ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #73 : 73 ll Graduate

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 777
      101
      6 ก.ย. 63


    73


    Graduate




              อีกหนึ่งเดือนให้หลัง ช่วงเวลาแห่งการสอบได้เริ่มต้นขึ้น วีสลีย์คนน้องที่เรียนอยู่ปีห้าอย่างรอนนั้นใกล้เข้าขั้นคำว่าเพี้ยนเต็มที

    เพราะต้องท่องจำคาถาเพื่อเข้าสอบว.พ.ร.ส. วิชาแปลงร่างที่กำลังจะสอบบ่ายนี้ ไหนจะต้องจำวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอีก

                

              ขณะที่วีสลีย์คนพี่ทั้งสองอย่างเฟร็ดกับจอร์จนั้นเข้าขั้นชิลเต็มที่กับการสอบส.พ.บ.ส. โดยเฉพาะวิชาคาถากับวิชาการป้องกันตัว

    จากศาสตร์มืดที่พวกเขากับนักเรียนปีเจ็ดคนอื่นได้รับคำชมเชยจากดัมเบิลดอร์ไปเต็มๆ เพราะไม่ว่าเขาจะสอนคาถาอะไรก็ตาม 

    เด็กๆ ต่างก็ทำได้ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที แถมนักเรียนจำนวนสามในสี่ยังได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มอีกคนละห้าคะแนนที่เสกคาถาผู้พิทักษ์

    ได้สำเร็จอย่างน่าทึ่ง

        

              กว่าการสอบว.พ.ร.ส. ของนักเรียนปีห้ากับสอบส.พ.บ.ส. ของนักเรียนปีเจ็ดจบลงก็ทำเอาพวกรอน แฮร์รี่ เชมัส เนวิลล์ ดีน

    และแก๊งแอนโทนีจากเรเวนคลอหมดเรี่ยวแรงวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างไปตามๆ กันโดยเฉพาะรอนที่นอกจากจะต้องทำหน้าที่

    พรีเฟ็คในยามวิกาลยังต้องแบ่งเวลามาอ่านหนังสือจนดึกดื่น หรือแม้กระทั่งพวกเฟร็ดกับจอร์จที่เคยคุยนักคุยหนาว่าสบายมากก็ยัง

    ร่าเริงไม่ออกเมื่อสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ยกเว้นก็แต่เฮอร์ไมโอนี่ที่ยังมีกระจิตกระใจแวะเวียนไปห้องสมุดได้ทันทีที่สอบเสร็จ

                

              พลังในการฟื้นตัวของฝาแฝดวีสลีย์นั้นกลับมาเต็มหลอดดังเดิมเมื่อเริ่มวันใหม่ -- สอบเสร็จแล้ว การบ้านก็ไม่มี ไม่มีอะไรให้เครียด

    อีกต่อไป ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังเล่นได้ไม่เต็มที่อยู่ดีเพราะนักเรียนปีอื่นๆ ยังสอบกันไม่เสร็จ

                

              ลูน่ายังเหลือเวลาสอบอีกสองวัน แม้จอร์จจะอยากใช้เวลาอยู่กับเธอมากแค่ไหน เขาก็เข้าไปวอแวกับนังหนูมากไม่ได้อยู่ดี

    เพราะเดี๋ยวจะไปทำให้ผลการเรียนของเธอตกเอา ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเซโนฟิเลียสรู้เข้ามีหวังคงถูกห้ามคบกับลูกสาวของเขาเป็นแน่ -- 

    จอร์จไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด ฉะนั้นเขาจึงคอยให้กำลังใจเวลาลูน่าทบทวนบทเรียนอยู่ห่างๆ แบบให้รู้ว่าเป็นห่วง 

    เมื่อไรก็ตามที่เธอต้องการความช่วยเหลือจอร์จก็พร้อมเข้าประชิดตัวแล้วช่วยติวให้ทันทีอย่างสุดความสามารถโดยเฉพาะวิชาคาถา

    ของศาสตราจารย์ฟลิตวิกที่เขาถนัดมากที่สุด



           เมื่อฤดูกาลการสอบเสร็จสิ้น หนึ่งสัปดาห์ต่อมาก็ถึงเวลาของการเลี้ยงฉลองอำลา -- นักเรียนต่างทยอยกันเข้ามารอที่ห้องโถงใหญ่

    ก่อนเวลางานเริ่มเป็นชั่วโมง เย็นวันนี้ห้องโถงใหญ่ถูกประดับด้วยผ้าผืนใหญ่สีแดงกับสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์กริฟฟินดอร์ห้อยลงมา

    จากเพดาน เสียงคุยจ้อกแจ้กจอแจทำให้ปราสาทดูมีชีวิตชีวาผิดกับวันรุ่งขึ้นที่บรรดานักเรียนผู้สร้างสีสันต่างเดินทางกลับบ้าน

