ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #72 : 72 ll Anonymous

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 863
      93
      31 ส.ค. 63


    72


    Anonymous



     

              ฮอกวอตส์ในเวลานี้นั้นช่างเงียบสงบและเป็นปกติสุขดี เว้นเสียแต่ว่าวันดีคืนดีจะมีเสียงระเบิดของดอกไม้ไฟวีสลีย์บ้างเป็นครั้งคราว

    ให้ชีวิตมีสีสันบ้าง ส่วนการประชุมลับและการจับกลุ่มเรียนพิเศษของกองทัพดัมเบิลดอร์นั้นเป็นอันยุติลงนับตั้งแต่ดัมเบิลดอร์

    กลับมาดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ดังเดิมแถมพ่วงด้วยตำแหน่งอาจารย์สอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด

                

              แม้ความกังวลจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องผลสอบของพวกเด็กๆ ในเทอมนี้ที่มีตำแหน่งของดัมเบิลดอร์

    เป็นเดิมพันโดยมีฟัดจ์ผู้ที่จ้องจะเล่นงานหากผลการเรียนขาดตกบกพร่อง แต่หลายสัปดาห์ต่อมาเธอก็เริ่มเบาใจลงได้เพราะนักเรียนนั้น

    ตั้งใจเรียนทั้งยังขยันแบบผิดหูผิดตาทำการบ้านให้เสร็จก่อนกำหนดด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพราะพวกเขาส่วนใหญ่คิดว่าการที่ได้

    ดัมเบิลดอร์กลับมา ขณะที่อัมบริดจ์ลาลับไปแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ควรรักษาเอาไว้มากที่สุด

                

              สายลมอุ่นพัดเข้ามาเมื่อถึงเดือนเมษายนและแน่นอนว่านอกจากเดือนนี้จะมีวันเกิดของฝาแฝดวีสลีย์ที่ฉลองด้วยการจุดดอกไม้ไฟ

    ชุดใหญ่ไปแล้ว ช่วงกลางเดือนยังเป็นเทศกาลอีสเตอร์ที่หมายความว่าพวกเขาจะได้มีวันหยุดพักผ่อนหลายวัน


           วันหยุดรอบนี้ไม่ได้มีแค่เฮอร์ไมโอนี่ที่ทำการบ้านเสร็จหมดทุกวิชาอีกต่อไป ฝาแฝดวีสลีย์ก็เช่นกัน พวกเขาเร่งทำการบ้านที่คั่งค้าง

    ไม่ปล่อยให้ไฟลนก้นเหมือนอย่างเคยอีกแล้วซึ่งนับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ทั้งคู่ทำการบ้านทั้งหมดเสร็จก่อนวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ 

    นั่นจึงเป็นอีกอย่างที่ฝาแฝดใช้อวดรอนได้


           “ไม่อยากเชื่อเลยว่าการบ้านนายยังไม่เสร็จ” เฟร็ดบอกพลางชะโงกหน้าข้ามไหล่รอนมาดูการบ้านที่ยังเสร็จไม่ถึงครึ่ง


           จอร์จชะโงกข้ามไหล่รอนอีกข้าง “แอนเจลิน่าอุตส่าห์ใจดีงดซ้อมช่วงวันหยุดแล้วแท้ๆ”


              “เดี๋ยวการบ้านฉันก็เสร็จแล้วน่า พวกนายอย่าเพิ่งมายุ่งกับฉันได้ไหม!” รอนเหวใส่พี่ชายจอมก่อกวนพี่คอยทำเสียงหึ่งๆ 

    เหมือนแมลงหวี่น่ารำคาญอยู่ใกล้ๆ


           ฝาแฝดผมแดงยกมือยอมแพ้(แต่หน้าไม่สำนึก) ทั้งคู่ให้กำลังใจรอนกับแฮร์รี่ก่อนแยกตัวไปแกะไข่อีสเตอร์ที่แม่ส่งตรง

    จากบ้านโพรงกระต่ายมาให้ตั้งแต่เช้ามืดและพบว่ามีจำนวนไข่อีสเตอร์เกินสมาชิกวีสลีย์ทั้งสี่มาหนึ่งใบแถมขนาดยังเทียบเท่าไข่มังกร


    ‘ ฝากให้หนูลูน่าด้วย ’

       

              เหตุนั้นเองทำให้ทั้งช่วงเช้าจนถึงบ่ายในวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์จอร์จต้องเดินไปทั่วปราสาทพร้อมกับไข่อีสเตอร์ใบใหญ่

    ที่ทำให้เขาดูเหมือนแม่มังกรหวงไข่เข้าไปทุกทีเพราะเมื่อใครก็ตามผ่านมาเห็นก็ดูสนใจกันทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่เฟร็ดที่เห็นเป็นคนแรก 

    เขายื่นมือไปหาไข่ใบนั้นอัตโนมัติหมายจะคว้ามาดู

                

              “อย่ามาแตะนะ!” ไม่ว่าเปล่า จอร์จยังทำท่าเหมือนแมวขู่ฟ่อหนำซ้ำยังตีมือเฟร็ดไปอีกหนึ่งที

                

              เฟร็ดยกสองมือยอมแพ้แต่หน้ายังมีรอยยิ้มทะเล้น “จะเอาไปให้นังหนูของนายล่ะสิท่า คงต้องตามหาตัวยากหน่อยล่ะ จินนี่บอกว่า

    เห็นแม่หนูลูน่าออกตามล่าหานาร์เกิ้ลอย่างจริงจังตั้งแต่กินมื้อเช้าเสร็จ”

        

