คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนพิเศษ : ดวงจันทร์ เงาและดวงดาว (ภาคแรก)
....โรงเรียนมัธยมต้น มาโฮระ...
เด็กสาวคนนึงผมยาวเกือบประบ่าในชุดนักเรียนแผนกม.ต้น รร.มาโฮระ กำลังก้าวเข้ามาถึงหน้าตึกเรียนม.ต้นด้วยท่าทางสงบ มือซ้ายถือเชือกที่พาดเอาไว้กับไหล่ที่ผูกไว้กับถุงผ้าที่มีลักษณะตรงยาว คล้ายๆจะเป็นดาบอยู่ข้างใน
เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงฮอลที่ประชุมก็สะดุดเข้ากับกำแพงที่มีตราโรงเรียนขนาดใหญ่โชว์อยู่
ที่ด้านล่างของตรานั่นแสดงรูปและรายชื่อของนักเรียนทั้งหมดที่กำลังศึกษาอยู่ด้วย เด็กสาวมองมันด้วยความสนใจและค่อยๆไล่ไปดูที่ละชั้นปี แต่ที่เธอดูแทนที่จะเป็นของนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่กลับไปดูรายชื่อของศิษย์เก่าที่ไม่มีรูปอยู่เลยแทน
เด็กสาวค่อยๆไล่ไปดูปีเก่าๆไปเรื่อยๆ จนกระทั้งไปสะดุดกับชื่อที่เธอต้องการในที่สุด
เธออ่านมันและเผลอยิ้มออกมาน้อยๆโดยไม่รู้ตัว และสักพักนึงก็มีเสียงเพื่อนของเธอดังขึ้น..
“ซากุระซากิ!~~”
...เด็กสาวที่ได้ยินเสียงเรียกก็หันขวับไปมองทันที เด็กสาวผมดำยาวเลยไปถึงกลางหลังในชุดม.ต้นเหมือนกัน
ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางดีใจสุดขีด สาวผมยาวเข้ามาทักทายซากุระซากิเพื่อนของเธออย่างร่าเริง....
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ!!!~~~ ซากุระซากิจังมาแต่เช้าเลยน่ะ~~”
“เผอิญฉันต้องฝึกดาบตอนเช้าอยู่แล้วหน่ะค่ะ ว่าแต่คุณไดโดจิ(ผมรู้สึกตงิดๆนะ ชื่อนี้)ก็มาเช้าเหมือนกันน่ะค่ะ”
“โธ่~~ เลิกเรียกฉันว่าคุณซะทีเถอะ ได้ยินแล้วฉันเขินน่ะ”
“ตะ..แต่ว่า...”
“เอาเถอะๆ ไหนๆก็มาเช้าแล้วเราไปดูพวกชมรมกันหน่อยดีไหม?”
“เห๋?”
“ก็ที่พวกรุ่นพี่เขาจัดงานวิชาการเพื่อให้เราเลือกเข้าชมรมยังไงหล่ะ!~ พวกเราม.หนึ่งก็ต้องเลือกกันน่ะ!!~ ”
“นั่นสิน่ะค่ะ...แต่ว่า....”
“ใช่ไหมหล่ะ!~ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ!!!”
....ไดโดจิที่ไม่สนใจฟังคำตอบของอีกฝ่ายก็ลากซากุระซากิไปยังงานที่จัดใกล้ๆทันที
เด็กสาวทั้งสองเข้าไปดูในงานที่จัดไว้อย่างสนอกสนใจ ตัวของไดโดจินั้นตลอดทางบ่นแต่เรื่องที่ว่าเธอเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าชมรมอะไร
แต่ที่เธอเล็งๆเอาไว้ก็มีชมรมคอรัส ชมรมถ่ายภาพ และชมรมตัดต่อภาพยนตร์ (เดาออกหรือยังว่าเป็นใคร)
แต่สำหรับซากุระซากิแล้ว ทันทีที่เธอเจอชมรมเป้าหมาย เด็กสาวก็ตรงดิ่งเข้าไปยังโต๊ะที่สมัครเข้าชมรมทันที
“ชมรมเคนโด้ใช่ไหมค่ะ?”
“ใช่จ๊ะ!~ น้องมีอะไรจะสอบถามหรือเปล่าจ๊ะ หรือสนใจที่จะเข้าชมรม?”
“ค่ะ .....”
“จริงหรือจ๊ะ!!~~ ดีจังเลย~ ชมรมเรากำลังขาดรุ่นน้องม.ต้นอยู่พอดี ท่าทางน้องคงเป็นเคนโดด้วยสิน่ะ อ่ะ~ นี่จ๊ะใบสมัคร ช่วยกรอกให้เรียบร้อยด้วยน่ะจ๊ะ”
“อ่า...ค่ะ”
.....เด็กสาวก้มหน้าก้มตากรอกใบสมัครชมรมนั่นโดยทันทีไม่มีลังเล ทำเอารุ่นพี่ม.ปลายที่รับสมัครอยู่ยังนึกฉงน
แต่ไหนๆน้องม.ต้นนานๆ จะมาสมัครเข้าชมรมของเธอทั้งที เธอจึงชวนรุ่นน้องคนใหม่คุยด้วยอย่างกันเอง
“แหม~ น้องนี่ท่าทางทะมัดทะแมงดีน่ะจ๊ะ ทำให้พี่นึกถึงรุ่นพี่ร่วมชมรมคนนึง รุ่นพี่คนนั้นน่ะเก่งมากๆเลยน่ะ เก่งกว่ากัปตันทีมเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ยอมลงแข่งเลยสักครั้งก็ไม่รู้”
“เหรอค่ะ”
“จ๊ะ!!~~ แต่พอพี่เข้าชมรมได้แค่ปีเดียวอยู่ๆพี่เขาก็หายหน้าไป ตอนนั้นพี่ยังอยู่ม.หนึ่งเองมั้ง พวกรุ่นพี่ที่เรียนจบไปพอกลับมาเยี่ยมโรงเรียนบางคนยังถามหาอยู่เลยจ๊ะ~ สงสัยจะชวนไปแข่งระดับประเทศหน่ะ”
“อืม ค่ะ... อ่ะ นี่ค่ะเขียนเสร็จแล้ว”
“ขอบใจมากจ๊ะ!~ แล้วเจอกันที่ชมรมวันจันทร์หน้าหลังเลิกเรียนน่ะจ๊ะ เราจะมีปฐมนิเทศกัน แต่ถ้ามีอะไรสงสัยก็ไปหาพวกพี่ๆก่อนได้น่ะ ”
“ค่ะ~”
“อ่ะ!!~ พี่ก็มัวแต่คุยเพลินเลยลืมถามชื่อน้องเลย ขอโทษน่ะจ๊ะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรหรือจ๊ะ?”
“เอ่อ....”
....เด็กสาวก็ทำท่าจะบอกชื่อกับรุ่นพี่ไปแต่ทว่าเธอก็ดันโดนเพื่อนของเธออีกคนลากไปซะก่อน
“นี่ๆๆมัวทำอะไรอยู่!~ ชั่วโมงแรกจะเข้าแล้วน่ะ~ มาเรียนวันแรกถ้าเข้าสายมันจะดูไม่ดีน่ะจะบอกให้”
“อ่า....อืมๆ เอ่อ...หนูขอตัวก่อนน่ะค่ะรุ่นพี่”
“อ่า...จ๊ะ แล้วเจอกันน่ะ”
....แล้วร่างของเด็กทั้งสองก็วิ่งหายลับไปในตึกเรียนม.ต้นด้วยความรีบร้อน พร้อมๆกับเสียงกระดิ่งเรียกเข้าเรียนวันแรกดังขึ้น รุ่นพี่ชมรมที่ได้แต่มองไล่หลังตามก็ยิ้มๆให้ก่อนจะก้มลงมามองที่ใบสมัครของเด็กสาวที่กรอกให้เธอ
“เฮ่อออ....สุดท้ายเลยยังไม่ได้บอกชื่อด้วยตัวเองเลยน่ะ แหม่ะ!~ อ่านเอาในใบสมัครก็ได้ เอ~~ ซากุระซากิ....อ้อ!~~ ซากุระซากิ อายะ น่ะเอง..”
แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็วางใบสมัครนั้นลงและทำท่าคิดหนัก เพราะชื่อมันช่างคุ้นซะเหลือเกิน....แล้วสักพัก เธอก็คิดออก...
“ห๋า!!! ซากุระซากิ???? นี่เป็นน้องของรุ่นพี่เซ็ตซึนะหรอกเหรอเนี้ย???”
...รุ่นพี่ชมรมเคนโด้หันมามองที่ใบสมัครอีกที่ด้วยความตกใจ
เพราะรุ่นพี่ที่เธอเพิ่งเล่าให้อีกฝ่ายฟังก็คือ ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ รุ่นพี่ที่เก่งที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งชมรม
แต่ไม่เคยลงแข่งเลยสักครั้งคนนั้นน่ะสิ! ไม่น่าเชื่อ!! รุ่นพี่เซ็ตซึนะมีน้องด้วยอย่างนั้นเหรอ?
พี่เซ็ตซึนะที่เป็นตำนานของชมรมคนนั้นหน่ะน่ะ!! แต่จะว่าไปเขาก็ชอบถือดาบพาดหลังเอาไว้อย่างนั้นเหมือนกันนี่
แถมในใบสมัครนี่ก็เขียนว่าเรียนวิชาดาบชินเมริวเหมือนกันด้วย...ก็คงจะใช่นั้นแหล่ะ
แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็เอาแต่มองใบสมัครนั้นไม่วางตา นี่นักดาบน้อยที่เข้ามาใหม่จะมาสร้างตำนานเป็นนักดาบนิรนามเหมือนพี่ของเขารึเปล่าน่ะ??
...............................................................................................................................................................
...ในอีกมุมนึง มหาลัยสตรี มาโฮระ...
...เด็กสาวผมยาวสีช็อคโกแลตอายุยี่สิบปีในชุดมหาลัยสตรีมาโฮระ ในมือถือรองเท้าสเก็ตกับกระเป๋าหิ้วใบย่อมๆ เธอกำลังวิ่งอย่าเหนื่อยหอบเข้ามาในคอฟฟี่ช้อปแห่งหนึ่ง
“กิ๊ง~...กิ๊ง~”
“ยินดีต้อนรับค่ะ กี่ที่ค่ะ?”
“เอ่อ นัดเพื่อนเอาไว้น่ะค่ะ~ อ่ะ!~ ตรงนั้นไง”
......สาวผมยาวที่เห็นกลุ่มเพื่อนของตนก็ตรงดิ่งมานั่งกับเพื่อนๆอีกสามคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทันที
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ!~~ ทุกๆคน!~”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ~ คุณโคโนกะ มาช้าจังน่ะค่ะ”
“แฮ่ะๆ โทษทีจ๊ะ~ เผอิญฉันตกรถไฟรอบเก้าโมงเลยมาสายหน่ะ”
“ตื่นสายอีกแล้วหล่ะสิ คุณหนูโคโนกะ มัวแต่ล่ำลาองครักษ์สาวสุดที่รักอยู่หรือจ๊ะ~~”
....ซาโอโตเมะ ฮารุนะในชุดมหาลัยสตรีแผนกช่างศิลป์แซวอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ทำเอาโคโนกะที่ได้ฟังหน้าแดงเรื่อๆ แต่เธอก็เถียงอีกฝ่ายว่า
“ใช่ที่ไหนหล่ะ!~~ ฉันไม่ได้คุยกับเซ็ตจังซักหน่อย อ่ะ!~ ว่าแต่รายงานของวิชาภาษาโบราณเนี้ยส่งวันนี้รึเปล่าจ๊ะ?”
“ค่ะ แล้วคุณโคโนกะทำเสร็จแล้วเหรอค่ะ ”
....มิยาซากิ โนโดกะ ที่สวมชุดมหาลัยมาโฮระเหมือนกับโคโนกะถามขึ้น
เธอนึกเป็นห่วงหญิงสาวที่เพิ่งมาทันทีที่คิดถึงเรื่องงาน เพราะพวกเธอที่เรียนคณะอักษรด้วยกัน
แต่บ่อยครั้งเหลือเกินที่โคโนกะเกือบจะทำงานไม่เสร็จ ซึ่งมันก็ทำให้เธอแปลกใจพอควร เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนขี้เกียจอะไรออกจะขยันเสียด้วยซ้ำ และโคโนกะก็ไม่ทำให้ผู้ถามผิดหวัง เธอยื่นรายงานมาให้โนโดกะพลางพูดขึ้นว่า
“เรียบร้อย!~ เสร็จเมื่อเช้านี้เอง ถ้ายังไงก็ฝากส่งให้ฉันด้วยน่ะจ๊ะ~ โนโดกะจัง~”
“ค่ะ~”
โนโดกะรับมันไว้ด้วยความยินดี อายาเสะ ยูเอะ ในชุดนักโบราณคดีของมหาลัยภาคสนามที่นั่งนิ่งอยู่นานก็เอ่ยถามสาวที่เพิ่งเข้ามาขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงโมโนโทนประจำตัว
“ว่าแต่ คุณโคโนกะเอารองเท้าสเก็ตมาทำไมเหรอค่ะ? เห็นทุกทีจะเอามาเฉพาะวันที่มีเรียนที่ตึกกลางนี่น่า”
....โคโนกะที่ได้ฟังก็สะดุ้ง และทำท่านึกขึ้นได้ เธอรีบหันซ้ายหันขวามองไปที่ด้านนอกของร้านทันที ก่อนจะก้มๆตัวแล้วร้องถามเพื่อนโมโนโทนของเธอขึ้น...
“เอ่อ ยูเอะจ๊ะ~ ช่วยดูให้ทีว่ามีพวกคนใส่สูทสีเข้ม ใส่แว่นดำอยู่ข้างนอกบ้างรึเปล่า?”
“ตอนนี้ไม่มีน่ะ หลบอยู่เหรอค่ะ?”
“จ๊ะ~”
“อีกแล้วเหรอค่ะ?”
“จ๊ะ~~”
“พิธีดูตัว????”
“จ๊ะ!~~~”
.....โคโนกะขานรับทุกคำถามด้วยสีหน้าที่ลำบากใจแต่ก็แฝงไปด้วยความร่าเริง ฮารุนะเองที่ช่วยมองให้อีกคนก็พูดขึ้นว่า
“อะไรกัน~ ฉันนึกว่าท่านตาของคุณโคโนกะจะยอมเลิกราแล้วซะอีก ”
“นั้นน่ะสิ~ ฉันก็บอกแล้วว่าไม่แต่งๆ ท่านตาก็ยังไม่ยอมฟังฉันเลย เฮ้ออออ~~”
“ก็น่าจะให้คุณเซ็ตซึนะพูดไปเลยสิค่ะ......ตอนนี้พวกคุณสองคนก็อยู่ด้วยกันตั้งสองปีแล้วนี่..”
....โนโดกะที่ดูจะขี้อายที่สุดกลับถามคำถามได้ตรงประเด็นและเข้าเป้าที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อจนเพื่อนๆที่เหลือหันมามองขวับอย่างฉงน ไม่นึกเลยว่าโนโดกะจะกล้าถามอะไรตรงๆแบบนี้ ทำเอาผู้ถามเองถึงกับอายหน้าแดงเพราะนึกขึ้นได้ว่าตนถามเรื่องที่มันส่วนตัวเกินไป
ทว่าโคโนกะเองที่เริ่มสนิทกับคุณหนูห้องสมุดมากขึ้นมานับตั้งแต่เรียนมหาลัยคณะเดียวกันก็ไม่ถือสา
เธอทำหน้าเศร้าเล็กๆ ก่อนจะกลบเกลื่อนความรู้สึกนั่นไว้และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติว่า
“ถึงจะเป็นเซ็ตจังท่านตาก็คงไม่ฟังหรอกจ๊ะ~ ว่าแต่ว่ายูเอะจังวันนี้ออกนอกสถานที่เหรอจ๊ะ”
“............”
“ค่ะ.....วันนี้ตอนเที่ยงต้องขึ้นรถไฟชินกังเซ็งไปนาโกย่ากับพวกในคณะน่ะค่ะ อ่ะ!~ คุณโคโนกะ มากันแล้วค่ะ!!!”
...แล้วโคโนกะที่สบายใจได้ไม่นานพอยูเอะพูดเตือนก็รีบก้มตัวไปใต้โต๊ะอีกครั้ง
และโนโดกะที่ดูอยู่เช่นกันพอเห็นพวกบอดี้การ์ดสองสามคนกำลังทำท่าจะเข้ามาในร้านก็พูดขึ้นว่า
“แย่แล้วค่ะ! จะเข้ามาในร้านแล้วด้วย!!”
“แง๊!~~ๆๆ ทำยังไงดีหล่ะ~ มีเรียนตอนบ่ายซะด้วย ฮือ~~ ต้องโดดซะแล้วมั้ง? งั้นฉันหนีไปก่อนน่ะจ๊ะ~~”
...พูดจบโคโนกะก็เผ่นแว่บหนีไปหลังร้านทันที คลาดกันกับพวกบอดี้การ์ดอย่างฉิวเฉียด
และพวกบอดี้การ์ดที่รู้จักโนโดกะว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกันก็เข้ามาถามอีกฝ่ายขึ้นทันทีว่า
“เห็นคุณหนูไหมครับ? คุณมิยาซากิ”
“ อ่า...เอ่อ..”
“โคโนกะเข้าเพิ่งออกไปเมื่อกี้เองนี้ ก็เขามีเรียนวิชาพิสูจน์อักษรไม่ใช่เหรอ?”