    ทำให้ฮอกวอตส์เงียบลงไปถนัดตาราวกับ ณ เวลานี้คือความฝัน


           งานเลี้ยงปิดเทอมเริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อนักเรียนและคณะอาจารย์ทุกคนมานั่งประจำที่ บนโต๊ะอาจารย์รวมทั้งโต๊ะประจำบ้านทั้งสี่

    มีอาหารที่เอลฟ์ประจำบ้านตั้งใจทำสุดฝีมือโผล่ขึ้นมาบนจานชามทองคำแวววาว ทั้งสเต็กชิ้นโต ซี่โครงแกะกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย 

    ไก่ย่างตัวโต ซุปร้อนๆ พายฟักทอง พุดดิ้งและอีกหลากหลายอย่างจนละลานตาไปหมด


           “ก่อนที่เราจะเริ่มงานเลี้ยงรื่นเริงฉันขอฃฃอยากจะประกาศอะไรสักเล็กน้อย และแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่พวกเธอรอคอยกันมาตลอดปี

    ทีเดียว นั่นก็คือการประกาศว่าบ้านไหนจะได้ถ้วยรางวัลบ้านดีเด่นประจำปีการศึกษานี้” ดัมเบิลดอร์ในชุดเสื้อคลุมกำมะหยี่สีน้ำเงิน

    ราวท้องฟ้ายามราตรีกระแอมไอ “ดังนั้นจะขอประกาศจากที่สี่ ได้แก่ฮัฟเฟิลพัฟกับคะแนนสี่ร้อยสามสิบแต้ม ที่สามมีสี่ร้อยสี่สิบหกแต้ม

    ซึ่งได้แก่เรเวนคลอ ที่สองเป็นของสลิธีรินด้วยคะแนนสี่ร้อยหกสิบสอง” แล้วดัมเบิลดอร์ก็เว้นช่วงให้สลิธีรินดีใจ “และที่หนึ่งได้แก่กริฟฟินดอร์

    ที่ชนะไปด้วยคะแนนสี่ร้อยเจ็ดสิบสี่แต้ม”


           มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจและเสียงปรบมือดังที่สุดในหมู่สี่บ้านที่ผ่านมาจากฝั่งกริฟฟินดอร์ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กับรอนลุกออกไป

    รับถ้วยพร้อมกัน เฟร็ดกับจอร์จลุกขึ้นยืนถอดหมวกแหลมสีดำที่สวมอยู่โยนขึ้นไปในอากาศโดยมีคนอื่นๆ ทำตามไม่ว่าจะนักเรียน

    บ้านฮัฟเฟิลพัฟ เรเวนคลอหรือแม้แต่สลิธีรินที่มีเดรโกโยนขึ้นไปสูงที่สุด -- ระหว่างนั้นเนวิลล์ยังคงเดินตามหาหมวกของตัวเองก็พอดีกับที่

    นักเรียนคนอื่นๆ เริ่มลงมือหยิบนู่นตักนี่มากินอย่างเอร็ดอร่อยกันแล้ว


           ทันทีที่อาหารบนโต๊ะหายวับไป(แม้ว่ารอนจะอยากหยิบขนมเค้กกินอีกสักชิ้นแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว) ศาสตราจารย์มักกอนนากัล

    ก็ใช้ช้อนชาเคาะแก้วมีเชิงเบาๆ ทำให้บทสนทนาที่กำลังออกรสของนักเรียนพลันเงียบเสียงลง

        

              ดัมเบิลดอร์ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ก่อนจากกันคืนนี้ ฉันคงต้องบอกก่อนว่ายินดีด้วยกับนักเรียนปีเจ็ด หวังว่าพวกเธอทุกคนจะมี

    ช่วงเวลาที่ดีมีความสุขมากกว่าทุกข์ตลอดเวลาเจ็ดปีที่อยู่ที่นี่และฉันยินดี ถ้าพวกเธอทุกคนจะกลับมาเยี่ยมบ้านหลังที่สองแห่งนี้บ้าง

    เมื่อต้องการ แน่นอนว่าฉันจะไม่ถามว่าพวกเธอทำงานอะไร หากไม่ต้องการให้ฉันถามน่ะนะ” เขาขยิบตาให้นักเรียนปีเจ็ดเพราะเขาย่อม

    เข้าใจดีหากถูกถามคำถามชวนอึดอัดใจและลำบากใจที่จะตอบหากคนใดคนหนึ่งยังไม่มีงานทำ

                

