Wind Navy ยุทธการเทพนาวีปลดแอกทะเลเดือด - นิยาย Wind Navy ยุทธการเทพนาวีปลดแอกทะเลเดือด : Dek-D.com - Writer
×

    Wind Navy ยุทธการเทพนาวีปลดแอกทะเลเดือด

    กองเรือปริศนาได้เข้ายึดท้องทะเลไปจากมนุษย์และปิดตายเส้นทางการค้าที่สำคัญที่สุดจนโลกเข้าสู่ยุคล่มสลาย ท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น สุดยอดนักเรียนนาวีคนหนึ่งได้รับรู้ถึงความลับบางอย่างจนนำมาสู่การ...ทรยศ

    ผู้เข้าชมรวม

    15,755

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    99

    ผู้เข้าชมรวม


    15.75K

    ความคิดเห็น


    1.02K

    คนติดตาม


    535
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  366 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ค. 67 / 20:30 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    โลก

    คำอันสุดแสนจะธรรมดานี้เชื่อว่าหลายคนนั้นคงเคยได้ยินมันมาจากหลายที่หลายแห่งกันมาแล้ว แต่เมื่อเราพูดถึงโลกแล้วเรานึกถึงอะไรกันล่ะ? แผ่นดิน ท้องทะเล ป่าไม้ สัตว์และพืชพรรณนานาชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศอันหลากหลายแห่งนี้ หรือว่า…มันคือดาวเคราะห์สีน้ำเงินอันงดงามที่ตั้งอยู่เป็นลำดับที่สามในระบบสุริยะแห่งนี้กันล่ะ ไม่ว่าจะความหมายไหนทุกอย่างนั้นมันก็สื่อไปถึงดาวเคราะห์แห่งชีวิตและปาฏิหารย์ดวงนี้ โอกาสเพียงเศษเสี้ยวของเปอร์เซ็นท์เท่านั้นที่จะให้ชีวิตได้เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่พร้อมสำหรับทุกอย่างเช่นนี้ หากแต่ว่าเมื่อพวกเราเกิดมานั้นพวกเราได้ทำอะไรให้สมกับที่เทพีแห่งผืนดินได้มอบปาฏิหารย์นั้นให้เราหรือเปล่า?

    ทศวรรษที่2030

    นี่คือยุคที่การสำรวจอวกาศกำลังรุ่งเรืองจากการค้นพบแร่ธาตุใหม่บนดวงจันทร์ที่ใช้ให้พลังงานได้อย่างมหาศาล ชาติต่างๆนั้นต่างเริ่มการแข่งขันเพื่อได้เป็นชาติแรกที่จะได้สิทธิ์ในทรัพยากรแห่งนั้นที่หลายต่อหลายผู้นำต่างป่าวประกาศว่านี่คือความหวังใหม่ของมนุษยชาติ อนาคตของดาวโลกนั้นช่างดูสวยหรูเมื่อมองขึ้นไปหากแต่เมื่อชายตามองลงที่ผืนดินเมื่อใดก็ตามความรจิงอันน่ากลัวก็จะปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างไม่อาจจะเลี่ยงได้ ดินที่ควรจะบริสุทธิ์เพื่อให้มนุษยชาตินั้นได้ใช้เพราะปลูกและเลี้ยงปศุสัตว์บัดนี้กลับเต็มไปด้วยสารเคมีจากการเพาะปลูก ป่าแอมะซอนถูกถางไปแล้วเกินกว่า50%เพียงเพื่อทำฟาร์มปศุสัตว์เลี้ยงคนทั้งโลก ทั่วทั้งท้องทะเลแพขยะขนาดใหญ่กว่า1,200,000ตารางไมล์แผ่ไปทั่วแปซิฟิกใหญ่กว่ากรุงเทพเกือบ200เท่า โลกทั้งใบนั้นกำลังจะตายอย่างช้าๆจากฝีมือของมนุษย์ที่เป็นผู้อยู่อาศัยของมันเอง และหากไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่ช้าไม่นานโลกก็จะกลายเป็นดาวที่อาจจะไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เลย เป็นดาวที่เต็มไปด้วยมลภาวะจากน้ำมือของผู้ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยได้ให้ชีวิตและคอยปกปักษ์รักษาหากแต่บัดนี้นั้นคนเหล่านั้นกลับเลือกที่จะเนรคุณและหันกลับมาทำร้ายมารดาของพวกเขาเอง เหตุการณ์เหล่านี้นั้นดำเนินรุดหน้าไปเรื่อยๆราวกับมนุษย์ไม่ได้มีความสำนึกในความผิดบาปของตัวเองเลยและแล้ววันหนึ่ง วันที่พระมารดาแห่งดาวเคราะห์สีฟ้าครามดวงนี้ได้ตัดสินใจสั่งสอนให้มนุษย์ผู้เนรคุณทั้งหลายได้รู้จักหลาบจำก็มาถึง

