ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    B l u e N i g h t i n g a l e B i r d . | DETECTIVE CONAN 「Oc」

    ลำดับตอนที่ #16 : 15 || คราวยมทูตเพรียกหานกสีฟ้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2K
      237
      5 ก.ย. 63















    15

    คราวยมทูตเพรียกหานกสีฟ้า




              วันนี้ชิองมาที่ร้านปัวโรต์ตามคำชักชวนของอายูมิ เก็นตะและมิสึฮิโกะ เหล่าขบวนการนักสืบเยาวชนตัวน้อยเพื่อมาหาเจ้าแมวสามสีชื่อไทจังที่มีส่วนช่วยให้พวกเขาหลุดออกจากรถคอนเทนเนอร์ส่งพัสดุเมื่อคราวก่อน เห็นพี่ชินอิจิบอกว่าเป็นแมวที่ฉลาดพอตัว พอมาถึงที่ร้านพวกเด็กๆขอดูนิตยสารจากคุณอาสึสะ พนักงานคนสวยประจำร้าน

     

              “เชอะ.....ถ้าพี่ชิองไม่แวะเล่นกับแมวจรจัดละก็คงมาถึงร้านเร็วกว่านี้”  เก็นตะหรี่หางตาบ่น  ก่อนหน้าที่จะมาถึงร้านปัวโรต์ พี่ชิองเอาแต่แวะข้างทางเล่นกับแมวจรจัดไปทั่ว

     

              “มันช่วยไม่ได้นี่นาเก็นตะคุง”  ชิองหัวเราะแห้ง พลางรับหนังสือพิมพ์จากมิสึฮิโกะเพื่ออ่านคอลัมน์ใหญ่ที่เขียนเกี่ยวกับร้านปัวโรต์ เธอไล่สายตาอ่านคอลัมนิสต์บนหนังสือพิมพ์รายวัน มีทั้งเมนูแนะนำและโปรโมชั่นชุดเซ็ตพิเศษอื่นๆที่เปลี่ยนตามฤดูกาล และรูปคุณอาสึสะอุ้มแมวสามสีตัวอ้วนกลม  แค่เห็นก็—อยากเอาหน้าซุกจัง

     

              “คุณอาสึสะคะแล้วเจ้าแมวตัวนี้ไปไหนเหรอคะ”  เธอถามกับหญิงสาว

     

              “ความจริงฉันเอาไทคุงไปเลี้ยงที่บ้านตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วล่ะจ้ะ”  อาสึสะตอบ เพราะไทจังไปมีเรื่องกับแมวเจ้าถิ่นจนได้แผลกลับมาเต็มตัว เธอเห็นแล้วสงสารจึงเอามันกลับบ้านรักษาบาดแผลก่อน

     

              “เอ๋เอาไทจังไปคนเดียวแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ”  อายูมิจังพองแก้ม แอบงอแงเล็กๆตามประสา

     

              ชิองยืนฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่เงียบๆ เรื่องเจ้าของของไทจัง เจ้าแมวสามสีตัวนั้นเป็นแมวจรจัดที่สวมใส่ปลอกคอ บางทีอาจหลุดหรือหลงทางจากที่ไหนมาก็ได้ และการลงข่าวบนหนังสือพิมพ์อาจทำให้เจ้าของมาตามหาไทจัง

     

              “มือเธอไปโดนอะไรมา?”  อามุโร่เดินมาคว้าข้อมือของชิองที่ล้วงเข้าไปใต้เสื้อนอก  มือซ้ายนั้นพันผ้าพันแผลไว้รอบมือ

     

              “เมื่อวานซุ่มซ่ามนิดหน่อยค่ะ”  เธอตอบ เอาจริงๆก็ไม่หน่อยนะ เรียกว่าซวยดีกว่าใครจะคิดว่าแก้วน้ำที่ดื่มอยู่ทุกวันจะแตกคามือแล้วบาดซะเลือดหยดเต็มบ้าน  คนโบราณเขาเคยบอกว่าหากจู่ๆแก้วแตกโดยไม่ทราบสาเหตุนั่นหมายถึงลางบอกเหตุมรณะ  ดังนั้นคุณอากาอิจึงกระชับให้เธอระวังตัวเป็นพิเศษตอนออกนอกบ้าน

     

              “แบบนี้จะเล่นกีตาร์ไหวเหรอ”  ชายหนุ่มถาม  “คุณมีงานเปิดตัวที่สวนน้ำโทโตะไม่ใช่หรือครับ งานใหญ่ซะด้วย ช่วยรักษาตัวเองหน่อยสิ แล้วนี่ได้ยินที่ผมพูดรึเปล่าครับ!

