ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ 1 - นักผจญภัย
“อะไรกันเนี่ย!? ทั้งผมทั้งดวงตา… น่ารังเกียจชะมัด!”
คำพูดแรกของแม่คนใหม่เต็มไปด้วยความรังเกียจ สีหน้าของหล่อนบิดเบี้ยวราวกับจะเห็นสัตว์ประหลาดที่แสนขยะแขยงออกมา
จากผู้กล้าที่ฟันดาบศักดิ์สิทธิ์ใส่มังกรที่ปกครองทั้งผืนทวีปด้วยความหวาดกลัว จากอัจฉริยะหาตัวจับยากที่สร้างเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลักแหลมที่จัดการกับแวมไพร์ที่ควบคุมถนนในยามค่ำคืน เรื่องเล่าและตำนานหลายๆอย่างได้เกิดขึ้นในโลกนี้ แต่กับเหล่าขุนนางชนชั้นสูงแห่งจักรวรรดินั้นไม่มีอะไรนอกจากเรื่องเลวร้ายของตำนานของปีศาจผมขาว
สามร้อยปีก่อน เกิดเหตุการณ์ปฏิวัตินองเลือดอย่างโหดร้ายต่อชนชั้นสูงไปทั่วดินแดน และก็ยึดประเทศไปถึงสองในสาม ตัวผู้นำมีสิ่งที่ดูน่าหวาดกลัวมาก นั่นคือผมขาวราวกับหิมะและดวงตาที่มีคนละสี
ผู้กล้าจากบ้านนอกต้องถูกบังคับให้เข้าร่วมกองกำลังอัศวินโดยมีเงื่อนไขที่โหดร้าย ปีศาจผมขาวจึงได้ใช้กำลังริบเอาแผ่นดินของเหล่าขุนนางและสิทธิพิเศษไปด้วย
ถึงแม้ว่าพวกขุนนางอาจจะรอดจากการก่อจลาจล พวกนั้นก็ไม่มีวันลืมความอัปยศในความพ่ายแพ้นี้ได้ ณ ตอนนี้ใครก็ตามที่มีผมสีขาวหรือดวงตาสองสีจะถือว่าเป็นอสรพิษในตระกูล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเก่งกล้าความสามารถแค่ไหนก็ตาม
และมันก็เกิดขึ้นกับตระกูลที่ใหญที่สุดในจักรวรรดิ ในครอบครัวของ Earlgrey เมื่อเด็กได้เกิดมาโดยที่มีตาสีแดงและสีน้ำเงินกับผมสีขาวที่มีชื่อว่า Shirley Earlgrey สิ่งที่ได้รับไม่มีเลยนอกจากความเกลียดชังที่ทำให้ Shirley กลายเป็นเด็กต้องสาปมาตั้งแต่เริ่ม ถูกดูแลราวกับอสรพิษแม้ว่าสถานะทางสังคมจะอยู่ในชนชั้นสูงก็ตาม
แม้แต่ผู้ดีที่อยู่สถานะต่ำกว่าเธอก็ยังดูถูกและเหยียดหยาม Shirley เลย นานมาแล้วเหล่าขุนนางได้ทอดทิ้งเด็กที่อ่อนแอ น่าเกลียดหรือไม่ตรงตามที่พวกเขาได้คาดหวังไว้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการก่อการปฏิวัติ เหล่าชั้นสูงจึงได้รับการปฏิบัติเดียวกับกฎที่ใช้กับสามัญชน
แต่สำหรับ Shirley แล้ว บางทีน่าจะถูกตัดขาดจากตระกูลที่มีคำภาวนาในความจอมปลอมก็เป็นได้
เธอไม่เคยถูกเรียกด้วยชื่อเลย มีแต่ถูกเรียกว่ายัยปีศาจผมขาวหรือไม่ก็สัตว์ประหลาด ตัวเธอไม่มีสิทธิพิเศษใดๆเหมือนกับผู้หญิงชนชั้นสูงคนอื่นๆ เธอสวมแต่ชุดเก่าที่ขาดวิ่นและก็ได้กินแต่เศษอาหารโดยอยู่ห่างจากโต๊ะอาหารของครอบครัว ถ้าเธอทำผิด เธอก็จะถูกเฆี่ยนตีอย่างโหดร้าย ถ้าเธอมองตาไปที่ใครด้วยอารมณ์ไม่ดี เธอก็จะโดนดูหมิ่นหรือไม่ก็เตะทิ้งไปเลย เหล่าสมาชิกของตระกูลที่น่าจะเป็นขุนนางได้กระทำต่อ Shirley ราวกับเป็นสัตว์เดรัจฉาน และเหล่าคนรับใช้ก็ไม่มีใครที่จะเข้ามาคอยขัดขวางการกระทำนี้เลย
ถึงแม้เธอจะโตขึ้นมาในสภาพเช่นนั้น ทุกวันเธอก็เริ่มที่จะงดงามมากยิ่งขึ้นราวกับมันจะตรงข้ามกับความโหดร้ายทารุณที่เธอได้รับ
ผมขาวของเธอเปล่งประกายดั่งหิมะ และดวงตาสีแดงกับสีน้ำเงินก็แวววาวราวกับอัญมณี บางทีเพราะความตกอับที่เธอกำลังจะเผชิญในภายหน้า ความสวยงามจึงเหมือนเพียงแค่หลุมดวงจันทร์ สิ่งที่น่าประหลาดใจแบบนั้นดูเหมือนมันจะถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ ตรงจุดที่สัมผัสน้อยที่สุด
Alice คนที่สบประมาทรูปลักษณ์ของเธอเป็นที่สุด ที่จริงแล้วเธอถูกความริษยาแผดเผาจากความงดงามของพี่สาว Shirley ที่เติบโตขึ้นมาแบบนั้น ถึงแม้ตัวเธอเองก็งดงามเช่นกัน แต่ผิวก็ซีดเผือดเมื่อเทียบกับของ Shirley ถึงแม้จะเกิดมาจากท้องแม่เดียวกัน Alice ก็เป็นคนที่คอยหาโอกาสรังแกเธอ
“อ๊ะ โทษทีนะ ‘ท่านพี่’ ดูเหมือนจะทำอาหารของเธอหกไปนะ”
วันแล้ววันเล่า ความรุนแรงและร้ายกาจของ Alice ก็ได้ซึมซับเข้าตัวเธอจนกลายเป็นคนฮึกเหิมขณะที่ Shirley โตมาอย่างงดงาม เธอยังคงกระทำเรื่องจิ๊บๆเหมือนเดิมอย่างเช่นบังคับให้ Shirley กินของที่ตกพื้นหลังจากที่เธอ ‘เผลอ’ ทำอาหารตกใส่หรือไม่ก็ทำร้ายเธอด้วยดาบไม้ภายใต้การขอโทษที่ ‘กำลังฝึกดาบ’ ด้วยแบบนั้นเองมันจึงมากเกินกว่าที่จะเป็นการกลั่นแกล้งได้
นิยามของคำว่าการปองร้ายโดยการลงโทษอย่างโหดร้ายกับคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่มีโอกาสมาแก้ตัว ได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกที
น้องสาวที่ได้รับความรักจากครอบครัวที่มีให้ และสาปแช่งเด็กที่มีสิ่งที่น่าเกลียดชังติดตัวราวกับเป็นสิ่งชั่วร้าย ดวงตาที่แปลกกับผมขาวนั้นถือว่าเป็นสิ่งอัปมงคล และ Alice ก็จะตัดสินทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
—
Shirley เริ่มรู้สึกท้อแท้ในชีวิตขณะที่มีอายุย่างเข้าสู่วัยสิบเอ็ดขวบ
วันหนึ่ง ขณะที่ Shirley นั่งกุมเข่าอย่างเงียบๆในมุมของสวนโดยหวังว่าจะหายไป เธอก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมา
“นี่เธอ มาทำอะไรในที่แบบนี้?”
มกุฎราชกุมาร Albert Ragdoll เป็นชื่อของเด็กชายคนนี้
และมีอายุสิบเอ็ดปีเท่ากับ Shirley ด้วย ตอนที่เขาไปเยี่ยมดยุคกับพ่อที่เป็นจักรพรรดิ และขณะที่เขาได้สำรวจคฤหาสน์ก็ได้ไปพบเธอเข้าพอดี
ชายคนนี้ถึงกับหยุดชะงักไปกับความงดงามของเธอในขณะที่เงยหน้าขึ้นมามองดูเขา และเมื่อรู้เหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังการเปรอะเปื้อนของเธอ ที่เธอต้องมาถูกกีดกันจากครอบครัวตัวเองเพียงเพราะสีผมและดวงตา เขายื่นไปจับมือ Shirley แล้วพากันวิ่งไปหาจักรพรรดิ
“ท่านพ่อ! ผมตัดสินใจว่าจะเอา Shirley มาเป็นคู่หมั้น!”
ดังนั้น เมื่อรักแรกได้เข้ามาโดยที่ไม่ได้นัดหมายเอาไว้ สิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจต่อขุนนาง แต่จักรพรรดิก็มองพวกเขาอย่างสนับสนุน ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัตินั้น จักรพรรดิเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของพวกชนชั้นสูงที่มีอำนาจ เมื่อผู้กล้าที่มีผมขาวเข้ามาบุกยึดประเทศ เขาก็แต่งตั้งจักรพรรดิขึ้นมามีอำนาจอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่คุ้นกับมารยาทสังคมและไม่ได้รับการศึกษาที่น่าจะเป็นปัญหาของเธอ Shirley ก็ตั้งใจฝึกอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อที่จะเข้ากับเจ้านายให้ได้และได้พบว่าเป็นคนแรกที่แสดงความรักและความเมตตาต่อเธอตั้งแต่วันที่เธอเกิดมา
ตลอดแปดปีนี้… เธอมีความสุข
ขณะที่คู่หมั้นเป็นถึงมกุฎราชกุมาร เธอก็ยังได้รับความทุกข์จากการถูกกลั่นแกล้งจากครอบครัวโดยเฉพาะน้องสาวของเธอ Shirley ก็โตพอที่จะเป็นสุภาพสตรีที่เฉลียวฉลาดและมีความงดงามที่ไม่ค่อยจะเป็นที่ยอมรับของคนอื่นด้วย
เธอเองก็ยังเข้าใจถึง ‘ความเจ็บปวด’ ดีกว่าใครในตระกูล ขณะที่เธอได้ผ่าน ‘ความเจ็บปวด’ เช่นนี้มาตลอดชีวิตก่อนที่จะมายังที่เมืองหลวง ความมีน้ำใจอันงดงามโดยธรรมชาติของเธอและได้รับการยกย่องและความนับถือจากเหล่าสามัญชนและคนรับใช้ในปราสาทได้ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น และได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิและจักรพรรดินีไปโดยปริยาย ความสัมพันธ์ระหว่าง Albert ก็ยังคงเป็นไปอย่างแนบแน่น และเมื่อพวกเขาได้เสียกันในคืนก่อนที่จะเข้าพิธีสมรส เธอก็รู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าที่เคยมี
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวความสุขแบบซินเดอเรล์ลาก็ต้องมาขาดสะบั้นภายใต้การปองร้ายอย่างทารุณ
หลังจากผ่านมาแปดปี ความอิจฉาของ Alice ก็พุ่งถึงขีดสุด พี่สาวที่งดงามเช่นนั้น ทำให้เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว
พี่สาวที่ตัวเองมองว่าต่ำต้อยมาโดยตลอด กลับได้มาเข้าสมาคมกับคนชนชั้นสูงด้วยหรือ?
