NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「Au Hannibal Lecter | Functioning Sociopath」

    ลำดับตอนที่ #2 : เกมที่ 02 | กรีด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 626
      201
      4 มี.ค. 66


    「เกมที่ 02」

    กรีด



    "Thinking : The talking of the soul with itself."

    การคิด คือ การพูดของวิญญาณกับตัวมันเอง

                                                                     --Plato


    นั่นออสการ์ บัดดี้ รูบี้ โคโค่ แม็ค พีฟและวินสตัน”  วิลแนะนำสุนัขที่เขาเก็บได้ทีละตัว รวมๆจากที่นับดูมีทั้งหมดเจ็ดตัว มีตัวเล็ก ตัวใหญ่ปะปนกันไป  พวกมันหลายตัวกระโดดใส่มัวร์ริแกน ทำเอาทรงตัวไม่อยู่จนต้องยอมแพ้ นั่งกองกับพื้นให้น้องๆเขารุมเลียหน้าชนิดเปียกแฉะ  เธอยังจำรูบี้กับออสการ์ได้  ทั้งสองตัวเป็นสุนัขตัวแรกเริ่มที่วิลเก็บมา  ว่าไป—วิลก็ยังขยันเก็บสุนัขหลงไม่เลิกเสียที

     

              เด็กสาวลุกเดิน  สำรวจรอบบ้านที่มีสภาพไม่ต่างกับสี่ปีก่อน  เว้นเพียงข้าวของเยอะกับฝุ่นจับหนาเตอะ อะไรหลายสิ่งในบ้านหลังนี้ชวนคิดถึงวันวานสมัยเด็ก  เมื่อก่อนพรมหน้าเตาผิงมักเป็นที่ที่เธอกับวิลนั่งจุดถ่านผิงไฟอ่านหนังสือด้วยกัน  เธอชอบให้เขาเล่านิทานกริมม์ฉบับดั้งเดิมจนผล็อยหลับ และเป็นวิลที่ต้องอุ้มไปส่งเธอเข้านอนเสมอ  มัวร์ริแกนหยิบหนังสือนิทานบนเตาผิงมาเปิดอ่านอย่างระมัดระวัง บางหน้าเริ่มหลุดรุ่ยบ่งบอกถึงการผ่านมือมาหลายครั้ง

     

              กลับมาอยู่ด้วยกันเถอะ”  วิลเอ่ย  แววตาของเขาสะท้อนความเว้าวอน

     

              เด็กสาวเงียบชั่วครู่ ยังไม่ตอบในทันที อันที่จริงเธอตั้งใจกลับมาอยู่กับเขา โรงเรียนก็ไม่ได้ไปและเธอรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องเรียนในระดับชั้นมัธยม  มัวร์ริแกนเลือกยิ้มเป็นคำตอบให้วิล ซึ่งเขาทำตาเป็นประกายเข้ามาสวมกอดด้วยความดีใจ  ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะมัวร์”  คราวนี้มัวร์ริแกนไม่รู้สึกรังเกียจหรือเกร็งเหมือนรอบแรก  อาจเพราะวิลเป็นเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจที่สุด

     

              จริงสิ”  วิลเกิดนึกอะไรออก  ขอดูข้อมือหน่อย

     

              มัวร์ริแกนยื่นแขนตามคำสั่ง วิลจัดแจงถกแขนเสื้อขึ้น  ข้อมือและแขนของเธอเป็นผดแดงรูปรอยมือของหมอเล็กเตอร์  เธอไม่ได้เป็นแค่โรคกลัวการสัมผัสแบบฝังสมองเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอาการเป็นผดแดงบวมหลังจากถูกใครก็ตามสัมผัสตัวแรงๆอีก  วิลรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดไปที่รอบรอยพวกนั้นอย่างเบามือ

     

              ตัดผมให้ไหม?”  ขณะที่มองชายหนุ่มตั้งใจกับการทำความสะอาดแผล มัวร์ริแกนถามพลางจับช่อผมสีน้ำตาลของวิล มันยาวรุงรังเสียจนอาจมีงูไปทำรังบนหัวคุณได้แล้วนะ

     

              “ถ้าไม่มีงานด่วน...ฉันอยากตัดผมเหมือนกัน”  วิลแอบขำ  อยากรีบตัดก่อนที่ฉันจะกลายเป็นเฒ่าหัวงู

     