“อ่อ..จริงด้วย ขอบคุณมากครับ”
...แล้วพวกบอดี้การ์ดที่ได้รับข้อมูลก็หายออกไปจากร้านทันที
ฮารุนะที่ล่อหลอกให้พวกบอดี้การ์ดไปอีกทางได้สำเร็จก็กระหยิ่มยิ้มอย่างสะใจ และเธอก็กระแหนะกระแหนะคุณหนูห้องสมุดเพื่อนของเธอขึ้นว่า
“โนโดกะนี่ก็จริงๆ เอ๋ออ๋าให้เขาจับพิรุธอยู่ได้ น่าจะชินกับพวกบอดี้การ์ดมากกว่าฉันแล้วน่ะ”
“แหม~~ ก็พวกเขาน่ากลัวจะตายนี่จ๊ะฮารุนะ”
...แต่ยูเอะที่เมื่อเห็นว่าโคโนกะกลับไปแล้ว สาวโมโนโทนที่แอบอ่านสีหน้าของสาวผมสีช็อคโกแลตมาตลอดก็เอ่ยขึ้น
“แต่เมื่อกี้ พอคุณโคโนกะเขาพูดถึงคุณเซ็ตซึนะแล้ว...รู้สึกเขาซึมๆไปแว่บนึงน่ะ”
“อืม.....เธอก็จับได้เหมือนกันใช่ไหมยูเอะ ฉันยังได้กลิ่นเลย...”
ฮารุนะที่จับพิรุธของโคโนกะด้วยเซ้นท์ก็พูดขึ้นเหมือนกัน พลางทำจมูกฟุดฟิด โนโดกะที่ดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรจึงถามขึ้น
“พวกเธอพูดถึงเรื่องอะไรกันหน่ะ ยูเอะ ฮารุนะ”
....ยูเอะที่ฟังอยู่ก็นิ่งๆไม่พูดอะไรและดื่มน้ำเสาวรสต่อไป แต่ฮารุนะกลับทำท่าทีโมโห ให้ตายสิโนโดกะ! อยู่คณะเดียวกันแท้ๆยังไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง!! เอาแต่ซื่อแบบนี้ถึงไม่รู้เรื่องสองคนนั้นเลยสิน่ะ!
คิดได้ดังนั้น..หญิงสาวนามปากกาพารุจึงพูดใส่โนโดกะเพื่อนรักอย่างเหลืออดว่า
“ก็ที่คุณโคโนกะเขาทำท่าเศร้าทุกทีที่พูดถึงคุณเซ็ตซึนะยังไงหล่ะ!! ไม่เห็นเหรอ?”
“อ้าว...ก็พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วนี่ แถมก็ไม่เคยพูดว่าทะเลาะด้วยกันด้วย”
“งั้นก็เถอะ แต่ฉันได้กลิ่น!! มันใช่แน่ๆ กลิ่นของความรักที่ไม่สมหวัง....มัน..เศร้าซะจนเกินบรรยายเลยแหล่ะ...”
ฮารุนะที่แม้จะพูดด้วยอารมณ์ในตอนต้นแต่กลับมีน้ำเสียงเศร้าในตอนท้าย
ยูเอะเองก็ทำหน้านิ่งรู้สึกเช่นเดียวกับฮารุนะ มันบอกไม่ถูกหรอกว่ามันคืออะไร
แต่ที่แน่ๆดูเหมือนว่าภายนอกที่ดูร่าเริงของโคโนกะนั้น กลับกำลังเก็บอะไรบางอย่างไว้อยู่ข้างใน
...อะไรที่มันแสนจะขมขื่นที่ยูเอะรู้สึกได้ในตัวอีกฝ่ายมาตลอดตั้งแต่สมัยม.ต้นแล้วหล่ะ...
.....................................................................................................................................................................................................
“เฮ้ออออ~~ พ้นแล้วมั้ง~”
.... โคโนกะที่สเก็ตวิ่งออกมาจากมหาลัยมาอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งด้วยความเหนื่อย
พวกบอดี้การ์ดนี่ นับวันยิ่งฉลาดขึ้นเรื่อยๆน่ะ ถ้าเป็นตอนม.ต้นแค่แอบในตู้เสื้อผ้าสักชั่วโมงก็ถอยแล้ว
เดี๋ยวนี้พัฒนาถึงขนาดมีเบอร์เพื่อนในคณะทุกคนแถมยังรู้ตารางเรียนของเธออีก
ท่านตาก็ท่านตาเถอะ ฉันยอมทำพิธีไตรเวทย์ให้แล้วก็น่าจะยอมตามใจฉันได้แล้วน้า~~
แง๊~~~~ ท่านตาใจร้าย~~~(ToT) และขณะที่โคโนกะกำลังนั่งพักหายเหนื่อย เสียงของบุคคลที่เธอไม่ปรารถนาก็ดังขึ้น
“อ๊ะ! คุณหนูอยู่นั่น! ตามไปเร็ว!!”
“แง๊!~~~ ทำไมมากันเร็วแบบนี้น้า~~~”
.......โคโนกะบ่นกับตัวเองก่อนจะรีบลุกขึ้นใช้สเก็ตวิ่งต่อหนีต่อทันทีทั้งๆที่ยังไม่หายเหนื่อย
แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะยังไม่เข้าข้าง เพราะตรงหน้าของเธอมันเป็นบันไดทอดยาวลงไปกว่ายี่สิบเมตร พวกบอดี้การ์ดที่เห็นอย่างนั้นก็รีบตามไปให้ทันทันที
“ทางข้างหน้าคุณหนูไปต่อไม่ได้แน่!~ ดักเอาไว้เร็ว!!”
...แล้วพวกบอดี้การ์ดก็รีบวิ่งกรูไล่หลังตามโคโนกะเร็วยิ่งกว่าเดิม
โคโนกะที่เห็นทางข้างหน้าก็เริ่มหน้าซีด โอ้ย~~ ข้างหน้าก็จระเข้ ข้างหลังก็เสือ ทำยังไงดี?
สงสัยต้องใช้ไอ้นั่นแล้วหล่ะมั้ง คิดได้ดังนั้น สาวผมยาวก็พึมพำขึ้นว่า...
“พระเจ้าค่ะ!~~ ได้โปรดช่วยลูกช้างให้ทำได้สำเร็จที่เถอะน่ะค่ะ~~~~”
...ภาวนาจบ...โคโนกะก็เร่งสเก็ตไปทางข้างหน้าที่มันเป็นทางลงบันไดด้วยความเร็วสูงสุด ทำเอาพวกบอดี้การ์ดที่คิดว่าคุณหนูไม่ว่าจะยังไงก็ไปต่อไม่ได้นั้นถึงกับตะลึง!! นี่คุณหนูจะลงจากบันไดที่ยาวขนาดนั้น ทั้งๆที่ใส่สเก็ตจริงๆหน่ะเหรอ???
“หลีกทางด้วยค่า!!!~~~ หลบไปด้วย!!~~ เดี๋ยวโดนลูกหลงไปไม่รู้ด้วยน้า!~~”
โคโนกะตะโกนเตือนพวกที่เดินอยู่ตรงบันไดทางลงที่ขวางทางทันที ก่อนจะเทคตัวกระโดดขึ้นทั้งๆที่ยังใส่รองเท้าสเก็ต
ทำเอาบอดี้การ์ดที่มองตามหน้าซีด คุณหนูคิดจะกระโดดลงไปหรอกเหรอ??
เป็นไปไม่ได้หรอก!! มันสูงเกินไป!! ตายหล่ะ!! ถ้าคุณหนูเป็นอะไรไปพวกเรามิโดนท่านโคโนเอม่อนฆ่าหรอกรึ????
“คุณหนู!! อย่าน่ะครับบบบ!!!”
....แต่ห้ามไปก็เท่านั้น!! โคโนกะที่กระโดดไปที่ราวจับบันไดแล้วใช้สเก็ตไถลลงมาตามราวจับอย่างกับนักสเก็ตมืออาชีพ!
สาวผมยาวพยายามทรงตัวระหว่างที่ไถลอยู่บนราวตลอดทางด้วยใบหน้าที่สนุกสนานจนกระทั้งมาถึงด้านล่างในที่สุด!
โคโนกะดีดตัวออกจากราวจับนั่นและรีบสไลด์สเก็ตหนีต่อทันที
“เยส!!! สำเร็จแล้ว!!~~ อย่างนี้ค่อยคุ้มกับที่ฝึกมาหน่อย!!~~”
โคโนกะชูกำปั้นทำท่าดีใจสุดชีวิตก่อนจะสเก็ตหนีออกไปต่อ แต่พวกบอดี้การ์ดที่มองดูอยู่ตลอดใจหายแว้บ
นั่งเข่าอ่อนอยู่หน้าบันไดทางลงนั่นอย่างหมดแรง เฮ้อออ~ เกือบโดนท่านโคโนเอม่อนทำโทษเข้าแล้วไง
... แต่เดี๋ยว! พวกเขายังต้องไปเอาตัวคุณหนูมาเข้าพิธีดูตัวนี่น่า คิดได้ดังนั้น พวกเขาที่มัวแต่ตะลึงก็รีบตามคุณหนูต่อทันที
...และโคโนกะเองที่พอเหลี่ยวหลังไปก็พบว่าพวกนั้นยังไม่ยอมเลิกราก็ทำท่าอ่อนใจอีกรอบ
“ แง๊!~~ ฉันเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วน่ะ~~ ตามมาอยู่ได้~~ สงสัยต้องใช้มาตรการสุดท้ายแล้วหล่ะมั้ง??~”
แล้วโคโนกะที่พูดอย่างนั้นพอมาถึงถนนใหญ่ก็หันซ้ายหันขวาเพื่อไปใช้มาตรการสุดท้ายทันที และแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
“อ้าวๆ!~ โคโนกะ~~ มาทำอะไรที่นี่หล่ะเนี้ย?”
อาซากุระ คาซึมิในชุดไปรเวทสวมหมวกกันน๊อกและแว่นตากันลมกำลังขี่เวสป้าสีครีมผ่านมาพอดี
ท่าคงกำลังจะไปตระเวนหาข่าวเพื่อทำหนังสือพิมพ์ของมหาลัยอยู่ โคโนกะจึงไม่รอช้าที่จะขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
“คาซึมิ~~~ ช่วยฉันหน่อยสิจ๊ะ~~”
“เห๋!~”
“คุณหนู!!~~ กลับมาเถอะคร้าบบบบ!!”
...โคโนกะที่ได้ยินก็ทำท่าเลิกลั่กหันไปทางเสียงนั่นทันที คาซึมิที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ท่าอีกฝ่ายคงกำลังหนีพวกคนใส่ชุดสูทสามสี่คนนั้นอยู่เป็นแน่ นักข่าวสาวจึงเอ่ยชวนขึ้นมาทันที
“ขึ้นมาเลยคุณหนู!~ เดี๋ยวเหยี่ยวข่าวสาวคนนี้จะพาหนีไปให้เอง!!”
“เย้!!~~ ขอบใจมากจ๊ะคาซึมิจัง~~”
โคโนกะที่ได้ฟังก็ไม่ชักช้าที่จะกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์เวสป้าของคาซึมิตามคำชวนทันที
และคาซึมิเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพร้อมก็บิดคันเร่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
พวกบอดี้การ์ดที่กว่าจะไล่ตามมาก็ถูกทิ้งไปไม่เห็นฝุ่น พวกเขาที่ต่างหอบแฮ่กก็ได้แต่มองตามหลังเวสป้าสีครีมนั่นด้วยความอ่อนใจ หัวหน้ากลุ่มบอดี้การ์ดที่มองตามก็พูดขึ้นว่า
“เฮ้อออ~~ ไม่ทันแล้วหล่ะ สงสัยวันนี้ก็ฟาล์วอีกตามเคย...”
......................................................................................................................................
...เย็นของวันนั้น...
“กลับมาแล้วค่ะ”
...อายะจังที่กลับมาที่ห้องพักก็ไม่ได้ยินเสียงใครตอบรับ สาวน้อยหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆห้องก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองขึ้นมาว่า
“อืม....ยังไม่กลับมาซะหล่ะมั้ง?”
......และอายะจังที่ตอนนี้ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปก็รีบเข้าไปวางของในห้องนอนของตนก่อนที่จะมาที่ห้องส่วนกลาง ห้องที่เธออาศัยอยู่มันเป็นอพาร์ทเมนท์ที่แบ่งเป็นสัดเป็นส่วน มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีห้องครัว ห้องกินข้าวและห้องรับแขก ห้องพักที่นี่มันห่างจากรร.ม.ต้นมาโฮระแค่นั่งรถไฟใต้ต่อเดียว
ดังนั้น.....วันนี้เธอที่ไม่ได้ไปทำธุระที่ไหนจึงกลับมาเร็วกว่าเพื่อน และอายะที่เดินไปที่หน้าห้องนอนอีกห้องนึงก็ยืนนิ่ง ชั่งใจอยู่นาน ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในที่สุด
....นักดาบชินเมริวน้อยที่ก้าวเข้ามาในห้องนอนก็รีบปิดประตูและเดินเข้าไปใกล้ที่เตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในห้องนอนนั้นทันที
...เธอเอ่ยทักกับผู้ที่อยู่ตรงหน้าไปว่า..
“กลับมาแล้วค่ะ....พี่เซ็ตซึนะ...”
...อายะทักทายเซ็ตซึนะที่กำลังนอนอยู่ด้วยน้ำเสียงกึ่งดีใจกึ่งเศร้า
เพราะตอนนี้ต่อให้เธอทำวิธีใดก็ตามอีกฝ่ายก็คงไม่มีทางลุกขึ้นมาหรอก ด้วยร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงภายใต้ผ้าห่มผืนหนาตรงหน้าพาให้อายะจังเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
เซ็ตซึนะที่ตอนนี้หลับตานิ่งสนิทก็ดูจะไม่รู้ถึงการมาของอีกฝ่าย อายะจังค่อยๆเข้าไปนั่งข้างๆร่างของเซ็ตซึนะก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้อีกฝ่ายอย่างช้าๆ นักดาบน้อยที่ใบหน้าห่างจากอีกฝ่ายเพียงคืบก็พูดกับร่างที่ยังนอนหลับใหลอยู่ว่า..
“พี่เซ็ตซึนะค่ะ.....คือว่าหนู....หนู”
.....แต่อายะจังก็ไม่กล้าพูดต่อ แม้จะรู้ว่าทุกคำพูดที่เธอได้เปล่งออกไปอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินก็ตาม
แต่นักดาบน้อยก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยความในใจออกมาอยู่ดี ที่เธอทำได้ก็มีเพียงแสดงสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายในใจออกมาผ่านการกระทำเท่านั้น อายะจึงค่อยๆเลื่อนใบหน้าให้ริมฝีปากของตัวเองเข้ามาใกล้กับของอีกฝ่ายที่หลับอยู่ด้วยหัวใจระทึก
สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งที่เธอแอบทำมาหลายทีและจะกล้าทำก็ต่อเมื่อบุคคลอีกคนหนึ่งยังไม่มาเท่านั้น
และแล้วริมฝีปากของนักดาบน้อยที่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงนิ้วก็ต้องชะงัก เมื่อมีอีกเสียงนึงดังขึ้น
“กลับมาแล้วจ้า!~~~ อายะจัง!~~ ...อ้าว...ยังไม่กลับมาหรอกเหรอ?~”
....โคโนกะในชุดนักศึกษามหาลัยกลับมาถึงอพาร์ทเมนท์พอดี ทำเอาอายะจังถึงกับสะดุ้งชะงักตัวเองในสิ่งที่กำลังจะทำอยู่และรีบทำตัวให้ปกติ
นักดาบน้อยตั้งสติของตัวเองให้หายตื่นเต้นก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้องนั่นและเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติว่า
“กลับมาแล้วเหรอค่ะพี่โคโนกะ~ วันนี้กลับช้าจังน่ะค่ะ”
“จ๊ะ~~ พี่มัวแต่หนีพวกบอดี้การ์ดอยู่หน่ะเลยช้า ป่านนี้แล้วอายะจังคงหิวแย่เลย เดี๋ยวพี่จะรีบทำอะไรให้กินน่ะ~~”
“ค่ะ~”
...โคโนกะที่ทักกลับอย่างร่าเริงแม้จะนึกแปลกใจที่ทำไมอายะจังถึงเดินออกมาจากห้องนอนของตน
แต่สาวผมยาวก็ไม่ใส่ใจเธอรีบไปคว้าผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายกระต่ายประจำตัวและเริ่มทำกับข้าวทันที
เมื่อผ่านไปสักพัก โคโนกะที่หันมาดูนาฬิกาในข้อมือก็เริ่มบ่นขึ้น
“ว้า!~~ เหลืออีกแค่ไม่ถึงชั่วโมงเอง ไม่ทันแน่ๆ ท่านตาเองก็เถอะน้า~ ไม่น่ามาเจ้ากี้เจ้าการเล้ย~~”
“ท่านโคโนเอม่อนให้พวกบอดี้การ์ดมาตามพี่โคโนกะเข้าพิธีดูตัวอีกแล้วเหรอค่ะ?”
“จ๊ะ~~ น่าเบื่อที่สุดเลย~~”
...โคโนกะที่ตีไข่ไปพลางบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดทำเอาอายะจังที่ได้ฟังก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
นักดาบน้อยหันไปมองนาฬิกาอีกครั้งก็เห็นว่ามันคงไม่ทันจริงๆจึงเดินมาหาโคโนกะที่กำลังทำกับข้าวอยู่และคว้าตะเกียบในมือของพี่โคโนกะมาตีไข่เสียเองพลางพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า
“มา!~ วันนี้หนูขอแสดงฝีมือเอง~ พี่โคโนกะรีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ”
“อ๊ะ! อายะจังจ๊ะ~ แต่ว่า...”
