ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #74 : 74 ll Good Luck

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 803
      78
      13 ก.ย. 63


    74


    Good Luck



     

              จอร์จโบกมือบ๊ายบายลูน่าที่กำลังจะออกจากสถานีพร้อมกับเซโนฟิเลียส ทั้งคู่ต่างโบกมือให้กันไปมาอยู่อย่างนั้นจนเซโนฟิเลียส

    ต้องดึงมือลูกสาวให้มาหลบอยู่ข้างหลังตัวเองแล้วโบกมือให้เจ้าคนผมแดงด้วยตัวเองจอร์จถึงจะยอมหยุดการบอกลาที่ยืดเยื้อนี้


                เฟร็ด จินนี่ รอนหลุดหัวเราะคิกคักที่เห็นจอร์จรีบหุบมือลงแล้วยืนนิ่งสงบเสงี่ยมเจียมตัว คนถูกหัวเราะเหล่มองเหล่าพี่น้อง

    ทางหางตาทำเอาทั้งสามต้องหยุดขำ ไม่นานหลังนังหนูกับเซโนฟิเลียสออกไปจากชานชาลา อาเธอร์กับบิลก็มารับพอดี


                “แม่เตรียมงานเลี้ยงฉลองที่พวกนายเรียนจบอยู่ที่บ้านแน่ะ เลยไม่ได้มารับด้วย” บิลบอกพลางช่วยจินนี่เข็นรถเข็น


           “เอ้า ทีนี้ก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวแม่รอนาน” อาเธอร์ว่าพร้อมเดินนำเด็กๆ วีสลีย์ไปที่รถฟอร์ดแองเกลียสีฟ้า(ที่บินได้)


              อาเธอร์เป็นคนขับ บิลนั่งข้างพ่อของเขาส่วนเด็กๆ อีกสี่คนไปนั่งด้วยกันตรงเบาะหลังแล้วเล่าให้ฟังไม่หยุดว่าหลังจาก

    อัมบริดจ์จากไปที่โรงเรียนเกิดเรื่องสนุกอะไรขึ้นบ้างโดยเฉพาะคาบเรียนที่ดัมเบิลดอร์สอนที่ทำเอาบิลถึงกับบ่นอุบเพราะเสียดาย

    ที่ตนไม่มีโอกาสนั้นบ้าง


           กว่าจะถึงบ้านฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว อาเธอร์ลงจอดรถไว้ที่โรงจอดรถ บิลช่วยรอนกับจินนี่ยกหีบสัมภาระเข้าบ้าน ขณะที่อาเธอร์

    เรียกลูกชายอีกสองคนให้เข้ามาหา


           “เฟร็ด จอร์จ” เขากวักมือเรียกฝาแฝดให้กลับเข้ามาในโรงจอดรถ เฟร็ดกับจอร์จเดินมาหาเขาด้วยความงุนงงเพราะอาศัย

    แสงสลัวจากแสงจันทร์ข้างนอกที่สาดส่องเข้ามาจึงเห็นสีหน้าและท่าทางจริงจังผิดปกติของพ่อ


           “มีอะไรเหรอครับพ่อ” จอร์จถามแต่ก็พอมองออกแล้วว่าจะพูดเรื่องอะไรซึ่งผิดกับเฟร็ด


            “พวกเราไม่ได้คิดจะขโมยรถพ่อออกไปขับเล่นฉลองที่เรียนจบเลยนะครับ”


           อาเธอร์หรี่ตามองลูกชายทั้งสองอย่างจับพิรุธ พูดแบบนี้แถมทำท่าทางลุกลี้ลุกลนก็แสดงว่ามีแผนนี้อยู่ในหัวกันเต็มๆ 

    แบบไม่ต้องสงสัย ทว่าครั้งนี้เขายังไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลยเปิดประเด็นแบบตรงจุด


           “พ่ออยากคุยเรื่องงานของลูกสองคน” ฝาแฝดวีสลีย์หันมองหน้ากันก่อนหันไปฟังพ่อต่อ “พ่อ บิล เพอร์ซี่หรือแม้แต่ชาลีก็รู้

    ว่าลูกคิดจะทำงานอะไรกัน พ่อไม่ห้ามหรือคิดที่จะดับฝันหรอกนะ แต่ปัญหาอยู่ที่แม่ของลูกนั่นแหละ”


           เฟร็ดถอนหายใจ “พนันได้เลย”


           “แม่ต้องไม่เห็นด้วยแน่”  


           “ถูกเผงทีเดียว” อาเธอร์พยักหน้ายอมรับสองสามครั้ง เหลือบมองบิลที่กลับมายกของอีกรอบ ทั้งคู่พยักหน้าให้กันก่อนที่อาเธอร์

    จะกลับมาพูดกับลูกชายฝาแฝดต่อ “ก่อนหน้านี้พ่อกับบิลลองช่วยพูดให้แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้แม่จะมีความคิดเห็นยังไงเพราะสุดท้ายแล้ว