              “นับแต่พรุ่งนี้ไปพวกเราหลายคนจะออกไปใช้ชีวิตที่ไม่ใช่นักเรียนอีกแล้ว -- น่าเสียดายที่ต้องกล่าวคำอำลา แต่ก็ไม่น่าเสียใจ

    จนเกินไปเพราะยังมีเวลาอีกถมถืดให้ได้พบกันอีก ขอให้โชคดี บางทีเราอาจเจอกันที่กระทรวง...ถ้าหากมีใครบางคนที่นั่นอยากให้ฉันไป

    เหมือนอย่างที่ผ่านมาไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้” ดัมเบิลดอร์ยิ้มน้อยๆ “หรือไม่ก็อาจเจอกันที่ตรอกไดแอกอน หรือบางทีอาจเป็น

    สนามแข่งควิดดิชก็ได้ใครจะไปรู้”

                

              ในตอนนั้นเองที่แอนเจลิน่ากลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่ นักเรียนปีเจ็ดหลายคนก็เริ่มมีน้ำตาซึมขึ้นมาเมื่อถึงเวลาต้องลาจาก

    จากฮอกวอตส์ที่ผูกพันมาหลายปี


           ดัมเบิลดอร์ผายมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เปลี่ยนน้ำตาแห่งความเศร้าเป็นความยินดีกันจะดีกว่า จะว่าไปมีหลายคนและหลายหน

    ทีเดียวที่ฉันได้ให้สัญญาไว้ว่าจะเลี้ยงบัตเตอร์เบียร์ แล้วนี่ก็วันสุดท้ายแล้วเพราะฉะนั้นฉันหวังว่าพวกเธอคงไม่ถือสาถ้าหากบัตเตอร์เบียร์

    อย่างดีจะมาช้าไปสักหน่อย” เขาปรบมือหนึ่งครั้งและมีแก้วบัตเตอร์เบียร์โผล่ขึ้นมาตรงหน้าทุกคนแทนจานชามทองคำที่ว่างเปล่า

        

              ทั้งหมดเริ่มยกแก้วบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มกันอย่างครื้นเครงด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขกับเครื่องดื่มที่สามารถเติมได้ไม่อั้นสำหรับ

    งานเลี้ยงอำลา นับเป็นโชคดีของเหล่าพ่อมดแม่มดไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ที่ดื่มบัตเตอร์เบียร์แล้วไม่เมา ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งหมด

    คงได้กลับบ้านกันแบบมึนๆ เป็นแน่ ต่างจากพวกเอลฟ์ประจำบ้านที่ดื่มไปไม่กี่อึกก็จอดกันหมดแล้ว



           ตกกลางคืนเฟร็ดกับจอร์จออกมาวิ่งเล่นทั่วปราสาททิ้งท้ายชีวิตวัยเรียนด้วยชุดเดียวกับที่ใส่ไปงานเลี้ยงปิดเทอมเมื่อหัวค่ำวันนี้ 

    เสื้อคลุมสีดำจึงสะบัดปลิวไปข้างหลังยามที่ทั้งสองวิ่งไปทางนู้นทีทางนี้ที


           กระทั่งมาถึงใกล้ๆ หอคอยเรเวนคลอ จอร์จกำลังจะส่งแอรัลไปชวนลูน่าชวนออกมาเดินเล่นด้วยกัน แต่ดันเห็นพีฟส์อ้าปาก

    ะตะโกนบอกประธานนักเรียนว่ามีคนลุกออกจากเตียง ฝาแฝดผมแดงเลยออกตัววิ่งไปหลบ พอเห็นประธานนักเรียนเดินผ่านไปไกลแล้ว

    จึงแอบย่องออกมาจากห้องเรียนแล้วถอยหลัง ตามองทิศที่ประธานนักเรียนเพิ่งผ่านไปทว่าแผ่นหลังกลับชนเข้ากับใครบางคน 

    จอร์จหันขวับกลับไปมองทั้งตกใจแล้วก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน

                

              “เธอมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้ฮึ นังหนู” จอร์จจับไหล่คนตัวเล็กกว่า “พีฟส์อยู่แถวนี้ด้วย เผลอๆ อาจมีฟิลช์ เดี๋ยวเธอก็โดนจับได้กันพอดี” 

    เขารู้สึกเหมือนภาพตอนกลางคืนของวันก่อนปิดเทอมตลอดสามปีที่ผ่านมาย้อนกลับมาฉายอีกครั้ง ปีแรกลูน่าออกมาตามหา

    ตัวนาร์เกิ้ลคนเดียวแล้วบังเอิญเจอกันพอดี ปีต่อมานัดเจอกันเพื่อเดินเล่นรอบปราสาทแล้วก็บอกทางลับให้กับเธอ ปีที่แล้วก็เช่นกัน 

    -- แล้วปีนี้ล่ะ เขายังไม่ได้ชวนให้ออกมาสักหน่อย ขืนถูกจับได้ล่ะก็ซวยแน่...

