ข้อมูลเบื้องต้น
ร้านหนังสือเก่ากับหญิงสาวที่หายไป ในอดีต ถนนสายที่ผู้คนวุ่นวายอยู่เป็นประจำไม่เคยได้พักผ่อน แสงไฟยามค่ำคืนไม่เคยหยุดส่องไร้วันลาพัก ในช่วงที่รถเบาบางลงทำให้ถนนได้หายใจบ้าง ผู้คนริมทางเท้ากลับคลาคล่ำจนฟุตบาทไม่พอที่จะให้เหยียบย่างเดินไป ที่นี่เป็นเช่นนี้อยู่ประจำจนชินตา ชัยยืนอยู่หน้าปากซอยฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยมาได้ซักสิบนาทีแล้ว ท่าทางดูเหมือนรอใครซักคน สะพายกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนสีขาวไว้บนไหล่ ตาก็มองผู้คนที่เดินขวักไขว่สวนมาสวนไปชวนให้ลายตา คล้ายว่ากำลังมองหาใครอยู่ในหมู่คนที่กำลังเดินไปมา สักพักจึงหันหลังกลับให้ถนนแล้วเดินเข้าไปในซอย ตรอกซอยแถวนี้บางทีก็ลึกลับซับซ้อน หากว่าใครไม่เคยผ่านมาหรือไม่คุ้นชินกับทางเดิน แล้วเผลอเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วล่ะก็ ก็คงต้องหลงจนต้องวกวนกลับทางเก่า ด้วยแต่ละซอยนั้นสามารถเดินทะลุผ่านถึงกันได้เหมือนเขาวงกต หนึ่งทุ่มแล้วชัยมองดูนาฬิกาเพื่อเช็คว่าร้านอาจยังไม่ปิดเขาจึงมุ่งหน้าเดินไป หน้าร้านหนังสือมีคนคอยดูแลเพื่อฝากกระเป๋าไว้นอกร้าน และเขาก็เป็นคนคอยทำหน้าที่รับซื้อหนังสือมือสองพร้อมกันไปด้วยหากมีคนนำมาขาย ในร้านจึงมากมายไปด้วยหนังสือทุกชนิดที่อยากค้นหาและราคาก็สบายกระเป๋า ชัยเดินค้นหาหนังสือเรียนอยู่พักหนึ่งจึงไปหยุดอยู่ที่ชั้นหนังสือนิตยสารเดินทางท่องเที่ยว เขาชอบมาเปิดดูรูปวิวธรรมชาติ สัตว์ป่า ภูเขา ต้นไม้ ทะเลที่มีสีสันสวยงามดุจของจริงบนกระดาษแข็งสีงามตาและชอบอ่านคอลัมน์เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว ผู้เขียนได้บรรยายบรรยากาศให้ดูชัดสมจริงราวกับว่าชัยได้เดินทางร่วมไปกับเขาด้วยในเวลานั้นเมื่อเปิดอ่าน ภาพสี่สีในเล่มที่ช่างภาพมืออาชีพถ่ายเก็บมาแล้วเลือกสรรพิมพ์ลง เมื่อมองลึกเข้าไปในนั้น ยิ่งสร้างจินตนาการจนทำให้เหมือนกับว่าเขาได้เดินเหยียบไปบนยอดหญ้าที่มีน้ำค้างพร่างพรม เกาะอยู่ปลายยอดของทุกต้นบนทุ่งกว้างภูเขานั่น ยามทอดสายตามองดูราวกับผืนพรมสีเขียวที่สะท้อนเงา ถูกทาทาบเอาไว้ด้วยกระจกที่แวววาวไปจนสุดสายปลายตา บางคราชัยก็ติดอยู่ในจินตนาการนั้นเป็นหลายชั่วโมง เขาหลงใหลในการเดินทาง เสียงออดหมดชั่วโมงเรียนสุดท้ายของวันนี้ในมหาลัยฝั่งตรงข้ามถนนดังมาถึงร้านหนังสือ ชัยเหลือบมองดูนาฬิกาแล้วจึงเก็บหนังสือเข้าชั้นที่เดิม