    ก็ลงเอยด้วยการเงียบตลอด ที่พ่ออยากจะขอร้องก็คือลูกอย่าใช้อารมณ์คุยกับแม่ถ้าแม่เปิดประเด็นเรื่องนี้ตอนอยู่บนโต๊ะอาหาร 

    ขอให้ใช้เหตุผลคุยกัน ค่อยๆ อธิบายว่าทำไมถึงอยากเปิดร้านแทนที่จะไปทำงานที่กระทรวงอย่างที่แม่อยากให้ทำ แล้วพ่อกับบิล

    หรือบางทีเพอร์ซี่ก็ด้วยจะช่วยพวกลูกอธิบายด้วยอีกแรง”

                

              จากนั้นพ่อลูกทั้งสามก็พากันเข้าไปในบ้าน มอลลี่ชะโงกหน้าออกมาจากครัวพร้อมด้วยผ้าคลุมกันเปื้อนลายดอกไม้ที่คุ้นตา 


               “มากันแล้วเหรอ” เธอออกมาจากครัวแล้วกอดลูกๆ ของเธอด้วยความคิดถึง เรียงไปตั้งแต่บิล รอนและจินนี่ที่หอมแก้มด้วย

    หนึ่งฟอดก่อนจูบที่แก้มสามีเบาๆ            

         

           “เพอร์ซี่ล่ะ ที่รัก”


           “มาแล้วค่ะ เพิ่งกลับมาถึงเดี๋ยวเดียวนี่เอง ตอนนี้กำลังอาบน้ำอยู่”


           อาเธอร์พยักหน้ารับพลางถอดสูทตัวนอกที่ใส่ไปทำงานออก มอลลี่จึงหันมาทักทายฝาแฝดตัวป่วนบ้าง


           “ว่ายังไงล่ะเจ้าตัวแสบ” เธออ้าแขนกอดเฟร็ดกับจอร์จพร้อมกันก่อนเอามือตบแก้มลูกชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 

    “แม่รอวันนี้มานานแล้ว  ต่อจากนี้แม่ก็จะได้พักสายตาจากการอ่านจดหมายรายงานความประพฤติของลูกสักที”

                

              งานเลี้ยงฉลองเล็กๆ แต่อบอุ่นในบ้านโพรงกระต่ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อสมาชิกในบ้านมากันครับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ชาลี

    ที่จินนี่เอารูปสลักจำลองตัวมังกรที่ชาลีให้มาเมื่อคริสต์มาสมาตั้งเป็นตัวแทนของเขา        

                

              ตลอดเวลามื้อค่ำที่กินของคาวนั้นผ่านไปได้ด้วยดีและครื้นเครงสมกับเป็นบ้านวีสลีย์ สถานการณ์ในบ้านยังคงเป็นปกติ

    ต่างจากที่อาเธอร์ บิลและเพอร์ซี่คิดเอาไว้ว่ามันอาจจะดำเนินไปแบบเงียบเชียบหลังจากมอลลี่ถามไถ่เฟร็ดจอร์จเรื่องงานที่จะทำ 

    -- แต่ก็ไม่ผิดคาดซะทีเดียวเมื่อสถานการณ์จำลองในหัวนั้นกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้...

        

             พายวอลนัทร้อนๆ ที่อบเสร็จใหม่ๆ ถูกยกออกจากเตา มอลลี่วางถาดบนโต๊ะแล้วแจกจ่ายขนมให้ทุกคนก่อนถอดถุงมือกันความร้อน

    แล้วนั่งลงตรงข้ามกับฝาแฝด

                

              “เฟร็ด จอร์จ” มอลลี่เอ่ยชื่อทั้งสองขณะหั่นพายให้เป็นชิ้นพอดีคำ


           ...มาแล้ว


           “ครับ” ฝาแฝดขานรับพร้อมกัน


           “เรื่องงานของพวกลูกน่ะ ...ตกลงคิดจะทำอะไรกัน” มอลลี่วางมีดไว้ข้างจานแล้วเงยหน้าสบตากับลูกชาย “ถ้ายังคิดไม่ได้

    หรือยังตัดสินใจไม่ได้ก็ลองถามพ่อดูก็ได้นะ พ่อเขารู้จักคนในกระทรวงเยอะแยะจะตายไป คงหาตำแหน่งงานว่างๆ ให้ลูกได้ไม่ยากหรอก”


           “เราสองคนไม่รบกวนพ่อหรอกครับ” เฟร็ดพูด กลืนน้ำลายลงคอที่ฝืดจนแทบกระหายน้ำทั้งที่เพิ่งวางแก้วเมื่อกี้


           จอร์จรับช่วงพูดต่อ “เพราะพวกเราตัดสินใจจะเปิดร้านขายของเล่นตลกครับแม่”

               

