ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    B l u e N i g h t i n g a l e B i r d . | DETECTIVE CONAN 「Oc」

    ลำดับตอนที่ #3 : 03 || ความทรงจำของอีกาดำ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 63















    03

    ความทรงจำของอีกาดำ



              ผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ชิองเหลือบมองนอกหน้าต่าง ลู่วิ่งสีแดงถูกทับถมด้วยกองหิมะสีขาวนวลกำลังถูกกวาดออกไปเพราะชมรมกรีฑาต้องใช้สถานที่ฝึกซ้อม ชีวิตของเธอค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยเรียบง่ายตราบเท่าที่เธอไม่ข้องแวะกับพี่ชินผู้เป็นดั่งลางมรณะ กับคุณอากาอิเองก็ไม่ชวนทะเลาะเหมือนวันแรกที่เจอหน้ากัน

     

              ค่อนข้างสนิทถึงขนาดที่ปรึกษาอะไรหลายอย่างได้เลยล่ะ

     

              ส่วนโรงเรียนมัธยมต้นเทย์ตันแห่งนี้ เธอได้อยู่ปีสามห้องบี มีเพื่อนใหม่หลายคนที่พอคบหาได้แต่ไม่คิดอยากตีซี้ด้วย เพราะเรียนอีกแค่ปีเดียวต่างคนต่างต้องแยกย้ายไปสอบเข้ามัธยมปลาย  ขณะเหม่อลอย จู่ๆมือถือของเธอก็สั่นเตือนถึงข้อความ เมื่อชิองแอบล้วงอ่านข้อความด้านในก็แทบตกใจเผลออุทานเสียงเบา

     

              “ชารอน?”  เพราะข้อความที่ได้รับมันมาจากชารอน วินยาร์ดหรือเบลม็อทแห่งองค์กรชุดดำ  เรื่องตัวตนของชารอนก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องสำคัญเลยคือเบลม็อทรู้ได้อย่างไรว่าเธอใช้อีเมลนี้

     

              เพราะก่อนย้ายมาญี่ปุ่น เธอเปลี่ยนอีเมลกับเบอร์โทรศัพท์ใหม่ทั้งหมด และข้อความถูกส่งมาว่า [เจอกันที่โรงแรมไฮโด้ซิตี้ได้รึเปล่าไนติงเกลตัวน้อย

     

              [ได้สิ หนูต้องไปกี่โมงคะ?]  นิ้วเรียวเลื่อนกดส่งข้อความอย่างชำนาญ เพียงไม่กี่นาทีข้อความจากชารอนก็ตอบกลับมา

     

              [สัก 2 ทุ่ม แต่งตัวน่ารักๆสำหรับห้องอาหารสุดหรูด้วยล่ะ ขอกระโปรงนะ]

     

              ชิองปิดฝามือถือ สีหน้ากระอักกระอ่วนลำบากใจ อืม—ให้เธอใส่กระโปรงนี่ค่อนข้างยากน่าดู เพราะนอกจากกระโปรงนักเรียนที่จำเป็น ชิองก็ไม่ชอบใส่กระโปรงแบบอื่นเท่าใดนัก

     

              แต่ชารอนสั่งคงจำใจต้องใส่อ่านะ

     

              พอถึงหนึ่งทุ่ม อากาอิลงมาชั้นล่างเพื่อเปิดไฟในบ้านให้สว่าง แต่เขาต้องผงะเมื่อสายตาสะกิดเข้ากับชิองที่นอนสลบไสลอยู่บนโซฟาตรงโถงกว้าง เขาชะโงกมองร่างเล็กที่หลับสนิทแบบหมดสภาพ เลื่อนมือปัดไรผมที่ปรกหน้าเด็กสาว เธอขยับตัวยุกยิกเหมือนรำคาญ  อากาอิจิ้มแก้มเธอหลายครั้งเป็นการปลุก

     

              “ถ้าง่วงก็กลับไปนอนที่ห้อง”  เขาเอ่ยพลางก้มเก็บรองเท้านักเรียนสีน้ำตาลที่เกลื่อนกลาดและจัดการพับผ้าพันคอที่เด็กสาวถอดทิ้งไว้รวมถึงกระเป๋านักเรียน  “เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

     

              “อืมม์ คุณอากาอิ......ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ”  ชิองปรือตา ทำเสียงงอแงไม่ยอมลุกจากโซฟานุ่ม

     

