คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 03 || ความทรงจำของอีกาดำ
ผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ชิองเหลือบมองนอกหน้าต่าง
ลู่วิ่งสีแดงถูกทับถมด้วยกองหิมะสีขาวนวลกำลังถูกกวาดออกไปเพราะชมรมกรีฑาต้องใช้สถานที่ฝึกซ้อม
ชีวิตของเธอค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยเรียบง่ายตราบเท่าที่เธอไม่ข้องแวะกับพี่ชินผู้เป็นดั่งลางมรณะ
กับคุณอากาอิเองก็ไม่ชวนทะเลาะเหมือนวันแรกที่เจอหน้ากัน
ค่อนข้างสนิทถึงขนาดที่ปรึกษาอะไรหลายอย่างได้เลยล่ะ
ส่วนโรงเรียนมัธยมต้นเทย์ตันแห่งนี้ เธอได้อยู่ปีสามห้องบี
มีเพื่อนใหม่หลายคนที่พอคบหาได้แต่ไม่คิดอยากตีซี้ด้วย
เพราะเรียนอีกแค่ปีเดียวต่างคนต่างต้องแยกย้ายไปสอบเข้ามัธยมปลาย ขณะเหม่อลอย จู่ๆมือถือของเธอก็สั่นเตือนถึงข้อความ
เมื่อชิองแอบล้วงอ่านข้อความด้านในก็แทบตกใจเผลออุทานเสียงเบา
“ชารอน?” เพราะข้อความที่ได้รับมันมาจากชารอน
วินยาร์ดหรือเบลม็อทแห่งองค์กรชุดดำ เรื่องตัวตนของชารอนก็อีกเรื่องหนึ่ง
แต่เรื่องสำคัญเลยคือเบลม็อทรู้ได้อย่างไรว่าเธอใช้อีเมลนี้
เพราะก่อนย้ายมาญี่ปุ่น เธอเปลี่ยนอีเมลกับเบอร์โทรศัพท์ใหม่ทั้งหมด และข้อความถูกส่งมาว่า [เจอกันที่โรงแรมไฮโด้ซิตี้ได้รึเปล่าไนติงเกลตัวน้อย]
[ได้สิ หนูต้องไปกี่โมงคะ?]
นิ้วเรียวเลื่อนกดส่งข้อความอย่างชำนาญ
เพียงไม่กี่นาทีข้อความจากชารอนก็ตอบกลับมา
[สัก 2 ทุ่ม แต่งตัวน่ารักๆสำหรับห้องอาหารสุดหรูด้วยล่ะ ขอกระโปรงนะ]
ชิองปิดฝามือถือ สีหน้ากระอักกระอ่วนลำบากใจ อืม—ให้เธอใส่กระโปรงนี่ค่อนข้างยากน่าดู
เพราะนอกจากกระโปรงนักเรียนที่จำเป็น ชิองก็ไม่ชอบใส่กระโปรงแบบอื่นเท่าใดนัก
แต่ชารอนสั่งคงจำใจต้องใส่อ่านะ
พอถึงหนึ่งทุ่ม อากาอิลงมาชั้นล่างเพื่อเปิดไฟในบ้านให้สว่าง
แต่เขาต้องผงะเมื่อสายตาสะกิดเข้ากับชิองที่นอนสลบไสลอยู่บนโซฟาตรงโถงกว้าง
เขาชะโงกมองร่างเล็กที่หลับสนิทแบบหมดสภาพ เลื่อนมือปัดไรผมที่ปรกหน้าเด็กสาว
เธอขยับตัวยุกยิกเหมือนรำคาญ
อากาอิจิ้มแก้มเธอหลายครั้งเป็นการปลุก
“ถ้าง่วงก็กลับไปนอนที่ห้อง”
เขาเอ่ยพลางก้มเก็บรองเท้านักเรียนสีน้ำตาลที่เกลื่อนกลาดและจัดการพับผ้าพันคอที่เด็กสาวถอดทิ้งไว้รวมถึงกระเป๋านักเรียน “เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“อืมม์
คุณอากาอิ......ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ”
ชิองปรือตา ทำเสียงงอแงไม่ยอมลุกจากโซฟานุ่ม
“ทุ่มครึ่งแล้ว” อากาอิตอบ
ชิองเบิกตาโพลง
รีบเด้งตัวอย่างว่องไว กุลีกุจอตะกายออกจากโซฟา “ตายแล้ว สายแน่ๆ!!” สับแหลกวิ่งขึ้นชั้นสองเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอลืมสนิทเลยว่ามีนัดกับเบลม็อทตอนสองทุ่มตรง เนื่องจากไม่มีเวลาเลือกเสื้อผ้ามากนัก ชิองจึงหยิบเชิ้ตอันเก่าในตระกร้าผ้า
ตามด้วยกระโปรงลายสก็อตสีเทาที่อยู่ใกล้มือที่สุดและเสื้อกั๊กไหมพรมคอวีแขนยาวสวมทับยัดใต้กระโปรงวิ่งดุ่มๆลงด้านล่าง
สวมเสื้อโค้ทยาวกำลังสวนอากาอิที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตู
“เดี๋ยวก่อน”
อากากิคว้าแขนเด็กสาว
“จะไปไหนตอนมืดๆค่ำๆ”
ซวยล่ะวุ้ย!