              “เราคิดดีแล้วครับ”


           สิ้นเสียงเฟร็ด รอนกับจินนี่ถึงกับเตรียมรอระเบิดลงจากแม่แล้วเพราะก่อนหน้านี้หลายหนที่เฟร็ดกับจอร์จพูดเปรยๆ 

    ถึงอาชีพที่จะทำ ด้วยความที่มอลลี่อยากให้ลูกๆ ไปทำงานที่กระทรวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่มักแสดงท่าทีไม่ค่อยสนับสนุน

    และไม่เห็นด้วยก่อนลงเอยด้วยการทะเลาะกันแม้จะไม่บานปลายใหญ่โตก็ตาม

         

           มอลลี่นั่งมองลูกชายทั้งสองโดยไร้คำพูดใดๆ บิลที่นั่งอยู่ข้างจอร์จชำเลืองมองพ่อด้วยสายตาที่สื่อถึงกัน พ่อลูกสองคนนี้สนับสนุน

    ฝาแฝดให้ทำงานที่อยากทำเต็มที่แม้ท้ายที่สุดแล้วมันอาจจะไม่รุ่งอย่างที่หวังแต่ก็ยังอยากให้ลองและยังเป็นคนช่วยพูดกล่อม

    ให้มอลลี่ยอมรับแต่ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม ส่วนเพอร์ซี่ที่นั่งอยู่ข้างแม่เองก็เอาใจช่วยน้องชายฝาแฝดอยู่ห่างๆ เพราะถึงน้องสองคน

    จะชอบสร้างปัญหาแต่มันก็ไม่เชิงว่าจะไร้สาระซะทีเดียว

                  

              มอลลี่หลับตาลงนับหนึ่งถึงสิบพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “มาถึงขนาดนี้แม่คงห้ามลูกสองคนไม่ได้อยู่แล้ว ถึงห้ามก็คง

    ไม่ยอมฟังกันด้วยล่ะแม่รู้ ยังไงก็ลองดูสักตั้งละกัน -- แต่ยังไงก็ตามแม่ยังไม่อยากให้ลูกทิ้งตัวเลือกงานที่กระทรวงนะถ้าผลของกิจการ

    ไม่ได้ออกมาอย่างที่หวัง”


           ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าฝาแฝดก็มีรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นทันที


           “ได้เลยครับ” จอร์จตอบอย่างร่าเริง


           เฟร็ดรีบพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย “เราจะไม่ทำให้ตัวเองต้องไปทำงานที่กระทรวงแน่นอน”

                

              โดยที่ไม่ได้นัดกันมาก่อนทั้งคนที่เอาใจช่วยอย่างอาเธอร์ บิล เพอร์ซี่ รอนและจินนี่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

    ประหนึ่งตัวเองเป็นเฟร็ดกับจอร์จไปซะเอง


           มอลลี่มองดูฝาแฝดจอมแสบดีใจกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างกับเด็กๆ ก็ได้แต่ส่ายหัว -- สองสามวันมานี้เธอค่อนข้างคิดหนัก

    เรื่องอนาคตของเฟร็ดกับจอร์จจนมาคิดได้ว่าขนาดตอนที่เธอเองอายุเท่าสองคนนี้ยังเคยแอบพ่อกับแม่ไปทำงานเป็นมือปราบมาร

    โดยที่พวกท่านไม่รู้ความจริงมาก่อน ตกถึงตอนนี้พวกลูกชายเองก็คงอยากสร้างอนาคตใบแบบฉบับของตัวเอง จึงไม่มีประโยชน์อะไร

    ที่เธอจะห้ามเลยยอมปัดความคิดเรื่องงานที่กระทรวงออกไปจากหัวชั่วคราวแล้วตามใจพวกลูกๆ คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด



              ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อที่ฝาแฝดวีสลีย์ ผู้ที่หลายคนคิดว่าเอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ จะทำสัญญาซื้อขายร้านในตรอกไดแอกอน

    เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเงินเก็บของพวกเขาเองที่ขายของเล่นได้ขณะอยู่ฮอกวอตส์บวกกับเงินจากหุ้นส่วนใหญ่อย่างแฮร์รี่ที่ช่วยเหลือ

    เรื่องเงินจากการที่เขาชนะการประลองเวทไตรภาคีเมื่อปีก่อน -- นับตั้งแต่วินาทีที่จรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงในใบสัญญาซื้อขาย 

    ร้านเลขที่ 93 ก็มีเฟร็ดกับจอร์จเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์


              เฟร็ดยืนกอดอกมองร้านที่รกร้างทั้งยังซอมซ่อด้วยความตั้งมั่นอันแน่วแน่ 


              “นี่แหละอนาคตของเรา! งานที่กระทรวงจะไม่มีวันได้แอ้มเราหรอก!!