              “เรื่องตามหาแค่นี้ไม่ยากเกินความสามารถแฟนอย่างฉันหรอกน่า”

                

              “น่าหมั่นไส้ชะมัด” เฟร็ดล็อคคอแฝดคนน้องแกล้งเอามือยีผมเล่นด้วยความหมั่นไส้แต่จอร์จก็ยังกอดไข่อีสเตอร์เอาไว้แน่น


           ...หลังจากเดินตามหาไปทั่วทั้งปราสาทจนไปถึงหอคอยดูดาวที่ลืมคิดไปว่าเวลาฟ้าใสขนาดนี้จะมีใครที่ไหนมานอนเล่น

    หรือตามหานาร์เกิ้ลกัน           


              กระทั่งคนผมแดงมาหยุดเดินตรงระเบียงทางเดินของหอคอยทิศเหนือเพราะเห็นเด็กสาวผมบลอนด์ที่ตามหากำลังก้มตัวจ้องเขม็ง

    ไปยังมุมกำแพงว่างเปล่าพร้อมกับมีสมุดวาดภาพอยู่ในมือ จอร์จไพล่มือซ่อนไข่ไว้ข้างหลัง แอบย่องเข้าไปใกล้ๆ ก่อนเอาคางวางเกยไหล่

    อีกฝ่าย ทว่าลูน่าไม่มีท่าทีตกใจสักนิดแถมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับถูกสาปให้แข็งเป็นหิน

                

              จอร์จเอียงคอมองลูน่าจากด้านข้าง แม้ผิวเธอจะซีดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่ยังคงดูมีชีวิตชีวาที่สุดในสายตาเขาอยู่ดี เธอไม่ได้ถูกสาป 

    เธอแค่กำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่...      


           จอร์จขยับมายืนข้างๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบาราวเสียงกระซิบ “หานาร์เกิ้ลอยู่หรือ”

                

              “ฮื่อ มีของบางอย่างของฉันหายไปอย่างลึกลับอีกแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมันก็กลับมาหาเจ้าของของมันเอง หวังว่านะ”


           “แล้วมีเบาะแสอะไรมั่งรึเปล่า”

               

              ลูน่ายืนนิ่งต่อไปราวสามนาทีก่อนยืดตัวตรงแล้วส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจด้วยความเสียดาย


           “นอกจากความเงียบที่ได้ก็ไม่มีอะไรเลย ...ไม่มีเลย ฉันอุตส่าห์ยืนเงียบๆ หวังให้พวกมันแสดงตัวออกมาแต่ก็เปล่าประโยชน์

    ...อันที่จริงก็ไม่เปล่าประโยชน์หรอก ฉันเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ว่าตัวเองสวมเครื่องรางป้องกันนาร์เกิ้ลอยู่ แล้วก็มาคิดได้อีกทีว่าสร้อยมันอยู่ข้างใน

    เสื้อคลุม เจ้าพวกนั้นคงไม่มีทางเห็นได้ ไม่รู้ทำไม...เจ้าพวกนี้ซ่อนเก่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลย”


           “ช่าย” จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย “เธอเองก็หาเก่งเหมือนกัน หามาตลอดสี่ปีจนทุกวันนี้ก็ยังหาอยู่”


           “พ่อเคยบอกว่าพ่อเชื่อว่าที่นี่ต้องมีนาร์เกิ้ลอยู่แน่ๆ แล้วเขาก็เกือบเจอแล้วด้วยตอนเรียนอยู่ปีห้า แต่ติดตรงที่ตอนนั้นต้องรีบไป

    เข้าเรียนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ -- ฉันเองก็เชื่อว่าที่ฮอกวอตส์ต้องมีอย่างน้อยสักหนึ่งตัว”

                

              “หวังน้อยดีจัง”

                

              “เพราะถ้าเจอมากกว่าหนึ่งก็จะยิ่งดีใจเป็นพิเศษยังไงล่ะ” ลูน่าพูดน้ำเสียงฝันๆ นัยน์ตาเป็นประกายราวกับไฟแห่งความหวัง

    ได้ถูกจุดขึ้นมาใหม่แล้ว แต่อยู่ดีๆ เธอก็ยกนิ้วชี้จ่อปาก “ชู่ว” แล้วเอื้อมมือจับอะไรบางอย่างบนผมจอร์จก่อนจบลงด้วยสีหน้าผิดหวัง


           “อะไรเหรอ”


           “ฉันนึกว่านาร์เกิ้ลมาแอบอยู่ซะอีก แต่ไม่ใช่หรอกก็แค่ขนนกน่ะ”


           “อ๋อ ก่อนมาหาเธอฉันแวะไปที่โรงเลี้ยงนกฮูกมาแน่ะ เอาถั่วไปให้แอรัล คงติดมาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ จะว่าไปเกือบทุกครั้ง

    ฉันแบ่งถั่วให้ฟลัฟฟี่ของเธอด้วยนะ มันกินใหญ่เลย เดี๋ยวนี้แค่เห็นหน้าฉันก็บินลงมาหาทำท่าดุ๊กดิ๊กขอกินแล้ว” จอร์จทำท่าวิ่งเลียนแบบ

    ฟลัฟฟี่ตอนมาขออาหาร


           ทำเอาลูน่าหลุดขำพรืดก่อนหัวเราะเสียงดัง “มิน่าล่ะ พักหลังๆ มานี้ตัวมันกลมป๊อกเชียว โชคดีที่ยังบินได้อยู่”