“หนูมีนัดกับลูกค้าเรื่องการลงเพลงในซาวน์คลาวด์น่ะค่ะ”
ชิองรีบหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนพัลวัน ถ้าเกิดคุณอากาอิรู้ว่าเธอแอบไปพบกับคนในองค์กรละก็
เขาต้องตามไปจับตัวแน่ๆ
อากาอิผ่อนลมหายใจ
หรี่ตาสงสัย ยังทำท่าทางไม่เชื่อ
“แน่ใจนะ”
ชิองผงกศีรษะหลายครั้ง
ข้ออ้างเรื่องเพลงของเธอเป็นอะไรที่เข้าท่าที่สุด
“หนูจะรีบไปรีบกลับค่ะ
บางทีอาจโต้รุ่งด้วยเพราะหนูต้องแต่งเพลงใหม่ให้ทันก่อนเข้าฤดูร้อน” เพลงที่เธอแต่งค้างไว้และมีเส้นตายคือเดือนหน้า
“โอเค
แต่กลับมาแล้วรีบนอนซะล่ะ”
อากาอิหยิบผ้าพันคอไหมพรมมาห่อรอบคอเด็กสาว “ข้างนอกยังหนาวอยู่ หัดทำร่างกายให้อบอุ่นบ้าง
แต่งตัวอะไรของเธอก็ไม่รู้ เธอน่ะเป็นเด็กกำลังโตต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
วันนี้เธอไปช่วยชมรมอื่นแข่งด้วยไม่ใช่เหรอ เมื่อคืนก็โต้รุ่งเพราะต้องรีบอัดเพลง
แล้วยังหาเรื่องออกไปล่อนอีก”
“ค่ะคุณอากาอิ” เธอทำเป็นรับคำหยิบรองเท้าบูธและพุ่งออกนอกบ้าน
บางทีคุณอากาอิชอบทำตัวขี้บ่นราวกับคุณพ่อไม่มีผิด นี่ถ้าพ่อกับเขามาอยู่ด้วยกัน
มีหวังเธอได้หูชาบ้างแหละ
สุดท้ายชิองก็มาถึงหน้าโรงแรมไฮโด้ซิตี้
เธอจำต้องควักเงินจ่ายค่าแท็กซี่ที่โคตรราคาสูงของประเทศญี่ปุ่น ก้มมองนาฬิกาข้อมืออันเป็นเวลาสองทุ่มพอดีเป๊ะ
“ฮาย ไนติงเกลตัวน้อย!” เบลม็อทที่รอคอยเด็กสาว
แอบลอบกอดชิองจากด้านหลังด้วยความเอ็นดู
“ชารอนสวัสดีค่ะ” เธอเบนสายตาหาหญิงสาว
“โน
โน.....เธอต้องเรียกฉันใหม่นะชิอง”
“อ้อจริงสิ
หนูต้องเรียกคุณว่าคริส” ชิองเพิ่งนึกออกว่าชารอนคนนั้นได้เปลี่ยนตัวตนเรียบร้อยแล้ว และเธอเอ่ยทักท้วงหญิงสาวให้ปล่อยตัว “แบบนี้มันอึดอัดนะคะ แถมคนเยอะด้วย”
“แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่หน้าโรงแรมล่ะคะ
ไม่ใช่ว่าคุณต้องรอหนูอยู่บนภัตตาคารเหรอ?” เธอถาม
“พอดีฉันต้องลงมาหาเพื่อนน่ะ”
เบลม็อทเบือนหน้าไปทางมาสด้าอาร์เอ็กซ์เซเว่นเอฟดีสีขาวที่สตาร์ทรถจอดอยู่ตรงข้ามกัน
ชิองเอนศีรษะ