    ปี2037

    ในวันธรรมดาของโลกที่วิทยาศาสตร์รุดหน้าไปอย่างมากจากการแข่งขันกันของแต่ละประเทศ พลันในเวลา7นาฬิกาตามเวลาที่กรีนิชประเทศอังกฤษ ภูเขาไฟทั่วโลกได้ปะทุขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่อาจจะทราบสาเหตุได้พร้อมกับที่พวกมันได้ส่งเถ้าธุลีมากมายมหาศาลขึ้นสู่ฟากฟ้าบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ไม่ให้มีโอกาสได้ตกต้องลงสู่พื้นโลก แต่เดิมมันถูกคาดการณ์ว่าคงจะร่วงหล่นลงมากับน้ำฝนและดีขึ้นในไม่นาน หากแต่ว่าผ่านไปถึง5ปี เถ้าเหล่านั้นก็ยังคงอยู่และยังคงหมุนวนรอบโลกอยู่อย่างนั้นทำให้บรรยากาศของโลกเริ่มเย็นลงพืชเริ่มล้มตายก่อนที่มันจะตามมาด้วยสัตว์ต่างๆ ความหนาวเย็นจากสภาพอากาศที่แปรปรวนคร่าชีวิตของประชากรทั่วโลกไปแล้วตอนนี้มากกว่า1,000ล้านคนรวมถึงทำให้คนที่เหลือนั้นต้องประสบกับความทุกข์ยากเป็นอย่างมากจากอาหารที่เริ่มขาดแคลน และด้วยสถานการณ์ที่เริ่มเลวร้ายลงทุกวันเห็นทีคราวต่อไปของรายชื่อสูญพันธุ์คงเป็นมนุษย์อย่างแน่แท้ ด้วยเหตุนี้ทำให้สหประชาชาติได้จัดประชุมนัดพิเศษเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดและหาทางแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วน และสุดท้ายข้อสรุปหนึ่งก็ได้ออกมา พวกเขานั้นตัดสินใจที่จะยิงจรวดบรรจุสารเคมีเพื่อทำให้ธุลีเหล่านั้นตกตะกอนลงมาและเปิดทางให้แสงอาทิตย์ได้สาดส่องกลับมาบนแผ่นดินอีกครั้ง เป็นแผนการที่ต้องแลกมากับความเสียหายต่อแผ่นดินอีกครั้งแต่นั่นก็ทำเพื่อให้มนุษย์ได้อยู่ต่อไป

    แต่ทว่า พระมารดากลับไม่ได้ต้องการที่จะสั่งสอนเหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลาแต่เพียงเท่านั้น

    ปี2042

    จรวดมากมายนับร้อยลูกถูกลำเลียงไปตามฐานยิงต่างๆทั่วทั้งโลกเพื่อที่จะเตรียมการยิงให้พร้อมกันในเวลา7นาฬิกาของเวลากรีนิชอันเป็นจุดที่เส้นเมริเดียนสากลได้ลากผ่าน ดวงใจของเหล่ามนุษย์ต่างใจจดใจจ่อที่จะได้เห็นแสงตะวันแรกหลังจากผ่านมาถึง5ปีที่พวกเขานั้นต้องอยู่กับความมืดมิดและแสงเทียมๆจากบริษัทเอกชนและรัฐบาล แต่ก่อนที่การยิงจะเริ่มต้นขึ้น ทันใดนั้นเอง ที่ฐานยิงจรวดทั่วโลกได้ถูกระเบิดเป็นจุลด้วยลำแสงปริศนาจากฟากฟ้าพร้อมกับที่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจกองเรือรบขนาดใหญ่โผล่ผ่านกลุ่มธุลีเหล่านั้นลงมาและเริ่มการโจมตีเมืองท่าต่างๆทั่วทั้งโลกในทันที ความกะทันหันของเหตุการณ์ทำให้ระบบป้องกันตัวของโลกทุกระดับชั้นนั้นไม่ทำงาน กว่าที่จะเริ่มจับต้นชนปลายกันได้กองเรือเหล่านั้นก็ได้ปักหลักลงกลางมาสมุทรใหญ่ๆทั้งสี่ของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในอีก3วันต่อมาเมื่อนานาชาติเริ่มการโจมตี กองเรือนานาชาติจะถูกทำลายลงอย่างง่ายดายไม่ต่างอะไรกับใบไม้ที่ร่วงหล่นยามฤดูใบไม้ร่วง และแม้ว่าเรือเหล่านั้นจะใช้โมเดลของเรือสมัยงครามใหญ่เมื่อประมาณ100กว่าปีที่แล้ว แต่อาวุธของพวกมันกลับมีอำนาจสูงกว่าพวกเราไปเกินหลายพันปี และด้วยเหตุนั้นเองทำให้ผลของสงครามนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว ชะตากรรมของมนุษยชาตินั้นกำลังถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย 

