คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เกมที่ 01 | ไม่ชอบหน้า
ฟิลาเดเฟียเป็นเมืองที่สงบสุขของเพนซิลเวเนีย อบอวลด้วยแสงแดดอ่อน ต้นไม้ใบหญ้าและทางคมนาคมแสนสะดวกสบายแม้จะเป็นเมืองธรรมดา มัวร์ริแกน เกรย์ เด็กสาวหน้านิ่งเคล้าเบื่อโลกผู้ไม่เคยมีสีผมซ้ำกันบนหัวได้เลือกโรงเรียนในเมืองนี้เป็นที่ลงหลักปักฐานมาได้สี่ปีและกำลังเข้าปีที่ห้า เธอเข้าเรียนที่เซ็นทรัลบัคไฮสคูลตะวันตก โรงเรียนระดับมัธยมธรรมดาทั่วไปที่ดีเด่นในเรื่องทีมกีฬาฮอกกี้และทีมเชียร์ นอกเหนือจากวิชาเรียนกับชมรมดนตรีที่พอได้ นอกนั้นก็น่าเบื่อหน่ายสำหรับมัวร์ริแกน
และยังมีสิ่งที่ก่อกวนใจที่สุด นั่นคือ คิงหรือควีนบีประจำโรงเรียน เป็นพวกน่ารำคาญ มากพอเสียจนอยากเลาะหนังหน้ามาแปะโชว์บอร์ดประชาสัมพันธ์ อนึ่งวันนี้เธอเพิ่งก่อเรื่องหนัก จนโดนผู้อำนวยการเรียกคุยและสั่งพักการเรียนหนึ่งเทอมแทนส่งเข้าสถานพินิจ อืม—ช่างมันเหอะเพราะเธอเซ็นใบลาออกปาใส่หน้าผู้อำนวยการเรียบร้อย อย่างน้อยก็ได้เฉือนหน้าเบนจามินพ่อหนุ่มคิงบีโชว์แม่บริททานี่ราชินีของโรงเรียน
เธอไม่แยแสเพราะถือว่าเคยเตือนพวกเขาหลายครั้งแล้ว เรื่องอย่ามาเข้าใกล้หรือล้ำเส้น อา—แต่พวกบ้านี่ก็โชคดีที่มีคนมาห้าม ไม่อย่างนั้นเธอคงกรีดหน้าเบนจามินลึกกว่านี้แทนที่จะเป็นแค่รอยแผลบางเบาเหมือนแมวข่วน ขณะนี้มัวร์ริแกนกำลังเดินออกจากโถงล็อคเกอร์ มีสายตาหวาดระแวงและเสียงซุบซิบรอบตัว เธอหยิบบีทเฮดโฟนมาสวมใส่กดพิ่มระดับเสียง กระชับกระเป๋าเป้ เคี้ยวหมากฝรั่งสีชมพูไม่แคร์โลก
โรงเรียนไม่จำเป็นสำหรับเธอ—มัวร์ริแกนคว้าฟิคเกียร์สีแดงขึ้นปั่นเพื่อกลับอพาร์ทเมนต์ที่ใกล้กับสถานีตำรวจอันเป็นห้องพักที่ทางรัฐบาลจัดหาให้ เธอไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้นและเธอมีเงินใช้จ่ายเพียงพอต่อการดำรงชีวิต แต่เธอไม่ขอบอกเหตุผลนะว่าทำไมถึงไม่ขัดสนเรื่องพวกนี้ พอถึงห้อง มัวร์ริแกนจัดแจงเหวี่ยงกระเป๋าทิ้งและเทดิ่งลงเตียงนอน ผมสีควันบุหรี่สยายกว้าง หูฟังเสียงเพลงดังกระหึ่มไม่ขาดสาย ตาหนักอึ้งเริ่มคล้อยหลับ
ก๊อก ก๊อก ทว่าเสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นจนมัวร์ริแกนจำใจต้องลุกจากเตียงไปเปิดประตู พอเห็นผู้มาเยือนเธอกลอกตารีบปิดประตูหนีอย่างฉับไว แต่มือหนาก็แทรกกั้นไว้และลอดตัวเข้ามาในห้อง ทอม แบล็ควู๊ด ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม ตำรวจประจำสถานีข้างกันเดินกระแทกเท้า ทำหน้าขึงขังใส่ เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องถูกผู้อำนวยการโรงเรียนโทรรายงานพฤติกรรมหรือไม่ก็ขอให้จับเธอเข้าคุกเป็นแน่