           จอร์จเองก็อดอมยิ้มไม่ได้ตอนเห็นลูน่าทำมือให้ดูว่านกฮูกของเธอกลมแค่ไหน “คราวหลังฉันจะให้น้อยลงก็แล้วกันนะ”


           “ถ้าเป็นความสุขของมันก็ไม่เป็นไรหรอก...คิดว่านะ ว่าแต่คุณตามหาฉันทำไมหรือ”


           “ก็แค่คิดถึง” จอร์จตอบหน้าตาเฉย ลูน่ากะพริบตามองปริบๆ จนสุดท้ายเขาต้องเอาไข่อีสเตอร์ที่ซ่อนไว้ข้างหลังยื่นให้เธอ 

    “แม่ฉันฝากไข่อีสเตอร์มาให้เธอด้วย”


           “ขอบคุณนะ” ลูน่ายิ้มแป้นขณะรับไป “เอ้อ พ่อของฉันก็มีมาให้คุณด้วยเหมือนกัน”


           ช่วงจังหวะนั้นเองที่หัวใจจอร์จเต้นอย่างลิงโลด ...นี่พ่อนังหนูยอมรับเขาแล้วจริงๆ ใช่ไหม “จริงหรือ”


           “อื้อ พ่อเขียนแนบมาในจดหมายว่ามีของคุณด้วย” ลูน่าว่าพลางส่งสมุดวาดรูปให้จอร์จช่วยถือเป็นอันดับแรกพร้อมกับไข่อีสเตอร์

    ที่เพิ่งรับไป

         

           จอร์จยังยิ้มด้วยความดีใจไม่หุบแต่พอมองดูของในมือก็เกิดความสงสัย “ทำไมต้องถือสมุดวาดรูปเอาไว้ตลอดด้วยล่ะ”

                

              “เผื่อโชคดีเจอนาร์เกิ้ลฉันจะได้วาดรูปเก็บเอาไว้แล้วก็เอาไปให้พ่อดูด้วย”


           “ทำไมไม่ถ่ายรูปเอาล่ะ คอลินมีกล้องไม่ใช่เหรอ เจ้าหนูนั่นต้องยินดีช่วยถ่ายให้เธอแน่”

               

              “ถ้าอย่างงั้นคอลินก็ต้องคอยตามมาด้วยน่ะสิ”

                

           ...งั้นก็ไม่ดีแล้ว “อันที่จริงฉันว่าวาดรูปเอาดีกว่า ฉันเคยเห็นรูปที่เธอวาดที่บ้านแล้ว มันต้องดูดีกว่าถ่ายเอาเยอะแน่เลย”

               

              ลูน่ายิ้มอย่างใสซื่อเพราะเชื่อตามที่จอร์จพูดจริงๆ “ฉันก็ว่าอย่างงั้น”


           เด็กสาวก้มลงตั้งใจควานหาไข่อีสเตอร์ของจอร์จในกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ แต่สัมภาระในนี้ช่างมีเยอะเหลือเกิน

    จนเธอต้องหยิบออกมาให้จอร์จช่วยถือ -- แว่นตาแยกสี ส้มหนึ่งลูก กระปุกหมึก ก้อนหินเล็กๆ สองก้อน จุกขวดบัตเตอร์เบียร์ 

    ใบไม้แห้งจากป่าต้องห้าม จดหมายหนึ่งฉบับ ดอกไม้ไฟวีสลีย์ที่จอร์จให้เธอเนื่องในโอกาสอยากให้กับลูกแก้วที่จอร์จก็เคยให้อีกเช่นกัน


           ทั้งหมดที่ไม่เข้าพวกกันนี้ถูกส่งไปยังมือแฟนหนุ่มจนคนมองสงสัยว่าไข่อีสเตอร์ที่กำลังจะมาถึงมือเขานั้นจะมีขนาดเล็กแค่ไหน

    กันเชียว เขาไม่ได้อยากเสียมารยาทนักแต่ตอนนี้ตามันเหลือบไปอ่านชื่อผู้ส่งจดหมายที่ส่งตรงมาจากฝรั่งเศส -- โดมินิค โนแอล

               

              “ยังติดต่อกับโดมินิคอยู่อีกหรือ” จอร์จถามอย่างนึกฉุนนิดๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อๆ ของโดมินิคที่เมื่อปีก่อนสาวๆ กริฟฟินดอร์

    ต่างก็พร่ำเพ้อให้ได้ยินถึงความหล่อของหนุ่มจากโบซ์บาตงคนนั้นจนหูเขาแทบชา

                

              ลูน่าหยุดมือที่กำลังหาของหันมองในมือจอร์จ “อ้อ ใช่แล้ว จะเปิดอ่านก็ได้นะ โดมินิคเขียนถามถึงคุณด้วย”

                

              ได้ยินลูน่าอนุญาตอย่างนั้นมีหรือที่จอร์จจะปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รอช้านั่งลงเอาของทั้งหลายวางบนตัก เปิดจดหมายอ่านทันที 

    -- เท่าที่อ่านจากเนื้อความข้างในมันบ่งบอกว่าฝ่ายที่อยู่ฝรั่งเศสรู้แล้วว่าลูน่ากับเขาคบกันแล้วและเนื้อหาข้างในที่ถามถึงตัวเอง

    ก็เป็นการถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไปที่มีอยู่บรรทัดเดียว ส่วนทั้งหน้าที่เหลือเขียนถึงลูน่าแต่ก็เป็นเหมือนการเล่าให้เพื่อนคนหนึ่งฟังเท่านั้น

    ว่าที่ผ่านมาได้ประสบพบเจอกับอะไรบ้าง ไม่ได้มีท่าทีจีบแต่อย่างใด ...สบายใจละ

                