มองเลยผ่านไหล่ของเบลม็อทพยายามเพ่งมองว่าใครกันที่อยู่ในรถ
แต่เพราะมันเป็นฟิล์มดำจึงทำให้เธอมองไม่เห็นรูปพรรณสันฐานของคนด้านใน “ตัวอันตรายไหมคะ?” เธอถาม
เพราะถึงชิองจะกล้ามาหาเบลม็อทตัวต่อตัว
แต่ที่เธอกล้าเพราะเธอมั่นใจว่าเบลม็อทที่เคยเป็นเพื่อนกับคุณแม่ยูกิโกะจะไม่ทำอันตรายเธออย่างแน่นอน
“สบายใจได้” หญิงสาวท้าวสะเอวตอบ
กลอกตาไปยังรถสปอร์ตสีขาว
“คนที่อยู่ด้านในนั้นเป็นได้แค่เจ้าหนูจมูกไวน่าหงุดหงิดเท่านั้นเอง
ไม่ใช่ประเภทไล่ฆ่าใครเหมือนนักรบอีกาที่พี่ชายเธอคอยล่าหรอกนะ”
แถมเจ้าคนที่อยู่ในรถคนนั้นเป็นพวกหลักแหลมขี้สงสัย ตอนนี้เองก็คงอยากรู้ตัวสั่นแล้วละว่านกน้อยของเธอคือใครถึงได้ไม่ยอมขับรถกลับไปเสียทีแบบนั้นไง
“เอาเถอะ......รีบไปหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่า
เธอคงหิวแล้วสินะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”
เบลม็อทจับสองไหล่ของคนตัวเล็ก ดันร่างชิองเข้าไปในโรงแรม
สองสาวต่างวัยนั่งทานอาหารติดริมกระจก
ข้างนอกคือทิวทัศน์ของเมืองไฮโด้ตอนกลางคืน
ชิองยกผ้ามาเช็ดปากก่อนที่เธอจะลามือจากอาหารสุดหรูตรงหน้าเพื่อถามประเด็นหลักที่เบลม็อทเรียกเธอมาพบหน้า
ทั้งที่เป็นบุคคลที่เจ้าหล่อนควรอยู่ห่างให้มากที่สุด
“แล้วมีอะไรเหรอคะ” เธอถาม
“เพราะคุณคงไม่เสี่ยงเรียกหนูมาเพราะแค่อยากกินข้าวด้วยกันเฉยๆหรอกนะ”
“ใจจริงแค่อยากกินข้าวและคุยกันเฉยๆ” เบลม็อทบอก เล็บสีแดงลูบวนบริเวณหน้าท้อง สำหรับเธอแล้วเด็กคนนี้น่ะ—บางอย่างนั้นต้องแลกมาด้วยราคาที่ทัดเทียม
เพราะแบบนี้ไงเธอถึงไม่ศรัทธาต่อพระเจ้า หญิงสาวช้อนนัยน์ตาสีน้ำทะเลหาเด็กสาวตรงข้าม “เธอก็รู้นี่ว่าฉันเอ็นดูเธอมากๆเพราะอะไร”
ชิองแค่พยักหน้ารับรู้
ไม่ได้พูดอะไรออกมา ที่เบลม็อทเอ็นดูเธอเป็นพิเศษก็เพราะชารอนอยากมีลูกสาว
และเคยเอ่ยปากกับคุณแม่ว่าขอเป็นแม่ทูนหัวของเธอ ชิองไม่รู้หรอกว่าอดีตชารอนเป็นอย่างไร
ถึงถามไปเจ้าตัวก็ไม่ตอบอยู่ดี ทำได้แค่พูดประโยคเดิมๆใส่กรอกหูเธอตั้งแต่จำความได้
A secret
makes a woman woman.
