Destiny Series Project - สงครามผู้ถูกเลือก

TAG: แอ๊คชั่น ผจญภัย เกมส์ออนไลน์ โรงเรียนผู้วิเศษ รัฐบาล สงคราม โลกต่างมิติ อสูร เทพ เวทมนตร์ 

จากใจผู้เขียน...

ในโลกแห่งจิตนาการของข้าพเจ้า ที่มีเพียงข้าพเจ้าเข้าถึงและสัมผัสได้แต่เพียงผู้เดียว มันช่างน่าเศร้าและแสนเจ็บปวด ข้าพเจ้าหวังที่จะให้เพื่อนๆอันเป็นคนสำคัญของข้าพเจ้า ได้เป็นที่รู้จัก ข้าพเจ้าต้องการแบ่งปันความสุขที่ข้าพเจ้าได้รับจากพวกเขา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานเขียนที่ข้าพเจ้าใช้แรงกาย แรงใจ และจิตวิญญาณนี้ ทำให้ท่านผู้อ่านได้ร่วมแบ่งปันความสุขกับข้าพเจ้า

ขอบคุณโชคชะตาที่นำพาเรามาพบกัน

ซาคุ ซัน

หลง!?...

!!

!!!

... หลงเข้ามาแล้วสินะ?

คำแนะนำก่อนอ่าน

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวพิสดาร ซึ่งเกิดขึ้นจากจิตนาการของผู้เขียน ไม่เหมาะสำหรับคนโลกสวยสายยึดติด หรือพวกหัวเกรียนหรือหูดำ ไม่ฮาเร็ม และไม่ชวนออกทะเล แม้จะเป็นนิยายเรื่องแรกของผู้เขียน ที่ยังไม่ผ่านการแก้ไขคำผิดหรือการเกลาสำนวนภาษา ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านผู้อ่านจะมอบโอกาสสักเล็กน้อยให้แก่โชคชะตาในครั้งนี้

คำเตือน (พื้นที่พ่นคำอ้าง)

หากไม่นับรวมกองทัพชาวคณะแห่งโชคชะตา ที่เฮละโลกันเข้ามาปั่นป่วนเป็นการบริหารสมองแล้ว ก็ยังมีสำนวนการเขียนสุดป่วย (ทำตัวหนา ขีดเส้นใต้ ใส่ดอกจัน) ที่อาจทำให้ผู้อ่านบางท่าน เป็นอันต้องปากอ้าตากระตุกด้วยความอิดหนาระอาเอือม เจือไว้ด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจจนแทบอยากจะควักกระเป๋าบริจาคเงินให้... รีบๆไปเรียนติวภาษาไทยเพิ่มซะ และเพราะด้วยเหตุฉะนี้ ผู้เขียนจึงต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่ง... 

ทักษะทุกอย่างย่อมพัฒนากันได้ คิดแบบนั้นไหมคะ? ผู้เขียนเชื่อแบบนั้นค่ะ เอ่อ ก็แค่อยากจะบอกว่า ให้โอกาสกันหน่อยก็เท่านั้นเอง! ก็ยังเป็นมือใหม่ เพิ่งประกอบจากโรงงาน ยังไม่ผ่าน QC ไง (QC ย่อมาจาก Quality Control หมายถึง การควบคุมคุณภาพ กระบวนการตรวจสอบสินค้าในระหว่างการผลิตทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามาตรฐานที่กำหนด) ขอบคุณอากู๋ สำหรับคำอธิบาย

ประวัติศาสตร์เบื้องต้น

     เมื่อยุคก่อนที่โลกยังไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว โลกได้ถูกแบ่งออกเป็นขั้วอำนาจน้อยใหญ่มากมาย ขั้วอำนาจต่างๆเหล่านั้น ต่างพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อรักษาสมดุลอำนาจตนในโลกเอาไว้ ผลที่ตามมาก็คือ อาณาจักรน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรต่างๆขึ้นมาทั่วทั้งโลก 

     การปฏิวัติทางอุตสาหกรรมและพลังงานนำไปสู้การก่อสร้างเทคโนโลยีทางการทหาร รวมไปถึงการเกิดลัทธิจักรวรรดินิยม ทำให้หลายชาติดำเนินแผ่นการขยายอำนาจไปสู้ดินแดนอื่น กลายเป็นความขัดแย้งฝังราก และทำลายเสถียรภาพของโลก ก่อให้เกิดสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า

     จากผลกระทบของสงครามที่ไร้ซึ่งผู้ชนะอันยืดเยื้อมานานกว่าร้อยปี เหล่าผู้นำขั้วอำนาจต่างๆได้ร่วมกันทำพันธะสัญญาสงบศึก “พันธะสัญญาเบญจภาคี” (ประกอบด้วย 5 มหาอำนาจ) เพื่อยุติสงครามที่ทำให้มนุษย์แทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ แต่ทว่า นั่นก็เป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น ลับหลังแล้ว พวกเขาต่างฝ่ายต่างมุ่งมั่นเดินหน้าคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารให้ก้าวล้ำ เพื่อกดข่มกันเอง