              “เจอแล้ว” ลูน่าร้องด้วยความดีใจเพราะคิดว่าจะต้องใช้เวลาทั้งเช้านี้หามันซะแล้ว


           จอร์จเงยหน้าจากจดหมายมองดูไข่อีสเตอร์เจ้าปัญหาในมือนังหนู คำตอบของคำถามที่ว่ามันจะเล็กขนาดไหนกันเชียว 

    สรุปว่าไข่อีสเตอร์ที่เซโนฟิเลียสส่งมาให้เขานั้นมีขนาดเท่ากับไข่ไก่... ลูน่าเปิดกระเป๋าให้จอร์จใส่ของในมือทั้งหมดกลับลงไปที่เดิม

    ก่อนคนผมแดงจะรับของขวัญมาถืออย่างหวงแหนเพราะถึงจะเล็กแต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว


                

              จอร์จกับลูน่าแยกย้ายกันกลับหอคอยของตัวเองเมื่อตะวันตกดิน  


           เฟร็ดที่รออยู่ในห้องนั่งเล่นรวมหรี่ตาเพ่งมองของในมือน้องชายฝาแฝดก่อนหลุดขำพรืด 


           “นั่นใครให้นายมาน่ะ ดูพิลึกดีแถมขนาดยังน่ารักน่าเอ็นดูเชียว” เขาพยักเพยิดให้ลีดูด้วย


           “นายก็ลองเดาดูสิ” จอร์จเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมนุ่มๆ ข้างเฟร็ด เขาไม่ตอบแต่ถามกลับ


           “คุณเลิฟกู๊ดรึ”


           “ถูกเผง คนที่เอ็นดูฉันขนาดนี้ก็มีแค่คุณเลิฟกู๊ดเท่านั้นแหละ นังหนูบอกว่าเขาฝากมาให้ฉัน” ดวงตาสีน้ำตาลเขม่นมองอย่างพินิจ

    พิจารณา “นายว่าฉันควรเปิดมันดีไหม”


           “ทำไมล่ะ” จินนี่ถามมาจากข้างหลังแล้วเข้ามานั่งร่วมวงด้วย ช่วงนี้เธอสนิทกับพี่ชายมากขึ้นเพราะพวกเขาไม่ค่อยแกล้งแหย่เธอ

    เหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว บ่อยครั้งเวลากลับหอคอยกริฟฟินดอร์จากที่ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนตัวเองก็มานั่งอยู่กับพวกพี่ชาย 

    บางทีก็อยู่ดูเขาสาธิตของเล่นวิเศษที่พวกเขาประดิษฐ์ด้วย

                

              “ไม่รู้สิ ถึงคุณเลิฟกู๊ดจะเคยให้ลูกบอลคริสต์มาสรูปพระจันทร์ก็จริง แต่เธอไม่คิดว่าเขาใจดีกับฉันเกินไปหรอกหรือ เขาหวงลูกสาว

    อย่างกับอะไรดีถึงหลังๆ มานี้จะลดลงแล้วก็เหอะ บางทีอาจมีคำสาปอะไรอยู่ในนี้ก็ได้ แบบที่พอเปิดดูแล้วฉันเกิดม่องเหลือแต่เถ้าขึ้นมา

    เขาก็จะได้ลูกสาวคืน”

         

           “เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว” เฟร็ดยื่นมือมาคว้าไข่อีสเตอร์ไปแกะให้ “ก็แค่ช็อกโกแลต นายคิดมากเกินไปแล้วจอร์จจี้” 

    เขาส่ายหัวให้กับความขี้กังวลของจอร์จก่อนส่งมันกลับคืนให้เจ้าของหลังหยิบช็อกโกแลตเข้าปากไปแล้วหนึ่งชิ้น


           “พี่ควรกินนะ” จินนี่บอก “ไม่งั้นคุณเลิฟกู๊ดคงเสียใจแย่ ดีไม่ดีเขาอาจไม่ชอบหน้าพี่เลยก็ได้ถ้าเขารู้ว่าพี่ไม่ไว้ใจเขา”


           จอร์จหยิบช็อกโกแลตชิ้นเล็กใส่ปากอย่างไม่ลังเลเพราะเห็นเฟร็ดกินเข้าไปแล้วก็ยังมีชีวิตปกติดี กระทั่งรู้ซึ้งถึงการกระทำ

    ของพี่ชายแล้ว จอร์จอมช็อกโกแลตเอาไว้แล้วแบ่งให้ลีลองกินดูบ้างพลางยกนิ้วโป้งให้ ลียอมรับไปแบบงงๆ ก่อนที่ไม่ถึงสามวิ

    ช็อกโกแลตก้อนที่อยู่ในปากจอร์จนั้นก็กลับลงมาอยู่บนมือดังเดิม


           เขากับเฟร็ดกระซิบบอกจินนี่พร้อมกัน “ช็อกโกแลตผสมน้ำประสานของรากเกิร์ดดี้”

               

              ลีที่กำลังจะหยิบบ้างชะงักไว้ทันก่อนบรรจงวางกลับไปที่มือจอร์จประหนึ่งเป็นลูกระเบิด “คิดว่าฉันไม่ได้ยินรึไง เจ้าพวกพี่น้องเจ้าเล่ห์”

                

              ขณะที่ฝาแฝดฝั่งหอคอยกริฟฟินดอร์กำลังวิ่งหาน้ำมาล้างปากกันอยู่นั้น ทางฝั่งหอคอยเรเวนคลอลูน่าก็กำลังกินขนม

