ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #60 : 60 ll Jealous

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      109
      26 พ.ค. 63


    60


    Jealous




              “ยายคางคกแก่หน้าเกลียด!” รอนบอกรหัสผ่านใหม่ที่ตั้งเองกับปากสำหรับสัปดาห์นี้กับรูปภาพสุภาพสตรีอ้วน

    เพราะเขาเป็นคนเดินนำกลุ่มนักกีฬาควิดดิชของบ้านหลังผ่านการซ้อมควิดดิชอันหนักหน่วงที่แอนเจลิน่าเน้นกับเขาเป็นพิเศษ

    จนร่างแทบแหลกเป็นผุยผง


              “ฉันไม่ชอบรหัสผ่านใหม่นี่เลย รู้ไหม” สุภาพสตรีอ้วนในรูปภาพยกมือเท้าเอวเหลียวมองตามพรีเฟ็คหนุ่มที่เป็นคนตั้งรหัสผ่านครั้งนี้ 

    ถึงอย่างนั้นเธอก็เหวี่ยงเปิดรูปภาพออกเผยให้เห็นช่องว่างสำหรับปีนเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวม


           “ผมไม่ได้หมายถึงคุณนะ” รอนเดินย้อนกลับมาคุยกับเธอทั้งที่ครึ่งตัวก้าวเข้าห้องนั่งเล่นรวมไปแล้ว “พนันกันได้เลย ถ้าคุณเจอ

    ยายคางคกที่ว่าเหมือนพวกเราก็จะชอบรหัสผ่านนี่เองแหละ”


           เมื่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม บรรดาหนุ่มๆ ในทีมก็อยากจะลงไปเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้นอย่างเกียจคร้าน แต่ก็มาติดตรงที่

    พรีเฟ็คสาวอย่างเฮอร์ไมโอนี่ตวาดใส่ไล่ให้พวกเขาไปอาบน้ำเพราะถ้าหากพวกเขานอนบนพื้นอยู่อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มงาน

    ให้เอลฟ์ประจำบ้านที่น่าสงสารที่มีงานหนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังต้องมีงานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวกับการทำความสะอาดคราบดินโคลน 

    แม้กระทั่งแอนเจลิน่า แคตี้และอลิเซียที่ลืมตัวกำลังจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้นวมยังต้องเด้งตัวลุกขึ้นแล้วไปอาบน้ำทันทีแม้เฮอร์ไมโอนี่

    จะไม่ได้ออกคำสั่งกับพวกเธอ

                

              ช่างน่าสงสารที่คำขอของแฮร์รี่ที่เคยขอเอาไว้ว่า ‘ อย่าให้แอนเจลิน่าเหมือนโอลิเวอร์ ’ นั้นไม่เป็นผล เพราะตอนนี้ทั้งทีม

    ต่างก็เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนซ้ำยังเปื้อนโคลน

                

              เฟร็ดกับจอร์จสะบัดน้ำฝนจากผมใส่รอนตอนที่ลุกขึ้นยืนพร้อมเอาโคลนที่เปื้อนเสื้อคลุมป้ายแก้มรอนเป็นการเอาคืน

    ที่น้องชายคนนี้ไม่ตั้งใจซ้อมจนกัปตันคนใหม่ต้องเพิ่มเวลาซ้อมต่ออีกหนึ่งชั่วโมง

                

              “ขอล่ะ! อย่าทำให้ฉันต้องหงุดหงิดไปมากกว่านี้จะได้ไหม”

                

              เฟร็ดกอดอกยกยิ้มมุมปาก “ดูสิ เจ้าหนูรอนของเราหงุดหงิดอยู่ล่ะ”

                

              “แหม ก็ใครจะไปอารมณ์ดีอย่างนายได้ล่ะ จอร์จ ได้กำลังใจดีจากลูน่าก่อนซ้อมมาแล้วนี่”

                

              “เอ้อ จะบอกให้นะรอน ที่นายกำลังพูดด้วยคือเฟร็ด ไม่ใช่จอร์จคนหลงแฟน”

                

              จอร์จหันขวับมองเฟร็ด “พูดอะไรของนาย ฉันเนี่ยนะคนหลงแฟน”

                

              “ใช่” เฟร็ดกับแฮร์รี่ตอบประสานเสียงประหนึ่งเป็นฝาแฝดกัน

                

              “ตรงไหนล่ะที่บอกว่าฉันเป็นอย่างที่พวกนายว่ากัน”

                

              “ยกให้เป็นหน้าที่ฉันสาธยายเอง เพื่อน” ลีย่องมาจากข้างหลัง ยกมือจับบ่าฝาแฝดวีสลีย์พลางทำท่านึกย้อนความทรงจำ 

    “ตั้งแต่เช้าตรู่นายพึมพำกับตัวเองบนเตียงว่า ‘ นังหนูจะตื่นรึยังนะ ’ ‘ ตอนนี้คงกำลังกินพุดดิ้งอยู่มั้ง ’ ตอนเที่ยงนายก็พูดว่า 

    ‘ ถ้าเวลาพักตรงกันก็ดีสิ ขอให้อาจารย์ปล่อยเร็วๆ ทีเถอะ ’ ส่วนตอนเย็นนายก็คอยชะเง้อคอมองหาว่านังหนูของนายอยู่ไหน

    หรือตอนก่อนนอนนายก็ยังเอาแต่นั่งมองพระจันทร์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวจนฉันกับเฟร็ดขนลุกขนพองไปหมด”

                

              “แบบนี้จะเรียกว่าหลงได้หรือยังฮึ จอร์จจี้ --”


           จอร์จยกศอกถองสีข้างเฟร็ดเข้าเต็มแรง “เงียบน่าเฟร็ด ลองนายมาเป็นฉันสิแล้วจะเข้าใจ” เขาหันไปหารอน เมินเฟร็ดที่กำลัง

    ยกมือขึ้นลูบสีข้างตัวเองป้อยๆ “ไหนบอกพี่ชายมาซิว่านายไปหงุดหงิดอะไรมา”

               

              รอนเรียกสติตัวเองให้กลับมาคิดถึงเรื่องที่ทำให้เขาหงุดหงิดหลังเมื่อกี้นี้กำลังนึกสนุกและสนอกสนใจเต็มที่กับสิ่งที่ลีกับเฟร็ดพูด 

    ไม่นานอารมณ์หงุดหงิดก็กลับมา


              “จะใครซะอีกล่ะ ก็อัมบริดจ์น่ะสิ! วันนี้เขาไปตรวจสอบการสอนตอนพวกฉันเรียนกับแฮกริดมา แทนที่ฉันจะได้เรียนอย่างสงบสุข

    โดยที่ไม่มีเจ้าสกู๊ตปะทุไฟนั่นแล้วกลับต้องมาเจอยายคางคกนั่น แถมยังหักคะแนนฉันกับแฮร์รี่อีก -- นี่ดีนะที่ไม่สั่งกักบริเวณเพิ่ม 

    ไม่งั้นรอยแผลเก่าบนหลังมือฉันได้ปริอีกแน่ล่ะคราวนี้”



           หลายวันต่อมาในช่วงเย็นที่อากาศกำลังเย็นสบาย นักเรียนปีโตนั่งกระจายอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมหยุดส่งเสียงซุบซิบทันที

    เมื่อพวกเขาและเธอมองเห็นรอนกับแฮร์รี่เดินเข้ามา


           “รหัสผ่านใหม่เจ๋งดีนี่” นักเรียนชายปีหกคนหนึ่งยกนิ้วโป้งให้รอน ก่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มจะพยักหน้าพร้อมส่งเสียงเห็นด้วย


           สีหน้ารอนพลันสดใสขึ้นมาบ้างหลังจากเพิ่งเลิกเรียนวิชาปุรงยากับสเนปเพราะคราวนี้เขาทำน้ำยาได้แย่อีกแล้วซ้ำยังเกือบทำ

    หม้อของตัวเองระเบิดตามรอยเชมัสไปอีกคนถ้าหากไม่ได้เฮอร์ไมโอนี่ช่วยไว้ คนผมแดงยกยิ้มพร้อมพยักหน้ารับคำชมพลางเดินไปหา

    เฟร็ดกับจอร์จที่นั่งทำการบ้านอยู่ในมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นรวมนี้


           ตอนนี้ไม่ว่าใครต่อใครต่างก็เห็นด้วยกับรหัสผ่านนี้ ไม่ว่าจะเรียนชั้นไหน ทุกคนก็ล้วนได้เจอฤทธิ์ของศาสตราจารย์คนใหม่

    กันอย่างถ้วนหน้าจนรู้สึกแขยงกันทั้งนั้น ‘ ยายคางคกแก่หน้าเกลียด ’ จึงเหมือนเป็นการได้ปลดปล่อยและระบายไปในตัวโดยไม่ต้อง

    รู้สึกผิดเพราะนั่นคือรหัสผ่าน


           เฟร็ดกับจอร์จเงยหัวที่กระเซิงเหมือนเพิ่งตื่นนอนขึ้นมองผู้มาใหม่ทั้งสองที่เข้ามานั่งด้วยก่อนก้มลงเขียนเรียงความ

    วิชาแปลงร่างต่อเพื่อเร่งให้เสร็จทันเวลาก่อนสองทุ่มคืนนี้ ไม่อย่างนั้นจะเกินกำหนดเวลาส่งการบ้านและถูกหักคะแนนเพราะ

    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสั่งมาร่วมสัปดาห์นึงแล้ว

                

              ไม่นานนักรูปภาพสุภาพสตรีอ้วนก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง มีนักเรียนกลุ่มใหญ่ปีนผ่านช่องรูปภาพเข้ามา แต่ก็มีบางคนที่ไม่จำเป็น

    ต้องบอกรหัสผ่านเพราะเดินตามอีกคนเข้ามา แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีแก่ใจจะบอกรหัสผ่านซ้ำๆ อย่างมีอารมณ์ว่า 

     ยายคางคกแก่หน้าเกลียด ’ ไม่หยุดแถมบางคนยังมีเติมคำว่า ‘ อัมบริดจ์ ’ ลงท้ายไปด้วยอีกต่างหาก