และที่แย่ที่สุด เธอเป็นพี่สาวที่เต็มไปด้วยความเลวทรามและฉลาดแกมโกงที่ไปแย่ง Albert มาจากเธอ แม้ว่าเธอจะรักเขาก่อนก็ตาม
“ฉันมาที่นี่เพื่อยกเลิกการหมั้นหมายกับ Shirley Earlgrey และขอประกาศคู่หมั้นคนใหม่ของฉันให้กับ Alice Earlgrey!”
ในช่วงเวลาต่างๆมากมายนั้น Albert กับ Shirley ต่างก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า Shirley จะไม่ได้รู้สึกกังวลใดๆที่ไม่ได้อยู่ข้างกาย Albert ได้ตลอด ขณะที่พวกเขาได้เริ่มหมั้นหมายอย่างเป็นทางการและเธอคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังดีอยู่ แสดงว่าอุบายของ Alice ก็ได้ประสบความสำเร็จไปถึงราก
“วันนั้นเมื่อแปดปีก่อน เธอแกล้งทำเป็นเสแสร้งและพยายามจะมาหลอกฉัน! และไม่เพียงแต่เธอจะดูไม่จริงใจกับฉันด้วยการไปคบกับผู้ชายอีกนับไม่ถ้วน แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ละอายที่เอาแต่ทำร้าย Alice ตั้งแต่วันที่เธอเกิดมา และกล่าวหาความผิดใส่หล่อนที่ทำแบบนั้นทำเธอด้วย!”
ขณะที่เธอถูกรั้งตัวจากทหารอัศวินของ Albert และคนสนิท เธอก็ไม่เข้าใจเลยว่า Albert นั้นพูดอะไรออกมา ขณะที่เธอมองเขาอยู่นั้น เธอก็เห็น Alice เกาะแขนข้างหนึ่งของเขาอย่างแนบแน่นด้วย
“ฉัน… ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย ท่าน Albert คะ…? สิ่งที่คุณพูด ฉันไม่เห็นจำได้เลยว่า-”
“อย่ามาเรียกชื่อฉัน! ที่จริง ตลอดมาที่ฉันคิดถึงความรักนั่น ฉันนึกถึงเรื่องที่เราร่วมกันมามันทำให้ฉันรู้สึกแย่สิ้นดีเลย!”
ชายที่เธอรักมากที่สุดในโลกได้ตวาดคำพูดเช่นนั้นจากก้นบึงหัวใจออกมา
“ถ้าเธอยังยืนกรานในความบริสุทธิ์จอมปลอมนั่นล่ะก็ ดี! ฉันจะบอกรายละเอียดถึงความผิดของเธอทั้งหมด!”
ความผิดที่ทำร้าย Alice ตั้งแต่อายุยังน้อย
ความผิดที่แอบสมสู่กับผู้ชายอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
ความผิดที่เปิดโปงความลับภายในไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
ความผิดที่โกงกินและยักยอกงบประมาณแผ่นดิน
ไม่มีหลักฐานของการกล่าวหาใดๆ เป็นการอ้างร้องเรียนทั้งเพ
“ด้วยแบบนั้น… มันทำให้จิตใจฉันเศร้าหมองไปเลยนะ ท่านพี่แม้ว่าจะมีเรื่องที่โชคไม่ดีเกิดขึ้นตอนที่เรายังเด็ก ฉันหวังว่าวันหนึ่งเราจะอยู่ในฐานะน้องสาวที่แท้จริงนะ”
Albert รู้สึกเห็นอกเห็นใจกับ Alice อย่างแท้จริง ด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาจากใบหน้า สิ่งเดียวเท่านั้นเมื่อ Albert กอดเธอขณะที่แสดงให้เห็นถึงชัยชนะเหนือ Shirley และใบหน้าอันน่ารังเกียจ เป็นสิ่งที่เธอเห็นเพียงแค่เหลือบมอง
“ถึงจะมีความอ่อนโยนกับผู้หญิงชั้นสูงอย่าง Alice ในฐานะน้องสาวก็ตาม…! อย่างเธอน่ะไม่สมควรที่จะได้เป็นราชินีหรอก! Alice นะใจดียิ่งกว่าคนใด และเป็นคนที่เป็นเนื้อคู่อย่างแท้จริง!”
คู่หมั้นของ Shirley กอดน้องสาวของเธอด้วยความหลงใหล Alice มองสายตาดูถูกใส่เธอด้วยความรู้สึกดีใจสุดตัวจนน้ำตาไหลนองอาบแก้ม ตลอดแปดปีนี้ Alice ได้ปิดบังความขุ่นแค้นจนกระทั่งมาเบ่งบานในฉากนี้
Shirley ไม่เข้าใจว่ามันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่า Albert ถูกแย่งโดย Alice หรือ เธอยังเหลือความเชื่อใจต่อพวกนั้นที่ดูท่าจะต่อต้านเธออย่างสุดๆ
“นอกจากนี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันไม่อาจที่จะยืนอยู่ข้างกายเธอได้อีกต่อไป! ถึงมันจะสายไปแล้ว เธอก็ยังไปฝึกฝนทักษะทั้งดาบ อักษร และเวทมนตร์จนอยู่เหนือกว่าคนอื่นอีก! แล้วคนเค้าจะคิดว่าฉันจะไปอยู่กับผู้หญิงแบบนั้นนะหรือ!? ทำเอานอนไม่หลับทั้งคืนเลย!”
คำพูดเหล่านั้นได้ฉีกหัวใจของ Shirley ออกเป็นเสี่ยงๆ ความพยายามทั้งหมดที่เธอทำเพื่อคอยสนับสนุนเจ้าชายของเธอ โดยหวังว่าวันหนึ่งจะได้อยู่เคียงข้างเขาแล้วคอยรับใช้เขาตอนที่เขาได้เป็นจักรพรรดิ… ในที่สุดน้ำตาของเธอก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาต่างสีออกมา
“น-นั่นมัน… ต้องเป็นเรื่องที่ผิดพลาดแน่ๆ…! ขอร้องล่ะ ช่วยดูเหตุผลและมองเห็นความอีกครั้งเถอะ…! ได้โปรด…! ได้โปรด… เชื่อฉันเถอะ…! ท่าน Albert…!”
“หุบปาก! ฉันไม่อยากได้ยินคำพูดพ่นพิษออกมาแล้ว! ทหาร! เอาตัวยัยนี่ไปขังคุกซะ!!”
ขณะที่การทักท้วงของเธอถูกกลืนไปด้วยเสียงดูถูกและเยาะเย้ยของคนที่เธอเห็นว่าเป็นเพื่อนและพันธมิตรในห้องนี้ เธอถูกฉุดกระชากลากถูโดยทหารอัศวิน ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอ้อนวอนคนที่ลากเธอไปซึ่งไม่ฟังเสียงใดๆ แล้วชุดหรูหราที่เธอสวมใส่ก็ถูกสับเปลี่ยนเป็นชุดนักโทษ Shirley ถูกคุมขังไปเรียบร้อยแล้ว
คำพูดแรกของแม่คนใหม่เต็มไปด้วยความรังเกียจ สีหน้าของหล่อนบิดเบี้ยวราวกับจะเห็นสัตว์ประหลาดที่แสนขยะแขยงออกมา
จากผู้กล้าที่ฟันดาบศักดิ์สิทธิ์ใส่มังกรที่ปกครองทั้งผืนทวีปด้วยความหวาดกลัว จากอัจฉริยะหาตัวจับยากที่สร้างเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลักแหลมที่จัดการกับแวมไพร์ที่ควบคุมถนนในยามค่ำคืน เรื่องเล่าและตำนานหลายๆอย่างได้เกิดขึ้นในโลกนี้ แต่กับเหล่าขุนนางชนชั้นสูงแห่งจักรวรรดินั้นไม่มีอะไรนอกจากเรื่องเลวร้ายของตำนานของปีศาจผมขาว
สามร้อยปีก่อน เกิดเหตุการณ์ปฏิวัตินองเลือดอย่างโหดร้ายต่อชนชั้นสูงไปทั่วดินแดน และก็ยึดประเทศไปถึงสองในสาม ตัวผู้นำมีสิ่งที่ดูน่าหวาดกลัวมาก นั่นคือผมขาวราวกับหิมะและดวงตาที่มีคนละสี
ผู้กล้าจากบ้านนอกต้องถูกบังคับให้เข้าร่วมกองกำลังอัศวินโดยมีเงื่อนไขที่โหดร้าย ปีศาจผมขาวจึงได้ใช้กำลังริบเอาแผ่นดินของเหล่าขุนนางและสิทธิพิเศษไปด้วย
ถึงแม้ว่าพวกขุนนางอาจจะรอดจากการก่อจลาจล พวกนั้นก็ไม่มีวันลืมความอัปยศในความพ่ายแพ้นี้ได้ ณ ตอนนี้ใครก็ตามที่มีผมสีขาวหรือดวงตาสองสีจะถือว่าเป็นอสรพิษในตระกูล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเก่งกล้าความสามารถแค่ไหนก็ตาม
และมันก็เกิดขึ้นกับตระกูลที่ใหญที่สุดในจักรวรรดิ ในครอบครัวของ Earlgrey เมื่อเด็กได้เกิดมาโดยที่มีตาสีแดงและสีน้ำเงินกับผมสีขาวที่มีชื่อว่า Shirley Earlgrey สิ่งที่ได้รับไม่มีเลยนอกจากความเกลียดชังที่ทำให้ Shirley กลายเป็นเด็กต้องสาปมาตั้งแต่เริ่ม ถูกดูแลราวกับอสรพิษแม้ว่าสถานะทางสังคมจะอยู่ในชนชั้นสูงก็ตาม
แม้แต่ผู้ดีที่อยู่สถานะต่ำกว่าเธอก็ยังดูถูกและเหยียดหยาม Shirley เลย นานมาแล้วเหล่าขุนนางได้ทอดทิ้งเด็กที่อ่อนแอ น่าเกลียดหรือไม่ตรงตามที่พวกเขาได้คาดหวังไว้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการก่อการปฏิวัติ เหล่าชั้นสูงจึงได้รับการปฏิบัติเดียวกับกฎที่ใช้กับสามัญชน
แต่สำหรับ Shirley แล้ว บางทีน่าจะถูกตัดขาดจากตระกูลที่มีคำภาวนาในความจอมปลอมก็เป็นได้