    ที่คุณนายวีสลีย์ให้มาอย่างมีความสุข


           “คุณเลิฟกู๊ดให้อะไรจอร์จเหรอ” มาเรียถาม


           “พ่อบอกว่าเป็นช็อกโกแลตน่ะ พ่อเสริมด้วยว่ามันอร่อยจนน้ำตาไหลเชียวล่ะ”


           ลูน่าหยิบเยลลี่เข้าปากอีกชิ้นอย่างสบายอารมณ์โดยไม่รู้ว่าจอร์จกำลังน้ำตาไหลอยู่จริงๆ -- เซโนฟิเลียสจะต้องภูมิใจมากแน่นอน

    ที่ได้รู้ว่าของขวัญที่ให้แฟนลูกสาวตัวเองนั้นทำให้คนรับซาบซึ้งจนน้ำตาไหลได้ถึงขนาดนี้ แต่อย่างน้อยคนผมแดงก็ยังนึกขอบคุณอยู่ลึกๆ 

    ว่าพ่อนังหนูยังอุตส่าห์มีเมตตาให้มาแค่ขนาดไข่ไก่ไม่ใช่ไข่มังกร...


         

              ทันทีที่ช่วงเวลาแห่งความสุขในเทศกาลอีสเตอร์หมดลง แอนเจลิน่าก็เรียกซ้อมควิดดิชสำหรับนัดชิงในเดือนหน้าโดยไม่ปล่อยให้

    สมาชิกในทีมได้อิดออดเพราะถือว่าเธอปล่อยให้เล่นไปเรื่อยเปื่อยช่วงวันหยุดมามากพอแล้ว

                

              ถ้วยควิดดิชประจำปีคือความฝันสูงสุดของคนเป็นกัปตันทีม ทำให้สมาชิกในทีมทุกคนถูกเรียกตัวมาซ้อมตั้งแต่บ่ายโมง

    แม้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ควรจะได้เที่ยวเตร่ในหมู่บ้านฮอกส์มี้ดจนถึงเย็นก็ตาม โดยเฉพาะรอนที่ต้องเร่งฝึกหนักกว่าเดิมอีกนิด


           “โชคดีจริงๆ ที่วันนี้สนามว่าง” แอนเจลิน่าพูดขณะเดินนำทีมกลับฮอกวอตส์


           “เพราะกัปตันทีมเรเวนคลอเขาปล่อยให้คนในทีมไปเที่ยวกันน่ะสิ” จอร์จหน้ามุ่ยเพราะเขากำลังจะได้ไปเดินเล่นรับลมสบายๆ 

    ในหมู่บ้านกับนังหนูอยู่แล้วเชียว ดันถูกแฮร์รี่กับรอนมาตามจนเจอตัวซะได้


           “เพราะพวกนั้นซ้อมตอนวันหยุดอีสเตอร์กันแล้วต่างหาก” กัปตันสาวแก้ให้ใหม่


           “แต่ดูเหมือนว่าฝนจะตกแล้วนะ” เฟร็ดบอกอย่างมีความหวัง


           “ตกก็ดีสิ พวกนายจะได้ไม่บ่นร้อนกันยังไงล่ะ”


           “แล้วถ้าเกิดหิมะตกล่ะ” จอร์จพูดบ้าง


           “ปลายเดือนเมษาอย่างนี้หิมะไม่ตกหรอกน่า เลิกหาเรื่องเลิกซ้อมได้แล้ว รีบไปเปลี่ยนชุดซะ เฟร็ดจอร์จพวกนายยกหีบใส่ลูกบอล

    มาด้วยนะ แล้วเจอกันที่กลางสนาม”


           นับวันแอนเจลิน่าก็ยิ่งโหดมากขึ้นเสียยิ่งกว่าโอลิเวอร์ที่เรียกซ้อมแม้กระทั่งวันที่มีพายุเข้า วันหยุดเสาร์อาทิตย์ตั้งแต่นั้นมา

    พวกเขาซ้อมกันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนตกดิน จนในที่สุดก็ถึงวันแข่งในเดือนพฤษภาคม


           “กินให้ท้องอิ่มซะทุกคน หลังจากนี้ถ้าไปที่ห้องเปลี่ยนชุดแล้วฉันจะไม่ปล่อยให้พวกเธอออกมาหาอะไรกินกันอีกแล้วนะ” 

    แอนเจลิน่าบอกกับลูกทีมรวมทั้งตัวเธอเองด้วย ยิ่งแข่งนัดนี้สำคัญกับเธอมากเท่าไร ความอยากอาหารก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น

    แต่เธอจะไม่ยอมไปหมดแรงกลางสนามเด็ดขาด


           หลังมื้อเช้าอันเร่งด่วนของนักกีฬาจบลงทั้งทีมก็พากันลุกออกจากโต๊ะในห้องโถงใหญ่ จอร์จกวาดตามองหาลูน่าเป็นรอบที่เท่าไรแล้ว

    ก็ไม่รู้ในวันนี้แต่ก็ยังไร้วี่แววของเธอ เขาคิดจะเดินไปถามมาเรียแต่ก็ถูกเฟร็ดสะกิดซะก่อน


           “มาโน่นแล้ว จอร์จจี้”

         

              จอร์จยิ้มแป้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นคนที่ตามหา เด็กสาวผมบลอนด์กำลังเดินลงจากบันไดมาที่ห้องโถงกลางพร้อมด้วย

    หมวกหัวสิงโตกับ...นกอินทรีอันเป็นสัญลักษณ์ของเรเวนคลอเกาะอยู่บนหมวกอีกที คนที่พบเห็นคราวนี้ไม่มีใครกล้าหัวเราะเธออีกแล้ว