                เด็กสาวนิ่วหน้า  เดี๋ยวนี้หัดเล่นมุขตลกกับเขาเหรอ

     

              “ไม่ขำสินะ”  วิลยักไหล่และขยี้ผมเด็กสาวเล่น ก่อนจะเอ่ยปากไล่เธอขึ้นนอน  “เข้านอนได้แล้ว เลยเวลาของเด็กมามากแล้วนะ

     

              “เพิ่งสองทุ่มเองนะวิล” 

     

              มันเร็วไปสำหรับวัยรุ่น ให้ตายสิ—ผ่านไปกี่ปี่ วิลยังชอบทำตัวเป็นคุณพ่อเจ้าระเบียบเสมอเลย สองทุ่มหรือสามทุ่มต้องนอนตรงเวลา แม้มัวร์ริแกนอยากปฏิเสธและทำดื้อดึงใส่วิลมากแค่ไหน  แต่เขามักใช้กลวิธีเกลี้ยกล่อมแสนนุ่มนิ่มอย่างเช่นจูบหน้าผากเธอและบอกฝันดีแทนการต่อว่าเสมอ

     

              เกลียดคนรู้จุดอ่อนชะมัด

     

              มัวร์ริแกนแบกเป้ ก้าวขาขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นก็หยุดชะงัก  เธอหมุนตัว ก้มหาวิลที่ตามหลังมา   นอนด้วยได้ไหม?”  เธอเดาว่าห้องนอนเก่าของเธอต้องสกปรกแน่นอน เพราะฉะนั้นคืนนี้เธอจะนอนกับเขา

     

              ฮะ?”  วิลอึ้งเล็กน้อยและรีบสั่นหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง  ไม่เอา

     

              “ทำไม”  เธอถาม  กลัวหนูจะเห็นกางเกงในคุณรึไงไม่เห็นต้องอายเลยวิล เด็กๆหนูออกจะซักกางเกงในคุณบ่อย

     

              “มันไม่ใช่แบบนั้น  เธอ—รีบขึ้นไปนอนเดี๋ยวนี้”  ชายหนุ่มดันหลังมัวร์ริแกนไล่ขึ้นชั้นสอง  เขาเลี้ยวเข้าห้องขวามือ เปิดประตู เอื้อมสับสวิตส์ไฟ  ห้องที่เขาเข้ามาคือห้องของเด็กสาว มันตกแต่งด้วยสีขาวปนน้ำเงิน ของทุกอย่างยังเหมือนเดิมดั่งตอนที่เธอย้ายออกมา เขาเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้สม่ำเสมอมากกว่าส่วนอื่นๆในบ้าน  

     

              ผ้าปูที่นอนเปลี่ยนแล้ว และห้องนี้เพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อวันก่อน ฉันรับรองว่าไม่มีฝุ่น  ฝันดีนะมัวร์”  พูดจบเขารีบปิดประตู  พิงเอนกับกำแพงบ้าน ยกมือนวดสองข้างขมับ  เฮ้อ—วิลพ่นลมหายใจ  เขาอายอย่างที่มัวร์เอ่ยปากแซวจริงๆ  ถึงเขาจะกอดจะหอมเธอขนาดไหน  แต่ถ้าให้นอนด้วยกัน เขาคงทำไม่ได้

     

              เพราะมัวร์โตเป็นสาวแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ อย่างไรต้องมีพื้นที่สงวนแยกจากกันบ้าง โอย—แล้วเธอดันพูดถึงกางเกงใน จะให้เขาคิดยังไง ให้ตายก็ไม่มีวันให้มัวร์เข้าห้องเขาเด็ดขาด!!!

     

              เช้ารุ่งขึ้น น่าแปลกที่วันนี้วิลไม่มีอาการฝันร้ายหรือเดินละเมอ คงเพราะเขาผ่อนคลายมากที่สุดในรอบหลายปีหลังจากที่มัวร์ยอมกลับมา ทั้งที่ลึกๆเขาเพิ่งเจอเรื่องสาหัสที่บั่นทอนจิตใจ ส่วนวันนี้เขาต้องไปเทรนตัน รัฐนิวเจอร์ซี่ ก่อนออกไปวิลเขียนโน๊ตแผ่นเล็กแปะหน้าตู้เย็นและวางเงินจำนวนหนึ่งร้อยดอลล่าร์ไว้บนโต๊ะกินข้าวให้แก่เด็กสาวที่หลับไม่รู้เรื่องบนเตียง