“เธอเอาอีกแล้วนะมัวร์ริแกน” ทอมปริปากบ่น “จะมีผู้บาดเจ็บจากน้ำมือเธอเพิ่มกี่คนกันแน่ สถานีของเรารับเรื่องและทำผ่านไม่ไหวหรอกนะ ต่อให้เธอมีความดีความชอบหรือช่วยทางเรามากแค่ไหนก็ตาม”
มัวร์ริแกนแสร้งทำหูทวนลม เดินกระชากถุงสีน้ำตาลจากมือทอมซึ่งเธอคาดว่าข้างในน่าจะเป็นแซนวิซของร้านอาหารอิตาลี “เฮ้!! นั่นมื้อเที่ยงฉันนะ” ถึงชายหนุ่มร้องท้วง เธอก็ถือวิสาสะหยิบแซนวิซไก่งวงอบกัดเข้าปากอย่างยียวน
“อืม...ลุงจิมมี่ยังใส่ไก่แน่นเหมือนเคย” เธอเลียซอสที่ติดมุมปาก เคี้ยวแซนวิซพูดไปพลางจนทอมถึงกับถอนหายใจ
“เฮ้อ มัวร์ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับเธอแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหัวอับจนปัญญา
“ปล่อยหนูสิ” มัวร์ริแกนพูดและขยำถุงกระดาษทิ้ง “ทำเฉย เฝ้าจับตาดูหนูเงียบๆ เหมือนหน้าที่ที่คุณต้องทำตลอดปี เอ๊ะ...หรือสองปี”
“สองปีเต็ม” ทอมรับสารภาพด้วยหน้าอึ้งเล็กน้อย “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันจับตาดูเธออยู่”
“โอ้...หนูไม่ได้รู้แค่นั้นนะ หนูยังรู้อีกว่าคุณไม่ใช่ตำรวจของนครบาลแต่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ เป็นอะไรดี—ตำรวจสากล ซีไอเอหรือเอฟบีไอ?” มัวร์ริแกนส่งสายตาเชือดเฉือนจ้องชายหนุ่ม “อีกอย่างนะ ตำรวจธรรมดาที่ไหนสามารถแทรกแซง หรือเร่งขอให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานส่งเอกสารสภาพศพตลอดจนสารเคมีมาได้” เธอจับสังเกตพิรุจได้หลายครั้งเวลาที่เธอมีส่วนช่วยในคดีท้องถิ่นโดยเฉพาะคดีฆาตกรรม เอกสารรวบรวมหลักฐานของทอมมันดีเกินกว่าความสามารถของตำรวจพื้นที่ เนื่องจากพวกเขาไม่มีอำนาจมากพอต่อการตรวจสอบหลักฐานบางตัว
ทอมเม้มปาก ก้มหน้าอย่างจำนน “ฉันเป็นเอฟบีไอ” ลังเลอยู่สักพักแต่สุดท้ายเพราะไม่สามารถหาข้ออ้างจึงยอมบอกความจริงกับเด็กสาว “ที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่เฝ้าดูเธอตามคำสั่งของหัวหน้าและศาล”
“พื้นที่ไหนส่งมา เวอร์จิเนีย?” เธอถามซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้า
“ออกไปทอม” และมัวร์ริแกนเอ่ยปากไล่ชายหนุ่ม
“แต่มัวร์ฉันยังคุยไม่....”