ชัยนั่งอยู่หน้าสระน้ำหลังจากลงมาจากห้องเรียน วันนี้เรียนไม่รู้เรื่อง ชัยรู้สึกง่วงและเบลอๆอยู่ตลอดเวลาแม้จะดื่มกาแฟเข้าไปถึงสองแก้ว ในห้องเรียนคล้ายกับเสียงของอาจารย์เป็นเหมือนเสียงรถขายกับข้าวหรือรถขายผลไม้ตามหมู่บ้านจัดสรร ที่ป่าวประกาศแต่คำพูดซ้ำๆ วกเวียนไปมาผ่านลำโพงที่ดังก้อง วิ่งวนเข้าออกแล้วกลับมาทางเก่าพร้อมกับเสียงโฆษณาเดิมอันน่ารำคาญ ที่พร่ำเรียกอย่างสม่ำเสมอจนออกจากหมู่บ้านไป เขารู้สึกเช่นนั้นและเหมือนกับว่าตัวเองยังไม่ตื่นจากละเมอ หรืออาจเป็นเพราะอาการนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน ก็เลยนั่งเหม่อจนจบชั่วโมงเรียน ใต้เงาต้นสนริมสระน้ำมีร่มให้บังอาศัย ยามบ่ายแก่ๆที่มีแสงแดดอ่อนๆ แต่ตาของชัยคล้ายจะหนียังไงก็หลบวงแผ่รัศมีแสงนั่นไปไม่พ้น แม้หลบอยู่ในร่มก็ยังต้องใช้มือป้องแสงแล้วหยี่ตา บางทีสิ่งที่เราไม่ต้องการคล้ายมันตามติดเราไปอยู่ทุกที่ แต่สิ่งที่พึงปารถนากลับอยากหนีเราไปแม้จะอ้อนวอนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ตาม ชัยรู้สึกว่าง่วงอย่างหนักจนลืมตาไม่ขึ้นแล้วจึงเผลอหลับไป
ฝันในยามบ่ายนั่น ชัยเดินขึ้นไปบนภูเขาที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวห่มเอาไว้กับหญิงสาวผมยาวน่ารัก ชัยจูงมือเธอไว้แล้วเดินลัดเลาะตามก้อนหินน้อยใหญ่ที่เรียงรายเป็นทางเดินขึ้นไปกับเธอ เธอหัวเราะและมีรอยยิ้มเริงร่า ชัยถามว่าเหนื่อยไหมเพราะเดินมาไกลจากตีนเขาจนถึงกลางทางที่มีแต่ก้อนหินกระจายเรียงรายเป็นระยะ เธอยิ้ม เมื่อละมือจากเขาแล้วก็นั่งลงตรงก้อนหินริมทางนั่นเพื่อพักเหนื่อยแต่ไม่มีเสียงตอบ ชัยยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วกางแขนรับลมพี่พัดสอดมาเพราะรู้สึกว่าเย็นสบาย เธอยิ้มในขณะกางแขนพร้อมกันกับเขา แล้วลุกขึ้นจับมือเขาเพื่อจูงมือกันเดินไปต่อ มีฝนหล่นลงมาเล็กน้อย ชัยมองเห็นกระท่อมหลังเก่าอยู่ปลายภูเขาที่มีกระเบื้องมุงตั้งอยู่ข้างหน้าไปไม่ไกล ทางเดินสู่กระท่อมมีหินสีฟ้าอมเทาเรียงรายเป็นทางยาวให้เดิน เขาและเธอกำลังจับมือกันมุ่งไป ทันใดนั้นชัยก็สะดุ้งตื่นขณะคอเอียงตกจากต้นสนที่ใช้อิง ยังงัวเงียอยู่สักพัก แค่เผลองีบหลับไปในเวลาสั้นๆแต่เหมือนได้หลับสนิทยาวจนรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ลมพัดหอบความเย็นสบายมากับละอองไอของน้ำพุ เต่าว่ายน้ำลอยมาโผล่หัวคล้ายยิ้มให้แล้วจึงดำน้ำมุดหนีไป ผู้คนเริ่มมาจับจองที่นั่งริมสระมากขึ้น ในช่วงเย็นแห่งการผ่อนคลายนั่น พวกเขามีทั้งมาวิ่งออกกำลังกาย นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นสน คู่หนุ่มสาวนั่งเคียงจับมือกัน ชัยนั่งรับลมอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นเพื่อเดินกลับห้องไป
ผู้คนเต็มโรงอาหารเสียงวุ่นวายจอแจเหมือนนกกระจอกแตกรัง แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่รีบร้อนอันใด อย่างว่าล่ะนักศึกษาไม่จำเป็นต้องมีอะไรเร่งเร้าอย่างคนทำงาน พวกเขามีชีวิตที่อิสระไม่ต้องแข่งขันกับเวลาที่จำกัดรัดตัว อาจมีบ้างในจังหวะชั่วโมงเรียนหรือเวลาสอบ แต่นั่นก็เป็นเพียงบางจังหวะของความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ดี หลังจากนั้นพวกเขาก็เป็นอิสระเสรีจากสิ่งใดๆ ชัยนั่งดื่มกาแฟและอ่านหนังสือเรียนในโรงอาหาร เขาเป็นคนเงียบขรึมเดียวดายเลยไม่ค่อยได้คบหากับใครเลยมีเพื่อนน้อย ลงมาจากห้องเรียนจึงมาทบทวนวิชาเรียนพร้อมกับกรุ่นกลิ่นกาแฟที่มุมเดิม มหาลัยแห่งนี้มีโรงอาหารที่กว้างใหญ่และเพียงพอสำหรับนักศึกษาทุกคน พวกเขาบางคนขลุกอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ถึงจะเอะอะเสียงดังไปบ้างแต่มันเป็นการสร้างสมาธิที่ดีถ้าหากมีวิธีเอาชนะมัน ชัยลองทำจนสามารถควบคุมและอยู่เหนือสิ่งนั้นได้ มันก็เป็นแค่กฎของความวุ่นวาย ละสายตาจากหน้าหนังสือจึงเงยหน้าขึ้นมา ในแว๊บนั่น ตาก็มองเหลือบไปเห็นหญิงสาวผมยาวคนนั้น ใช่เลยเธอคือคนที่ชัยเคยฝันเห็น ความรู้สึกมันตื่นเต้นจนอยากร้องบอกเหล่าพวกนักศึกษาที่นั่งเรียงรายอยู่ข้างๆ ใช่แล้วใช่เธอจริงๆ เขาอยากเอามือไปตบไหล่คนนั่งอยู่ข้างๆที่คุ้นหน้า แต่กลัวว่าการไม่เคยทักทายถามกันจะทำให้เพื่อนหรือรุ่นพี่ก็ไม่รู้มันจะด่าเอา นี่หรือคือความรู้สึกที่เขาเรียกว่าใจเต้น เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้ามันคือความฝันอันเป็นความจริง ชัยได้แต่กวาดสายตามองตามเธอจนภาพเธอค่อยๆเดินหายไป ทำไมถึงไม่ลุกขึ้นแล้วเดินตามเธอไปนะ เขาตั้งคำถามกับตัวเอง แต่กว่าคำตอบมันจะมากระตุ้นสนองกับความคิดในใจได้ ทุกสิ่งก็หายไปเสียแล้ว เขาได้แต่ตื่นตาในขณะที่ความรู้สึกตัวยังบอกว่าเป็นเหมือนแค่ครึ่งๆกลางๆ