           ถ้าพูดให้ถูกต้องเรียกว่านักเรียนทั้งฮอกวอตส์นั้นได้โดนพิษของอาจารย์คนใหม่กันอย่างถ้วนหน้าจะดีกว่า ไม่เว้นแม้กระทั่ง

    นักเรียนบ้านสลิธีรินที่ควรจะได้รับการยกเว้นเพราะอัมบริดจ์ตอนสมัยเรียนอยู่ฮอกวอตส์ เธอเคยอยู่สลิธีรินมาก่อน ถึงอย่างนั้น

    บทลงโทษของบ้านงูก็ย่อมมีข้อแตกต่างจากบ้านอื่นเล็กน้อยอยู่ดี


           “ลำเอียงกว่าสเนปก็อัมบริดจ์เนี่ยแหละ เมื่อตอนเช้าฉันอุตส่าห์ตอบคำถามในชั้นเรียนได้แท้ๆ” รอนโยนกระเป๋าสะพายลงบนตักจอร์จ


           “โอ้โห หนึ่งในล้านเลยนะที่นายจะตอบคำถามได้น่ะ” เฟร็ดเงยหน้าขึ้นด้วยอารมณ์ขบขันหลังเขียนประโยคสุดท้ายจบพอดี


           “หัวเราะไปเถอะเฟร็ด สาบานได้ ครั้งนี้ฉันตอบได้โดยไม่ต้องให้เฮอร์ไมโอนี่ช่วยจริงๆ แต่ยายอัมบริดจ์ก็ทำเป็นเมินฉัน

    แล้วเพิ่มคะแนนให้แครบที่ตอบตามฉันซะงั้น พวกนายก็รู้ ฉลาดกว่าโทรลล์ขึ้นมาหน่อยก็คงเป็นแครบกับกอยล์นี่แหละ”


           “ใช่ แต่นายก็พลาดคะแนนให้แครบไปแล้ว” แฮร์รี่เสริม


              “ฉันถึงได้เจ็บใจอยู่นี่ไง! -- ฉันล่ะเบื่ออัมบริดจ์เต็มทนแล้ว พูดอยู่นั่นแหละว่าเวลาเรียกต้องเรียกด้วยศาสตราจารย์หรือไม่ก็อาจารย์ 

    ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วไหม” รอนเหวี่ยงกระเป๋าที่จอร์จโยนกลับมาลงบนโซฟาหน้าเตาผิงก่อนทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับพี่ฝายฝาแฝด “แต่เชื่อเหอะ 

    ฉันไม่อาเจียนออกมาตอนเรียนกับเขาก็ดีเท่าไรแล้ว ชอบดัดเสียงอย่างกับเด็กๆ ใส่ชุดมีลูกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มสีชมพู ไหนจะกลิ่นน้ำหอม

    หวานเลี่ยนชวนสะอิดสะเอียนนั่นอีก บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกรักกลิ่นเทียนหอมของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ขึ้นมาแล้วล่ะ”


           เฟร็ดนั่งเอาเท้าพาดบนโต๊ะ “ต่อให้นายไม่บอก นั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้ว”


           “งั้นก็รู้อีกสักทีจะเป็นไรไป ถ้าพรีเฟ็คมีอำนาจไล่อาจารย์ออกไปได้ก็ดีสิ ทำไมดัมเบิลดอร์ไม่ทำอะไรสักอย่างนะ จะให้คนใน

    กระทรวงเข้ามายุ่งกับเราถึงแค่ไหนกัน”


           เฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งกลับจากห้องสมุดเดินเข้ามาหากลุ่มพวกเขาและแอบฟังเงียบๆ อยู่ข้างหลังรอนมาพักใหญ่แล้ว 

    ฝาแฝดวีสลีย์มองเห็นเธอยืนกอดอกทำหน้านิ่งจึงผายมือให้เด็กสาวผมฟูได้พูดกับรอนตามสบาย


           “เธอรู้อะไรไหม รอน ว่ารหัสผ่านของเธอมันทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกมา”


              “ให้ตาย -- เธอเองหรือเฮอร์ไมโอนี่ ฉันตกใจหมด ทีหลังหัดให้สุ้มให้เสียงซะบ้างสิ”

              

           “ถ้าเธอไม่ได้พูดนินทาอาจารย์อยู่ก็คงไม่ตกใจถึงขนาดนี้หรอก นี่ ขอพูดอีกทีนะเรื่องรหัสผ่านเข้าห้องนั่งเล่นรวม 

    ถ้าเธอขืนใช้รหัสนี้แล้วอัมบริดจ์จับได้ล่ะก็ --”


           “เลิกบ่นสักทีเถอะน่า เฮอร์ไมโอนี่ เธอพูดเรื่องนี้กับฉันมาหนที่ร้อยได้แล้วมั้ง”


           “ก็มันจริงนี่ ฉันพูดได้ไม่เต็มปากทุกครั้งเวลาที่ต้องบอกรหัสผ่าน”


           “เธอไม่กล้าแต่เธอก็พูดตอนเข้ามาเมื่อกี้แล้วนี่ไง”


