ้าจะกลั่นแกล้งเธอกับคุณหนูโคโนกะไปจนถึงเมื่อไหร่กัน..”

    ..........................................................................................................................................................................

    ......เซ็ตซึนะที่กลับมาถึงอพาร์ทเมนท์หลังจากฝึกดาบเสร็จก็พบว่าในห้องนั้นทั้งเงียบและปิดไฟมืดอย่างที่เคยเป็นทุกครั้ง
    เธอชินเสียแล้วหล่ะกับที่ต้องอยู่คนเดียวในเวลาที่เธอตื่นอยู่เช่นนี้
    องครักษ์สาวก้มไปมองที่นาฬิกาข้อมือของตนก็พบว่ามันยังเหลืออีกสองชั่วโมงกว่าที่พระอาทิตย์จะขึ้น
    สิ่งที่องครักษ์สาวทำเป็นอย่างแรกคือบันทึกไดอารี่ประจำวันจนเสร็จ

    หลังจากนั้น...เซ็ตซึนะไม่รอช้าที่จะไปหาโคโนจังของเธอที่กำลังหลับใหลอยู่ทันที
    องครักษ์สาวเข้าไปนอนใกล้ๆพลางมองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้มๆ
    มือก็เอื้อมไปกุมมืออันแสนนุ่มนิ่มของโคโนจังเอาไว้พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างมีความสุข...

    .....ด้วยเพราะต่างมีช่วงเวลาที่สลับกันโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเธอไม่เคยได้คุยกันตรงๆเลย
    ที่ทำได้คือการเขียนไดอารี่ถึงกันและกันเท่านั้น โคโนจังที่จะตื่นเฉพาะตอนกลางวันก็ดูจะลำบากเสียหน่อยที่ต้องมีเวลาแค่เพียงสิบสองชั่วโมงสำหรับการเรียนในระดับมหาลัยและจัดการกับเรื่องทุกอย่างภายในบ้าน ทั้งๆที่เซ็ตซึนะก็บอกว่าไม่ต้องให้เธอทำแทนแต่อีกฝ่ายก็ยังยืนกรานเสียงแข็งที่จะทำเอง
    สงสัยจิตวิญญาณความเป็นแม่บ้านคงจะอยู่กับตัวโคโนจังไปจนตายนั่นแหล่ะ(^^)

    …. แต่จะว่าไปตอนมัธยมต้นพวกเธอก็เกือบจะไม่จบพร้อมพวกเพื่อนๆเหมือนกันนี่น่ะ
    โชคดีที่อาศัยความเป็นเส้นใหญ่ของท่านโคโนเอม่อนที่เป็นผอ. สุดท้ายทั้งสองก็เลยเรียนจบทันแบบฉิวเฉียด

    ....... เซ็ตซึนะยังจำได้ดีว่าตอนที่พวกเธอจะตื่นขึ้นมาหลังจากจบพิธีไตรเวทย์นั่นก็นานแสนนาน
    จนเพื่อนๆทุกคนเขาก็หยุดปิดเทอมใหญ่ม.สองเตรียมขึ้นม.สามกันหมดแล้วแต่พวกเธอยังมีความรู้ของแค่เทอมสองต้นๆเอง ทำเอาพวกเธอต้องรีบเรียนหนังสือกันตาหูตูบ เรื่องพวกนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับโคโนจังที่เรียนเก่งอยู่แล้ว
    แต่สำหรับเธอนั้นมันไม่ใช่เลย เธอที่ไม่ได้เรียนดีเด่อะไรอยู่แล้วพอต้องมานั่งเร่งเรียนตลอดเวลาที่ตื่นขึ้นมา พาลเอาเธอเอือมระอากับมันเป็นที่สุด ถ้าไม่ได้โคโนจังเขียนมาคุยในไดอารี่มาแบบปลอบเชิงขู่หล่ะก็ เธอคงไม่สนใจที่จะเรียนตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้วหล่ะ ก็เธอต้องมาเรียนภาคค่ำนี่น่า...น่าเบื่อจะตาย...

    ....... คิดๆเซ็ตซึนะก็ยิ่งขำตอนที่พวกเธอกำลังเรียนตอนม.หกแล้วต้องมานั่งหามหาลัยหรือไม่ก็คณะที่จะต้องเข้าเรียนต่อซึ่งเพื่อนๆส่วนใหญ่ถ้าคิดจะเข้าเรียนมหาลัยก็จะเรียนต่อที่มาโฮระทั้งนั้น
    แต่โคโนจังที่ตอนแรกอยากจะเข้าม.โตเกียวใจแทบขาดทว่าด้วยสภาพที่มีชีวิตได้แค่สิบสองชั่วโมงมันไม่อำนวย
    โคโนจังก็เลยจำใจต้องมาเรียนในมาโฮระต่อแทนทั้งๆที่ใจอยากจะหนีจากท่านโคโนเอม่อนไปให้พ้นๆ
    รู้สึกว่าวันที่ท่านโคโนเอม่อนรู้ว่าโคโนจังยื่นขอทุนเรียนต่อในคณะอักษรของม.มาโฮระท่านผอ.จะยิ้มจนแก้มแทบปริ

    ยังไงท่านก็เป็นท่านตาของโคโนจังก็คงไม่อยากจะให้หลานสาวจากไปไหนซะกระมัง?

    ....ส่วนเธอนั้นเล่า แค่เรียนมัธยมให้จบก็เอาซะเกือบตายอยู่แล้ว ฉะนั้นต่อให้โคโนจังเขียนในไดอารี่กล่อมเธอขนาดไหน (แต่ความจริงมันมีทั้งขอร้อง เคี่ยวเข็ญ บังคับ มีขู่ขอเลิกด้วย(^^”)) เธอก็ไม่สนที่จะเรียนต่อและคิดจะไปทำงานในสายองครักษ์แบบที่เธอถนัดแทน แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ
    เธอที่มีชีวิตได้แค่สิบสองชั่วโมงในตอนกลางคืนแถมงานของสหพันธ์ก็ต้องไปทำถึงเกียวโตด้วย
    ถึงจะเก่งขนาดไหนก็คงไปทำที่นั่นไม่ได้อยู่ดี ก็ฉันอยากอยู่กับโคโนจังนี่น่า

    ...เซ็ตซึนะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็นอนมองใบหน้าขององค์หญิงของเธอไปด้วยอย่างมีความสุข
    พลันสาบตาเหลือบไปมามองนาฬิกาอีกครั้ง มันมีไฟเตือนว่าใกล้เวลาพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที
    นาฬิกาข้อมือของพวกเธอดูเผินๆอาจจะดูธรรมดาแต่ทว่ามันสำคัญกับพวกเธอเท่าชีวิต
    ต้องขอบคุณซาโตมิที่ช่วยประดิษฐ์นาฬิกาที่บอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างแม่นยำ
    พวกเธอจึงใช้ชีวิตที่ขึ้นอยู่กับแสงอาทิตย์ได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ แต่มันก็เปลืองถ่านใช่เล่น เพราะว่ามันต้องส่งสัญญาณเชื่อมต่อกับดาวเทียมเพื่อส่งข้อมูลคำนวณหรืออะไรซักอย่างที่เซ็ตซึนะเองก็ไม่เข้าใจเนี้ยแหล่ะ

    ....อืม เหลืออีกสิบนาที องครักษ์สาวที่รู้ว่าเวลาของตนใกล้จะหมดลงจึงลุกขึ้นและไปเตรียมเสื้อของโคโนจังสำหรับใส่ตอนเช้า แล้วก็เข้าไปเตรียมพวกแปรงสีฟันและอะไรอื่นๆให้เรียบร้อย
    เพราะโคโนจังที่จะไม่ตื่นขึ้นมาเลยถ้าพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าทำให้ต้องเสียเวลาถ้าต้องมาเตรียมของพวกนี้ด้วยตนเอง
    ฉะนั้นตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมา ในวันที่อีกฝ่ายเร่งรีบเซ็ตซึนะก็จะเตรียมของให้แบบนี้ทุกครั้ง
    และเมื่อเซ็ตซึนะวางผ้าเช็ดตัวของอีกฝ่ายไว้ใกล้เสื้อก็ลองมองไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มจะไม่ใช่สีดำดั่งเดิมแล้ว
    องครักษ์สาวจึงรีบขึ้นไปนั่งที่เตียงข้างๆองค์หญิงของเธอ แล้วนั่งดูใบหน้าที่กำลังจะตื่นขึ้นมาในอีกไม่กี่นาทีนี้

    “ฉันอยากจะลองว่าฉันจะฝืนตัวเองเฝ้าดูโคโนจังตอนตื่นได้รึเปล่า แต่ถ้าทำไม่ได้...ก็อรุณสวัสดิ์แล้วกันน่ะโคโนจัง”

    ..พูดจบเซ็ตซึนะก็เข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายหนึ่งทีเบาๆแล้วนั่งหลังพิงหัวเตียงและเฝ้าดูใบหน้าตอนตื่นขององค์หญิงของเธอต่อไป
    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซ็ตซึนะเคยทำแบบนี้แต่พวกเธอทั้งสองคนทำมาหลายร้อยครั้งแล้ว ต่างพยายามข่มตาไม่ให้หลับเพื่อที่จะได้มาเจอใบหน้าของอีกฝ่ายตอนตื่น แต่มันก็ไม่เคยมีสักคราที่เป็นดั่งหวัง และวันนี้เซ็ตซึนะก็ยังคงที่ปรารถนาให้มันเป็นไปตามที่ฝันเอาไว้เฉกเช่นเคย....