ในร้านหนังสือมือสอง ผู้คนดูบางตา อาจจะเพราะเป็นช่วงเวลาของการสอบ ความวุ่นวายจึงไปอยู่ที่อีกฟากถนนในฝั่งของมหาวิทยาลัย ชัยสอบเสร็จแล้วในเช้าของวันนี้ จึงรู้สึกสบายแล้วมาหาหนังสืออ่านเพื่อผ่อนคลายหลังจากผ่านช่วงเวลาเคร่งเครียด มุมเดิมกับชั้นเดิมหยิบนิตยสารการท่องเที่ยวแล้วยืนพิงเสาเปิดอ่าน ดูภาพสี่สีที่เขาชื่นชอบก่อนแล้วพลิกไปอ่านหน้าสารบัญ ดูว่าช่างภาพเดินทางไปที่ไหนของคอลัมน์เล่มนี้ ขั้วโลกเหนืออันเวิ้งว้างในทุ่งทางแห่งธารน้ำแข็ง ช่างภาพคอลัมนิสต์เปิดเป็นหัวข้อพร้อมภาพที่จัดต่อเรียงรายสลับน้อยใหญ่ในหน้านิตยสาร มีคำอธิบายบนภาพและเล่าเรื่องบันทึกกับการเดินทางที่สุดขั้วที่สุดของคนเรา ชัยรู้สึกตื่นตาอีกครั้งมันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับคราวได้เจอเธอ หญิงสาวผมยาวนั่น ทุ่งน้ำแข็งสีเขียวสุดลูกหูลูกตาช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ใครกันหนอที่ดั้นด้นเดินทางไปค้นหาธรรมชาติอันน่าตะลึงนี้เป็นคนแรก ช่างกล้าหาญเสี่ยงตายเสียจริง เขาคงจะรู้สึกหลงรักการเดินทาง การค้นพบย่อมเป็นจุดจบของสิ่งอันซ่อนเร้น แต่มันก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีถ้าการเปิดโปงในสิ่งที่ตามหานั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการหยั่งรู้คุณค่าของการได้พบเจอ ขณะที่กำลังคิดและอ่านไปในเวลาเดียวกัน พลันสายตาก็มองไปเห็นหญิงสาวคนเดิมคนนั้น เธอนั่งพิงอ่านหนังสือกับเสาอีกต้นถัดเขาไป ชัยรู้สึกวูบวาบจึงหลบเข้าข้างเสาอีกมุม คราวนี้ต้องตั้งสติให้ดีก่อนเขาบอกกับตัวเอง จึงพลิกตัวกลับมายืนข้างเสาในมุมเดิม อย่าตื่นเต้นๆพลางปลอบบอกตัวเองในใจ แล้วค่อยๆเอาหนังสือยื่นขึ้นมาพอบังสายตาเพื่อแอบมองเธอ เธอในชุดนักศึกษาเสื้อขาวกระโปงยาวคลุมปลายเข่าและรองเท้งผ้าใบหุ้มข้อ ผมยาวขลับมันที่วาวดำตัดกับใบหน้าที่ขาวเนียนผ่องใส แก้มเธอเต็ม คิ้วหนา มีดวงตาที่โตขนตางอนแบบธรรมชาติไร้เติมแต่ง เขาแอบมองเธออยู่นานและใจก็เต้นระรัว พอรู้สึกตัวก็มานั่งข้างเสาเป็นมุมที่สามแล้วซึ่งหันหน้าเข้าหาเธอ เธอเงยหน้ายิ้มให้ ชัยตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือต่อทำเป็นไม่สนใจ แต่ตัวหนังสือตอนนี้เหมือนมันล่องลอยขึ้นมาผ่านหน้าทีละตัวทีละคำแล้วหายไปในด้านหลังกับต้นเสาที่เขากำลังพิงอยู่ ภาพทุ่งธารน้ำแข็งก็กำลังจางไป สีสันเริ่มละลายซึมไหลแล้วค่อยๆจมลงไปบนแผ่นกระดาษ เขากำลังอ่านและมองดูความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ เท่าที่สตินึกได้ก็มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้นแหล่ะในตอนนี้ ชัยนึกขึ้นได้แล้ว ที่ตัวเองเฝ้าฝันถึงเธอก็เพราะมาพบเจอกันอยู่ประจำในร้านหนังสือแห่งนี้ แค่ในวันแรกที่เจอ เขาเพียงแค่เห็นและมองผ่านเธอไปเท่านั้น โดยที่ยังไม่ได้จดจำรายละเอียดของการพบเจอ แล้วในช่วงหลังๆมาการเห็นหน้าซึ่งกันและกันบ่อยเข้า มันจึงทำให้เกิดการคุ้นชิน ที่ไปส่งผลให้ความทรงจำมันเริ่มทำงาน แค่เธอจะคิดเช่นเดียวกับเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง มุมนี้ล่ะเป็นมุมประจำของเธอ เธอก็น่าจะมองเห็นเขาจากมุมเสาของเธอเช่นกัน เราต่างก็กำลังมองเห็นกันและกัน ชัยรู้สึกมีความหวัง จึงเริ่มคิดแผนในใจว่าจะหาวิธีไหนเพื่อเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับเธอ เขาเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยมีเพื่อน ชอบจินตนาการแต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก โอ้..พระเจ้า มีแต่พรสวรรค์อันดีๆทั้งนั้นเลยในตัวเรา เขารู้สึกเศร้ากับทุนที่มีอยู่กับตัวเองในตอนนี้ แต่คนเรามันก็ต้องกล้าเปลี่ยนสิ การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นกับทุกสิ่งตลอดเวลาอยู่แล้ว เขาต้องลองที่จะทำดู ไม่เช่นนั้นก็คงจะกลัวมันไปตลอดชีวิตแน่นอน ชัยเกิดฮึดขึ้นข้างในเพื่อจะส่งพลังเป็นกำลังใจให้กล้าทำ เสียงออดดังขึ้น อีกฟากโน้นคงกำลังเดินออกจากห้องสอบกันอย่างพัลวันเป็นแน่ พวกเขาอาจทำข้อสอบได้ หรือไม่อย่างนั้นก็คงแค่ส่งเพียงกระดาษคำตอบเปล่าๆเท่านั้นเอง ผมเพียงคิดนึกถึงพวกเขาแล้วรีบย้อนกลับมาหาตัวเอง เธอไม่อยู่แล้ว ลุกขึ้นยืนมองหาตัวเธอตามชั้นหนังสือ เห็นแต่เพียงหลังไวๆตรงทางออกหน้าร้าน ความเชื่องช้าและมัวแต่ให้เวลาเป็นเครื่องกำหนดการรอคอย บางทีก็ทำให้โอกาสของคนเราหลุดลอยหายไป จนบางครั้งทำให้เกิดแผลเป็นบนที่หนึ่งที่ใดในจุดจุดจุดแห่งเวลานั่น เพราะเราให้ความหวังแต่กับเวลา จึงไม่ได้โดดลงไปคว้ามันในฉับพลันของการตัดสินใจ กว่าจะรู้สึกได้คงต้องมายืนเสียใจในร้านหนังสือมือสองแห่งนี้เอง เขาได้แต่นึกเสียดายคร่ำครวญและคร่ำครวญ
หลายเดือนต่อมา