           “ก็เพราะเธอตั้งรหัสผ่านแบบนั้นยังไงเล่า”


           “ใช่ ฉันตั้ง แต่เธอก็พูดออกมาแล้ว” รอนเชิดหน้าขึ้นอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า แฮร์รี่ชำเลืองมองฝาแฝดผมแดงหวังให้พวกเขา

    ช่วยห้ามไม่ให้เพื่อนรักทั้งสองของเขาเริ่มเปิดศึกเถียงกันอีกรอบ ทว่าสองคนนั้นกลับตั้งอกตั้งใจฟังประหนึ่งรอนกับเฮอร์ไมโอนี่

    กำลังแสดงละครเวทีให้ดู


           “ฉันไม่คิดว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลจะเห็นด้วยหรอกนะถ้าเขามาตรวจที่หอคอยกริฟฟินดอร์” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อไป

    อย่างไม่ยอมแพ้


           “ศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่เข้ามาที่หอหรอกถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย เฮอร์ไมโอนี่”


           “จริงอยู่ แต่มัน --”


           “โอ๊ย เลิกคิดมากสักทีเถอะน่า” รอนลุกขึ้นยืน ดึงเฮอร์ไมโอนี่ให้เข้ามาใกล้ๆ พลางกดไหล่ทั้งสองข้างให้เธอนั่งลงแทนที่เขา 

    “คะแนนกริฟฟินดอร์ร่อยหลอจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว เธอก็เห็น -- แค่พวกเรากระดิกตัวทำอะไรไม่เข้าตายายคางคกนั่นก็โดน

    หักคะแนนแล้ว โชคดีแค่ไหนที่ยังเหลือทับทิมอยู่ในนาฬิกาทรายยักษ์ของบ้านกริฟฟินดอร์นั่น ขอให้พวกเราได้ระบายหน่อยเถอะ”


           “ใช่” นับเป็นครั้งแรกที่เฟร็ดรีบพูดสนับสนุนน้องชายตัวเอง “ถือซะว่าเป็นการฉลองที่พรุ่งนี้คะแนนบ้านเราจะไม่เหลือเลยสักคะแนน”


           “หมายความว่าไง” เฮอร์ไมโอนี่ตวัดตามองเฟร็ด


           “คะแนนบ้านเราถูกหักทุกชั่วโมงที่เด็กบ้านกริฟฟินดอร์มีเรียนกับอัมบริดจ์”


           “พนันได้เลย พรุ่งนี้คะแนนเราคงไม่เหลือให้หักแน่” จอร์จพ่นลมออกทางจมูก


           “ใช่ว่ากริฟฟินดอร์โดนหักบ้านเดียวที่ไหนกัน เรเวนคลอกับฮัฟเฟิลพัฟก็โดนด้วยเหมือนกันนะ แถมตอนเย็นวันนี้ฉันยังเห็น

    คะแนนจากบ้านสลิธีรินถูกหักไปด้วย”


              “นั่นเพราะพวกนั้นทำผิดกันจริงๆ น่ะสิ” รอนบอก “ฉันเห็นมากับตาว่าศาสตราจารย์วิกเตอร์ ใช่ไหม ที่สอนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์น่ะ”


           “เขาชื่อศาสตราจารย์เวคเตอร์ต่างหาก ไม่ใช่วิกเตอร์” เฮอร์ไมโอนี่รีบแก้ให้เขา


              “เออนั่นล่ะ ฉันเห็นเขาหักคะแนนสลิธีรินเพราะมีนักเรียนปีสี่เล่นพิเรนทร์เอาผงบัลบาดอกซ์ไปใส่ในเสื้อคลุมของเขาจนฝีออกทั่วตัว”


           เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว หันไปหาเพื่อนผมดำเพราะคิดคำมาเถียงไม่ออก “เธอพูดอะไรบ้างสิ แฮร์รี่”


           “อัมบริดจ์ไม่มีทางมายุ่มย่ามแถวหอคอยกริฟฟินดอร์ได้หรอก เฮอร์ไมโอนี่ ส่วนที่รอนพูดนั่นก็ถูก เราแค่อยากระบายอารมณ์

    นิดหน่อยตอนบอกรหัสผ่านเพราะนอกจากนี้เราก็ทำอะไรกับอัมบริดจ์ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”


              “ว่ายังไงนะ! นี่เธอเห็นด้วยกับรอนอย่างงั้นเหรอ แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดเสียงเขียวใส่ผู้เคราะห์ร้ายอย่างแฮร์รี่ ทำเอาผู้กล้า

    เมื่อปีก่อนที่เอาชนะมังกรอย่างเขาถึงกับสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าเถียงเธอกลับสักแอะ


           แต่เป็นรอนหัวเราะขึ้นจมูกพลางเดินไปกอดคอแฮร์รี่เพื่อนรัก “ช่ายสิ ยังไงแฮร์รี่ก็ต้องเข้าข้างฉันอยู่แล้ว ส่วนเธอน่ะยังไม่รู้อะไร

    อีกเยอะ เพราะงั้นเธอควรจะทำตัวให้ชินเข้าไว้เพราะรหัสผ่านปีนี้ฉันเป็นคนตั้งเองทั้งหมด”