     

              วันนี้ดูอารมณ์ดีนี่”  ครอว์ฟอร์ดถามหลังจากเขาจับสังเกตว่าวิลสีหน้าสดใสเป็นพิเศษ

     

              ผมได้นอนเต็มอิ่มเป็นครั้งแรก”  วิลอมยิ้ม

     

              เด็กคนนั้นเป็นยาดีเลยล่ะสิ”  ครอว์ฟอร์ดหรี่ตา  เคยอ่านรายงานเรื่องเธอจากเจ้าหน้าที่แบล็ควู๊ดมาบ้าง บางทีถ้าฉันขอพบแม่หนูน้อยคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

     

              อาจยาก”   ชายหนุ่มหุบยิ้มทันควัน ยกมือเกาศีรษะลำบากใจ  เพราะเด็กคนนั้นเกลียดขึ้หน้าคุณที่สุด

     

              ครอว์ฟอร์ดพยักหน้าคล้ายเข้าใจบางสิ่งดี  เห็นได้ชัดเลยล่ะ

     

              ชัดว่ามัวร์ริแกนเกลียดทุกคนยกเว้นวิล

     

              ตัดไปทางมัวร์ริแกน เธอล้างหน้า แปรงฟัน สระผม ขยี้ผ้าขนหนูผืนหนาไล่หยดน้ำที่เกาะบนหัว บิดขี้เกียจลงจากบันไดมาชั้นล่าง  อีกห้าถึงหกขั้นจะถึงห้องครัว เด็กสาวเดินไปหน้าตู้เย็น ดึงแผ่นโน๊ตสีขาวที่เขียนด้วยลายมือไก่เขี่ยของวิล

     

    100 ดอร์ล่าร์บนโต๊ะ คืนนี้รอคอยอาหารอร่อยๆนะ

                                                                จาก.วิล :)

     

              “ร้อยดอลมากไปรึเปล่า?”  มากไปสำหรับการทำมื้อเย็นหนึ่งมื้อ อ่าห์—บางทีเงินจำนวนขนาดนี้ เธอควรเอาไปซื้ออาหารหมา ข้าวของเครื่องใช้จำเป็นในบ้านแทน และอาจตุนวัตถุดิบสำหรับหลายวัน  ผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่มก็เริ่มหมด แถมวิลยังไม่มีไม้ถูพื้นอีกต่างหาก

     

              คิดได้ดังนั้น เด็กสาวจึงคว้าเอาพวงกุญแจรถและเสื้อฮู้ดตัวเก่งออกจากบ้าน โชคดีที่รัฐเวอร์จิเนียสามารถออกใบอนุญาตขับขี่ให้แก่ผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะเช่นเธอ  ใช้เวลาช็อปปิ้งไม่นานมัวร์ริแกนก็กลับมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตพร้อมหอบถุงกระดาษแนบเอว เธอก้าวขาไปที่หน้าประตู พลันได้ยินเสียงก๊อกแก๊กภายใน  มันไม่ใช่เสียงของน้องๆซึ่งเธอมั่นใจ ฝีเท้ามันหนักกว่าการก้าวเดินของสุนัข ฝีเท้าของคน และไม่ใช่วิลแน่นอน เพราะแจ็ค ครอว์ฟอร์ดคงไม่ปล่อยวิลกลับมาง่ายๆ

     

              เธอหูดีเป็นเลิศ อันนี้ไม่ได้ยอตัวเองนะ เพราะเธอต้องใช้หูในการทำงานตลอด—มัวร์ริแกนจับลูกบิดประตู เดินเข้าบ้านโดยไม่ลังเล  เธอเห็นแขกไม่ได้รับเชิญนั่งเล่นขดรวดจากเหยื่อตกปลาของวิลสบายใจเฉิบ  หมอเล็กเตอร์ผู้ที่เธอไม่ถูกชะตาด้วยมาทำอะไรไม่ทราบ ซ้ำยังมีหน้ามาส่งยิ้มละไมให้อีก

     

              ทำแบบนี้บ่อยเหรอ?”  เธอถาม หมายถึงว่าหมอเข้าออกบ้านวิลบ่อยๆ เพราะดูเหมือนมันเป็นแบบนั้น  ถ้าไม่ได้มาที่นี่หลายครั้ง สุนัขในบ้านต้องมีทีท่าต่อต้านหรือเห่าไล่เขาบ้าง