              “ใช่แล้ว!” จอร์จพูดหนักแน่น


           วันนั้นทั้งวันระหว่างที่เขาคิดกับเฟร็ดว่าจะจัดการกับร้านยังไงดี มีหลายหนที่ในหัวดันเผลอคิดไปว่าในอนาคตอันไกล

    ถ้าลูน่ามาเดินในร้านพร้อมกับลูกตัวน้อยก็คงจะดี ...คิดแค่นี้เขาก็ยกยิ้มขึ้นมาซะดื้อๆ ราวกับคนเสียสติ


           “นายคิดไปไกลถึงไหนกันน่ะ จอร์จจี้”

               

              ช่วงเวลาอันแสนยุ่งกับเรื่องร้านจนเวลาที่ได้อยู่บ้านมีแค่เวลากินกับนอนนั้น จอร์จกับลูน่าไม่ได้เจอหน้ากันเลยต่อให้บ้าน

    ของทั้งสองฝ่ายจะอยู่ห่างกันไปไม่กี่ไมล์ก็ตาม ส่วนลูน่าเองก็กำลังสนใจอยู่กับการศึกษาเรื่องโนมจนแทบลืมวันลืมคืน แต่ถึงอย่างนั้น

    ทั้งคู่ก็ไม่ลืมสละเวลามาเขียนจดหมายหากันตลอดไม่ได้ขาด ลูน่าเขียนให้กำลังใจจอร์จ ส่วนจอร์จก็ตอบกลับมาว่าให้เธอรอดูร้านได้เลย

    แล้วไม่ลืมทิ้งท้ายทุกครั้งด้วยว่าให้ระวังอย่าให้โนมกัด...            


           กลางดึกคืนหนึ่งในยามที่ลูน่านอนหลับใหลท่องอยู่ในความฝัน เซโนฟิเลียสหายตัวออกจากบ้านไปทำธุระข้างนอก ก่อนจะแวะไปที่

    ตรอกไดแอกอนเป็นที่สุดท้าย

                

              พ่อมดผมขาวในชุดเสื้อคลุมยาวลายแปลกประหลาดเดินอยู่คนเดียวในตรอกไดแอกอนท่ามกลางร้านรวงรอบข้างที่มืดสนิท 

    เขาเดินมุ่งหน้าอย่างมีเป้าหมายจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านเลขที่ 93 -- ด้านหลังหน้าต่างสีส้มสดใสดูแปลกตามีเจ้าของร้านสองคนอยู่ข้างใน

    และกำลังตั้งใจจัดของกันอยู่ จึงเป็นร้านเดียวที่เปิดไฟสว่าง เซโนฟิเลียสก้าวถอยห่างออกมาให้พ้นจากรัศมีที่ไฟส่องถึง 

    ดวงตาสีฟ้าซีดจ้องมองลึกเข้าไปในร้านจนเจอกับแฟนหนุ่มของลูกสาว...  


           ภาพที่เห็นนั้นจอร์จก็ดูตั้งใจดีกับร้านที่ใกล้จะเปิด เซโนฟิเลียสแอบยืนมองอยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมง กระทั่งฝาแฝดผมแดง

    ในร้านเลิกจัดของแล้วหันมาทดลองสินค้าอะไรบางอย่าง -- จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น ไฟสีส้มพวยพุ่งขึ้นแตะเพดาน 

    เซโนฟิเลียสดึงไม้กายสิทธิ์ออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมคิดจะเข้าไปช่วยอีกแรงทว่าเฟร็ดกับจอร์จรีบเสกน้ำออกจากปลายไม้กายสิทธิ์มาดับ

    ไว้ได้ทันก่อนที่จะมีอะไรในร้านเสียหาย


           เซโนฟิเลียสเก็บไม้กายสิทธิ์เก็บเข้าที่เดิม มองเด็กหนุ่มไฟแรงนั่งปาดเหงื่ออยู่ในร้านก็ได้แต่ยิ้มมุมปากแล้วก็ส่ายหัวให้

    ก่อนเดินทางกลับบ้านโดยที่ลูน่าไม่รู้เลยสักนิดว่าพ่อของตัวเองไปไหนมาในคืนที่เธอกำลังหลับฝันดีอยู่ที่บ้าน...   



              เวลาล่วงเลยมาหนึ่งเดือนกว่าๆ แล้วหลังจากเรียนจบกับการเตรียมตัวเปิดร้าน เจ้าของร้านอย่างเฟร็ดกับจอร์จแทบไม่มีเวลา

    ให้หยุดพักหายใจ กระนั้นพวกเขาก็ยังมีความสุขดีกับความฝันที่ใกล้เป็นจริงมากขึ้น เมื่อคืนนี้พวกเขาสั่งผงความมืดทันใจจากเปรู

    รวมทั้งของอย่างอื่นเพื่อเอามาวางขายด้วยกันกับของเล่นตลกที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง แถมยังเริ่มเพาะพันธุ์ตัวพิกมี่พัฟตัวกลมๆ ขนปุยสีชมพู