     

              ชิองยกมือปิดหูทำเป็นไม่ฟังเสียงบ่นของเขา ในหัวรู้สึกวิงเวียนและอื้ออึงแปลกๆ แต่ว่านะเพิ่มอีกคนแล้ว—เพิ่มคนขี้บ่นเหมือนพ่ออีกคน ทั้งคุณอากาอิ พี่ชินอิจิ คุณอามุโร่ พวกเขาบ่นมากกว่าคุณพ่อยูซากุเสียอีก พ่อมากสุดก็บ่นเรื่องแฟนปลอมๆคราวก่อนเท่านั้น

     

              “แผลของมีคมบาดไม่เกินอาทิตย์ก็หายแล้วค่ะ ตอนโชว์ใส่ถุงมือปิดไว้สบายมากค่ะ ขอบคุณที่ห่วงนะคะคุณอามุโร่”

     

              “นี่......พี่ชิอง”  โคนันเอ่ยเรียก แต่ดูเด็กสาวล่องลอยไม่ได้ยินจึงเรียกชื่อยัยน้องสาวจอมเอ๋ออีกครั้ง  “พี่ชิอง....พี่ชิองครับเราไปดูเจ้าของของไทจังทั้งสามคนที่สำนักงานนักสืบของลุงโคโกโร่ที่ด้านบนเถอะครับ” 

     

              กว่าชิองจะรู้สึกตัวก็ตอนที่เจ้าพี่ชายทำเสียงกระจองอแงดึงชายเสื้อเรียกเธอหลายครั้งและลากเธอเข้าสำนักงานนักสืบชั้นบน

     

              จู่ๆก็ทำตัวเป็นเด็กเฉยเลย อะไรของพี่ชินเนี่ย? แล้ววันนี้เธอเป็นอะไรถึงรู้สึกเบลอๆ

     

              พอขึ้นไปสำนักงานนักสืบ เธอโค้งศีรษะทักทายคุณลุงโมริและพี่รัน “อ้ะ.....โกโร่จังนี่นา มานี่สิ เมี้ยวๆ”  สายตาสะกิดเห็นแมวของคุณน้าเอริจึงร้องเรียก และมันกระโจนให้ชิองอุ้มอย่างง่ายดาย มันคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ ออดอ้อนตามวิสัยของแมวที่คุ้นเคยกับคนที่มันไว้ใจ  ถ้าไม่ติดว่าโกโร่จังเป็นแมวนุ่มนิ่มขี้กลัว เธอจะกอดจะฟัดให้หายหมันเขี้ยวเลย

     

              สักพักคุณอาสึสะที่กลับไปเอาไทจังที่บ้านก็มาถึง ชิองอุ้มเจ้ากาโร่ลง และหันไปอุ้มเจ้าแมวสามสีแทน  “แกตัวอ้วนดีจังเลย”  ชิองเอาหน้าซุกที่ข้างหูของไทจัง มันส่งเสียงครวญครางพอใจแล้วเลียข้างแก้มเธอยกใหญ่

     

              “ชิองจังเนี่ยชอบแมวตั้งแต่เด็กแล้วเนอะ”  รันอมยิ้มเอ็นดู ภาพจำสมัยเด็กนั้น เธอมักเห็นชิองเล่นกับสัตว์ตลอด เป็นคนที่รักและดึงดูดสัตว์ได้อย่างน่าพิศวง   “ไม่สิ.....ต้องบอกว่าชอบสัตว์ทุกชนิดคงจะถูกมากกว่า พี่จำได้ว่าขนาดงูเธอยังกล้าจับเลย”

     

              “งูตัวมันลื่นๆ เกล็ดก็สวยตาก็โต น่ารักจะตายค่ะ เลยสบายมากเวลาต้องจับ”  แต่ขอยกเว้นงูจงอางหรืองูเห่านะ พวกนี้มันไม่เชื่อง อืม—แต่ก็อยากลองลูบงูแบล็กแมมบ้าก่อนตายสักครั้ง เกร็ดมันวาวสีดำของมันนั้นสวยน่าสัมผัสสุดๆ ถ้าคุณแม่ยูกิโกะไม่เกลียดงู เธอจะซื้อมาเลี้ยงแล้ว