“ออกไป!!!” เธอตะโกน เริ่มจับเอาของรอบตัวปาใส่จนทอมยอมล่าถอยออกจากห้อง มัวร์ริแกนปิดประตูดังปังพร้อมล็อคกลอนแน่นหนา เป็นอีกครั้งที่เธอกลับไปที่เตียงนอน เด็กสาวคว้าหมอนมาซุกหน้ากอดไม่อยากนึกอะไรอีก
ทางด้านทอม เขาได้แต่ยืนจ้องประตูทำอะไรไม่ถูก เวลาสองปีที่คอยเฝ้ามองหรือสัมผัสกับมัวร์ริแกน เธอเป็นเด็กแปลกค่อนไปทางนิสัยแย่จนไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนสักคน แม้ส่วนหนึ่งเจ้าตัวไม่คบใครด้วย เธอชอบขวางโลก กีดกันตนเองออกจากสังคม บางครั้งก็ก่อเรื่องทำร้ายคนในโรงเรียนบาดเจ็บซึ่งก็โทษมัวร์ริแกนไม่ได้เพราะเธอป่วย กลับกันถ้าเป็นเรื่องคดีต่างๆ เธอกลับมีความกระตือรือร้นมากกว่าปกติหลายเท่า
มัวร์ริแกนเป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษ เทียบเคียงกับคนที่ดูแลเธอ ซึ่งนิสัยไม่ชอบเข้าสังคมพอกัน คนเลี้ยงเป็นอย่างไรมัวร์ริแกนก็เป็นแบบนั้น “เฮ้อ...จะกลับไปคุยกับคุณบลูมยังไงดีละเนี่ย?” ทอมโอดครวญ สุดท้ายทำได้แค่กลับสถานีตำรวจ
ตัดไปทางมัวร์ริแกน หลังจากไล่ชายหนุ่ม เธอผล็อยหลับอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างอรชนภายใต้เสื้อฮู้ดหลวมโพรกกระตุกเกร็งกระสับกระส่าย เด็กสาวกำลังฝันถึงตนเองครั้นวัยเยาว์ เธอที่นั่งทับใครบางคนที่ไม่เห็นใบหน้าพร้อมมีดทำครัวบนมือของตนหนึ่งเล่ม เสื้อลูกไม้สีครีมถูกย้อมด้วยเลือด สองแขนเล็กอ่อนแรงกำด้ามพลาสติกและเหวี่ยงแขนลง กระซวกร่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอวัยวะไหลทะลัก แม้ลำไส้ขาดสะบั้นเหวอะหวะสับเป็นชิ้นน้อยเธอยังไม่ยอมหยุด
ฉับพลันแสงที่บดบังใบหน้าพลันสว่างวาบ แปรเปลี่ยนร่างเละเป็นคนคุ้นเคย วิล แกรห์ม อดีตผู้อุปการะของตน เธอที่โตมาหน่อยกำลังคร่อมร่างคว้าคอเขา เงื้อปลายมีดแหลมลอยสูงและเหวี่ยงปักอกแทงไม่ยั้งนับร้อย โลหิตที่ไหลรินออกจากร่างแน่นิ่งชโลมโชกชุ่มบนเตียงนอน ขณะหอบหายใจแล้วยิ้ม ทว่า—ร่างของวิลที่ควรไร้สัญญาณชีพ กลับกระโจนใส่แล้วบีบคอเธอด้วยแรงมหาศาล เลือดจากแผลพรุนกระฉอกลดใบหน้าเข้าปาก เขาตะโกนเสียงแหลมถาม “เธอฆ่าฉันทำไมมัวร์!!!”