                

              “ฉันมาตามหาของที่หายทั้งหมด ก่อนหน้านี้ฉันประมาทไปหน่อย คิดว่าพวกนาร์เกิ้ลจะเอามาคืนก่อนที่ฉันจะจัดของเสร็จ 

    แต่กลายเป็นว่าไม่มีของที่ว่ากลับมาหาฉันสักอย่าง แต่ตอนนี้เหลือสองอย่างก็ครบแล้วล่ะ” ลูน่าบอกอย่างอารมณ์ดีไร้วี่แววกังวลใจ

                

              จอร์จขมวดคิ้ว จะให้จะว่าก็ว่าไม่ลงและไม่รู้จะว่าอะไรด้วยเพราะก่อนหน้านี้ตัวเองก็กำลังจะส่งจดหมายบอกให้ลูน่าออกมา

    จากหอนอนอยู่เชียว “ของอะไรหายไปบ้าง ฉันจะช่วยหา”


           เด็กสาวผมบลอนด์ชูมือนับนิ้วพลางคิดถึงของที่หายไป “ก็มีถุงเท้ากับรองเท้า”


           ระหว่างนั้นจอร์จเพิ่งสังเกตเห็นว่านังหนูของเขาไม่ได้ใส่รองเท้ามา ตอนนั้นเองที่เฟร็ดกระซิบบอกว่าฟิลช์กำลังเดินเงอะงะงุ่มง่าม

    มาทางนี้ จอร์จเลยถอดรองเท้าตัวเองวางไว้ตรงหัวมุมระเบียงทางเดินให้เห็นแค่ส้นรองเท้าสำหรับหลอกล่อเหยื่ออย่างฟิลช์แล้วทั้งสาม

    ก็แอบหนีไปอีกทาง

                

              แต่ก็เป็นอันล้มเหลวเพราะถูกฟิลช์เจอตัวทุกทีไปเหมือนเป็นธรรมเนียมก่อนปิดเทอม เฟร็ดปล่อยริสบี้เขี้ยวคมไปหาคุณนายนอร์ริส 

    เจ้าเหมียวคู่ปรับที่วิ่งนำฟิลช์ให้มาเจอตัวพวกเขาทว่าก็ต้องเผ่นแน่บเพราะไม่คุ้นกับเจ้าของเล่นมีฟันดูน่ากลัวนี้ ฟิลช์รู้สึกเจ็บใจ

    แต่ก็เลือกที่จะตามพวกจอร์จต่อ

                

              คราวนี้ลูน่าเรียนรู้มาจากฝาแฝดวีสลีย์และเห็นตัวอย่างมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทางรอดก็คือ...วิ่ง!


           เฟร็ดวิ่งนำไปก่อนอย่างนึกสนุก จอร์จกำลังจะคว้ามือลูน่าแต่กลายเป็นว่าครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างคว้ามือของกันและกัน 

    นิ้วมือทั้งสิบประสานกันแน่นก่อนออกวิ่งไปตามระเบียงทางเดิน


           จอร์จหยุดฝีเท้ากึกเมื่อได้ยินเสียงเฟร็ดเรียก เขาหันซ้ายแลขวาแต่ก็ไม่เห็นประตูแม้แต่บานเดียว


           “อยู่ตรงนี้ จอร์จจี้” เฟร็ดกระซิบบอกผ่านประตูที่แปลงตัวเองเป็นกำแพงพลางกวักมือเรียก จอร์จดึงมือลูน่าให้เข้าไปด้วยกัน

    แล้วเงี่ยหูฟังข้างนอก -- เกิดเสียงระเบิดปังดังขึ้นตรงระเบียงที่พวกเขาเพิ่งวิ่งผ่านมา


           “นายจุดดอกไม้ไฟรึ จอร์จ”


           “เปล่า” จอร์จส่ายหัว “ไม่ใช่นายหรอกรึ”


           “ฉันก็เปล่า”


           เสียงแหบแห้งของฟิลช์สบถด่าทอพวกนักเรียนที่เล่นพิเรนทร์เสียชุดใหญ่ดังขึ้น เป็นอันสรุปได้ว่ามีนักเรียนคนอื่นที่เป็นคนใช้มัน

    และล่อฟิลช์ไปทางอื่นแล้ว


           “ออกไปกันเถอะ” จอร์จกระชับมือที่จับลูน่าให้แน่นขึ้น ทว่าอีกคนกลับยืนนิ่งจ้องไปยังหลังห้อง