    แล้วด้วยเพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนที่ชอบสัตว์เลี้ยงตัวเล็กน่ารัก


           เช้าวันรุ่งขึ้นเฟร็ดและจอร์จต่างก็มีสิ่งที่ต้องไปทำที่ร้านเต็มไปหมด ทั้งสองกัดขนมปังปิ้งพร้อมสำรวจดูว่ามีสินค้าอะไรบ้าง

    ที่ต้องขนจากห้องนอนตัวเองไปที่ร้านและสินค้าตัวไหนที่ยังไม่สำเร็จต้องเอาไว้ที่บ้านก่อน


           “นึกว่าใครมาทำเสียงดังกันตั้งแต่เช้า ที่แท้ก็พวกพี่นี่เอง” จินนี่พูดอยู่ตรงประตูห้อง ยกมือขยี้ตา อ้าปากหาวไปด้วย


           “เดี๋ยวหลังจากนี้ก็ไม่ดังแล้วล่ะ จินนี่น้องรัก” เฟร็ดบอกพลางกัดขนมปังอีกคำแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้ “เพราะเราจะไปนอนที่ร้านกัน”


           “พี่ว่าไงนะ”


           “แค่ชั่วคราวน่ะ” จอร์จตอบระหว่างที่ยกลังกระดาษมาซ้อนกันไว้เพื่อเตรียมขนลงไปข้างล่าง


           รอนเดินมายืนข้างจินนี่เพราะเขาก็เพิ่งตื่นด้วยเสียงที่มีต้นตอมาจากห้องนี้ “ทำไมต้องไปนอนที่นั่นด้วยล่ะ”


           “ฉันขี้เกียจเดินทางไปมาหลายรอบน่ะสิ ยิ่งใกล้เปิดร้านอย่างงี้แล้วด้วยงานยิ่งยุ่งกันไปใหญ่”


           “แล้วแม่ว่าไง”


           “ก็ไม่ยังไง บอกแค่ว่าให้แวะกลับมาที่บ้านบ้าง”


           เฟร็ด จอร์จ รอนและจินนี่ช่วยกันยกของมาใส่ในรถฟอร์ดแองเกลียที่พ่อให้ยืมมาขนของก่อน กล่องลังทั้งหลายเยอะแยะจนทำให้

    แม้แต่รถที่เสกคาถาให้ข้างในกว้างขวางแล้วก็ยังดูแน่นเมื่อของพวกนี้ถูกยัดเข้าไปจนหมด -- เวลานี้พวกเขาควรจะออกเดินทางได้แล้ว 

    ถ้าไม่ติดว่าจอร์จมัวยืนอ้อยอิ่งไม่ยอมขึ้นรถไปก็เท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองไปยังเนินเขาที่อยู่ไม่ไกลแล้วนิ่งราวถูกสาป


           เฟร็ดยิ้มอย่างมีเลศนัย “ถ้าจะมองขนาดนั้นก็ไปหาเถอะ”


           “พูดถึงอะไร”


           “คุณเลิฟกู๊ดมั้ง -- อย่าคิดว่าฉันทึ่มไปหน่อยเลย นายไปหาแม่หนูลูน่าก่อนก็ได้ คิดถึงก็ต้องไปหาสิ ฉันว่าฉันจะไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ

    ก่อนไปอยู่พอดี ว่าจะดื่มกาแฟต่ออีกสักแก้วด้วย วันนี้เรามีเวลาถมถืดน่า...” 


           แต่ยังไม่ทันที่พี่ชายฝาแฝดผู้ใจดีจะพูดจบจอร์จก็หายวับไปแล้ว


           “อีกคนหายไปไหนแล้วล่ะ” มอลลี่เอ่ยปากถาม ส่งห่อขนมห่อใหญ่สองห่อให้เฟร็ดเอาไปกินที่ร้านด้วย


           “หายวับไปแล้วครับ”


           “หายวับไปไหน”


           เฟร็ดเอียงตัวกระซิบอย่างกับเป็นความลับ “ที่ที่แม่ก็รู้ว่าที่ไหนไงครับ” แล้วก็เหล่ไปทางบ้านเลิฟกู๊ดอีกหนึ่งทีก็เป็นอันรู้กัน



              จอร์จหายตัวมาโผล่ที่รั้วหน้าบ้านลูน่า ชายหนุ่มจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทางระหว่างเดินตามทางผ่านป้ายหน้าบ้านที่เขียนว่า 

    เดอะควิบเบลอร์ บรรณาธิการ ซ.เลิฟกู๊ด แล้วมาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านที่มีต้นพลัมบังคับทิศทางโอนเอนไปตามลมอยู่ข้างบันได

                

              คนผมแดงยกมือเคาะประตูไม้หนาสีดำ ข้างในบ้านมีเสียงของบางอย่างครูดกับพื้นคงจะเป็นเก้าอี้ที่เลื่อนออกเวลามีใครสักคนลุกขึ้น