    “อื้ม!~~~ เช้าแล้วเหรอเนี้ย วันนี้มีเรียนเช้านี่น่ะ อ๊ะ!~ เซ็ตจัง?~~”

    ....โคโนกะที่ลืมตาขึ้นมาพร้อมๆกับที่พระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าขึ้นมาพอดี และเธอก็ต้องแปลกใจที่องครักษ์ของเธอหลับตานิ่งในท่านั่งพิงหลังอย่างนั้น
    ท่า...คงจะลองพยายามฝืนมาเพื่อที่จะเจอฉันตอนตื่นสิน่ะ แต่มัน...ก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง...จริงไหม?
    โคโนกะที่คิดถึงความจริงในข้อนี้ด้วยแววตาเศร้าสร้อยมองดูความพยายามของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่เข้าใจอย่างที่สุด
    เธอเอื้อมมือไปสัมผัสที่แก้มขององครักษ์ผู้หลับใหลทั้งๆที่ยังนั่งอยู่พลางพูดขึ้นว่า

    “ถึงวันนี้เราจะตื่นมาพร้อมกันไม่ได้ แต่สักวันเราต้องได้เจอกันและกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจริงๆแน่ๆ ฉะนั้น ..เซ็ตจังต้องยังรักฉันต่อไปน่ะ~~”

    ....พูดจบ โคโนกะก็เข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากของผู้ที่นิทราอยู่อย่างแผ่วเบา
    แม้มันจะไม่มีการจูบตอบกลับแต่แค่เพียงริมฝีปากนุ่มๆของอีกฝ่ายที่เธอรู้สึกได้มันก็เพียงพอแล้วหล่ะ
    หลังจากถอนริมฝีปากของตัวเองออกมาโคโนกะก็พาองครักษ์ของเธอนอนลงและรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำทันที
    สาวผมยาวคว้าเสื้อที่องครักษ์ของเธอเตรียมให้แทบทุกเช้าด้วยท่าทางมีความสุข

    “แหม~ เซ็ตจัง~ วันนี้ก็น่ารักเหมือนเดิมน่ะ~~ อ้อ อรุณสวัสดิ์น่ะจ๊ะที่รัก!~ จุ๊บ!~”

    .....โคโนกะที่ตัวกำลังจะพ้นประตูก็ลืมไปว่าตนลืมทักทายอีกฝ่ายตอนเช้าก็พูดกับอีกฝ่ายและส่งจูบให้อย่างอารมณ์ดี
    ก่อนจะรีบไปอาบน้ำเพื่อไปเรียนในมหาลัยเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีความสุข
    ..........................................................................................................................................................

    ในห้องเรียน1-a...

    “ซากุระซากิจัง~”
    “............”
    “ซากุระซากิจังจ๊ะ~”
    “.........................”

    ปัง!!!!~

    “ซากุระซากิ!!!!!~”
    “ว้าย!!!~~”

    .......อายะจังที่นั่งเหม่อลอยอยู่ระหว่างที่เพิ่งกระดิ่งพักเที่ยงก็ต้องสะดุ้งร้องออกมา
    เพราะอยู่ๆไดโดจิเพื่อนของตนก็ยื่นหน้าเข้ามาพร้อมกับตบโต๊ะดังปังอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
    นักดาบน้อยที่หายตกใจไปหยกๆก็ต่อว่าผู้ที่ทำให้เธอใจหายใจคว่ำทันที

    “อะไรกันคุณไดโดจิ~ ทำอย่างนี้เดี๋ยวฉันก็ช็อคตายเอาหรอกค่ะ”
    “ก็ซากุระซากิจังน่ะสิ~ เรียกตั้งนานไม่ยอมหันมาสักที เหม่อคิดถึงใครอยู่รึจ๊ะ?~ หรือว่าจะเป็น.....”
    “มะ.มะ..ไม่ได้เหม่อคิดถึงใครซะหน่อยคุณไดโดจิ ว่าแต่มีอะไรเหรอค่ะ?”
    “อ๊า~ อย่าปิดบังกันเลยน่า นั่งตาลอยแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากเหม่อคิดถึงแฟนเท่านั้นแหล่ะ!~”
    “ไม่ใช่น่ะค่ะ!!~~ ฉะ..ฉะฉันยังไม่มีแฟนซักหน่อย!!~ อย่าพูดเล่นอย่างนั้นสิค่ะ!!~”

    ....อายะจังรีบปฏิเสธเสียงลั่น พลันหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ทำเอาไดโดจิเพื่อนของอายะที่มองอยู่ก็ยิ้มๆ ก่อนจะรีบพูดชวนอีกฝ่ายขึ้นว่า

    “เอาหล่ะๆ ไม่ล้อแล้ว~ คืออย่างนี้ ซากุระซากิจัง~ คืนนี้ว่างไหมจ๊ะ?”
    “เห๋?~ มีอะไรเหรอค่ะ?”
    “ก็คืนนี้มันจะมีจันทรุปราคาน่ะสิ ชมรมดูดาวก็เลยจะจัดแคมป์ดูจันทรคราสกัน ว่าแต่...ซากุระซากิจังสนใจจะไปดูกับฉันไหมเอ่ย?~”
    “เอ่อ...ฉันไม่ค่อยชอบดูพระจันทร์เท่าไหร่น่ะค่ะ ชอบดูดาวมากกว่าคงจะไม่....”
    “อ๊าๆ~! อย่างเพิ่งรีบปฏิเสธซี่~~ คราวนี้มันพิเศษกว่าทุกครั้งเพราะมันเป็นจันทรคราสเต็มดวงเชียวน้า~ แถมมันเพิ่งถูกประกาศออกมาว่าจะมีปรากฏการนี้ในเมื่อวานซืนนี้เองจากพวกนักดาราศาสตร์ ดูเหมือนว่าที่เพิ่งมารู้กันก็เพราะอยู่ๆทิศทางของดวงจันทร์มันเปลี่ยนแปลงกะทันหันหรืออะไรนี่แหล่ะ ดังนั้น!~ มันจะต้องพิเศษกว่าจันทรคราสครั้งไหนๆเลยแน่จริงไหม?~~~ น่ะๆซากุระซากิจัง!~ คืนนี้เราไปดูด้วยกันน่ะ!~~~”

    ....อายะจังที่ได้ฟังตอนแรกก็ดูจะไม่สนใจ แต่พอได้ยินคำว่าจันทรคราสเต็มดวงกับทิศของดวงจันทร์ที่เปลี่ยนกะทันหัน นักดาบน้อยก็ตัวเย็นวาบ ความคิดอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาทันที
    จันทรคราสเต็มดวงอย่างนั้นเหรอ? แสงและเงารวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์! ทิศของดวงจันทร์ที่เปลี่ยนไปอาจจะเป็นฝีมือของท่านเทพสามภพก็ได้!!

    ”นี่ไงหล่ะ!!!~ นี่ไง!!!!!”
    “ใช่แล้วค่ะ!!~ คุณไดโดจิ!!”
    “ใช่? ใช่อะไรจ๊ะ?”
    “จันทรคราสเต็มดวง!!!~~ แสงและเงารวมเป็นนึง!!!”
    “เอ๋??~”
    “ไม่ได้การแล้ว!!!~ ต้องรีบไปบอกพี่โคโนกะ!!! ~”

    .....อายะจังที่กระโดดโลดเต้นดีใจอย่างลืมตัวจบก็รีบบึ่งออกจากห้องเพื่อไปโทรศัพท์บอกข่าวดีกับพี่โคโนกะที่เรียนอยู่ที่มหาลัยทันที!~ ข่าวดีแบบนี้ ข่าวที่พวกพี่ๆทั้งสองของเธอรอมานาน!~
    คืนนี้เนี้ยแหล่ะ!~ ต้องเป็นวันเดียวกับที่ท่านเทพสามภพพูดถึงแน่ๆ!!