เธอไม่เคยถูกเรียกด้วยชื่อเลย มีแต่ถูกเรียกว่ายัยปีศาจผมขาวหรือไม่ก็สัตว์ประหลาด ตัวเธอไม่มีสิทธิพิเศษใดๆเหมือนกับผู้หญิงชนชั้นสูงคนอื่นๆ เธอสวมแต่ชุดเก่าที่ขาดวิ่นและก็ได้กินแต่เศษอาหารโดยอยู่ห่างจากโต๊ะอาหารของครอบครัว ถ้าเธอทำผิด เธอก็จะถูกเฆี่ยนตีอย่างโหดร้าย ถ้าเธอมองตาไปที่ใครด้วยอารมณ์ไม่ดี เธอก็จะโดนดูหมิ่นหรือไม่ก็เตะทิ้งไปเลย เหล่าสมาชิกของตระกูลที่น่าจะเป็นขุนนางได้กระทำต่อ Shirley ราวกับเป็นสัตว์เดรัจฉาน และเหล่าคนรับใช้ก็ไม่มีใครที่จะเข้ามาคอยขัดขวางการกระทำนี้เลย
ถึงแม้เธอจะโตขึ้นมาในสภาพเช่นนั้น ทุกวันเธอก็เริ่มที่จะงดงามมากยิ่งขึ้นราวกับมันจะตรงข้ามกับความโหดร้ายทารุณที่เธอได้รับ
ผมขาวของเธอเปล่งประกายดั่งหิมะ และดวงตาสีแดงกับสีน้ำเงินก็แวววาวราวกับอัญมณี บางทีเพราะความตกอับที่เธอกำลังจะเผชิญในภายหน้า ความสวยงามจึงเหมือนเพียงแค่หลุมดวงจันทร์ สิ่งที่น่าประหลาดใจแบบนั้นดูเหมือนมันจะถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ ตรงจุดที่สัมผัสน้อยที่สุด
Alice คนที่สบประมาทรูปลักษณ์ของเธอเป็นที่สุด ที่จริงแล้วเธอถูกความริษยาแผดเผาจากความงดงามของพี่สาว Shirley ที่เติบโตขึ้นมาแบบนั้น ถึงแม้ตัวเธอเองก็งดงามเช่นกัน แต่ผิวก็ซีดเผือดเมื่อเทียบกับของ Shirley ถึงแม้จะเกิดมาจากท้องแม่เดียวกัน Alice ก็เป็นคนที่คอยหาโอกาสรังแกเธอ
“อ๊ะ โทษทีนะ ‘ท่านพี่’ ดูเหมือนจะทำอาหารของเธอหกไปนะ”
วันแล้ววันเล่า ความรุนแรงและร้ายกาจของ Alice ก็ได้ซึมซับเข้าตัวเธอจนกลายเป็นคนฮึกเหิมขณะที่ Shirley โตมาอย่างงดงาม เธอยังคงกระทำเรื่องจิ๊บๆเหมือนเดิมอย่างเช่นบังคับให้ Shirley กินของที่ตกพื้นหลังจากที่เธอ ‘เผลอ’ ทำอาหารตกใส่หรือไม่ก็ทำร้ายเธอด้วยดาบไม้ภายใต้การขอโทษที่ ‘กำลังฝึกดาบ’ ด้วยแบบนั้นเองมันจึงมากเกินกว่าที่จะเป็นการกลั่นแกล้งได้
นิยามของคำว่าการปองร้ายโดยการลงโทษอย่างโหดร้ายกับคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่มีโอกาสมาแก้ตัว ได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกที
น้องสาวที่ได้รับความรักจากครอบครัวที่มีให้ และสาปแช่งเด็กที่มีสิ่งที่น่าเกลียดชังติดตัวราวกับเป็นสิ่งชั่วร้าย ดวงตาที่แปลกกับผมขาวนั้นถือว่าเป็นสิ่งอัปมงคล และ Alice ก็จะตัดสินทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
—
Shirley เริ่มรู้สึกท้อแท้ในชีวิตขณะที่มีอายุย่างเข้าสู่วัยสิบเอ็ดขวบ
วันหนึ่ง ขณะที่ Shirley นั่งกุมเข่าอย่างเงียบๆในมุมของสวนโดยหวังว่าจะหายไป เธอก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมา
“นี่เธอ มาทำอะไรในที่แบบนี้?”
มกุฎราชกุมาร Albert Ragdoll เป็นชื่อของเด็กชายคนนี้
และมีอายุสิบเอ็ดปีเท่ากับ Shirley ด้วย ตอนที่เขาไปเยี่ยมดยุคกับพ่อที่เป็นจักรพรรดิ และขณะที่เขาได้สำรวจคฤหาสน์ก็ได้ไปพบเธอเข้าพอดี
ชายคนนี้ถึงกับหยุดชะงักไปกับความงดงามของเธอในขณะที่เงยหน้าขึ้นมามองดูเขา และเมื่อรู้เหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังการเปรอะเปื้อนของเธอ ที่เธอต้องมาถูกกีดกันจากครอบครัวตัวเองเพียงเพราะสีผมและดวงตา เขายื่นไปจับมือ Shirley แล้วพากันวิ่งไปหาจักรพรรดิ
“ท่านพ่อ! ผมตัดสินใจว่าจะเอา Shirley มาเป็นคู่หมั้น!”
ดังนั้น เมื่อรักแรกได้เข้ามาโดยที่ไม่ได้นัดหมายเอาไว้ สิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจต่อขุนนาง แต่จักรพรรดิก็มองพวกเขาอย่างสนับสนุน ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัตินั้น จักรพรรดิเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของพวกชนชั้นสูงที่มีอำนาจ เมื่อผู้กล้าที่มีผมขาวเข้ามาบุกยึดประเทศ เขาก็แต่งตั้งจักรพรรดิขึ้นมามีอำนาจอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่คุ้นกับมารยาทสังคมและไม่ได้รับการศึกษาที่น่าจะเป็นปัญหาของเธอ Shirley ก็ตั้งใจฝึกอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อที่จะเข้ากับเจ้านายให้ได้และได้พบว่าเป็นคนแรกที่แสดงความรักและความเมตตาต่อเธอตั้งแต่วันที่เธอเกิดมา
ตลอดแปดปีนี้… เธอมีความสุข
ขณะที่คู่หมั้นเป็นถึงมกุฎราชกุมาร เธอก็ยังได้รับความทุกข์จากการถูกกลั่นแกล้งจากครอบครัวโดยเฉพาะน้องสาวของเธอ Shirley ก็โตพอที่จะเป็นสุภาพสตรีที่เฉลียวฉลาดและมีความงดงามที่ไม่ค่อยจะเป็นที่ยอมรับของคนอื่นด้วย
เธอเองก็ยังเข้าใจถึง ‘ความเจ็บปวด’ ดีกว่าใครในตระกูล ขณะที่เธอได้ผ่าน ‘ความเจ็บปวด’ เช่นนี้มาตลอดชีวิตก่อนที่จะมายังที่เมืองหลวง ความมีน้ำใจอันงดงามโดยธรรมชาติของเธอและได้รับการยกย่องและความนับถือจากเหล่าสามัญชนและคนรับใช้ในปราสาทได้ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น และได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิและจักรพรรดินีไปโดยปริยาย ความสัมพันธ์ระหว่าง Albert ก็ยังคงเป็นไปอย่างแนบแน่น และเมื่อพวกเขาได้เสียกันในคืนก่อนที่จะเข้าพิธีสมรส เธอก็รู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าที่เคยมี
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวความสุขแบบซินเดอเรล์ลาก็ต้องมาขาดสะบั้นภายใต้การปองร้ายอย่างทารุณ
หลังจากผ่านมาแปดปี ความอิจฉาของ Alice ก็พุ่งถึงขีดสุด พี่สาวที่งดงามเช่นนั้น ทำให้เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว
พี่สาวที่ตัวเองมองว่าต่ำต้อยมาโดยตลอด กลับได้มาเข้าสมาคมกับคนชนชั้นสูงด้วยหรือ?
และที่แย่ที่สุด เธอเป็นพี่สาวที่เต็มไปด้วยความเลวทรามและฉลาดแกมโกงที่ไปแย่ง Albert มาจากเธอ แม้ว่าเธอจะรักเขาก่อนก็ตาม
“ฉันมาที่นี่เพื่อยกเลิกการหมั้นหมายกับ Shirley Earlgrey และขอประกาศคู่หมั้นคนใหม่ของฉันให้กับ Alice Earlgrey!”
ในช่วงเวลาต่างๆมากมายนั้น Albert กับ Shirley ต่างก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า Shirley จะไม่ได้รู้สึกกังวลใดๆที่ไม่ได้อยู่ข้างกาย Albert ได้ตลอด ขณะที่พวกเขาได้เริ่มหมั้นหมายอย่างเป็นทางการและเธอคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังดีอยู่ แสดงว่าอุบายของ Alice ก็ได้ประสบความสำเร็จไปถึงราก
“วันนั้นเมื่อแปดปีก่อน เธอแกล้งทำเป็นเสแสร้งและพยายามจะมาหลอกฉัน! และไม่เพียงแต่เธอจะดูไม่จริงใจกับฉันด้วยการไปคบกับผู้ชายอีกนับไม่ถ้วน แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ละอายที่เอาแต่ทำร้าย Alice ตั้งแต่วันที่เธอเกิดมา และกล่าวหาความผิดใส่หล่อนที่ทำแบบนั้นทำเธอด้วย!”
ขณะที่เธอถูกรั้งตัวจากทหารอัศวินของ Albert และคนสนิท เธอก็ไม่เข้าใจเลยว่า Albert นั้นพูดอะไรออกมา ขณะที่เธอมองเขาอยู่นั้น เธอก็เห็น Alice เกาะแขนข้างหนึ่งของเขาอย่างแนบแน่นด้วย
“ฉัน… ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย ท่าน Albert คะ…? สิ่งที่คุณพูด ฉันไม่เห็นจำได้เลยว่า-”
“อย่ามาเรียกชื่อฉัน! ที่จริง ตลอดมาที่ฉันคิดถึงความรักนั่น ฉันนึกถึงเรื่องที่เราร่วมกันมามันทำให้ฉันรู้สึกแย่สิ้นดีเลย!”
ชายที่เธอรักมากที่สุดในโลกได้ตวาดคำพูดเช่นนั้นจากก้นบึงหัวใจออกมา
“ถ้าเธอยังยืนกรานในความบริสุทธิ์จอมปลอมนั่นล่ะก็ ดี! ฉันจะบอกรายละเอียดถึงความผิดของเธอทั้งหมด!”
