The Darkghostsie - นิยาย The Darkghostsie : Dek-D.com - Writer
×

    The Darkghostsie

    ทั้งที่ภายนอกเหน็บหนาวจนเยือกแข็ง แต่หัวใจของฉันกลับร้อนรุ่มเหมือนไฟสุม ถ้าไม่ฆ่าก็จะถูกฆ่า แม้จะเป็นคน และความตายน่ากลัว ไม่ใช่น่าสงสารแบบเธอ

    ผู้เข้าชมรวม

    61

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    61

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ผจญภัย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 ต.ค. 65 / 21:06 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตึก!  ตึก!  ตึก!  เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นน้ำแข็งอย่างระรัว  เมื่อได้ยินแล้วสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าตัวคงหนีหรือไล่ตามอะไรบางอย่างอย่างสุดแรงชีวิตอยู่   แต่ในที่สุดดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านี้คงจะต้องล้มลงอย่างแน่นอนเพราะตอนนี้  ท่อนขาที่เธอใช้วิ่งนั้นหนักอึ้งเหมือนมีลูกตุ้มหนักสิบกิโลมาถ่วงไว้  ทั้งยังดวงตาอันพร่ามัว ที่ต้องเผชิญกับไอน้ำสีหมอกตลอดระยะทางสีขาวกว้างสุดลูกหูลูกตา

                                แฮ่ก แฮ่ก! แฮ่ก!
     

              ฟุบ!  ครืดดดด ! ร่างของหญิงสาวล้มลงไถลไปกับพื้นน้ำแข็ง ที่มีก้อนหินแหลมรูปสามเหลี่ยมอยู่กระจัดกระจายจนทำให้เกิดเสียงเอี๊ยดตามมา บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวคงเจ็บพอควร
     

             ฟูววววววววววววว !! ไม่นานนักดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอวิ่งหนีมาตลอด บัดนี้ได้เยื้องย่างเข้ามาใกล้เธอ กลุ่มหมอกสีดำทมิฬขนาดใหญ่ ลอยมาพร้อมกับกลิ่นสาบอันพิลึกชวนให้ขมคอ  เมื่อพิจารณาดูแล้วหมอกสีดำทมิฬพวกแท้จริงคือวิญญาณหลายๆตนมารวมกัน  ซ้ำยังตาโบ๋ และไร้ฟันสำหรับขบเคี้ยวต่างจากมนุษย์
     

    — หญิงสาวปริศนา  —
     

                อุบ ! กลิ่นสาบคล้ายคนชราจำนวนมากนี้ ทำเอาฉันแทบอยากคืนสิ่งที่ฉันกินก่อนหน้านี้ออกมาทั้งหมดให้กับพื้นน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้า  ไม่ใช่เพราะฉันรังเกียจหรอกนะ แต่อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ เช่นเดียวกับกลิ่นสาบพวกนี้  นั่นทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพเหมือนคนที่เล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวในสวนสนุกซ้ำๆ จนโลกหมุน
     

              “ กลับ…บ้าน.. กัน ” “ ก..ลับบ้าน ” “ กลับบบบ… ” “ กาห์… บา.. ”  “  ไปกัน.. ”  “ ก..ลับ.. กลับ ”  “ คิด…ถึง.. ”   เสียงเรียกแหบพร่าพวกนี้ฟังดูเหมือนเสียงของคนชราไม่มีผิด พวกมันพูดซ้ำๆ ในขณะที่กำลังใกล้เข้าฉันเรื่อยๆ     ฉันกำลังจะลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง แต่… ดูเหมือนจะช้าไปหนึ่งก้าว เพราะอาการเวียนหัวทำให้ฉันหยุดนานเกินไปจนตอนนี้..  กลุ่มเงาที่ดูเหมือนหมอกทมิฬขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นด้านหลังของ ฉันระยะห่างไม่เกิน 50 เซนติเมตรและสูงเหนือหัวฉันประมาณ 1 เมตร
     

    อีกแค่ก้าวเดียว.. อีกแค่ก้าวเดียวฉันก็จะหนีพวกแกทัน แต่… สวบ!!   อึก! เงาพวกนั้นต่างรุมใช้ปากที่ไร้ฟันของพวกมันกัดกินฉันอย่างตะกละตะกลาม  ทั้งๆที่ไร้ฟันสำหรับขบเคี้ยวแต่เจ็บเหมือนโดนเข็มเล็กแหลมนับหมื่นปักลงบนร่าง
     