    ด้วยความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่สังหารทหารเกือบล้านนายไปจากโลกนี้รวมถึงความสูญเสียจากเหตุการณ์ธุลีปกคลุมโลกนั้นทำให้ประชากรของดาวโลกเริ่มเหลือน้อยลงไปทุกวันๆและนั่นก็ทำให้นานาชาติเริ่มเห็นพ้องที่จะต้องอพยพมนุษย์เท่าที่จะเป็นไปได้ขึ้นสู่อวกาศเพื่อตั้งหลักกันใหม่ยังโครงข่ายสถานีที่พวกเขานั้นสร้างเอาไว้ที่เชื่อมต่อไปจนถึงดวงจันทร์และยังพอเหลือรอดมาได้ และไม่นานนัก เหล่าผู้คนที่ได้รับเลือกก็ได้ทิ้งผืนดินที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกว่าบ้านขึ้นสู่สถานีอวกาศต่างๆในระบบสุริยะปล่อยให้คนอีกหลายพันล้านต้องเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายโดยไร้ซึ่งผู้ปกป้อง โลกนั้น ดูเหมือนจะถึงกาลอวสานเสียแล้ว ผู้คนที่หนีไม่ได้กลับต้องอยู่เผชิญหน้ากับกองเรือเหล่านั้นเพียงลำพัง บางที่นั้นเกิดการจลาจลการฆ่าฟันเพียงเพื่อน้ำหรืออาหารเพียงแค่ขวดหรืออันเดียว เป็นภาพที่ไม่น่าอภิรมณ์เลย

    แต่ก็อีกนั่นแหละ มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์เพราะความดื้อด้านที่จะไม่ยอมแพ้ และนั่นอาจจะเป็นเพียงสิ่งไม่กี่สิ่งที่พระแม่แห่งดาวเคราะห์สีฟ้าครามอาจจะคาดไม่ถึงก็เป็นได้ ด้วยความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นนั้นพวกเขาไม่คิดจะยอมแพ้หากแต่นั่นกลับทำให้สายสัมพันธ์ของมนุษยชาตินั้นแข็งแกร่งมากขึ้น มากพอที่จะทำให้เหมืองทั้งหมดบนดวงจันทร์ที่เคยแบ่งแยกเชื้อชาติกลับเต็มไปด้วยคนจากทุกส่วนบนดาวโลกที่ต่างร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อขุดหาทุกอย่างที่ใช้ได้รวมถึงเหล่าผู้นำที่เหลือรอดมาได้ที่ได้วางความขัดแย้งของตนลงเพื่อลงนามในการก่อตั้งองค์กรใหม่ทางทหารใหม่ที่อาจจะยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์ดวงนี้ และแล้วในปี2045 องค์กรที่จะเป็นทั้งความหวัง เป็นทั้งโล่และหอกเพื่อที่จะทวงคืนดินแดนทุกตารางเซนติเมตรจากกองเรือเหล่านั้น ชื่อของมันนั้นจะเป็นที่รู้จักกันไปอีกหลายร้อยปีในนามของ International Armament for Re-taking Control of the Earth หรือ IAR-CE องค์กรอิสระชั้นพิเศษที่รับคำสั่งจากเพียงสภาสูงที่เป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลางเพียงเท่านั้น จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมดและเตรียมการที่จะบุกยึดโลกให้คืนกลับสู่อ้อมกอดของมนุษย์อีกครั้งรวมถึงตั้งชื่อกองเรือปริศนาเหล่านั้นอย่างเป็นทางการว่าAsh Navyหรือกองเรือธุลี และก่อตั้งโรงเรียนนาวีที่รวบรวมเหล่าหัวกะทิจากผู้ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อฝึกฝนพวกเขาไว้ต่อกรกับเหล่าธุลีผู้รุกรานโดยเฉพาะ โดยจะส่งเหล่าทหารนาวีที่ฝึกมาแล้วอย่างดีไปลงภาคสนามบนพื้นโลกในดินแดนที่เหลือรอดในฐานะเจ้าหน้าที่พิเศษจากอวกาศ

    ใช่

    และพวกผมก็เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในกลุ่มคนที่พวกเขาเรียกว่านักเรียนนาวี และเป็นกลุ่มคนที่พวกเขาพากันยกยอกันนักกันหนาว่าเป็นหัวกะทิที่สุดของดาวดวงนี้

    ผมชื่อฟูจิวาริฮิคารุ นักเรียนนาวีสังกัดโรงเรียนนาวีใต้บังคับของกองเรือIAR-CE แล้วก็กัปตันของเรือพิฆาตอาวุธEMP USS Zumwalt

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น