ตอนที่ 5 : Chapter : 04 เธอจะสบายดีไหม ที่นั่นตอนนี้เป็นอย่างไร
***รบกวนอ่านที่แจ้งท้ายบทหน่อยนะคะ
Chapter : 04
เธอจะสบายดีไหม ที่นั่นตอนนี้เป็นอย่างไร
อาการปวดหัวเล่นงานตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา มือหนายกขึ้นมาวางไว้บนขมับ นวดไปมาพลางปิดตาลงเพราะอาการปวดตุบๆ
คิดเอาไว้แล้วว่าเช้ามาคงจะป่วย เขานอนนิ่งๆอยู่อย่างนั้น หลับตาลงเผื่ออาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
เสียงโทรศัพท์สั่นครืนอยู่ไม่ไกล ยื่นมือไปควานหาก่อนจะเจอว่าอยู่ข้างๆตัว
“อืม”
พีระที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินเสียงตอบรับของเพื่อนสนิท เสียงดูงัวเงียเปล่งๆ หรือเพราะเขาโทรมาหาเพื่อนเช้าไปธาวินเลยอาจจะมีเสียงแหบและเพี้ยนไปจากปกติ
“มึงเพิ่งตื่นเหรอวะวิน”
“อืม เหมือนจะไม่สบาย”
“แล้วจะมาเรียนไหม”
“ไป เดี๋ยวสักพัก น่าจะสายหน่อย”
“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะเว้ย”
“ไหวๆ คงเป็นหวัดธรรมดา”
เขาภาวนาให้ตัวเองเป็นแค่หวัด ไม่ชอบเวลาที่ตัวเองเป็นไข้หนัก มันทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเขาค่อนข้างจะอ่อนแอ
แม้พีระจะสงสัยว่าทำไมเพื่อนของตนจู่ๆถึงได้ไม่สบายขึ้นมาทว่าเขาไม่ได้ถาม เอ่ยบอกธุระที่อุตส่าห์ดั้นด้นโทรหาตั้งแต่เช้า จากนั้นก็วางสายไปแต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่ลืมบอกเพื่อนให้กินข้าวเช้าและกินยา
รู้ดีว่าธาวินมักจะไม่ค่อยดูแลตนเองสักเท่าไหร่
หากเพื่อนมีเขาคนนั้นอยู่ด้วยในเวลาป่วยไข้เช่นนี้เขาก็คงไม่ต้องห่วง
00 : 15 AM.
สภาพของธาวินตอนเดินเข้าห้องเรียนทำเอาเพื่อนทั้งสองจ้องมองไม่วางตา ลุ้นตัวโก่งกันว่าเพื่อนจะเดินมาถึงโต๊ะไหมและยังดีที่ขายาวๆของธาวินพามาถึงโต๊ะก่อนจะได้ล้มกลางทาง
ผ้าปิดปากถูกดึงออกเพียงนิดก่อนจะได้ทำหน้าที่ของมันต่อจากนั้น
“แน่ใจนะว่าไหว” กรกันต์มองสภาพเพื่อนที่นั่งลงข้างๆ ยกมือไปแตะหน้าผากแทบจะสะดุ้งก้นไม่ติดเก้าอี้ “ตัวร้อนฉิบหายเลยไอ้วิน กลับห้องเหอะว่ะ”
ศีรษะธาวินส่ายไปมาก่อนเสียงที่ติดแหบจากอาการป่วยจะถูกเปล่งออกจากริมฝีปากซีดเซียวใต้ผ้าปิดปาก
“กูโอเค ไม่ต้องห่วง” เขากระแอมไอเบาๆ “วันนี้มีควิซไม่อยากขาด”
หากไม่มีอะไรสำคัญเขาอาจจะไม่มาทว่าวันนี้ก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าถึงไม่มีอะไรสำคัญก็คงต้องมาเพราะเขามีที่ที่ต้องไป
“งั้นสอบเสร็จก็กลับเหอะ บ่ายนี้ไม่มีอะไรหรอก”
“อืม”
พีระยื่นหน้าเข้ามาหา “แล้วมึงได้เอาแฟรชไดรฟ์มาให้กูหรือเปล่าวิน”
“แป๊บนะ” เขาก้มลงเปิดกระเป๋าตนเอง ควานหาของให้เพื่อนไม่นานก็ยื่นของสิ่งๆนั้นไปให้พีระ