“หนูโตแล้วน่ะค่ะ~~ ไม่ใช่เด็กๆ อีกอย่างเดี๋ยวก็เหมือนคราวก่อนที่พี่โคโนกะนอนคาห้องน้ำหรอกค่ะ”
...โคโนกะที่ถูกอีกฝ่ายแซวก็อายจนหน้าแดง ก่อนจะรีบขอบใจอายะจังที่เข้ามาช่วยและรีบวิ่งหายวับไปห้องอาบน้ำทันที
อายะจังที่มองตามหลังพี่โคโนกะที่แม้จะยี่สิบแล้วแต่ยังมีนิสัยเหมือนเมื่อตอนที่เธอได้เจอพี่โคโนกะครั้งแรกไม่เปลี่ยนก็ยิ้มๆ
ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารเย็นต่อไป
.....จนเมื่อโคโนกะออกมาจากห้องอาบน้ำพร้อมๆกับอาหารเย็นที่อายะจังทำเสร็จพอดี
โคโนกะมองอาหารที่โต๊ะด้วยแววตาที่ปลาบปลื้มพลางรีบปรี่เข้าไปตะครุบตัวกอดที่ด้านหลังของอายะจังที่กำลังวางกับข้าวอยู่ทันที
ทำเอาอายะจังถึงกับสะดุ้งจนหน้าแดงออกมานิดๆ
“ว้ายย!~~~ ตกใจหมดเลยค่ะพี่โคโนกะ~”
“อ๊า~~ ก็อายะจังของพี่เก่งเหลือเกินนี่น่า ดูสิๆ ~ กับข้าวน่ากินทั้งนั้น น่ารักจริงๆเลยน้า~~ ”
“เหรอค่ะ~~ ก็พี่โคโนกะสอนหนูมาดีไง! ”
“แหมๆ~ ชมอย่างนี้พี่ก็เขินแย่สิจ๊ะ~~ อีกอย่างอายะจังเก่งเองต่างหากด้วย เพราะพี่ไม่เห็นว่าเซ็ตจังจะพัฒนาฝีมือด้านนี้ขึ้นมาซักนิด สู้อายะจังก็ไม่ได้!~ว่าแต่...หัดทำกับข้าวเก่งแบบนี้ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของใครรึเปล่าเอ่ย?~”
..โคโนกะที่ถามไปก็มองไปยังนักดาบน้อยที่เธอกอดอยู่ด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี....ทำเอาอายะจังที่ได้ฟังก็หน้าแดงก่ำ ก่อนที่จะส่ายหัวดิ๊กแทนคำตอบ
โคโนกะที่เห็นท่าทางอายๆนั่นก็หัวเราะคิก ก่อนจะผละตัวจากอีกฝ่ายและเริ่มจะหม่ำข้าว แต่อายะจังที่เข้ามานั่งอยู่ด้วยอีกคนกลับนิ่งเฉยจนโคโนกะเอ่ยถามขึ้น
“อ้าว!~ อายะจังหิวไม่ใช่เหรอจ๊ะ?”
“เอ่อคือ...เมื่อกี้ตอนทำๆอยู่หนูชิมไปด้วย สงสัยชิมเยอะไปหน่อยหนูเลยหายหิวเลย หนูขอรอทานข้าวกับพี่เซ็ตซึนะแล้วกันน่ะค่ะ”
“อ่าจ๊ะ~ งั้นพี่หม่ำก่อนหล่ะน่ะ!!!~~~”
โคโนกะที่หิวเต็มแก่ก็ยิ้มหน้าแป้นแล่นและเริ่มกินข้าวเย็นทันที
อายะจังที่เห็นพี่โคโนกะที่มักทำตัวแบบเด็กๆเสมอก็ยิ้มให้อย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะขอตัวไปอาบน้ำและโคโนกะที่กินเสร็จก็ดูนาฬิกาที่ข้อมืออีกครั้ง
“อีกสิบห้านาที...ยังทันนี่เนอะ~~”
แล้วโคโนกะที่ล้างจานเสร็จก็รีบเข้าห้องนอนไปโดยไม่ลืมตะโกนบอกอายะจังไปว่า
“อายะจัง!~~ พี่ไปนอนก่อนน่ะ~~”
“ค่า!~~~”
แล้วโคโนกะก็หายเข้าไปในห้องนอนทันที อายะจังที่ยังอาบน้ำอยู่ก็แหงนไปมองที่นาฬิกาในห้องน้ำใกล้ๆ
“อืม...หกโมงยี่สิบแล้วเหรอเนี้ย? วันนี้ช้ากว่าทุกวันน่ะ..”
.....โคโนกะที่เข้ามาในห้องนอนก็รีบไปเปิดล็อคเกะใต้โต๊ะเขียนหนังสือด้วยกุญแจที่ตนคล้องคอร้อยกับสร้อยเอาไว้
และหยิบไดอารี่ขึ้นมา เธอนั่งเขียนไดอารี่บันทึกประจำวันอยู่นานด้วยท่าทางรีบเร่งแต่ก็มีความสุข จนกระทั้งเธอเหลือบมาดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง..
“ฟู่ววว!~~~ อีกสามนาที ทันฉิวเฉียดเลยน่ะ~”
....บ่นจบโคโนกะก็รีบวางไดอารี่เก็บเข้าที่ก่อนที่จะล็อคมันอย่างเดิมและเดินไปยังที่นอน
เธอเลื่อนตัวไปนอนที่เตียงที่มีเซ็ตจังองครักษ์ของเธอนอนอยู่ โคโนกะเข้าไปนอนใกล้ๆอีกฝ่ายและเอาผ้าห่มขึ้นมาห่มก่อนจะมองไปที่หน้าต่างด้านนอกที่เหลือแสงสีส้มจากพระอาทิตย์อยู่เพียงเล็กน้อย องค์หญิงเอื้อมมือไปจับใบหน้าขององครักษ์ของเธอเอาไว้แล้วลูบมันไปมาเบาๆอย่างอ่อนโยนด้วยอารมณ์ที่คิดถึง
เดี๋ยวเซ็ตจังก็จะตื่นแล้วสิน่ะ ฉัน....อยากที่จะดูตอนที่เซ็ตจังตื่นมาพร้อมฉันจัง
นิ่งไปสักพักโคโนกะก็ทำท่าหาวหวอดขึ้นมา เธอที่รู้ว่าใกล้เวลาแล้วก็เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของอีกฝ่ายพลางพูดขึ้นว่า
“ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ เซ็ตจังที่รักของฉัน~ วันนี้ก็อย่าลืมรักฉันด้วยน่ะ~”
พูดจบโคโนกะก็เข้าไปหอมแก้มเซ็ตซึนะที่กำลังนอนอยู่ฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงก่อนที่จะล้มตัวลงนอนในที่สุด พร้อมๆกับแสงของพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปพอดี...และสักพักเซ็ตซึนะที่นอนอยู่ตลอดก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
องครักษ์สาวพบร่างของโคโนจังที่นอนอยู่ข้างๆพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็ยิ้มตอบให้กับหญิงสาวที่นอนอยู่ตรงนั้น
เซ็ตซึนะที่เพิ่งตื่นนอนก็โน้มตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของโคโนจังที่กำลังหลับพริ้มด้วยอารมณ์เสน่หาในตัวอีกฝ่ายก่อนจะเข้าไปกระซิบเบาๆให้อีกองค์หญิงของเธอได้ยินว่า
“สายันต์สวัสดิ์~ องค์หญิงของหม่อมฉัน~”
พูดจบเซ็ตซึนะก็เข้าไปจุมพิตไปที่กระหม่อมของโคโนจังหนึ่งทีเป็นการทักทายแล้วยิ้มให้อย่างเป็นสุข
องครักษ์สาวในชุดนอนที่ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะใช้กุญแจที่คล้องคออยู่เหมือนกับของโคโนจังมาไขล็อคมันออกและหยิบไดอารี่ขึ้นมาอ่านบันทึกของโคโนจังวันนี้ทันที
ถึงเซ็ตจัง สวัสดีตอนค่ำจ๊ะ!~~
.........วันนี้ฉันถูกท่านตาเรียกให้ไปพบตั้งแต่เช้าแหน่ะแต่ความจริงคือหลอกให้ฉันไปเข้าพิธีดูตัวต่างหาก!!
ร้ายกาจที่สุดเลยเนอะ!! น่าเคืองจริงๆ เดี๋ยวนี้ชักจะใช้แผนสูงขึ้นทุกวันๆ ฉันว่าซักวันฉันต้องโดนจับเข้าพิธีแน่ๆ
ฮือ~~ จะทำยังไงลาดีเนี้ยเซ็ตจัง~ ช่วยฉันคิดหน่อยซี่~ ฉันถูกท่านตาบังคับเรื่องนี้ไม่เลิกซักที~~
........ แต่โชคดีน่ะที่ตอนนั้นฉันไหวตัวทันเลยหนีออกมาได้ ฉะนั้นวันนี้ฉันก็เลยโดดเรียนซะเลย!! (^^)
โธ่...แต่วันนี้มีวิชาพิสูจน์อักษรที่ยากซะด้วยสิ!~
ถ้าเกิดฉันติดเอฟวิชานี้ขึ้นมาฉันจะไปเอาเรื่องกับท่านตาให้ถึงที่เลยคอยดู!
.......อ้อๆ แล้ววันนี้ตอนที่ฉันหนีพวกบอดี้การ์ด ฉันใช้สเก็ตไต่ลงราวบันไดยาวยี่สิบเมตรได้ด้วยน่ะ!!
เก่งใช่ไหมหล่ะ? อุตส่าห์ฝึกท่านี้มาตั้งนานเพื่อใช้หนีในงานนี้เนี้ยแหล่ะ!~ (^o^) ฮิๆๆ
แต่...มันก็หนีได้แป๊บๆพวกบอดี้การ์ดนั้นก็ตามมาทัน(T_T) โชคดีที่คาซึมิจังขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านมาพอดี
ไม่งั้นฉันคงต้องใช้มาตรการสุดท้ายแล้วหล่ะ! แล้วหลังจากนั้นฉันก็หนีไปที่ตัวเมืองทั้งวันเลย!!
(แต่มาตรการสุดท้ายนี่แพงน่าดู ไม่นึกเลยว่าคุณมานะจะงกขนาดนี้!~ ค่าจ้างแต่ละทีพาฉันอดกินขนมเค้กไปหลายมื้อเลยน้า~~)
..... แล้วก็ๆ น่ะฉันลืมบอกอายะจังไป ตอนนี้กับข้าวในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว ขอโทษน่ะจ๊ะ วันนี้มัวแต่ยุ่งๆหลบพวกบอดี้การ์ดอยู่เลยลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท(T_T)
เซ็ตจังก็อย่าลืมไปซื้อมาด้วยน่ะจ๊ะ!~~ แล้วก็อย่าเอาพวกเนื้อไม่สดมาอีกน่ะ!! ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆด้วย!!
อายะจังเขาเด็กกว่าเซ็ตจังตั้งเยอะ ยังจ่ายกับข้าวเก่งกว่าเลย หัดเอาอย่างอายะจังซะบ้างสิ!!
.....เซ็ตซึนะที่อ่านมาถึงท่อนนี้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ความจริงเธอก็ขำกับไดอารี่ที่เธอกำลังอ่านอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วหล่ะ และเซ็ตซึนะที่หยุดหัวเราะได้สำเร็จก็หันมาอ่านบันทึกที่เหลือต่อทันที
....... วันนี้ตอนที่ไปเจอพวกโนโดกะจัง อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาทำนองว่า
เรื่องพิธีดูตัวของฉันทำไมไม่ให้เซ็ตจังบอกท่านตาไปตรงๆ ก็โนโดจังเขารู้แค่ว่าเราอยู่ด้วยกันนี้น่ะ น่าตกใจใช่ไหมที่โนโดกะจังเป็นคนถาม??? (o_O)
........ แต่เขาก็ไม่ได้รู้หรอกว่าเราไม่ได้เจอหน้าและคุยกันตรงๆมาเกือบจะหกปีกแล้ว
เซ็ตจังจ๊ะ ฉันเฝ้านับวันที่พวกเราจะได้อยู่เจอหน้ากันมาโดยตลอด ไอ้วันที่ท่านเทพสามภพว่า
มันจะมาถึงเมื่อไหร่กันน่ะ? แล้วถ้าเกิดพวกเราทำไม่สำเร็จพวกเราจะต้องอยู่อย่างนี้ตลอดไปหรือเปล่า?
ฉันไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรออย่างเชื่อมั่นต่อไปน่ะ.
......ปล.วันนี้ฉันก็ยังรักเซ็ตจังเหมือนเดิมน่ะจ๊ะที่รัก จุ๊บๆ(^3^)
....เซ็ตซึนะที่มาอ่านประโยคสุดท้ายก็หน้าแดงนิดๆก่อนจะหันไปมองร่างของโคโนจังที่กำลังนอนหลับปุ๋ย
แม้จะหลับไปแล้วยังสามารถทำให้ฉันรู้สึกเขินได้เสมอเลยน่ะ
อ่านจบ ... องครักษ์สาวก็เปิดไปยังหน้าที่มีกระดาษแผ่นหนึ่งเหน็บอยู่
กระดาษสีขาวขนาดเล็กที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พวกเธอทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกครั้ง
เซ็ตซึนะพลิกมันขึ้นมาอ่านข้อความในกระดาษนั่นด้วยอารมณ์ที่ย้อนกลับไปในช่วงเวลาของเมื่อหกปีก่อน
...ในวินาทีที่เธอได้เห็นกระดาษแผ่นนี้เป็นครั้งแรก....
ผู้ถูกเลือกรุ่นที่สามสิบห้า
โคโนเอะ โคโนกะ เผ่ามนุษย์
ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ เผ่าเทพ เผ่าปิศาจ
น่าตกใจจริงๆ...ด้วยข้อความที่ปรากฏอยู่บนกระดาษไตรเวทย์ เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเธอยังไม่ตาย
ใช่แล้ว เพราะพวกเธอทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้ถูกเลือกด้วยกันทั้งคู่! เพียงแต่..ไม่มีใครรู้ว่าเซ็ตซึนะจะเป็นลูกครึ่งของเผ่าเทพปิศาจและก็ไม่มีใครนึกถึงว่าจะยังมีเผ่าเทพหลงเหลืออยู่ ฉะนั้นพวกสหพันธ์คันไซจึงไม่นึกเอะใจและไม่เคยลองเอากระดาษไตรเวทย์มาทดสอบตัวเธอเลยสักครั้งเพราะพวกเขาไม่คิดว่ามันจะมีผู้ถูกเลือกจากเผ่าอื่นอีก
และกระดาษแผ่นนี้เธอก็ได้มาหลังจากที่พวกเธอทั้งสองคนฟื้นขึ้นมาแล้ว ถ้ารู้ว่าเธอเป็นผู้ถูกเลือกตั้งแต่แรก
เธอคงจะเข้าทำพิธีนี่อย่างสบายใจแล้วหล่ะ ขนาดท่านเทพสามภพยังตกใจเลยนี้น่ะหลังจากที่ได้สัมผัสกับตัวเธอ
ท่านเทพเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเธอเป็นผู้ที่ถูกเลือกอีกคน ตัวเซ็ตซึนะเองก็ไม่อยากจะเชื่อก็เธอไม่ได้มีพลังเวทย์อันมหาศาลเหมือนโคโนจังนี่น่า และดูเหมือนว่าคำอธิบายที่ท่านเทพมีให้กับกรณีของเธอก็คือ...
“คงเพราะ...มีเผ่าเทพเหลือน้อยเต็มที และตัวเจ้าเองก็อยู่ใกล้พวกจอมเวทย์มาโดยตลอด
ชะตาฟ้าจึงลิขิตให้เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกทั้งๆที่ตัวเจ้าเองก็มิได้มีพลังเวทย์มากมายเลยเช่นนี้
ท่า...สิ่งที่เจ้าจะนำมาใช้ในการปรับสมดุลพลังไตรเวทย์คงจะไม่ใช่พลังเวทย์ในตัวแต่คงเป็นความเป็นเทพและมารของเจ้าเสียกระมัง เพราะเดิมทีทั้งเทพและปิศาจก็ก่อกำเนิดจากมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น
เพียงแต่เผ่าทั้งสองเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่บำเพ็ญเพียรมามาพอจนมีพลังแก่กล้ากว่ามนุษย์ธรรมดา
ดังนั้นหลังจากที่เจ้าเข้าไปปรับสมดุลของไตรเวทย์ในดินแดนสามภพแล้ว
...เจ้าคงต้องกลายเป็นมนุษย์สามัญไม่มีพลังของเทพและมารอีกต่อไป ซึ่งเจ้าก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นใช่หรือไม่?..”
...ซึ่งในตอนนั้น เธอดีใจทั้งน้ำตาและพยักหน้าทำตามที่ท่านเทพพูดทันที
เพราะจะให้เธอเป็นมนุษย์ธรรมดาหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงแต่ให้โคโนจังกลับมาก็พอ...และมันก็อย่างที่เห็น เธอและโคโนจังกลับฟื้นขึ้นมาได้เป็นเวลาหกปีแล้ว
แล้วเซ็ตซึนะก็เอากระดาษไตรเวทย์กับไดอารี่เก็บเข้าที่และล็อคมันเอาไว้อย่างเดิม พลางนำตัวเองกลับไปยังวันที่ตนได้คุยกับท่านเทพสามภพอีกครั้ง
... มันไม่เคยมีกรณีอย่างนี้มาก่อน เจ้าลูกครึ่งเทพปิศาจผู้ถูกเลือก ไม่เคยมีการทำพิธีของผู้ถูกเลือกสองคนต่อการปรับสมดุลหนึ่งครั้งมาก่อน
และข้าเองก็ช่วยพวกเจ้ามากไปไม่ได้มากกว่านี้
ทว่า...พวกทวยเทพทั้งหลายก็ต่างเห็นใจพวกเจ้า พวกเขาทั้งหลายจึงตัดสินใจให้พวกเจ้าต้องคำสาปไปแทนที่ของความตายและการที่ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งนิทราไปชั่วนิรันดร์
....ด้วยคำสาปของพวกทวยเทพ... นับแต่บัดนี้พวกเจ้าต่างไม่มีทางที่จะตื่นพร้อมกัน
นึงตื่นยามกลางวันเท่านั้น อีกนึงตื่นยามกลางคืน คำสาปนี้จะดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั้งถึงวันเวลาที่แสงและเงาอยู่ด้วยกันโดยสมบูรณ์ เมื่อถึงช่วงเวลานั้นเจ้าสองคนต้องอยู่พร้อมกัน
ถ้าผู้นึงนอนอยู่ อีกผู้นึงต้องเป็นคนปลุกอีกฝ่ายขึ้นมา และโอกาสที่พวกเจ้าจะแก้คำสาปนั้นมันจะมีเพียงแรกหนแลหนเดียวเท่านั้น ถ้าพวกเจ้าพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว ผู้ที่หลับใหลอยู่และมิได้ถูกปลุกก็จะหลับใหลไปกับคำสาปนี้ตลอดกาล เหลือแค่ผู้ที่ตื่นอยู่แล้วเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะใช้ชีวิตเหมือนปรกติต่อไป.....