ความผิดที่ทำร้าย Alice ตั้งแต่อายุยังน้อย
ความผิดที่แอบสมสู่กับผู้ชายอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
ความผิดที่เปิดโปงความลับภายในไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
ความผิดที่โกงกินและยักยอกงบประมาณแผ่นดิน
ไม่มีหลักฐานของการกล่าวหาใดๆ เป็นการอ้างร้องเรียนทั้งเพ
“ด้วยแบบนั้น… มันทำให้จิตใจฉันเศร้าหมองไปเลยนะ ท่านพี่แม้ว่าจะมีเรื่องที่โชคไม่ดีเกิดขึ้นตอนที่เรายังเด็ก ฉันหวังว่าวันหนึ่งเราจะอยู่ในฐานะน้องสาวที่แท้จริงนะ”
Albert รู้สึกเห็นอกเห็นใจกับ Alice อย่างแท้จริง ด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาจากใบหน้า สิ่งเดียวเท่านั้นเมื่อ Albert กอดเธอขณะที่แสดงให้เห็นถึงชัยชนะเหนือ Shirley และใบหน้าอันน่ารังเกียจ เป็นสิ่งที่เธอเห็นเพียงแค่เหลือบมอง
“ถึงจะมีความอ่อนโยนกับผู้หญิงชั้นสูงอย่าง Alice ในฐานะน้องสาวก็ตาม…! อย่างเธอน่ะไม่สมควรที่จะได้เป็นราชินีหรอก! Alice นะใจดียิ่งกว่าคนใด และเป็นคนที่เป็นเนื้อคู่อย่างแท้จริง!”
คู่หมั้นของ Shirley กอดน้องสาวของเธอด้วยความหลงใหล Alice มองสายตาดูถูกใส่เธอด้วยความรู้สึกดีใจสุดตัวจนน้ำตาไหลนองอาบแก้ม ตลอดแปดปีนี้ Alice ได้ปิดบังความขุ่นแค้นจนกระทั่งมาเบ่งบานในฉากนี้
Shirley ไม่เข้าใจว่ามันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่า Albert ถูกแย่งโดย Alice หรือ เธอยังเหลือความเชื่อใจต่อพวกนั้นที่ดูท่าจะต่อต้านเธออย่างสุดๆ
“นอกจากนี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันไม่อาจที่จะยืนอยู่ข้างกายเธอได้อีกต่อไป! ถึงมันจะสายไปแล้ว เธอก็ยังไปฝึกฝนทักษะทั้งดาบ อักษร และเวทมนตร์จนอยู่เหนือกว่าคนอื่นอีก! แล้วคนเค้าจะคิดว่าฉันจะไปอยู่กับผู้หญิงแบบนั้นนะหรือ!? ทำเอานอนไม่หลับทั้งคืนเลย!”
คำพูดเหล่านั้นได้ฉีกหัวใจของ Shirley ออกเป็นเสี่ยงๆ ความพยายามทั้งหมดที่เธอทำเพื่อคอยสนับสนุนเจ้าชายของเธอ โดยหวังว่าวันหนึ่งจะได้อยู่เคียงข้างเขาแล้วคอยรับใช้เขาตอนที่เขาได้เป็นจักรพรรดิ… ในที่สุดน้ำตาของเธอก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาต่างสีออกมา
“น-นั่นมัน… ต้องเป็นเรื่องที่ผิดพลาดแน่ๆ…! ขอร้องล่ะ ช่วยดูเหตุผลและมองเห็นความอีกครั้งเถอะ…! ได้โปรด…! ได้โปรด… เชื่อฉันเถอะ…! ท่าน Albert…!”
“หุบปาก! ฉันไม่อยากได้ยินคำพูดพ่นพิษออกมาแล้ว! ทหาร! เอาตัวยัยนี่ไปขังคุกซะ!!”
ขณะที่การทักท้วงของเธอถูกกลืนไปด้วยเสียงดูถูกและเยาะเย้ยของคนที่เธอเห็นว่าเป็นเพื่อนและพันธมิตรในห้องนี้ เธอถูกฉุดกระชากลากถูโดยทหารอัศวิน ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอ้อนวอนคนที่ลากเธอไปซึ่งไม่ฟังเสียงใดๆ แล้วชุดหรูหราที่เธอสวมใส่ก็ถูกสับเปลี่ยนเป็นชุดนักโทษ Shirley ถูกคุมขังไปเรียบร้อยแล้ว
—
“เหะๆๆ เอาล่ะ เรื่องเกี่ยวกับการเอาความลับไปขายเนี่ย… ขอดูความซื่อสัตย์สักหน่อย นี่แน่ะ!”
เพี๊ยะ!
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
หัวหน้านักทรมานฟาดแส้ไปอย่างเต็มแรง แล้วก็ทิ้งรอยแผลลึกยาวๆบนผิวที่เนียนขาว
Shirley ร้องออกมาอย่างทรมาน ไม่ว่าเธอจะทรมานก่อนหน้านั้นแค่ไหนก็ตาม เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย
“โห! เสียงร้องนี่ช่างไพเราะอะไรอย่างนี้! ขอฟังอีกสักหน่อยเหอะ!”
หมอนี่ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมแล้วก็ฟาดแส้ลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง
เพื่อที่จะสั่งให้สารภาพความผิดออกมาจาก Shirley มันก็พอยังมีความลังเลที่จะทำการทรมานอยู่บ้าง
ณ เวลานี้ กฎหมายในจักรวรรดิได้สั่งการนำตัวจำเลยออกมาเค้นความจริงว่าจะมีหลักฐานหรือคำสารภาพออกมา ถ้าเธอไม่อาจทำให้ Shirley ยอมรับในความผิดด้วยตัวเองแล้ว Alice ก็จะใช้ความรุนแรงกว่านี้มาบังคับจนกว่าจะถึงสิ้นสุด
(ใช่แล้ว… นี่คือความเข้าใจผิด… ฉันมั่นใจว่าสักวันจะต้องได้รับการแก้ไขแน่นอน!)
ถึงจะถูกน้องสาวกดขี่ ถูกหักหลังโดยคู่หมั้นและท่ามกลางความสยองขวัญเช่นนี้ Shirley ยังไม่ยอมทิ้งความหวังไป
เมื่อ Albert ที่ได้รู้ความจริง พวกนั้นจะต้องกลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็นก่อนหน้านั้น โดยพื้นฐานแล้วเธอน่าจะสิ้นหวังที่จะขัดขืนการทรมานนี้ โดยนึกย้อนในความทรงจำที่เคยมีความสุขกับ Albert มาบรรเทา
อย่างไรก็ตาม ความหวังริบหรี่ของสาววัยสิบเก้าปีนั้นก็ได้ถูกพรากไปอย่างโหดร้าย
สิ่งที่ตามมาคือแส้ที่ดูท่าจะสวยงาม
เล็บที่ถูกคีมดึงกระชากออกมาก็ดี ถูกเผาอยู่บนไม้สามเหลี่ยมก็ดี ความโหดร้ายเช่นนี้อาจทำให้แม้แต่นักรบที่กล้าหาญยังร้องออกมาอย่างคุ้มคลั่งเลย สติที่เธอเหลืออยู่ก็ริบหรี่จนสลบไปจนแทบไม่เหลืออะไรอีก
เธอกลายเป็นเพียงแค่เงาของตัวตนในอดีต ไม่เหลือความงามจนทำให้เกิดความริษยาอีกต่อไป ผิวก็เต็มไปด้วยรอยยาวที่หยาบกระด้าง แขนขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่อาจจะรักษาได้อีก ผมขาวที่สวยงามก็แห้งหดจนกลายเป็นสีเทาเหมือนยายแก่ๆ Shirley ไม่เหลือความงามใดๆในสายตาที่ไม่มีใครทนมองได้
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งเดือน ความหวังที่จะทำให้ Albert นั้นกลับมารู้สึกตัวและปล่อยเธอออกมาก็มอดไหม้ไปด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่าคนที่เธอเคยรักมากกว่าคนที่เธอรู้สึกกับเขา
“อาาา… อา… ฮ่าาาาาา….!!!”
เสียงที่แทบจะไม่เหลือถูกปล่อยออกมาจากคอที่ถูกบีบ
(ฉันจะไม่ให้อภัยพวกนั้น…! คนๆนั้น… ไม่มีวัน…!!)
สายตาอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่งเต็มเติมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความรักและเมตตาได้ถูกแทนที่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความกระหายในการฆ่า
ต่อให้เธอขายวิญญาณให้กับปีศาจหรือถูกลากลงไปยังนรก เธอก็จะลากพวกนั้นที่ทำกับเธออย่างโหดร้ายลงมาพร้อมกับตัวเธอด้วย
(อดีตพ่อ แม่ และก็พี่ชายน้องชาย…)
คนพวกนั้นทำให้เธอใช้ชีวิตเยี่ยงนรกมาตั้งแต่วันที่เธอเกิด
(และก็พวกคนที่ฉันคิดว่าน่าจะแบ่งปันความผูกพันธ์ให้…)
ทั้งถูกหลอกลวงหรือขู่เข็ญ เธอก็ยังแช่งพวกที่เธออยู่ข้างตัวในเวลาที่ต้องการ
(น้องสาวที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน…)
Alice ที่สามารถแย่งแม้กระทั่งสิ่งที่มีความสุขที่สุดจากเธอไป
(และเหนือที่สุด… ไอ้คนที่หักหลังฉัน…!)
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ Albert เป็นคู่หมั้น Shirley แต่เขาก็ได้หันไปหมั้นกับ Alice อย่างรักใคร่
นี่เขาเชื่อในเรื่องก่อกบฏนี้จริงๆหรือ เขาเชื่อว่าเธอเข้าไปแทรกแซงความสัมพันธ์ของเขากับ Alice หรือ? มันไม่ใช่อย่างนั้นแน่
หากแต่ Alice นั่นแหละที่เป็นคนหลอกลวงเขา ความจริงของชายที่เชื่อในข้อกล่าวหาที่ไร้น้ำหนักใส่ผู้หญิงที่เขารู้ว่ารักเขาถึงก้นบึงหัวใจมากยิ่งกว่าใคร… ทำให้เขาเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด
(ฉันจะต้องแก้แค้น…! ต่อให้ต้องตกไปในนรก ฉันก็จะเอาค้อนไปทุบกะโหลกมัน…!)
ต่อให้เธอเหลือแรงมากแค่ไหนก็ตาม ความฝันที่จะแก้แค้นยังคงไม่เป็นผล หาก Shirley ยังอยู่ในสภาวะเน่าในห้องทรมานนี้
บางทีอาจจะมีเทพบางองค์หรือไม่ก็ปีศาจที่ได้ฟัง Shirley แล้วก็รับเอาวิญญาณมาก็ได้ เพราะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเธอ
“น-นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ…!?”
คนที่รู้ตัวก่อนก็คือหัวหน้านักทรมาน
หมอนี่เริ่มเหนื่อยที่ต้องมาดูแล Shirley ขณะที่ทำการทรมานเธอถึงกับร้องออกมา ทว่าขณะที่หมอนี่เปิดประตูห้องของเธอนั้น มันก็ถึงกับช็อคกับความงดงามของ Shirley ที่ดูเหมือนกับเธอยังไม่ได้ถูกทรมานเลยแม้แต่น้อย
ผิวของเธอกลับมาเรียบเนียน ผมที่แห้งกระด้างนั้นก็กลับมานุ่มสลวยยิ่งกว่าเดิมและเล็บยี่สิบชิ้นที่หมอนั่นดึงออกไปก็งอกกลับมา
สภาพที่ถูกกระทำให้ขี้เหร่ไปถึงกระดูกที่เสร็จเมื่อวานก็ถูกทดแทนด้วยเช่นกัน มันถึงกับถอยผละออกไป
“น-นี่มันเป็นไปไม่ได้! ข้าต้องรายงานเรื่องนี้แล้ว…!”