     

              “อึ๋ย หนูว่างูมันน่ากลัวมากกว่านะคะพี่ชิอง”  อายูมิจังทำสีหน้าหวาดผวา พลางนึกถึงงูที่เลื้อยบนพื้นแล้วขนลุกขนพอง

     

              “นี่ชิองที่คอเธอมีผื่นนะ” รันเดินมาถกคอเสื้อออกเพื่อดูผดแดงที่เริ่มเห่อบริเวณต้นคอ  “หน้าก็เริ่มซีดด้วย ไม่สบายอะไรรึเปล่า?” 

     

              ชิองจับต้นคอตัวเอง ถ้าหากไม่โดนพี่รันทัก อาจไม่รู้ตัวเลย เริ่มคันแล้วด้วยสิ จากลองที่แตะๆดู มันเป็นผดแดงๆลอยปืดยาวเหมือนลมพิษ  เด็กสาวรีบคุ้ยหายาแก้แพ้ในกระเป๋า บางทีเธออาจแพ้อะไรอีก

     

              “พี่มียาทานะ ขึ้นขนาดนี้ลมพิษรึเปล่า กลับบ้านก่อนดีกว่าไหม?”  รันกำลังหันไปหยิบยา ทว่าชิองกลับเซล้มเข้าหาเธอ  “ชิองจัง!!!”

     

              เพราะเสียงร้องของรัน ทำให้ทุกคนในสำนักงานนักสืบโมริรีบกรูและยืนรายล้อมรอบเด็กสาวทั้งสอง ชิองนอนหอบหายใจ หน้าซีดเซียวและกระตุกเกร็ง มีอาการชักจนมือไม้งอหงิก รอยผื่นพวกนั้นเริ่มลุกลามขึ้นทั่วใบหน้าและลำตัว  รันจับมือชิอง ร่างกายนั้นเย็นเหยียบเหมือนศพแช่แข็ง  “ตัวเย็นมากเลยค่ะ”  นิ้วที่สัมผัสข้อมือของร่างเล็กรับรู้ดึงชีพจรที่หดเต้นถี่ใต้ผิวหนัง เธอรีบจับหน้าชิองแหงนขึ้นและกดตัวเด็กสาวที่กำลังชักไว้

     

              เพราะปากของชิองกำลังอ้าสูดอากาศหายใจ จึงไม่จำเป็นต้องหาอะไรมายัดเหมือนอาการชักอื่นๆ

     

              “รีบเรียกรถพยาบาลเร็วเข้าครับคุณอาสึสะ”  อามุโร่หันไปสั่ง ประจวบเหมาะกับที่เจ้าหนูอัจฉริยะวิ่งสวนเขาไปที่กระเป๋าของชิอง

     

              “ทำไมไม่มีอีพิเพ็น!?”  ยาที่ชิองพกเป็นประจำ จริงสิ—หมอสั่งหยุดยาเธอแล้วนี่นา เพราะอาการภูมิแพ้ของเธอมันดีขึ้นหลายปีแล้วจนพกแค่ยาเม็ดเท่านั้น

     

              “ยะ......แย่แล้ว ชิองไม่หายใจแล้ว!!”  รันน้ำตาคลอ กุมมือเล็กที่เย็นเหยียบ

     

              “รถพยาบาลมาแล้วค่ะ!”   จังหวะเดียวกันนั้นเองคุณอาสึสะก็มาพร้อมเจ้าหน้าที่  พวกเขาหอบเตียงผู้ป่วยและเคลื่อนย้ายชิองออกไป มีรันกับโมริที่รู้จักผู้ป่วยแบบเธอติดรถพยาบาลไปด้วย

     