              “ทุ่มครึ่งแล้ว”  อากาอิตอบ

     

              ชิองเบิกตาโพลง รีบเด้งตัวอย่างว่องไว กุลีกุจอตะกายออกจากโซฟา “ตายแล้ว สายแน่ๆ!!”  สับแหลกวิ่งขึ้นชั้นสองเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  เธอลืมสนิทเลยว่ามีนัดกับเบลม็อทตอนสองทุ่มตรง  เนื่องจากไม่มีเวลาเลือกเสื้อผ้ามากนัก ชิองจึงหยิบเชิ้ตอันเก่าในตระกร้าผ้า ตามด้วยกระโปรงลายสก็อตสีเทาที่อยู่ใกล้มือที่สุดและเสื้อกั๊กไหมพรมคอวีแขนยาวสวมทับยัดใต้กระโปรงวิ่งดุ่มๆลงด้านล่าง สวมเสื้อโค้ทยาวกำลังสวนอากาอิที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตู

     

              เดี๋ยวก่อน”  อากากิคว้าแขนเด็กสาว  “จะไปไหนตอนมืดๆค่ำๆ”

     

              ซวยล่ะวุ้ย!

     

              “หนูมีนัดกับลูกค้าเรื่องการลงเพลงในซาวน์คลาวด์น่ะค่ะ” ชิองรีบหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนพัลวัน ถ้าเกิดคุณอากาอิรู้ว่าเธอแอบไปพบกับคนในองค์กรละก็ เขาต้องตามไปจับตัวแน่ๆ

     

              อากาอิผ่อนลมหายใจ หรี่ตาสงสัย ยังทำท่าทางไม่เชื่อ  “แน่ใจนะ”

     

              ชิองผงกศีรษะหลายครั้ง ข้ออ้างเรื่องเพลงของเธอเป็นอะไรที่เข้าท่าที่สุด  “หนูจะรีบไปรีบกลับค่ะ บางทีอาจโต้รุ่งด้วยเพราะหนูต้องแต่งเพลงใหม่ให้ทันก่อนเข้าฤดูร้อน”  เพลงที่เธอแต่งค้างไว้และมีเส้นตายคือเดือนหน้า

     

              “โอเค แต่กลับมาแล้วรีบนอนซะล่ะ”  อากาอิหยิบผ้าพันคอไหมพรมมาห่อรอบคอเด็กสาว  “ข้างนอกยังหนาวอยู่ หัดทำร่างกายให้อบอุ่นบ้าง แต่งตัวอะไรของเธอก็ไม่รู้ เธอน่ะเป็นเด็กกำลังโตต้องพักผ่อนให้เพียงพอ วันนี้เธอไปช่วยชมรมอื่นแข่งด้วยไม่ใช่เหรอ เมื่อคืนก็โต้รุ่งเพราะต้องรีบอัดเพลง แล้วยังหาเรื่องออกไปล่อนอีก”

     

              “ค่ะคุณอากาอิ”  เธอทำเป็นรับคำหยิบรองเท้าบูธและพุ่งออกนอกบ้าน บางทีคุณอากาอิชอบทำตัวขี้บ่นราวกับคุณพ่อไม่มีผิด นี่ถ้าพ่อกับเขามาอยู่ด้วยกัน มีหวังเธอได้หูชาบ้างแหละ

     

              สุดท้ายชิองก็มาถึงหน้าโรงแรมไฮโด้ซิตี้ เธอจำต้องควักเงินจ่ายค่าแท็กซี่ที่โคตรราคาสูงของประเทศญี่ปุ่น  ก้มมองนาฬิกาข้อมืออันเป็นเวลาสองทุ่มพอดีเป๊ะ

     

              “ฮาย ไนติงเกลตัวน้อย!”  เบลม็อทที่รอคอยเด็กสาว แอบลอบกอดชิองจากด้านหลังด้วยความเอ็นดู

     

              “ชารอนสวัสดีค่ะ”  เธอเบนสายตาหาหญิงสาว

     

              “โน โน.....เธอต้องเรียกฉันใหม่นะชิอง” 

     

              “อ้อจริงสิ หนูต้องเรียกคุณว่าคริส”  ชิองเพิ่งนึกออกว่าชารอนคนนั้นได้เปลี่ยนตัวตนเรียบร้อยแล้ว  และเธอเอ่ยทักท้วงหญิงสาวให้ปล่อยตัว  “แบบนี้มันอึดอัดนะคะ แถมคนเยอะด้วย”

