NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BNHA/MHA X FT & OC] AGAIN รักเธออีกครั้งในโลกใหม่

    ลำดับตอนที่ #2 : บันทึกเล่มที่ 0 หน้าที่ 02 : ไอ้พวกบัดซบ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 66


     

      บันทึกเล่มที่ 0 หน้าที่ 02 : ไอ้พวกบัดซบ

      คำเตือน : กล่าวถึงอาชญากรรม

      [#มุมมองบุคคลที่ 1 โดย อัคโนโลเกีย]

      ข้าได้มาเกิดใหม่เป็นเด็กในสลัม ไม่มีผู้ใดเหลียวแลจนชวนน่าหงุด ทั้งที่แต่ก่อนข้านั้นนั้นก็ใช้ชีวิตโดยที่ผู้คนหวาดกลัวและอยู่บนจุดสูงสุดมาโดยตลอดแท้ๆ การได้มาเกิดใหม่ในโลกที่แม้แต่คนที่ชายตามองมาก็ไม่ทำราวกับตนถูกด้อยค่าไป

      ร่างนี้อายุราวๆราวๆแปดถึงเก้าขวบ จากที่ได้ยินมเหมือนว่าไอ้พลังวิเศษมันจะออกมาช้าสุดราวๆสี่ขวบ 

     

      “น่าผิดหวังๆ ถ้าเป็นตามปกติร่างนี้ก็ควรจะมีพลังโผล่ออกมาแล้ว ตั้งแต่เกิดด้วย” นี่เป็นร่างของราชามังกรนะเห้ย ทำไมมาทำให้ชื่อเสียงของราชามังกรอัคโนโลเกียเสื่อมเสียกัน ไอ้กายหยาบไร้มาตรฐาน

      “อากิบ่นอะไรอยู่คนเดียวอ่ะ ?” พวกเด็กในสลัมซุบซิบกันอีกทั้งยังแสดงท่าทางอากัปกิริยาที่แอบหวาดกลัวเหมือนมองคนบ้าคุยกับตัวเองแบบนี้ (อัคโนโลเกีย ://กำหมัด) 

      

      ใช่ ร่างนี้มีชื่อว่า อากิ ก็ยังดีที่ร่างนี้มีชื่อให้เรียก ซึ่งถ้าพูดตามตรงมันก็ดีที่ไม่ได้ใช้ชื่ออัคโนโลเกียต่อเพราะไอ้ชื่อนี้ข้าก็ไม่ได้ชอบมันเท่าไหร่อยู่แล้ว 

     

      “เฮ้ย แกน่ะ” ข้าเรียกเด็กน้อยคนหนึ่งที่มีชื่ออะไรซักอย่างเนี่ยแหละ

      “อะ เอ๋ ? ผมหรอ ?” เด็กชายที่ถูกเรียกกระพริบตาปริบๆ 

      “เออ” 

      “ไอ้พวกนั้นมามันทำอะไร ?” ข้าชี้ไปยังไอ้พวกผู้ใหญ่ที่กำลังยิ้มหวานแจกน้ำแจกอาหาร

      “ก็คนใจบุญไงงงง พวกเขาบอกว่าจะอยากจะช่วยพวกเราด้วยล่ะ !” 

      “ … อ๋อ หรอ ?” 

     

      ไม่น่าไว้ใจเลย ตั้งแต่พวกผู้ใหญ่ในสลัมยันนอกสลัม คนที่ข้าไว้ใจก็คงมีแค่ไอ้เด็กเหลือขอนี่คนเดียว

      แน่นอนว่ายังไงซะข้าก็ไม่ได้คาดหวังเรื่องนี้เหมือนกัน 

      

      “อากิ กินสิ !” เด็กเหลือขอนั่นเดินมาพร้อมกับขนมปังที่ได้จากไอ้พวกผู้ใหญ่นอกสลัม

      “ไม่กินเฟ้ย” ข้าโบกมือไล่มันกลับไป

     

      เด็กเหลือขอพวกนี้มันไว้ใจคนง่ายไป ดูสีหน้าข้าก็รู้แล้วว่าพวกมันไม่ได้หวังดีแน่ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เห็นมาด้อมๆมอง อีกทั้งยังให้ทำแบบทดสอบอะไรซักอย่างโดยที่ไม่เคยถามพวกเลยว่าพวกข้ามันรู้อักษรมั้ย

      ถ้าให้เดาก็คงหวังผลประโยชน์จากพวกที่มีพลังดีๆนั่นแหละ ถึงได้ไม่แม้แต่จะเหลียวแลพวกไร้พลังเลย แล้วก็ … 

      ถึงจะบอกว่าเป็นย่านสลัมแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรเลยซักหน่อย ก็คงจะหวังรีดไถแล้วก็ฉุดพวกมีพลังเอาไปขายนั่นแหละ (พี่แกอย่างกับนักสืบ) 

      แต่ที่ยังไม่ก่อเหตุเลยสงสัยคงจะเป็นเพราะยังไม่รู้ที่ซ่อนของมีค่าก็เลยค่อยๆรีดข้อมูล 

      แต่แล้วมันต้องเป็นของมีค่าขนาดไหนถึงได้ลงทุนเสียน้ำเสียอาหารเสียเงินเพื่อคนในสลัมแบบนี้ ? 

     

      “เฮ้ย แกน่ะ” ข้าเรียกเด็กเหลือขอคนเดิม

      “ผมก็มีชื่อนะครับ … อากิคุง”

      “ช่างเรื่องไร้สาระไปเถอะ ที่นี่มีทรัพย์สินอะไรมั้ย ?”   

      “อะ เอ๊ะ ? ไม่น่ามีนี่นา ?” 