    ...และทันทีที่นักดาบน้อยยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์มือถือของโคโนกะ อยู่ๆ อายะจังก็ได้ยินเสียงของคนที่คุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆดังขึ้น

    “ใช่ๆ จิสะ หนังเรื่องนั้นน่าสงสารน้องพระเอกเนอะ อุตส่าห์รู้แล้วว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ แต่พอจะบอกรักกับพระเอก พระเอกก็ดันมีแฟนแล้ว”
    “เนอะ พระเอกก็ทึ่มซะจริง น้องสาวบอกใบ้ซะขนาดนั้นแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก แต่พวกพระเอกก็อย่างนี้แหล่ะเนอะเธอ”
    “ถ้าฉันเป็นน้องพระเอกน่ะ จะแย่งพระเอกมาซะเลยเธอเอ๊ย! ไม่ทนกล้ำกลืนอยู่ในบ้านเดียวกันหรอก เอ่อ... ว่าแต่ เรื่องไปช้อปปิ้งเย็นนี้ตกลงพวกเราจะเอายังดีหล่ะ?.........................”

    ....อายะจังที่ได้ฟังก็อึ้งๆไป แล้วโทรศัพท์ที่ตนเองต่อสายอยู่ก็มีคนรับขึ้นมาพอดี

    “สวัสดีค่ะ~ โคโนเอะพูดค่ะ~”
    “.....................................................”
    “สวัสดีค่ะ~ เอ่อ....นั่นใครโทรมาเหรอค่ะ?”
    “...................................................”

    ...อายะจังที่ถือสายอยู่ก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก สาวน้อยที่ตอนนี้กำลังสับสนเต็มที่เพราะไม่รู้ว่าตนจะทำยังไงดี
    ใจก็อยากให้พี่ๆทั้งคู่นั้นสมหวังและมีความสุขเสียที แต่.... แล้วตัวเธอหล่ะ?
    เธอ ...ที่แอบชอบพี่เซ็ตซึนะมานาน...ก็ต้องทนเก็บความรู้สึกของเธออย่างนี้ต่อไป ตลอดชีวิตอย่างนั้นน่ะเหรอ?
    ทุกวันนี้เธอรู้สึกมีความสุขที่สุดก็ยามที่ได้อยู่กับพี่เซ็ตซึนะเพียงแค่สองคน ทุกๆวันเธอเฝ้ารอที่จะให้พระอาทิตย์ตกเพื่อให้ได้เจอ
    ได้คุยกับพี่เซ็ตซึนะผู้ที่แสนดีกับเธอเสมอ และตลอดหกปีที่ผ่านมามันก็เป็นอย่างนั้นโดยที่ไม่มีพี่โคโนกะคั้นอยู่ระหว่างเธอและพี่เซ็ตซึนะด้วย....

    ....และแล้ว โคโนกะที่ถือสายรอคนที่โทรมาก็วางไปในที่สุด
    อายะจังที่มัวแต่คิดกลุ้มใจพอหันมาที่สายโทรศัพท์อีกที อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว
    อายะจึงจำใจวางหูโทรศัพท์ลงด้วยอารมณ์ต่างๆที่ปนเปอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกผิดนั้นประดังกันเข้ามา
    แต่ความรู้สึกดีใจที่ยังไม่ได้บอกข่าวนี้กับอีกฝ่ายก็มีเช่นกัน อายะจังเดินทื่อๆกลับไปที่ห้องเรียนพร้อมด้วยหัวใจที่เป็นทุกข์
    ....ความรู้สึกสับสนมันอยู่ในใจของเธอเต็มไปหมดอย่างช่วยไม่ได้...

    ......เอายังไงดี? จะทำยังไงดี? จะบอกพวกพี่ๆเขาดีไหม? แต่ถ้าบอกไปแล้ว ต่อไปนี้พวกพี่ๆเขาก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกันและอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแน่ๆ
    พี่เซ็ตซึนะเขาก็รักพี่โคโนกะเสียขนาดนั้น พี่โคโนกะเองก็เฝ้านับวันที่จะได้เจอหน้าพี่เซ็ตซึนะและคุยด้วยกันมาตลอด
    พวกเขาสมควรที่จะได้พบวันเวลาแห่งความสุขนั่นเสียที ไม่ใช่เหรอ?

    .....ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้อยู่กับพี่เซ็ตซึนะกันสองต่อสองแล้วน่ะสิ
    ฉันจะไม่ได้...ไปแอบหาพี่เซ็ตซึนะตอนที่หลับอยู่ แล้วเข้าไปบอกรักอีกแล้ว
    พี่เซ็ตซึนะก็จะไม่เห็นความสำคัญของเราอีก และเราก็จะกลายเป็นแค่น้องสาวของพี่เซ็ตซึนะตลอดไปจริงๆ

    ไม่น่ะ!~ ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น!!~ แค่คำพูดที่พี่เซ็ตซึนะพูดออกมาเมื่อวาน
    หัวใจของฉันก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าต่อไปพี่เซ็ตซึนะ....ได้อยู่กับพี่โคโนกะ

    ....แล้ว...แล้ว....แล้วถ้าพวกเขาแสดงความรักต่อกันออกมาให้ฉันเห็น ฉัน..ฉัน...ฉันคงทนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วหล่ะ!!!

    ......แล้วอยู่ๆความรู้สึกอิจฉาโคโนกะที่มันแอบอยู่ในมุมมืดมานานก็ปรากฏออกมาเป็นความคิดเป็นตัวเป็นตน
    ....ใช่แล้ว ตอนนี้อายะรู้สึกอิจฉาพี่โคโนกะขึ้นมาจริงๆ อิจฉามากๆด้วย มันเป็นความรู้สึกที่เธอพยายามลบมันออกไป
    เพราะความจริง ..เธอเองก็รักพี่โคโนกะที่ดีกับเธอมาตลอดเช่นกัน ก็พี่โคโนกะนั้นเป็นทั้งพี่สาวที่น่ารักและใจดี
    ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและสนุกด้วยอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าความรักที่เธอมีให้กับพี่โคโนกะนั้นมันย่อมต่างจากความรักที่เธอมีให้ต่อพี่เซ็ตซึนะอย่างแน่นอน!!!

    .........................................................................................................................................................................

    “แปลกจัง? โทรมาแต่ไม่คุยด้วย”
    “ใครเหรอค่ะ? คุณโคโนกะ?”
    “ไม่รู้สิจ๊ะ~ อ๊ะ! ช่างมันเถอะ~ เมื่อกี้นี้โนโดกะจังพูดว่าตอนบ่ายเขางดเรียนใช่ไหมจ๊ะ?”
    “ค่ะ~ ดูเหมือนว่าอาจารย์เข้าจะติดสัมมนาที่โตไกเลยมาสอนไม่ได้”
    “เย้!~~ ดีจังเลย งั้น โนโดกะจังจ๊ะ ฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกันน่ะ ฉันกลับก่อนนะจ๊ะทุกๆคน!~~”

    ...โคโนกะที่กินข้าวกลางวันกับโนโดกะจังและเพื่อนๆคนอื่นในคณะเสร็จก็รีบกลับไปทันที
    ทุกๆคนที่นั่งอยู่ก็โบกมือลาอย่างอารมณ์ดีพลางคิดเรื่องที่จะไปเที่ยวกันต่อไปเพราะไหนๆวันนี้ก็ไม่มีเรียนกันตอนบ่าย
    แต่สำหรับโคโนกะที่ไม่กับพวกตนนั้นพวกเขาชินเสียแล้ว
    เพราะอีกฝ่ายพอเลิกเรียนปั๊บหรือถ้าไม่มีเรียนบ่ายก็จะรีบกลับบ้านทันที จนทุกๆคนเขาชินชากันเสียแล้ว..

    ...ทางด้านโคโนกะที่เดินไปฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข โชคดีจริงๆวันนี้ไม่มีเรียนบ่าย~
    งั้น..ฉันแว่บไปซื้อเค้กร้านโปรดของเซ็ตจังแล้วกลับเลยก็แล้วกัน~
    ...คิดได้ดังนั้น สาวผมสีช็อคโกแลตก็รีบบึ่งไปที่ร้านเค้กเจ้าประจำและพาตัวเองกลับบ้านทันที..

