ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo Fic] Before I Decay : KaiDo

    ลำดับตอนที่ #7 : ep.06

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      1
      5 ก.พ. 56








    6

     

     

    ..

    .

     

     

    แม้จะกลับมาจากโรงเรียนพร้อมกัน...     โอเซฮุนมาถึงห้องก็รื้อกระเป๋าหยิบการบ้านขึ้นมาทำ

    ส่วนจงอินกลับเดินไปนอนแผ่หลาที่โซฟาตัวใหญ่หน้าทีวี   นอนดูรายการทีวีไปเรื่อยเปือย..

     

    จนเวลาล่วงเลยไปเป็นชั่วโมง จงอินก็ยังไม่ขยับร่างไปไหน

    ผิดกับโอเซฮุนที่จัดการกับการบ้านอันน้อยนิดสำหรับวันนี้ด้วยความรวดเร็ว

    วันนี้อาจารย์ใจดีเป็นพิเศษเลยสั่งงานน้อย  เหมือนจะเป็นโชคดีสำหรับบางคน

    แต่กับโอเซฮุนเขาอยากถ่วงเวลาไว้สักนิด เพื่อข้ออ้างที่ดูมีเหตุผล  แต่สุดท้ายอะไรๆก็มักไม่ค่อยเข้าข้างเขาเสมอ

     

     

    ..truuu……… truuuuuu       เสียงริงโทนง่ายๆดังขึ้น  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเบอร์ใคร..

    เซฮุนรู้สึกหัวเสียไม่น้อย  ดวงตาเรียวกรอกตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ก่อนเดินไปรับโทรศัพท์ตัวเอง
    ..

     

     

    “เอ้อ... รู้แล้วน่ะ ........”   จงอินผงกศีรษะขึ้นมามองเพื่อน  แต่ได้ยินเพียงประโยคแรก เสียงของโอเซฮุนก็หายไป

    ตามเจ้าตัวที่เดินเข้าไปในห้องนอน

     

     

    จงอินมองนิ่งๆ ก่อนวางศีรษะลงนอนที่เดิม

     

    เหอะ ..     ใจจริงก็ไม่อยากจะสนใจไรหรอกนะ แต่รู้สึกช่วงนี้เซฮุนมันดูมีลับลมคมใน

    แต่เขาเองก็มีความลับที่ขี้เกียจจะบอกใครเหมือนกัน  เลยไม่อยากถามให้เกิดประเด็น

    ปล่อยให้เซฮุนมันยุ่งๆบ้างก็ดี จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเขา...

     

     

    นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพักใหญ่... เซฮุนก็ออกมาพร้อมชุดออกจากบ้าน...

    แต่มันก็ไม่พูดอะไร หยิบเป้ใบโปรดแล้วเดินผ่านหน้าเขาไปในทันที....

     

     

    จงอินมองบานประตูที่ถูกเซฮุนปิดสนิท    มันไม่ยอมสบตาเขา..  แปลก...

    แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสาระ       อยากทำอะไรก็ทำไป..เพราะเขาเอง

    อยากทำอะไรก็ทำเหมือนกัน.......   

     

    …..

    ..

     

     

     

     

     

     

    แม้เรื่องราวอันเลือนรางในความคิดของคยองซูจะหายไป เพราะเจ้าตัวไม่คิดจะจำมัน

    แต่การก้าวเดินเข้ามาในบ้านสองชั้นที่ดูเงียบเหงาของชานยอล  กลับทำให้คยองซูรู้สึกหวาดหวั่นในใจเบาๆ

     

     

     

    สถานที่ๆมีแต่ภาพของเด็กหนุ่มตัวสูงปรากฏในความทรงจำของคยองซู

    จงอินที่ยิ้มให้เขา   จงอินที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก  จงอินที่ใช้เพียงปลายนิ้วแตะต้องตัวเขา

    จงอินที่ไม่เคยล่วงเกินเขาให้เจ็บช้ำ.......   

     

    ภาพอันสวยงามที่คยองซูจะเก็บเอาไว้.....   ภาพที่ควรจำ....

    ภาพที่เขาจะไม่ลบเลือนมัน.....

    ..

     

     

    เพราะเขาเป็นคนเลือกหนทางแบบนั้นเอง.....   

    หากจะต้องอยู่แบบเจ็บเจือนตาย..    เขาไม่ขอเลือกแบบนั้น

    ..