“กรี๊ดดดด!!” มัวร์ริแกนหวีดร้องสุดเสียงเด้งจากที่นอน เธอหันซ้ายขวามองรอบห้อง ดูจนมั่นใจว่าเป็นห้องของตนเองสติจึงค่อยสงบลง เด็กสาวนั่งกุมขมับเสยผม ร่างกายยังสั่นเทิ้มชื้นเหงื่อ เธอจึงไม่ลังเลคว้าเอาขวดยาข้างเตียงที่จับฝุ่นกรอกเข้าปาก เอาอีกแล้ว—ฝันร้ายที่เธอฆ่าร่างปริศนาสลับวนกับวิล เธอไม่ได้มีอาการนี้มานานมากนับตั้งแต่ออกห่างจากเขา ไม่ฝันและไม่ต้องพึ่งยา แต่วันนี้ต้องกลับมากระเดือกมัน แถมหลับฝันร้ายลากยาวถึงเช้าอีกต่างหาก
มัวร์ริแกนเหม่อมองขวดยาสีน้ำตาลเข้มนิ่งงัน ก่อนตัดสินใจบันดาลโทสะเขวี้ยงมันทิ้งถังขยะ จัดแจงตนเองเพื่อหาซื้อมื้อเช้ากิน ทว่า—หน้าอพาร์ทเมนต์กลับมีรถออดี้สีเงินหรูหราเกินกว่าจะจอดในย่านนี้ขวางจักรยานอยู่ เธอลองชะโงกมองเพื่อตรวจสอบดูว่าเป็นรถของใคร กระจกข้างรถก็เลื่อนลงและเผยโฉมหญิงสาวนางหนึ่งที่เธอรู้จักดี จิตแพทย์สาวอลาน่า บลูมผู้เคยรับหน้าที่ดูแลเธอ บังเกิดคำถามขึ้นมาว่าเจ้าหล่อนมาทำอะไรที่นี่?
แต่สำนึกกลับบอกมัวร์ริแกนให้เดินหนีทันที เธอทำเป็นไม่สนใจ กำลังเข็นจักรยานแต่อลาน่ารีบลงจากรถมาขวางเธอไว้ จิตแพทย์สาวจับกระเป๋าเด็กสาว หลังมือของอลาน่าเฉียดแผ่นหลังเธอเล็กน้อย เพียงแค่นั้นก็ทำให้มัวร์ริแกนสะดุ้งจนต้องผลักหล่อนไปไกล
“ขอโทษนะมัวร์ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” อลาน่าขอโทษ “แต่เธอยังไม่หายอีกเหรอ?”
มัวร์ริแกนหลุบตา “มีธุระอะไร แล้วหมออย่างคุณรู้ที่อยู่หนูได้ไง?”
“เส้นสายในเอฟบีไอนิดหน่อย” อลาน่าตอบ “ฉันขอแฟ้มบันทึกรายงานจากเจ้าหน้าที่แบล็ควู๊ดมาหาเธอถึงนี่”
มัวร์ริแกนขบฟัน ไม่ปกปิดสีหน้าไม่พอใจของตนเอง “สะเออะ.โทษนะ ช่วยรีบย้ายก้นออกไปที ก่อนที่หนูจะชังหน้าคุณมากกว่านี้”
“มัวร์ริแกนเธอควรสุภาพและทำใจให้เย็นหน่อยนะ” จิตแพทย์สาวตอบเสียงดุ
ส่วนเด็กสาวสวนทันควัน “ใครสน? ในเมื่อคุณรุกรานพื้นที่ส่วนตัว อีกทั้งใช้เส้นสายเอาข้อมูลของประชาชน หนูฟ้องร้องคุณได้นะอลาน่า”
อลาน่าผ่อนลมหายใจ “เธอดูหงุดหงิดง่ายนะมัวร์ริแกน เธอได้กินยาบ้างรึเปล่า?”
“ก็ปกติ ไม่จำเป็นต้องพึ่งของพรรคนั้น” เธอกอดเอวตอบ “ถามจริงอลาน่า คุณออกจะฉลาด มีใครที่ไหนชอบการกระทำของคุณ อย่าเบี่ยงประเด็น”
“ฉันไม่ได้เบี่ยงประเด็น” อลาน่าส่ายหน้า เริ่มตะเบ็งเสียงใส่เด็กสาว “ให้ตายสิมัวร์ริแกน!! เธอช่วยใจเย็นแล้วฟังสิ่งที่ฉันพูดหน่อยได้ไหม?”
