THE LAST WAR (Tale of Scroll 3)

เหนือสิ่งอื่นใดข้าพเจ้าขอกล่าวไว้ก่อนเลยว่าสมบัติชิ้นนี้ยังมิถูกยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีในแดนริเซีย  มีเพียงคำกล่าวจากสภาสูงที่ยินยอมให้เผยแพร่เนื้อหาบางส่วนเท่านั้น  อันเนื่องมาจากเรื่องราว และข้อเท็จจริงของแดนนครทองคำมีน้อยมากแทบจะนับนิ้วได้  ดังนั้นหากพิสูจน์ได้ว่าภาพที่ไร้รับมานั้นมีมูลความจริง  ผืนหนังผืนนี้จะถูกเก็บเข้าสู่หอสมุดในแดนริเซียตอนกลางเผื่อชนรุ่นหลังจะได้ศึกษา

       ข้าพเจ้าขอเท้าความย้อนหลังก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้รับผืนหนังนี้มาจากสาวผู้หนึ่ง   โดยวันหนึ่งที่ข้าพเจ้ากำลังจัดม้วนสาส์นที่กระจัดกระจายในห้องผืนเล็กอยู่นั้น ก็มีคำสั่งจากทางการให้ข้าพเจ้านำม้วนสาส์นสำคัญไปให้บุคคลที่อยู่แดนใต้โดยด่วน แต่เมื่อไปถึงกลับมิพบผู้รับสาส์น  ข้าพเจ้าจึงเฝ้ารออยู่หลายวัน สุดท้ายก็ต้องถอดใจ ก่อนกลับไปแดนกลางเพื่อมาดำเนินงานสำคัญต่อ

       หลายฤดูผ่านไปข้าพเจ้ามีโอกาสไปแดนใต้อีกครั้ง ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่ข้าพเจ้ายังคงจำชื่อเธอได้อย่างแม่นยำ  จึงถามชาวบ้านในระแวกนั้นจนได้คำตอบสุดปิติกลับมา  เมื่อข้าพเจ้าพบเธอคราแรก เสน่ห์และนิสัยอันเป็นมิตรของเธอก็ทำให้ข้าพเจ้าลืมหน้าที่ไปเสียหมด แต่ในที่สุดข้าพเจ้าก็มอบสิ่งสำคัญให้กับเธอ และได้กล่าวลาด้วยความเสียดาย

       วันหนึ่งได้มีม้วนสาส์นผนึกด้วยเชือกสีทองส่งมายังห้องสมุดที่ข้าพเจ้าอยู่ทุกวัน  ข้าพเจ้ายื่นมืออันเกียจคร้านไปปลดเชือก ก่อนอ่านใจความในผืนหนังในนั้นว่า “ ภาพวาดนี้ฉันพยายามวาดจากความทรงจำที่นึกได้ ดังนั้นบางส่วนหากหายไป โปรดอย่าตำหนิ ลำดับแรกฉันเคยไปเยือนนครทองคำ แล้วกลับมาอย่างปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องจริง  ส่วนสิ่งที่ได้ถามมาในม้วนสาส์น  สิ่งแรกที่ฉันนึกออกในแดนนครทองคำก็คงเป็นกริซข้างกายของราชินี  ซึ่งฉันมีโอกาสเห็นกับตา แต่ตอนนี้มิรู้ว่ามันอยู่ที่ใดแล้ว  หากพวกท่านจะหามัน ฉันว่าคงอยู่ใต้กองทองคำผืนกว้างในแดนดีนกระมั้ง  สุดท้ายหากฉันนึกสิ่งใดในแดนนครทองคำได้  ฉันจะส่งม้วนสาสน์มายังที่นี่อีกครั้ง ”

       จากสาวผู้รักดอกไม้ในแดนใต้

สามารถติดตามตอนเต็มได้ที่

https://novel.dek-d.com/Seia/profile/writer/?type=novel

ขอบคุณครับ