หมอนั่นอึ้งกับสิ่งที่เห็นแล้วก็รีบไปรายงานข้อมูลให้กับนายใหญ่… ประตูนั้นยังเปิดแง้มเอาไว้
“…อาา แย่ชะมัด ถ้าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ ฉันกะจะเอามาแทงที่คอแล้วล่ะ…”
Shirley ลุกขึ้นแล้วทิ้งก้อนหินคมๆขณะที่ซ่อนตัวอยู่
คนที่รู้จักเธอมาก่อนคงจะตัวสั่นและวิ่งหนีออกจากห้องไป จนทำให้พลาดโอกาสที่จะฆ่าจนได้
“ร่างกายนี้… ก็เคยได้ยินว่ามันเป็นตำนานนี่นา แต่กลับมาเกิดขึ้นกับฉันได้… แต่มันก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในห้องขังได้ในสถานการณ์ปกติที่จะต้องรอบคอบและปิดประตูไว้ แต่ตอนนี้พวกลูกน้องไม่ได้ล็อกประตูเอาไว้ เธอจึงมุ่งมั่นออกไปปั่นป่วนปราสาทนี้
แต่ Shirley ก็นึกอะไรออกมาอย่างรวดเร็ว เธอจะออกจากปราสาทไปวางแผนการก่อนแล้วค่อยกลับมาทีหลัง
“เอาล่ะ ถึงเวลาไปแล้ว …ตรงนั้นมีคนที่ฉันรักได้เห็นอยู่”
พอก้าวออกจากห้องขังได้ เธอก็จัดการขโมยเสื้อผ้ายามแล้วก็มุดลอดออกไปยังบนพื้น
Shirley ที่ได้ซ่อนผมขาวอันโดดเด่นเอาไว้ใต้หมวก ขโมยดาบแล้วก็เริ่มวางเส้นทางสู่ปราสาทราชวงศ์ และก็นึกภาพใบหน้าที่เติมเต็มความหวาดผวาของ Albert ของเธออย่างยินดีแล้วเธอก็ตั้งใจเก็บแผนการแก้แค้นเอาไว้
“ช่วยรออีกสักหน่อยนะคะ สักวันหนึ่งอีกไม่นานนี้… ฉันจะกลับมาแก้แค้นให้ได้รับชะตากรรมอันโหดร้ายที่ยิ่งกว่าความตายเสียอีก…”
Shirley หลบหนีออกจากเมืองโดยที่ไม่ถูกพบเห็นแล้วไปซ่อนตัวในกระท่อมร้างกลางป่าที่ห่างจากตัวเมือง
ในฐานะนักโทษหลบหนี Shirley ไม่มีความหวังที่จะใช้ประโยชน์จากอำนาจการเมืองใดๆอีกแล้ว
เธอจะทำอะไรดี? มันไม่นานนักที่จะหาคำตอบ
ถ้าหากเสียอำนาจทางการเมืองไป ก็สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยความรุนแรงซะ สุดท้ายแล้วทักษะในเวทมนตร์และดาบที่เธอได้ฝึกฝนมาด้วยความยากลำบากเพื่อที่จะเป็นคู่หมั้นที่ดีสำหรับชายที่เกลียดชังจะมีประโยชน์
ด้วยทักษะและความชำนาญนั้นเธอจะใช้จู่โจมปราสาทด้วยความห้าวหาญ ทำลายแนวป้องกัน แล้วก็คอยดูชะตากรรมอันเลวร้ายของ Albert กับ Alice เธอนึกเหตุการณ์ในหัวตอนที่ Albert ทนทุกข์ทรมานออกมา ไม่ว่าเขาจะต้องพบความตายมากแค่ไหน
การเตรียมการของ Shirley เป็นไปได้ด้วยดี น่าแปลกใจที่เธอแกว่งดาบได้ไม่ค่อยดีนักเนื่องจากมันออกแบบมาให้ใช้กับเพศชาย เธอยังไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ที่แกร่งด้วยดาบนี้ได้ แต่มันน่าจะพอที่จะจัดการกับอัศวินได้ล่ะกัน
เธอขโมยสิ่งของที่เธอจำเป็นต้องมีออกไปจากเมือง และได้โจมตีค่ายกองโจรแล้วก็ฉกของที่เธอต้องการออกไปจากศพของกองโจร Shirley เริ่มที่จะวางรากฐานในแผนของเธออย่างช้าๆแต่มั่นคง
“อั้ก… ฮาาาา…!”
สองเดือนหลังจากวันที่เธอถูกถอนหมั้นกับหนึ่งเดือนหลังจากที่หนีออกจากคุก Shirley ก็ถูกคลื่นของความคลื่นเหียนอาเจียนเข้าครอบงำ
ตอนแรกเธอสงสัยว่าเธอคงเป็นไข้ แต่อาการนั้นแปลก มันเริ่มคล้ายกับเป็นหวัดอย่างรุนแรง แล้วเธอก็พบปัญหาจริงๆในตอนนั้นรวมถึงความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นตรงท้องและหน้าอกเธอ
ขณะที่เธอเริ่มสงสัยว่าเธอควรจะไปหาหมอเพื่อตรวจดูอาการเธอดีมั้ย ทันใดนั้นเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ประจำเดือนครั้งสุดท้าย… มาตอนไหนน้า…?”
คำเดียวที่ปรากฏอยู่ในหัวนั่นก็คือ ‘ตั้งท้อง’
และถ้าจะพิสูจน์ล่ะก็ น้ำหนักก็จะต้องเพิ่มมากขึ้น มันทำให้คิดอะไรไม่ได้ว่าคนที่จะเป็นพ่อคนนั้นคือใคร
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน…? ไอ้ลูกที่น่าเกลียดนั่นอยู่ในตัวฉัน…!”
จากก้นบึงในใจเลย เธอไม่พอใจลูกของ Albert ที่อยู่ในท้อง Shirley คิดจะเชือดควานท้องของเธอแล้วก็ลากมันไปทั้งอย่างนั้น แต่เธอก็ลดดาบลงแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ถึงนายคนนั้นจะเป็นพ่อ แต่ลูกคนนี้ไม่ได้มีความผิดบาปอะไร ฉันจะทนสักระยะแล้วก็หาสถานสงเคราะห์มารับเอาไป”
Shirley ยังไม่ตกต่ำมากพอที่จะพรากเอาชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไป
ชีวิตอยู่ในอันตรายสำหรับลูกที่ยังไม่เกิด และก็ไม่แน่ใจว่าจะพาไปอย่างปลอดภัยด้วย และถึงแม้ว่า Shirley จะไม่ได้มองหาเรื่องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เธอก็ไม่ได้มีอารมณ์ซาบซึ้งไปกับชีวิตที่จะต้องเกิดมาแต่เธอต้องแบกรับภาระการตั้งครรภ์นี้ไว้ด้วยความอดทน
“ฉันต้องเว้นจากการฝึกฝนจนกว่าให้กำเนิดออกมา แต่การต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับต่ำก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
เลี่ยงมอนสเตอร์แข็งแกร่งและพวกที่แห่เข้ามาเป็นกลุ่ม ฟันตัวที่อ่อนแอที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะรักษาความแข็งแกร่งของแขนที่กวัดแกว่งดาบและฝึกเวทมนตร์ในแต่ละวัน หากแต่เธอนั้นเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยสะดวกนัก แต่การฝึกฝนอย่างไม่หักโหมก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ
ทว่า นี่มันเกินกว่าที่ผู้หญิงตั้งครรภ์จะทำแบบนั้นได้ ถึงแม้ว่าเธอจะจินตนาการถึงภาพอันโหดร้ายของแม่และหมอของโลกนี้ Shirley ก็รับเอา “อะไรมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว” เข้ามาทั้งหมด
แม้ว่าท้องของเธอจะโตขึ้นเรื่อยๆจนต้องมาหล่อเลี้ยงให้มากกว่าเดิมจนเป็นการรบกวนแผนการแก้แค้นของ Shirley ก็ตาม
ดูเหมือนว่าเลือดกับเนื้อบริสุทธิ์ของชายคนนั้นก็ยังขัดขวางเธอด้วย ถ้าเธอสามารถจัดการคลอดเด็กนี่ได้ เธอก็จะวางแผนคิดการใหญ่ต่อไป
“แปลกนะ ถึงแม้ว่าฉันจะใส่ใจกับการฝึกให้มากกว่านี้แล้วก็ตาม”
ในตอนนั้น เธอก็เริ่มออกอาการอึดอัดทุกเมื่อที่เธอพยายามแกว่งดาบ และไม่ว่าเธอจะไม่คิดถึงมันแค่ไหนก็ตาม มันก็รู้สึกว่ามันโตขึ้นทุกวัน
เธอสลัดหัวไปมา เธอพยายามที่จะนึกถึงความเกลียดชังเพื่อทำให้เธอยังคงดำเนินการแก้แค้นต่อไป แต่เธอก็พบว่าความคิดของเธอถูกดึงกลับมายังเรื่องชีวิตที่โตขึ้นในครรภ์
“อาการนั่น… ความเจ็บป่วยนี่… มันเจ็บจริงๆ…”
Shirley พยายามสาปแช่งลูกที่เธออุ้ม แต่คำพูดนั้นก็ติดอยู่ในคอและไม่อาจจะเปล่งออกไปได้ ปล่อยให้เธอสับสนยิ่งกว่าเดิม
เธอไม่ทราบเหตุผล เธอไม่รู้แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ได้รู้สึกเหมือนอย่างที่เธอควรจะเป็นห่วงเลย
“…อา ได้ผล”
ท้องของเธอโตขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความรู้สึกที่เปรมปรีย์ เธอเอามือลูบที่ท้อง เธอก็รู้สึกว่ามันดิ้นได้
แม้ว่าเธอจะยังทนฝึกอยู่ต่อไป เธอก็รู้สึกเหนื่อย โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาที่อยู่กับดาบนั้นเริ่มน้อยลงและก็น้อยลงเรื่อยๆ
“ขอบคุณแม่เจ้าเลยที่ฉันกักตุนอาหารและสิ่งของเอาไว้ แบบนี้ฉันก็พอที่จะรักษาสุขภาพเอาไว้ได้จนกว่าวันที่จะให้กำเนิด… เดี๋ยวนะ นี่ฉันพูดอะไรออกมา? ฉัน…”
เธอหลบข้อสงสัยขณะที่เธอมองไปยังสิ่งของที่เธอเก็บเอาไว้ นี่เธอได้เก็บของเอาไว้สำหรับลูกของเธอจริงๆหรือ? Shirley เอามือไปวางบนท้องแล้วก็รอจนกระทั่งเธอพอที่รู้สึกขยับตัวได้ มีบางอย่างที่กำลังจะกลายเป็นกิจประจำวัน
นี่มันไม่มีประโยชน์เลย นั่นไม่ใช่ส่วนของการแก้แค้นนะ…
“อย่างน้อย ฉันก็ขอให้เธอไม่มีใบหน้าแบบเขานะ”
เธอเริ่มคิดถึงสิ่งที่ไม่มีอะไรนอกจากลูกของเธอ
สีหน้าแบบไหนที่จะเอาไปเทียบได้ล่ะ? เพราะพ่อก็คือชายคนนั้น ฉันว่าถ้าหากมันคล้ายกับตัวเองเท่าที่จะเป็นไปได้นะ
ฝากไว้ในสถานสงเคราะห์แล้วก็หาทางมาแก้แค้นดีกว่า… ความคิดแบบนั้นก่อให้แน่นอกขึ้นไปอีก
—
ช่วงสุดท้ายของระยะโตเต็มที่ก็มาถึง
“ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเกิดแล้ว ในที่สุดเมื่อสถานสงเคราะห์รับพวกเขาไป ฉันจะได้กลับมาแก้แค้นต่อ-”
ขณะที่เธอพูดออกมาเธอก็รู้สึกหนาวยะเยือกจนเสียวสันหลังวาบ ขาของเธอก็เริ่มสั่นแล้วการหายใจก็เริ่มซีด
คำพูดที่เธอเปล่งออกมา แม้ว่าจะเป็นแค่เสียงพึมพำก็ยังทำให้เกิดความหวาดกลัวที่กินลึกจนกลิ้งตัวไปมา เธอได้เอามือกุมท้องเอาไว้
ความโล่งอกได้ชำระล้างความคิดเธอตอนที่เธอรู้สึกถึงหัวใจเต้นสั่นระรัว
—
“อ๊าาาาาาาาา! อึ้ก… อุหวาาาาาาาาาาา…! ฮี้….! ฮี้…! อูววว์….! อืม อ๊ะ… อ๊าาาาาาาาาา!”