     

              “แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่หน้าโรงแรมล่ะคะ ไม่ใช่ว่าคุณต้องรอหนูอยู่บนภัตตาคารเหรอ?”  เธอถาม

     

              “พอดีฉันต้องลงมาหาเพื่อนน่ะ”  เบลม็อทเบือนหน้าไปทางมาสด้าอาร์เอ็กซ์เซเว่นเอฟดีสีขาวที่สตาร์ทรถจอดอยู่ตรงข้ามกัน

     

              ชิองเอนศีรษะ มองเลยผ่านไหล่ของเบลม็อทพยายามเพ่งมองว่าใครกันที่อยู่ในรถ แต่เพราะมันเป็นฟิล์มดำจึงทำให้เธอมองไม่เห็นรูปพรรณสันฐานของคนด้านใน  “ตัวอันตรายไหมคะ?”  เธอถาม เพราะถึงชิองจะกล้ามาหาเบลม็อทตัวต่อตัว

     

              แต่ที่เธอกล้าเพราะเธอมั่นใจว่าเบลม็อทที่เคยเป็นเพื่อนกับคุณแม่ยูกิโกะจะไม่ทำอันตรายเธออย่างแน่นอน

     

              “สบายใจได้”  หญิงสาวท้าวสะเอวตอบ กลอกตาไปยังรถสปอร์ตสีขาว  “คนที่อยู่ด้านในนั้นเป็นได้แค่เจ้าหนูจมูกไวน่าหงุดหงิดเท่านั้นเอง ไม่ใช่ประเภทไล่ฆ่าใครเหมือนนักรบอีกาที่พี่ชายเธอคอยล่าหรอกนะ”  แถมเจ้าคนที่อยู่ในรถคนนั้นเป็นพวกหลักแหลมขี้สงสัย ตอนนี้เองก็คงอยากรู้ตัวสั่นแล้วละว่านกน้อยของเธอคือใครถึงได้ไม่ยอมขับรถกลับไปเสียทีแบบนั้นไง

     

              “เอาเถอะ......รีบไปหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่า เธอคงหิวแล้วสินะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”  เบลม็อทจับสองไหล่ของคนตัวเล็ก ดันร่างชิองเข้าไปในโรงแรม

     

              สองสาวต่างวัยนั่งทานอาหารติดริมกระจก ข้างนอกคือทิวทัศน์ของเมืองไฮโด้ตอนกลางคืน  ชิองยกผ้ามาเช็ดปากก่อนที่เธอจะลามือจากอาหารสุดหรูตรงหน้าเพื่อถามประเด็นหลักที่เบลม็อทเรียกเธอมาพบหน้า ทั้งที่เป็นบุคคลที่เจ้าหล่อนควรอยู่ห่างให้มากที่สุด

     

              “แล้วมีอะไรเหรอคะ”  เธอถาม  “เพราะคุณคงไม่เสี่ยงเรียกหนูมาเพราะแค่อยากกินข้าวด้วยกันเฉยๆหรอกนะ”

     

              “ใจจริงแค่อยากกินข้าวและคุยกันเฉยๆ”  เบลม็อทบอก เล็บสีแดงลูบวนบริเวณหน้าท้อง สำหรับเธอแล้วเด็กคนนี้น่ะ—บางอย่างนั้นต้องแลกมาด้วยราคาที่ทัดเทียม เพราะแบบนี้ไงเธอถึงไม่ศรัทธาต่อพระเจ้า หญิงสาวช้อนนัยน์ตาสีน้ำทะเลหาเด็กสาวตรงข้าม  “เธอก็รู้นี่ว่าฉันเอ็นดูเธอมากๆเพราะอะไร”

     

              ชิองแค่พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรออกมา ที่เบลม็อทเอ็นดูเธอเป็นพิเศษก็เพราะชารอนอยากมีลูกสาว  และเคยเอ่ยปากกับคุณแม่ว่าขอเป็นแม่ทูนหัวของเธอ  ชิองไม่รู้หรอกว่าอดีตชารอนเป็นอย่างไร ถึงถามไปเจ้าตัวก็ไม่ตอบอยู่ดี ทำได้แค่พูดประโยคเดิมๆใส่กรอกหูเธอตั้งแต่จำความได้

     

              A secret makes a woman woman.