ความลับทำให้ผู้หญิงสมเป็นหญิง
เห่อๆ
เธอล่ะเบื่อการปกปิดเรื่องราวจนเป็นเจ้าแห่งความลับของชารอนจริงๆ
“แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้คุณอาจยอมตอบหนูนะคะ” ชิองพูด
เธอมีเรื่องนึงที่ค้างคาตั้งแต่อ่านอีเมลและติดใจที่เบลม็อทเรียกเธอประจำ “ทำไมคุณถึงเรียกหนูว่านกไนติงเกลล่ะชารอน?”
พอเธอถามแบบนั้น เบลม็อทพลันกระตุกมุมปากยิ้ม ทำทีท่าราวกับมีลับลมคมในและตั้งใจไม่บอก
แต่สุดท้ายหญิงสาวก็พูดออกมา
“รู้ไหม.....ท่านผู้นั้นเขานิยามเธอเองเลยนะ”
ประโยคของเบลม็อททำชิองขนแขนลุกชัน
คำว่าท่านผู้นั้น มันหมายถึงหัวหน้าใหญ่ขององค์กรชุดดำ “หยุดเลยค่ะชารอน หนูไม่อยากรู้แล้ว!” เธอยกมือปราม
ขอไม่ให้หญิงสาวพูดอะไรก็ตามที่เกี่ยวพันกับความเลวร้ายพรรคนั้น
“ฉันไม่พูดอะไรมากหรอก”
เบลม็อทแอบขบขันกับท่าทางตกใจเกินเหตุของเด็กสาว “แค่จะบอกว่าท่านน่ะเอ็นดูเธอเหมือนกัน
ท่านผู้นั้นนิยามเสียงของเธอเหมือนกับนกไนติงเกล
ผสมกับตาสีฟ้าสวยของเธอเลยกลายเป็นบลูไนติงเกลเบิร์ด”
“คุณพูดเหมือนกับว่าท่านผู้นั้นรู้จักหนู” เธอถามอย่างกังวล ชารอนพูดแบบนี้มันเท่ากับเธอถูกท่านผู้นั้นหมายตา
เบลม็อทหัวเราะเจ้าเล่ห์ “แล้วแต่เธอจะคิดนะ
เพราะฉันบอกเธอได้เท่านี้แหละและไม่ต้องกังวลไป สำหรับท่านแล้ว
นกน้อยอย่างเธอสมควรได้บินอย่างอิสระดั่งความมหายของไนติงเกลมากกว่า
ขอรับประกันเลยว่าเธอจะไม่เป็นอันตราย”
“จริงสิ” หญิงสาวเกิดนึกอะไรออก “ตาฉันถามบ้างแล้ว”
“คะ? มีอะไรอยากถามหนู” ชิองเอียงคอ
“พอดีฉันไปรู้อะไรน่าสนใจจากเจ้าอีกาจอมหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ” เบลม็อทเคลื่อนร่างอรชนมาโอบไหล่เด็กสาว
แนบใบหน้าและถามคำถาม
“เธอเคยพบกับยินใช่รึเปล่า ได้ยินหมอนั่นเล่ามาน่ะ แต่ดูเหมือนยินยังไม่รู้นะว่าเธอคือคนคนเดียวกับนกไนติงเกล”
เบลม็อทลองคาดเดารูปลักษณ์ที่หมอนั่นเล่าถึงเรื่องที่ตนเองถูกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งช่วยไว้
ผสมกับลองถามยูกิโกะว่าเมื่อสองปีก่อน นกน้อยของเธอเคยไปเข้าค่ายที่อุทยานแห่งชาติเทือกเขาเกรทสโมคกี้รึเปล่าซึ่งคำตอบคือใช่
ดังนั้นเธอจึงฟันธงว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นชิองแน่ๆ
“ยินหนูเคยได้ยินจากปากพี่ชินอิจินะคะ
แต่หนูไม่เคยพบคนน่ากลัวพันนั้นหรอกค่ะ”
ไอ้คนที่จับพี่ชายเธอกรอกยาพิษจนกลายเป็นเด็กนั่นน่ะ
ถ้าเจอละก็เธอขอเผ่นดีกว่า
“แล้วคนชื่อยินมันทำไมเหรอคะ?”