    .....................................................................................................................................................................................................

    “กลับมาแล้วค่ะ........”

    .....อายะจังที่วันนี้กลับบ้านมาเร็วกว่าปกติ เพราะไดโดจิเพื่อนของตนที่เห็นว่าอยู่ๆเธอก็ซึมไป และตัวเริ่มรุ่มๆจนกลัวว่าจะไม่สบายเลยหาเรื่องให้เธอขอลาครูกลับบ้านไปก่อน
    แม้เพื่อนของเธอดูจะเจ้ากี้เจ้าการไปหน่อยแต่อายะจังก็นึกขอบใจตัวไดโดจิอยู่ เพราะเธอในตอนนี้คงไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนหรือทำอะไรทั้งนั้นแหล่ะ

    ...และเมื่ออายะเข้ามาในห้องเธอก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้พี่โคโนกะนั้นมีเรียนเต็มวันคงจะกลับมาเย็นๆ ดังนั้น..อายะจังที่กำลังมีเรื่องกลุ้มใจก็รีบเข้าไปที่หาเซ็ตซึนะที่กำลังนิทราอยู่ทันที

    .....เซ็ตซึนะที่นอนนี้ยังหลับตานิ่งอยู่ อายะจังที่เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก็ทรุดตัวไปนั่งข้างเตียงด้านที่องครักษ์สาวนอนอยู่
    นักดาบน้อยที่กำลังมีเรื่องที่อัดอั้นใจอยู่เต็มอกก็เริ่มทำหน้าเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เธอจะพูดระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้กับอีกฝ่ายที่ไม่มีทางได้ยินออกมา

    “พี่เซ็ตซึนะค่ะ คือหนู...หนูมีเรื่องที่จะสารภาพค่ะ
    พี่เซ็ตซึนะหนู...หนูรู้แล้วว่าไอ้วันที่ท่านเทพสามภพพูดถึงหน่ะมันเมื่อไหร่
    แต่หนูไม่อยากให้พี่รู้ ไม่อยากให้พวกพี่ได้รู้เลยจริงๆ!~ หนูอยากให้พวกเรายังเป็นอยู่แบบนี้พี่เซ็ตซึนะ~
    มีหนูกับพี่เซ็ตซึนะแค่สองคนในยามค่ำคืน ในสายตาของพี่จะได้มีแต่หนูอยู่คนเดียว
    แล้วพอกลางวันหนูก็มีพี่สาวที่แสนดีอย่างพี่โคโนกะมาคอยดูแลและเอาใจหนูตลอดเวลา
    ความจริง...หนูรักพี่ๆทั้งสองคนมากน่ะค่ะ จนถึงบัดนี้หนูก็ยังรักอยู่
    แต่...แต่...หนูรักพี่เซ็ตซึนะในแบบที่พี่เซ็ตซึนะรักพี่โคโนกะ!! ได้ยินไหมค่ะ? หนูอยากจะเป็นองค์หญิง!~
    ไม่ใช่องค์หญิงน้อยที่พี่จะมอบให้แค่ความเอ็นดูกับหนูเท่านั้น!!~~”

    ....พูดจบ อายะจังก็เริ่มร้องไห้และหวนรำลึกไปถึงตอนที่เซ็ตซึนะบอกเรื่องขององครักษ์ และตั้งให้เธอเป็นองค์หญิงน้อย ในตอนนั้นที่เธอยังเด็กนัก จึงยังไม่รู้หรอกว่า องครักษ์ในความหมายของอีกฝ่ายนั้นคืออะไร
    แต่พอเซ็ตซึนะบอกว่าจะเป็นองครักษ์ให้เธอนั้น องครักษ์สาวคงไม่รู้หรอกว่า วินาทีนั้น เธอรู้สึกดีใจมากขนาดไหน?
    นับแต่นั้นเธอจึงก็เฝ้าฝันมาตลอดว่าจะมีองครักษ์เป็นของตนเองอย่างที่อีกฝ่ายได้เคยบอกเอาไว้

    ..... จนกระทั้งวันนึงที่เธอโตขึ้นมาและเริ่มรู้เรื่องราวต่างๆมาขึ้น เธอก็เข้าใจในที่สุด...คำว่าองครักษ์สำหรับพี่เซ็ตซึนะในคืนนั้น ก็คือการที่คนๆนั้น ยินดีที่จะรักและปกป้องคนๆหนึ่งไปตลอดชีวิตน่ะเอง
    นับตั้งแต่นั้น...ตั้งแต่วันที่เธอรู้ความหมายที่แท้จริงที่อีกฝ่ายพูดถึง ความรู้สึกที่เธอมีต่อพี่เซ็ตซึนะก็เปลี่ยนไป
    จากที่เคยรักอยู่แล้วก็รักมากขึ้นไปอีก เธออยากที่จะถูกดูแล อยากจะถูกปกป้องอย่างที่พี่เซ็ตซึนะทำให้พี่โคโนกะมาตลอด ถึงตอนแรกๆมันจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ และความสัมพันธ์ของพวกเธอสามคนก็ดีมาโดยตลอดไม่เคยสั่นคลอนลงเลย แต่วินาทีนี้...พอรู้ว่าอีกไม่นานพี่เซ็ตซึนะจะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับพี่โคโนกะ
    อายะจังก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกพี่โคโนกะแย่งความรักไปอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ....

    ......แล้วอายะจังก็หวนนึกไปถึงตอนเด็กๆที่เธอถูกอีกฝ่ายหอมแก้มเป็นครั้งแรก และอีกหลายๆครั้งต่อมา
    ถึงมันจะเป็นเพราะมารในตัวพี่เซ็ตซึนะในตอนนั้นใช้การหอมแก้มเป็นการล่อหลอกเธอ
    แต่ว่า...ถ้าเธอจะบอกว่าเธออยากจะถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายสัมผัสกับเธออย่างนั้นอีกสักครั้งทั้งๆที่มันเป็นการกระทำของมาร
    พี่เซ็ตซึนะจะเชื่อเธอไหมน่ะ?

    ......เมื่อคิดถึงเรื่องแบบนั้นอายะจังก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา อารมณ์ความหลงใหลในตัวองครักษ์สาวที่กำลังนอนอยู่มันก่อเข้ามาในจิตใจดวงน้อยเสียแล้ว แล้วสักพัก อายะจังก็ลุกขึ้นโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของเซ็ตซึนะที่หลับอยู่
    นักดาบน้อยมองไปที่ใบหน้าของผู้ที่ทำให้เธอรู้จักคำว่ารักเป็นครั้งแรก ริมฝีปากเล็กๆค่อยๆเผลอเอ่ยถ้อยคำที่ควรจะพูดออกมาเสียเนิ่นนาน

    “พี่เซ็ตซึนะค่ะ.......หนู.....”

    .....ใจของนักดาบน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเลื่อนเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ
    แค่คำนี้คำเดียวกับผู้ที่ไม่มีวันได้ยินคำๆนี้จากปากของเธอมันช่างยากเย็นอะไรอย่างนี้
    แต่ว่าในตอนนี้เธอขอ....ตัวองครักษ์สาวตรงหน้ามาเป็นของเธอ เธอกล้าจะประกาศว่าเธออยากได้พี่เซ็ตซึนะมาเป็นเจ้าของจริงๆ
    ความยากเย็นที่ว่านั้นที่มันอยู่กับเธอมานาน...มันกำลังจะหายไปจากใจของอายะจังตลอดกาลพร้อมๆกับคำพูดที่ว่า......

    “หนูรัก.........พี่เซ็ตซึนะค่ะ”

    ....สิ้นคำ อายะก็ประทับริมฝีปากน้อยๆของเธอเข้ากับของเซ็ตซึนะด้วยความรู้สึกรักอย่างเอ่อล้น
    .....ริมฝีปากที่อายะจังกำลังสัมผัสกับมันช่างนุ่มนวลน่าหลงใหลเสียจริงๆ
    อายะที่ยังหลับตาพริ้มอยู่ตอนนี้กำลังล่องลอยไปในดินแดนแห่งความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยที่เดียว...

    ตุ๊บ....................

    ....เพียงได้ยินเสียง อายะจังตัวเย็นวาบไปทั้งร่าง เธอสะดุ้งตัวหันไปมองตามต้นเสียงทันที
    และนักดาบน้อยก็ต้องเบิกตาโพล่ง หัวใจแทบจะหยุดเต้นเสียตรงนั้น เพราะเสียงนั้น...มันมาจากถุงของพี่โคโนกะที่กำลังถืออยู่นั่นเอง!!