     

             ความลับทำให้ผู้หญิงสมเป็นหญิง

     

             เห่อๆ เธอล่ะเบื่อการปกปิดเรื่องราวจนเป็นเจ้าแห่งความลับของชารอนจริงๆ

     

              “แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้คุณอาจยอมตอบหนูนะคะ”  ชิองพูด เธอมีเรื่องนึงที่ค้างคาตั้งแต่อ่านอีเมลและติดใจที่เบลม็อทเรียกเธอประจำ  “ทำไมคุณถึงเรียกหนูว่านกไนติงเกลล่ะชารอน?”

     

              พอเธอถามแบบนั้น  เบลม็อทพลันกระตุกมุมปากยิ้ม  ทำทีท่าราวกับมีลับลมคมในและตั้งใจไม่บอก แต่สุดท้ายหญิงสาวก็พูดออกมา

     

              “รู้ไหม.....ท่านผู้นั้นเขานิยามเธอเองเลยนะ”

     

              ประโยคของเบลม็อททำชิองขนแขนลุกชัน คำว่าท่านผู้นั้น มันหมายถึงหัวหน้าใหญ่ขององค์กรชุดดำ  “หยุดเลยค่ะชารอน หนูไม่อยากรู้แล้ว!”  เธอยกมือปราม ขอไม่ให้หญิงสาวพูดอะไรก็ตามที่เกี่ยวพันกับความเลวร้ายพรรคนั้น

     

              “ฉันไม่พูดอะไรมากหรอก”  เบลม็อทแอบขบขันกับท่าทางตกใจเกินเหตุของเด็กสาว “แค่จะบอกว่าท่านน่ะเอ็นดูเธอเหมือนกัน ท่านผู้นั้นนิยามเสียงของเธอเหมือนกับนกไนติงเกล ผสมกับตาสีฟ้าสวยของเธอเลยกลายเป็นบลูไนติงเกลเบิร์ด”

     

              “คุณพูดเหมือนกับว่าท่านผู้นั้นรู้จักหนู”  เธอถามอย่างกังวล ชารอนพูดแบบนี้มันเท่ากับเธอถูกท่านผู้นั้นหมายตา

     

              เบลม็อทหัวเราะเจ้าเล่ห์  “แล้วแต่เธอจะคิดนะ เพราะฉันบอกเธอได้เท่านี้แหละและไม่ต้องกังวลไป สำหรับท่านแล้ว นกน้อยอย่างเธอสมควรได้บินอย่างอิสระดั่งความมหายของไนติงเกลมากกว่า ขอรับประกันเลยว่าเธอจะไม่เป็นอันตราย”

     

              “จริงสิ”  หญิงสาวเกิดนึกอะไรออก “ตาฉันถามบ้างแล้ว”

     

              “คะ? มีอะไรอยากถามหนู”  ชิองเอียงคอ

     

              “พอดีฉันไปรู้อะไรน่าสนใจจากเจ้าอีกาจอมหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ”  เบลม็อทเคลื่อนร่างอรชนมาโอบไหล่เด็กสาว แนบใบหน้าและถามคำถาม  “เธอเคยพบกับยินใช่รึเปล่า ได้ยินหมอนั่นเล่ามาน่ะ แต่ดูเหมือนยินยังไม่รู้นะว่าเธอคือคนคนเดียวกับนกไนติงเกล”

     

              เบลม็อทลองคาดเดารูปลักษณ์ที่หมอนั่นเล่าถึงเรื่องที่ตนเองถูกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งช่วยไว้ ผสมกับลองถามยูกิโกะว่าเมื่อสองปีก่อน นกน้อยของเธอเคยไปเข้าค่ายที่อุทยานแห่งชาติเทือกเขาเกรทสโมคกี้รึเปล่าซึ่งคำตอบคือใช่ ดังนั้นเธอจึงฟันธงว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นชิองแน่ๆ

     

              “ยินหนูเคยได้ยินจากปากพี่ชินอิจินะคะ แต่หนูไม่เคยพบคนน่ากลัวพันนั้นหรอกค่ะ”  ไอ้คนที่จับพี่ชายเธอกรอกยาพิษจนกลายเป็นเด็กนั่นน่ะ ถ้าเจอละก็เธอขอเผ่นดีกว่า  “แล้วคนชื่อยินมันทำไมเหรอคะ?”