    .

     

     

    “ไอ้เด็กเปรตนั่นไม่อยู่เหรอ... ดีจัง”  แบคฮยอนพูดขึ้นเมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน....

    รอยยิ้มอันพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าเรียวเล็กนั่น  ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้าไปในห้องครัว

    เพื่อขนอุปกรณ์ออกมารองรับอาหารมากมายที่เขาสามคนพากันเลือกซื้อมา

     

     

     

    “วันนี้มันคงไม่กลับ   กูโทรเช็กกะเซฮุนมาแล้ว” ชานยอลหันไปบอกแบคฮยอนขณะที่กำลังแกะห่ออาหาร

    ลงไปในจาน.....    แบคฮยอนพยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดีก่อนฮัมเพลงเบาๆ

     

     

     

    “คยองซู..........  เฮ้คยองซู เหม่ออะไร” เมื่อเห็นข้างตัวเงียบไป แบคฮยอนเลยหันไปเรียกชื่อ

    แต่กว่าคยองซูจะรู้สึกตัวก็เรียกไปตั้งหลายที

     

     

    คยองซูที่สะดุ้งเมื่อครู่หันไปยิ้มเจือนๆให้แบคฮยอนที่ส่ายหน้าให้เขา...

     

     

    “ไปหยิบแก้วน้ำมาหน่อยดิ  ลืมหยิบมา”  หลังเรียกเสร็จก็ใช้คยองซูในทันที

    ซึ่งอีกฝ่ายก็ว่าง่ายเดินเข้าไปหยิบของตามคำสั่งของแบคฮยอน..

     

     

     

    “มีอะไร” ชานยอลถามขึ้นเมื่อเห็นแบคฮยอนหันมามองหน้าตัวเอง...

     

     

    “มึงคอยดูน้องมึงไว้นะ”  พอได้ยิน ชานยอลขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจในคำพูดของแบคฮยอน

     

     

    “ยังไง?”  ถามขึ้นอีกที...  แบคฮยอนจิ๊ปากใส่อย่างไม่สบอารมณ์ 

     

     

    “แกล้งโง่หรือโง่จริง” 

     

     

    “อ้าวไอ้เตี้ยนี่   ด่ากูทำเพื่อ” 

     

     

    “เพื่อให้เลิกโง่ไงสัดหุบปาก คิดแล้วทำตาม.. มึงก็รู้ว่ากูหมายถึงอะไร” แทบจะเป็นเสียงกระซิบ

    เมื่อคยองซูเดินถือแก้วสามใบกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น.......

     

     

     

     

    ชานยอลเม้มปากก่อนพยักหน้ารับ....    หันไปมองหน้าเปื้อนยิ้มของคยองซู

    ใบหน้าขาวแต่อิดโรย....     ริมฝีปากยิ้มแย้ม แต่นัยน์ตาเศร้าโศก....

    ทำไมเขาจะไม่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคยองซู  แต่เลือกที่จะเงียบ...มากกว่าไปคาดคั้น

     

    แต่จงอิน...มันมาเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้   นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยอยู่..

    ......

    .

    .

     

     

     

    เสียงเคาะโต๊ะตามจังหวะเพลงดังขึ้น...   จงอินเปลี่ยนจากนอน..

    มานั่งฟังเพลงร็อคที่นานๆจะเปิดฟังที...    เสียงกลองหนักๆดังในหู  เสียงกีตาร์ไฟฟ้าหลีดดังเข้าในโซนประสาท..

    เสียงคำรามของนักร้องนำชวนให้หวีดร้องตาม.....

     

     

    อ่า........   สนุกชะมัด..     ไม่ได้รู้สึกปลดปล่อยแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว

    ฟังแล้วกระตุ้นสมองให้ตื่นดีจริงๆ

     

    ลุกขึ้นก่อนเดินไปหยิบกุญแจห้องเซฮุนที่วางไว้ข้างทีวี......

     

     

    ปังเสียงประตูห้องปิดลง.. พร้อมร่างของจงอินที่หายออกไป...

    ..

    .

     

     

     

     

    เสียงออดดังขึ้นในห้อง 708 สามครั้ง....    จงอินยืนพิงข้างประตูรอเจ้าของห้องมาเปิดครู่หนึ่ง..