เด็กสาวกลอกตา “มีอะไรก็ว่ามาสิ”
มัวร์ริแกนพยายามทำใจให้เย็นเพื่อฟังธุระที่อลาน่ากล่าว อลาน่าต้องการให้เธอไปที่เวอร์จิเนียเพื่อช่วยวิล ตอนนี้เจ้าหล่อนเป็นจิตแพทย์ที่กำลังศึกษาพฤติกรรมของเขาแต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ตอนนี้วิลกำลังแย่ เขาจิตตกจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เขาลงมือวิสามัญฆาตกรด้วยเงื้อมมือตนเพื่อช่วยเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย อบิเกล ฮ็อปป์ เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอผู้เป็นลูกสาวของฆาตกร
เธอหลับตาลงนึกถึงลำดับเหตุการณ์ที่อลาน่าเล่า ทุกอย่างมาเป็นฉากราวอยู่ในเหตุการณ์ ไม่ต้องจินตนาการเลยว่าเขาจะรู้สึกแย่ขนาดไหน อลาน่ามาที่นี่เพื่อขอให้เธอยืนเคียงข้างวิล เผื่อเขาจะดีใจแล้วอาการทุเลาลง ทว่าเธอไม่กล้าสู้หน้าวิล ภาพความฝันเมื่อเช้ายังสลักทับชวนหลอกหลอน
เธอกลัว....กลัวว่าความฝันนั้นจะเป็นจริง เหมือนอีกครั้ง เธออุตส่าห์ยื่นคำร้องเพื่อหลีกหนีจากเขาแล้วแต่วิลกำลังแย่? จะไม่ให้ไปดูได้อย่างไร หัวใจของมัวร์ริแกนบีบรัดชวนหายใจไม่ออกจนต้องเกาะกระโปรงรถเป็นที่พักพิง “ไม่” อลาน่าตั้งใจเข้าพยุง แต่มัวร์ริแกนร้องห้าม เด็กสาวค่อยๆกำหนดลมหายใจจนเริ่มโอเคขึ้น
“ฉันขอร้องเลยนะมัวร์ริแกน” อลาน่าเอ่ย “ฉันรู้นะว่าเธอห่วงเขาตลอด”
มัวร์ริแกนค้อนขวับ “อย่ามาใช้จิตวิทยาดูอากัปกิริยา”
“มันไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ตกลงเธอจะไปหาวิลกับฉันรึเปล่ามัวร์ริแกน ฉันขอร้องนะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเว้าวอน
มัวร์ริแกนครุ่นคิด “ขอเวลาตัดสินใจสักพักนะอลาน่า...ตอนนี้หนูขอพักก่อน เอาเบอร์คุณมา แล้วจะติดต่อกลับไปเอง”
หลังจากนั้นถัดไปอีกวัน สุดท้ายเธอยินยอมมากับอลาน่า มัวร์ริแกนนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะคิดมากเรื่องวิล เด็กสาวอาศัยช่วงเวลาเดินทางจากฟิลาเดเฟียถึงเวอร์จิเนียพักสายตา รวมแล้วเธอจะได้งีบสักราวๆสี่ถึงห้าชั่วโมงต่อระยะทางสามร้อยไมล์ ส่วนอลาน่า—เจ้าหล่อนดูตกใจที่เธอไม่บ่นหรือว่ากราดเรื่องมาสายกว่าสามสิบนาทีจากเวลานัดหมายสิบโมง
ก็นะ...ง่วงจะตาย ใครจะมีอารมณ์บ่นกัน