“เปล่าหรอก......หมอนั่นแค่ไม่ยอมเล่ารายละเอียดมากนัก” เอาง่ายๆเบลม็อทแค่อยากหาข้อมูลไปซ้ำเติมถึงข้อผิดพลาดของหมอนั่นเท่านั้นเอง
“ฉันแค่อยากหาอะไรไปตอกย้ำความผิดพลาดที่ยินโดนหนูตลบหลังจนต้องบาดเจ็บกลับมา”
แผลพวกนั้นกลายเป็นตราบาปติดตัวยินเชียวแหละ
และเธอก็อยากรู้ด้วยว่านกน้อยของเธอใช้วิธีแบบไหนที่ยินยอมปล่อยชิองออกมาแบบมีชีวิตโดยไม่ทำอะไร
แถมยังปิดปากเงียบสนิทตอนเธอถามเรื่องนั้นอีกตังหาก
“เอางี้
ถ้าเธอนึกหน้าหมอนั่นไม่ออก เดี๋ยวฉันจะสาธยายให้ฟัง” เบลม็อทเริ่มอธิบาย “นักรบอีกาดำที่ชื่อยิน
เป็นผู้ชายที่มีผมสีเงินยาวปกคลุมแผ่นหลังและมีดวงตาสีเขียวมรกต ชอบใส่หมวกกับเสื้อโค้ทสีดำสนิท
เธออาจเคยพบเขาเมื่อสองปีก่อนที่อุทยานกลางฤดูหนาวจากเหตุหิมะถล่ม”
ชิองหลับตาฟังและนึกหน้าผู้ชายที่เข้าเคล้า
เธอเคยไปแคมป์กับชมรมสกีที่อุทยานแห่งชาติช่วงฤดูหนาวเมื่อสองปีก่อน
รอยยิ้มชวนสยองของชายคนหนึ่งลอยกระแทกหน้า
เจ้าเหี้ยมนั่นเองเหรอที่เป็นเจ้าของโค๊ดเนมยิน! ความโหดในตอนนั้นบอกยี่ห้อจริงๆ พอนึกออกแล้วชิองพลันเหงื่อกายไหลพราก
ตอนนั้นรอดมาได้ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว
“นึกออกแล้วใช่ไหม” เบลม็อททำเสียงระรื่น ยื่นหน้าหาชิอง
กระตุกมุมปากเป็นสัญญาณบอกว่าต้องการขูดรีดข้อมูล
“เอาล่ะ.....เล่ามาซะดีๆชิอง”
สองปีที่แล้วที่ชิองยังเรียนอยู่อเมริกา
เธอผู้หลงไหลกีฬาเอ็กซ์สตรีมได้ไปตั้งแคมป์กับชมรมสกีที่เทือกเขาเกรทสโมคกี้
เป็นฤดูกาลที่ปกคลุมด้วยทิวทัศน์สีขาวปุยกับหมอกควันจาง ชิองตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นสกีให้หนำใจ
ในกลุ่มชมรมทุกคนต่างแยกย้ายและได้รับมอบหมายหน้าที่ของตนเอง
เธอได้รับหน้าที่เป็นหน่วยพยาบาล
ดังนั้นก่อนนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอด
เธอต้องตระเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดให้เรียบร้อย ซึ่งกระเป๋าที่เธอแบกมันหนักเอาเรื่อง มันเหมือนเป็นการท่องเที่ยวทั่วไป
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นั่นคือเหตุหิมะถล่มจากแรงระเบิดปริศนา
ทำให้ต้องอพยพประชากรออกจากแถวนั้นทั้งหมด
ถึงจะถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้ามไม่ให้ออกจากกระท่อม
