เหมันต์หวนคืนดั่งฝันตื่นหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเกิดผิดพลาดประการใดที่เขาย้อนเวลามาอยู่ในร่างของสตรี แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือสตรีที่ว่ามีอายุขัยแสนสั้นนัก นับวันเวลาแล้วหากไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง อีกสิบกว่าวันข้างหน้าคือวันตายของนาง
ผู้เข้าชมรวม
1,674
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
เมื่อเซียวฮองเฮาสิ้นพระชนม์ รัชทายาทในวัยเก้าชันษาถูกส่งให้ไปอยู่ในการดูแลของเจิ้งกุ้ยเฟย ธิดาของอัครเสนาบดีเจิ้งชิงหลิว
เจิ้งซือเหยียน หรือ เจิ้งกุ้ยเฟยที่เล่าลือกันว่างดงามยิ่งกว่าบุปผาทั้งใต้หล้ารวมกัน เข้าวังมาเพียงไม่นานก็ได้รับความโปรดปรานอย่างมาก
หลังเซียวฮองเฮาสิ้นพระชนม์เพียงหนึ่งปีเศษก็ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเจิ้งฮองเฮาและให้กำเนิดองค์ชายสี่ในปีเดียวกัน
ทันทีที่องค์ชายสี่ถือกำเนิด ตำแหน่งขององค์รัชทายาทเริ่มเห็นเค้ารางสั่นคลอนตั้งแต่นั้น
ภายใต้การคุมอำนาจฝ่ายในอย่างเต็มตัว สนมชายามากมายบ้างไม่ถูกสั่งประหารก็ถูกส่งเข้าตำหนักเย็น พระโอรสของฮ่องเต้ที่มีเพียงสี่พระองค์ องค์ชายรองตกน้ำสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังเยาว์ องค์ชายสามก็พระวรกายอ่อนแออมโรค หมอหลวงกราบทูลว่ามีพระชนมายุอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบชันษาเท่านั้น
ส่วนองค์ชายใหญ่สวี่จวินผู้มีตำแหน่งองค์รัชทายาทถูกปลดในวัยสิบสองชันษาเนื่องจากประพฤติผิดคุณธรรมว่าด้วยเรื่องความกตัญญู และถูกส่งไปอยู่เมืองหนานหลิง ดินแดนทางใต้ในขอบเขตหนานเยียนดินแดนศักดินาของซู่อ๋องพระอนุชาต่างพระมารดาของเทียนหย่งฮ่องเต้
ระหว่างทางเกิดเหตุไม่คาดฝันมีโจรกบฏใจกล้าคิดปล้นชิงขบวนหลวง นอกจากทรัพย์สมบัติที่ถูกแย่งชิงองค์ชายสวี่จวินก็หายสาปสูญนับแต่นั้น
ไม่ว่าค้นหาอย่างไรก็คล้ายว่าจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นับว่าเหลือเพียงองค์ชายสี่สวี่เซวียนเท่านั้นที่สามารถสืบทอดราชบัลลังก์ได้
ฝ่ายในมีเจิ้งฮองเฮากุมอำนาจเด็ดขาดคนเดียว แม้แต่ไทเฮายังถอนตัวไปอยู่วิหารชิงหมินสวดมนต์ภาวนาเพื่อบรรลุทางธรรมหลบลี้ออกจากการแก่งแย่งชิงดีทั้งปวง
เทียนหย่งฮ่องเต้ นามสวี่จ้วน เมื่อแรกครองบัลลังก์นับว่าปกครองบ้านเมืองด้วยปรีชาสามารถ เพียงระยะเวลาไม่ถึงสิบปีกลับหลุ่มหลงมัวเมาสุรานารี อีกทั้งเลอะเลือนเห็นดีเห็นชอบกับเหล่าขุนนางกังฉินช่างสอพลอ กลั่นแกล้งยัดข้อหาขุนนางตงฉินผู้ภักดี วันๆใฝ่หาแต่ยาอายุวัฒนะเพื่อให้ตนเองเสพสุขไปชั่วกาล คิดแต่จะหาความสุขสำราญ ไม่ใส่ใจประชาราษฏบ้านเมือง