     

              มาบ่อยน่ะ”  ฮันนิบาลกล่าวเสียงนุ่ม  บางทีวิลไม่อยู่บ้านหลายวัน ผมเลยแวะเวียนมาให้อาหารสุนัขบ้าง

     

              “หมอไม่ควรก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวคนไข้นะ”  มัวร์ริแกนพูดพลางเดินสวนหมอหนุ่มเข้าไปในครัว

     

              อันที่จริงวิลคือเพื่อนไม่ใช่คนไข้”  ฮันนิบาลจับตาเด็กสาวทุกฝีก้าว  เธอวางถุงกระดาษลง ถอดฮู้ด มัดผม หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมใส่ พอคาดเดาได้ว่าตั้งใจทำอาหารเย็น 

     

              มัวร์ริแกนทำเป็นไม่สนใจหมอเล็กเตอร์ ใจจริงเธออยากไล่เขากลับไป แต่เธอไม่ใช่คนมารยาทแย่ขนาดนั้น มีบางอย่างภายใต้จิตสำนึกร้องเตือนว่าควรเก็บปากเงียบเมื่ออยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ เสวนาให้น้อยที่สุด  ตอนนี้เธอล้างผัก หมักเนื้อวัวด้วยนมกับเบคกิ้งโซดา ตั้งไฟ เตรียมลอกเปลือกมะเขือเทศทิ้งและหั่นหัวหอมใหญ่

     

              ฉับพลันสันหลังเธอรับรู้ถึงไอความร้อนและเสียงสูดลมลอดผ่านจมูกจากด้านหลัง ผสมกับมีภาพตัดไปตัดมาของประตูวาบผ่านดวงตา มัวร์ริแกนขยี้ตา ตั้งสติหันขวับตามสัญชาตญาณ เงื้อปลายมืดจ่อจมูกหมอเล็กเตอร์

     

              “คิดจะทำอะไร?”  เธอถามด้วยใบหน้าหวาดระแวง   เมื่อครู่หมอดมกลิ่นตัวเธอ

     

              แค่อยากช่วย”  ฮันนิบาลยึดมีดแล่เนื้อมาจากเด็กสาว หั่นหัวหอมอย่างชำนาญ  แล้ว—เมื่อกี้ขอโทษด้วย มันติดเป็นนิสัย

     

              “นิสัยอะไรที่ต้องดมกลิ่นคนอื่น”  มัวร์ริแกนถอยห่างจากหนุ่มใหญ่ 

     

              นิสัยเสียน่ะ เธอใช้โลชั่นนมแพะของแครปทรีใช่ไหม แล้วก็ครีมทามือกลิ่นวิสทีเรีย  และไม่ต้องระแวงผมขนาดนั้นก็ได้ วันนี้ผมไม่แกล้งหรอก อ้อ...เมื่อวานต้องขอโทษด้วยที่ถือวิสาสะสัมผัสตัว” 

     

              “เพราะผมเพิ่งรู้ว่าเธอมีอาการแพ้รุนแรงหลังโดนจับตัว”  ฮันนิบาลพูดยืดยาว

     

              ขอหนูหั่นเอง”  มัวร์ริแกนเลียบๆเคียงๆขอมีดจากหมอ อย่างไรการถือของมีคมอย่างมีดมันอาจช่วยเธอใช้ป้องกันตัวหากเขาคิดจะเล่นอะไรพิเรนทร์อีก  ถ้าคุณอยากช่วย งั้นช่วยผัดเครื่องเทศใส่กระทะลงหม้อให้หน่อย

     

              “ได้สิ.......มีใบเบลีฟ ยี่หร่า ผักชีฝรั่ง ไทม์ ปาปริก้า เนื้อวัว เกลือบริสุทธิ์จากเหมืองแร่”  ฮันนิบาลไล่รายการวัตถุดิบ หันหน้าถามเด็กสาว  เธอจะทำกูลาชใช่ไหม?”