    แต่ทุกอย่างก็เงียบกริบ...   รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย  นิ้วเรียวจึงกดออดรัวแบบไม่มียั้งไปร่วมสามสิบครั้ง

    ก่อนพยายายามทำใจเย็น ยืนมองประตูเจ้าปัญหาพักหนึ่ง  แต่สุดท้ายก็ไร้เสียงตอบรับ..

     

     

    พี่คิดจะลองดีกับผมเหรอ? เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ..   จงอินพิมพ์ข้อความลงบนสมาทโฟนของเขา

    เพื่อส่งไปให้ถึงคยองซู           ก่อนสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อระงับโทสะที่พุ่งสูงขึ้นของเขา..

    ..

    ..

     

     

    แต่......

     

     

    สุดท้ายก็เงียบ.....  แม้จงอินจะเพียรส่งข้อความข่มขู่ไปเพียงใด  ประตูก็ยังปิดสนิท.. 

    จนทำให้เขาเริ่มฉุกคิด หรือว่าจะไม่อยู่ห้อง??    บ้าเอ้ยยยย นี่เขาทำอะไรอยู่    หงุดหงิดจนขั้นจะพังประตูได้

     

     

     

    “อยู่ไหน?”   เมื่อไม่เจอคยองซู  จงอินจึงโทรหาเพื่อนเขาแทน... โอเซฮุนสุดซวยต้องมากดรับจงอินที่กำลังอารมณ์เสียสุดขีด

     

    “(เรื่องของกู)”  นี่ก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน  โทรมาทำไม  พ่อกูรึไง

     

    “ถามให้ตอบสัดอย่ากวนตีน”  แทบจะตะคอกใส่มือถือ   เซฮุนได้แต่ขมุบขมิบด่าไม่ออกเสียง

     

    “(แล้วมีอะไร โทรมาทำไม)”  พยายามใจเย็น

     

    “มึงเห็นพี่ชายกูปะวะ”   พอได้ยินคำถามเซฮุนขมวดคิ้วทันที  ถามหาพี่ชายมันทำไม?

    ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะถามถึง...  แต่ไม่ทันจะประมวลความคิดอะไรได้มาก 

    สายตาคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ส่งสัญญาณไม่ดีมา... เซฮุนจึงไม่ทันคิดอะไรได้อีก

     

     

    “ไม่เห็น”  ตอบตามความจริง...     ก็เขาไม่เห็นพี่ชานยอลจริงๆ  ได้ยินแต่เสียงในโทรศัพท์

     

     

    “ไร้ประโยชน์ฉิบหาย...”   จบคำจงอินก็กดวางในทันที  โอเซฮุนได้แต่อ้าปากพะงาบๆเตรียมด่าคืนเต็มที่

    แต่ก็ไม่ทัน.....   จู่ๆก็โดนด่าฟรี  โอ้ยยยยย หงุดหงิด  ไอ้เพื่อนบ้าเอ้ยยยยย

    ...

    .

     

     

     

     

     

    22.30     คยองซูมองนาฬิกาที่คอนโซลรถก่อนดับเครื่องรถ

    เขาใช้เวลาในการสรวญเสเฮฮากับเพื่อนทั้งสองนานพอควร  คุยกันเหมือนไม่เคยเจอหน้ากันมานาน

    ก็แน่ละในช่วงเดือนที่ผ่านมาต้องช่วยกันปั่นรายงานทั้งคู่ทั้งเดี่ยว จนแทบไม่มีเวลาพักหายใจ...

    มิหนำซ้ำตัวเขาก็เจอเรื่องเลวร้ายที่ทำให้กำลังใจในการยืนอยู่บนโลกใบนี้แทบหายไป....

     

     

    วันนี้จึงเป็นวันที่เขาผ่อนคลายที่สุด...  มีความสุขกว่ากลายๆวันที่ผ่านมา...

    อย่างน้อยเขาก็ไม่อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้..  เขายังมีเพื่อน..  เพื่อนที่รักและห่วงใยเสมอ.

     

     

    คยองซูเงยหน้ามองตึกสูงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก  นับตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น

    ห้องที่เขาคิดว่าจะอยู่ได้อย่างสบายใจ  กลับกลายเป็นหนามที่ทิ่มแทงใจเขาทุกครั้งที่นึกถึง

    ถึงแม้จะพยายามทำเป็นเหมือนเรื่องราวนั้นไม่เคยเกิดขึ้น    แต่... ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย...