    เพราะไม่รู้ว่าหนนี้นกอินทรีมันจะบินมาจิกหรือเปล่าหากหัวเราะขึ้นมา


           “อรุณสวัสดิ์” ลูน่าเอ่ยทักเสียงสดใส

            

           “อุปกรณ์การเชียร์ของเธอนี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ” เฟร็ดบอกพลางเดินดูใกล้ๆ รอบตัวอย่างสนอกสนใจแล้วคิดในใจ

    ว่าตัวนกอินทรีนี่ช่างเหมือนจริงอะไรอย่างนี้

               

           “อรุณสวัสดิ์ นังหนู -- วันนี้อินทรีทำอะไรได้บ้างล่ะ”

                

           ลูน่ายกไม้กายสิทธิ์จะแตะตัวอินทรีให้ดูว่ามันส่งเสียงได้ทว่าดันแตะผิดที่ไปหน่อยเลยโดนหัวสิงโต มันอ้าปากคำรามเสียงดังลั่น

    ปราสาททำเอาคนที่ได้ยินสะดุ้งโหยง ไม่เว้นแม้แต่อินทรีที่เกาะอยู่นิ่งๆ อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวมาตลอด มันตกใจพร้อมกันนั้น

    ก็บินหนีหายออกจากปราสาทไปเลยจึงเหลือแต่หัวสิงโต...เห็นทีเธอคงต้องเปลี่ยนคำตอบซะแล้ว “มันบินได้”


           เฟร็ดยืนกลั้นขำจนตัวสั่นอยู่ข้างหลังลูน่า ขณะที่จอร์จก็อมยิ้มให้กับคำตอบของเธอพร้อมสายตาที่สื่อว่าเธอกำลังเสียดาย

    เจ้านกนั่นสุดๆ


           “นั่นเป็นอะไรที่เจ๋งมากเลย แล้วก็นะฉันเป็นพยานให้เธอได้ว่าเธอไม่ได้ทรยศต่อเรเวนคลอ”


           ลูน่าก้มหน้างุดด้วยความเขิน “ขอบคุณ”


           จอร์จก้มลงสบตากับลูน่า “เข้าไปกินอาหารเช้าก่อนเถอะ” เขายกมือหมายจะวางบนหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูแต่ก็คิดได้

    ว่าสิงโตมันอ้าปากงับเขาได้เลยเปลี่ยนเป็นวางบนไหล่แทน “ฉันจะไปเตรียมตัวแล้วนะ”

               

           ลูน่าพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนฉีกยิ้ม “โชดดีนะ...จอร์จี้”

            

           “อื้อ ขอบใจนะ” จอร์จยิ้มกว้างตอบ ถึงจะเครียดเรื่องแข่งอยู่บ้างแต่ตอนนี้หัวใจมันฟูฟ่องไปหมดจนอยากเลื่อนแข่ง

    แล้วขลุกอยู่กับนังหนูทั้งวันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย -- นั่นทำได้แค่คิดเพราะในความเป็นจริงเขาต้องรีบไปแล้วไม่อย่างนั้นแอนเจลิน่า

    จะมาตามถึงที่แน่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโลภมากอีกนิด เขาอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครทันสังเกตก้มลงหาลูน่าแล้วขโมยหอมแก้มหนึ่งที

    อย่างรวดเร็วก่อนต้องแยกกันจริงๆ แล้ว

                

           “ฉันเห็นนะ” เฟร็ดหรี่ตามองแฝดคนน้องที่ยิ้มจนแก้มปริ ต่อให้ตอนนี้ลูน่าหายเข้าไปในห้องโถงใหญ่แล้วก็ตาม

                

           “งั้นก็ช่วยทำเป็นไม่เห็นทีเถอะ” จอร์จวาดแขนกอดคอเฟร็ดกึ่งลากให้เดินไปเสียที


           “เออนี่ หรือเราจะเปลี่ยนจากขายชุดอินทรีที่คิดกันไว้เป็นหมวกตามสัญลักษณ์แต่ละบ้านดี”


           “นายคิดว่าจะมีสักกี่คนกันที่ซื้อหัวงูมาสวมแล้วให้มันขู่ฟ่ออยู่บนหัว”


           “งั้นเปลี่ยนเป็นพันรอบคอก็ได้”

         

           “นั่นเป็นความคิดที่ดีนี่”


           “ใช่ไหมล่ะ”


           “แล้วเราก็ต้องจ่ายค่าเสียหายถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งสินค้าของเราเกิดรัดคอลูกค้าขึ้นมา”


           “เออ จริงด้วย”


           ระหว่างที่เฟร็ดกับจอร์จกำลังเดินผ่านสนามหญ้าข้างนอกไปยังสนามแข่งพร้อมไอเดียสินค้าใหม่ มือใหญ่ๆ ของใครบางคน

    ก็แตะตรงบ่าของทั้งสอง “หวัดดีสหาย”


           “โอลิเวอร์” จอร์จยิ้มกว้างก่อนรับอ้อมกอดทักทายจากอดีตกัปตันควิดดิชทีมกริฟฟินดอร์ที่เรียนจบออกไปเมื่อสองปีก่อน

    และพวกเขาเจอกันล่าสุดก็ตอนงานควิดดิชเวิลด์คัพนู่น

         