              “ ฮ้ากก  ไอเวรเอ้ยย! ” ฉันตะโกนเสียงดังด้วยอารามณ์ภูเขาไฟปะทุอย่างหนัก หูของฉันได้ยินเพียงเสียงที่พวกมันกัดกินร่างกายของตัวฉันเองนับสิบตน   จมูกก็ได้แต่กลิ่นสาบที่ต่อให้อาบน้ำกี่สิบรอบก็คงไม่หายเหม็น  ร่างกายที่รู้สึกเหมือนกำลังโดนหนูหลายสิบตัวกัดแทะ หนูที่กำลังแทะชิ้นเนื้อให้ทะลุเพื่อหนีจากกับดัก  ดวงตาที่เริ่มมองเห็นแสงที่มืดมิด มันอาจหมายความว่านี่คือจุดจบของฉัน  แต่ยิ่งพวกมันกัดกินฉันมากเท่าไร ฉันรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของฉันก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ร้อน !  ร้อนจนหนาว และหนาวเหมือนเยือกแข็ง ความเหน็บหนาวที่เหมือนโดนเข็มนับหมื่นด้ามแทงทะลุทั่วร่างกาย    มันทั้งเจ็บทั้งทรมานจนอยากตายไปซะตอนนี้เลย      
     

    แต่ภายในใจฉันหวังลึกๆว่าขอให้มีใครสักคนผ่านมาทางนี้และช่วยฉันบ้าง  ความเย็นนี้เหมือนผิวหนังกำลังถูกดึงออกจากกัน และค่อยๆหดตัวเป็นเพียงเศษผ้ากรุบกรอบ ทุกการหายใจเหมือนมีเข็มนับพันปักทะลุร่าง อวัยวะภายในกำลังหมุนเป็นน้ำวน สมองเริ่มไม่รับรู้ทุกสิ่ง และท้ายที่สุด… หนังตาอันหนักอึ้งของฉันก็ได้ปิดลงอย่างสบูรณ์

     

    — จบ หญิงสาวปริศนา —
                          

                 ตึก        ตึก
     

                                                   ตึก       ตึก
     

          “ เด็กคนนี้ถูกพบที่เขาลอร์อีสครับ ตอนนั้นมีบาดแผลไม่ทราบสาเหตุทั่วร่างกายและนอนสลบอยู่ตรงบริเวณเกิดเหตุครับ ”  เสียงหนาทุ้มคล้ายสนทนากับใครบางคนกล่าวขึ้นข้างเตียงของหญิงสาวปริศนา

     

          “ แล้วตอนนี้ได้ข้อมูลอะไรบ้าง ” ประโยคดังกล่าวถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุ      แต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นของอีกคนหนึ่่งซึ่งยืนอยู่ข้างเจ้าของเสียงหนาทุ้ม

          “ ตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลอะไรเลยครับ ให้คนช่วยกันหามา 3ชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววเลยครับ.. ”

          “ คิด..อะไรอยู่เหรอครับ ”

         “ ฉันพูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี อย่าทำให้ฉันดูเหมือนคนโง่อีกเลย ” เสียงเรียบผุดขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูมีโทสะสักเล็กน้อย

         “ ถึงจะไม่มีใครเชื่อคุณแต่ผมเชื่อนะครับดอกเตอร์มาร์กี้.. ” เจ้าของประโยคกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เช่นเดียวกับแววตาจริงใจของชายหนุ่ม ที่ตั้งใจฉายให้แก่คู่สนทนาของตนได้เห็น
     

         “……”
     

          “ แค่คิดว่า เด็กคนนี้อาจมาจากอีกฝากของเฟซิออส เพราะทั้งรูปพรรณต่างๆไม่ค่อยเหมือนบูออร์ติ แถมยังไม่พบข้อมูลของเด็กคนนี้เลยสักนิด แม้จะหามาแล้ว 3 ชั่งโมงแล้วก็ตาม ” ด็อกเตอร์สาวเงียบไปสักพักก่อนจะแก้ความสงสัยให้กับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
     

          “ ถ้างั้นเราคงทำงานร่วมกันได้นะครับ ด็อกเตอร์มาร์กี้ ” ด็อกเตอร์สาวงุนงงกับประโยคที่ชายหนุ่มกล่าว จนเผลอแสดงสีหน้าสงสัยไปชั่วขณะ
     

          “น่ารัก…. เอิ่ม ! ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาเนื่องจากความไม่ระวังความคิดของตัวเองต้องแก้เขินด้วยการทำเสียง เอิ่มดังๆ
     

          “ มีอะไรหรือเปล่า !? ”  ดอกเตอร์สาวเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มมีท่าทีต่างไปจากตอนก่อนหน้า
     