....เซ็ตซึนะที่คิดถึงถ้อยคำนั้นก็คิดหนัก ปริศนาวันดังกล่าวเธอไม่รู้แน่นอนหรอกว่ามันจะมาเมื่อใด
แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ตลอดหกปีที่ผ่านมานี้แน่ ไม่เช่นนั้น พวกเธอคนใดคนนึงคงหลับใหลตลอดกาลไปแล้ว
เมื่อย้อนกลับไปคิดเรื่องเก่าสักพัก เซ็ตซึนะก็ออกไปจากห้องแล้วก็พบกับอายะจังที่กำลังดูทีวีอยู่
องครักษ์เข้าไปทักทายอายะจังพลางยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“สายันณ์สวัสดิ์อายะจัง กินข้าวรึยังหล่ะ?”
“ยังเลยค่ะ~ หนูกำลังรอพี่เซ็ตซึนะอยู่ กินด้วยกันน่ะค่ะ~”
“เหรอ อ่า...งั้นพี่ขอไปล้างหน้าแป๊บนึงน่ะ”
...อายะจังที่หันมามองอีกฝ่ายก็ยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรีบไปอุ่นกับข้าวให้ร้อนแล้วรออีกฝ่าย
ตลอดเวลาเกือบสองปีที่อายะจังได้มาอยู่กับพวกพี่ๆ อายะจังก็จะพยายามหาเรื่องมากินข้าวเย็นกับพี่เซ็ตซึนะของเธอ
เกือบทุกครั้งที่มีโอกาสโดยไม่ให้พี่โคโนกะสงสัย แต่จะว่าไปเวลากินข้าวเย็นของพี่โคโนกะก็ออกจะเร็วไปหน่อยนี่น่ะ
พี่โคโนกะคงไม่ผิดสังเกตอะไรหรอก....และแล้วทั้งสองก็มานั่งกินข้าวด้วยกันในที่สุด เซ็ตซึนะที่คีบไข่ม้วนเข้าปากพอเห็นรสชาติมันเปลี่ยนไปจากทุกทีก็ทักขึ้น
“วันนี้อายะจังทำอาหารเย็นเหรอเนี้ย?”
“ค่ะ~ พี่เซ็ตซึนะ พี่รู้ได้ยังไงค่ะ?”
“ก็ไข่ม้วนมันรสอ่อนกว่าทุกที ก็โคโนจังชอบกินหวานๆน่ะสิ อายะจังรู้ว่าพี่ชอบแบบนี้เลยทำให้กินสิน่ะ ขอบใจน่ะอายะจัง”
...อายะจังที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มจนแก้มปริที่พี่เซ็ตซึนะของเธอรู้เรื่องนี้
เธอตั้งใจให้ไข่หวานมันหวานน้อยลงเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นชอบ น่ะเอง แล้วหลังทานข้าวเสร็จ
เซ็ตซึนะที่ต้องไปซื้อกับข้าวตามที่โคโนจังสั่งก็ทำท่าหนักใจ จนอายะจังที่กำลังทำการบ้านอยู่จับอาการนั้นได้ก็ถามขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะพี่เซ็ตซึนะ?”
“ก็โคโนจังน่ะสิให้พี่ไปซื้อของเข้าตู้เย็น แต่ถ้าซื้อไม่ถูกใจเดี๋ยวก็ถูกบ่นอีก...เฮ้อออ~~”
“งั้นเดี๋ยวหนูไปซื้อเป็นเพื่อนเองค่ะ!~~ พี่เซ็ตซึนะรอหนูแต่งตัวแป๊บนึงน่ะ~~”
...แล้วอายะจังที่อาสาตัวเองอย่างกระตือรือร้นก็รีบวิ่งหายไปในห้องนอนทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดซักคำ
เซ็ตซึนะที่ได้แต่มองตามหลังก็แปลกใจเล็กๆแต่ก็ยังนั่งรอ และทั้งสองที่พร้อมแล้วก็ออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาดด้วยกันในที่สุด
....แล้วเซ็ตซึนะก็ต้องทึ่งกับความสามารถของอายะจัง โคโนจังพูดถูก อายะจังที่แม้จะเด็กกว่าแต่กลับเก่งเรื่องนี้กว่าเธอซะอีก
...เพราะนักดาบน้อยดูปราดเดียวก็รู้ว่าอะไรสดไม่สด แถมยังรู้ด้วยว่าอะไรแพงไปถูกไป
เธอที่วันๆเอาแต่ฝึกดาบอย่างเดียวแต่ไอ้เรื่องพวกนี้มันไม่ถนัดเสียเลยจริงๆ และขากลับจากการซื้อของ
เซ็ตซึนะกับอายะที่เดินกลับอพาร์ทเมนท์ก็ต่างมีของเต็มมือทั้งคู่ ระหว่างทางอายะจังก็เล่าเรื่องการไปเรียนม.ต้นที่มาโฮระเป็นวันแรกอย่างตื่นเต้น
“ ....แล้วพอหนูบอกชื่อกับสกุลไป อาจารย์คนนั้นเขาก็ถามขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ว่าหนูเป็นน้องของคนที่ชื่อซากุระซากิ เซ็ตซึนะรึเปล่า?”
“เหรอ? อาจารย์ทาคาฮาตะถามอย่างนั้นเหรอ?”
“ค่ะ~ แล้วยังมีรุ่นพี่ม.สองคนนึงที่หน้าตาเหมือนคนต่างชาติหน่ะค่ะ ที่ผมยาวสีทอง ชื่อ...เอ่อ ชื่อเอวาเจลีน เขาก็ถามเหมือนกันว่าหนูเป็นน้องของพี่หรือเปล่า
แต่เวลาเขามองมาที่หนูน่ากลัวมากๆเลยน่ะค่ะ”
“ฮ่ะๆๆ ก็พี่เคยไปทำร้ายคู่หูของคุณเอวามาก่อนนี่น่ะ ระวังตัวให้ดีหล่ะอายะจัง... คุณเอวาอาจจะเอาคืนจากอายะจังแทนพี่ก็ได้”
“เห๋~~ จริงเหรอค่ะ? ว้า!~...อย่างนี้หนูก็แย่น่ะสิ”
“นั่นสิน่ะ ว่าแต่อายะจังตอบพวกเขาว่าอะไรหล่ะ?”
.....มาถึงตรงนี้ อายะจังที่พูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงมาตลอดก็เงียบและหยุดเดินเสียเฉยๆ
เซ็ตซึนะที่ไม่ทันสังเกตก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆจนองครักษ์สาวเริ่มเอะใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดินข้างเธอ
เซ็ตซึนะจึงหันหลังกลับไปมองอายะจังที่อยู่ๆก็หยุดเดินด้วยความแปลกใจ แล้วอายะจังที่ยืนก้มหน้านิ่งก็ถามอีกฝ่ายขึ้นว่า
“แล้วพี่เซ็ตซึนะ...อยากจะให้หนูตอบว่าอะไรหล่ะค่ะ?”
......เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งเล็กๆก่อนจะก้าวไปหาอายะจังที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอายะจังถึงถามเธอแบบนี้แต่องครักษ์สาวก็เข้าไปลูบหัวอีกฝ่ายพลางยิ้มให้และตอบคำตอบของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า
“ก็บอกว่าเป็นน้องสาวของพี่สิ~ และเป็นน้องสาวที่พี่รักที่สุดด้วย ”
....อายะจังที่ได้ฟังนั้นหัวใจแทบจะสลายไปตรงนั้น น้ำตาก็เริ่มคลอและกำลังจะไหลออกจากดวงตาเศร้าคู่นั้นอย่างห้ามไม่อยู่
แต่เซ็ตซึนะที่ไม่ทันสังเกตเห็นก็เริ่มตกใจที่อีกฝ่ายนิ่งไปดูและไม่ยินดีกับคำตอบที่เธอเพิ่งพูดไปนั้นเลย เธอจึงเข้าไปจะถามอีกฝ่ายทันทีแต่ทว่า..
“มะเหมี๊ยวววว~~ มะเหมี๊ยววววว~~ มะเหมี้ยวววว~~”
....โทรศัพท์ที่โคโนจังตั้งให้เป็นเสียงแมวดังขึ้นมาพอดี เซ็ตซึนะที่สะดุ้งกับเสียงริงโทนนั้นก็รีบคว้ามันขึ้นมาดู
ท่านพี่โมโตโกะของเธอนั่นเองที่โทรมา เซ็ตซึนะจึงจำใจต้องรับมันขึ้นมาคุยแม้ใจจะเริ่มกังวลกับอายะจังตรงหน้าแล้วก็ตาม
“สวัสดีค่ะท่านพี่ มีอะไรหรือค่ะ?”
“วันนี้เธอมีนัดกับพี่หน่ะ จำได้ไหม?”
“ค่ะ ท่านพี่ หนูจำได้ ”
“คืออย่างนี้ พี่ของเร่งเวลาหน่อยน่ะ เผอิญพี่มีธุระที่ต้องรีบไปทำแต่เช้า เอาเป็นที่เดิมแต่ตอนสามทุ่มแล้วกัน”
“สามทุ่มเหรอค่ะ?”
....เซ็ตซึนะที่ถูกเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นก็กังวลขึ้นมาทันที ก็เธอยังอยู่กับอายะจังข้างนอกอยู่เลยนี่นา
แต่อายะจังที่ก้มหน้านิ่งอยู่นานที่ได้ยินเช่นกัน นักดาบน้อยรีบทำเสียงให้เป็นปกติและพูดขึ้นว่า
“พี่เซ็ตซึนะไปเลยก็ได้ค่ะ อพาร์ทเมนท์มันแค่เลี้ยวข้างหน้าเอง เดี๋ยวหนูเอาของเข้าตู้เองน่ะ~”
“ตะ..แต่ว่า”
“ก็พี่เซ็ตซึนะรีบไม่ใช่เหรอค่ะ หนูโตแล้วน่ะ~~ แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างพี่เซ็ตซึนะต้องไปทำงานด้วยไม่ใช่เหรอค่ะ? อย่าลืมเอาดาบไปด้วยน่ะค่ะ~”
...แล้วเซ็ตซึนะที่อีกฝ่ายยังยืนกรานเสียงแข็งก็จำใจทำตามนั้นในที่สุดโดยไม่ลืมพูดทิ้งท้ายให้เดินกลับดีๆด้วยความเป็นห่วง
แล้วเซ็ตซึนะก็รีบเดินทางกลับไปเอาดาบและไปหาท่านพี่ของเธอที่ร้านอาหารตามที่นัดเอาไว้โดยที่อายะจังเองก็เอาข้าวของทั้งหมดที่ซื้อมากลับเข้าห้องด้วยตัวคนเดียว...
.....ทันทีที่ถึงห้อง อายะจังก็จัดแจงเอาของเข้าตู้เย็น แต่ระหว่างที่เก็บของเข้าที่นักดาบน้อยก็ร้องไห้ไปด้วย
น้ำตาที่ไหลไม่หยุดเพราะหัวใจของเธอกำลังร่ำไห้ เสียใจที่สุดท้ายสิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้มันก็ไม่เป็นจริง
....อายะจังที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปก็สะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาทั้งน้ำตาและหยุดมือกลางคัน ก่อนที่ร่างน้อยๆจะทรุดลงไปนั่งที่หน้าตู้เย็นและเอ่ยคำพูดขึ้นให้กับผู้ที่ไม่มีทางได้ยินเสียงของหัวใจของเธอว่า
“หนูเป็นแค่น้องสาวของพี่เท่านั้นหรือค่ะ? พี่เซ็ตซึนะ~ หนูเป็นมากกว่านั้นไม่ได้เหรอ?
หนูแทนพี่โคโนกะในหัวใจของพี่ไม่ได้หรือไง? จนป่านนี้แล้วพี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าหนูคิดยังไงกับพี่เซ็ตซึนะ
หนู....หนู....รักพี่เซ็ตซึนะน่ะ ชอบพี่เซ็ตซึนะมาตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเลยด้วย
ทำไม...ทำไมพี่ถึงไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของหนูเลยหล่ะค่ะ??~~ ”
...........................................................................................................................................................
...ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
.....เซ็ตซึนะและโมโตโกะก็กำลังนั่งคุยธุระกันอยู่ วันนี้โมโตโกะมิได้ใส่ชุดนักดาบชินเมริวอย่างทุกที
แต่นักดาบผู้พี่กำลังสวมใส่ชุดกระโปรงราตรีสีดำวาวที่เพิ่งใส่กลับมาจากงานเลี้ยงแห่งหนึ่งทำให้อีกฝ่ายดูสวยเด่นมากๆ
แถมยังแต่งหน้าซะสวยเช้งอีกต่างหาก พาเอาคนทั้งร้านต้องเหลียวมามองด้วยความตะลึง
เพราะโมโตโกะในอายุยี่สิบหกช่างดูสวยสง่าเหมือนกับนางแบบเสียจริง จนเซ็ตซึนะเองที่เห็นท่านพี่ในลุคใหม่ถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อก
แต่งตัวดีๆก็สวยมากๆเลยนี่น่า ท่านพี่เนี้ย~~ และวันนี้ธุระที่พวกตนคุยกันหนึ่งในนั้นก็คือ
เรื่องวันที่ท่านเทพสามภพได้เคยบอกเอาไว้กับเซ็ตซึนะน่ะเอง ซึ่งน้ำเสียงและการสนทนากลับมาสนิทสนมเหมือนกับตอนที่เซ็ตซึนะยังเด็กๆไม่มีผิด...
“วันที่เงาแสงและเงาเป็นหนึ่งเดียวกันเหรอ? ฟังยังไงๆ พี่ก็ตีได้อย่างเดียวว่ามันคือตอนที่มีสุริยะคราสไม่ก็จันทรคราสน่ะ เซ็ตซึนะ”
“ค่ะ หนูเองก็คิดเหมือนกับท่านพี่ แต่ตลอดหกปีมานี้มันก็มีสุริยะคราสและจันทรคราสมาตั้งหลายครั้ง แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เลยสักครั้งเดียว หรือว่ามันจะมีความหมายอย่างอื่นก็ไม่รู้”
“นั่นสิน่ะ.....เอ่อว่าแต่ เรื่องย้ายไปรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยฝ่ายองครักษ์ที่สหพันธ์คันไซจะว่ายังไง? ปฏิเสธเหมือนเดิมไหม?”
“ค่ะ...ช่วยบอกเขาไปเหมือนเดิมด้วยน่ะค่ะ ท่านพี่ก็รู้ว่าหนูไม่อยากจะจากโคโนจังไปไหน”
...โมโตโกะที่ได้ฟังก็นิ่งไปก่อนที่จะถอนหายใจและพูดขึ้นว่า...
“แล้วเธอจะทนอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอเซ็ตซึนะ ได้เจอกันทุกวันแต่คุยกันไม่ได้เลย ตลอดหกปีมานี่ไม่นึกเจ็บใจขึ้นมาเลยรึไง?”
....เซ็ตซึนะที่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายก็ยิ้มให้ ก่อนจะพูดให้เหตุผลที่เป็นตัวของเธอเองว่า
“หนูนึกเจ็บใจอยู่ทุกเวลานั่นหล่ะท่านพี่ แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่หนูยินดีที่จะรับมัน มันดีกว่าที่จะปล่อยให้โคโนจังตายจากไปตรงหน้าโดยทิ้งให้หนูอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆหนูคงจะอยู่ได้ไม่นานก็ต้องฆ่าตัวตายตามโคโนจังไปแน่ๆ บางที..นี่อาจจะเป็นผลกรรมของตัวหนูเองที่ได้ก่อเอาไว้ตอนที่อยู่ร่างมารก็ได้.. ว่าแต่ท่านพี่เองก็เถอะอายุก็จะยี่สิบหกแล้วไม่คิดจะหาคู่ครองเรือนกับเขาบ้างเหรอ? ”
....เซ็ตซึนะถามขึ้นมาตรงๆด้วยท่าทางซื่อๆแต่โมโตโกะที่กำลังนั่งฟังอยู่ก็ยิ้มอย่างแค้นเล็กๆที่โดนน้องสาวตัวดีถามแบบนี้ เธอตอกกลับน้องสาวของเธอไปว่า..
“ใครจะไปแก่แดดเหมือนเธอที่อยู่กับแฟนตั้งแต่อายุสิบแปดหล่ะเซ็ตซึนะ อีกอย่าง....ก็เพราะเธอมิใช่รึ? ที่ทำให้พี่ต้องวุ่นวายมาตลอดสิบกว่าปีมาเนี้ย ฉะนั้น..เรื่องพรรณนั้นพี่เลิกคิดไปตั้งนานแล้วหล่ะ”
แม้โมโตโกะพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี ทว่ามันสะกิดไปที่ใจของเซ็ตซึนะเข้าอย่างจัง...
นั่นสิน่ะ ท่านพี่ต้องมาดูแลเราตลอดเลยนี่น่า....แม้แต่ตอนนี้ก็คอยมาหาอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส เรานี่มันทำให้ท่านพี่ต้องลำบากอยู่เรื่อยเลยน่ะ...
“ขอโทษค่ะท่านพี่ เพราะหนูทุกทีเลย ไม่อย่างนั้นท่านพี่คงมีความสุขแบบที่ลูกผู้หญิงคนอื่นควรจะมีไปแล้ว...”