              ชินอิจิฟังเสียงไซเรนและมองส่งรถพยาบาลที่เคลื่อนออกไปพร้อมร่างของน้องสาว แฟลชแบ็คสมัยเมื่อตอนเจ็ดขวบฉายซ้ำ  ภาพที่ชิองนอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่บนตียงผู้ป่วย  ไม่เอาแล้วนะยัยงั่ง—ไม่เอาเหมือนตอนนั้นอีกนะ  “โคนันคุงรีบขึ้นมา!!”  ขณะที่เขากำลังวุ่นวายใจ คุณอามุโร่ก็ขับรถโฉบเข้าข้างทาง และตะโกนเรียกให้เขาขึ้นรถ  ชินอิจิได้สติแล้วจึงกระโดดไปนั่งอย่างรวดเร็ว หยิบมือถือกดหาคุณอากาอิที่อยู่ที่บ้านและส่งข้อความหาคุณพ่อ คุณแม่ที่อยู่อเมริกา

     

              พอถึงโรงพยาบาล เพราะอาการของชิองเป็นเหตุฉุกเฉินที่ต้องรักษาโดยเร็วที่สุดจึงสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที  เขาพบรันนั่งกุมมืออยู่ข้างลุงโคโกโร่หน้าห้องฉุกเฉิน  รันบอกเขาว่าตอนที่ติดรถพยาบาลมาด้วยเจ้าหน้าที่ต้องทำการช็อกไฟฟ้าด้วยเครื่องเออีดี  อัตราชีพจรของชิองเต้นถี่เกินไปจนทำให้หัวใจเต้นแผ่วจนเกือบหยุดทำงานหลายครั้ง  หมอยังแจ้งอีกว่าผู้ป่วยมีอาการช็อกเฉียบพลันและหยุดหายใจ

     

              ชินอิจิกำหมัดสองข้างแน่น  “ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดนะ!!!”  ตะโกนเสียงดังจนรันต้องถลามากอดเขาไว้ 

     

              อามุโร่มองไปยังประตู หน้าห้องนั้นขึ้นป้ายสีแดง ปากพูดพึมพำ  “ต้องรอด......” และเแยกจากพวกโคนันมา เขาเดินออกมาข้างนอกโรงพยาบาลเป็นจังหวะเดียวกับที่โอกิยะ ซึบารุเดินสวนเขาไปเช่นกัน

     

              แต่เขาทำเป็นไม่เห็นเพราะนี่ไม่ใช่เวลาต้องมาสนใจเจ้านั่น  บัดนี้ยามเย็นที่เคยสวยงามกลับไม่เหมือนเดิม  เขาแหงนหน้าหาท้องฟ้าสีส้ม เห็นนกสีฟ้าตัวหนึ่งบินล่อนและตกกระแทกหน้ากระจกรถของเขา นัยน์ตาสีครามเบิกกว้างก่อนที่จะกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง

     

              อามุโร่สืบเท้าไปยังรถของตนเชื่องช้า โอบประคองนกน้อยสีฟ้าที่สั่นเกร็งด้วยสองมือ มันตกมาแรงมากจนปีกข้างหนึ่งของมันบิดเบี้ยว นกตัวนี้กระตุกหลายครั้งจนแน่นิ่งไป  “แกเป็นลางบอกเหตุหรือไง”  นกสีฟ้าตัวน้อยที่ตกลงมาโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นดั่งลางบอกเหตุที่ชวนให้เขาคิดไม่เป็นอื่น  เพราะเด็กคนนั้นก็มีสมญานามว่าบลูไนติงเกลเบิร์ด  ชายหนุ่มรีบหันหน้ากลับไปที่โรงพยาบาล           

     

              ห้ามเด็ดขาด......ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด เพราะเขาอยากเห็นเธอโลดแล่นอยู่บนเวทีด้วยเสียงร้องของเธอ  อามุโร่กลับเข้าไปในรถ ห่อนกน้อยตัวนั้นด้วยผ้าเช็ดหน้าของเขาและขับรถออกจากตัวโรงพยาบาล

     

              Amour เธอต้องรอด หวังว่ายมทูตคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น.......