          “ เอ่อ.. ผมจะบอกว่าผมก็คิดเหมือนคุณน่ะครับ ก็เลย..อยากชวน..วิเคราะห์เรื่องนี้ที่คุณกำลังสนใจด้วยกัน ” ชายหนุ่มพยายามตั้งสติและตอบประโยคคำถามของด็อกเตอร์สาวอย่างปกติที่สุด                                        
     

    — หญิงสาวปริศนา  —
     

             ฉันเริ่มลืมตาขึ้นในสภาพบรรยากาศแปลกๆ  แต่รู้สึกว่ามันสบายตามากกว่าปกติ คล้ายแสงจากพระอาทิตย์ที่เคยโชติช่วงนั้นหรี่ลง เหมือนดวงตาได้ไปพักร้อนหลังจากทำงานหนักมานาน  ร่างกายได้รับการสัมผัสคล้ายมีเส้นสายไหมอันอบอุ่นลอยเล่นไปมาอยู่ในอากาศ กลิ่นเสื้อหนังนุ่มลึกล่องลอยมาเตะปลายจมูก ตามด้วยกลิ่นอ่อนๆของแจ็กเก็ตหนังนุ่มๆ ที่มีกลิ่นน้ำผึ้งและอ่อนๆ ของควันบุหรี่เข้ามาเสริม ให้รู้สึกเข้มแข็งแต่บางมุมก็อ่อนโยนไปพร้อมกันทั้งหมดนี้ทำให้ฉันตกใจมากแม้ไม่ได้เอ่ยอะไรเลยสักคำ แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจมากกว่าคือ การสนทนาระหว่างสองเสียงที่ข้างเตียงของฉัน เสียงหนึ่งเป็นเสียงทุ้มของผู้ชายใส่เสื้อคอเต่าสีดำทมิฬ พับแขนเสื้อขึ้นเหนือข้อศอก มองแล้วเข้ากับหุ่นรูปสามเหลี่ยมคว่ำที่มีกล้ามประดับเล็กน้อยของเขาได้อย่างดี  ส่วนอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงของผู้หญิงที่ชุดตัวในเลือกสวมเป็นเสื้อคอเต่าสีดำทมิฬทรงเดียวกับคนข้างๆ  สวมทับด้วยเสื้อยาวตัวนอกสีขาวเป็นปุยฝ้าย ยาวคลุมเข่าได้ทรงสวย มองภาพรวมแล้วทั้งคู่ดูดีมา
     

         “ ขอโทษนะ..แต่ฉันกลับบ้านได้หรือเปล่า ? ” เนื่องจากพวกเขามีภาพลักษณ์ที่ดูดี และบทสนทนาที่ฟังดูแล้วเหมือนพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อหมายจะชิงชีวิตฉันไป จึงทำให้เสียงเรียบของฉันพูดประโยคดังกล่าวขึ้นแทรกในจังหวะที่การสนทนาของพวกเขาทั้งสองเงียบลง
     

    —- จบ หญิงสาวปริศนา —-
     

                 พรึบ      พรึบ
     

      “ หนูรู้สึกยังไงบ้าง !? ” ผู้หญิงในลุคด็อกเตอร์สาวเอ่ยถามฉันก่อนเป็นคนแรก
     

      “ ใจเย็นๆนะ พวกเราไม่ทำอะไรเธอหรอก ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน                          
     

      “ หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ หายเป็นปกติิดีเหมือนเดิมแล้ว เดินได้แล้วด้วย ”             ถึงจะไม่รู้เรื่องแต่ก็ต้องนิ่งไว้ก่อนล่ะนะ
     

      “ หนูจจะได้กลับบ้านแน่ แต่พอมีเวลาสักเล็กน้อยไหมคะ? พี่อยากคุยด้วย ”        เมื่อครู่ด็อกเตอร์สาวคนนี้ถามฉันและแทนตัวเองว่าพี่กับฉันที่เพิ่งอายุครบ 16          ทั้งๆที่คุณด็อกเตอร์ก็เหมือนจะสามสิบแล้วนะ!  โถ่หน้าตาฉัน…

      “ ถ้าอย่างนั้น ถามตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ หนูพร้อมแล้ว” ฉันเร่งเพื่อจะให้ตนเองอยู่ที่นี่ให้น้อยที่สุด

      “ อย่างแรกหนูเกิดที่ไหนเหรอคะ ” ด็อกเตอร์สาวถามแบบไม่อ้อมค้อม
     

      “ อืม..แม่บอกว่าหนูเกิดที่ฮีโมท่า ”
     