.ชินเมริวผู้น้องพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้ผิดพลางมองไปนอกหน้าต่างที่มีคู่รักมากมายที่อยู่ด้วยกัน
ทั้งๆที่ท่านพี่โมโตโกะของเธอก็สวยมากๆเลยแท้ๆ และควรจะมีแฟนเหมือนผู้คนข้างนอกนั่น
แต่ท่านพี่กลับต้องมาเหงาอยู่คนเดียวก็เพราะเธอ ทว่าโมโตโกะที่มองท่าทางนั่นอยู่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกเสียใจเพียงใด
เธอยิ้มและส่ายหน้าน้อยๆให้แทนคำตอบพลางพูดขึ้นว่า
“บ้าน้า~ ขอโทษอะไรกันเซ็ตซึนะ พี่กลับมีความสุขที่ได้อยู่แบบนี้มากกว่าอีกน่ะ พี่ไม่ใช่พวกแม่บ้านอะไรแบบนั้นนี้ ถ้าต้องมานั่งทำกับข้าวหรือทำงานบ้านทั้งวันหล่ะก็พี่ขอตายดีกว่า พี่ชอบที่ได้มาเป็นหัวหน้าตระกูลอาโอยามะเหมือนท่านพี่ซึรุโกะมากกว่าอีก”
...โมโตโกะพูดสิ่งที่อยู่ในใจด้วยท่าทางอารมณ์ดีก่อนที่จะขอตัวกลับ เพราะเธอเองก็มีธุระต้องไปจัดการกับเรื่องในตระกูลอาโอยามะแต่เช้าจึงอยู่นานไม่ได้ เพราะบัดนี้ นับตั้งแต่เรี่องของพิธีไตรเวทย์จบลง โมโตโกะก็เลิกทำตัวเป็นนักดาบพเนจรแล้วกลับมาทำหน้าที่ของหัวหน้าผู้นำตระกูลอย่างเต็มภาคภูมิ
ซึ่งโมโตโกะก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ตอนนี้ตระกูลอาโอยะมาที่มีแต่ชื่อมานานกำลังจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
เพราะโมโตโกะได้มีสัมพันธ์อันดีกับสหพันธ์คันไซ ตอนนี้งานสำคัญใดๆของสหพันธ์ทุกงานก็ต้องมีคนของตระกูลอาโอยามะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และเซ็ตซึนะเองที่พอเห็นท่านพี่กำลังจะกลับก็พูดล่ำลากับอีกฝ่าย
“รักษาสุขภาพด้วยน่ะค่ะท่านพี่โมโตโกะ อย่าหักโหมงานเกินไปหล่ะ”
“ เจ้าก็เหมือนกันเซ็ตซึนะ งานที่เจ้ารับทำอยู่มันก็อันตรายใช่เล่น ระวังตัวให้ดีๆหล่ะ”
“ค่ะ..ท่านพี่”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กันและกันก่อนที่จะเดินแยกย้ายกันกลับไป
เซ็ตซึนะที่มีเป้าหมายต่อไปคือที่มาโฮระ คืนนี้เธอมีงานจากทัตสึมิยะมาให้ทำอีกแล้ว งานที่ว่ามันก็คือการปราบพวกผีปิศาจนั่นเอง...
“มาเร็วจังน่ะเซ็ตซึนะ แต่ก็ดีพวกเราจะได้เริ่มกันเลย วันนี้ต้องไปไกลหน่อยคงไม่ว่ากันน่ะ? ”
ทัตสึมิยะ มานะในชุดมิโกะทักอีกฝ่ายขึ้นทันทีที่เซ็ตซึนะเดินทางมาถึงหน้าศาลเจ้า
เซ็ตซึนะเองที่ตอนนี้ใช้ชีวิตได้แค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น พอจบม.ปลายก็หาอะไรอย่างอื่นทำไม่ได้นอกจากรับปราบปิศาจกับทัตสึมิยะเหมือนกับที่พวกเธอเคยทำงานมาด้วยกันตลอด
และวันนี้งานก็ไม่ยากมากมายอะไร พอไปถึงสถานที่ที่นายจ้างๆมา พวกเธอใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็จัดการจนเสร็จเรียบร้อย เซ็ตซึนะที่เห็นว่าพวกเธอทำงานได้เร็วกว่าตอนม.ต้นมาก อาจจะเป็นเพราะพวกเธอเก่งขึ้นหล่ะมั้ง? และทัตสึมิยะที่กำลังแบ่งเงินค่าจ้างให้ก็ถามขึ้นว่า
“วันนี้ง่ายไปเนอะเซ็ตซึนะ ชักเบื่อๆบ้างไหม?”
“ก็ไม่มากนักหรอก แต่ฉันมันคนไม่มีการศึกษานี้ ก็คงมีแต่ต้องใช้ฝีมือทางดาบเนี้ยแหล่ะทำงาน ว่าแต่ชีวิตนักศึกษามหาลัยปีสองเป็นยังไงบ้างหล่ะ? เริ่มเรียนมาได้สองอาทิตย์แล้วนี้ใช่ไหมทัตสึมิยะ?”
มานะที่ได้ฟังก็ทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที แต่มิโกะสาวที่เป็นคนเงียบขรึมก็ทำท่าหยักไหล่ให้และพูดขึ้นว่า
“ก็งั้นๆ ส่วนใหญ่มันก็เป็นวิชาพื้นๆที่ไม่ค่อยมีประโยชน์กับงานของฉันอยู่แล้ว อยากจะลาออกอยู่แล้วเนี้ย ”
“อ้าว....ทำไมหล่ะทัตสึมิยะ?”
“ก็มันน่าเบื่อนี่ เสียเวลาทำมาหากินหมด รู้งี้ไม่น่าเชื่อที่คาเอเดะพูดแล้วออกมาทำงานเต็มตัวซะยังจะดีกว่า ”
...มานะที่พูดถึงคนรักของตนก็ทำท่าเจ็บแค้นนิดๆ เพราะอีกฝ่ายต้องไปสอบเลื่อนขั้นเป็นนินจาชั้นสูงซึ่งเป็นการสอบที่ทรหดมากต้องใช่เวลาสอบถึงสองปีเต็มๆ เธอจึงถูกคาเอเดะกล่อมให้เรียนมหาลัยต่อ
ทั้งๆที่เธออยากเปิดธุรกิจรับจ๊อบของเธอให้เป็นบริษัทอย่างเต็มรูปแบบ คิดแล้วก็ยิ่งแค้นเพราะขานั้นแค่สองปีก็จบแต่เธอต้องเรียนถึงสี่ปีเชียวน่ะ!
เซ็ตซึนะที่นั่งดูอาการของอีกฝ่ายอยู่นานก็รู้ว่ามิโกะสาวนั้นรู้สึกยังไง เธอยิ้มๆออกมาทำท่าจะกลับและพูดขึ้นว่า
“น่า~~ อีกหกเดือนท่านคาเอเดะก็กลับมาแล้ว ฉันสิไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่.... อ่ะ เอาเถอะฉันกลับหล่ะน่ะ ทัตสึมิยะ แล้วเจอกัน”
“อืม..แล้วเจอกัน”
แล้วเซ็ตซึนะก็เดินออกจากศาลเจ้าทัตสึมิยะ ทิ้งให้มานะที่มองตามสหายร่างบางด้วยความรู้สึกสงสาร มิโกะสาวที่ยืนอยู่หน้าศาลเจ้าอยู่เนิ่นนานก็เปรยขึ้นว่า
“เมื่อไหร่พวกเธอจะมีความสุขกันจริงๆซะทีน่ะ เซ็ตซึนะ พวกเทพเจ้าจะกลั่นแกล้งเธอกับคุณหนูโคโนกะไปจนถึงเมื่อไหร่กัน..”
..........................................................................................................................................................................
......เซ็ตซึนะที่กลับมาถึงอพาร์ทเมนท์หลังจากฝึกดาบเสร็จก็พบว่าในห้องนั้นทั้งเงียบและปิดไฟมืดอย่างที่เคยเป็นทุกครั้ง
เธอชินเสียแล้วหล่ะกับที่ต้องอยู่คนเดียวในเวลาที่เธอตื่นอยู่เช่นนี้
องครักษ์สาวก้มไปมองที่นาฬิกาข้อมือของตนก็พบว่ามันยังเหลืออีกสองชั่วโมงกว่าที่พระอาทิตย์จะขึ้น
สิ่งที่องครักษ์สาวทำเป็นอย่างแรกคือบันทึกไดอารี่ประจำวันจนเสร็จ
หลังจากนั้น...เซ็ตซึนะไม่รอช้าที่จะไปหาโคโนจังของเธอที่กำลังหลับใหลอยู่ทันที
องครักษ์สาวเข้าไปนอนใกล้ๆพลางมองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้มๆ
มือก็เอื้อมไปกุมมืออันแสนนุ่มนิ่มของโคโนจังเอาไว้พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างมีความสุข...
.....ด้วยเพราะต่างมีช่วงเวลาที่สลับกันโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเธอไม่เคยได้คุยกันตรงๆเลย
ที่ทำได้คือการเขียนไดอารี่ถึงกันและกันเท่านั้น โคโนจังที่จะตื่นเฉพาะตอนกลางวันก็ดูจะลำบากเสียหน่อยที่ต้องมีเวลาแค่เพียงสิบสองชั่วโมงสำหรับการเรียนในระดับมหาลัยและจัดการกับเรื่องทุกอย่างภายในบ้าน ทั้งๆที่เซ็ตซึนะก็บอกว่าไม่ต้องให้เธอทำแทนแต่อีกฝ่ายก็ยังยืนกรานเสียงแข็งที่จะทำเอง
สงสัยจิตวิญญาณความเป็นแม่บ้านคงจะอยู่กับตัวโคโนจังไปจนตายนั่นแหล่ะ(^^)
. แต่จะว่าไปตอนมัธยมต้นพวกเธอก็เกือบจะไม่จบพร้อมพวกเพื่อนๆเหมือนกันนี่น่ะ
โชคดีที่อาศัยความเป็นเส้นใหญ่ของท่านโคโนเอม่อนที่เป็นผอ. สุดท้ายทั้งสองก็เลยเรียนจบทันแบบฉิวเฉียด
....... เซ็ตซึนะยังจำได้ดีว่าตอนที่พวกเธอจะตื่นขึ้นมาหลังจากจบพิธีไตรเวทย์นั่นก็นานแสนนาน
จนเพื่อนๆทุกคนเขาก็หยุดปิดเทอมใหญ่ม.สองเตรียมขึ้นม.สามกันหมดแล้วแต่พวกเธอยังมีความรู้ของแค่เทอมสองต้นๆเอง ทำเอาพวกเธอต้องรีบเรียนหนังสือกันตาหูตูบ เรื่องพวกนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับโคโนจังที่เรียนเก่งอยู่แล้ว
แต่สำหรับเธอนั้นมันไม่ใช่เลย เธอที่ไม่ได้เรียนดีเด่อะไรอยู่แล้วพอต้องมานั่งเร่งเรียนตลอดเวลาที่ตื่นขึ้นมา พาลเอาเธอเอือมระอากับมันเป็นที่สุด ถ้าไม่ได้โคโนจังเขียนมาคุยในไดอารี่มาแบบปลอบเชิงขู่หล่ะก็ เธอคงไม่สนใจที่จะเรียนตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้วหล่ะ ก็เธอต้องมาเรียนภาคค่ำนี่น่า...น่าเบื่อจะตาย...
....... คิดๆเซ็ตซึนะก็ยิ่งขำตอนที่พวกเธอกำลังเรียนตอนม.หกแล้วต้องมานั่งหามหาลัยหรือไม่ก็คณะที่จะต้องเข้าเรียนต่อซึ่งเพื่อนๆส่วนใหญ่ถ้าคิดจะเข้าเรียนมหาลัยก็จะเรียนต่อที่มาโฮระทั้งนั้น
แต่โคโนจังที่ตอนแรกอยากจะเข้าม.โตเกียวใจแทบขาดทว่าด้วยสภาพที่มีชีวิตได้แค่สิบสองชั่วโมงมันไม่อำนวย
โคโนจังก็เลยจำใจต้องมาเรียนในมาโฮระต่อแทนทั้งๆที่ใจอยากจะหนีจากท่านโคโนเอม่อนไปให้พ้นๆ
รู้สึกว่าวันที่ท่านโคโนเอม่อนรู้ว่าโคโนจังยื่นขอทุนเรียนต่อในคณะอักษรของม.มาโฮระท่านผอ.จะยิ้มจนแก้มแทบปริ
ยังไงท่านก็เป็นท่านตาของโคโนจังก็คงไม่อยากจะให้หลานสาวจากไปไหนซะกระมัง?
....ส่วนเธอนั้นเล่า แค่เรียนมัธยมให้จบก็เอาซะเกือบตายอยู่แล้ว ฉะนั้นต่อให้โคโนจังเขียนในไดอารี่กล่อมเธอขนาดไหน (แต่ความจริงมันมีทั้งขอร้อง เคี่ยวเข็ญ บังคับ มีขู่ขอเลิกด้วย(^^”)) เธอก็ไม่สนที่จะเรียนต่อและคิดจะไปทำงานในสายองครักษ์แบบที่เธอถนัดแทน แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ
เธอที่มีชีวิตได้แค่สิบสองชั่วโมงในตอนกลางคืนแถมงานของสหพันธ์ก็ต้องไปทำถึงเกียวโตด้วย
ถึงจะเก่งขนาดไหนก็คงไปทำที่นั่นไม่ได้อยู่ดี ก็ฉันอยากอยู่กับโคโนจังนี่น่า
...เซ็ตซึนะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็นอนมองใบหน้าขององค์หญิงของเธอไปด้วยอย่างมีความสุข
พลันสาบตาเหลือบไปมามองนาฬิกาอีกครั้ง มันมีไฟเตือนว่าใกล้เวลาพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที
นาฬิกาข้อมือของพวกเธอดูเผินๆอาจจะดูธรรมดาแต่ทว่ามันสำคัญกับพวกเธอเท่าชีวิต
ต้องขอบคุณซาโตมิที่ช่วยประดิษฐ์นาฬิกาที่บอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างแม่นยำ
พวกเธอจึงใช้ชีวิตที่ขึ้นอยู่กับแสงอาทิตย์ได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ แต่มันก็เปลืองถ่านใช่เล่น เพราะว่ามันต้องส่งสัญญาณเชื่อมต่อกับดาวเทียมเพื่อส่งข้อมูลคำนวณหรืออะไรซักอย่างที่เซ็ตซึนะเองก็ไม่เข้าใจเนี้ยแหล่ะ
....อืม เหลืออีกสิบนาที องครักษ์สาวที่รู้ว่าเวลาของตนใกล้จะหมดลงจึงลุกขึ้นและไปเตรียมเสื้อของโคโนจังสำหรับใส่ตอนเช้า แล้วก็เข้าไปเตรียมพวกแปรงสีฟันและอะไรอื่นๆให้เรียบร้อย
เพราะโคโนจังที่จะไม่ตื่นขึ้นมาเลยถ้าพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าทำให้ต้องเสียเวลาถ้าต้องมาเตรียมของพวกนี้ด้วยตนเอง
ฉะนั้นตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมา ในวันที่อีกฝ่ายเร่งรีบเซ็ตซึนะก็จะเตรียมของให้แบบนี้ทุกครั้ง
และเมื่อเซ็ตซึนะวางผ้าเช็ดตัวของอีกฝ่ายไว้ใกล้เสื้อก็ลองมองไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มจะไม่ใช่สีดำดั่งเดิมแล้ว
องครักษ์สาวจึงรีบขึ้นไปนั่งที่เตียงข้างๆองค์หญิงของเธอ แล้วนั่งดูใบหน้าที่กำลังจะตื่นขึ้นมาในอีกไม่กี่นาทีนี้
“ฉันอยากจะลองว่าฉันจะฝืนตัวเองเฝ้าดูโคโนจังตอนตื่นได้รึเปล่า แต่ถ้าทำไม่ได้...ก็อรุณสวัสดิ์แล้วกันน่ะโคโนจัง”
..พูดจบเซ็ตซึนะก็เข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายหนึ่งทีเบาๆแล้วนั่งหลังพิงหัวเตียงและเฝ้าดูใบหน้าตอนตื่นขององค์หญิงของเธอต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซ็ตซึนะเคยทำแบบนี้แต่พวกเธอทั้งสองคนทำมาหลายร้อยครั้งแล้ว ต่างพยายามข่มตาไม่ให้หลับเพื่อที่จะได้มาเจอใบหน้าของอีกฝ่ายตอนตื่น แต่มันก็ไม่เคยมีสักคราที่เป็นดั่งหวัง และวันนี้เซ็ตซึนะก็ยังคงที่ปรารถนาให้มันเป็นไปตามที่ฝันเอาไว้เฉกเช่นเคย....
“อื้ม!~~~ เช้าแล้วเหรอเนี้ย วันนี้มีเรียนเช้านี่น่ะ อ๊ะ!~ เซ็ตจัง?~~”
....โคโนกะที่ลืมตาขึ้นมาพร้อมๆกับที่พระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าขึ้นมาพอดี และเธอก็ต้องแปลกใจที่องครักษ์ของเธอหลับตานิ่งในท่านั่งพิงหลังอย่างนั้น
ท่า...คงจะลองพยายามฝืนมาเพื่อที่จะเจอฉันตอนตื่นสิน่ะ แต่มัน...ก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง...จริงไหม?
โคโนกะที่คิดถึงความจริงในข้อนี้ด้วยแววตาเศร้าสร้อยมองดูความพยายามของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่เข้าใจอย่างที่สุด
เธอเอื้อมมือไปสัมผัสที่แก้มขององครักษ์ผู้หลับใหลทั้งๆที่ยังนั่งอยู่พลางพูดขึ้นว่า
“ถึงวันนี้เราจะตื่นมาพร้อมกันไม่ได้ แต่สักวันเราต้องได้เจอกันและกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจริงๆแน่ๆ ฉะนั้น ..เซ็ตจังต้องยังรักฉันต่อไปน่ะ~~”
....พูดจบ โคโนกะก็เข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากของผู้ที่นิทราอยู่อย่างแผ่วเบา
แม้มันจะไม่มีการจูบตอบกลับแต่แค่เพียงริมฝีปากนุ่มๆของอีกฝ่ายที่เธอรู้สึกได้มันก็เพียงพอแล้วหล่ะ
หลังจากถอนริมฝีปากของตัวเองออกมาโคโนกะก็พาองครักษ์ของเธอนอนลงและรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำทันที
สาวผมยาวคว้าเสื้อที่องครักษ์ของเธอเตรียมให้แทบทุกเช้าด้วยท่าทางมีความสุข
“แหม~ เซ็ตจัง~ วันนี้ก็น่ารักเหมือนเดิมน่ะ~~ อ้อ อรุณสวัสดิ์น่ะจ๊ะที่รัก!~ จุ๊บ!~”
.....โคโนกะที่ตัวกำลังจะพ้นประตูก็ลืมไปว่าตนลืมทักทายอีกฝ่ายตอนเช้าก็พูดกับอีกฝ่ายและส่งจูบให้อย่างอารมณ์ดี
ก่อนจะรีบไปอาบน้ำเพื่อไปเรียนในมหาลัยเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีความสุข
..........................................................................................................................................................