     ความกระหายเทคโนโลยีทางการรบที่มีอยู่อย่างมากมายและบ้าคลั่งนั้น เสมือนพวกเขาได้โยนตัวเองลงไปในวังวนแห่งหายนะอย่างไม่มีทางช่วย ผลที่ตามมาก็คือ สิ่งแวดล้อมของโลกมีสภาพถูกทำลายและเสื่อมโทรมอย่างหนัก จนพื้นที่บางส่วนไม่เหมาะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต

     และแล้วปี 3xxx จากการศึกษาค้นคว้าทางดาราศาสตร์ มนุษย์ได้ตระหนักถึงหายนะอันใหญ่หลวง อันเป็นผลจากการขยายตัวของเอกภพ และความผันผวนของพลังงานมืดในอวกาศ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับพวกเขามากนัก สิ่งที่สร้างความกังวลและตอกย้ำร่องรอยแห่งความหวาดกลัวให้ฝังลึก กลับเป็นเภทภัยอันเกิดจากผลพวงแห่งความมักง่ายและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อมหลอมละลายให้โลกกลายเป็นระเบิดเวลาที่รอการระเบิด และนั่นอาจเป็นจุดจบของโลกให้อนาคตอันใกล้ ใกล้เกินว่าที่พวกเขาจะเพิกเฉยได้

     ขั่วมหาอำนาจต่างๆ แม้จะแอบเป็นศัตรูกันอย่างลับๆภายใต้พันธะสัญญาสงบศึก เมื่อยามเภทภัยมาเยือน พวกเขายินดีละทิ้งความเกรียดชัง เพิกเฉยความทะเยอทะยาน รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ก่อตั้ง “รัฐบาลโลก”  เริ่ม “ศักราชใหม่” เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ พวกเขาได้ผนึกอำนาจการบริหารอาณาจักรต่างๆทั่วโลกไว้ที่ศูนย์กลาง ด้วยมีเหล่ากษัตริย์ของอาณาจักรต่างๆเป็นผู้บริหาร โดยมีสัญลักษณ์คือ รูป 6 ห่วง ซึ่งหมายถึง ภูมิภาคทั้ง 6

     ภายหลังการก่อตั้งรัฐบาลโลกได้ไม่นาน (ร้อยกว่าปี) เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติครั้งใหญ่ขึ้น (การแปรปรวนของมิติและพลังงาน) ส่งผลให้มนุษย์ค้นพบความลับอันน่ามหัศจรรย์ของวัตถุประหลาดชนิดหนึ่งที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ การค้นพบที่ว่าอาจเป็นทางรอดของมนุษยชาติ ที่รัฐบาลโลกต่างพยายามค้นหา แต่แม้เทคโนโลยีของพวกเขาจะก้าวล้ำเพียงใด แม้พวกเขาจะพยายามศึกษาสิ่งนี้มากมายแค่ไหน ความรู้ของพวกเขาที่มีเกี่ยวกับสิ่งนี้ก็ไม่ได้เพิ่มพูนขึ้นแม้แต่น้อย

     โลกที่ยังคงดำเนินสู่ความเสื่อมสลายที่รอวันพังทลาย แนวคิดการย้ายถิ่นฐานไปยังดวงดาวใหม่ ยังเป็นได้เพียงทฤษฎี แม้แต่การสร้างนิคมในอวกาศก็ยังคงเป็นความฝันอันเลื่อนลอย หลายโครงการยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษในการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ อย่างน้อยๆรัฐบาลโลกก็รู้สึกแบบนั้น การค้นพบของนักวิจัยวัตถุโบราณ จึงกลายเป็นความหวังใหม่ให้กับมนุษยชาติที่ไม่อาจมองข้าม 

     มีบางเรื่องที่พวกเราจะต้องเรียนรู้และต้องเรียนรู้อย่างรวดเร็วมากๆ รัฐบาลจึงทุ่มเม็ดเงินมหาศาลและก่อตั้งโครงการ “เดสทินี” ขึ้น และพวกเขามีความเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ว่านี้ จะเป็นการเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด และอาจเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายที่เกี่ยวพันกับความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ เพราะนี่อาจจะมาถึงจุดสำคัญในกระบวนการวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่จะนำมนุษยชาติทะยานไปสู้ความรุ่งเรือง หรือไม่ก็อาจนำพวกเราไปสู่ความวิบัติฉิบหาย...

( เอ่อ... อ่านแล้ว กลิ่นไซไฟหึ่งมาก แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ไซไฟอย่างที่คิด) ... มันก็จะเป็นนิยายแนวพิสดารๆ หน่อยๆ

สุดท้าย...

คำชี้แจง

เรื่องราวทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกสมมุติ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโลกแห่งความเป็นจริง อาจมีชื่อบุคคล สถานที่คล้ายคลึงกับโลกความเป็นจริงอยู่บ้าง ตลอดจนตำนานต่างๆอาจถูกนำมาดัดแปลงผูกแต่งตามจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีความคิดลบหลู่ ความเชื่อ ความศรัทธา หรือสร้างความวุ่นวายใดๆ หากมีข้อความหรือเนื้อหาใดไม่เหมาะสม หรือพลั้งเผลอล่วงเกินท่านใด ต้องกราบขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้

                                ซาคุ ซัน