เมัวร์ริแกนเริ่มเอนศีรษะพิงกับกระจกรถ สายตามองข้างทางที่ผู้คนขวักไขว่ขณะกำลังติดไฟแดง ไม่มีบทสนทนาใดระหว่างบุคคลทั้งสอง ต่อให้อลาน่าอึดอัด เด็กสาวก็ไม่มีทีท่าชวนเจ้าหล่อนคุย เธอกดเพิ่มระดับเสียงเพลงบนหูฟังบีท จิตใจเริ่มสงบจากการฟังเสียงจังหวะดนตรี ปิดตาลงเริ่มเคลิ้มและก็เข้าสู้ห้วงนิทราในที่สุด
“แกน...มัวร์...มัวร์ริแกน”
อลาน่าปลุกเด็กสาว ส่วนมัวร์ริแกนสะดุ้งตื่น เธอปรือตามองจิตแพทย์สาวด้วยสภาพเมาขึ้ตา หันซ้ายหันขวาสำรวจรอบตัว อืม—ดูเหมือนเธอจะหลับไปนานพอดูจนไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?” มัวร์ริแกนถาม
“โรงพยาบาล” อลาน่าตอบ “เราถึงเวอร์จิเนียแล้ว และวิลอยู่ที่นี่”
“นี่เขาแอดมิทเลยเหรอ” เธอพูดและก้าวขาลงจากรถ ไม่คิดเลยว่าวิลจะเป็นหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล
“เปล่า...เขาแค่มาเฝ้าเหยื่อที่เหลือรอดจากคดีที่แล้วน่ะ” อลาน่าพูดพลางเปิดท้ายรถ ขนกระเป๋าเป้ให้เด็กสาวแล้ววกกลับเข้ารถ
“อบิเกล ฮ็อปป์สินะ แล้วนั่นคุณจะไปไหน” มัวร์ริแกนเลิกคิ้วสูง เพราะดูเหมือนอลาน่าคงไม่ได้ไปหาวิลเป็นเพื่อนเธอแน่นอน
“ฉันมีนักเรียนที่ต้องสอนต่อ และฉันส่งหมายเลขห้องของอบิเกลให้เธอแล้ว โชคดีมัวร์ริแกน” พูดจบจิตแพทย์สาวก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยมเลยนังหมอ!!” มัวร์ริแกนตะโกนไล่หลังชูนิ้วกลางสาปส่ง ถอกไปลากและขอร้องเธอจากฟิลาเดเฟียแต่กลับปล่อยเธอทิ้งไว้เนี่ยนะ? โอเคอลาน่า—หลังจากวันนี้อย่าได้มีบทสนทนาดีๆต่อกันเลย
เธอหันหลังกระแทกเท้าอย่างหัวเสีย กระชับกระเป๋าเป้สะพายหลังบึ่งเข้าโรงพยาบาล มัวร์ริแกนอ่านข้อความที่อลาน่าส่งมา เธอต้องไปที่ห้องเจ็ดศูนย์สองอันเป็นห้องพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยพิเศษ แม้ใบหน้าเด็กสาวจะราบเรียบไร้อารมณ์ แต่ตรงข้ามกับหัวใจที่บีบคั้นเต้นไม่ตรงจังหวะในทุกย่างก้าว จู่ๆเสียงฝีเท้าที่กระทบกับทางเดินกลับดังก้องราวกับต้องการเน้นย้ำ
สงบใจสิมัวร์ริแกน—ได้แต่บอกตนเองให้ใจเย็นลง และในที่สุดเธอก็มาถึงห้องเจ็ดศูนย์สอง ประตูห้องผู้ป่วยเปิดอยู่จนได้ยินเสียงสนทนาเล็ดลอดถึงทางเดิน เธอหลับตาฟังเสียงคลอเค้าติดแหบแห้งของวิล มันนานเท่าไหร่กันหนอที่ไม่ได้ยินเสียงนี้ คงสักสามสี่ปีหรือมากกว่านั้นได้มั้ง เกือบลืมไปแล้วว่าน้ำเสียงเขาเป็นแบบไหน
เอาวะ!!