           “ยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วย แล้วที่ว่าฉันยังไม่รู้อะไรอีกเยอะคืออะไรล่ะ ถ้าเธอรู้อะไรก็บอกฉันมาสิ”


           รอนเม้มปากแน่นให้กับความดื้อดึงของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนยื่นหลังมือตัวเองพร้อมกับคว้ามือแฮร์รี่ที่มีรอยแผลให้เธอดู “เห็นนี่ไหม 

    ทีนี้เธอจะเห็นด้วยหรือยัง เธอเห็นหรือยังว่าอัมบริดจ์ทำอะไรกับฉัน กับแฮร์รี่ เฟร็ด จอร์จ แล้วก็นักเรียนคนอื่นทั้งฮอกวอตส์ เธอคิดว่าฉัน

    จะทำใจยอมรับแผลนี้อย่างเต็มใจได้ไหมล่ะ”


           เฮอร์ไมโอนี่ตาโต ยกมือขึ้นปิดปาก “นี่มัน...”

              

           “น่าตื่นตาตื่นใจดีใช่ไหมล่ะ” รอนประชดก่อนรีบเก็บมือกลับมาเพราะแอบสังเกตเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่มีน้ำตาคลอ บางทีเธออาจกลัว

    และตกใจที่จู่ๆ เขาก็ยื่นแผลให้ดูจนเกือบชิดตาเธอขนาดนั้น “ขอโทษที”



           ทุกวันนี้มีเด็กนักเรียนชายหลายคนถูกอัมบริดจ์ลงโทษกักบริเวณด้วยการทารุณจากปากกาขนนกชนิดพิเศษของเธอ


              เฟร็ดกับจอร์จรับเรื่องร้องเรียนทั้งหลายระหว่างที่ขาย กล่องอาหารว่างเลี่ยงงาน ในห้องน้ำร้างชั้นเจ็ดให้กับนักเรียนต่างบ้าน

    หรือแม้แต่บ้านเดียวกัน ในฐานะที่พวกเขาร่วมชะตากรรมร่วมกันผ่านรอยแผลที่จะจดจำไม่เคยลืมนี้ ฝาแฝดผมแดงจึงแถม

    ลูกอมคาราเมลธรรมดาให้พวกเขาอีกคนละหนึ่งเม็ด...


           เนื่องในวันฮาโลวีนฝาแฝดวีสลีย์จึงตั้งใจจะสงบศึกกับอัมบริดจ์ ไหนๆ ก็เป็นวันที่พ่อมดแม่มดจะได้เฉลิมฉลองทั้งที 

    หากไม่มีของขวัญให้อัมบริดจ์เลยคงผิดมหันต์นัก -- เฟร็ดบอกว่าของขวัญนั้นจะต้องเป็นที่น่าประทับใจกับอาจารย์คนโปรดของเขา

    อย่างแน่นอนและไม่ใช่สิ่งของราคาถูกหาได้ทั่วไป

                

              หลังเลิกเรียนเฟร็ด จอร์จและลีนั่งสุมหัววางแผนหาวิธีมอบของขวัญอยู่ในห้องเรียนว่างห้องหนึ่งของชั้นสอง

                

              รอนชะโงกหน้ามาถามผ่านช่องประตู “พวกนายทำอะไรกันน่ะ” ก่อนเดินเข้ามาพร้อมกับแฮร์รี่ตามคำเชิญชวนของพวกพี่ชาย

    ที่กวักมือเรียกเขา “...นี่มัน”

                

              “นิฟเฟลอร์!” แฮร์รี่ร้อง มองดูนิฟเฟลอร์เจ็ดตัวในลังไม้อย่างสนอกสนใจและทึ่งว่าเฟร็ดกับจอร์จไปได้มันมาจากที่ไหน

         

              จอร์จยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากทำเสียงจุ๊ๆ “เบาหน่อยเจ้าหนู เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดสิว่าพวกเราจะให้อะไรเป็นของขวัญกับอัมบริดจ์”

                

              “ให้อัมบริดจ์?” รอนถามย้ำ ขมวดคิ้วยุ่ง “เพี้ยนไปแล้วหรือ เจ้าพวกนี้น่ารักน่าเอ็นดูจะตายไป สู้แบ่งมาให้ฉันเลี้ยงสักตัวนึง

    ดูจะเข้าท่ากว่าตั้งเยอะ”

                

              “อย่าทึ่มไปหน่อยเลย” เฟร็ดว่า “เห็นพวกฉันเป็นพันธมิตรกับอัมบริดจ์ตั้งแต่เมื่อไรกัน -- ใครว่าจะให้แบบใส่ลังไปกันล่ะ”

                

              “หมายความว่า...”