     

              “เปล่าหรอก......หมอนั่นแค่ไม่ยอมเล่ารายละเอียดมากนัก”  เอาง่ายๆเบลม็อทแค่อยากหาข้อมูลไปซ้ำเติมถึงข้อผิดพลาดของหมอนั่นเท่านั้นเอง  “ฉันแค่อยากหาอะไรไปตอกย้ำความผิดพลาดที่ยินโดนหนูตลบหลังจนต้องบาดเจ็บกลับมา” 

     

              แผลพวกนั้นกลายเป็นตราบาปติดตัวยินเชียวแหละ และเธอก็อยากรู้ด้วยว่านกน้อยของเธอใช้วิธีแบบไหนที่ยินยอมปล่อยชิองออกมาแบบมีชีวิตโดยไม่ทำอะไร แถมยังปิดปากเงียบสนิทตอนเธอถามเรื่องนั้นอีกตังหาก

     

              “เอางี้ ถ้าเธอนึกหน้าหมอนั่นไม่ออก เดี๋ยวฉันจะสาธยายให้ฟัง”  เบลม็อทเริ่มอธิบาย  “นักรบอีกาดำที่ชื่อยิน เป็นผู้ชายที่มีผมสีเงินยาวปกคลุมแผ่นหลังและมีดวงตาสีเขียวมรกต ชอบใส่หมวกกับเสื้อโค้ทสีดำสนิท เธออาจเคยพบเขาเมื่อสองปีก่อนที่อุทยานกลางฤดูหนาวจากเหตุหิมะถล่ม”

     

              ชิองหลับตาฟังและนึกหน้าผู้ชายที่เข้าเคล้า เธอเคยไปแคมป์กับชมรมสกีที่อุทยานแห่งชาติช่วงฤดูหนาวเมื่อสองปีก่อน รอยยิ้มชวนสยองของชายคนหนึ่งลอยกระแทกหน้า  เจ้าเหี้ยมนั่นเองเหรอที่เป็นเจ้าของโค๊ดเนมยิน!  ความโหดในตอนนั้นบอกยี่ห้อจริงๆ  พอนึกออกแล้วชิองพลันเหงื่อกายไหลพราก

     

              ตอนนั้นรอดมาได้ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว

     

              “นึกออกแล้วใช่ไหม”  เบลม็อททำเสียงระรื่น ยื่นหน้าหาชิอง กระตุกมุมปากเป็นสัญญาณบอกว่าต้องการขูดรีดข้อมูล  “เอาล่ะ.....เล่ามาซะดีๆชิอง”

     

              สองปีที่แล้วที่ชิองยังเรียนอยู่อเมริกา เธอผู้หลงไหลกีฬาเอ็กซ์สตรีมได้ไปตั้งแคมป์กับชมรมสกีที่เทือกเขาเกรทสโมคกี้ เป็นฤดูกาลที่ปกคลุมด้วยทิวทัศน์สีขาวปุยกับหมอกควันจาง  ชิองตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นสกีให้หนำใจ ในกลุ่มชมรมทุกคนต่างแยกย้ายและได้รับมอบหมายหน้าที่ของตนเอง เธอได้รับหน้าที่เป็นหน่วยพยาบาล

     

              ดังนั้นก่อนนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอด เธอต้องตระเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดให้เรียบร้อย ซึ่งกระเป๋าที่เธอแบกมันหนักเอาเรื่อง  มันเหมือนเป็นการท่องเที่ยวทั่วไป แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นั่นคือเหตุหิมะถล่มจากแรงระเบิดปริศนา ทำให้ต้องอพยพประชากรออกจากแถวนั้นทั้งหมด

     

              ถึงจะถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้ามไม่ให้ออกจากกระท่อม แต่อาจารย์กับเพื่อนๆของเธอที่ขึ้นกระเช้าไปยังไม่กลับมาเลย ด้วยความดื้อเธอจึงแอบออกไปตามหาเพื่อน

     

              แต่เพราะความซวยเลยทำให้เธอไถลตกข้างทาง บริเวณใกล้เคียงกับที่พักแรม  ชิองแหงนหน้ามองตรงที่เธอตกลงมา มันไม่ได้สูงมากเกินจะปีนกลับขึ้นไป  ขณะที่เด็กสาวกำลังปีนป่ายก้อนหิน  หิมะที่ปกคลุมปากโพรงแถวนั้นก็ล่วงใส่หน้าพาลให้กระเป๋าปฐมพยาบาลที่เผลอเอาติดมาหล่นเข้าไปในนั้น

     