           “หุ่นนายดูบึ้กกว่าเมื่อก่อนนะนี่ ว่าแต่นายมาทำไมกันน่ะ” เฟร็ดถาม


           “ดูนายพูดเข้า ฉันก็มาดูควิดดิชนัดสุดท้ายน่ะสิถามได้ ...คิดถึงบรรยากาศที่นี่ชะมัด ไม่ได้กลับมาแค่ไม่ถึงสองปีแท้ๆ เมื่อกี้ฉันไปเจอ

    พวกแอนเจลิน่ามาแล้ว ทีนี้พวกนายเข้าใจความรู้สึกฉันตอนที่ได้แข่งควิดดิชที่ฮอกวอตส์เป็นนัดสุดท้ายรึยังล่ะ”

                

              “ความรู้สึกที่ว่าต้องทำให้เต็มที่น่ะหรือ ไม่ต้องครั้งสุดท้ายก็เข้าใจความรู้สึกนี้ตั้งแต่นายเป็นกัปตันแล้วล่ะ ...แฟนนายไม่มาด้วยรึ 

    โอลิเวอร์” เฟร็ดตั้งใจเปลี่ยนเรื่องเพราะกำลังถูกจ้องอย่างหนักจากโอลิเวอร์

                

              “ไม่มา ติดอ่านนิยายของพวกมักเกิ้ลอยู่ ติดงอมแงมเชียวล่ะ ฉันว่าจะงอนไม่คุยด้วยสักหน่อย งอนแบบจริงๆ จังๆ”

                

              “ทำไมต้องจริงๆ จังๆ”


           “ก็ที่ผ่านมาฉันไม่เคยงอนได้สำเร็จน่ะสิ แค่เธอเงยหน้าจากหนังสือมาคุยกับฉันแค่ประโยคเดียวก็หายงอนแล้ว”

                

              “เฟร็ด จอร์จ” แอนเจลิน่าตะโกนเรียกจากอีกฝั่ง        


           “กัปตันพวกนายเรียกแล้ว โชคดี” โอลิเวอร์ตบไหล่ให้กำลังใจฝาแฝดหนักๆ สองสามที “แล้วเจอกันในสนาม”

                

              เวลาลงสนามกระชั้นชิดเข้ามาทุกขณะ ทุกคนในทีมเปลี่ยนมาใส่ชุดควิดดิชสีแดงกันหมดแล้วและกำลังรวมกลุ่มกันเพื่อทวนแผน

    และปลุกใจเป็นครั้งสุดท้าย

                

              “อลิเซีย เฟร็ด จอร์จ ตัวฉันเองด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะได้แข่งในนามกริฟฟินดอร์ โดยเฉพาะบีตเตอร์สองคน 

    ฉันรู้ว่าพวกเธอก็อยากได้ถ้วยเหมือนกันเพราะงั้นขอให้เล่นเต็มที่เหมือนเดิม -- แคตี้ ถึงเธอจะอายุน้อยกว่าฉันหนึ่งปีแต่ฉันก็มั่นใจ

    ในฝีมือของเธอ -- ตอนนี้คู่แข่งเราไม่ใช่แค่เรเวนคลอแต่ยังมีสลิธีรินที่แข่งจบไปแล้วและมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งอยู่ตอนนี้ 

    เพราะงั้นเราต้องทำแต้มให้มากกว่าสองร้อยสามสิบแต้มถึงจะชนะได้ -- เธอรู้ใช่ไหมแฮร์รี่ว่าต้องจับลูกสนิชตอนที่เราได้กี่แต้มขึ้นไป”

                

              “แปดสิบแต้ม”

                

              “ถูกต้อง แต่ขอให้จำไว้ว่าอย่าประมาท โชแชงไม่มีทางยอมปล่อยให้จับลูกสนิชง่ายๆ แน่ ส่วนรอน ฉันขอแค่ให้นายทำได้ตามที่

    ซ้อมเอาไว้ ตั้งสมาธิ กันประตูให้ได้มากที่สุด ฉันรู้ว่านายทำได้อยู่แล้วตราบใดที่มันเป็นแค่ลูกควัฟเฟิลไม่ใช่แมงมุม เอ้า เพื่อถ้วยควิดดิช” 

    แอนเจลิน่าทำท่าชูแก้วล่องหน เฟร็ดกับจอร์จเข้าใจแล้วทำตาม จนคนอื่นๆ ทำตามบ้าง ทั้งหมดชนแก้วอากาศกันกลางอากาศทว่ามีเพียง

    แฝดวีสลีย์ที่ทำท่าดื่มด้วยเพื่อให้ดูสมจริง -- ไม่มีใครรู้ว่ากัปตันทำอย่างนั้นไปทำไมแต่บรรยากาศตึงเครียดก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

                

              เวลาสิบเอ็ดโมงตรง ประตูสู่สนามควิดดิชถูกเปิดออกกว้าง นักกีฬาทั้งสองทีมขึ้นขี่ไม้กวาดก่อนพุ่งทะยานออกไปสู่สนาม

    ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่ม ฝาแฝดวีสลีย์ขี่ไม้กวาดไล่ตีมือกับเด็กกริฟฟินดอร์ที่ชูมืออยู่บนอัฒจันทร์ก่อนที่จอร์จจะแยกไปหาลูน่า

    ที่อัฒจันทร์ของเรเวนคลอแล้วทั้งหมดก็ลงไปยืนกลางสนามล้อมรอบมาดามฮูชเพื่อให้กัปตันของแต่ละทีมจับมือกัน 

    พร้อมกันนั้น ลี จอร์ดันก็เริ่มต้นพูด


              “ขอต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันควิดดิชนัดสุดท้ายระหว่างกริฟฟินดอร์กับเรเวนคลอ! และครั้งนี้จะเป็นการพากย์ปีสุดท้ายของผม 