           “เราจะให้อิสระแก่พวกมันได้วิ่งเล่นหรือคุ้ยหาของเป็นประกายวูบวาบในห้องทำงานของอัมบริดจ์ตามแต่หัวใจของเจ้าพวกนี้จะพาไป”


           “...เจ๋ง”


           “พวกนายอยากร่วมด้วยไหม แค่ช่วยอุ้มเจ้าพวกนี้ไปก็พอ”

               

              และแล้วสมาชิกก็เพิ่มมาอีกสองคนซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกในทีมควิดดิชด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะบีตเตอร์ทั้งสองคน ซีกเกอร์

    หรือแม้แต่คีปเปอร์

                

              “แอนเจลิน่าต้องฆ่าเราแน่ถ้าเราถูกกักบริเวณตรงกับวันซ้อมหรือไม่ก็วันแข่ง”

               

              “อย่าปอดแหกไปเลยน่า แฮร์รี่ ในมือฉันกับจอร์จมีนิฟเฟลอร์คนละตั้งสองตัวยังไม่เห็นกลัว” เฟร็ดพูดขณะยกทัพไปเตรียมตัวรอ

    แถวๆ ห้องทำงานของอัมบริดจ์ที่ชั้นสาม “นิฟเฟลอร์ตัวนึงอยู่ในมือนายแล้วนะ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”

                

              แฮร์รี่ก้มมองนิฟเฟลอร์ตัวอ้วนกลมในมือ ถึงหน้าตาภายนอกมันจะดูน่ารักน่ากอดมากแค่ไหนแต่ข้างในมันก็เป็นจอมแสบดีๆ นี่เอง 

    -- ทั้งกลุ่มเดินมาได้ครึ่งทางก็เจอกับคอลินที่พร้อมร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันเพราะสัปดาห์ก่อนน้องชายของเขาที่ชื่อเดนนิส

    เพิ่งถูกกักบริเวณมา ตอนเห็นน้องชายของเขาร้องไห้นั้นน่าสงสารจับใจจนคนเป็นพี่ชายอยากจะทำอะไรสักอย่าง เมื่อมีโอกาส

    แค่ได้อุ้มนิฟเฟลอร์ไปปล่อยในห้องทำงานของอัมบริดจ์แค่นั้นเขาก็ยินดีแล้ว จึงยื่นมือไปรับมันจากจอร์จมาหนึ่งตัวด้วยความเต็มใจ  


           พวกเขาเลี้ยวตรงหัวมุมสุดท้ายก่อนถึงที่หมาย ทว่ามาเจอกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ สายตาดูเลื่อนลอยของลูน่า

    มองสำรวจพวกเขาก่อนหยุดชะงักค้างตรงเจ้าตัวขนปกปุยในมือทั้งหกคน


           “เอ้า แฟนใครมาคุยที” เฟร็ดหันไปบอกจอร์จที่ยืนปิดท้ายขบวน “ส่วนคนที่ไม่ใช่แฟนหรือไร้คู่ตามฉันมา แล้วรีบตามมาล่ะจอร์จจี้”


           จอร์จพยักหน้ารับ เดินมาหาลูน่าพลางยื่นนิฟเฟลอร์ในมือให้เธอลองอุ้มดูโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยปากขอเพราะแค่แววตา

    ก็เป็นประกายกระหายอยากจับซะขนาดนั้น มีหรือที่เขาจะดูไม่ออก


           “ฉันมีเวลาไม่ค่อยมากนะ รู้ไหม อยากจะกอดรัดฟังเหวี่ยงแค่ไหนก็ทำได้แค่ตอนนี้แหละ”


           “ได้จริงเหรอ”  


           เมื่อเห็นจอร์จพยักหน้าตอบกลับมา ลูน่าก็ดูร่าเริงยิ่งขึ้นไปอีก เธอกอดนิฟเฟลอร์ตัวอ้วนพลางเอาหน้าถูไถไปกับขนนิ่มๆ ของมัน

    ด้วยความมันเขี้ยวอย่างลืมตัว ชายหนุ่มผมแดงมองนังหนูของเขากับเจ้าตัวอ้วนกลมด้วยความเอ็นดูแต่ยิ่งมองกลับยิ่งรู้สึกอิจฉา

    อยากเป็นนิฟเฟลอร์ซะเอง


           ...อยากกอดคนอุ้มเจ้าตัวอ้วนนี่บ้างจัง


           “ฉันว่าเธอรีบไปห้องโถงใหญ่ดีกว่านะ นังหนู ไม่งั้นเธออาจโดนเหมารวมไปกับพวกฉันด้วย เธอก็รู้ว่าอัมบริดจ์เป็นคนมีเหตุผล

    ขนาดไหน”

                

              ลูน่าส่งนิฟเฟลอร์จากอ้อมกอดให้จอร์จด้วยความรู้สึกเสียดายปนรู้สึกเป็นห่วงผุดขึ้นมา เด็กสาวเม้มปากแน่นจับแขนรั้งเขาเอาไว้

    ก่อนที่เขาจะเดินไป ทั้งคู่สบตากันระหว่างที่จอร์จพยายามอ่านใจเธอผ่านดวงตาสีซีด คิ้วลูน่ายุ่งเล็กน้อยตอนที่มองหลังมืออีกฝ่าย

    เพราะเธอรู้ว่าแผลที่จอร์จถูกทำโทษเพิ่งจะหาย แต่เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนห้ามเขาไม่ได้


           ดวงตากลมโตเลื่อนขึ้นสบตามองจอร์จตรงๆ “ขอให้ไม่ถูกจับได้นะ”


           จอร์จยิ้มแฉ่งแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ ทำไมแฟนตัวเองถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ เขาพยักหน้ารับหงึกใหญ่

    แต่ยังไม่ยอมขยับไปไหนเสียที “นังหนู ฉันขอ...”