              “เอ๋? แถวนี้มีถ้ำด้วยเหรอเนี่ย”  ชิงองกระโดดลงมาและชะโงกหน้าเข้าไปเพื่อหากระเป๋า จะบอกว่าเป็นถ้ำก็พูดไม่ได้เต็มปากนัก เพราะมันคือโพรงที่เกิดจากการที่รากไม้สูงมาซ้อนทับกันมากกว่า

     

              เลือด!!?  ชิองที่ต้องก้มตัวเข้าไปในโพรง บังเอิญมือสัมผัสเข้ากับของเหนียวหนืดจึงเลื่อนสายตาดู และพบว่ามันคือเลือด เด็กสาวตามล่องลอยแล้วคลานเข้าไปเพื่อหาต้นตอ บางทีอาจเป็นผู้บาดเจ็บกำลังเดือดร้อน

     

              “ไม่เป็นไรนะคะ!”  และเธอก็เจอคนบาดเจ็บจริงๆ  ชิองเขย่าตัวเรียกชายคนนั้นเพื่อตรวจสอบว่าเขายังมีสติหรือไม่  เธอถือวิสาสะปลดเสื้อโค้ทตัวหนาออกแล้วเลิกเสื้อคอเต่าขึ้น ที่ข้างเอวด้านขวามีแผลฉีกที่ราวกับโดนอะไรถาก อาจเป็นของมีคมหรือโดนยิง  ไม่หรอกน่า—ตัดเรื่องปืนไปได้เลย คงไม่มีใครบ้าจี้มายิงกันเล่นในที่แบบนี้

     

              อืม......แต่หุบเขาแบบนี้เป็นสถานที่อำพรางศพอย่างดีเลยนี่นา  แต่ว่า! ชิองสะบัดไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว  เธอเปิดกระเป๋าปฐมพยาบาล ใส่ถุงมือและกำลังหยิบสำลีมากดแผลห้ามเลือด

     

              “ทำอะ.....ไรของแก”  ทว่าผู้ชายที่บาดเจ็บกลับฝืนลุกแล้วจ่อปืนเข้าที่หัวเธอและทำท่าไม่สบอารมณ์  “มีลูกแกะมาพบจนได้ ขอโทษที่นะ แต่คงต้องขอให้เธอตายซะตรงนี้ โชคร้ายจริงๆที่ดันมาพบฉัน”  เขาหอบหายใจทรมานพูด

     

              แต่แทนที่เด็กหญิงตรงหน้าจะกลัว เธอกลับโน้มตัว จ่อหน้าผากตัวเองหาปากกระบอกปืนอย่างไม่มีหวั่นเกรง  เอาสิคะ”  จ้องดวงตากลมโตสีฟ้าแบบไม่กระพริบมาหา

     

              “ยิงสิคะ”  ชิองท้า  “ที่นี่มีเจ้าหน้าที่อยู่มากมายเพราะเกิดเหตุหิมะถล่ม ถ้าคุณอยากยิงก็ยิงเลย ยิงด้วยปืนที่ไม่มีท่อเก็บเสียงนี้ เจ้าหน้าที่จะได้แห่มา ส่วนคุณเองก็บาดเจ็บหนัก เสียเลือดมาก กระเสือกกระสนให้ตายยังไงก็คงหนีเจ้าหน้าที่ไม่พ้นหรอกค่ะ”

     

              “ว่าไงคะ ตกลงจะยิงไหม?” 

     

              ยินกัดฟันคำราม แต่เขาก็ยอมลดปืนลง หากคำนวณอะไรหลายอย่าง ตัวเขาในตอนนี้คงไม่สามารถหาทางเอาตัวรอดจากพวกสุนัขตำรวจได้ แต่ทนอีกนิดเดียว ก่อนฟ้ามืด วอดก้าที่เขาติดต่อไปคงรีบมาสบทบ  ยินกลอกตาขึ้นสบเด็กหญิงตาใส ดูจากขนาดตัวอายุน่าจะราวๆสิบสองหรือสิบสาม  เด็กสิบกว่าแต่รู้จักเจรจาต่อรอง

     

              “งั้นช่วยอยู่นิ่งๆด้วยนะคะ หนูจะทำแผล”  ชิองผ่อนลมหายใจโล่งอก เธอบีบบ่าสั่นๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่กลัวหรอก แต่เธอคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาคงไม่ปฏิเสธ  เธอบรรจงทำความสะอาดแผล ดีว่าแผลแค่ถากๆไม่ได้ลึกถึงขนาดต้องเย็บปิดบาดแผล เด็กสาวทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอลล์เสร็จแล้วจึงพันรอบเอวเขาด้วยผ้าก็อต