ในห้องเรียน1-a...
“ซากุระซากิจัง~”
“............”
“ซากุระซากิจังจ๊ะ~”
“.........................”
ปัง!!!!~
“ซากุระซากิ!!!!!~”
“ว้าย!!!~~”
.......อายะจังที่นั่งเหม่อลอยอยู่ระหว่างที่เพิ่งกระดิ่งพักเที่ยงก็ต้องสะดุ้งร้องออกมา
เพราะอยู่ๆไดโดจิเพื่อนของตนก็ยื่นหน้าเข้ามาพร้อมกับตบโต๊ะดังปังอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
นักดาบน้อยที่หายตกใจไปหยกๆก็ต่อว่าผู้ที่ทำให้เธอใจหายใจคว่ำทันที
“อะไรกันคุณไดโดจิ~ ทำอย่างนี้เดี๋ยวฉันก็ช็อคตายเอาหรอกค่ะ”
“ก็ซากุระซากิจังน่ะสิ~ เรียกตั้งนานไม่ยอมหันมาสักที เหม่อคิดถึงใครอยู่รึจ๊ะ?~ หรือว่าจะเป็น.....”
“มะ.มะ..ไม่ได้เหม่อคิดถึงใครซะหน่อยคุณไดโดจิ ว่าแต่มีอะไรเหรอค่ะ?”
“อ๊า~ อย่าปิดบังกันเลยน่า นั่งตาลอยแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากเหม่อคิดถึงแฟนเท่านั้นแหล่ะ!~”
“ไม่ใช่น่ะค่ะ!!~~ ฉะ..ฉะฉันยังไม่มีแฟนซักหน่อย!!~ อย่าพูดเล่นอย่างนั้นสิค่ะ!!~”
....อายะจังรีบปฏิเสธเสียงลั่น พลันหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ทำเอาไดโดจิเพื่อนของอายะที่มองอยู่ก็ยิ้มๆ ก่อนจะรีบพูดชวนอีกฝ่ายขึ้นว่า
“เอาหล่ะๆ ไม่ล้อแล้ว~ คืออย่างนี้ ซากุระซากิจัง~ คืนนี้ว่างไหมจ๊ะ?”
“เห๋?~ มีอะไรเหรอค่ะ?”
“ก็คืนนี้มันจะมีจันทรุปราคาน่ะสิ ชมรมดูดาวก็เลยจะจัดแคมป์ดูจันทรคราสกัน ว่าแต่...ซากุระซากิจังสนใจจะไปดูกับฉันไหมเอ่ย?~”
“เอ่อ...ฉันไม่ค่อยชอบดูพระจันทร์เท่าไหร่น่ะค่ะ ชอบดูดาวมากกว่าคงจะไม่....”
“อ๊าๆ~! อย่างเพิ่งรีบปฏิเสธซี่~~ คราวนี้มันพิเศษกว่าทุกครั้งเพราะมันเป็นจันทรคราสเต็มดวงเชียวน้า~ แถมมันเพิ่งถูกประกาศออกมาว่าจะมีปรากฏการนี้ในเมื่อวานซืนนี้เองจากพวกนักดาราศาสตร์ ดูเหมือนว่าที่เพิ่งมารู้กันก็เพราะอยู่ๆทิศทางของดวงจันทร์มันเปลี่ยนแปลงกะทันหันหรืออะไรนี่แหล่ะ ดังนั้น!~ มันจะต้องพิเศษกว่าจันทรคราสครั้งไหนๆเลยแน่จริงไหม?~~~ น่ะๆซากุระซากิจัง!~ คืนนี้เราไปดูด้วยกันน่ะ!~~~”
....อายะจังที่ได้ฟังตอนแรกก็ดูจะไม่สนใจ แต่พอได้ยินคำว่าจันทรคราสเต็มดวงกับทิศของดวงจันทร์ที่เปลี่ยนกะทันหัน นักดาบน้อยก็ตัวเย็นวาบ ความคิดอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาทันที
จันทรคราสเต็มดวงอย่างนั้นเหรอ? แสงและเงารวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์! ทิศของดวงจันทร์ที่เปลี่ยนไปอาจจะเป็นฝีมือของท่านเทพสามภพก็ได้!!
”นี่ไงหล่ะ!!!~ นี่ไง!!!!!”
“ใช่แล้วค่ะ!!~ คุณไดโดจิ!!”
“ใช่? ใช่อะไรจ๊ะ?”
“จันทรคราสเต็มดวง!!!~~ แสงและเงารวมเป็นนึง!!!”
“เอ๋??~”
“ไม่ได้การแล้ว!!!~ ต้องรีบไปบอกพี่โคโนกะ!!! ~”
.....อายะจังที่กระโดดโลดเต้นดีใจอย่างลืมตัวจบก็รีบบึ่งออกจากห้องเพื่อไปโทรศัพท์บอกข่าวดีกับพี่โคโนกะที่เรียนอยู่ที่มหาลัยทันที!~ ข่าวดีแบบนี้ ข่าวที่พวกพี่ๆทั้งสองของเธอรอมานาน!~
คืนนี้เนี้ยแหล่ะ!~ ต้องเป็นวันเดียวกับที่ท่านเทพสามภพพูดถึงแน่ๆ!!
...และทันทีที่นักดาบน้อยยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์มือถือของโคโนกะ อยู่ๆ อายะจังก็ได้ยินเสียงของคนที่คุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆดังขึ้น
“ใช่ๆ จิสะ หนังเรื่องนั้นน่าสงสารน้องพระเอกเนอะ อุตส่าห์รู้แล้วว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ แต่พอจะบอกรักกับพระเอก พระเอกก็ดันมีแฟนแล้ว”
“เนอะ พระเอกก็ทึ่มซะจริง น้องสาวบอกใบ้ซะขนาดนั้นแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก แต่พวกพระเอกก็อย่างนี้แหล่ะเนอะเธอ”
“ถ้าฉันเป็นน้องพระเอกน่ะ จะแย่งพระเอกมาซะเลยเธอเอ๊ย! ไม่ทนกล้ำกลืนอยู่ในบ้านเดียวกันหรอก เอ่อ... ว่าแต่ เรื่องไปช้อปปิ้งเย็นนี้ตกลงพวกเราจะเอายังดีหล่ะ?.........................”
....อายะจังที่ได้ฟังก็อึ้งๆไป แล้วโทรศัพท์ที่ตนเองต่อสายอยู่ก็มีคนรับขึ้นมาพอดี
“สวัสดีค่ะ~ โคโนเอะพูดค่ะ~”
“.....................................................”
“สวัสดีค่ะ~ เอ่อ....นั่นใครโทรมาเหรอค่ะ?”
“...................................................”
...อายะจังที่ถือสายอยู่ก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก สาวน้อยที่ตอนนี้กำลังสับสนเต็มที่เพราะไม่รู้ว่าตนจะทำยังไงดี
ใจก็อยากให้พี่ๆทั้งคู่นั้นสมหวังและมีความสุขเสียที แต่.... แล้วตัวเธอหล่ะ?
เธอ ...ที่แอบชอบพี่เซ็ตซึนะมานาน...ก็ต้องทนเก็บความรู้สึกของเธออย่างนี้ต่อไป ตลอดชีวิตอย่างนั้นน่ะเหรอ?
ทุกวันนี้เธอรู้สึกมีความสุขที่สุดก็ยามที่ได้อยู่กับพี่เซ็ตซึนะเพียงแค่สองคน ทุกๆวันเธอเฝ้ารอที่จะให้พระอาทิตย์ตกเพื่อให้ได้เจอ
ได้คุยกับพี่เซ็ตซึนะผู้ที่แสนดีกับเธอเสมอ และตลอดหกปีที่ผ่านมามันก็เป็นอย่างนั้นโดยที่ไม่มีพี่โคโนกะคั้นอยู่ระหว่างเธอและพี่เซ็ตซึนะด้วย....
....และแล้ว โคโนกะที่ถือสายรอคนที่โทรมาก็วางไปในที่สุด
อายะจังที่มัวแต่คิดกลุ้มใจพอหันมาที่สายโทรศัพท์อีกที อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว
อายะจึงจำใจวางหูโทรศัพท์ลงด้วยอารมณ์ต่างๆที่ปนเปอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกผิดนั้นประดังกันเข้ามา
แต่ความรู้สึกดีใจที่ยังไม่ได้บอกข่าวนี้กับอีกฝ่ายก็มีเช่นกัน อายะจังเดินทื่อๆกลับไปที่ห้องเรียนพร้อมด้วยหัวใจที่เป็นทุกข์
....ความรู้สึกสับสนมันอยู่ในใจของเธอเต็มไปหมดอย่างช่วยไม่ได้...
......เอายังไงดี? จะทำยังไงดี? จะบอกพวกพี่ๆเขาดีไหม? แต่ถ้าบอกไปแล้ว ต่อไปนี้พวกพี่ๆเขาก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกันและอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแน่ๆ
พี่เซ็ตซึนะเขาก็รักพี่โคโนกะเสียขนาดนั้น พี่โคโนกะเองก็เฝ้านับวันที่จะได้เจอหน้าพี่เซ็ตซึนะและคุยด้วยกันมาตลอด
พวกเขาสมควรที่จะได้พบวันเวลาแห่งความสุขนั่นเสียที ไม่ใช่เหรอ?
.....ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้อยู่กับพี่เซ็ตซึนะกันสองต่อสองแล้วน่ะสิ
ฉันจะไม่ได้...ไปแอบหาพี่เซ็ตซึนะตอนที่หลับอยู่ แล้วเข้าไปบอกรักอีกแล้ว
พี่เซ็ตซึนะก็จะไม่เห็นความสำคัญของเราอีก และเราก็จะกลายเป็นแค่น้องสาวของพี่เซ็ตซึนะตลอดไปจริงๆ
ไม่น่ะ!~ ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น!!~ แค่คำพูดที่พี่เซ็ตซึนะพูดออกมาเมื่อวาน
หัวใจของฉันก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าต่อไปพี่เซ็ตซึนะ....ได้อยู่กับพี่โคโนกะ
....แล้ว...แล้ว....แล้วถ้าพวกเขาแสดงความรักต่อกันออกมาให้ฉันเห็น ฉัน..ฉัน...ฉันคงทนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วหล่ะ!!!
......แล้วอยู่ๆความรู้สึกอิจฉาโคโนกะที่มันแอบอยู่ในมุมมืดมานานก็ปรากฏออกมาเป็นความคิดเป็นตัวเป็นตน
....ใช่แล้ว ตอนนี้อายะรู้สึกอิจฉาพี่โคโนกะขึ้นมาจริงๆ อิจฉามากๆด้วย มันเป็นความรู้สึกที่เธอพยายามลบมันออกไป
เพราะความจริง ..เธอเองก็รักพี่โคโนกะที่ดีกับเธอมาตลอดเช่นกัน ก็พี่โคโนกะนั้นเป็นทั้งพี่สาวที่น่ารักและใจดี
ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและสนุกด้วยอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าความรักที่เธอมีให้กับพี่โคโนกะนั้นมันย่อมต่างจากความรักที่เธอมีให้ต่อพี่เซ็ตซึนะอย่างแน่นอน!!!
.........................................................................................................................................................................
“แปลกจัง? โทรมาแต่ไม่คุยด้วย”
“ใครเหรอค่ะ? คุณโคโนกะ?”
“ไม่รู้สิจ๊ะ~ อ๊ะ! ช่างมันเถอะ~ เมื่อกี้นี้โนโดกะจังพูดว่าตอนบ่ายเขางดเรียนใช่ไหมจ๊ะ?”
“ค่ะ~ ดูเหมือนว่าอาจารย์เข้าจะติดสัมมนาที่โตไกเลยมาสอนไม่ได้”
“เย้!~~ ดีจังเลย งั้น โนโดกะจังจ๊ะ ฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกันน่ะ ฉันกลับก่อนนะจ๊ะทุกๆคน!~~”
...โคโนกะที่กินข้าวกลางวันกับโนโดกะจังและเพื่อนๆคนอื่นในคณะเสร็จก็รีบกลับไปทันที
ทุกๆคนที่นั่งอยู่ก็โบกมือลาอย่างอารมณ์ดีพลางคิดเรื่องที่จะไปเที่ยวกันต่อไปเพราะไหนๆวันนี้ก็ไม่มีเรียนกันตอนบ่าย
แต่สำหรับโคโนกะที่ไม่กับพวกตนนั้นพวกเขาชินเสียแล้ว
เพราะอีกฝ่ายพอเลิกเรียนปั๊บหรือถ้าไม่มีเรียนบ่ายก็จะรีบกลับบ้านทันที จนทุกๆคนเขาชินชากันเสียแล้ว..
...ทางด้านโคโนกะที่เดินไปฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข โชคดีจริงๆวันนี้ไม่มีเรียนบ่าย~
งั้น..ฉันแว่บไปซื้อเค้กร้านโปรดของเซ็ตจังแล้วกลับเลยก็แล้วกัน~
...คิดได้ดังนั้น สาวผมสีช็อคโกแลตก็รีบบึ่งไปที่ร้านเค้กเจ้าประจำและพาตัวเองกลับบ้านทันที..
.....................................................................................................................................................................................................
“กลับมาแล้วค่ะ........”
.....อายะจังที่วันนี้กลับบ้านมาเร็วกว่าปกติ เพราะไดโดจิเพื่อนของตนที่เห็นว่าอยู่ๆเธอก็ซึมไป และตัวเริ่มรุ่มๆจนกลัวว่าจะไม่สบายเลยหาเรื่องให้เธอขอลาครูกลับบ้านไปก่อน
แม้เพื่อนของเธอดูจะเจ้ากี้เจ้าการไปหน่อยแต่อายะจังก็นึกขอบใจตัวไดโดจิอยู่ เพราะเธอในตอนนี้คงไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนหรือทำอะไรทั้งนั้นแหล่ะ
...และเมื่ออายะเข้ามาในห้องเธอก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้พี่โคโนกะนั้นมีเรียนเต็มวันคงจะกลับมาเย็นๆ ดังนั้น..อายะจังที่กำลังมีเรื่องกลุ้มใจก็รีบเข้าไปที่หาเซ็ตซึนะที่กำลังนิทราอยู่ทันที
.....เซ็ตซึนะที่นอนนี้ยังหลับตานิ่งอยู่ อายะจังที่เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก็ทรุดตัวไปนั่งข้างเตียงด้านที่องครักษ์สาวนอนอยู่
นักดาบน้อยที่กำลังมีเรื่องที่อัดอั้นใจอยู่เต็มอกก็เริ่มทำหน้าเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เธอจะพูดระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้กับอีกฝ่ายที่ไม่มีทางได้ยินออกมา
“พี่เซ็ตซึนะค่ะ คือหนู...หนูมีเรื่องที่จะสารภาพค่ะ
พี่เซ็ตซึนะหนู...หนูรู้แล้วว่าไอ้วันที่ท่านเทพสามภพพูดถึงหน่ะมันเมื่อไหร่
แต่หนูไม่อยากให้พี่รู้ ไม่อยากให้พวกพี่ได้รู้เลยจริงๆ!~ หนูอยากให้พวกเรายังเป็นอยู่แบบนี้พี่เซ็ตซึนะ~
มีหนูกับพี่เซ็ตซึนะแค่สองคนในยามค่ำคืน ในสายตาของพี่จะได้มีแต่หนูอยู่คนเดียว
แล้วพอกลางวันหนูก็มีพี่สาวที่แสนดีอย่างพี่โคโนกะมาคอยดูแลและเอาใจหนูตลอดเวลา
ความจริง...หนูรักพี่ๆทั้งสองคนมากน่ะค่ะ จนถึงบัดนี้หนูก็ยังรักอยู่
แต่...แต่...หนูรักพี่เซ็ตซึนะในแบบที่พี่เซ็ตซึนะรักพี่โคโนกะ!! ได้ยินไหมค่ะ? หนูอยากจะเป็นองค์หญิง!~
ไม่ใช่องค์หญิงน้อยที่พี่จะมอบให้แค่ความเอ็นดูกับหนูเท่านั้น!!~~”
....พูดจบ อายะจังก็เริ่มร้องไห้และหวนรำลึกไปถึงตอนที่เซ็ตซึนะบอกเรื่องขององครักษ์ และตั้งให้เธอเป็นองค์หญิงน้อย ในตอนนั้นที่เธอยังเด็กนัก จึงยังไม่รู้หรอกว่า องครักษ์ในความหมายของอีกฝ่ายนั้นคืออะไร
แต่พอเซ็ตซึนะบอกว่าจะเป็นองครักษ์ให้เธอนั้น องครักษ์สาวคงไม่รู้หรอกว่า วินาทีนั้น เธอรู้สึกดีใจมากขนาดไหน?
นับแต่นั้นเธอจึงก็เฝ้าฝันมาตลอดว่าจะมีองครักษ์เป็นของตนเองอย่างที่อีกฝ่ายได้เคยบอกเอาไว้
..... จนกระทั้งวันนึงที่เธอโตขึ้นมาและเริ่มรู้เรื่องราวต่างๆมาขึ้น เธอก็เข้าใจในที่สุด...คำว่าองครักษ์สำหรับพี่เซ็ตซึนะในคืนนั้น ก็คือการที่คนๆนั้น ยินดีที่จะรักและปกป้องคนๆหนึ่งไปตลอดชีวิตน่ะเอง
นับตั้งแต่นั้น...ตั้งแต่วันที่เธอรู้ความหมายที่แท้จริงที่อีกฝ่ายพูดถึง ความรู้สึกที่เธอมีต่อพี่เซ็ตซึนะก็เปลี่ยนไป
จากที่เคยรักอยู่แล้วก็รักมากขึ้นไปอีก เธออยากที่จะถูกดูแล อยากจะถูกปกป้องอย่างที่พี่เซ็ตซึนะทำให้พี่โคโนกะมาตลอด ถึงตอนแรกๆมันจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ และความสัมพันธ์ของพวกเธอสามคนก็ดีมาโดยตลอดไม่เคยสั่นคลอนลงเลย แต่วินาทีนี้...พอรู้ว่าอีกไม่นานพี่เซ็ตซึนะจะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับพี่โคโนกะ
อายะจังก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกพี่โคโนกะแย่งความรักไปอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ....