    ลี จอร์ดัน ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้บรรยายตลอดห้าปีที่ผ่านมาต่อจากผู้บรรยายคนเก่า ขอบคุณท่านศาสตราจารย์

    มักกอนนากัลนะครับที่เห็นดวงดาวเป็นประกายเจิดจ้าในตัวผม” ลีหลบตาอาจารย์ประจำบ้านที่นั่งคุมเขาอยู่ไม่ห่างเพื่อไม่ให้เขา

    พูดออกนอกเรื่อง แต่ครั้งนี้มักกอนนากัลยอมปล่อยผ่านเพราะเห็นแก่ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ลีจะเรียนจบออกไปในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า 

    เขากระแอม “ก่อนเริ่มการแข่งขัน มีผู้เล่นคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามฝากให้ผมพูดอะไรเล็กๆ น้อยๆ สักสองสามประโยค” 

              ลีกระแอมอีกครั้งพลางคลี่กระดาษใบน้อยที่เป็นโพย “ผมขอย้ำอีกครั้งว่ามาจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เอ่อ เวลาที่ผมอ่าน

    โปรดช่วยนึกถึงเสียงของจอร์จ วีสลีย์ บีตเตอร์ทีมกริฟฟินดอร์ด้วยนะครับ ...เธอคอยดูฉันนะ นังหนู ฉันจะเอาชัยชนะไปให้เธอให้ได้เลย รัก 

    จากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม


           พอจอร์ดันประกาศเสร็จก็มีเสียงหวีดแซว เสียงเป่าปากดังทั่วทุกอัฒจันทร์


           “น่าอิจฉาคนแถวนี้จังเลยน้า” มาเรียแซว ยกศอกสะกิดเพื่อนข้างตัวที่นั่งหน้าแดงระเรื่อ


           จอร์จที่ยืนอยู่กลางสนามนั้นยิ้มไม่หุบขณะมองคนบนอัฒจันทร์พร้อมด้วยคนรอบข้างที่ส่งเสียงแซวไม่เว้นแม้แต่คนจากเรเวนคลอ


           “แหม” เฟร็ดลากเสียงยาว “ไม่รู้เลยนะนั่นว่าผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนนั้นเป็นใคร” 


           “เด็กๆ อย่าลืมตั้งสมาธิ” มาดามฮูชเอ่ยเตือนทั้งที่เธอก็เพิ่งหยุดอมยิ้มไปเมื่อกี้


           เกมควิดดิชเริ่มต้นขึ้นเมื่อมาดามฮูชเป่านกหวีด การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือดด้วยบรรยากาศจริงจังเพื่อถ้วยควิดดิช

    ทำให้เกมยืดยาวไปถึงสามชั่วโมง -- แฮร์รี่จับลูกสนิชได้สำเร็จก่อนโชเพียงไม่กี่วินาทีบวกกับคะแนนที่เชสเซอร์ทำได้ถึงเก้าสิบแต้ม 

    ผลงานของบีตเตอร์ที่ลดจำนวนผู้แข่งขันอีกฝั่งไปได้ถึงสองคนและรอนที่เล่นได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ทำให้กริฟฟินดอร์เป็นฝ่ายชนะได้ในที่สุด


           ทั้งทีมขึ้นไปรับถ้วยควิดดิชใบใหญ่มหึมาบนอัฒจันทร์โดยมีดัมเบิลดอร์ยืนรออยู่ ข้างๆ กันนั้นมักกอนนากัลกำลังร้องไห้อีกหน

    ที่กริฟฟินดอร์ชนะติดต่อกันถึงสองครั้งแล้ว


           ท่ามกลางเสียงเชียร์ด้วยความดีใจจากฝั่งกริฟฟินดอร์และคอลินที่เตรียมกล้องรอถ่ายภาพแห่งความประทับใจ แอนเจลิน่ากอดคอ

    อลิเซียร้องไห้ไปด้วยกันแต่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย พร้อมกันนั้นก็พูดขอบคุณลูกทีมไม่หยุดด้วยเสียงสะอื้นจนฟังไม่ออกว่าเธอพูดอะไร 

    แฮร์รี่ต้องช่วยแอนเจลิน่าถือถ้วย เขามองมันด้วยความภาคภูมิใจเพราะก่อนหน้านี้เคยถอดใจคิดว่าตัวเองอาจไม่ได้จับถ้วยอีกแล้ว

    ถ้าหากอัมบริดจ์ยังอยู่ที่ฮอกวอตส์ เฟร็ดดีใจกอดแคตี้แต่แล้วก็ถูกตีแขนกลับมาหนึ่งที รอนยืนล่องลอยเหม่อมองท้องฟ้าที่ดูสวยกว่าปกติ

    ราวกับตัวเองกำลังฝันไป จอร์จมองหาแฟนตัวเองโดยที่แทบไม่ต้องเพ่งมองให้ปวดตาเพราะหัวสิงโตเด่นมาแต่ไกล 

    เขากระโดดโบกมือให้ลูน่า -- แล้วคอลินถ่ายตอนนั้นพอดี...


           สุดท้ายแล้วกริฟฟินดอร์ก็ยังคงเป็นกริฟฟินดอร์อยู่วันยังค่ำเมื่อภาพที่ได้ไม่มีใครสนใจจะมองกล้องเลยสักคนแม้แต่มักกอนนากัล 

    ส่วนอีกภาพที่คอลินถ่ายจอร์จก็หลุดออกจากเฟรมไปแล้วเพราะวิ่งลงไปกอดลูน่า...


     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×