อีกไม่กี่เดือนต่อมา ในวันครบรอบวันเกิดครั้งที่ 20 ของเธอ
ในที่สุดเวลาของการคลอดก็มาถึง Shirley ไม่อาจเรียกมาเพื่อผดุงครรภ์เอาไว้ได้ เธอดิ้นอย่างทุรนทุรายคนเดียวในกระท่อมร้าง พยายามที่จะเอาชีวิตใหม่ออกมาสู่โลกภายนอก
ความเจ็บปวดในช่องคลอดเธอ มากเกินกว่าความเจ็บปวดใดๆที่เธอรู้สึกได้ตอนที่ถูกทรมานนั้น
แต่เธอก็ยังคงทำ ไม่เพียง Shirley จะเข้าใจจริงๆว่าเธอจะฝืนเบ่งมานานแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณบางอย่างก็บังคับให้เธอทำแบบนี้จนได้
“ฮ้าาาาาา…! ฮ้าาาาาา…! อา… คลอดออกมาแล้ว… คลอดออก… หือ…?”
หลังจากที่คลอดออกมาได้สักพัก Shirley ก็ให้กำเนิดเด็กสาวฝาแฝดจนได้
ทั้งคู่มีเส้นผมสีขาวราวกับหิมะเหมือนกับของ Shirley แฝดคนพี่มีดวงตาสีน้ำเงิน และคนน้องมีดวงตาสีแดงเข้ม
เสียงร้องไห้ของทารกสองคนร้องดังไปทั่วทั้งกระท่อม และในขณะที่มือทั้งสองได้จับนิ้วของ Shirley นั้น น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาสองสีนั้น
“อา…. อุหวาาาาาาาา….!”
Shirley ร้องไห้ออกมา
ความรู้สึกที่เธอเห็นเด็กเป็นรอยด่างพร้อยหรือเป็นอุปสรรคนั้น… ถูกแทนที่ด้วยความรักใคร่ที่เปี่ยมล้นออกมา
แล้วเธอก็รู้ตัวว่า เกือบจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมของพวกเธอมาตั้งหลายครั้งเลยทีเดียว
มุทะลุฝึกดาบกับต่อสู้ขณะที่ต้องอุ้มครรภ์ที่อยู่ในตัวเธอ… ตอนที่เธอคิดถึงเรื่องที่เธอจะทำแท้งขึ้นมา เธอก็ถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
และตอนที่เธอคิดจะปล่อยให้ทั้งสองคนทิ้งไว้ในสถานสงเคราะห์นั้น เธอก็ถึงกับหมดอาลัยไปเลย
ต่อให้เธอจะบรรลุเป้าหมายไปแล้ว มันก็หมายถึงไม่มีอะไรเลยเทียบกับอาชญากรรมที่เธอได้ทำกับลูกของตัวเอง
ถ้าเธอทิ้งพวกนั้นไปแล้วก็เดินไปตามเส้นทางแก้แค้น สู้เหมือนกับถูกสิงร่างแล้วสนุกสนานไปกับความตาย เธอก็จะไม่มีวันหันกลับมาได้อีก
เธอไม่อาจจะเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป เธออาจจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดเลือดคลั่งอาละวาดโดยจมปลักอยู่บนความบ้าคลั่งและความเกลียดชังไปได้
ความอบอุ่นของเด็กตอนที่จับนิ้วของเธอนั้นได้ดึง Shirley มาจากขอบ แล้วก็กลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์
“ถ้าฉันไม่ปกป้องพวกเขา… เด็กก็จะไม่มีอนาคต…”
ความคิดในการล้างแค้นหมดไป
การหาหนทางที่จะพาเด็กนี้เป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดที่วนเวียนอยู่ภายใน เพื่อชี้นำและคุ้มครองเด็กที่เธออุ้ม อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ แล้วก็เอาผ้ามาห่อทั้งคู่อย่างบรรจง ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดตรงท้องของเธอจะยังไม่บรรเทาลงก็ตาม Shirley ก็จะตามหาความแข็งแกร่งเพื่อออกจากกระท่อมแล้วก็เริ่มเดินทางไปยังเขตแดนของจักรวรรดิ
ไม่มีที่อยู่สำหรับ Shirley ในจักรวรรดิอีกต่อไปแล้ว เธอตัดสินใจที่จะพาลูกสาวทั้งสองไปแล้วก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ในราชอาณาจักรข้างเคียง
สถานะทางสังคมก็หมดไป Shirley ได้เดินไปตามเส้นทางของนักผจญภัยที่เต็มไปด้วยอันตรายและเสี่ยงตาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
และถึงแม้ว่าเธอกลัวว่าสิ่งที่เธอคิดจะทำอาจย้อนกลับคืนมาในวันหนึ่ง เธอสาบานว่าจนถึงเวลานั้น เธอควรที่จะวางเป้าหมายให้ลูกๆของเธอได้สัมผัสกับความสุขที่เธอไม่เคยมี เธอไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยออกไปอีกแล้ว
นั่นก็คือหนทางที่เลือกไว้ Shirley ที่ยึดมั่นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นอิสระจากการฆ่าฟันและการล้างแค้น ได้มาถึงชายแดนของเมืองที่อยู่ในเขตแดนของราชอาณาจักร และแล้วก็ผ่านไปสิบปี…
“เหะๆๆ เอาล่ะ เรื่องเกี่ยวกับการเอาความลับไปขายเนี่ย… ขอดูความซื่อสัตย์สักหน่อย นี่แน่ะ!”
เพี๊ยะ!
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
หัวหน้านักทรมานฟาดแส้ไปอย่างเต็มแรง แล้วก็ทิ้งรอยแผลลึกยาวๆบนผิวที่เนียนขาว
Shirley ร้องออกมาอย่างทรมาน ไม่ว่าเธอจะทรมานก่อนหน้านั้นแค่ไหนก็ตาม เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย
“โห! เสียงร้องนี่ช่างไพเราะอะไรอย่างนี้! ขอฟังอีกสักหน่อยเหอะ!”
หมอนี่ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมแล้วก็ฟาดแส้ลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง
เพื่อที่จะสั่งให้สารภาพความผิดออกมาจาก Shirley มันก็พอยังมีความลังเลที่จะทำการทรมานอยู่บ้าง
ณ เวลานี้ กฎหมายในจักรวรรดิได้สั่งการนำตัวจำเลยออกมาเค้นความจริงว่าจะมีหลักฐานหรือคำสารภาพออกมา ถ้าเธอไม่อาจทำให้ Shirley ยอมรับในความผิดด้วยตัวเองแล้ว Alice ก็จะใช้ความรุนแรงกว่านี้มาบังคับจนกว่าจะถึงสิ้นสุด
(ใช่แล้ว… นี่คือความเข้าใจผิด… ฉันมั่นใจว่าสักวันจะต้องได้รับการแก้ไขแน่นอน!)
ถึงจะถูกน้องสาวกดขี่ ถูกหักหลังโดยคู่หมั้นและท่ามกลางความสยองขวัญเช่นนี้ Shirley ยังไม่ยอมทิ้งความหวังไป
เมื่อ Albert ที่ได้รู้ความจริง พวกนั้นจะต้องกลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็นก่อนหน้านั้น โดยพื้นฐานแล้วเธอน่าจะสิ้นหวังที่จะขัดขืนการทรมานนี้ โดยนึกย้อนในความทรงจำที่เคยมีความสุขกับ Albert มาบรรเทา
อย่างไรก็ตาม ความหวังริบหรี่ของสาววัยสิบเก้าปีนั้นก็ได้ถูกพรากไปอย่างโหดร้าย
สิ่งที่ตามมาคือแส้ที่ดูท่าจะสวยงาม
เล็บที่ถูกคีมดึงกระชากออกมาก็ดี ถูกเผาอยู่บนไม้สามเหลี่ยมก็ดี ความโหดร้ายเช่นนี้อาจทำให้แม้แต่นักรบที่กล้าหาญยังร้องออกมาอย่างคุ้มคลั่งเลย สติที่เธอเหลืออยู่ก็ริบหรี่จนสลบไปจนแทบไม่เหลืออะไรอีก
เธอกลายเป็นเพียงแค่เงาของตัวตนในอดีต ไม่เหลือความงามจนทำให้เกิดความริษยาอีกต่อไป ผิวก็เต็มไปด้วยรอยยาวที่หยาบกระด้าง แขนขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่อาจจะรักษาได้อีก ผมขาวที่สวยงามก็แห้งหดจนกลายเป็นสีเทาเหมือนยายแก่ๆ Shirley ไม่เหลือความงามใดๆในสายตาที่ไม่มีใครทนมองได้
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งเดือน ความหวังที่จะทำให้ Albert นั้นกลับมารู้สึกตัวและปล่อยเธอออกมาก็มอดไหม้ไปด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่าคนที่เธอเคยรักมากกว่าคนที่เธอรู้สึกกับเขา
“อาาา… อา… ฮ่าาาาาา….!!!”