    ข้อนี้เขารับรู้ดีที่สุด

     

     

     

     

    คยองซูสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนเดินเข้าไปในตึก   ใบหน้าน่าเอ็นดูเสมอเมื่อเปื้อนยิ้ม

    หันไปส่งยิ้มทักทายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าตึกที่เปิดประตูให้

    ก่อนเดินตรงไปกดลิฟท์.....      ยังไม่ทันที่ลิฟท์จะลงมาจากชั้นบนคยองซูก็ได้ยินเสียง

     

    เสียงของคนที่เขาพ่ายแพ้มากที่สุด

     

    “สวัสดี  ไม่เจอกันนายเลยนะครับพี่คยองซู”

    ..

     

    คิมจงอิน....       เมื่อไหร่นายจะหยุดเสียที.....

     

    คยองซูเอามือสองข้างปิดปากเพื่อกั้นเสียงร้องของตัวเอง ที่เกือบเผลอตะโกนออกมา..

    ดวงตากลมโตหันไปมองคนข้างกายด้วยสายตาหวาดหวั่นปนหวาดระแวง

    เขาไม่รู้ความคิดของจงอิน  ในใบหน้าที่ดูอารมณ์ดีนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ 

    เดาไม่ได้....    คยองซูคาดการณ์อะไรล่วงหน้าไม่ได้เลย

     

     

     

    ตึ่ง...      เสียงลิฟท์ดังเมื่อถึงชั้นเจ็ดก่อนประตูจะเปิดออก...  คยองซูค่อยๆก้าวเดินออกมาช้าๆ

    โดยมีจงอินเดินเอามือซุกกระเป๋ากางเกงตัวเองตามออกมา..

     

     

    “พี่ไปไหนมา”  ถามขึ้น เมื่อเดินเข้ามาในห้องของคยองซูแล้ว  จงอินทรุดกายนั่งลงโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวี

    ก่อนหันหน้ามามองคยองซูที่ยังคงยืนพิงประตูอยู่  

     

    ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน.....    จงอินใจเย็นพอที่จะปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม

    เขาเอนร่างไปพิงพนักก่อนจ้องมองไปยังคยองซู....    เอาสิ อยากเงียบก็เงียบไป

    แบบนี้ก็สนุกดี มีหลากหลายอารมณ์ให้ดู

     

     

    “ผมก็กดออดตั้งนานจนนึกว่าพี่เป็นอะไรรึเปล่า เป็นห่วงแทบแย่” ทำน้ำเสียงห่วงใยเสียเต็มประดา

    แต่สายตาและรอยยิ้มกลับไม่เป็นเช่นนั้น.....

     

    จงอินเยียดยิ้มน้อยๆราวกลับสนุกเสียเหลือเกิน...

    สนุกกับการล้อเล่นกับความรู้สึกอีกคน....

     

    อีกคนที่ยังคงยืนก้มหน้า.....    ก้มหน้าและยังคงยืนอยู่ที่เดิม..

     

     

    “ออกไปเถอะจงอิน.....  กลับไปซะ” น้ำเสียงเรียบถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากอิ่ม

    คยองซูพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ    ชัดจนจงอินถึงกับเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

     

     

    ไปเอาน้ำเสียงมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกัน....

    นี่ยังมีแรงต่อต้านเขาอีกเหรอ

     

     

     

    “พูดอีกทีสิ.....  ถ้ากล้าพูดขนาดนี้ก็เงยหน้าพูดอีกทีสิ”   รวดเร็วจนคยองซูไม่ทันตั้งตัว..

    จงอินปราดเข้าไปประชิดตัวคยองซู  ฝ่ามือหนาเชยคางได้รูปขึ้นมาให้มองสบตาเขา...

     

     

    ดวงตากลมที่มีน้ำใสหล่อเลี้ยงดวงตาจนแวววาวเสตาไปอีกด้าน ไม่ยอมสบดวงตาร้ายกาจที่จ้องมอง

    คยองซูไม่กล้าแม้จะกระพริบตาได้แต่หันไปมองด้านอื่น...  เพราะหากเผลอกระพริบตา

    น้ำใสที่หล่อเลี้ยงดวงตาจนชุ่มฉ่ำก็คงไหลอาบแก้มช้าๆ ให้เห็นเป็นหลักฐานของความอ่อนแอ

     

     

     

    “เงียบทำไมละครับ.... พูดให้ได้ยินอีกทีสิ” กระซิบเบาๆข้างหู  ลมหายใจร้อนๆเป่ารดแก้มเนียน..