          “ไม่ยักรู้ว่ามีบันไดอยู่ตรงนี้ด้วย” เฟร็ดบอกพลางจุดไฟที่ปลายไม้กายสิทธิ์เดินนำทุกคนไปยังบันไดและไม่รอช้าที่จะพิสูจน์ว่าบันไดนี้

    นำทางไปไหน


           บันไดเวียนยาวขึ้นเรื่อยๆ จนพบประตูไม้เก่าๆ ดูซอมซ่อบานหนึ่งที่ปลายทาง เฟร็ดบิดลูกบิดที่ฝืดเต็มที ผลักบานประตูให้เปิดออก

    พร้อมเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดก่อนพบว่ามีบันไดให้ขึ้นต่อไปอีก


           “บันไดขึ้นหอคอยดูดาว ฉันจำได้” ลูน่าบอกเสียงฝันๆ เธอเดินนำขึ้นบันไดโดยมีจอร์จที่ยังลังเล “ฉันยังไม่ได้ไปหารองเท้าบนนั้นเลย” 

    เธอว่าแล้วก้าวต่อ เปิดประตูออกสู่หอคอยดูดาว


           จอร์จกับเฟร็ดมองตาแล้วพยักหน้าให้กัน แฝดคนน้องตามแฟนสาวขึ้นไปส่วนคนพี่รออยู่ข้างล่าง  


           ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองลูน่าในความมืดกระทั่งสายตาเริ่มชินแล้วถึงเห็นเด็กสาวกำลังเขย่งเท้ายื่นมือหยิบรองเท้าผ้าใบคู่ใจของเธอ 

    จอร์จรีบกวาดตามองหาตัวต้นเหตุรอบหอคอยทันที พนันได้เลยว่ามันต้องไม่ใช่ฝีมือนาร์เกิ้ลอย่างที่ลูน่าเชื่อแต่ก็ไร้วี่แววนักเรียนคนอื่น

    ที่อยู่บนนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงทึกทักเอาเองว่าเป็นฝีมือมัลฟอยซึ่งตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว...


           แต่จอร์จเห็นลูน่าหยิบก้อนอะไรบางอย่างติดมือมาด้วย “อะไรน่ะ”


           “ถุงเท้าของฉันเอง ฉันซื้อตอนที่ไปฮอกส์มี้ดครั้งก่อน ว่าจะเอาให้ด๊อบบี้” ลูน่าบอกเสียงสดใส


           จอร์จพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างงั้นฉันก็มีให้ด๊อบบี้ด้วยเหมือนกัน” เขาหยิบถุงเท้าคู่หนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมให้ลูน่าดูก่อนทั้งคู่

    จะพากันลงจากหอคอยทว่าเฟร็ดกลับวิ่งสวนขึ้นมาแล้วดึงให้จอร์จกับลูน่ากลับขึ้นไปบนหอคอยใหม่


           “อย่าเพิ่งลงไป ประธานนักเรียนกำลังมาทางนี้”

              

           “นายยังจะกลัวทำไมอีก” จอร์จบอก “คะแนนก็ประกาศไปแล้ว ถึงมีจดหมายไปถึงบ้านก็ไม่มีความหมายอะไรเพราะปีหน้า

    เราไม่ได้มาเรียนแล้ว...นอกจากแม่จะบ่นจนหูชาแค่นั้นเอง เออ หรือไม่ก็ไปขัดห้องน้ำชายก่อนปิดเทอม”


           “เออ จริงด้วย”


           “แต่ความจริงก็ไม่ได้อยู่ดีเพราะคนนี้ยังเรียนต่ออีกตั้งสามปี” จอร์จเหล่มองลูน่าที่กำลังหรี่ตามองอะไรบางอย่างแล้วเดินเข้าไปหา

    ด้วยความสนใจก่อนจะพบว่าสิ่งที่เธอมองคือท้องฟ้ายามราตรีที่มีดวงดาวระยิบระยับทั่วท้องฟ้า

                

              จอร์จกำลังจะหันไปขอเวลากับเฟร็ดสักเดี๋ยวแต่ก็พบกับความว่างเปล่าเพราะคนที่มองหาเดินลงบันไดไปแล้ว -- จอร์จเดินไปยืน

    ตรงกำแพงเคียงข้างลูน่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเขาคงไม่มีโอกาสได้มายืนกับลูน่าตรงนี้อีกแล้ว พอคิดแบบบนั้นก็รู้สึกโหวงในท้องปนเหงาขึ้นมา 

    เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะและเป็นอย่างนั้นต่อไปอีกหลายนาที เป็นความเงียบที่ทั้งคู่เข้าใจความรู้สึกนี้ดีแม้ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ


           ก่อนแยกย้ายกันคืนนี้ทั้งคู่แวะไปที่ห้องครัวเพื่อมอบถุงเท้าให้ด๊อบบี้ เอลฟ์ประจำบ้านรับไปด้วยความดีใจและซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ


           “ขอบคุณที่คอยดูแลปากท้องฉันกับเฟร็ดตอนดึกบ่อยๆ เอ้อ ปีนี้ฉันเรียนจบแล้วนะ” จอร์จก้มตัวลงกระซิบกับด๊อบบี้ 

    “ปีหน้าอย่าลืมทำขนมหวานเป็นพุดดิ้งบ่อยๆ ด้วยล่ะ”


              ด๊อบบี้ยิ้มกว้าง “ได้เลยครับ จอร์จ วีสลีย์!