    แล้วใครคนนั้นก็เปิดประตูผางออกมาเผยให้เห็นชายร่างผอมสูงไม่สวมรองเท้าอยู่ในชุดนอนลายทางที่ผู้มาเยือนต่างก็คุ้นชินกับภาพนี้ดี


           จอร์จยืดตัวตรงพร้อมโค้งทักทายเป็นอย่างแรก “สวัสดีครับ”


           “อ้อ วีสลีย์” เซโนฟิเลียสทักทายกลับ แม้รู้จุดประสงค์ของคนตรงหน้าแต่เขาก็เอ่ยถามให้เป็นพิธี “มีธุระอะไร”


           “เอ่อ...ผม...ผมจะมาคุยกับลูน่าครับ”


           “จะคุยตรงนี้” เขาชี้ตรงที่ยืนอยู่ก่อนชี้เข้าไปในบ้าน “หรือจะเข้าไปคุยข้างใน”


           จอร์จนึกในใจแบบที่แทบไม่ต้องใช้ความคิดให้ปวดหัว ถ้าเซโนฟิเลียสอยู่ตรงไหนเขาจะขอเลือกตรงข้าม


           “ขอคุยข้างนอกตรงนี้ดีกว่าครับ”


           ทันใดนั้นเด็กสาวร่างเล็กที่จอร์จมาหาก็โผล่มาจากห้องครัว “พ่อจ๋า กาแฟเสร็จแล้วนะ” พร้อมถือแก้วกาแฟมาให้พ่อของเธอด้วย  


           “มาพอดีเลยลูน่าลูกรัก” เซโนฟิเลียสยื่นมือรับแก้วแล้วใช้มืออีกข้างโอบไหล่ลูกสาว “วีสลีย์มาหาแน่ะ” ดวงตาสีซีดที่เหมือนลูน่า

    มองจอร์จตรงๆ แล้วหรี่ลงเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าเขาจะคอยจับตาดูอยู่ก่อนหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านแล้วปล่อยให้ลูน่ากับจอร์จได้คุยกัน


           ลูน่าฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเขา “อรุณสวัสดิ์” เธอพูดเสียงฝันๆ แล้วกะพริบตาปริบๆ “มีอะไรเหรอ”


           “แค่คิดถึงเฉยๆ ก็เลยมาหา” จอร์จยิ้มเผล่ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งที่พูดเองแท้ๆ แต่เขากลับอายตัวเองซะเอง “ที่จริงฉันจะมาบอก

    ว่าช่วงนี้ฉันกับเฟร็ดจะย้ายไปนอนที่ร้านเพราะงานเริ่มยุ่งมากขึ้นนิดหน่อยเพราะงั้นจดหมายก็น่าจะถึงช้าลงด้วย แล้วฉันจะมาหาเธอบ่อยๆ 

    เธอเองก็หาโอกาสไปที่ร้านฉันบ้างล่ะ ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ ร้านหมายเลข...”


           “เก้าสิบสาม -- ในจดหมายเขียนบอกเอาไว้ทุกฉบับจนฉันจำได้ขึ้นใจเลย” ลูน่าพูดเสียงสดใส

       

              ยิ่งเห็นลูน่าร่าเริงจนทำเอาใจจอร์จเจ็บก็ยิ่งไม่อยากไปไหนแล้ว หากว่าตอนอยู่บ้านโพรงกระต่ายจอร์จยืนอ้อยอิ่งจนเฟร็ดมองออก

    ขนาดนั้น ณ ตอนนี้เขาคงอาการหนักมากกว่า ทั้งมองต้นไม้ ใบหญ้า เนินเขาข้างๆ มองฟลัฟฟี่ที่เกาะอยู่บนกิ่งต้นแอปเปิ้ลหรือแม้แต่

    สิ่งเล็กน้อยที่ไม่น่าจะสนใจในเวลานี้อย่างแมลงเต่าทอง ที่เขามองทั้งหมดนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้นเอง


           ลูน่ามองตามสายตาจอร์จก่อนเงยหน้าสบตากับเขาตรงๆ “กาแฟหน่อยไหม”


           ถามคนที่ใจอยากอยู่ต่อมีหรือที่เขาจะพลาด “ดีเหมือนกัน”

                

              ลูน่าเดินนำเข้าไปในบ้านโดยมีจอร์จเดินตามเข้ามาด้วยความเกรง(กลัว)ใจเพราะเพิ่งนึกได้ว่าเซโนฟิเลียสก็นั่งอยู่ด้วย 

    เด็กสาวเดินไปชงกาแฟให้จอร์จอีกแก้วที่จอร์จมั่นใจมากว่าจะไม่มีน้ำประสานของรากเกิร์ดดี้เจือปนอยู่ในนี้ เธอชงโกโก้ให้ตัวเอง