    “..พะ...พี่..พี่...โคโน..”

    แต่อายะจังก็ทำได้แค่นั้น ไม่สามารถพูดชื่อของอีกฝ่ายให้จบได้.. โคโนกะเองที่มองอีกฝ่ายอยู่ก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกัน
    ร่างกายของเธอแข็งทื่อ ช็อคกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า

    ”อะไรกัน? อายะจัง ......กับเซ็ตจัง..อย่างนั้นเหรอ? นี่มันอะไรกัน????”

    แล้วโคโนกะที่รับไม่ได้กับสิ่งที่เพิ่งเห็นก็ค่อยๆเดินตัวทื่อไปนั่งยังโซฟาของห้องรับแขกด้วยท่าทางที่ใกล้หมดแรง
    ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

    ....เมื่อกี้ ฉันไม่ได้ตาฝาด หูก็ไม่ได้เฝื่อนไป อายะจัง...บอกรักเซ็ตจัง แล้วก็...จูบเซ็ตจังจริงๆ!!
    นี่...มันเกิดอะไรขึ้น?? ทำไมอายะจังถึงทำแบบนั้นหล่ะ? หรือว่า...อายะจังโดนยาเสน่ห์? โดนเวทย์มนต์? หน้ามืด? อุบัติเหตุ?

    ไม่! ไม่ใช่!~ ไม่ใช่ทั้งนั้น! อย่าหลอกตัวเองสิโคโนกะ!! ที่เธอเห็นมันเป็นความจริง!!
    สายตาที่มองเซ็ตจังแบบนั้นมันไม่ใช่โดนยา! เด็กคนนั้น...รักเซ็ตจังแบบเกินพี่น้อง!
    แล้วนี้ฉันจะทำยังไงดี? ลางสังหรณ์ที่เรานึกเอะใจในช่วงหนึ่งปีมานี่มันกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว!~

    ตอนแรกฉันคิดว่าที่อายะจังชอบเข้าไปในห้องนอนของฉันบ่อยๆเพราะแค่คิดถึงพี่สาวของเขาเท่านั้น
    พยายามคิดในทางนั้นมาตลอด แต่นี่ไม่ใช่!! อายะจังรักเซ็ตจังเหมือนกับที่ฉันรัก!! รักแบบคู่รักจริงๆ!
    ถึงจะไม่อยากฟังก็เถอะแต่ตอนนี้ฉัน..ฉัน...ฉันต้องรู้เรื่องนี้ทั้งหมด!!~ ฉันอยากรู้ว่านี้มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่!!

    .....แล้วโคโนกะที่กำลังคิดหนักก็เริ่มจะร้องไห้ออกมา เธอไม่รู้หรอกว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น
    แต่ภาพที่เธอเห็นกับเสียงที่เธอได้ยิน มันทำให้เธอทั้งเจ็บและเสียใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    ถูกเด็กที่รักดุจน้องสาวตัวเองหักหลัง! เด็กที่นิสัยดีและขี้อายแบบนั้นแต่กลับ....กลับกล้าที่จะทำแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?

    แล้วสักพัก ร่างของเด็กสาวที่เพิ่งเตรียมตัวเตรียมใจในการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเสร็จก็ค่อยๆก้าวออกมาจากห้องนอน
    อายะจังพยายามเดินให้ช้าที่สุดก่อนที่จะเข้ามานั่งในโซฟาฝั่งตรงข้าม
    นักดาบน้อยไม่กล้าพูดกับอีกฝ่าย ไม่แม้แต่จะสบตา เธอเองก็รู้สึกเสียใจไม่แพ้กันที่ต้องทำให้พี่โคโนกะต้องมาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเช่นนี้
    แต่ในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วและเธอก็แก้ไขอะไรมันไม่ได้

    ที่อายะจังทำได้ก็คือ .......พูดกับพี่โคโนกะตรงๆเท่านั้น..

    ....และโคโนกะเองทันทีที่เห็นอายะจังก็รีบปาดน้ำตา เธอรู้สึกโกรธน้องสาวตรงหน้าขึ้นมาสุดๆ
    แต่ก็ใช่ว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล โคโนกะระงับอารมณ์โกรธและความเสียใจของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเปิดประเด็นถามอีกฝ่ายด้วยเสียงเข้มทั้งๆที่ยังมีเสียงเครืออยู่ในลำคอว่า

    “บอกพี่มาตามตรงอายะจัง ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

    ...ถูกถามเข้ามาตรงๆ อายะจังที่เตรียมใจไว้อยู่แล้วยังตั้งตัวไม่ติด
    แต่ในเมื่อมันเป็นความผิดที่เธอต้องเผชิญด้วยตัวคนเดียว อายะจังจึงค่อยๆรวบรวมความกล้าพูดตอบคำถามของพี่โคโนกะไปว่า
    “หนะ..หนูไม่รู้ค่ะพี่โคโนกะ หนู.....หนู........ขอโทษที่มันเป็นแบบนี้ คะ..คะ..คือหนู...หนู...”
    “งั้นพี่ถามใหม่ก็ได้อายะจัง เซ็ตจังรู้เรื่องไหม?”

    ..อายะจังที่ได้ฟังตัวเย็นวาบ รู้เรื่องไหมอย่างนั้นเหรอ?
    ถ้าบอกว่าไม่พี่โคโนกะจะทำยังไง แล้วถ้าบอกว่ารู้ พี่โคโนกะจะทำยังไง? แล้วถ้าเธอบอกไปว่ารู้หล่ะ?
    เพราะคำตอบที่แท้จริงของคำถามนี้มันสร้างความเจ็บปวดให้อายะจังยิ่งนัก
    และโคโนกะเองที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางกล้าๆกลัวๆ แม้สาวผมยาวจะกลัวคำตอบนั่นอยู่ก็เต็มอก
    แต่โคโนกะก็ทำใจกว้างจะพูดกับอายะจังด้วยน้ำเสียงที่เน้นหนักตอนท้ายว่า

    “อายะจัง บอกพี่มาเถอะ พี่-รับ-ได้-ทุก-อย่าง”

    ....อายะจังที่ได้ฟังก็รู้สึกเสียใจเป็นที่สุดเพราะตอนนี้ พี่โคโนกะเริ่มที่จะมีน้ำตาไหลออกมา
    แม้อีกฝ่ายจะพยายามใช้มือปาดมันบ่อยครั้งแล้วก็ตาม แต่แล้วความคิดอิจฉามันก็แล่นขึ้นมาในหัวของอายะจัง
    มันบอกนักดาบน้อยว่า นี่มันคือโอกาสดี ที่จะได้พี่เซ็ตซึนะมาครอบครอง

    ถ้าพี่โคโนกะเกิดโกรธพี่เซ็ตซึนะขึ้นมา....พี่เซ็ตซึนะอาจจะหันมามองเธอบ้างก็ได้ และด้วยจิตใจที่มืดมิดก่อเข้ามาในหัวใจดวงน้อยๆ ทำให้อายะจังที่แม้จะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเพิ่งได้ทำร้ายจิตใจพี่สาวที่น่ารักของเธออยู่เต็มที่ แต่เธอก็ได้ปดต่อหน้าโคโนกะในที่สุด

    “ค่ะพี่โคโนกะ....พี่เซ็ตซึนะก็รู้...”

    ....โคโนกะที่ได้ฟังหัวใจก็แทบหล่นไปที่ตาตุ่ม ระ..รู้..รู้เหรอ?? รู้แล้วแล้วทำไมไม่บอกฉันหล่ะ?
    แต่เดี๋ยว! ถึงจะรู้ก็ไม่ได้หมายถึงว่ารู้เห็นเป็นใจด้วยนี่ ! แล้วโคโนกะที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเหลืออยู่แล้วจึงถามอายะจังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับความเชื่อมั่นที่คาดหวังเอาไว้ในตัวขององครักษ์ของเธอเต็มที่ว่า

    “แล้วเซ็ตจังก็ไม่ได้คิดอะไรใช่ไหม? เซ็ตจังก็ทำตัวปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง ...ใช่ไหมอายะจัง?? ”
    “...มะ..ไม่ใช่ค่ะ..”
    “...ไม่ใช่??”
    “.................................”
    “..........................หนูขอโทษค่ะพี่โคโนกะ แต่หนูกับพี่เซ็ตซึนะคบกันมาสามเดือนแล้ว...”