......แล้วอายะจังก็หวนนึกไปถึงตอนเด็กๆที่เธอถูกอีกฝ่ายหอมแก้มเป็นครั้งแรก และอีกหลายๆครั้งต่อมา
ถึงมันจะเป็นเพราะมารในตัวพี่เซ็ตซึนะในตอนนั้นใช้การหอมแก้มเป็นการล่อหลอกเธอ
แต่ว่า...ถ้าเธอจะบอกว่าเธออยากจะถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายสัมผัสกับเธออย่างนั้นอีกสักครั้งทั้งๆที่มันเป็นการกระทำของมาร
พี่เซ็ตซึนะจะเชื่อเธอไหมน่ะ?
......เมื่อคิดถึงเรื่องแบบนั้นอายะจังก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา อารมณ์ความหลงใหลในตัวองครักษ์สาวที่กำลังนอนอยู่มันก่อเข้ามาในจิตใจดวงน้อยเสียแล้ว แล้วสักพัก อายะจังก็ลุกขึ้นโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของเซ็ตซึนะที่หลับอยู่
นักดาบน้อยมองไปที่ใบหน้าของผู้ที่ทำให้เธอรู้จักคำว่ารักเป็นครั้งแรก ริมฝีปากเล็กๆค่อยๆเผลอเอ่ยถ้อยคำที่ควรจะพูดออกมาเสียเนิ่นนาน
“พี่เซ็ตซึนะค่ะ.......หนู.....”
.....ใจของนักดาบน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเลื่อนเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ
แค่คำนี้คำเดียวกับผู้ที่ไม่มีวันได้ยินคำๆนี้จากปากของเธอมันช่างยากเย็นอะไรอย่างนี้
แต่ว่าในตอนนี้เธอขอ....ตัวองครักษ์สาวตรงหน้ามาเป็นของเธอ เธอกล้าจะประกาศว่าเธออยากได้พี่เซ็ตซึนะมาเป็นเจ้าของจริงๆ
ความยากเย็นที่ว่านั้นที่มันอยู่กับเธอมานาน...มันกำลังจะหายไปจากใจของอายะจังตลอดกาลพร้อมๆกับคำพูดที่ว่า......
“หนูรัก.........พี่เซ็ตซึนะค่ะ”
....สิ้นคำ อายะก็ประทับริมฝีปากน้อยๆของเธอเข้ากับของเซ็ตซึนะด้วยความรู้สึกรักอย่างเอ่อล้น
.....ริมฝีปากที่อายะจังกำลังสัมผัสกับมันช่างนุ่มนวลน่าหลงใหลเสียจริงๆ
อายะที่ยังหลับตาพริ้มอยู่ตอนนี้กำลังล่องลอยไปในดินแดนแห่งความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยที่เดียว...
ตุ๊บ....................
....เพียงได้ยินเสียง อายะจังตัวเย็นวาบไปทั้งร่าง เธอสะดุ้งตัวหันไปมองตามต้นเสียงทันที
และนักดาบน้อยก็ต้องเบิกตาโพล่ง หัวใจแทบจะหยุดเต้นเสียตรงนั้น เพราะเสียงนั้น...มันมาจากถุงของพี่โคโนกะที่กำลังถืออยู่นั่นเอง!!
“..พะ...พี่..พี่...โคโน..”
แต่อายะจังก็ทำได้แค่นั้น ไม่สามารถพูดชื่อของอีกฝ่ายให้จบได้.. โคโนกะเองที่มองอีกฝ่ายอยู่ก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกัน
ร่างกายของเธอแข็งทื่อ ช็อคกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
”อะไรกัน? อายะจัง ......กับเซ็ตจัง..อย่างนั้นเหรอ? นี่มันอะไรกัน????”
แล้วโคโนกะที่รับไม่ได้กับสิ่งที่เพิ่งเห็นก็ค่อยๆเดินตัวทื่อไปนั่งยังโซฟาของห้องรับแขกด้วยท่าทางที่ใกล้หมดแรง
ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
....เมื่อกี้ ฉันไม่ได้ตาฝาด หูก็ไม่ได้เฝื่อนไป อายะจัง...บอกรักเซ็ตจัง แล้วก็...จูบเซ็ตจังจริงๆ!!
นี่...มันเกิดอะไรขึ้น?? ทำไมอายะจังถึงทำแบบนั้นหล่ะ? หรือว่า...อายะจังโดนยาเสน่ห์? โดนเวทย์มนต์? หน้ามืด? อุบัติเหตุ?
ไม่! ไม่ใช่!~ ไม่ใช่ทั้งนั้น! อย่าหลอกตัวเองสิโคโนกะ!! ที่เธอเห็นมันเป็นความจริง!!
สายตาที่มองเซ็ตจังแบบนั้นมันไม่ใช่โดนยา! เด็กคนนั้น...รักเซ็ตจังแบบเกินพี่น้อง!
แล้วนี้ฉันจะทำยังไงดี? ลางสังหรณ์ที่เรานึกเอะใจในช่วงหนึ่งปีมานี่มันกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว!~
ตอนแรกฉันคิดว่าที่อายะจังชอบเข้าไปในห้องนอนของฉันบ่อยๆเพราะแค่คิดถึงพี่สาวของเขาเท่านั้น
พยายามคิดในทางนั้นมาตลอด แต่นี่ไม่ใช่!! อายะจังรักเซ็ตจังเหมือนกับที่ฉันรัก!! รักแบบคู่รักจริงๆ!
ถึงจะไม่อยากฟังก็เถอะแต่ตอนนี้ฉัน..ฉัน...ฉันต้องรู้เรื่องนี้ทั้งหมด!!~ ฉันอยากรู้ว่านี้มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่!!
.....แล้วโคโนกะที่กำลังคิดหนักก็เริ่มจะร้องไห้ออกมา เธอไม่รู้หรอกว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น
แต่ภาพที่เธอเห็นกับเสียงที่เธอได้ยิน มันทำให้เธอทั้งเจ็บและเสียใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ถูกเด็กที่รักดุจน้องสาวตัวเองหักหลัง! เด็กที่นิสัยดีและขี้อายแบบนั้นแต่กลับ....กลับกล้าที่จะทำแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?
แล้วสักพัก ร่างของเด็กสาวที่เพิ่งเตรียมตัวเตรียมใจในการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเสร็จก็ค่อยๆก้าวออกมาจากห้องนอน
อายะจังพยายามเดินให้ช้าที่สุดก่อนที่จะเข้ามานั่งในโซฟาฝั่งตรงข้าม
นักดาบน้อยไม่กล้าพูดกับอีกฝ่าย ไม่แม้แต่จะสบตา เธอเองก็รู้สึกเสียใจไม่แพ้กันที่ต้องทำให้พี่โคโนกะต้องมาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเช่นนี้
แต่ในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วและเธอก็แก้ไขอะไรมันไม่ได้
ที่อายะจังทำได้ก็คือ .......พูดกับพี่โคโนกะตรงๆเท่านั้น..
....และโคโนกะเองทันทีที่เห็นอายะจังก็รีบปาดน้ำตา เธอรู้สึกโกรธน้องสาวตรงหน้าขึ้นมาสุดๆ
แต่ก็ใช่ว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล โคโนกะระงับอารมณ์โกรธและความเสียใจของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเปิดประเด็นถามอีกฝ่ายด้วยเสียงเข้มทั้งๆที่ยังมีเสียงเครืออยู่ในลำคอว่า
“บอกพี่มาตามตรงอายะจัง ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
...ถูกถามเข้ามาตรงๆ อายะจังที่เตรียมใจไว้อยู่แล้วยังตั้งตัวไม่ติด
แต่ในเมื่อมันเป็นความผิดที่เธอต้องเผชิญด้วยตัวคนเดียว อายะจังจึงค่อยๆรวบรวมความกล้าพูดตอบคำถามของพี่โคโนกะไปว่า
“หนะ..หนูไม่รู้ค่ะพี่โคโนกะ หนู.....หนู........ขอโทษที่มันเป็นแบบนี้ คะ..คะ..คือหนู...หนู...”
“งั้นพี่ถามใหม่ก็ได้อายะจัง เซ็ตจังรู้เรื่องไหม?”
..อายะจังที่ได้ฟังตัวเย็นวาบ รู้เรื่องไหมอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าบอกว่าไม่พี่โคโนกะจะทำยังไง แล้วถ้าบอกว่ารู้ พี่โคโนกะจะทำยังไง? แล้วถ้าเธอบอกไปว่ารู้หล่ะ?
เพราะคำตอบที่แท้จริงของคำถามนี้มันสร้างความเจ็บปวดให้อายะจังยิ่งนัก
และโคโนกะเองที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางกล้าๆกลัวๆ แม้สาวผมยาวจะกลัวคำตอบนั่นอยู่ก็เต็มอก
แต่โคโนกะก็ทำใจกว้างจะพูดกับอายะจังด้วยน้ำเสียงที่เน้นหนักตอนท้ายว่า
“อายะจัง บอกพี่มาเถอะ พี่-รับ-ได้-ทุก-อย่าง”
....อายะจังที่ได้ฟังก็รู้สึกเสียใจเป็นที่สุดเพราะตอนนี้ พี่โคโนกะเริ่มที่จะมีน้ำตาไหลออกมา
แม้อีกฝ่ายจะพยายามใช้มือปาดมันบ่อยครั้งแล้วก็ตาม แต่แล้วความคิดอิจฉามันก็แล่นขึ้นมาในหัวของอายะจัง
มันบอกนักดาบน้อยว่า นี่มันคือโอกาสดี ที่จะได้พี่เซ็ตซึนะมาครอบครอง
ถ้าพี่โคโนกะเกิดโกรธพี่เซ็ตซึนะขึ้นมา....พี่เซ็ตซึนะอาจจะหันมามองเธอบ้างก็ได้ และด้วยจิตใจที่มืดมิดก่อเข้ามาในหัวใจดวงน้อยๆ ทำให้อายะจังที่แม้จะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเพิ่งได้ทำร้ายจิตใจพี่สาวที่น่ารักของเธออยู่เต็มที่ แต่เธอก็ได้ปดต่อหน้าโคโนกะในที่สุด
“ค่ะพี่โคโนกะ....พี่เซ็ตซึนะก็รู้...”
....โคโนกะที่ได้ฟังหัวใจก็แทบหล่นไปที่ตาตุ่ม ระ..รู้..รู้เหรอ?? รู้แล้วแล้วทำไมไม่บอกฉันหล่ะ?
แต่เดี๋ยว! ถึงจะรู้ก็ไม่ได้หมายถึงว่ารู้เห็นเป็นใจด้วยนี่ ! แล้วโคโนกะที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเหลืออยู่แล้วจึงถามอายะจังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับความเชื่อมั่นที่คาดหวังเอาไว้ในตัวขององครักษ์ของเธอเต็มที่ว่า
“แล้วเซ็ตจังก็ไม่ได้คิดอะไรใช่ไหม? เซ็ตจังก็ทำตัวปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง ...ใช่ไหมอายะจัง?? ”
“...มะ..ไม่ใช่ค่ะ..”
“...ไม่ใช่??”
“.................................”
“..........................หนูขอโทษค่ะพี่โคโนกะ แต่หนูกับพี่เซ็ตซึนะคบกันมาสามเดือนแล้ว...”
....อายะพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะกระซิบด้วยใบหน้าที่แม้จะก้มหนีสายตาของอีกฝ่ายแต่ก็ยังแดงก่ำอย่างชัดเจน
เสียงที่แสนแผ่วเบาจากปากน้อยๆนั้นมันแทงเข้ามาที่หัวใจของโคโนกะเข้าเต็มๆ มันเหมือนเอาสายฟ้ามาผ่าที่ร่างของเธอไม่มีผิด!
พอแล้ว!! พอกันที! ถึงจะไม่อยากเชื่อก็เถอะ แต่เซ็ตจังของเธอนอกใจไปมีคนอื่นจริงๆ!!
แถมยังกับอายะจังที่บอกว่ารับมาไว้เป็นลูกรักเหมือนน้องด้วย! และอายะจังเองก็ไม่ใช่เด็กที่พูดโกหก!
ทั้งสองคนคงจะแอบคบกันโดยไม่ให้เธอรู้ตัวสิน่ะ แล้วโคโนกะที่ได้รับฟังสิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็เริ่มที่จะร้องไห้หนักอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาจ้องไปยังอายะจังที่เธอรักดุจน้องสาวเขม็งจนอายะจังที่รู้ว่าเธอกำลังถูกมองก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา
โคโนกะที่แม้จะแค้นอยู่เต็มอกแต่ใจก็ยังรักนักดาบน้อยตรงหน้าไม่เปลี่ยน
เธอไม่คิดจะโทษอีกฝ่ายคนเดียวหรอกถึงยังไงตบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดังอยู่แล้ว
ถ้าเซ็ตจังไม่ยินยอมด้วยแล้วอายะจังจะกล้าไปจูบเซ็ตจังตอนหลับอย่างนั้นน่ะเหรอ??...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ..ถึงอย่างนั้นก็เถอะ!
“ทำไมถึงทำกับพี่ได้อายะจัง?! ทำไมทั้งเซ็ตจังกับอายะจังถึงทำกับพี่อย่างนี้?!”
....ด้วยเสียงตัดพ้อที่ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดทำเอาอายะจังถึงกับพูดไม่ออก
ตัวทั้งตัวเริ่มร้อนรุ่มด้วยความรู้สึกผิดจนแทบอยากจะกลับคำพูดตัวเองเสียใหม่
แต่ด้วยอารมณ์โกรธของอีกฝ่ายทำเอาอายะจังไม่กล้าพูดมันออกไป
และโคโนกะเองก็ไม่รอให้อีกฝ่ายแก้ตัวอีกต่อไปด้วย เธอที่กำลังโมโหสุดขีดก็ลุกพรวดพราดเข้าไปในห้องนอน
แล้วสักพักใหญ่โคโนกะก็กลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อ อายะจังมองมันด้วยความตื่นตะลึง
เพราะเธอรู้โดยทันทีว่าพี่โคโนกะกำลังจะออกไปจากบ้าน นักดาบน้อยทำท่าจะไปห้ามแต่ด้วยตัวเองก็กลัวอีกฝ่ายที่กำลังโมโหอยู่ ที่อายะจังทำได้จึงมีก็แต่ถามพี่โคโนกะของเธอด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆว่า..
“พี่...พี่โคโนกะ พะ.พี่โคโนกะจะไปไหนค่ะ?”
...โคโนกะที่กำลังใส่รองเท้าอยู่ก็ทำหน้านิ่งไม่พูดอะไร แต่ที่ใบหน้ากำลังมีน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด ทำเอาอายะจังที่มองอยู่รู้สึกผิดขึ้นมาเต็มหัวใจ มองหน้าพี่สาวที่กำลังเสียใจอยู่ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง
เธอ..ไม่น่าพูดโกหกแบบนั้นไปเลยใช่ไหม? เธอกำลังทำให้พี่สาวที่แสนดีคนนี้เข้าใจแบบผิดๆและเสียใจอย่างที่สุด
นี่เธอกล้าโกหกเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของเธออย่างนั้นน่ะเหรอ?
และโคโนกะเองที่ใส่รองเท้าเสร็จก็ยืนนิ่งไป มือที่ถือกระเป๋าเสื้อผ้านั้นกำสั่นแน่น แล้วโคโนกะก็ตอบคำถามของอายะจังเสียงเข้มโดยไม่แม้แต่จะหันมามองว่า
“พี่จะไปค้างบ้านเพื่อน ถ้าเซ็ตจังถามก็บอกไปว่าไม่ต้องตาม เข้าใจไหม?”
...อายะจังที่ได้ฟังก็อึ้งไป นักดาบน้อยเปลี่ยนใจจะพูดความจริงกับอีกฝ่ายว่าเมื่อกี้ที่เธอพูดไปมันโกหก เพื่อที่พี่โคโนกะจะได้ไม่ต้องออกไปค้างที่อื่น
แต่ด้วยความรักที่เข้ามาบดบังตัวเองมันห้ามเอาไว้ อายะจังจึงได้แต่ยืนอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกจนกระทั้งโคโนกะเดินออกจากอพาร์ทเมนท์ไป
นี่อายะจัง...ใช้ความอิจฉาของตัวเธอหันมาทำร้ายความรักของพวกพี่ๆที่รักตัวอายะจังดุจน้องสาวไปเสียแล้ว
แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี? ถึงพี่โคโนกะจะโกรธพี่เซ็ตซึนะไปแล้วจริงๆแต่ฉันไม่คิดว่าพี่โคโนกะจะหนีออกไปในวันที่เวลาของการแก้คำสาบมาถึงนี่!!
.....และตอนนี้ โคโนกะที่กำลังโมโหสุดขีดก็ไม่คิดจะอยากเจอหน้าเซ็ตจังของเธออีก!~ ทั้งนึกโกรธ เสียใจ เจ็บปวดใจ และสมเพชตัวเองในเวลาเดียวกัน
ฉันนี้มันช่างโง่จริงๆน่ะ โดนหลอกให้เชื่อว่าเซ็ตจังจะรอและรักฉันอยู่มาตั้งเนิ่นนาน
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นใช่ไหมเซ็ตจัง? ไม่ว่ายังไงอายะจังคนที่อยู่กับเซ็ตจังมากกว่าก็คือองค์หญิงสำหรับเซ็ตจังใช่ไหม?
ไม่ใช่ฉันอีกต่อไปแล้วสิน่ะ! หกปีที่รอฉันคงเบื่อฉันเต็มทีแล้วใช่ไหม?
ได้....เซ็ตจังจะเอาอย่างนั้นก็ได้....ฉันจะได้เลิกเป็นคนโง่ที่หลงรอให้พวกเราตื่นขึ้นมาพร้อมกันเสียที!