     

              การปฐมพยาบาลเป็นไปได้ด้วยดี เธอส่งยื่นขวดเกลือแร่ให้เขาดื่ม แต่เขาสะบัดหน้าไม่ยอมรับมัน เธอจึงวางไว้ข้างๆตัวเขาและกำลังคลานกลับไปที่ทางออก

     

              “ช่วยรออยู่นี่นะคะ เดี๋ยวหนูไปหาคนมาช่วย”  เธอบอก

     

              “ไม่ต้อง”  เขาตอบเสียงเย็น  “มาตรงไหนรีบไสหัวกลับไปตรงนั้นก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

     

              ชิองสะดุ้งกับเสียงตวาด แม้จะไม่ชอบใจที่อุตส่าห์ช่วยแล้วไม่ยอมขอบคุณ  แต่ไอสายตาเลือดเย็นที่บอกว่าจะยิงจริงๆ ทำให้เธอรีบคลานหนีอย่างว่องไว ขืนต่อปากต่อคำด้วยมีหวังเขาได้เปลี่ยนใจมายิงเธอแน่

     

              “เรื่องก็จบตรงนี้แหละค่ะ”  ชิองเล่าทุกอยากจบ  แต่หลังจากที่เธอปืนกลับขึ้นไป ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่กลับมาดูเขาอีกหรอกนะ แต่พอกลับไปที่โพรงนั้นอีกรอบช่วงพลบค่ำ ชิองก็ไม่เจอเขาแล้ว จะมีก็แต่ขวดน้ำเกลือแร่ว่างเปล่าที่ตั้งอยู่ตรงที่เขาเคยนอนทำแผลน่ะ

     

              “โอ๊ย นกน้อยของฉันนี่สุดยอดจริงๆละนะ”  เบลม็อทหัวเราะชอบใจ  “มีเธอคนแรกนั่นแหละที่โดนหมอนั่นเอาปืนจ่อหัวแล้วกล้าเอาหน้าไปรับท้าทาย ฉันล่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมอนั่นถึงไม่ฆ่าเธอทิ้ง”

     

              “อย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องตลกได้ไหมคะชารอน เอ้ย…..คริส!”

     

              “เอาน่าๆ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เด็กต้องกลับบ้านแล้วนะ”  หญิงสาวตบบ่าชิองเบาๆ และอาสาไปส่งเด็กสาวขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน

     

              หลังจากที่ถึงบ้านแล้ว ชิองก็ยังไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์ของเบลม็อทคืออะไรกันแน่ เธอนึกพลางจับลูกบิดประตูเปิดเข้าบ้าน ด้านในมืดสนิทแต่ได้แสงไฟนอกบ้านสาดส่องพอให้เห็นทาง  “คุณอากาอิทำไมไม่เปิดไฟละเนี่ย?”  เธอบ่นพึมพำ กำลังขึ้นไปชั้นสอง

     

              แต่แล้วชิองก็ถูกผลักจนหลังกระแทกบานกระจกใหญ่ในห้องโถงอย่างแรง คนที่ทำคือคุณอากาอิในสภาพเปียกปอนดั่งคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาโอบล้อมรอบตัวเด็กสาวและทุบกำปั้นใส่กระจก สายตาเชือดเฉือนราวโกรธจัดส่งตรงมาหาชิอง “เธอนัดกับเบลม็อทโดยที่ไม่บอกฉัน รู้ไหมว่าถ้าพวกมันทำอันตรายเธอจะเป็นไง!!?”  และตะคอกใส่หน้าเสียงดัง

     

              “คุณอากาอิ”  ชิองเหงื่อตก ขยับฝีปากพูดอย่างยากลำบาก  เลื่อนมือแตะมือหนาบอกนัยๆว่าให้เขาช่วยคลายมือที่บีบบ่าราวกับจะหักกระดูกเธอออก  ปล่อยด้วยค่ะ หนูเจ็บนะคะคุณอากาอิ!”  พอเรียกชื่อเขาซ้ำ คุณอากาอิรีบผละออก เสยผมสีดำชื้นแฉะเหมือนเพิ่งได้สติและกลับมาสงวนท่าทางสุขุมดั่งเดิม