เธอดูเปลี่ยนไป ชัยเดินตามเธอมาตั้งแต่อยู่หน้าตึกอธิการบดีแล้ว เขามองเห็นเธอตอนอยู่ไกลๆแต่ก็ยังจำได้จึงรีบเดินเข้ามาใกล้ๆเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเธอ ใช่แล้วล่ะ คือเธอ แม้ทรงผมอาจเปลี่ยนแปลงไป เธอเดินมุ่งหน้าไปทางคณะบริหารฯผ่านสระน้ำที่กั้นกลางกับตึกอธิการบดี ถึงโต๊ะหินอ่อนข้างคณะบริหารเธอจึงวางหนังสือกับแก้วกาแฟลง โต๊ะนั้นว่างมีแค่เธอ ชัยไม่รีรอตัดสินใจนั่งลงร่วมโต๊ะโดยวิสาสะ เธอมองหน้าแล้วยิ้มให้ เขาไม่แน่ใจว่าจำรอยยิ้มนั้นได้ เขาวางหนังสือที่หอบไว้บนโต๊ะเดียวกันกับเธอ ไม่มีความตื่นเต้นแล้ว มีเพียงหัวใจที่อยากเปิดและแสดงความเป็นมิตรภาพที่เก็บงำมาหลายเวลา ถึงแล้วล่ะถึงเวลาที่จะต้องรู้จักกัน สลัดความเขินอายนั้นทิ้งออกไปซะแล้วเรามาทำใจให้ตรงและรู้จักกัน เขามองเธอและตั้งคำถามมากมายอยู่ในใจ
“เราเคยเจอกันประจำ คุณอยู่ปีไหนครับ คิดว่าน่าจะรหัสเดียวกันนะ”เขาถามและเหมือนให้คำตอบไปด้วยในคำถามเดียว
“ปีสามค่ะ”
“นั่นไงผมว่าแล้ว เหมือนที่ใจคิดเลย” เธอตอบยังไม่สุดคำถาม แต่เขาก็แทรกเพราะความคะนองดีใจ
“ผมจำหน้าคุณได้เสมอ ทั้งที่เจออยู่คณะมนุษย์ฯผมก็เรียนอยู่คณะเดียวกันกับคุณ ห้องสมุดผมก็เคยเห็นคุณ ที่บ่อยที่สุดก็คงจะเป็นในร้านหนังสือมือสอง ผมเห็นคุณอยู่ที่นั่น มุมเสาที่ประจำของคุณ คุณชอบอ่านนิตยสารการท่องเที่ยวเหมือนกันกับผม ผมชอบกระโปงยาวและรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อของคุณ ทำไมคุณถึงได้ตัดผมสั้นล่ะครับผมชอบที่คุณไว้ผมยาวมากกว่า ผมว่าจะทักคุณหลายทีแล้ว..แต่“
“เดี๋ยวค่ะเข้าใจอะไรผิดแล้ว”เธอตัดบทเพื่อหยุดเขาจากการพรรณนาบรรยาย
“ฉันเรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจ ไม่ใช่คณะมนุษย์ฯที่คุณว่า ชอบใส่กระโปงสั้นและรองเท้าคัทชู เธอลุกขึ้นยืนให้ดู ตัดผมสั้นมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วไม่เคยไว้ยาว ไม่ได้ชอบอ่านนิตยสารท่องเที่ยวและไม่รู้จักมุมเสากับร้านหนังสือเก่าที่คุณว่าหรอก และที่สำคัญฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณ”
เหมือนโดนตบหน้า ชัยชาไปแทบทั้งตัว รู้สึกเวิ้งว้างและร้อนวูบวาบเหมือนอยู่ในฝันกลางวันหรือฝันยามบ่ายนั่น อะไรกันเขาเข้าใจทุกอย่างเอาเองอย่างนั้นหรือ มันเป็นแค่ความรู้สึกของเขาฝ่ายเดียวจริงๆแค่นั้น เธอไม่ได้มีตัวตนแบบที่เขาคิดอย่างนั้นสิ แล้วเธอเป็นใครกันล่ะ เขารู้สึกเหมือนไม่ได้นอนมาเป็นปี หยิบหนังสือจากโต๊ะแล้วลุกขึ้น ในขณะกำลังจะก้าวขาออกไป เธอก็พูดอะไรบางอย่างกับเขา