     

              แต่เด็กสาวไม่ได้ยินสียงที่เขาพูด  จู่ๆมัวร์ริแกนเงียบไป เธอกำลังดำดิ่ง เหม่อลอยหั่นหัวหอมซ้ำๆ เธอเห็นเขียงแปรเปลี่ยนเป็นอีกาเน่าเปื่อย ฉับพลันมันลืมตา บินโฉบหายไปในความมืด ณ ประตูบานหนึ่ง ทางทอดยาวสู่ประตูเหล็กกล้าเวิ้งว้างที่ต้องสัมผัสถึงจะหาสลักประตูเจอ  ทวารแปลกประหลาดบานนี้เปิดสู่ห้องโถงเรืองรอง ประดับด้วยข้าวของมากมาย แต่ละชิ้นโยงใยกระตุ้นบางอย่างที่บีบรัดหัวใจ

     

              พื้นมันขลับสะท้อนใบหน้าของบุรุษอีกคนอันลางเลือน เขาส่งมีดกริชสีทองให้ เธอ ถูกชักพาไปยังแท่นหินอ่อนโบราณ  เสียงกระซิบกระซาบฟังไม่ได้สรรพราวมิใช่ภาษาคนกรอกข้างหู  เธอประคองมีดไว้ด้วยสองมือ ชูเหนือหัว กรีดแทงลากผ่านหินอ่อนสลักรูปสตรีกำลังหลับไหล มีโลหิตย้อยออกจากแท่นดั่งทะเลเลือดคละเสียงกระซิบพร่ำเรียกเธอไม่หยุด

     

              มัวร์...ทำดีมาก...มัวร์ริแกน เด็กน้อยของฉัน

     

              มัวร์ริแกน มัวร์ริแกน มัวร์ริแกน!!!”  ฮันนิบาลเขย่าตัวเด็กสาว เรียกเธอให้ได้สติ

     

              ดวงตาสีน้ำทะเลว่างเปล่าของมัวร์ริแกนกลับเป็นประกายสุกใสอีกครั้ง หมอเล็กเตอร์กำลังจับหน้า พอจะผลักเขาออกตามจิตสำนึก เธอเพิ่งรู้ตัวว่าแขนชาเกินกว่าขยับ  ลองก้มมองกลับพบว่ามือขวายังไม่ยอมหยุดกรีดแขนซ้ายด้วยมีด  แผลนั้นลึกจนเห็นหนังกำพร้า เลือดไหลนองเต็มพื้นกระเบื้อง

     

              สุดท้ายมื้อเย็นหมอเล็กเตอร์เป็นคนจัดการทั้งหมด เขาทำความสะอาดเลือดบนพื้นและนั่งเย็บแผลให้เธอตรงโซฟา  มัวร์ริแกนเท้าแขนก้มหน้า การเย็บแผลสดมันไม่เจ็บเท่าหัวสมองอันชาหนึบของเธอในตอนนี้  เธอไม่เคยเป็นหนักแบบนี้มาก่อน ถึงจะเคยหลอนตอนเด็กบ้างแต่ไม่ถึงขั้นทำร้ายตนเอง

     

              ให้ผมจัดยาให้ไหม?”  ฮันนิบาลตัดไหมเย็บแผล มองดูใบหน้าซีดเซียวของเด็กสาว โชคดีหน่อยที่เธอยอมให้เขาทำแผลง่ายๆโดยไม่ก้าวร้าวผลักเขา 

     

              ขอยาแก้ปวดพอ”  เธอพูดพลางเอนตัวนอนกับโซฟายาว

     

              เมื่อกี้เป็นอะไรสาวน้อย คุณเห็นอะไร?”  เขาถาม 

     

              ไม่รู้สิหมอ”  มัวร์ริแกนตอบส่งๆ  มันเหมือน...ตัวหนูตอนเด็กมั้ง ตัวหนูที่โดนอะไรบางอย่างสั่ง  มีห้องกว้างๆ แลดูหรูหรา มีข้าวของมากมาย กระทั่งอีกา คุณเคยรู้สึกเหมือนมีบางอย่างพยายามแหวกสมองเราไหม  หัวใจมันบีบรัดราวกับวิญญาณกู่ร้อง”  รู้สึกเหมือนบางสิ่งกำลังพยายามทลายประตูจิตใจออกมา

     

              มันเหมือนพูดย้ำเตือนเธอ 

     

              ฮันนิบาลส่ายหน้า  ผมว่าเธอต้องรีบปรึกษาจิตแพทย์แล้วนะ

     

              “ก็กำลังปรึกษานี่ไง”  เธอย้อน  ดีใจซะด้วย ว่าคุณเป็นจิตแพทย์คนแรกที่หนูอยากคุย”  ถือว่าเปิดใจยอมรับ เพราะอาการค่อนข้างสาหัสแล้ว