เสียงที่แทบจะไม่เหลือถูกปล่อยออกมาจากคอที่ถูกบีบ
(ฉันจะไม่ให้อภัยพวกนั้น…! คนๆนั้น… ไม่มีวัน…!!)
สายตาอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่งเต็มเติมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความรักและเมตตาได้ถูกแทนที่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความกระหายในการฆ่า
ต่อให้เธอขายวิญญาณให้กับปีศาจหรือถูกลากลงไปยังนรก เธอก็จะลากพวกนั้นที่ทำกับเธออย่างโหดร้ายลงมาพร้อมกับตัวเธอด้วย
(อดีตพ่อ แม่ และก็พี่ชายน้องชาย…)
คนพวกนั้นทำให้เธอใช้ชีวิตเยี่ยงนรกมาตั้งแต่วันที่เธอเกิด
(และก็พวกคนที่ฉันคิดว่าน่าจะแบ่งปันความผูกพันธ์ให้…)
ทั้งถูกหลอกลวงหรือขู่เข็ญ เธอก็ยังแช่งพวกที่เธออยู่ข้างตัวในเวลาที่ต้องการ
(น้องสาวที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน…)
Alice ที่สามารถแย่งแม้กระทั่งสิ่งที่มีความสุขที่สุดจากเธอไป
(และเหนือที่สุด… ไอ้คนที่หักหลังฉัน…!)
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ Albert เป็นคู่หมั้น Shirley แต่เขาก็ได้หันไปหมั้นกับ Alice อย่างรักใคร่
นี่เขาเชื่อในเรื่องก่อกบฏนี้จริงๆหรือ เขาเชื่อว่าเธอเข้าไปแทรกแซงความสัมพันธ์ของเขากับ Alice หรือ? มันไม่ใช่อย่างนั้นแน่
หากแต่ Alice นั่นแหละที่เป็นคนหลอกลวงเขา ความจริงของชายที่เชื่อในข้อกล่าวหาที่ไร้น้ำหนักใส่ผู้หญิงที่เขารู้ว่ารักเขาถึงก้นบึงหัวใจมากยิ่งกว่าใคร… ทำให้เขาเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด
(ฉันจะต้องแก้แค้น…! ต่อให้ต้องตกไปในนรก ฉันก็จะเอาค้อนไปทุบกะโหลกมัน…!)
ต่อให้เธอเหลือแรงมากแค่ไหนก็ตาม ความฝันที่จะแก้แค้นยังคงไม่เป็นผล หาก Shirley ยังอยู่ในสภาวะเน่าในห้องทรมานนี้
บางทีอาจจะมีเทพบางองค์หรือไม่ก็ปีศาจที่ได้ฟัง Shirley แล้วก็รับเอาวิญญาณมาก็ได้ เพราะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเธอ
“น-นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ…!?”
คนที่รู้ตัวก่อนก็คือหัวหน้านักทรมาน
หมอนี่เริ่มเหนื่อยที่ต้องมาดูแล Shirley ขณะที่ทำการทรมานเธอถึงกับร้องออกมา ทว่าขณะที่หมอนี่เปิดประตูห้องของเธอนั้น มันก็ถึงกับช็อคกับความงดงามของ Shirley ที่ดูเหมือนกับเธอยังไม่ได้ถูกทรมานเลยแม้แต่น้อย
ผิวของเธอกลับมาเรียบเนียน ผมที่แห้งกระด้างนั้นก็กลับมานุ่มสลวยยิ่งกว่าเดิมและเล็บยี่สิบชิ้นที่หมอนั่นดึงออกไปก็งอกกลับมา
สภาพที่ถูกกระทำให้ขี้เหร่ไปถึงกระดูกที่เสร็จเมื่อวานก็ถูกทดแทนด้วยเช่นกัน มันถึงกับถอยผละออกไป
“น-นี่มันเป็นไปไม่ได้! ข้าต้องรายงานเรื่องนี้แล้ว…!”
หมอนั่นอึ้งกับสิ่งที่เห็นแล้วก็รีบไปรายงานข้อมูลให้กับนายใหญ่… ประตูนั้นยังเปิดแง้มเอาไว้
“…อาา แย่ชะมัด ถ้าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ ฉันกะจะเอามาแทงที่คอแล้วล่ะ…”
Shirley ลุกขึ้นแล้วทิ้งก้อนหินคมๆขณะที่ซ่อนตัวอยู่
คนที่รู้จักเธอมาก่อนคงจะตัวสั่นและวิ่งหนีออกจากห้องไป จนทำให้พลาดโอกาสที่จะฆ่าจนได้
“ร่างกายนี้… ก็เคยได้ยินว่ามันเป็นตำนานนี่นา แต่กลับมาเกิดขึ้นกับฉันได้… แต่มันก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในห้องขังได้ในสถานการณ์ปกติที่จะต้องรอบคอบและปิดประตูไว้ แต่ตอนนี้พวกลูกน้องไม่ได้ล็อกประตูเอาไว้ เธอจึงมุ่งมั่นออกไปปั่นป่วนปราสาทนี้
แต่ Shirley ก็นึกอะไรออกมาอย่างรวดเร็ว เธอจะออกจากปราสาทไปวางแผนการก่อนแล้วค่อยกลับมาทีหลัง
“เอาล่ะ ถึงเวลาไปแล้ว …ตรงนั้นมีคนที่ฉันรักได้เห็นอยู่”
พอก้าวออกจากห้องขังได้ เธอก็จัดการขโมยเสื้อผ้ายามแล้วก็มุดลอดออกไปยังบนพื้น
Shirley ที่ได้ซ่อนผมขาวอันโดดเด่นเอาไว้ใต้หมวก ขโมยดาบแล้วก็เริ่มวางเส้นทางสู่ปราสาทราชวงศ์ และก็นึกภาพใบหน้าที่เติมเต็มความหวาดผวาของ Albert ของเธออย่างยินดีแล้วเธอก็ตั้งใจเก็บแผนการแก้แค้นเอาไว้
“ช่วยรออีกสักหน่อยนะคะ สักวันหนึ่งอีกไม่นานนี้… ฉันจะกลับมาแก้แค้นให้ได้รับชะตากรรมอันโหดร้ายที่ยิ่งกว่าความตายเสียอีก…”
Shirley หลบหนีออกจากเมืองโดยที่ไม่ถูกพบเห็นแล้วไปซ่อนตัวในกระท่อมร้างกลางป่าที่ห่างจากตัวเมือง
ในฐานะนักโทษหลบหนี Shirley ไม่มีความหวังที่จะใช้ประโยชน์จากอำนาจการเมืองใดๆอีกแล้ว
เธอจะทำอะไรดี? มันไม่นานนักที่จะหาคำตอบ
ถ้าหากเสียอำนาจทางการเมืองไป ก็สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยความรุนแรงซะ สุดท้ายแล้วทักษะในเวทมนตร์และดาบที่เธอได้ฝึกฝนมาด้วยความยากลำบากเพื่อที่จะเป็นคู่หมั้นที่ดีสำหรับชายที่เกลียดชังจะมีประโยชน์
ด้วยทักษะและความชำนาญนั้นเธอจะใช้จู่โจมปราสาทด้วยความห้าวหาญ ทำลายแนวป้องกัน แล้วก็คอยดูชะตากรรมอันเลวร้ายของ Albert กับ Alice เธอนึกเหตุการณ์ในหัวตอนที่ Albert ทนทุกข์ทรมานออกมา ไม่ว่าเขาจะต้องพบความตายมากแค่ไหน
การเตรียมการของ Shirley เป็นไปได้ด้วยดี น่าแปลกใจที่เธอแกว่งดาบได้ไม่ค่อยดีนักเนื่องจากมันออกแบบมาให้ใช้กับเพศชาย เธอยังไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ที่แกร่งด้วยดาบนี้ได้ แต่มันน่าจะพอที่จะจัดการกับอัศวินได้ล่ะกัน
เธอขโมยสิ่งของที่เธอจำเป็นต้องมีออกไปจากเมือง และได้โจมตีค่ายกองโจรแล้วก็ฉกของที่เธอต้องการออกไปจากศพของกองโจร Shirley เริ่มที่จะวางรากฐานในแผนของเธออย่างช้าๆแต่มั่นคง
“อั้ก… ฮาาาา…!”
สองเดือนหลังจากวันที่เธอถูกถอนหมั้นกับหนึ่งเดือนหลังจากที่หนีออกจากคุก Shirley ก็ถูกคลื่นของความคลื่นเหียนอาเจียนเข้าครอบงำ
ตอนแรกเธอสงสัยว่าเธอคงเป็นไข้ แต่อาการนั้นแปลก มันเริ่มคล้ายกับเป็นหวัดอย่างรุนแรง แล้วเธอก็พบปัญหาจริงๆในตอนนั้นรวมถึงความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นตรงท้องและหน้าอกเธอ
ขณะที่เธอเริ่มสงสัยว่าเธอควรจะไปหาหมอเพื่อตรวจดูอาการเธอดีมั้ย ทันใดนั้นเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ประจำเดือนครั้งสุดท้าย… มาตอนไหนน้า…?”
คำเดียวที่ปรากฏอยู่ในหัวนั่นก็คือ ‘ตั้งท้อง’
และถ้าจะพิสูจน์ล่ะก็ น้ำหนักก็จะต้องเพิ่มมากขึ้น มันทำให้คิดอะไรไม่ได้ว่าคนที่จะเป็นพ่อคนนั้นคือใคร
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน…? ไอ้ลูกที่น่าเกลียดนั่นอยู่ในตัวฉัน…!”