“เดี๋ยวค่ะ”อะไรอีกล่ะเขาคิด มีอะไรอีกที่จะฉีกหัวใจอันเงียบงันของเขาให้ตายลงบนภาพเศร้าที่เขาพอจะจินตนาได้อีกล่ะ รีบวาดแล้วก็พิมพ์ทับมันลงมาได้เลย
“คุณคงอยากเห็นนี่ “
เธอหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสตางค์ เป็นภาพถ่ายของเธอที่ผมสั้นถ่ายคู่กันกับตัวเธอเองที่ไว้ผมยาวในชุดนักศึกษา เธอวางไว้บนโต๊ะหินอ่อนให้เขาดู แล้วเธอก็เล่าเรื่องต่างๆอยู่ครู่หนึ่งซึ่งดูเหมือนว่ายาวนานที่สุดในชีวิตเขา แล้วสุดท้ายเธอจึงเอ่ยบอกกับเขาว่า
“เธอตายไปเมื่อสามเดือนก่อน ด้วยอุบัติเหตุในขณะกำลังจะเดินทางไปขั้วโลกเหนือ” ปัจจุบัน เขาเป็นบรรณาธิการหนุ่มวัยกลางคน แห่งนิตยสารการท่องเที่ยวที่ดังเปรี้ยงป้างที่สุดของเมืองไทย เขาหลงรักกับการเดินทาง ร่องรอยที่เคยพิชิตผ่านบันทึกไว้กับหน้านิตยสารแห่งความทรงจำ เขาเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดในป่า บุกแม่น้ำที่ไหลรินเชี่ยวกราดเพื่อไปดั้นด้นค้นหา ภูเขาน้อยใหญ่ มหาสมุทรทะเลลึกเคยลอยล่องอยู่ยาวนาน เพื่อเก็บเอามาเป็นทั้งเรื่องการทำงานและความทรงจำในชีวิตส่วนตัวของเขาที่ผ่านมา แต่เหมือนมันยังไม่เป็นที่สุดในการเดินทางของเขา และเขาก็ยังอยากเดินทางไปในทุกๆวัน เขาแค่หลงรักกับการเดินทาง เขาตามหาสิ่งใด เขายังมีคำถามและพร่ำบอกกับตัวเองอยู่เสมอมา เขาก็แค่บรรณาธิการผู้ชอบฝันหาแต่บางสิ่งในห้วงคิดของจินตนาการ ในบางอย่างและบางเวลา เขาก็ได้แต่นึกเสียดาย คร่ำครวญและคร่ำครวญ
ริมสระน้ำใต้ต้นสน ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้มานั่งที่เก่าประจำกับตัวเองคนเดียวเสมอ เขาตามหาสิ่งใดล่ะ ไม่เคยมีใครถาม บางทีเขาก็นั่งอยู่นานๆเพื่ออยากฝันเห็นภาพเก่าๆกับผู้หญิงคนเดิมแต่มันก็เป็นเพียงแค่การหลับตา ความฝันนั่นไม่อาจบังคับให้มันขีดเขียนหรือเกิดเป็นภาพขึ้นได้ดั่งใจนึก แม้จะเปิดโอกาสให้มันกลับมาหาอยู่ในทุกๆเวลาก็ตาม ร้านหนังสือย้ายไปไหนไม่รู้ หลายซอยถูกห้างสรรพสินค้าสร้างทับที่แทน ถนนยังเต็มไปด้วยรถเช่นเดิม ผู้คนก็ยังวุ่นวายเหมือนเดิม ในอาณาบริเวณแถบซอยเก่าแถวนั้น หลายสิ่งอาจเปลี่ยนไปแต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ยังคงเดิม บ่อยครั้งถ้าหากมีใครสังเกต จะเห็นชายหนุ่มวัยกลางคนแต่งชุดภูมิฐาน มายืนอยู่หน้าปากซอยแห่งนั้นเป็นเวลานานๆ คล้ายกับว่าเขามายืนรอบางอย่างอยู่กับที่ที่เดิม ที่แห่งนั้น ที่ที่เขายังไปไม่ถึงสักที
ความคิดเห็น