           พอออกมาจากห้องครัวก็ขึ้นบันไดผ่านชั้นสองเลยถือโอกาสนี้แวะไปหาเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญด้วย พวกเขาคุยกับเมอร์เทิล

    ราวสิบนาทีก่อนที่จอร์จจะบอกให้ลูน่ายืนรออยู่ข้างนอกห้องน้ำเพราะเขาลืมของอะไรบางอย่างไว้ข้างในนั้น

                

              พอย้อนกลับเข้ามาก็เห็นเมอร์เทิลนั่งกอดอกอยู่บนขอบอ่างล้างหน้าที่แตกไปครึ่งนึง จ้องมองเขาพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัยราวกับ

    รู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาอีก

                

              “ฉันรู้ ฉันรู้” เธอกระซิบ “จะให้ฉันช่วยดูแลลูน่าใช่ไหมล่ะ ถ้ามีใครแกล้งฉันจะยอมออกจากห้องน้ำไปหลอกให้หัวโกร๋นเลย”


           “ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ฉันกับเฟร็ดเคยจุดดอกไม้ไฟแกล้งเธอ”


           “แฝดเธอก็เพิ่งเข้ามาบอกฉันแบบเดียวกันก่อนหน้านี้ไม่เท่าไรเอง แล้วฉันก็จะตอบแบบเดียวกันว่า -- เราเสมอกันเพราะครั้งนั้น

    ฉันหลอกพวกเธอกลับไปแล้ว”



           จอร์จยืนยันจะไปส่งลูน่าที่หอคอยเรเวนคลอให้ได้ทั้งที่เธอยืนยันว่ากลับเองได้หลายครั้งหลายหน -- สุดท้ายทั้งคู่ก็มายืนอยู่ข้างกัน

    ตรงหน้าประตูเข้าห้องนั่งเล่นรวมในหอคอยเรเวนคลอ


           “ปีหน้าฉันไม่ได้มาส่งเธอตรงนี้แล้ว อย่าคิดถึงฉันจนร้องไห้ขึ้นมาล่ะ” จอร์จพูดติดตลกทำเอาลูน่ายิ้มน้อยๆ


           ไหนๆ ก็เป็นคืนสุดท้ายของการเป็นนักเรียนฮอกวอตส์แล้ว จอร์จเลยอยากลองทำหลายๆ อย่างที่ยังไม่เคยทำ อย่างน้อยก็ลองตอบ

    คำถามกับรูปสลักนกอินทรีตรงหน้าประตูหอคอยเรเวนคลอ คืนนั้นกว่าลูน่าจะได้เข้าห้องนั่งเล่นรวมก็ต้องยืนรอจอร์จตอบคำถาม

    เกือบสิบรอบกว่าจะถูก...แต่แล้วก็เกิดความเงียบขึ้นมาอีกทว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัด


           จอร์จมองลึกเข้าไปในดวงตาสีซีดที่เขาชอบมองมากที่สุดราวกับถูกดึงดูด แล้วการกระทำทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง 

    คนตัวสูงกว่าโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายช้าๆ และสุดท้ายก็เลือกที่จะรวบตัวลูน่าเข้ามากอด ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ 

    ขณะที่ลูน่ายกแขนขึ้นกอดตอบ    


           “ถ้าฉันเกิดช้ากว่านี้อีกสักปีสองปีก็ดีสิ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาคิดเสียดายเพราะยังไงก็ตามเขาได้ดูแลเธอ

    ในฐานะแฟนแบบเต็มปากเต็มคำแค่ปีเดียวเท่านั้นระหว่างใช้ชีวิตในฮอกวอตส์


           เมื่อผละออกจากอ้อมกอดและจูบอย่างแผ่วเบาตรงแก้มลูน่าเขาก็ยอมปล่อยให้เธอเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นรวมโดยมีเขามองส่ง

    จนประตูไม้ปิดสนิท            

              

              ไม่นานนักหลังออกมาจากหอคอยเรเวนคลอ เฟร็ดกับจอร์จกลับมาเจอกันอีกครั้ง จอร์จเดินย้อนกลับไปเอารองเท้าที่วางทิ้งไว้