      “ ฮีโมท่า?! …อยู่เกือบคนละฝั่งของที่นี่เลยนะ ” ด็อกเตอร์สาวดูตกใจเล็กน้อย
     

      “ แล้วทำไมเธอถึงมาที่เขาลอร์อีสล่ะ ” เธอถามต่อ

      “ … ”  หญิงสาวฉุดคิดชั่วครู่

       “ หนูหนีแม่มาเที่ยวคนเดียว และหลงทางน่ะค่ะ ” หญิงสาวตอบแต่ดูเหมือนด็อกเตอร์มาร์กี้จะยังคงไม่เชื่อ และอยากได้คำตอบมากกว่านี้

       “ ตอบได้ฉลาด แต่อยู่กับพี่ไม่มีอะไรต้องปิดบังหรอกนะ ”

    หญิงสาวเข้าใจสิ่งที่ร่างเจ้าของเสื้อคลุมัวยาวสีขาวปุยฝ้ายจะสื่อ                                

                 ฟึด    ฟึด

    เธอจึงเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มและเห็นว่าเขากำลังตั้งใจจดอะไรบางอย่างลงในบอร์ดที่เขาถือแนบอกไว้ตั้งแต่เขาสนทนากับด็อกเตอร์สาว  หญิงสาวดูออกว่าสิ่งที่เขาจดต้องเป็นข้อมูลจากการสนทนาเมื่อครู่แน่นอน

      “ คุณต้องการทำอะไรกันแน่ ” หญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงเป็นฝ่ายเอ่ยถามอีกฝั่งก่อน

       “ ลุกเดินไหวไหม ” ผู้หญิงที่มีอายุมากที่สุดในวงสนทนา ไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว เธอเปลี่ยนเป็นคำชวนแทน  แต่หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธอย่างใด เธอลุกเดินตามคนมีอายุมากกว่าไปที่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง โดยมีชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วยของ    ด็อกเตอร์สาวคอยประคองไม่ให้ล้ม

       “ มองลงไปจากจุดนี้ พวกนายเห็นอะไรบ้าง ” ผู้หญิงที่อายุมากที่สุดในกลุ่มถามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ถามเพียงหญิงสาว เธอต้องการคำตอบจากทั้งสองแทน

    หญิงสาวและชายหนุ่มตกใจเล็กน้อย เพราะภาพที่เห็นคือภาพมุมสูงจากตึกประมาณสามสิบชั้น ทั้งๆที่บริเวณรอบตัวพวกเขาไม่มีหน้าต่างสักบาน
     

       “ ความทรมาน~ …  หิมะ น้ำแข็ง แล้วก็สีขาวโพลนเต็มไปหมดเลยครับ ” ในช่วงต้นประโยคชายหนุ่มกล่าวเสียงเบามาก แล้วจู่ๆภายหลังเขาก็พูดเสียงดังขึ้นมาทันที
     

       “ ความว่างเปล่า ” หญิงสาวหลังเสียงชายหนุ่มสิ้นประโยค
     

       “ โอ้ พี่ชักจะถูกใจหนูขึ้นมาแล้วสิ ”
     

       “ นายก็ตอบได้ถูกใจนะ แต่เจ้าหนูนี่ตอบได้ถูกใจกว่า ” มาร์กี้หันหน้าไปพูดกับ เบรนแดน ชายหนุ่มที่เป็นคู่สนทนาของเธอตั้งแต่ต้น ก่อนที่เบรนแดนจะหัวเราะแห้งๆออกมา  ให้หญิงสาวมองยังไงก็คงรู้สึกว่าคู่นี้ีมีอะไรบางอย่างแน่ๆ
     

       “ แล้วชื่อเธอ- ”
     

       “ … ” “ มีอะไรเหรอเจ้าหนู ? ”  ด็อกเตอร์มาร์กี้เห็นหญิงสาวที่จ้องมองผ่านอุปกรณ์คล้ายกล้องจุลทรรศน์สีหน้าเคร่งเครียด จึงเอ่ยถามตัดบทของเบรนแดน

     

                   ตึกตัก       ตึกตัก                      
     

    พวกมันตามมาทำไม…ฉันหลุดมาอยู่ตรงนี้แล้วนะ ฉันไปทำอะไรไว้แล้ววิธีแก้ต้องทำยังไง !  คิดสิ คิด !  ความคิดของหญิงสาววนเวียนอยู่ในศีรษะ ทางออกที่จะพบเหมือนเขาวงกต ท่ามกลางสถานการ์ณที่ด่วนขันและประสบการ์ณที่ไม่เคยพบเจอ ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะทำอะไรไม่ถูก
     

      “ รีบหาที่ปลอดภัย มันกำลังมา !
     