    ....อายะพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะกระซิบด้วยใบหน้าที่แม้จะก้มหนีสายตาของอีกฝ่ายแต่ก็ยังแดงก่ำอย่างชัดเจน
    เสียงที่แสนแผ่วเบาจากปากน้อยๆนั้นมันแทงเข้ามาที่หัวใจของโคโนกะเข้าเต็มๆ มันเหมือนเอาสายฟ้ามาผ่าที่ร่างของเธอไม่มีผิด!

    พอแล้ว!! พอกันที! ถึงจะไม่อยากเชื่อก็เถอะ แต่เซ็ตจังของเธอนอกใจไปมีคนอื่นจริงๆ!!
    แถมยังกับอายะจังที่บอกว่ารับมาไว้เป็นลูกรักเหมือนน้องด้วย! และอายะจังเองก็ไม่ใช่เด็กที่พูดโกหก!
    ทั้งสองคนคงจะแอบคบกันโดยไม่ให้เธอรู้ตัวสิน่ะ แล้วโคโนกะที่ได้รับฟังสิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็เริ่มที่จะร้องไห้หนักอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาจ้องไปยังอายะจังที่เธอรักดุจน้องสาวเขม็งจนอายะจังที่รู้ว่าเธอกำลังถูกมองก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา

    โคโนกะที่แม้จะแค้นอยู่เต็มอกแต่ใจก็ยังรักนักดาบน้อยตรงหน้าไม่เปลี่ยน
    เธอไม่คิดจะโทษอีกฝ่ายคนเดียวหรอกถึงยังไงตบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดังอยู่แล้ว
    ถ้าเซ็ตจังไม่ยินยอมด้วยแล้วอายะจังจะกล้าไปจูบเซ็ตจังตอนหลับอย่างนั้นน่ะเหรอ??...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ..ถึงอย่างนั้นก็เถอะ!

    “ทำไมถึงทำกับพี่ได้อายะจัง?! ทำไมทั้งเซ็ตจังกับอายะจังถึงทำกับพี่อย่างนี้?!”

    ....ด้วยเสียงตัดพ้อที่ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดทำเอาอายะจังถึงกับพูดไม่ออก
    ตัวทั้งตัวเริ่มร้อนรุ่มด้วยความรู้สึกผิดจนแทบอยากจะกลับคำพูดตัวเองเสียใหม่
    แต่ด้วยอารมณ์โกรธของอีกฝ่ายทำเอาอายะจังไม่กล้าพูดมันออกไป
    และโคโนกะเองก็ไม่รอให้อีกฝ่ายแก้ตัวอีกต่อไปด้วย เธอที่กำลังโมโหสุดขีดก็ลุกพรวดพราดเข้าไปในห้องนอน
    แล้วสักพักใหญ่โคโนกะก็กลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อ อายะจังมองมันด้วยความตื่นตะลึง
    เพราะเธอรู้โดยทันทีว่าพี่โคโนกะกำลังจะออกไปจากบ้าน นักดาบน้อยทำท่าจะไปห้ามแต่ด้วยตัวเองก็กลัวอีกฝ่ายที่กำลังโมโหอยู่ ที่อายะจังทำได้จึงมีก็แต่ถามพี่โคโนกะของเธอด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆว่า..

    “พี่...พี่โคโนกะ พะ.พี่โคโนกะจะไปไหนค่ะ?”

    ...โคโนกะที่กำลังใส่รองเท้าอยู่ก็ทำหน้านิ่งไม่พูดอะไร แต่ที่ใบหน้ากำลังมีน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด ทำเอาอายะจังที่มองอยู่รู้สึกผิดขึ้นมาเต็มหัวใจ มองหน้าพี่สาวที่กำลังเสียใจอยู่ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง
    เธอ..ไม่น่าพูดโกหกแบบนั้นไปเลยใช่ไหม? เธอกำลังทำให้พี่สาวที่แสนดีคนนี้เข้าใจแบบผิดๆและเสียใจอย่างที่สุด
    นี่เธอกล้าโกหกเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของเธออย่างนั้นน่ะเหรอ?
    และโคโนกะเองที่ใส่รองเท้าเสร็จก็ยืนนิ่งไป มือที่ถือกระเป๋าเสื้อผ้านั้นกำสั่นแน่น แล้วโคโนกะก็ตอบคำถามของอายะจังเสียงเข้มโดยไม่แม้แต่จะหันมามองว่า

    “พี่จะไปค้างบ้านเพื่อน ถ้าเซ็ตจังถามก็บอกไปว่าไม่ต้องตาม เข้าใจไหม?”

    ...อายะจังที่ได้ฟังก็อึ้งไป นักดาบน้อยเปลี่ยนใจจะพูดความจริงกับอีกฝ่ายว่าเมื่อกี้ที่เธอพูดไปมันโกหก เพื่อที่พี่โคโนกะจะได้ไม่ต้องออกไปค้างที่อื่น
    แต่ด้วยความรักที่เข้ามาบดบังตัวเองมันห้ามเอาไว้ อายะจังจึงได้แต่ยืนอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกจนกระทั้งโคโนกะเดินออกจากอพาร์ทเมนท์ไป

    นี่อายะจัง...ใช้ความอิจฉาของตัวเธอหันมาทำร้ายความรักของพวกพี่ๆที่รักตัวอายะจังดุจน้องสาวไปเสียแล้ว
    แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี? ถึงพี่โคโนกะจะโกรธพี่เซ็ตซึนะไปแล้วจริงๆแต่ฉันไม่คิดว่าพี่โคโนกะจะหนีออกไปในวันที่เวลาของการแก้คำสาบมาถึงนี่!!

    .....และตอนนี้ โคโนกะที่กำลังโมโหสุดขีดก็ไม่คิดจะอยากเจอหน้าเซ็ตจังของเธออีก!~ ทั้งนึกโกรธ เสียใจ เจ็บปวดใจ และสมเพชตัวเองในเวลาเดียวกัน

    ฉันนี้มันช่างโง่จริงๆน่ะ โดนหลอกให้เชื่อว่าเซ็ตจังจะรอและรักฉันอยู่มาตั้งเนิ่นนาน
    แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นใช่ไหมเซ็ตจัง? ไม่ว่ายังไงอายะจังคนที่อยู่กับเซ็ตจังมากกว่าก็คือองค์หญิงสำหรับเซ็ตจังใช่ไหม?
    ไม่ใช่ฉันอีกต่อไปแล้วสิน่ะ! หกปีที่รอฉันคงเบื่อฉันเต็มทีแล้วใช่ไหม?

    ได้....เซ็ตจังจะเอาอย่างนั้นก็ได้....ฉันจะได้เลิกเป็นคนโง่ที่หลงรอให้พวกเราตื่นขึ้นมาพร้อมกันเสียที!
    สิ่งที่เซ็ตจังเคยทำให้กับฉันมานานแสนนานเวลาหกปีคงจะทำให้เซ็ตจังลืมมันไปหมด
    ก็ดีน่ะเซ็ตจัง....ต่อแต่นี้.....ฉันจะได้นิทราจากเซ็ตจังไปด้วยความสบายใจซะทียังไงหล่ะ!!!

    ...............................................................................................................................................................................................................

    .....เซ็ตซึนะลืมตาตื่นขึ้นมาในยามที่ท้องฟ้าเป็นสีมืดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้องครักษ์สาวก็ต้องแปลกใจกว่าทุกที
    เพราะไม่มีองค์หญิงของเธอนอนเคียงข้าง เซ็ตซึนะที่เห็นดังนั้นก็ร้อนใจรีบออกหาโคโนจังที่สมควรจะถึงที่นอนแล้วทันที อ่ะ! ใช่แล้ว ต้องรีบไปถามกับอายะจัง!

    “อายะจัง!!~ โคโนจังหายไปไหนหน่ะ? ทำไมเขาถึงไม่มานอนที่เตียง? หรือว่า! เกิดอะไรขึ้นกับโคโนจัง??”

    .....เซ็ตซึนะเดินเข้าไปถามอายะจังที่กำลังใส่ชุดกันเปื้อนทำอาหารเย็นอยู่ด้วยท่าทางร้อนรน
    อายะจังที่ได้ฟังว่าคำแรกที่พี่เซ็ตซึนะถามถึงก็ยังคงเป็นพี่โคโนกะก็แอบทำหน้าเศร้านิดๆ ก่อนจะทำท่าทางปกติและพูดขึ้นว่า

    “พี่โคโนกะเขาบอกว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนน่ะค่ะ”
    “บ้านเพื่อน?? เพื่อนคนไหนอายะจัง? ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลยหล่ะ??”
    “หนูก็ไม่รู้หรอกค่ะ สงสัยจะไปทำงานมั้งค่ะ?”