     

     

              ตัดเข้าไปในห้องรักษา หมอและพยาบาลรายล้อมเตียงผู้ป่วย สายออกซิเจนถูกเสียบผ่านท่อทิ้วเข้าลำคอของเด็กสาว เสียงเครื่องเออีดีดังก้องห้องที่เงียบงัน หมอทำการช็อกไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจหนึ่งครั้งและรอดูผลบนจอเออีดีว่ามันสั่งให้ซีพีอาร์หรือทำการช็อกต่อไป หมอช็อกครั้งที่สอง สาม สี่จึงตัดสินใจหันไปสั่งพยาบาลให้เตรียมยากระตุ้นหัวใจมาฉีดให้คนไข้ 

     

              ทีมแพทย์เฝ้าดูอาการอยู่ประมาณนึงจนเสียงเครื่องวัดชีพจรดังปิ๊บยาวๆ ความดัน อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆลดลงเหลือศูนย์

     

              หมอช็อกไฟฟ้าตามที่เครื่องเออีดีประมวลผลสูงขึ้น  ยื้อคนไข้อยู่ประมาณสามสิบนาที เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงที่ยาวนาน หมอส่งสายตาหาพยาบาลผู้ช่วยและพยักหน้าลงความเห็น ทีมแพทย์ตัดสินใจวางเครื่องเอพีดีลง ไม่ยื้อคนไข้อีกต่อไปแล้ว

     

              “อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ”   หมอกล่าวลอยๆ สำหรับหมอเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้ทุกวัน อาจนับสถิติเป็นนาทีต่อนาทีหรือวิต่อวิ 

     

              โลกนี้ไม่เคยมีสิ่งเที่ยงธรรม มันไม่มีความเมตตาหรอก ถึงคราวที่ยมทูตจะเพรียกหาคนตายนั้น.......มันก็สามารถพรากได้ทุกสิ่ง


    ___________________

    เกร็ดต้องรู้

               1. เอพีดีคือเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า(เครื่องปั๊มหัวใจ)  เวลาแพทย์เรียกจะเรียกช็อกไฟฟ้า ไม่ใช่การช็อตไฟฟ้า  หมอจะใช้กรณีที่คนไข้หยุดหายใจจากอาการที่หัวใจเริ่มทำงานผิดปกติเช่น เต้นเร็วหรือเต้นช้าเกิน ถ้าหัวใจหยุดเต้นต้องรีบทำการช็อกทันที  เครื่องนี้จะแสดงผลและปรับอัตราของกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติตามแต่กรณีตามแต่ผู้ป่วย  เมื่อหมอช็อกไฟฟ้าหนึ่งครั้ง จอเอพีดีจะแสดงผลว่าหมอควรซีพีอาร์หรือช็อกต่อไปดี

                2. อีพิเพ็นคือเข็มฉีดยาที่คล้ายปากกาบรรจุสารอิพิเนฟรินหรืออะดรีนาลีน ใช้สำหรับรักษาอาการภูมิแพ้รุนแรงหรือภูมิแพ้เฉียบพลัน ถ้าคนที่แพ้ชนิดส่งผลต่อระบบหายใจ หมอจะสั่งให้พกติดตัวค่ะ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงหนังฝรั่งหลายๆเรื่องที่เขาหยิบแท่งฉีดยาที่ไม่มีหัวเข็ม(จริงๆมีแต่เล็กมากๆ) แทงกลางอกนั่นแหละค่ะ ส่วนใหญ่ฉีดต้นขา 

                3. ท่อทิ้วหรือท่อออกซิเจน ท่อที่แหย่เข้าไปในคอนั่นแหละค่ะ เสียบตอนไหนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ บางเคสเสียบตั้งแต่บนรถ บางเคสเสียบในห้องฉุกเฉิน

                นี่คือประสบการณ์ตรงของไรต์ เป็นภูมิแพ้เฉียบพลัน หมอต้องปั๊มสามครั้งและฉีดยากระตุ้นหัวใจถึงจะกลับมาค่ะ มีอาการช็อกและหยุดหายใจก่อนถึงโรงพยาบาล ภูมิแพ้นั้นเป็นโรคอันตรายกว่าที่คิด เพราะต้องระวังตัวเองอย่างมาก มันมาไม่รู้ตัว ต้องตรวจเรื่อยๆว่าตัวเองแพ้อะไร บางเคสก็แพ้เยอะมาก อย่างไรต์แพ้กุ้ง แพ้อากาศ แพ้เลือดสัตว์ แพ้เกสรดอกไม้ แพ้ผงชูรส แพ้ขนแมว(แต่ชอบแมว)  คนที่เป็นโรคภูมิแพ้สามารถไปตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงได้นะคะ

                อย่าชะล่าใจเด็ดขาด เพราะไรต์เกือบตายมาแล้วครั้งนึงสมัยม.ปลายด้วยก๋วยเตี๋ยวน้ำตกค่ะ

              

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×