สิ่งที่เซ็ตจังเคยทำให้กับฉันมานานแสนนานเวลาหกปีคงจะทำให้เซ็ตจังลืมมันไปหมด
ก็ดีน่ะเซ็ตจัง....ต่อแต่นี้.....ฉันจะได้นิทราจากเซ็ตจังไปด้วยความสบายใจซะทียังไงหล่ะ!!!
...............................................................................................................................................................................................................
.....เซ็ตซึนะลืมตาตื่นขึ้นมาในยามที่ท้องฟ้าเป็นสีมืดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้องครักษ์สาวก็ต้องแปลกใจกว่าทุกที
เพราะไม่มีองค์หญิงของเธอนอนเคียงข้าง เซ็ตซึนะที่เห็นดังนั้นก็ร้อนใจรีบออกหาโคโนจังที่สมควรจะถึงที่นอนแล้วทันที อ่ะ! ใช่แล้ว ต้องรีบไปถามกับอายะจัง!
“อายะจัง!!~ โคโนจังหายไปไหนหน่ะ? ทำไมเขาถึงไม่มานอนที่เตียง? หรือว่า! เกิดอะไรขึ้นกับโคโนจัง??”
.....เซ็ตซึนะเดินเข้าไปถามอายะจังที่กำลังใส่ชุดกันเปื้อนทำอาหารเย็นอยู่ด้วยท่าทางร้อนรน
อายะจังที่ได้ฟังว่าคำแรกที่พี่เซ็ตซึนะถามถึงก็ยังคงเป็นพี่โคโนกะก็แอบทำหน้าเศร้านิดๆ ก่อนจะทำท่าทางปกติและพูดขึ้นว่า
“พี่โคโนกะเขาบอกว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนน่ะค่ะ”
“บ้านเพื่อน?? เพื่อนคนไหนอายะจัง? ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลยหล่ะ??”
“หนูก็ไม่รู้หรอกค่ะ สงสัยจะไปทำงานมั้งค่ะ?”
.....เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ยังงงไม่หาย ไปค้างบ้านเพื่อน? ไปทำงาน? จะบ้าเรอะ!!~
สภาพที่ตื่นได้เฉพาะตอนกลางวันมันจะไปทำงานกับใครเขาได้ที่ไหน?
โคโนจังก็โคโนจังเถอะ ไปไหนทำไมไม่เขียนบอกฉันก่อนหล่ะ?
อ่ะใช่!~ เมื่อกี้ฉันก็เอาแต่รีบร้อน โคโนจังอาจจะเขียนไว้ในไดอารี่ก็ได้!
คิดได้ดังนั้นเซ็ตซึนะก็ทำท่าจะเข้าไปอ่านไดอารี่ของพวกเธอทั้งสองคนในห้องนอนทันที
แต่อยู่ๆก็มีมือมากอดเธอไว้จากด้านหลัง เจ้าของมือเล็กๆนั้นกอดเธอเอาไว้เสียแน่จนแม้แต่เซ็ตซึนะเองยังตกใจ
องครักษ์สาวหันไปหาผู้ที่รั้งเธอไว้พลางถามขึ้นด้วยความฉงนว่า
“อายะจัง......หยุดพี่ทำไมหล่ะ? พี่จะรีบไปอ่านไดอารี่น่ะ?”
“เอ่อ...คือ....”
“พี่โคโนกะเขาไปบ้านเพื่อนจริงๆน่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงพี่โคโนกะหรอก~~”
“แต่ว่า โคโนจังไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกพี่ก่อนเลยน่ะ อายะจัง”
“หนูเห็นว่าพี่โคโนกะเขารีบๆหน่ะค่ะ คงจะไม่ทันเขียนบอกพี่เซ็ตซึนะหรอก ก็พี่โคโนกะต้องรีบก่อนที่ตะวันจะตกดินไม่ใช่เหรอค่ะ?”
“ถึงงั้นก็เถอะ........แต่....”
“พี่เซ็ตซึนะไม่เชื่อหนูหรือค่ะ?”
...อายะที่มือยังกอดตัวอีกฝ่ายอยู่ก็ก้มหน้านิ่งแล้วถามคำถามสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
เซ็ตซึนะที่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตนก็ทำให้อายะจังเสียใจไปทีนึงแล้ว
แม้จะไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดก็ตาม แต่ด้วยจิตสำนึกของความรู้สึกผิด เซ็ตซึนะก็เอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูพลางพูดขึ้นว่า
“อื้ม!~~ พี่เชื่ออายะจัง!~ ว่าแต่ตอนนี้พี่เริ่มรู้สึกหิวแล้วหล่ะ”
อายะจังที่ทำให้อีกฝ่ายไม่กลับไปอ่านไดอารี่ได้สำเร็จก็ทำท่าดีใจก่อนจะรีบพูดชวนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นว่า
“พี่เซ็ตซึนะก็รีบไปล้างหน้าอาบน้ำสิค่ะ!~ วันนี้หนูทำแต่ของชอบของพี่เซ็ตซึนะทั้งนั้นเลย~~”
“จริงเหรอ? ...งั้น.. พี่จะรีบไปอาบน้ำแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะได้มากินฝีมือของอายะจังน่ะ”
“ค่ะ!!~~”
...นักดาบน้อยรับคำด้วยใบหน้าตื่นเต้นก่อนจะรีบไปทำอาหารเย็นต่อทันที
เซ็ตซึนะที่มองอยู่ก็ทำท่าจะกลับไปที่ห้องเอาเสื้อผ้า แต่อายะจังที่เหมือนจะนึกขึ้นได้ เธอรีบห้ามพี่เซ็ตซึนะของเธอเสียงลั่นทันที
“พี่เซ็ตซึนะ!!~~ เดี๋ยวก่อนค่ะ!~~~”
“หืม????”
“นี่ค่ะ!! เสื้อ!~~”
....เซ็ตซึนะรับเสื้อนั่นมาด้วยท่าทางงงๆ แต่องครักษ์สาวก็ยิ้มให้พลางพูดคำว่าขอบใจก่อนที่จะเดินหายไปในห้องน้ำ
อายะจังที่เห็นอีกฝ่ายเดินลับไปก็ทำท่าโล่งอก ก่อนจะพึมพำขึ้นว่า
“ฟู่วววว~~ เกือบไปแล้ว!~ ถ้าได้อ่านไดอารี่ที่พี่โคโนกะเขียนพี่เซ็ตซึนะต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ ”
...หลังจากนั้น เซ็ตซึนะที่อาบน้ำเสร็จก็มากินข้าวกับอายะจังที่ดูวันนี้จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทั้งชวนเธอคุยเรื่องโรงเรียน เรื่องชมรมเคนโด้ และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย จนเซ็ตซึนะที่ไม่เคยเห็นนักดาบน้อยคุยจ้อขนาดนี้มาก่อนก็ทักอีกฝ่ายขึ้น
“อายะจังวันนี้ไปเจออะไรดีๆมาเหรอ? ท่าทางอารมณ์ดีจัง”
..อายะจังที่ได้ฟังก็อึ้งไปก่อนจะแกล้งยิ้มกลบเกลื่อนพลางพูดขึ้นว่า
“ก็วันนี้พี่เซ็ตซึนะกินกับข้าวฝีมือเต็มๆของหนูครั้งแรกไง!~~ ว่าไงค่ะ?..ถูกปากพี่เซ็ตซึนะบ้างไหม?”
“อื้ม อร่อยมากๆเลยหล่ะ ฝีมือขนาดนี้ต้องเป็นแม่บ้านที่ดีได้แน่ๆ ดูพี่สิโดนโคโนจังดุเรื่องนี้ทั้งปี ”
พูดไปเซ็ตซึนะก็หัวเราะน้อยๆให้กับตัวเอง อายะจังเองที่ได้ฟังก็ยิ้มๆ
ก่อนจะวางชามข้าวลงและมองเขม็งไปที่อีกฝ่าย นักดาบน้อยถามพี่เซ็ตซึนะของเธออย่างจริงจังว่า
“แล้ว...เก่งสู้พี่โคโนกะได้รึเปล่าค่ะ?”
“หื๋อ?? สู้ได้ไหมเหรอ? เอ...... ยังไงดีหล่ะ... ต้องฝึกอีกนิดหล่ะมั้ง? แต่ถามพี่อย่างนี้ คิดจะเทียบชั้นครูหรือไงอายะจัง?”
“ค่ะ!~”
...เซ็ตซึนะที่พูดแซวเล่นไปแต่คำตอบของอีกฝ่ายนั้นแสนจริงจังจนตัวเธออึ้งไปนิดๆ ก่อนจะเพิ่งมาสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตา
วันนี้...อายะจังดูแปลกๆ เป็นอะไรไปรึเปล่าน่ะ? คิดได้ดังนั้น องครักษ์สาวก็ถามอีกฝ่ายขึ้นมาทันที
“นี่อายะจัง มองพี่ทำไมเหรอ?”
“มองไม่ได้เหรอค่ะ?”
“เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่วันนี้อายะจังดูแปลกไปจากทุกวันหน่ะ รู้ตัวรึเปล่า?”
“ไม่น่ะค่ะพี่เซ็ตซึนะ หนูก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน เป็นมานานแล้วด้วยค่ะ มีแต่พี่เซ็ตซึนะนั่นแหล่ะค่ะที่ไม่เคยรู้”
...อายะจังที่พูดไปพลางยิ้มๆให้กับอีกฝ่าย มันยิ่งทำให้เซ็ตซึนะนึกฉงนในตัวอีกฝ่ายยิ่งกว่าเดิมก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ องครักษ์สาวที่รู้ว่าวันนี้เธอไม่มีที่จะไปไหนเลยก็บ่นขึ้น
“วันนี้มันไม่มีงานมานี่น่า โคโนจังก็ไม่อยู่ด้วย เฮ้อออ~~ แย่ที่สุด คืนนี้คงมีแต่ต้องฝึกดาบอย่างเดียวสิน่ะ”
“งั้นดูหนังฆ่าเวลาไหมค่ะ? หนังเรื่องที่พี่โคโนกะซื้อมาพี่เซ็ตซึนะยังไม่ได้ดูเลยน่ะ~”
“อืม...ก็ได้ ว่าแต่แผ่นมันอยู่ไหนหล่ะอายะจัง?”
“พี่เซ็ตซึนะอยู่นี่แหล่ะค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง!~~”
.....แล้วเซ็ตซึนะก็นึกแปลกใจในตัวอายะจังอีกหน ทำไมวันนี้อายะจังดูกระตือรือร้นจัง?
เหมือนกับไปเจอเรื่องน่าดีใจอะไรมาอย่างนั้นหล่ะ แล้วเซ็ตซึนะที่กำลังช่วยเก็บจานอยู่ จู่ๆก็ได้ยินเสียงๆนึงดังขึ้น
เพล้ง!!!!~~
“อุ๊ย! เจ็บๆ”
“เป็นอะไรรึเปล่าอายะจัง??”
....เซ็ตซึนะรีบวิ่งไปดูอาการของอายะจังและถามด้วยความเป็นห่วงทันที
นักดาบน้อยที่รีบร้อนไปหน่อยเลยเผลอทำแจกันตกแตกซ้ำยังบาดเท้าตัวเองอีก
เซ็ตซึนะที่เห็นดังนั้นจึงรีบห้ามอีกฝ่ายที่กำลังจะลุกขึ้นมา ก่อนจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยพยายามไม่ให้เท้าโดนเศษแจกันบาด แล้วซักพักองครักษ์สาวก็มาดูอาการใกล้ๆและพูดขึ้นว่า
“บาดโดนเท้าเลยฮ่ะ เอาหล่ะ อยู่เฉยๆน่ะอายะจัง”
...สิ้นคำเซ็ตซึนะก็เข้าไปอุ้มอายะจังที่กำลังดูแผลที่บาดเท้าอยู่ขึ้นมาทันทีและพาไปนั่งที่โซฟา
ทำเอาอายะจังถึงกับหน้าแดงเพราะเธอไม่ถูกอีกฝ่ายอุ้มมานานมากแล้ว ตั้งแต่เรียนชั้นป.สี่เลยหล่ะมั้ง?
และเซ็ตซึนะที่ดูจะกังวลกับแผลนั่นก็เบาใจ เพราะมันบาดแค่ไม่มาก แต่ก็เพื่อความไม่ประมาท เธอจึงเดินไปที่ตู้ปฐมพยาบาลพลางพูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวพี่เอาพลาสเตอร์มาให้ รออยู่ตรงนั้นแล้วกันน่ะ”
“ค่ะ เรื่องแจกันหนูขอโทษน่ะค่ะ”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะของมันแตกกันได้ แล้วก็เรื่องแจกันเดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“แต่ว่า..”
“น่า...คนเจ็บน่ะอยู่เฉยๆ”
.....อายะจังที่เถียงในใจว่าเธอไม่ได้เจ็บอะไรซักหน่อย แต่ด้วยเซ็ตซึนะที่กำลังดูแลเธอเป็นอย่างดีในขณะนี้
ทำให้ความรู้สึกผิดที่โกหกพี่โคโนกะได้จางหายไปจากใจของอายะจังทันที
ถ้าเธอขออะไรจากพระเจ้าได้ข้อนึงแล้วหล่ะก็ เธอจะขอให้ช่วงเวลาอย่างนี้อยู่กับเธอไปนานๆ
สักพักเซ็ตซึนะก็เอาพลาสเตอร์มาติดแผลให้ก่อนจะรีบไปจัดการกับแจกันที่แตกกระจายเต็มพื้นอยู่ต่อ
อายะจังดูการกระทำทุกอย่างของพี่เซ็ตซึนะของเธออย่างมีความสุขและเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
....และเซ็ตซึนะที่จัดการกับทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ลงมานั่งที่โซฟาแล้วพักแหงนหน้ามองเพดาน
สายตาของเธอเหม่อลอยเพราะกำลังนั่งคิดถึงเรื่องๆนึงอยู่
เพราะตอนนี้..ใจของเธอกำลังนึกเป็นห่วงโคโนจังอย่างช่วยไม่ได้ ถึงอายะจังจะบอกว่าโคโนจังไปค้างบ้านเพื่อนก็เถอะ
แต่ถึงจะรีบขนาดไหนอย่างน้อยก็ต้องทิ้งโน้ตเอาไว้บ้างสิ ไม่ใช่แค่มาฝากบอกอายะจังด้วยปากเปล่า มีเรื่องอะไรรึเปล่าน่ะ?
และองครักษ์สาวที่เหม่อมองเพดานอยู่ก็ต้องสะดุ้งกับสายตาของอายะจังที่โผล่มาตรงหน้า
ก็อยู่ๆอีกฝ่ายก็นั่งคุกเข่าคร่อมตัวเธอที่กำลังนั่งบนโซฟาอยู่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยด้วยใบหน้าของอายะจังที่ห่างจากเซ็ตซึนะเพียงคืบทำเอาองครักษ์สาวใจเต้นตึกๆพลางพยายามหลบสายตาเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายที่ใกล้เข้ามาทันที
“อะ..อะ...อายะจัง! ทะ..ทะ...ทำอะไรหน่ะ?!?!”
แต่อายะจังก็ไม่ยอมตอบอะไรและกลับเอื้อมมือของตนไปจับใบหน้าของอีกฝ่ายให้กลับมามองที่เธอแทน
ทำเอาเซ็ตซึนะที่พยายามไม่เสียมารยาทกับอีกฝ่ายทำหน้าฉงน
และอายะจังก็เอ่ยคำถามที่เธอไม่เคยแม้แต่จะกล้าถามพี่เซ็ตซึนะของเธอมาก่อนว่า
“พี่เซ็ตซึนะค่ะ พี่ว่าหนูจะแทนพี่โคโนกะได้ไหมค่ะ?”
“ ??????”
.....โดนถามเช่นนั้นไป ชั่ววินาทีแรกเซ็ตซึนะก็คิดทบทวนคำถามนั่นด้วยความสับสน
แทนโคโนจัง?? แทนทำไมหล่ะ??
แต่ทว่า..เมื่อเซ็ตซึนะมองสายตาของอายะจังที่จ้องเธอมานานก็เข้าใจในที่สุด
จากเดิมที่เธอไม่ได้คิดอะไรมากที่อีกฝ่ายมานั่งคร่อมเธอแบบนี้กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอกำลังหน้าแดงเสียแล้ว
แต่..แต่..แต่...จะบ้าเหรอ? อายะจังเป็นน้องสาวเราน่ะ!!
ด้วยความที่ใจไม่อยากคิดกับอายะจังมากไปกว่าคำว่าน้องและเธอก็ไม่คิดจะไปทำลายน้ำใจของอีกฝ่าย เธอจึงรีบบ่ายเบี่ยงไปประเด็นอื่นทันที
“มะ..มะ..ไม่รู้สิ อายะจังอยากจะเป็นแม่บ้านเหมือนโคโนจังบ้างเหรอ? อายะจังก็ทำได้ดีนี่”
“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นค่ะ แต่ทุกๆอย่าง.... พี่เซ็ตซึนะก็รู้นี่ค่ะว่าหนูหมายถึงอะไร?”
...เพราะอายะจังที่จับอากัปกิริยาของอีกฝ่ายได้ก็รู้โดยทันทีว่าตอนนี้ พี่เซ็ตซึนะของเธอรู้แล้วว่าเธอรู้สึกยังไง
แล้วเซ็ตซึนะเองที่เอาหน้าเบือนหนีอายะจังอีกครั้งก็พยายามทำท่าจะลุกขึ้นหนี
แต่แล้วองครักษ์สาวก็ต้องตัวร้อนผ่าวเพราะตอนนี้อายะจังเข้ามากอดตัวเธอไว้เสียแน่น ทำเอาเธอขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย
เซ็ตซึนะที่ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อก็พยายามยกมือให้ออกห่างจากอีกฝ่ายและอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก
“อ่า...อายะจัง พี่..พี่..พี่ว่า....”
“เกลียดหนูหรือค่ะพี่เซ็ตซึนะ?”
“ปะ..ปะ..เปล่า..ไม่ใช่!”
“เหรอค่ะ!~ ดีจัง~ งั้นหนูก็รักพี่เซ็ตซึนะแบบที่พี่โคโนกะรักได้สิน่ะค่ะ!~ ”
“(//o_O//)!!!!!!!!!”
ความคิดเห็น