    และชงกาแฟแก้วที่สองให้กับพ่อของเธอด้วย

                

              “ขอบใจจ้ะ ลูกรัก” เซโนฟิเลียสดึงแก้วมากุมเอาไว้ตรงหน้า ตาก็จ้องมองคนผมแดงไปด้วยแต่คราวนี้เขาไม่ได้จ้องถึงขั้นจะกินเลือด

    กินเนื้อเพราะแววตาเขาฉายแววใจดีมากกว่า “ที่ร้านเป็นยังไงบ้างล่ะ ราบรื่นดีไหม”


           เพราะน้ำเสียงและท่าทางที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากพ่อ แผ่นหลังของจอร์จที่แข็งเกร็งพลันผ่อนคลายลงและรู้สึกสบายใจมากขึ้น

    ที่จะคุยด้วย “ครับ แต่ความจริงแล้วมันค่อนข้างยุ่งเหยิงไปหน่อย คิดว่าวันนี้คงจะเข้ารูปเข้ารอยบ้างแล้วล่ะครับ”


              เซโนฟิเลียสพยักหน้าไปกับสิ่งที่จอร์จพูดก่อนยื่นจานบิสกิตแบ่งให้อีกฝ่าย จอร์จหยิบบิสกิตมาหนึ่งชิ้นแล้วส่งจานให้ลูน่าต่อ 

    พ่อมดผมขาวชำเลืองมองแล้วอมยิ้ม ยกแก้วดื่มกาแฟรวดเดียวหมด


           “ตามสบายนะ พ่อจะขึ้นไปทำงานข้างบนสักเดี๋ยว”


           ราวครึ่งชั่วโมงให้หลังคงถึงเวลาที่จอร์จต้องกลับไปที่บ้านโพรงกระต่ายเสียทีเพราะเขาเลยเวลานัดกับเฟร็ดมาสิบนาทีแล้ว


           ลูน่าเดินมาส่งจอร์จที่หน้าประตูพร้อมบอกให้กำลังใจ ด้วยความโลภจอร์จแอบอยากได้มากกว่านั้นแต่ความคิดในหัวนั้นลอยหาย

    ไปในอากาศทันทีเมื่อพ่อของนังหนูเดินมาโอบไหล่ลูกสาวตัวเองเอาไว้


           เซโนฟิเลียสมองจอร์จหน้าเคร่งขรึมก่อนผุดยิ้มบางๆ “ถ้าว่างเมื่อไรฉันกับลูน่าจะไปหาที่ร้าน -- โชคดี” เขายื่นมือตบบ่าจอร์จเบาๆ 

    แล้วเข้าบ้านไปราวกับต้องการมาบอกแค่นี้

               

              “จะไปแล้วนะ” จอร์จบอกลูน่าเป็นหนที่สอง ตาแอบเหลือบมองเข้าไปในบ้าน ลูน่าเลยมองตามบ้างแต่หารู้ไม่ว่าจอร์จได้ใช้โอกาสนี้

    ขโมยหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ ทันใดนั้นเสียงกระแอมไอหนักๆ ของเซโนฟิเลียสก็ดังลอดออกมาจากในบ้านทำเอาคนผมแดงแอบสะดุ้ง 

    ยืดตัวตรงแล้วค่อยๆ ถอยห่างจากลูกสาวของเขา “แล้วเจอกันนะ” เขายกมือบอกลาลูน่า หลังจากนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาลูน่า

    จึงเหลือเพียงความว่างเปล่า เด็กสาวคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินเข้าบ้านพร้อมกับฟลัฟฟี่ที่บินโฉบเข้าไปก่อนแล้ว


              ระหว่างเดินทางไปตรอกไดแอกอนพร้อมด้วยกำลังใจที่พกติดตัวไปเต็มเปี่ยม จอร์จเกิดฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาได้รู้แล้ว

    ว่าไม่มีเหตุผลให้ต้องเสียดายเลยที่ตัวเองเกิดเร็วไปเพราะยิ่งเกิดเร็วเขาก็ยิ่งมีเวลาหาเงินมาสร้างตัวและคิดถึงอนาคตได้เร็วขึ้นเท่านั้น 

    ถึงแม้คนที่อยากสร้างครอบครัวด้วยจะยังเรียนไม่จบก็เถอะ...