หลังจากที่ยืนชั่งใจอยู่นาน มัวร์ริแกนตัดสินใจเดินเข้าห้อง เธอแอบชะเง้อมองอยู่หลังกำแพงห้องน้ำ เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มที่ใส่เครื่องช่วยหายใจคงเป็นอบิเกล ส่วนเจ้าของผมเผ้ายุ่งเหยิงคือวิล และ...อีกคนนั่นใคร? มัวร์ริแกนหรี่ตา พิจารณาบุคคลข้างวิลอย่างถี่ถ้วน เขาเป็นหนุ่มใหญ่วัยประมาณสามสิบถึงสี่สิบปี ผมสีน้ำตาลขี้เถ้า แต่งตัวแลดูภูมิฐาน ยิ่งจ้องใบหน้าเขานานเข้ากลับมีภาพบางอย่างสลับตัดไปตัดมาบนหัวสอดแทรกเหมือนภาพโทรทัศน์เก่าจนทำให้เธอปวดหัว
อะไรกัน...ไอ้ภาพไม่ปะติดปะต่อเมื่อครู่
“นั่นใครเหรอครับ?” พอรู้สึกตัว หนุ่มใหญ่ที่มัวร์ริแกนจ้องก็มาอยู่ตรงหน้า เขาเอ่ยถามอีกครั้งด้วยเสียงนุ่มนวล “เพื่อนของอบิเกลรึเปล่า”
มัวร์ริแกนยืนเงียบ พอไม่มีปฏิริยาใดตอบโต้ คนตรงหน้าก็เริ่มเขยิบเข้าหาเธอเรื่อยๆ “สาวน้อย?” พยายามเอื้อมแขนมาจับบ่า เพียงฝ่ามืออุ่นแตะโดนผิวผ้า ร่างกายตอบสนองด้วยการปัดมือเขากระเด็น ชั่วแวบหนึ่งที่ใบหน้าใจดีของเขาเคลือบแฝงความขุ่นเคืองผ่านดวงตา
“ยะ...อย่ามาจับนะ!!” เธอตะโกนสุดเสียง กำลังวิ่งหนีออกจากห้อง
“มัวร์!!” แต่คนที่รั้งเธอไว้คือวิล ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นหน้าเด็กสาว เขาไม่รีรอสวมกอดอย่างโหยหา
เธอที่ถูกกอดยืนแข็งค้าง ต่อให้ใจกู่ร้องยินดีที่ได้พบวิลแค่ไหนทว่าร่างกายกลับปฏิเสธการถูกสัมผัส อ่า—นึกว่าอาการทุเลาลงบ้างแล้ว แต่เหมือนอาการหนักกว่าเดิมถึงขนาดที่วิลกอดแล้วยังรู้สึกรังเกียจ
มัวร์ริแกนจิกเล็บกับเนื้อตนเอง ปล่อยวิลทำตามใจอยู่สักพักด้วยความอดทนอดกลั้น ยืนอยู่นานจนร่างกายเริ่มชินและมีสมาธิสำรวจเขามากขึ้น วิลผอมลงพอสมควรนับจากที่เธอจำได้ เสื้อผ้าก็ยับเหม็นอับ ผมเผ้ายุ่งเหยิง พอเห็นสภาพเขาจึงสำเหนียกได้ว่าวิลต้องการเธอจริงๆ เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ กล้ำกลืนฝืนทนเอื้อมแขนกอดตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ ตบแผ่นหลังกว้างแผ่วเบาไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดจนหนุ่มใหญ่ที่อยู่ในห้องด้วยกันขัดบรรยากาศขึ้นมา
“นี่ใครเหรอวิล?”
วิลผละออกจากเด็กสาว เหยียดมุมปากเล็กน้อย “มัวร์ริแกน เกรย์...เด็กที่ผมเคยอุปการะ”
“อ๋อ...เด็กที่เขาบอกกันว่าหายหน้าไปจากคุณสี่ปีและคุณหลุดจากการเลี้ยงดู” อีกฝ่ายหรี่ตา ลากเสียงยาว อมยิ้มน่าขนลุกในความคิดมัวร์ริแกน เขาเดินเข้าหาเธอ แนะนำตัวและส่งยื่นมือให้ “สวัสดีมัวร์ริแกน ผมด็อกเตอร์ฮันนิบาล เล็กเตอร์ เป็นหมอที่ดูแลวิล”
มัวร์ริแกนมองมือหนานิ่ง เธอเลือกเมินหน้าหนี หลีกตัวห่างจากเขาและตอบอีกฝ่ายเสียงแข็ง “ค่ะ”
“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” วิลเอ่ยถาม ยืนกั้นกลางระหว่างฮันนิบาลและมัวร์ริแกน
“อลาน่าลากมา” เธอตอบสั้นๆ “หนูเป็นห่วง...แล้วคุณยิ้มอะไรน่ะวิล?”