           หอมแก้มเธอได้ไหม?


           นั่นคือสิ่งที่เขาจะถามแต่นิฟเฟลอร์ในมือคงไม่เห็นด้วย มันดิ้นพล่านจนแทบหลุดจากมือจนเขายอมแพ้ต้องบอกลาลูน่า

    พร้อมกำชับให้เธอตรงไปห้องโถงใหญ่เลย


           ...อยู่นิ่งๆ เลยนะเจ้าตัวกลม! แกได้หอมได้กอดจากนังหนูแล้วยังจะมาขัดขวางฉันอีกรึ !!



           จากฝีมือการปลูกฟักทองของแฮกริดที่เขาฟูมฟักมานาน ทำให้เทียนนับร้อยในฟักทองลูกโตที่ลอยอยู่บนเพดานนั้นดูสวยอย่างไม่มีที่ติ

    นักเรียนจากกริฟฟินดอร์หกคนแอบย่องเข้ามาในห้องโถงใหญ่หลังงานเลี้ยงเริ่มเพียงไม่กี่นาทีเพื่อให้เป็นจุดสนใจน้อยที่สุด  

           

           จอร์จเห็นลูน่ามีความสุขอยู่กับพุดดิ้งฟักทองของเธอ เลยเผลอยิ้มเผล่ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พอเธอเห็นเขา มือที่ตักพุดดิ้ง

    เข้าปากอยู่พลันชะงักกึก เขาจึงขยิบตาให้เธอแล้วระบายยิ้มกว้างเพื่อให้เธอสบายใจ -- หลังเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงและดูแฟนตัวเอง

    ดื่มด่ำกับพุดดิ้งรสลึกล้ำอยู่ ทันใดนั้นประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดผางออกอย่างรุนแรงจนเปลวเทียนในฟักทองไหววูบพร้อมเสียงฟ้าผ่า

    จากเพดานเวทมนตร์และปรากฏร่างอัมบริดจ์เดินตึงตังเข้ามา ตามด้วยฟิลช์ที่ถือกรงที่เต็มไปด้วยนิฟเฟลอร์เข้ามาด้วย


              “ใครเป็นคนเอานิฟเฟลอร์มาปล่อยที่ห้องทำงานของฉัน!


           บรรยากาศคึกครื้นสลายหายไปกับตาเพราะเสียงประกาศกร้าวของเธอ ดวงตาปูดโปนกวาดมองทั่วทั้งห้องโถงใหญ่

    จนแทบกลิ้งหลุดออกมาจากเบ้า


           แฮกริดเป็นคนเดียวที่มีปฏิกิริยาคนแรก ร่างใหญ่ยักษ์ของเขาลุกขึ้น เดินอาดๆ ตรงไปหาอัมบริดจ์ ทว่ามือของเขากลับยื่นออกไป

    ขอรับกรงที่ใส่นิฟเฟลอร์จากฟิลช์มาถืออย่างยินดีและทำท่าจะเดินกลับไปที่โต๊ะแต่ถูกอัมบริดจ์เรียกเขาเอาไว้


           “คุณใช่ไหมที่เอามันมาปล่อยในห้องของฉัน”


              “ผมเรอะ?! เปล่า ไม่ใช่เลย -- นิฟเฟลอร์ที่ผมเตรียมเอาไว้สำหรับการเรียนการสอนหายไปเจ็ดตัว ผมกำลังเครียดอยู่เชียว

    ว่ามันหายไปไหน ที่แท้ก็หายไปอยู่กับคุณนี่เอง” ว่าแล้วเขาก็หัวเราะอย่างเบิกบานใจ ในที่สุดพวกมันก็กลับเข้าสู่อ้อมกอดของเขาเสียที


              “ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องตลกตรงไหนเลยนะ! คุณต้องเป็นคนเอามันไปปล่อยไว้ในห้องฉันแน่นอน”


           ดัมเบิลดอร์กระแอมเสียงเบาพลางเดินมายืนข้างแฮกริด 


           “ผมขอโทษที่เสียมารยาทเข้ามายุ่งด้วยอีกคน แต่ศาสตราจารย์อัมบริดจ์ครับ ผมอยากให้คุณใจเย็นก่อน ผมขอรับรองได้ 

    แฮกริดไม่ได้เป็นคนทำอย่างแน่นอนเพราะเขาอยู่กับผมที่ห้องทำงานก่อนมางานเลี้ยงแล้วหลังจากนั้นเขาก็อยู่ที่นี่ตลอด”


           ระหว่างนั้นมีนิฟเฟลอร์ตัวหนึ่งทำสร้อยคอประดับจี้พลอยร่วงลงพื้นไปอยู่ใกล้เท้าเดรโก เท้าหน้าเล็กๆ ของมันลอดผ่านซี่กรง

    พยายามไขว่คว้าสร้อยเส้นนั้นแต่ก็ไกลเกินเอื้อม เด็กชายผมบลอนด์ชำเลืองมองไปยังเด็กสาวผมบลอนด์บ้านเรเวนคลอที่สบตา

    กับเขาพอดี แววตาเดรโกฉายแววซุกซนก่อนมองสร้อยเส้นนั้นพลางก้มลงเก็บแล้วแอบส่งให้เท้าเล็กๆ ของนิฟเฟลอร์ระหว่างที่ไม่มีใคร

    นอกจากลูน่าที่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่...