“ขอบคุณเว้ย กูก็นึกว่าจะหายซะแล้ว”
“โทษทีกูลืมเอามาคืน”
“ไม่เป็นไร ไม่หายก็ดีแล้ว” พีระว่าจากนั้นก็เก็บของใส่ไว้ในกระเป๋าให้เรียบร้อย “แล้วนี่กินข้าวกินยามาหรือยัง”
“เรียบร้อย”
น้ำหนึ่งขวดถูกยื่นมาตรงหน้าธาวินโดยฝีมือของพีระที่ซื้อมาเผื่อเพื่อนทั้งสองเป็นประจำ
“วันนี้น้ำไม่เย็น มึงไม่สบาย”
“ขอบคุณ”
ช่วงเวลาพูดคุยจบลงเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้อง ระหว่างที่ฟังอาจารย์พูดทั้งพีระและกรกันต์ต่างก็หันมองธาวินเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วง
ส่วนธาวินพยายามนั่งฟังสิ่งที่อาจารย์พูดแต่ทว่ามันกลับยากเย็นนักเพราะร่างกายของเขาแทบจะรับอะไรไม่ไหว เสียงที่ได้ยินก็ฟังไม่รู้เรื่องสักอย่าง
กระทั่งเวลาสอบควิซที่รอคอยมาถึง
สอบเสร็จจะได้รีบไปสักที
00 : 15 AM.
เขาออกจากห้องเป็นคนแรกๆ การทำข้อสอบในช่วงเวลาที่สภาพร่างกายไม่พร้อมมันเป็นสิ่งที่เขาขอไม่พบเจออีก มันทรมานทั้งร่างกายและสมองที่ต้องพยายามนึกคิดถึงสิ่งที่ต้องเขียนลงไป
กว่าเขาจะเขียนแต่ละตัวออกมาได้มันแสนยากเย็นทว่าเพราะเขาจดจำในสิ่งที่ออกสอบได้จึงทำให้ธาวินไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่นัก
เขาเข้าไปพูดคุยเพื่อขออนุญาตกลับก่อน อาจารย์เห็นท่าทางไม่ดีจึงยอมให้กลับได้อย่างง่ายดาย เหลียวหลังมองไปยังเพื่อนทั้งสองที่นั่งทำข้อสอบอยู่ ทั้งพีระและกรกันต์เงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าให้เขาเพียงนิดจากนั้นก็ก้มลง
ขาทั้งสองข้างก้าวเป็นจังหวะที่ไม่ค่อยมั่นคงนักเพราะอาการป่วยไข้ เขายังปวดหัวและตอนนี้อาการเจ็บคอก็เหมือนจะเริ่มลุกลาม
ความลังเลเกิดขึ้นเมื่อเขามาถึงยังร้านกาแฟที่คุ้นเคย
ธามอยู่ตรงนั้น ที่เดิมและรอยยิ้มที่ยังมีประดับบนใบหน้าเฉกเช่นเมื่อวันวาน
ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มที่ว่าก็ไม่ได้มีไว้สำหรับเขา
บานประตูถูกผลักออกด้วยจังหวะที่ช้ากว่าทุกครั้ง ด้วยเรี่ยวแรงและพละกำลังที่ลดเหลือเพียงน้อยนิด
จนกระทั่งเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์โดยไม่ได้ล้มพับที่ไหนไปเสียก่อน
“สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ”
“ธาม”
ใบหน้าใสค่อยๆเงยขึ้นก่อนดวงตาทั้งสองคู่จะสบจ้องกัน คิ้วของธามขมวดฉับเข้าหากัน
“ขอโทษครับคุณลูกค้า เมนูที่กล่าวมาทางร้านไม่มีครับ” เขาเอ่ยตอบไปอย่างสุภาพแม้จะรู้ดีว่าที่ธาวินกล่าวนั้นคือการเรียกชื่อ
“เมื่อคืน..” เขาสูดลมหายใจเข้า อาการปวดหัวเต้นตุบๆจนต้องยกมือข้างหนึ่งกุมขมับส่วนอีกข้างใช้ค้ำยันกับเคาน์เตอร์เอาไว้ “ทำไมไม่รับสาย”
คำถามที่ติดค้างในใจพร้อมกับอาการวูบจนหมดสติ
00 : 15 AM.