แต่อาจารย์กับเพื่อนๆของเธอที่ขึ้นกระเช้าไปยังไม่กลับมาเลย
ด้วยความดื้อเธอจึงแอบออกไปตามหาเพื่อน
แต่เพราะความซวยเลยทำให้เธอไถลตกข้างทาง
บริเวณใกล้เคียงกับที่พักแรม ชิองแหงนหน้ามองตรงที่เธอตกลงมา
มันไม่ได้สูงมากเกินจะปีนกลับขึ้นไป
ขณะที่เด็กสาวกำลังปีนป่ายก้อนหิน
หิมะที่ปกคลุมปากโพรงแถวนั้นก็ล่วงใส่หน้าพาลให้กระเป๋าปฐมพยาบาลที่เผลอเอาติดมาหล่นเข้าไปในนั้น
“เอ๋? แถวนี้มีถ้ำด้วยเหรอเนี่ย” ชิงองกระโดดลงมาและชะโงกหน้าเข้าไปเพื่อหากระเป๋า
จะบอกว่าเป็นถ้ำก็พูดไม่ได้เต็มปากนัก
เพราะมันคือโพรงที่เกิดจากการที่รากไม้สูงมาซ้อนทับกันมากกว่า
เลือด!!? ชิองที่ต้องก้มตัวเข้าไปในโพรง
บังเอิญมือสัมผัสเข้ากับของเหนียวหนืดจึงเลื่อนสายตาดู และพบว่ามันคือเลือด เด็กสาวตามล่องลอยแล้วคลานเข้าไปเพื่อหาต้นตอ
บางทีอาจเป็นผู้บาดเจ็บกำลังเดือดร้อน
“ไม่เป็นไรนะคะ!” และเธอก็เจอคนบาดเจ็บจริงๆ ชิองเขย่าตัวเรียกชายคนนั้นเพื่อตรวจสอบว่าเขายังมีสติหรือไม่
เธอถือวิสาสะปลดเสื้อโค้ทตัวหนาออกแล้วเลิกเสื้อคอเต่าขึ้น
ที่ข้างเอวด้านขวามีแผลฉีกที่ราวกับโดนอะไรถาก อาจเป็นของมีคมหรือโดนยิง ไม่หรอกน่า—ตัดเรื่องปืนไปได้เลย คงไม่มีใครบ้าจี้มายิงกันเล่นในที่แบบนี้
อืม......แต่หุบเขาแบบนี้เป็นสถานที่อำพรางศพอย่างดีเลยนี่นา แต่ว่า! ชิองสะบัดไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว เธอเปิดกระเป๋าปฐมพยาบาล
ใส่ถุงมือและกำลังหยิบสำลีมากดแผลห้ามเลือด
“ทำอะ.....ไรของแก” ทว่าผู้ชายที่บาดเจ็บกลับฝืนลุกแล้วจ่อปืนเข้าที่หัวเธอและทำท่าไม่สบอารมณ์ “มีลูกแกะมาพบจนได้ ขอโทษที่นะ
แต่คงต้องขอให้เธอตายซะตรงนี้ โชคร้ายจริงๆที่ดันมาพบฉัน” เขาหอบหายใจทรมานพูด
แต่แทนที่เด็กหญิงตรงหน้าจะกลัว
เธอกลับโน้มตัว จ่อหน้าผากตัวเองหาปากกระบอกปืนอย่างไม่มีหวั่นเกรง “เอาสิคะ” จ้องดวงตากลมโตสีฟ้าแบบไม่กระพริบมาหา
“ยิงสิคะ” ชิองท้า
“ที่นี่มีเจ้าหน้าที่อยู่มากมายเพราะเกิดเหตุหิมะถล่ม
ถ้าคุณอยากยิงก็ยิงเลย ยิงด้วยปืนที่ไม่มีท่อเก็บเสียงนี้ เจ้าหน้าที่จะได้แห่มา
ส่วนคุณเองก็บาดเจ็บหนัก เสียเลือดมาก
กระเสือกกระสนให้ตายยังไงก็คงหนีเจ้าหน้าที่ไม่พ้นหรอกค่ะ”
“ว่าไงคะ
ตกลงจะยิงไหม?”