    อุณหภูมิร่างกายควรสูงขึ้นเพราะร่างที่ยืนเกือบแนบชิดกัน ... 

    แต่คยองซูสัมผัสได้เพียงไอเย็นที่แทรกซึมเข้าไปทั่วร่าง

    หนาวเหน็บจนปวดกระดูก....     เย็นชาจนแทบจะขาดใจ

     

     

    “ออกไป.......”  แม้จะแทบไร้เรี่ยวแรง  เขาก็พยายามพูดออกไป

     

    จงอินหัวเราะน้อยๆในลำคอทันทีที่ได้ยินคำเอ่ยไล่ของเขา  มันก็แค่คำพูดที่ไร้พลัง

    ถ้าอยากจะไล่ก็สะบัดให้หลุดสิ     ปากบอกแต่ร่างกายกลับยืนนิ่งให้เขาถือสิทธิ์ได้

     

     

    พี่ชาย...  เข้มแข็งหน่อยสิครับ...

     

    “อย่าไล่ผัวแบบนี้สิครับ พี่คยองซู” จบคำ  คยองซูหันมาจ้องหน้าจงอินในทันที...  น้ำใสๆที่คิดว่าจะไม่ยอมให้ไหลออกมา

    กลับพังพาบเหมือนเขื่อนแตก   แขนเล็กที่ดูเหมือนไร้เรี่ยวแรงผลักจงอินออกไปจนจงอินเซเล็กน้อย

    ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธจ้องหน้าจงอินอย่างเคืองแค้น....

     

     

    แต่เสียงหัวเราะในลำคอของจงอินกลับดังขึ้น....    ราวกับดูละครอยู่ตรงหน้า

    คยองซูช่างแสดงได้ดีตามบทที่ผู้กำกับอย่างเขาคิดไว้เลย

     

     

    “เลว..............”  กัดฟันกรอด ก่อนพ่นคำออกมา

     

     

    จงอินหัวเราะร่วนในทันที...  ตรง.. มันตรงกับบทที่เขาแอบคิดไว้ในใจเลย

     

     

     

     

    “เลวก็ผัวพี่แหละครับ”

    “คิมจงอิน!!”  อีกครั้งที่คยองซูท่องสคริปได้เป๊ะตามเคย...      จงอินยิ้มกว้างก่อนฉุดคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอด..

     

     

     

     

    “อ้าปากนะพี่ชายคนดี.....  วันนี้จะพาขึ้นสวรรค์ครับ” รวดเร็วเกินกว่าจะคิดทัน  เม็ดยาที่คยองซูคุ้นเคย

    ถูกส่งเข้าไปในปาก  ก่อนเจ้าของยาจะป้อนจูบให้อย่างจาบจ้วง....     

    ยาเม็ดร้ายไหลตามทางเดินอาหารลงไปสู่กระเพาะ  โดยที่คยองซูต่อต้านอะไรไม่ได้เลย.....

     

    และเป็นครั้งที่สอง....   ที่คยองซูไม่มีวันที่จะให้อภัยกับความอ่อนแอของตัวเอง

     

    ความอ่อนแอที่ถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า..........

    ถูกทำร้ายอย่างไร้หัวใจ...   

    ถึงแม้ร่างกายจะร้อนรุ่ม...  แต่หัวใจกลับหนาวเหน็บ

     

     

    น้ำแข็งได้กัดกินดวงใจไปทีละน้อย...ทีละน้อย   กว่าจะถึงวันหลุดพ้น ดวงใจของเขาคงแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี

    จนไม่สามารถประสานมันขึ้นมาได้ดีอีกเลย...

    ..

    .

    .

     

     

     

     

    TBC











    *อย่าบอกว่าสั้นเลย....  เหอๆ จะพยายามปั่นมาลงเรื่อยๆเท่าที่สภาพการทำงานจะเอืออำนวย
    ตอนนี้ไม่อินเลยอะ ดูน่าเบื่อเนอะ =___=     อ่านแล้วเมนต์ด้วยนะ  ติเพื่อก่อจร้าา
    คนแต่งพอรับไหว   สู้ๆ (บอกตัวเอง)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×