ตื่นขึ้นมาภายในห้องที่คุ้นเคย อาการปวดหัวยังคงมีและไข้ยังคงเหมือนเดิมแต่ที่เปลี่ยนแปลงไปคงจะเป็นคนที่นั่งหลับคอพับอยู่บนเก้าอี้
ธาม
เขาค่อยๆพลิกตัวตะแคงข้างหันไปทางธาม มือสองข้างยกขึ้นมาหนุนแก้มเอาไว้ ดวงตาสบจ้องกับใบหน้าที่แสนคิดถึง นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้มองใกล้ๆแบบนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เคยได้อยู่ในห้องเดียวกันและมันนานเท่าไหร่ที่เขาจะสามารถยื่นมือขึ้นไปสัมผัสธามได้
นานมากแล้วจริงๆ
เปลือกตาขยับก่อนจะเปิดขึ้นในเวลาต่อมา ธามมองมือของธาวินที่ยื่นเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปสบกับคนที่นอนอยู่บนเตียง ค่อยๆเลื่อนตัวนั่งตรง กระแอมไอเบาๆ
“โอเคหรือเปล่า?”
คำถามสิ้นคิดถูกถามออกไป ธาวินกระพริบตาปริบ เก็บมือมาหนุนแก้มเหมือนเดิม
“ไม่” ศีรษะถูกส่ายไปมาเพื่อยืนยัน
ธามมองแล้วได้แต่ถอนหายใจ ทำไมจะไม่รู้ว่าการมองเขาตาแป๋วแบบนั้นกำลังสื่อกับเขาว่ายังไง
อยากให้อยู่ต่อ
ไม่อยากให้ไปไหน
เขารู้ดี
“โทรบอกพีแล้ว เดี๋ยวพีมา”
“ไม่เอาพี”
“แล้วจะทำยังไงจะอยู่คนเดียวเหรอ”
“ธาม”
เสียงเบาหวิวเอ่ยเรียกชื่อ ธามชะงักก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น ตอนที่เขาป่วยแล้วเรียกหา ธาวินเคยมานั่งตรงหน้าเขาแบบนี้ไหม
คำตอบคือไม่ แล้วทำไมเขาต้องอยู่ล่ะ
“อีกสักพักพีน่าจะถึง”
“ธาม”
“วินอย่าดื้อได้ไหม เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“ธามอยู่กับวินไม่ได้เหรอ”
“....”
“อยู่ดูแลวินไงแล้วบอกให้พีกลับไป ไม่อยากรบกวนพี”
“แล้วธามจะอยู่เพื่อ? เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะวิน”
ความเงียบทำให้พวกเขาอึดอัดทว่าธาวินรู้ดีว่าการเงียบแบบนี้ธามกำลังจะแพ้ แพ้ให้เขาที่เอาแต่ใจเหมือนเดิม
“อยู่กับวินได้ไหมนะ...ธาม”
...........
“ฮัลโหลพีนี่พี่ธามเองนะ คือพี่จะโทรมาบอกว่าไม่ต้องมาแล้วล่ะ”
(ทำไมครับ คือผมใกล้ถึงแล้วนะ)
“งั้นเหรอ...ขอโทษทีนะที่รบกวนแต่เดี๋ยวพี่ดูแลวินเอง”
(พี่โอเคนะ ถ้าไม่โอเคยังไงบอกผมได้ผมเข้าใจ)
“อืม พี่โอเค”
(ถ้ามีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะครับ ถ้าไอ้วินมันดื้อมากพี่ก็ไม่ต้องไปตามใจมันนะ)
“ครับ ขอบคุณมาก”
(เดี๋ยวพี่ๆ)
“ว่าไง”
(ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม)
“ได้สิ ถ้าพี่ตอบได้ก็จะตอบนะ”
(คือพี่ธาม....ยังรักไอ้วินอยู่ไหมครับ)
........
00 : 15 AM.
แจ้งหน่อยนะคะ
สำหรับตอนที่ 10 ถึงบทส่งท้ายเราจะไม่ลงในเว็บนะคะ ขอสงวนไว้ในหนังสือน้า
สำหรับหนังสือราคาไม่แพงเลยค่าสองร้อยกว่าบาทเด้ออ
ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สู้ๆนะคะไรท์เป็นกำลังใจให้ค่ะ