    .....เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ยังงงไม่หาย ไปค้างบ้านเพื่อน? ไปทำงาน? จะบ้าเรอะ!!~
    สภาพที่ตื่นได้เฉพาะตอนกลางวันมันจะไปทำงานกับใครเขาได้ที่ไหน?
    โคโนจังก็โคโนจังเถอะ ไปไหนทำไมไม่เขียนบอกฉันก่อนหล่ะ?

    อ่ะใช่!~ เมื่อกี้ฉันก็เอาแต่รีบร้อน โคโนจังอาจจะเขียนไว้ในไดอารี่ก็ได้!
    คิดได้ดังนั้นเซ็ตซึนะก็ทำท่าจะเข้าไปอ่านไดอารี่ของพวกเธอทั้งสองคนในห้องนอนทันที
    แต่อยู่ๆก็มีมือมากอดเธอไว้จากด้านหลัง เจ้าของมือเล็กๆนั้นกอดเธอเอาไว้เสียแน่จนแม้แต่เซ็ตซึนะเองยังตกใจ
    องครักษ์สาวหันไปหาผู้ที่รั้งเธอไว้พลางถามขึ้นด้วยความฉงนว่า

    “อายะจัง......หยุดพี่ทำไมหล่ะ? พี่จะรีบไปอ่านไดอารี่น่ะ?”
    “เอ่อ...คือ....”
    “พี่โคโนกะเขาไปบ้านเพื่อนจริงๆน่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงพี่โคโนกะหรอก~~”
    “แต่ว่า โคโนจังไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกพี่ก่อนเลยน่ะ อายะจัง”
    “หนูเห็นว่าพี่โคโนกะเขารีบๆหน่ะค่ะ คงจะไม่ทันเขียนบอกพี่เซ็ตซึนะหรอก ก็พี่โคโนกะต้องรีบก่อนที่ตะวันจะตกดินไม่ใช่เหรอค่ะ?”
    “ถึงงั้นก็เถอะ........แต่....”
    “พี่เซ็ตซึนะไม่เชื่อหนูหรือค่ะ?”

    ...อายะที่มือยังกอดตัวอีกฝ่ายอยู่ก็ก้มหน้านิ่งแล้วถามคำถามสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
    เซ็ตซึนะที่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตนก็ทำให้อายะจังเสียใจไปทีนึงแล้ว
    แม้จะไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดก็ตาม แต่ด้วยจิตสำนึกของความรู้สึกผิด เซ็ตซึนะก็เอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูพลางพูดขึ้นว่า

    “อื้ม!~~ พี่เชื่ออายะจัง!~ ว่าแต่ตอนนี้พี่เริ่มรู้สึกหิวแล้วหล่ะ”

    อายะจังที่ทำให้อีกฝ่ายไม่กลับไปอ่านไดอารี่ได้สำเร็จก็ทำท่าดีใจก่อนจะรีบพูดชวนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นว่า
    “พี่เซ็ตซึนะก็รีบไปล้างหน้าอาบน้ำสิค่ะ!~ วันนี้หนูทำแต่ของชอบของพี่เซ็ตซึนะทั้งนั้นเลย~~”
    “จริงเหรอ? ...งั้น.. พี่จะรีบไปอาบน้ำแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะได้มากินฝีมือของอายะจังน่ะ”
    “ค่ะ!!~~”

    ...นักดาบน้อยรับคำด้วยใบหน้าตื่นเต้นก่อนจะรีบไปทำอาหารเย็นต่อทันที
    เซ็ตซึนะที่มองอยู่ก็ทำท่าจะกลับไปที่ห้องเอาเสื้อผ้า แต่อายะจังที่เหมือนจะนึกขึ้นได้ เธอรีบห้ามพี่เซ็ตซึนะของเธอเสียงลั่นทันที

    “พี่เซ็ตซึนะ!!~~ เดี๋ยวก่อนค่ะ!~~~”
    “หืม????”
    “นี่ค่ะ!! เสื้อ!~~”

    ....เซ็ตซึนะรับเสื้อนั่นมาด้วยท่าทางงงๆ แต่องครักษ์สาวก็ยิ้มให้พลางพูดคำว่าขอบใจก่อนที่จะเดินหายไปในห้องน้ำ
    อายะจังที่เห็นอีกฝ่ายเดินลับไปก็ทำท่าโล่งอก ก่อนจะพึมพำขึ้นว่า

    “ฟู่วววว~~ เกือบไปแล้ว!~ ถ้าได้อ่านไดอารี่ที่พี่โคโนกะเขียนพี่เซ็ตซึนะต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ ”

    ...หลังจากนั้น เซ็ตซึนะที่อาบน้ำเสร็จก็มากินข้าวกับอายะจังที่ดูวันนี้จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทั้งชวนเธอคุยเรื่องโรงเรียน เรื่องชมรมเคนโด้ และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย จนเซ็ตซึนะที่ไม่เคยเห็นนักดาบน้อยคุยจ้อขนาดนี้มาก่อนก็ทักอีกฝ่ายขึ้น

    “อายะจังวันนี้ไปเจออะไรดีๆมาเหรอ? ท่าทางอารมณ์ดีจัง”

    ..อายะจังที่ได้ฟังก็อึ้งไปก่อนจะแกล้งยิ้มกลบเกลื่อนพลางพูดขึ้นว่า
    “ก็วันนี้พี่เซ็ตซึนะกินกับข้าวฝีมือเต็มๆของหนูครั้งแรกไง!~~ ว่าไงค่ะ?..ถูกปากพี่เซ็ตซึนะบ้างไหม?”
    “อื้ม อร่อยมากๆเลยหล่ะ ฝีมือขนาดนี้ต้องเป็นแม่บ้านที่ดีได้แน่ๆ ดูพี่สิโดนโคโนจังดุเรื่องนี้ทั้งปี ”

    พูดไปเซ็ตซึนะก็หัวเราะน้อยๆให้กับตัวเอง อายะจังเองที่ได้ฟังก็ยิ้มๆ
    ก่อนจะวางชามข้าวลงและมองเขม็งไปที่อีกฝ่าย นักดาบน้อยถามพี่เซ็ตซึนะของเธออย่างจริงจังว่า
    “แล้ว...เก่งสู้พี่โคโนกะได้รึเปล่าค่ะ?”
    “หื๋อ?? สู้ได้ไหมเหรอ? เอ...... ยังไงดีหล่ะ... ต้องฝึกอีกนิดหล่ะมั้ง? แต่ถามพี่อย่างนี้ คิดจะเทียบชั้นครูหรือไงอายะจัง?”
    “ค่ะ!~”

    ...เซ็ตซึนะที่พูดแซวเล่นไปแต่คำตอบของอีกฝ่ายนั้นแสนจริงจังจนตัวเธออึ้งไปนิดๆ ก่อนจะเพิ่งมาสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตา
    วันนี้...อายะจังดูแปลกๆ เป็นอะไรไปรึเปล่าน่ะ? คิดได้ดังนั้น องครักษ์สาวก็ถามอีกฝ่ายขึ้นมาทันที

    “นี่อายะจัง มองพี่ทำไมเหรอ?”
    “มองไม่ได้เหรอค่ะ?”
    “เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่วันนี้อายะจังดูแปลกไปจากทุกวันหน่ะ รู้ตัวรึเปล่า?”
    “ไม่น่ะค่ะพี่เซ็ตซึนะ หนูก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน เป็นมานานแล้วด้วยค่ะ มีแต่พี่เซ็ตซึนะนั่นแหล่ะค่ะที่ไม่เคยรู้”

    ...อายะจังที่พูดไปพลางยิ้มๆให้กับอีกฝ่าย มันยิ่งทำให้เซ็ตซึนะนึกฉงนในตัวอีกฝ่ายยิ่งกว่าเดิมก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ องครักษ์สาวที่รู้ว่าวันนี้เธอไม่มีที่จะไปไหนเลยก็บ่นขึ้น

    “วันนี้มันไม่มีงานมานี่น่า โคโนจังก็ไม่อยู่ด้วย เฮ้อออ~~ แย่ที่สุด คืนนี้คงมีแต่ต้องฝึกดาบอย่างเดียวสิน่ะ”
    “งั้นดูหนังฆ่าเวลาไหมค่ะ? หนังเรื่องที่พี่โคโนกะซื้อมาพี่เซ็ตซึนะยังไม่ได้ดูเลยน่ะ~”
    “อืม...ก็ได้ ว่าแต่แผ่นมันอยู่ไหนหล่ะอายะจัง?”
    “พี่เซ็ตซึนะอยู่นี่แหล่ะค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง!~~”

    .....แล้วเซ็ตซึนะก็นึกแปลกใจในตัวอายะจังอีกหน ทำไมวันนี้อายะจังดูกระตือรือร้นจัง?
    เหมือนกับไปเจอเรื่องน่าดีใจอะไรมาอย่างนั้นหล่ะ แล้วเซ็ตซึนะที่กำลังช่วยเก็บจานอยู่ จู่ๆก็ได้ยินเสียงๆนึงดังขึ้น

    เพล้ง!!!!~~

    “อุ๊ย! เจ็บๆ”
    “เป็นอะไรรึเปล่าอายะจัง??”