ยินกัดฟันคำราม
แต่เขาก็ยอมลดปืนลง หากคำนวณอะไรหลายอย่าง ตัวเขาในตอนนี้คงไม่สามารถหาทางเอาตัวรอดจากพวกสุนัขตำรวจได้
แต่ทนอีกนิดเดียว ก่อนฟ้ามืด วอดก้าที่เขาติดต่อไปคงรีบมาสบทบ ยินกลอกตาขึ้นสบเด็กหญิงตาใส
ดูจากขนาดตัวอายุน่าจะราวๆสิบสองหรือสิบสาม
เด็กสิบกว่าแต่รู้จักเจรจาต่อรอง
“งั้นช่วยอยู่นิ่งๆด้วยนะคะ
หนูจะทำแผล” ชิองผ่อนลมหายใจโล่งอก
เธอบีบบ่าสั่นๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่กลัวหรอก
แต่เธอคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาคงไม่ปฏิเสธ
เธอบรรจงทำความสะอาดแผล ดีว่าแผลแค่ถากๆไม่ได้ลึกถึงขนาดต้องเย็บปิดบาดแผล
เด็กสาวทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอลล์เสร็จแล้วจึงพันรอบเอวเขาด้วยผ้าก็อต
การปฐมพยาบาลเป็นไปได้ด้วยดี
เธอส่งยื่นขวดเกลือแร่ให้เขาดื่ม แต่เขาสะบัดหน้าไม่ยอมรับมัน
เธอจึงวางไว้ข้างๆตัวเขาและกำลังคลานกลับไปที่ทางออก
“ช่วยรออยู่นี่นะคะ
เดี๋ยวหนูไปหาคนมาช่วย” เธอบอก
“ไม่ต้อง” เขาตอบเสียงเย็น “มาตรงไหนรีบไสหัวกลับไปตรงนั้นก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
ชิองสะดุ้งกับเสียงตวาด
แม้จะไม่ชอบใจที่อุตส่าห์ช่วยแล้วไม่ยอมขอบคุณ
แต่ไอสายตาเลือดเย็นที่บอกว่าจะยิงจริงๆ
ทำให้เธอรีบคลานหนีอย่างว่องไว
ขืนต่อปากต่อคำด้วยมีหวังเขาได้เปลี่ยนใจมายิงเธอแน่
“เรื่องก็จบตรงนี้แหละค่ะ” ชิองเล่าทุกอยากจบ แต่หลังจากที่เธอปืนกลับขึ้นไป
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่กลับมาดูเขาอีกหรอกนะ แต่พอกลับไปที่โพรงนั้นอีกรอบช่วงพลบค่ำ
ชิองก็ไม่เจอเขาแล้ว จะมีก็แต่ขวดน้ำเกลือแร่ว่างเปล่าที่ตั้งอยู่ตรงที่เขาเคยนอนทำแผลน่ะ
“โอ๊ย
นกน้อยของฉันนี่สุดยอดจริงๆละนะ”
เบลม็อทหัวเราะชอบใจ “มีเธอคนแรกนั่นแหละที่โดนหมอนั่นเอาปืนจ่อหัวแล้วกล้าเอาหน้าไปรับท้าทาย
ฉันล่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมอนั่นถึงไม่ฆ่าเธอทิ้ง”
“อย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องตลกได้ไหมคะชารอน
เอ้ย…..คริส!”
“เอาน่าๆ
ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เด็กต้องกลับบ้านแล้วนะ”
หญิงสาวตบบ่าชิองเบาๆ และอาสาไปส่งเด็กสาวขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน
หลังจากที่ถึงบ้านแล้ว
ชิองก็ยังไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์ของเบลม็อทคืออะไรกันแน่ เธอนึกพลางจับลูกบิดประตูเปิดเข้าบ้าน
ด้านในมืดสนิทแต่ได้แสงไฟนอกบ้านสาดส่องพอให้เห็นทาง “คุณอากาอิทำไมไม่เปิดไฟละเนี่ย?” เธอบ่นพึมพำ กำลังขึ้นไปชั้นสอง
แต่แล้วชิองก็ถูกผลักจนหลังกระแทกบานกระจกใหญ่ในห้องโถงอย่างแรง
คนที่ทำคือคุณอากาอิในสภาพเปียกปอนดั่งคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เขาโอบล้อมรอบตัวเด็กสาวและทุบกำปั้นใส่กระจก สายตาเชือดเฉือนราวโกรธจัดส่งตรงมาหาชิอง
“เธอนัดกับเบลม็อทโดยที่ไม่บอกฉัน รู้ไหมว่าถ้าพวกมันทำอันตรายเธอจะเป็นไง!!?” และตะคอกใส่หน้าเสียงดัง
“คุณอากาอิ” ชิองเหงื่อตก ขยับฝีปากพูดอย่างยากลำบาก เลื่อนมือแตะมือหนาบอกนัยๆว่าให้เขาช่วยคลายมือที่บีบบ่าราวกับจะหักกระดูกเธอออก “ปล่อยด้วยค่ะ
หนูเจ็บนะคะคุณอากาอิ!”