    ในตอนแรก ก่อนทั้งคู่จะแอบย่องเอาดอกไม้ไฟวีสลีย์ไปให้ที่ห้องทำงานของฟิลช์ แน่นอนว่าครั้งนี้พวกเขาไม่ได้จุดมัน เพียงแค่วางไว้เฉยๆ 

    ถือเป็นของขวัญที่พวกเขากับฟิลช์จะไม่ได้มาวิ่งเล่นกันไปทั่วปราสาทอีกแล้ว


           กลางดึกในคืนเดียวกัน ฟิลช์เดินกลับมายังห้องทำงานหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการไล่ตามเด็กที่ทำผิดกฎ จนตาเหลือบไปเห็น

    ดอกไม้ไฟบนโต๊ะพร้อมกระดาษโน๊ต


    ‘ ขอบคุณที่เป็นเพื่อนเล่นกับเรามาตลอดเจ็ดปีครับ ’

                

              “ไอ้เจ้าพวกวายร้าย” ดวงตาปูดโปนจ้องมองนิ่งๆ เขาพ่นลมฟึดฟัดออกทางจมูกแต่ก็หยิบมันมาเก็บไว้ในลิ้นชัก คุณนายนอร์ริส

    กระโดดมานอนบนตัก มือเหี่ยวย่นของฟิลช์ลูบขนนิ่มๆ แผ่วเบาจนคุณนายนอร์ริสส่งเสียงครางครืดคราดในลำคอก่อนมีรอยยิ้มบางๆ 

    ผุดขึ้นบนใบหน้าเจ้าของ ถึงเขาจะดีใจที่ฝาแฝดจอมแสบเรียนจบออกไปได้เสียทีแต่พอมาคิดดูแล้วคงจะเหงาลงไปเยอะน่าดู

    -- บางทีดีไม่ดีหากปีหน้าฮอกวอตส์เงียบสงบเกินไปฟิลช์อาจหยิบดอกไม้ไฟมาจุดเล่นก็ได้ใครจะไปรู้...



           เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากลูน่ากินปลาคิปเปอร์ ขนมปังกับเนย พุดดิ้งและตบท้ายด้วยนมอุ่นๆ ส่วนจอร์จกับฝาแฝดของเขา

    กินแทบทุกอย่างบนโต๊ะกันเสร็จแล้ว นักเรียนทั้งหมดก็มายืนรอรถม้าที่จะพาไปยังชานชาลาที่สถานีฮอกส์มี้ดพร้อมกับหีบสัมภาระ


           นี่ไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติแต่นักเรียนปีเจ็ดแทบทุกคนต่างหันหลังกลับมามองปราสาทด้วยแววตาที่เอ้อล้นไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ

    และคิดถึงตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวออกไปไหน


           ลีเงยหน้าไล่มองปราสาทตั้งแต่ประตูไปจนถึงหลังคา “น่าใจหายเหมือนกันนะ”


           “เราจะมาเมื่อไรก็ได้น่า” เฟร็ดพยายามพูดปลอบใจเพื่อนสนิททั้งที่ตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน “จริงไหม จอร์จจี้”


           “ใช่ ฮอกวอตส์ไม่หนีเราไปไหนหรอก” จอร์จพยายามมองดูโรงเรียนที่รักมากที่สุดให้นานเท่าที่ยังพอมีเวลา ระหว่างนั้นเองที่แพนซี่

    เดินผ่านกลุ่มพวกเขา จอร์จแอบชำเลืองมองผมของเธอ -- ผมสีดำขลับของเด็กสาวบ้านงูเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวไล่จากโคนผม

    และกำลังลามไปทั่วหัวโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว


           เฟร็ดเข้ามากอดคอจอร์จ มองแพนซี่ไปด้วย “พนันได้เลยนั่นฝีมือนาย”


           “ถือว่าหายกันกับที่เอาของของนังหนูไปซ่อน”


           รถไฟสายด่วนฮอกวอตส์เริ่มเคลื่อนขบวนตามตารางเวลาเป๊ะ -- เฟร็ด จอร์จ ลูน่า จินนี่ รอนและแฮร์รี่นั่งในตู้โดยสารเดียวกัน

    ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขอปลีกตัวไปนั่งอีกที่เพราะเธอตรวจคำตอบที่สอบไปแล้วยังไม่เสร็จและต้องการสมาธิอย่างมาก  


           ทั้งหกเล่นไพ่สแนประเบิดปังไปห้ารอบก่อนเริ่มผล็อยหลับไปทีละคนจนเหลือแค่เฟร็ด จอร์จและลูน่าที่ยังคุยกันอยู่ 