     

      ไม่รู้ ? งั้นก็ไม่ต้องบอกไม่ต้องถาม ข้าฉีกไปเดินคนเดียวเพราะจะลักลอบไปแบบฟังผู้ใหญ่เขาคุยกัน เมื่อไหร่พลังจะมาซักทีล่ะวะ ข้าลักลอบแอบฟังอยู่บนเพดาน ก่อนที่ผู้นำในย่านจะพูดคุยกันกับพวกที่มาทำจิตอาสา

     

      “พะ พวกคุณรู้ได้ยังไงกันว่าที่นี่มีไอ้นั่น … ?” คนที่ได้รับตำแหน่งที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านเอ่ยด้วยความตกใจ

      “เอาเถอะน่า … ถ้าเกิดว่าพวกคุณยอมที่จะรับข้อเสนอของพวกเรา – ”

      “ … ต้องขอปฏิเสธด้วยนะครับ ผมดีใจที่พวกคุณคอยช่วยเหลือคนในย่านจะ แต่ว่าจะให้พวกเรามอบบ่อน้ำมันที่พวกเราพบแล้วแอบซ่อนมานานถึงสิบกว่าปีแบบนี้ … ” 

     

      ไอ้ข้ามันก็ไม่เข้าใจคุณค่าของบ่อน้ำมันที่ว่าหรอก แต่หากมันมีค่ามากขนาดนั้นจริงๆก็คงจะหมายความว่าที่นี่แอบเลี่ยงสิ่งที่เรียกว่า ภาษี สินะ เพราะที่นี่เป็นย่านสลัมที่มีคนจรจัดมากมายอาศัยอยู่และห่างไกลจากตัวเมือง อาจจะเรียกว่าเป็นแดนลับแลก็ว่าได้

     

      “อย่างนั้นหรอครับ ? … ฉันเข้าใจแล้ว” ตัวแทนกลุ่มจิตอาสาเอ่ยก่อนจะลุกขึ้น

     

      ปั่ก ! มีดเล่มเล่มหนึ่งลอยขึ้นปักเพดาน เหงื่อของข้าไหลออกมาพลันแสดงสีหน้าตกใจ พอไร้พลังแล้วก็แล้วก็ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ข้าไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าไอ้ร่างกายที่อ่อนแอแบบนี้จะมีพลัง เพราะต่อให้พยายามมากเพียงใดก็ไม่ได้มีแม้กระทั่งเศษเสี้ยวด้วยซ้ำ

      

      “มะ มีอะไรหรอครับ ?” ผู้ใหญ่บ้านแสดงท่าทีที่สับสนกับท่าทางของคู่สนทนา

      "อ่า .. เปล่าหรอก ก็แค่ฉันไม่ชอบหนูซักเท่าไหร่น่ะ"


      .


      เซ็งเป็นบ้า ข้าขมวดคิ้วไม่พอใจกับความอ่อนแอของตนเอง ไหนว่าจะให้พลังมากัน ? แต่ตัวข้าก็ไม่ได้คาดหวังมากอยู่แล้ว 


      "เอาละนะะะะ" 


      ปั่ก ! เสียงบอลถูกเตะดังขึ้น เมื่อข้ามองก็ละเหี่ยใจ พวกเด็กนี่ดีจริงๆนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องแบบนี้ 

      แต่ยังไงซะ ...

      อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่เลว


      [#มุมมองบุคคลที่ 3]

      ในวันที่ 7 เดือน 7 ปี xxxx เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญผู้คนในย่านสลัม ณ ชนบทถูกกลุ่มโจร อัคโนโลเกียสังหาร ผู้ชายถูกฆ่าหั่นศพนำอวัยวะไปขาย ผู้หญิงถูกข่มขืนก่อนจะถูกฆ่า เด็กถูกนำไปค้าทาส คนแก่เสียชีวิต

      ใบหน้าของแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ซ้อนทัพกับในอดีต

     อดีตที่เขาอ่อนแอจนไม่สามารถปกป้องใครได้ อดีตที่บัดซบ น่ารังเกียจ


      "อีกแล้ว .... "

      "สวรรค์เป็นบ้าอะไรนักหนาวะ ?! ใช้ชื่ออัคโนโลเกียมาทำลายความเชื่อใจของคนอื่น ! (ที่หมายถึงทุกคนเว้นตัวนาง) มอบพลังให้หลังจากสูญเสีย ! ไร้สาระสิ้นดี !"


      ถ้าใช้มันปกป้องใครไม่ได้แล้วเขาจะมีไว้ทำไม ? 

      

      "เกลียดที่สุด ... "

      "ข้าเกลียดไอ้พวกเทวดานางฟ้าเป็นที่สุด !!!" 


      TBC.


      ซ้ำรอยกันจัดๆ ชีวิตก่อนก็เป็นหมอในหมู่บ้านลับแล ช่วยชีวิตมังกรอัคโนโลเกียและเชื่อใจอีกฝ่าย สรุปได้ผลลัพธ์กลับเป็นมังกรที่ไว้ใจทำลายหมู่บ้านและสังหารผู้คน

      อยากแข็งแกร่งแล้วแก้แค้นอัคโนโลเกียเพราะคิดว่าตัวเองอ่อนแอเลยปกป้องใครไม่ได้ ไปๆมาๆแค้นมังกรทั้งโลกๆแล้วก็บึ้ม กลายเป็นงี้

      จริงๆแล้วเท่าที่ดูอัคโนโลเกียก็ขี้เล่นพอตัวอ่ะ ขี้แอคด้วย ---- อะแฮ่ม !

      

      ราเฟล : ขอโทษได้มั้ยที่เป็นเทพ


    1 คอมเม้นท์ = 100% พลังงาน เพราะความขยันของลิลลี่ขึ้นกับจำนวนเม้นท์ติชม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×