               สิ่งที่หนูเจอก่อนหน้านี้มันกำลังมา เงาสีดำ!! ” หญิงสาวกล่าวเสียงดังด้วยท่าทีกึ่งโมโหกึ่งหวาดกลัว  ถ้ามองเผินๆแล้วแยกไม่ออกเลยก็ว่าได้
     

      “ กลัวเหรอ? ” เบรนแดนถามด้วยท่าทีประหลาด
     

      “ หะ… ”
     

    — หญิงสาวปริศนา —
          จู่ๆเบรนแดนชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยน และคอยเทคแคร์ฉัน ตอนนี้ เขากลับพูดห้วนๆ พร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้ฉันขณะที่ทำตาโตและเบ้าตา!…. เบ้าตามัน.. กำลังลึกลงไปเรื่อยๆ จนแถบจะโบ๋   เหมือนไอพวกวิญญาณดำพวกนั้น!  หน้าเราห่างกันไม่เกิน 2 เซน รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มกว้างขึ้น กว้างไปจนถึงรูหู !   ฉันคงต้องยอมรับแล้วว่าเวลานี้ฉันกลัวจริงๆเหมือนเขาจะกลายร่างเป็นผี!    
     

            ปัก! เสียงศีรษะฉันกระทบกับเสาตึก ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ฉันโดนเบรนแดนต้อนจนมุม
     

       “ เธอชื่ออะไร ! ! ” ฉันสะดุ้ง  สภาพเบรนแดนตอนนี้ไม่ใช่เบรนแดนที่เพิ่งรู้จักกับเขาก่อนหน้า เขายังไม่หยุดถามชื่อของฉัน น่ากลัวเป็นบ้า แต่โชคดีที่ฉันจิตแข็งถึงจะกลัวแต่สติก็ไม่กระเจิง  เสียงของเบรนแดนตอนนี้เริ่มแหบพร่าและฟังดูแสบลำคอ   เหมือนคนชรา… และเหมือน.. เงาสีดำพวกนั้น !! ไม่ใช่เพียงเสียงแต่คือทุกอย่าง แค่เขามีขาและดูคล้ายมนุษย์มากกว่าพวกนั้นเปอร์เซ็นต์หนึ่ง !
     

      “ กรรรร !!! ” เบรนแดนคลุ้มคลั่ง และกำลังเปิดปากที่ใช้แสยะยิ้มถึงรูหูของเขาหวังเขมือบศีรษะฉันในทีเดียว
     

            ตึง !!   ตึง!!
     

       “ เอาตีนไปกินก่อนละกัน ! ”

       “ เอาปลาตีนไปกินก่อนละกัน !! ”
     

    ศีรษะและร่างผีของเบรนแดนถูกลดขยี้เข้ากับผนังอิฐที่ทำจากก้อนหินซึ่งไร้การเจียระไนใดๆ  ฉันตั้งใจยกส้นเท้าถีบเข้าเต็มๆปากผีเบรนแดน  ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับด็อกเตอร์มาร์กี้ถีบเข้าข้างลำตัวของเบรนแดน ทำให้ฉันต้องผวาอีกครั้ง…เมื่อผลลัพธ์จากลูกหลงจากการถีบเบรนแดน เผยให้เห็นแผลบนใบหน้าของด็อกตอร์มาร์กี้ ที่ประดับด้วยรอยยิ้มแสยะถึงรูหูเบ่นเดียวกับเบรนแดน

                  ฟิววววววววววว !!!   เสียงอันคุ้นหูเริ่มเยื่องย่างปรากฏเป็นชัดเจนทุกอัตรา   หน้าประตูมีฝูงเงาดำที่พร้อมจะมอบความตายให้   หากแต่อยู่ภายในก็มีผีเบรนแดนที่ตอนนี้กำลังได้สติลุกขึ้นยืนอีกครา

        “ ตามพี่มา อย่าได้สงสัยใดๆ เร็วเข้า! ”   ทันใดมาร์กี้ด็อกเตอร์สาวที่แทนตัวเองว่าพี่กับฉันตะโกนบอกให้ไปกับเธอทั้งๆที่เธอก็กำลังเป็นแบบเดียวกับเบรนแดน ! แบบที่จะฆ่าฉันให้ตาย !
     

                  แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร เมื่อความตายโอบกอดฉันเหมือนแม่รักลูกถึงเพียงนี้…
     

    — จบ หญิงสาวปริศนา —


     


     


     


     


     


     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น