           กิจการร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์เปิดมาได้ราวหนึ่งสัปดาห์พร้อมคับคั่งไปด้วยลูกค้าเด็กๆ ที่มาอุดหนุน มีหลายคนที่เป็นนักเรียน

    จากฮอกวอตส์และอีกหลายคนทีเดียวที่ไม่คุ้นหน้าเอาซะเลย


           ฝาแฝดวีสลีย์มีความสุขมากขึ้นทุกวันเมื่อมีทองเกลเลียนเข้ากระเป๋าแทบทุกนาที มีความสุขที่ได้อธิบายวิธีการใช้งานของเล่นต่างๆ 

    ให้คุณลูกค้าทั้งหลายฟังและยิ่งมีความสุขยิ่งกว่าเมื่อครอบครัวกำลังจะมาที่ร้านในอีกสองวันข้างหน้า โดยเฉพาะจอร์จที่ได้รู้ว่าลูน่า

    จะมาด้วยก็ยิ่งขยันทำงานมากขึ้นอีกเท่าตัว

                

              ช่วงใกล้ปิดร้านในวันเดียวกัน ลูกค้าเริ่มบางตาลงบ้างแล้วเพราะฝนที่กระหน่ำตกลงมาจึงพอมีเวลาให้ได้นั่งพักบ้างทั้งเจ้าของร้าน

    และลูกจ้างอีกสองคน -- จอร์จนั่งพักบนเก้าอี้สูง ยกมือทุบไหล่ไล่ลงไปถึงเอวที่ปวดระบมไปหมด ในตอนนั้นเอง พ่อมดพเนจรวัยกลางคน

    ที่ชอบท่องเที่ยวไปทั่วโลกก้าวเข้ามาในร้าน เขาสวมเสื้อคลุมตัวยาวใส่หมวกปิดบังใบหน้าแถมยังมีน้ำหยดเป็นสายตามชายเสื้อคลุม

    ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบไม้กายสิทธิ์มาร่ายคาถาให้ตัวแห้ง

                

              พวกเขาไม่เคยต้อนรับลูกค้าลักษณะแบบนี้มาก่อนแต่เฟร็ดกับจอร์จก็ลุกขึ้นไปต้อนรับอย่างดี ชายคนนั้นถอดหมวกที่สวมออก

    เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหล่าผิดกับการแต่งตัวที่ดูน่าเกรงขาม เขาเผยรอยยิ้มให้เห็น ถามหาดอกไม้ไฟวีสลีย์เป็นอย่างแรก 

    เฟร็ดหายเข้าไปในร้านเพื่อหยิบของมาให้ขณะที่จอร์จยืนคุยต่อ

                

              พ่อมดพเนจรเล่าให้ฟังว่าคนที่ไม่น่ามาปรากฏตัวในร้านแบบนี้เช่นเขาเดินทางมาถึงที่นี่ได้ยังไง มือใหญ่ๆ ควานหาของในกระเป๋าเป้

    ใบใหญ่แล้วหยิบนิตยสารยื่นให้จอร์จเอาไปดูเพราะดูท่าเจ้าของร้านนั้นไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนพร้อมบอกให้เปิดหน้าที่สิบสามส่วนเขาจะขอ

    ไปเดินดูรอบๆ ร้านก่อน

                

              จอร์จรับนิตยสารมาถือไว้ในมือด้วยความแปลกใจแต่แล้วหัวใจก็พองโตด้วยความดีใจ จอร์จซื้อเดอะควิบเบลอร์เล่มนี้มาแล้ว

    แต่เขายังไม่มีเวลาว่างพอที่จะอ่านจนจบเล่ม -- เดอะควิบเบลอร์ฉบับใหม่ล่าสุดนี้ลงโฆษณาร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์เต็มสองหน้ากระดาษ

    แบบฟรีๆ และโดยที่เจ้าของร้านไม่รู้มาก่อนด้วย


           จอร์จยืนยิ้มอยู่คนเดียวกระทั่งเจ้าของนิตยสารที่ถืออยู่ในมือกลับมายืนตรงหน้าแล้วแถมยังมองเขาแปลกๆ ก็เลยรีบหุบยิ้มลง

    แล้วคืนเดอะควิบเบลอร์ให้พ่อมดคนนั้นไปด้วยความขอบคุณบวกเกรงใจ พร้อมคิดในใจถึงเดอะควิบเบลอร์ฉบับที่อยู่บนห้องนอน

    ว่าเขาคงต้องเก็บรักษาเดอะควิบเบลอร์ฉบับนี้ให้ดียิ่งกว่าทองเกลเลียนซะอีก...



    - Talk -

              ถึงคุณพ่อจะหวงลูกสาวมากแค่ไหนแต่ก็ยังใจดีกับว่าที่ลูกเขย(?)ในอนาคตอยู่ดีนั่นแหละเนอะ >_<  // ตอนนี้จอร์จเรียนจบแล้ว 

    ตอนต่อๆ ไปเราคิดว่าเนื้อเรื่องน่าจะเดินเร็วขึ้นนิดหน่อยนะคะเพราะไม่อย่างงั้นเรื่องมันอาจยาวยืดไปเกือบร้อยตอนเลยทีเดียว =.=

              ปล.พ่อมดพเนจรคนหล่อคนนี้ไม่ได้มีบทบาทอะไรต่อในเรื่องนี้นะคะ เราแค่อยากใส่เพิ่มมาเฉยๆ 5555

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×