ในยุคสมัยที่เหล่ากังฉินเฟื่องฟู ชายแดนคุกรุ่นด้วยไฟสงครามยืดเยื้อราวกับจะไม่มีวันมอดดับ ราษฏรยากจนค้นแค้นไม่มีแม้ข้าวสารกรอกหม้อ ทว่าราชสำนักยังคงใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จัดงานเลี้ยงร่ำสุราเคล้านารีไม่เว้นแต่ละวัน
ยามท้องพระคลังร่อยหลอก็รีดนาทาเร้นจนชาวบ้านอับจนหนทาง จนต้องหนีเข้าป่ารวมกลุ่มก่อตั้งกบฏกองโจรมากมาย
หลังจากสกุลเซียวล่มสลาย ราชสำนักฟอนเฟะจนเกินเยียวยา
วังหน้ามีอัครเสนาบดีเจิ้งชิวหลิวคอยว่าราชกาล แม้แต่ฏีกาทุกเรื่องทุกฉบับยังต้องส่งเข้าจวนอัครเสนาบดีเป็นผู้อนุมัติก่อนจึงจะถูกส่งถึงพระหัตถ์ฮ่องเต้
บัดนี้ทุกคนจึงตระหนักได้แล้วว่าอำนาจสูงสุดของแผ่นดินถูกบริหารผูกขาดอยู่ในมือคนคนเดียว
วันใดที่ฮ่องเต้ไม่ออกว่าราชกาล ในห้องโถงของคฤหาสน์สกุลเจิ้งจะมีเหล่าขุนนางมากมายปรึกษาว่าราชกาลราวกับเป็นท้องพระโรงอีกแห่งหนึ่งก็ไม่ปาน เพื่อเปิดโอกาสให้พวกพ้องขุนนางฝ่ายเดียวกันหาผลประโยชน์ตักตวงใส่ตนอย่างไม่ละอายฟ้าดิน
มีการซื้อขายตำแหน่งหน้าที่ทุกหัวระแหง เล่าลือกันว่าในคลังสมบัติของสกุลเจิ้งมีทรัพย์สมบัติมหาศาลที่สามารถเติมท้องพระคลังจนล้นออกมาข้างนอกได้ทีเดียว
ส่วนขุนนางคนละฝั่งนั้นเล่า บ้างไม่ถูกประหารก็โดนเนรเทศไปอยู่ชายแดน แม้แต่ตระกูลเซียวของเซียวฮองเฮาและตระกูลติงรากฐานความมั่งคั่งอันดับหนึ่งของต้าเยียนยังถูกสังหารสังเวยความละโมบ
ส่วนตระกูลหลีที่ใช้เลือดเนื้อปกป้องแผ่นดินในสมรภูมิรบมาหลายชั่วคน สุดท้ายถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏขายแผ่นดิน พวกพ้องต่างถูกพลิกบัญชีเก่าขึ้นมา ทั้งถูกร้องเรียนถูกจับกุม แม้แต่ยัดข้อหาก็ทำได้อย่างไม่เปลืองแรง
ผู้คนในราชสำนัก มีผู้ใดต้านทานอำนาจและความหอมหวานของเงินทองได้? ต่อให้เจ้าทำได้ แล้วคนข้างกายเจ้าเล่า ทำได้หรือไม่?
หากคำนึงอนาคตและคนที่ต้องดูแล แผ่นหลังที่เคยตั้งตรง อย่างไรเสียก็ต้องค้อมลงมา
'ใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าม้วย'
แผ่นดินนี้แม้จะมีคนตระกูลสวี่เป็นฮ่องเต้ แต่ผู้ที่คอยชักใยชี้เป็นชี้ตายอยู่เบื้องหลังกลับเป็นคนตะกูลเจิ้ง
ผลงานอื่นๆ ของ ว่านซื่อหรูอี้(万事如意 ) ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ว่านซื่อหรูอี้(万事如意 )
ความคิดเห็น