     

              “คุณรู้ได้ไงคะว่าหนูไปพบเบลม็อท”  เธอถาม

     

              “เครื่องดักฟัง”  อากาอิเดินไปล้วงบางอย่างที่ใต้ปกคอเสื้อ เขาแอบใส่มันไว้ตอนกำลังพันผ้าพันคอให้เธอ

     

              “ขี้โกง!!”  ชิองโวยวาย แย่งอุปกรณ์ดักฟังมาบีบจนแตก  “แอบติดของพันนี้ไว้มันเกินไปนะคะ”

     

              “ใครใช้ให้เธอทำตัวมีพิรุธล่ะ”  อากาอิตอบ  “ฉันรับปากคุณเจ้าของบ้านไว้แล้วเรื่องดูแลเธอ  ดังนั้นฉันต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อีกอย่างถ้าฉันไม่ติดมันไว้ คงไม่รู้หรอกว่าเธอไปเจอกับเบลม็อท”

     

              “แต่น่าตกใจเหมือนกันนะที่เธอรู้จักยัยแอปเปิ้ลเน่าเป็นการส่วนตัวด้วย”

     

              “หนูกับเบลม็อทรู้จักในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกัน เธอไม่เอาเรื่องเลวร้ายพวกนั้นมาพัวพันรอบตัวหนูหรอกค่ะ”

     

              “เธอเอาอะไรมามั่นใจว่าไม่”

     

              “ก็ชารอนเขาสัญญากับหนูไว้น่ะสิคะ”  ชิองให้คำมั่น  “ว่าไม่มีทางให้ตัวหนูต้องเปื้อนความโสมมนั้น”

     

              “เอาเถอะ คราวหลังก็อย่าทำแบบนี้อีก”  พอเห็นเด็กสาวทำหน้าจริงจังปนเศร้าใส่ อากาอิพลันถอนหายใจ ดีดนิ้วใส่หน้าผากเธอจนชิองร้องเจ็บต้องยกมือกุมหน้าผาก

     

              “หนูขอโทษค่ะคุณอากาอิ วันหลังหนูจะไม่ทำแบบนี้แล้ว ถ้ามีอะไรหนูจะบอกความจริงคุณเสมอค่ะ!” ชิองโค้งศีรษะขอโทษยกใหญ่

     

              “เข้าใจก็ดีแล้ว แต่เพื่อไถ่ความผิด......”  เขาเว้นระยะ เดินไล่ต้อนชิองและแสยะมุมปากเล็กน้อย ยกนิ้วจิ้มรอยแดงบนหน้าผากซ้ำๆ  “เธอต้องบอกเรื่องราวของเธอกับเบลม็อทเท่าที่เธอรู้ทั้งหมดให้ฉันฟัง”

     

              “เล่าทั้งหมด ยาวแค่ไหนก็ต้องเล่า ห้ามงอแง คืนนี้ฉันจะทำให้เธอไม่ได้หลับได้นอน เตรียมใจไว้ได้เลย” 

     

              “ไม่จริง!!!!”  สิ้นประโยค มีเพียงเสียงกรีดร้องของชิองที่ดังลอดไปถึงบ้านของอากาสะ  คนแก่อย่างเขาที่ได้ยิน ก็ได้แต่บอกเด็กสาวว่าอาเมนนะ......ชิอง

     

    ____________________

    เดี๋ยวจะมีคนหาว่าทำไมน้องอายุแค่สิบสามถึงเก่งประถมพยาบาลหรือทำแผล
    ไรต์อิงจากไรต์เองค่ะ คือหลักสูตรโรงเรียนต่างประเทศค่อนข้างใส่ใจให้เด็กๆในไฮสคูลได้เรียนรู้
    ถึงเหตุการณ์ต่าง เช่น ไฟไหม้ต้องทำอย่างไร  หิมะถล่ม คนจมน้ำควรทำซีพีอาร์ยังไง
    หรือแม้แต่การปฐมพยาบาลกระดูกเบื้องต้น เด็กฝรั่งหลายคนสามารถทำได้ค่ะ
    บางคนก็ดูโตเกินวัยด้วยหากเทียบกับบ้านเรา 

    และ.......อยากแต่งตอนที่มีอามุโร่แล้ว อ้ากกกก เมื่อไหร่จะถึงสักที!!

    ปล.เสื้อที่น้องใส่ประมาณนี้ค่ะ

            

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×