จากก้นบึงในใจเลย เธอไม่พอใจลูกของ Albert ที่อยู่ในท้อง Shirley คิดจะเชือดควานท้องของเธอแล้วก็ลากมันไปทั้งอย่างนั้น แต่เธอก็ลดดาบลงแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ถึงนายคนนั้นจะเป็นพ่อ แต่ลูกคนนี้ไม่ได้มีความผิดบาปอะไร ฉันจะทนสักระยะแล้วก็หาสถานสงเคราะห์มารับเอาไป”
Shirley ยังไม่ตกต่ำมากพอที่จะพรากเอาชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไป
ชีวิตอยู่ในอันตรายสำหรับลูกที่ยังไม่เกิด และก็ไม่แน่ใจว่าจะพาไปอย่างปลอดภัยด้วย และถึงแม้ว่า Shirley จะไม่ได้มองหาเรื่องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เธอก็ไม่ได้มีอารมณ์ซาบซึ้งไปกับชีวิตที่จะต้องเกิดมาแต่เธอต้องแบกรับภาระการตั้งครรภ์นี้ไว้ด้วยความอดทน
“ฉันต้องเว้นจากการฝึกฝนจนกว่าให้กำเนิดออกมา แต่การต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับต่ำก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
เลี่ยงมอนสเตอร์แข็งแกร่งและพวกที่แห่เข้ามาเป็นกลุ่ม ฟันตัวที่อ่อนแอที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะรักษาความแข็งแกร่งของแขนที่กวัดแกว่งดาบและฝึกเวทมนตร์ในแต่ละวัน หากแต่เธอนั้นเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยสะดวกนัก แต่การฝึกฝนอย่างไม่หักโหมก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ
ทว่า นี่มันเกินกว่าที่ผู้หญิงตั้งครรภ์จะทำแบบนั้นได้ ถึงแม้ว่าเธอจะจินตนาการถึงภาพอันโหดร้ายของแม่และหมอของโลกนี้ Shirley ก็รับเอา “อะไรมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว” เข้ามาทั้งหมด
แม้ว่าท้องของเธอจะโตขึ้นเรื่อยๆจนต้องมาหล่อเลี้ยงให้มากกว่าเดิมจนเป็นการรบกวนแผนการแก้แค้นของ Shirley ก็ตาม
ดูเหมือนว่าเลือดกับเนื้อบริสุทธิ์ของชายคนนั้นก็ยังขัดขวางเธอด้วย ถ้าเธอสามารถจัดการคลอดเด็กนี่ได้ เธอก็จะวางแผนคิดการใหญ่ต่อไป
“แปลกนะ ถึงแม้ว่าฉันจะใส่ใจกับการฝึกให้มากกว่านี้แล้วก็ตาม”
ในตอนนั้น เธอก็เริ่มออกอาการอึดอัดทุกเมื่อที่เธอพยายามแกว่งดาบ และไม่ว่าเธอจะไม่คิดถึงมันแค่ไหนก็ตาม มันก็รู้สึกว่ามันโตขึ้นทุกวัน
เธอสลัดหัวไปมา เธอพยายามที่จะนึกถึงความเกลียดชังเพื่อทำให้เธอยังคงดำเนินการแก้แค้นต่อไป แต่เธอก็พบว่าความคิดของเธอถูกดึงกลับมายังเรื่องชีวิตที่โตขึ้นในครรภ์
“อาการนั่น… ความเจ็บป่วยนี่… มันเจ็บจริงๆ…”
Shirley พยายามสาปแช่งลูกที่เธออุ้ม แต่คำพูดนั้นก็ติดอยู่ในคอและไม่อาจจะเปล่งออกไปได้ ปล่อยให้เธอสับสนยิ่งกว่าเดิม
เธอไม่ทราบเหตุผล เธอไม่รู้แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ได้รู้สึกเหมือนอย่างที่เธอควรจะเป็นห่วงเลย
“…อา ได้ผล”
ท้องของเธอโตขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความรู้สึกที่เปรมปรีย์ เธอเอามือลูบที่ท้อง เธอก็รู้สึกว่ามันดิ้นได้
แม้ว่าเธอจะยังทนฝึกอยู่ต่อไป เธอก็รู้สึกเหนื่อย โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาที่อยู่กับดาบนั้นเริ่มน้อยลงและก็น้อยลงเรื่อยๆ
“ขอบคุณแม่เจ้าเลยที่ฉันกักตุนอาหารและสิ่งของเอาไว้ แบบนี้ฉันก็พอที่จะรักษาสุขภาพเอาไว้ได้จนกว่าวันที่จะให้กำเนิด… เดี๋ยวนะ นี่ฉันพูดอะไรออกมา? ฉัน…”
เธอหลบข้อสงสัยขณะที่เธอมองไปยังสิ่งของที่เธอเก็บเอาไว้ นี่เธอได้เก็บของเอาไว้สำหรับลูกของเธอจริงๆหรือ? Shirley เอามือไปวางบนท้องแล้วก็รอจนกระทั่งเธอพอที่รู้สึกขยับตัวได้ มีบางอย่างที่กำลังจะกลายเป็นกิจประจำวัน
นี่มันไม่มีประโยชน์เลย นั่นไม่ใช่ส่วนของการแก้แค้นนะ…
“อย่างน้อย ฉันก็ขอให้เธอไม่มีใบหน้าแบบเขานะ”
เธอเริ่มคิดถึงสิ่งที่ไม่มีอะไรนอกจากลูกของเธอ
สีหน้าแบบไหนที่จะเอาไปเทียบได้ล่ะ? เพราะพ่อก็คือชายคนนั้น ฉันว่าถ้าหากมันคล้ายกับตัวเองเท่าที่จะเป็นไปได้นะ
ฝากไว้ในสถานสงเคราะห์แล้วก็หาทางมาแก้แค้นดีกว่า… ความคิดแบบนั้นก่อให้แน่นอกขึ้นไปอีก
—
ช่วงสุดท้ายของระยะโตเต็มที่ก็มาถึง
“ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเกิดแล้ว ในที่สุดเมื่อสถานสงเคราะห์รับพวกเขาไป ฉันจะได้กลับมาแก้แค้นต่อ-”
ขณะที่เธอพูดออกมาเธอก็รู้สึกหนาวยะเยือกจนเสียวสันหลังวาบ ขาของเธอก็เริ่มสั่นแล้วการหายใจก็เริ่มซีด
คำพูดที่เธอเปล่งออกมา แม้ว่าจะเป็นแค่เสียงพึมพำก็ยังทำให้เกิดความหวาดกลัวที่กินลึกจนกลิ้งตัวไปมา เธอได้เอามือกุมท้องเอาไว้
ความโล่งอกได้ชำระล้างความคิดเธอตอนที่เธอรู้สึกถึงหัวใจเต้นสั่นระรัว
—
“อ๊าาาาาาาาา! อึ้ก… อุหวาาาาาาาาาาา…! ฮี้….! ฮี้…! อูววว์….! อืม อ๊ะ… อ๊าาาาาาาาาา!”
อีกไม่กี่เดือนต่อมา ในวันครบรอบวันเกิดครั้งที่ 20 ของเธอ
ในที่สุดเวลาของการคลอดก็มาถึง Shirley ไม่อาจเรียกมาเพื่อผดุงครรภ์เอาไว้ได้ เธอดิ้นอย่างทุรนทุรายคนเดียวในกระท่อมร้าง พยายามที่จะเอาชีวิตใหม่ออกมาสู่โลกภายนอก
ความเจ็บปวดในช่องคลอดเธอ มากเกินกว่าความเจ็บปวดใดๆที่เธอรู้สึกได้ตอนที่ถูกทรมานนั้น
แต่เธอก็ยังคงทำ ไม่เพียง Shirley จะเข้าใจจริงๆว่าเธอจะฝืนเบ่งมานานแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณบางอย่างก็บังคับให้เธอทำแบบนี้จนได้
“ฮ้าาาาาา…! ฮ้าาาาาา…! อา… คลอดออกมาแล้ว… คลอดออก… หือ…?”
หลังจากที่คลอดออกมาได้สักพัก Shirley ก็ให้กำเนิดเด็กสาวฝาแฝดจนได้
ทั้งคู่มีเส้นผมสีขาวราวกับหิมะเหมือนกับของ Shirley แฝดคนพี่มีดวงตาสีน้ำเงิน และคนน้องมีดวงตาสีแดงเข้ม
เสียงร้องไห้ของทารกสองคนร้องดังไปทั่วทั้งกระท่อม และในขณะที่มือทั้งสองได้จับนิ้วของ Shirley นั้น น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาสองสีนั้น
“อา…. อุหวาาาาาาาา….!”
Shirley ร้องไห้ออกมา
ความรู้สึกที่เธอเห็นเด็กเป็นรอยด่างพร้อยหรือเป็นอุปสรรคนั้น… ถูกแทนที่ด้วยความรักใคร่ที่เปี่ยมล้นออกมา
แล้วเธอก็รู้ตัวว่า เกือบจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมของพวกเธอมาตั้งหลายครั้งเลยทีเดียว
มุทะลุฝึกดาบกับต่อสู้ขณะที่ต้องอุ้มครรภ์ที่อยู่ในตัวเธอ… ตอนที่เธอคิดถึงเรื่องที่เธอจะทำแท้งขึ้นมา เธอก็ถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
และตอนที่เธอคิดจะปล่อยให้ทั้งสองคนทิ้งไว้ในสถานสงเคราะห์นั้น เธอก็ถึงกับหมดอาลัยไปเลย
ต่อให้เธอจะบรรลุเป้าหมายไปแล้ว มันก็หมายถึงไม่มีอะไรเลยเทียบกับอาชญากรรมที่เธอได้ทำกับลูกของตัวเอง
ถ้าเธอทิ้งพวกนั้นไปแล้วก็เดินไปตามเส้นทางแก้แค้น สู้เหมือนกับถูกสิงร่างแล้วสนุกสนานไปกับความตาย เธอก็จะไม่มีวันหันกลับมาได้อีก
เธอไม่อาจจะเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป เธออาจจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดเลือดคลั่งอาละวาดโดยจมปลักอยู่บนความบ้าคลั่งและความเกลียดชังไปได้
ความอบอุ่นของเด็กตอนที่จับนิ้วของเธอนั้นได้ดึง Shirley มาจากขอบ แล้วก็กลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์
“ถ้าฉันไม่ปกป้องพวกเขา… เด็กก็จะไม่มีอนาคต…”
ความคิดในการล้างแค้นหมดไป
การหาหนทางที่จะพาเด็กนี้เป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดที่วนเวียนอยู่ภายใน เพื่อชี้นำและคุ้มครองเด็กที่เธออุ้ม อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ แล้วก็เอาผ้ามาห่อทั้งคู่อย่างบรรจง ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดตรงท้องของเธอจะยังไม่บรรเทาลงก็ตาม Shirley ก็จะตามหาความแข็งแกร่งเพื่อออกจากกระท่อมแล้วก็เริ่มเดินทางไปยังเขตแดนของจักรวรรดิ
ไม่มีที่อยู่สำหรับ Shirley ในจักรวรรดิอีกต่อไปแล้ว เธอตัดสินใจที่จะพาลูกสาวทั้งสองไปแล้วก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ในราชอาณาจักรข้างเคียง
สถานะทางสังคมก็หมดไป Shirley ได้เดินไปตามเส้นทางของนักผจญภัยที่เต็มไปด้วยอันตรายและเสี่ยงตาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
และถึงแม้ว่าเธอกลัวว่าสิ่งที่เธอคิดจะทำอาจย้อนกลับคืนมาในวันหนึ่ง เธอสาบานว่าจนถึงเวลานั้น เธอควรที่จะวางเป้าหมายให้ลูกๆของเธอได้สัมผัสกับความสุขที่เธอไม่เคยมี เธอไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยออกไปอีกแล้ว
นั่นก็คือหนทางที่เลือกไว้ Shirley ที่ยึดมั่นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นอิสระจากการฆ่าฟันและการล้างแค้น ได้มาถึงชายแดนของเมืองที่อยู่ในเขตแดนของราชอาณาจักร และแล้วก็ผ่านไปสิบปี…
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น