           “ฉันมีอะไรจะสารภาพล่ะ” จอร์จตัดสินใจพูดกับลูน่าที่นั่งข้างกันถึงเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจเขามานาน “ก่อนที่เราจะคบกัน 

    ...มันก็นานมาแล้วแหละ ฉันเคยหอมแก้มเธอด้วยโดยที่เธอไม่รู้ตัว” ลูน่าได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งไปจอร์จเลยต้องรีบอธิบายต่อ “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ 

    สาบานได้ มันเป็นอุบัติเหตุ -- วันที่เธอไปที่บ้านโพรงกระต่ายครั้งแรกน่ะ ไม่นับรวมตอนที่เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ นะ 

    วันนั้นที่เธอโดนโนมกัดไง จำได้ไหม พอน้ำลายโนมหมดฤทธิ์เธอคงจะเหนื่อย ตอนที่ขึ้นรถเธอเลยหลับ แล้วก็นะ เฟร็ดจงใจขับรถส่ายไป

    ส่ายมาแล้วมันก็เลยเกิดอุบัติเหตุ อย่างที่เธอเพิ่งรู้...ฉันหอมแก้มเธอ -- ถ้าเธอจะโกรธนะ นังหนู เธอโกรธเฟร็ดได้เลย”


              “นั่นไม่ใช่ความผิดฉันนะ” เฟร็ดที่นั่งฝั่งตรงข้ามแย้ง “ถ้าตอนนั้นนายไม่ยื่นหน้าไปเข้าใกล้แม่หนูลูน่าก่อนก็คงไม่หอมแก้มได้หรอก”


           “แต่ตอนนั้นฉันคิดได้แล้วว่าฉันควรถอยห่างออกมา ฉันถอยมาแล้วด้วย แต่นายก็แกล้งฉัน” จอร์จเถียงกลับด้วยเสียงที่ดังขึ้น

    ก่อนถูกจินนี่ส่งสายตาดุใส่แล้วบอกให้ลดเสียงลงหน่อย


           “งั้นฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ลูน่าถามเบาๆ “ฉันอยากรู้ว่าวันนั้นฉันทำอะไรไปบ้าง หลังจากที่โดนโนมกัดน่ะ”


           จอร์จนั่งนิ่งมีแต่ลูกตาที่กลอกไปมาอยู่ไม่สุขพร้อมหน้าที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อ เฟร็ดเลยยืดตัวตรงกระแอมให้คอโล่งแล้วรับหน้าที่ตอบแทน


           “เธอกลายเป็นแฟนคลับจอร์จเต็มตัวเลยล่ะ ออกตัวชมจอร์จอย่างกับตอนที่แม่พวกฉันชมล็อกฮาร์ตยังไงยังงั้น 

    เธอบอกว่าอยากแต่งงานกับจอร์จด้วย”


           “จริงหรือ” ลูน่าถาม แก้มทั้งสองข้างเริ่มเป็นสีชมพูไม่ต่างจากจอร์จ มือกำเดอะควิบเบลอร์ฉบับใหม่แน่น


           “อื้อ จอร์จยิ้มหน้าบานเชียวล่ะตอนที่ได้ยินเธอบอกว่าอยากให้เจ้าบ่าวเป็นเขาแล้วก็อยากแต่งงานด้วย เรื่องนี้นายคงไม่เถียงฉัน

    ใช่ไหม จอร์จจี้”


           “อือ ไม่เถียง” จอร์จยอมรับอย่างง่ายดายพลางหันไปสบตาลูน่าตรงๆ “แต่ถ้าเป็นตอนนี้คงสลับกันแล้วเป็นฉันเองมากกว่า

    ที่อยากบอกเธอแบบนั้น”


              เฟร็ดอ้าปากค้าง นี่น้องชายฝาแฝดกล้ามาสวีทกับแฟนต่อหน้าพี่ชายฝาแฝดอย่างเขาที่ยังโสดได้ยังไงกัน!


              “ฉันไม่น่ามาอยู่ตรงนี้เลย...ฉันไม่น่ามาอยู่ตรงนี้เลย”


           ระหว่างการเดินทางอันแสนยาวนานจอร์จกับลูน่านั่งกุมมือกันตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนที่ต่างคนต่างผล็อยหลับกันไป -- 

    จอร์จตื่นขึ้นก่อนลูน่า เขามองออกไปนอกหน้าต่างที่แสงแดดเริ่มอ่อนลงเพราะดวงตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าแล้วและนั่นคือสัญญาณ

    ที่บอกว่าใกล้ถึงที่หมาย รถไฟเริ่มชะลอความเร็วลงจนจอดเทียบชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ ตลอดทางมีเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้สึกชัดเจน

    ขึ้นเรื่อยๆ คือ ...ใจหาย


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×