     

              งั้นในฐานะจิตแพทย์ ขอสั่งให้เธอนอนพักซะ”  เขาเอื้อมมือหมายจะจัดท่านอนให้เด็กสาว

     

              ไม่ต้อง”  มัวร์ริแกนยกมือห้าม  เธอขยับตัวนิดหน่อย มีอาการง่วมซึมเข้าแทรก คาดว่าอาจเป็นฤทธิ์ของชาคาโมมายล์ที่หมอเล็กเตอร์เอามาให้ดื่ม  ยานอนหลับแสนแยบยลที่คุณให้กินมันออกฤทธิ์แล้ว”  พูดทิ้งท้ายและหลับไปในที่สุด

     

              ฮันนิบาลประหลาดใจเล็กน้อยที่มัวร์ริแกนรู้ว่าเขาแอบใส่ยานอนหลับชนิดไร้กลิ่น ไร้รสลงในแก้ว  เขาจ้องใบหน้ารูปไข่ที่นอนเหงื่อไหลนิ่ง  สองข้างแก้มเธอมีรอยผื่นแดงรูปมือของตน ฮันนิบาลเงี่ยหูฟังนับจังหวะหายใจหอบถี่  เลื่อนสายตาหยุดนิ่งที่ข้อมือซ้ายของมัวร์ริแกน  ใช้สมองประเมินย้อนนึกถึงเด็กคนนี้ตั้งแต่ต้น

     

              เธอเคยมีอาการหลอนแบบนี้ตอนเด็ก และหายไปจากการเข้าโปรแกรมรักษา แต่มันกลับมาอีกครั้งเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมหรือบุคคลที่อาจกระตุ้นเธอ  นับจากเมื่อวานเธอมีอาการไม่มีสมาธิเหมือนเห็นภาพหลอนหนึ่งครั้งและนับครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง  เดาๆว่าตัวเขาเองอาจกระตุ้นบางสิ่งในตัวเด็กสาวตามเงื่อนไข

     

              น่าสนใจพอๆกับวิล

     

              เขาอมยิ้มมุมปาก สมองเธอมีกลไกการป้องกันที่เขาไม่สามารถหยั่งถึง  เด็กคนนี้ทั้งประสาทสัมผัสดี หูดี จมูกดีไม่ต่างจากเขาและมีเรื่องราวให้ขุดลึก บางทีเขาควรหลอกถามหรือซักไซ้กับวิล  ฮันนิบาลนั่งลงที่ขอบโซฟา กำลังเอื้อมมือปัดปอยผมมัวร์ริแกน แต่เขาต้องชักมือกลับเพราะหูได้ยินเสียงวิลอยู่นอกบ้าน

     

              วันนี้คุณก็มาเหรอ”  วิลกำลังถามไถ่ แต่เขาต้องหยุด เมื่อเห็นผ้าพันแผลที่แขนของมัวร์ริแกน เขารีบถลาไปดูอาการเธอทันที  เกิดอะไรขึ้น?”

     

              “เธอหลอนและเผลอทำร้ายตัวเองไม่รู้ตัว”  ฮันนิบาลขยับออกให้วิลนั่งแทนที่ตน

     

              ผมต้องขอบคุณคุณจริงๆหมอ”  วิลกล่าวเสียงเศร้า 

     

              ไม่เป็นไร—ถือว่าทำในฐานะเพื่อนที่ช่วยเหลือกัน แล้วก็วิล” 

     

              “ครับ”  ชายหนุ่มขาน

     

              บอกเรื่องรอยแผลเป็นที่ข้อมือซ้ายของมัวร์ริแกนได้ไหม”  ฮันนิบาลถาม เพราะหากเป็นแผลธรรมดาทั่วไปเขาจะไม่มีข้อสงสัยเลย 

     

              แต่นี่มันเป็นรอยนูนรูปบราโค๊ด ดูประดิษฐ์เกินกว่าจะเป็นแผลจากธรรมชาติ


    ____________________

    วิลบอกขอสวมมงตอบคำถามแปปนะหมอ

    ปล.ใช้เวลานานมากเรื่องนี้กว่าจะผลิตแต่ละตอนได้

    อารมณ์มันลึกกว่าเรื่องนั้นมากค่ะ แหะ แหะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×