“เปล่า” วิลหัวเราะปฏิเสธ
“ผมขออาสา” ฮันนิบาลพูดแทรก “เขากำลังดีใจที่ได้พบคุณและพอคุณมามันทำให้ผมเห็นวิลยิ้มครั้งแรกเลย”
การมีอยู่ของหมอทำให้ทั้งวิลและมัวร์ริแกนรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่ว่าเธอหรือเขาต่างไม่เคยชินเรื่องการเข้าสังคม เด็กสาวแอบจ้องหมอเล็กเตอร์ไม่เลิก แม้จะดูดีคละสุภาพ แต่เมื่อครู่ที่เธอตบมือเขากระเด็น หมอดูไม่พอใจ สายตาเขาโกรธพาลให้สันหลังวาบ รอยยิ้มก็ดูประดิษฐ์พิกล แน่นอนว่ามัวร์ริแกนไม่ได้คิดไปเอง
เขามีสิ่งชี้ชัดอย่างกลิ่นสาบอ่อนๆติดตัว ยังคงตกค้างแม้จะบางเบาก็ตาม
“ใส่หมวกฮู้ดแบบนั้นไม่ร้อนเหรอ สาวน้อย” ฮันนิบาลกระซิบพลางเขี่ยช่อผมแห้งแตกปลายของมัวร์ริแกน “ผมสีสวยมาก แต่ดูท่าจะกัดหลายรอบนะ”
มัวร์ริแกนหันขวับ เพราะมัวแต่จมกับความคิด รู้ตัวอีกทีหมอเล็กเตอร์ก็มาอยู่ด้านหลัง ถือวิสาสะดึงหมวกฮู้ดที่สวมอยู่ออกแล้วจับปลายผมเธอเล่น เป็นอีกครั้งที่ร่างกายไปไวกว่าหัวสมอง เด็กสาวตั้งใจผลักหมอตามกลไกสัญชาตญาณแต่เขากลับคว้าข้อมือเธอและจับบิดแขนกดลงกับพื้นได้อย่างง่ายดาย
“เป็นเด็กที่ชอบใช้ความรุนแรงจัง ไม่น่ารักเลย” ฮันนิบาลพูดด้วยเสียงทะเล้นราวสนุกสนานชอบใจ ตรงข้ามกับมัวร์ริแกนที่ตัวแข็งค้างเหมือนสัตว์สตาฟ ตอนนี้เธอต้องการให้เขาเอามือออกจากตัวให้เร็วที่สุดเนื่องจากเริ่มคันและแสบร้อนบริเวณที่เขาจับ แถมร่างกายก็สั่นเป็นเจ้าเข้า
ซึ่งไม่รู้จะสั่นทำบ้าอะไร
“ผมว่าคุณควรหยุดแกล้งเธอดีกว่านะหมอ” วิลคว้าและบีบข้อมือฮันนิบาลจนอีกฝ่ายยอมละมือออกอย่างง่ายดาย
“อืม คุณดูโกรธจริงจังนะวิล ผมแค่อยากทดสอบอะไรนิดหน่อย” ฮันนิบาลเหยียดยิ้ม ก้มมองเด็กสาวที่นั่งกอดตัวเองกลมอยู่ตรงพื้นห้อง เขาย่อตัวให้ส่วนสูงพอดีกับมัวร์ริแกน นั่งตรงหน้าและถามบางอย่างหลังจากที่เขามั่นใจ “มัวร์ริแกน เธอเป็นอะเฟนโฟซึ่มโฟเบียรึเปล่า?”
มัวร์ริแกนค้อนตาขวับไม่ได้ตอบหมอเล็กเตอร์ เออ—เธอเป็น ถ้าเป็นจิตแพทย์ แหกตาดูคงรู้แล้ว ยังมีหน้ามาถามและบอกว่าทดสอบ ดูก็รู้ว่าจงใจอยากแกล้งเธอเล่น เหมือนมีความสุขที่เห็นคนกลัวการสัมผัสหัวหด มัวร์ริแกนลุกยืนด้วยขาสั่นเทิ้ม กอดแขนตัวเองและเดินหนีบตัวไปหลบข้างหลังวิลโดยที่หมอยังจดจ้องราวกับประเมินสิ่งของบางอย่าง
เนี่ยเหรอหมอมากฝีมือที่ดูแลวิลอยู่? ดูยังไงก็ไม่ใช่ แต่เหมือนไอ้หมอโรคจิตมากกว่า
ไม่ชอบหน้ามันเลย!!!
____________________
ตัวละครเสริม ทอม แบล็ควู๊ด
ความคิดเห็น