พอเรียกชื่อเขาซ้ำ คุณอากาอิรีบผละออก
เสยผมสีดำชื้นแฉะเหมือนเพิ่งได้สติและกลับมาสงวนท่าทางสุขุมดั่งเดิม
“คุณรู้ได้ไงคะว่าหนูไปพบเบลม็อท” เธอถาม
“เครื่องดักฟัง” อากาอิเดินไปล้วงบางอย่างที่ใต้ปกคอเสื้อ เขาแอบใส่มันไว้ตอนกำลังพันผ้าพันคอให้เธอ
“ขี้โกง!!” ชิองโวยวาย แย่งอุปกรณ์ดักฟังมาบีบจนแตก “แอบติดของพันนี้ไว้มันเกินไปนะคะ”
“ใครใช้ให้เธอทำตัวมีพิรุธล่ะ” อากาอิตอบ
“ฉันรับปากคุณเจ้าของบ้านไว้แล้วเรื่องดูแลเธอ ดังนั้นฉันต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
อีกอย่างถ้าฉันไม่ติดมันไว้ คงไม่รู้หรอกว่าเธอไปเจอกับเบลม็อท”
“แต่น่าตกใจเหมือนกันนะที่เธอรู้จักยัยแอปเปิ้ลเน่าเป็นการส่วนตัวด้วย”
“หนูกับเบลม็อทรู้จักในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกัน
เธอไม่เอาเรื่องเลวร้ายพวกนั้นมาพัวพันรอบตัวหนูหรอกค่ะ”
“เธอเอาอะไรมามั่นใจว่าไม่”
“ก็ชารอนเขาสัญญากับหนูไว้น่ะสิคะ” ชิองให้คำมั่น
“ว่าไม่มีทางให้ตัวหนูต้องเปื้อนความโสมมนั้น”
“เอาเถอะ
คราวหลังก็อย่าทำแบบนี้อีก”
พอเห็นเด็กสาวทำหน้าจริงจังปนเศร้าใส่ อากาอิพลันถอนหายใจ
ดีดนิ้วใส่หน้าผากเธอจนชิองร้องเจ็บต้องยกมือกุมหน้าผาก
“หนูขอโทษค่ะคุณอากาอิ
วันหลังหนูจะไม่ทำแบบนี้แล้ว ถ้ามีอะไรหนูจะบอกความจริงคุณเสมอค่ะ!” ชิองโค้งศีรษะขอโทษยกใหญ่
“เข้าใจก็ดีแล้ว
แต่เพื่อไถ่ความผิด......” เขาเว้นระยะ
เดินไล่ต้อนชิองและแสยะมุมปากเล็กน้อย ยกนิ้วจิ้มรอยแดงบนหน้าผากซ้ำๆ “เธอต้องบอกเรื่องราวของเธอกับเบลม็อทเท่าที่เธอรู้ทั้งหมดให้ฉันฟัง”
“เล่าทั้งหมด
ยาวแค่ไหนก็ต้องเล่า ห้ามงอแง คืนนี้ฉันจะทำให้เธอไม่ได้หลับได้นอน
เตรียมใจไว้ได้เลย”
“ไม่จริง!!!!” สิ้นประโยค มีเพียงเสียงกรีดร้องของชิองที่ดังลอดไปถึงบ้านของอากาสะ คนแก่อย่างเขาที่ได้ยิน ก็ได้แต่บอกเด็กสาวว่าอาเมนนะ......ชิอง
ความคิดเห็น