    ....เซ็ตซึนะรีบวิ่งไปดูอาการของอายะจังและถามด้วยความเป็นห่วงทันที
    นักดาบน้อยที่รีบร้อนไปหน่อยเลยเผลอทำแจกันตกแตกซ้ำยังบาดเท้าตัวเองอีก
    เซ็ตซึนะที่เห็นดังนั้นจึงรีบห้ามอีกฝ่ายที่กำลังจะลุกขึ้นมา ก่อนจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยพยายามไม่ให้เท้าโดนเศษแจกันบาด แล้วซักพักองครักษ์สาวก็มาดูอาการใกล้ๆและพูดขึ้นว่า

    “บาดโดนเท้าเลยฮ่ะ เอาหล่ะ อยู่เฉยๆน่ะอายะจัง”

    ...สิ้นคำเซ็ตซึนะก็เข้าไปอุ้มอายะจังที่กำลังดูแผลที่บาดเท้าอยู่ขึ้นมาทันทีและพาไปนั่งที่โซฟา
    ทำเอาอายะจังถึงกับหน้าแดงเพราะเธอไม่ถูกอีกฝ่ายอุ้มมานานมากแล้ว ตั้งแต่เรียนชั้นป.สี่เลยหล่ะมั้ง?
    และเซ็ตซึนะที่ดูจะกังวลกับแผลนั่นก็เบาใจ เพราะมันบาดแค่ไม่มาก แต่ก็เพื่อความไม่ประมาท เธอจึงเดินไปที่ตู้ปฐมพยาบาลพลางพูดขึ้นว่า
    “เดี๋ยวพี่เอาพลาสเตอร์มาให้ รออยู่ตรงนั้นแล้วกันน่ะ”
    “ค่ะ เรื่องแจกันหนูขอโทษน่ะค่ะ”
    “เรื่องนั้นช่างมันเถอะของมันแตกกันได้ แล้วก็เรื่องแจกันเดี๋ยวพี่จัดการเอง”
    “แต่ว่า..”
    “น่า...คนเจ็บน่ะอยู่เฉยๆ”

    .....อายะจังที่เถียงในใจว่าเธอไม่ได้เจ็บอะไรซักหน่อย แต่ด้วยเซ็ตซึนะที่กำลังดูแลเธอเป็นอย่างดีในขณะนี้
    ทำให้ความรู้สึกผิดที่โกหกพี่โคโนกะได้จางหายไปจากใจของอายะจังทันที
    ถ้าเธอขออะไรจากพระเจ้าได้ข้อนึงแล้วหล่ะก็ เธอจะขอให้ช่วงเวลาอย่างนี้อยู่กับเธอไปนานๆ

    สักพักเซ็ตซึนะก็เอาพลาสเตอร์มาติดแผลให้ก่อนจะรีบไปจัดการกับแจกันที่แตกกระจายเต็มพื้นอยู่ต่อ
    อายะจังดูการกระทำทุกอย่างของพี่เซ็ตซึนะของเธออย่างมีความสุขและเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    ....และเซ็ตซึนะที่จัดการกับทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ลงมานั่งที่โซฟาแล้วพักแหงนหน้ามองเพดาน
    สายตาของเธอเหม่อลอยเพราะกำลังนั่งคิดถึงเรื่องๆนึงอยู่
    เพราะตอนนี้..ใจของเธอกำลังนึกเป็นห่วงโคโนจังอย่างช่วยไม่ได้ ถึงอายะจังจะบอกว่าโคโนจังไปค้างบ้านเพื่อนก็เถอะ
    แต่ถึงจะรีบขนาดไหนอย่างน้อยก็ต้องทิ้งโน้ตเอาไว้บ้างสิ ไม่ใช่แค่มาฝากบอกอายะจังด้วยปากเปล่า มีเรื่องอะไรรึเปล่าน่ะ?

    และองครักษ์สาวที่เหม่อมองเพดานอยู่ก็ต้องสะดุ้งกับสายตาของอายะจังที่โผล่มาตรงหน้า
    ก็อยู่ๆอีกฝ่ายก็นั่งคุกเข่าคร่อมตัวเธอที่กำลังนั่งบนโซฟาอยู่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยด้วยใบหน้าของอายะจังที่ห่างจากเซ็ตซึนะเพียงคืบทำเอาองครักษ์สาวใจเต้นตึกๆพลางพยายามหลบสายตาเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายที่ใกล้เข้ามาทันที

    “อะ..อะ...อายะจัง! ทะ..ทะ...ทำอะไรหน่ะ?!?!”

    แต่อายะจังก็ไม่ยอมตอบอะไรและกลับเอื้อมมือของตนไปจับใบหน้าของอีกฝ่ายให้กลับมามองที่เธอแทน
    ทำเอาเซ็ตซึนะที่พยายามไม่เสียมารยาทกับอีกฝ่ายทำหน้าฉงน
    และอายะจังก็เอ่ยคำถามที่เธอไม่เคยแม้แต่จะกล้าถามพี่เซ็ตซึนะของเธอมาก่อนว่า

    “พี่เซ็ตซึนะค่ะ พี่ว่าหนูจะแทนพี่โคโนกะได้ไหมค่ะ?”
    “ ??????”

    .....โดนถามเช่นนั้นไป ชั่ววินาทีแรกเซ็ตซึนะก็คิดทบทวนคำถามนั่นด้วยความสับสน

    แทนโคโนจัง?? แทนทำไมหล่ะ??

    แต่ทว่า..เมื่อเซ็ตซึนะมองสายตาของอายะจังที่จ้องเธอมานานก็เข้าใจในที่สุด
    จากเดิมที่เธอไม่ได้คิดอะไรมากที่อีกฝ่ายมานั่งคร่อมเธอแบบนี้กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอกำลังหน้าแดงเสียแล้ว
    แต่..แต่..แต่...จะบ้าเหรอ? อายะจังเป็นน้องสาวเราน่ะ!!
    ด้วยความที่ใจไม่อยากคิดกับอายะจังมากไปกว่าคำว่าน้องและเธอก็ไม่คิดจะไปทำลายน้ำใจของอีกฝ่าย เธอจึงรีบบ่ายเบี่ยงไปประเด็นอื่นทันที

    “มะ..มะ..ไม่รู้สิ อายะจังอยากจะเป็นแม่บ้านเหมือนโคโนจังบ้างเหรอ? อายะจังก็ทำได้ดีนี่”
    “ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นค่ะ แต่ทุกๆอย่าง.... พี่เซ็ตซึนะก็รู้นี่ค่ะว่าหนูหมายถึงอะไร?”

    ...เพราะอายะจังที่จับอากัปกิริยาของอีกฝ่ายได้ก็รู้โดยทันทีว่าตอนนี้ พี่เซ็ตซึนะของเธอรู้แล้วว่าเธอรู้สึกยังไง
    แล้วเซ็ตซึนะเองที่เอาหน้าเบือนหนีอายะจังอีกครั้งก็พยายามทำท่าจะลุกขึ้นหนี
    แต่แล้วองครักษ์สาวก็ต้องตัวร้อนผ่าวเพราะตอนนี้อายะจังเข้ามากอดตัวเธอไว้เสียแน่น ทำเอาเธอขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย
    เซ็ตซึนะที่ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อก็พยายามยกมือให้ออกห่างจากอีกฝ่ายและอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก

    “อ่า...อายะจัง พี่..พี่..พี่ว่า....”
    “เกลียดหนูหรือค่ะพี่เซ็ตซึนะ?”
    “ปะ..ปะ..เปล่า..ไม่ใช่!”
    “เหรอค่ะ!~ ดีจัง~ งั้นหนูก็รักพี่เซ็ตซึนะแบบที่พี่โคโนกะรักได้สิน่ะค่ะ!~ ”

    “(//o_O//)!!!!!!!!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×