           “ถ้าอย่างนั้นคงเป็นนักเรียนจอมแสบของคุณอีกล่ะสิ ไหนล่ะเจ้าเด็กพวกนั้นอยู่ไหน”


           แฮกริดก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแต่ก็เพียงพอกับการให้อัมบริดจ์ถอยหลังไปถึงสามสี่ก้าว “คุณควรพูดกับอาจารย์ใหญ่

    ให้ดีกว่านี้นะ ศาสตราจารย์อัมบริดจ์”


           “ไม่เป็นไรรูเบอัส” ดัมเบิลดอร์ยกมือห้าม มองแฮกริดด้วยแววตาใจดีและหันไปหาอัมบริดจ์ด้วยสายตาแบบเดียวกันแต่น้ำเสียง

    แฝงไปด้วยความจริงจัง “ไม่ใช่แค่นักเรียนของผม คุณควรพึงระลึกไว้เสมอว่านักเรียนทั้งหมดเป็นของพวกเราอาจารย์ทุกคน”

                

              “ใช่ค่ะ นักเรียนทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนในความดูแลของดิฉัน แต่ตอนนี้ใครจะรับผิดชอบเครื่องประดับของดิฉันที่สูญหายไป

    ได้บ้างล่ะคะท่านอาจารย์ใหญ่”

                

              ฟิลช์ยกมืออ้าปากพะงาบๆ ดัมเบิลดอร์จึงส่งสายตาเป็นเชิงอนุญาตให้เขาพูด


           “ผมจัดการยึดเครื่องประดับของคุณที่จอมวายร้ายเอาไปได้ทั้งหมดแล้วครับ ศาสตราจารย์อัมบริดจ์”

                

              อัมบริดจ์ทำตัวพองลมหายใจฟึดฟัดมองฟิลช์ มองทุกคนในห้องก่อนเดินจ้ำออกจากห้องโถงใหญ่ ทิ้งเสียงคุยจ้อกแจ้กไว้เบื้องหลัง 

    -- เฟร็ดกับจอร์จแอบชนกำปั้นกันใต้โต๊ะ หยิบแก้วน้ำฟักทองชูขึ้นมาตรงหน้า ชนแก้วกับผู้ร่วมอุดมการณ์ผ่านทางอากาศแล้วดื่ม

    รวดเดียวหมดโดยมีสายตาจับพิรุธจากเฮอร์ไมโอนี่จ้องมองไม่วางตา



           “ยายงี่เง่าอัมบริดจ์”


           เฟร็ดกับจอร์จตะโกนบอกพร้อมกัน และรูปภาพสุภาพสตรีอ้วนก็เหวี่ยงตัวเปิดออกเผยให้เห็นช่องว่างข้างหลังสำหรับปีนเข้าไป

    ในห้องนั่งเล่นรวม รหัสผ่านใหม่นี้เพิ่งถูกเปลี่ยนสดๆ ร้อนๆ ของเช้าวันนี้ เมื่อมองเห็นคนเปลี่ยนรหัสนั่งอยู่ที่นี่ด้วย 

    ฝาแฝดจึงปรี่เข้าไปชมทันที


           เฟร็ดวางขนมมัฟฟินที่ฉวยเอามาจากห้องครัวลงบนโต๊ะ แบ่งให้รอนกับแฮร์รี่คนละชิ้น “รหัสใหม่นี่เข้าท่าดีนะ”  


           จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันไม่เคยชอบรหัสผ่านเข้าหอคอยปีไหนเท่าปีนี้มาก่อน”


           รอนแค่นหัวเราะ ละสายตาจากม้วนเรียงความตรงหน้าแล้วคว้ามัฟฟินมากิน “ครั้งนี้ฉันเปล่า”


           “ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร”


           “คิดหน่อยสิ นอกจากฉันแล้วยังมีใครเป็นพรีเฟ็คกริฟฟินดอร์อีกบ้าง”


           “เฮอร์ไมโอนี่น่ะรึ” เฟร็ดขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้น่า ครั้งก่อนฉันยังเห็นเถียงนายแทบตาย” 


           “เป็นไปได้สิ ก็แค่เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งโดนอัมบริดจ์หักคะแนนมาเพราะเธอเอาแต่เซ้าซี้คอยถามว่าทำไมพวกเราจะใช้ไม้กายสิทธิ์ไม่ได้

    ในเมื่อเราเรียนการป้องการตัวจากศาสตร์มืด ไม่ใช่ประวัติศาสตร์พ่อมด แล้วก็ยังมีที่เธอเถียงเรื่องที่อัมบริดจ์สอนกับในหนังสือ

    ที่เธอเข้าไปอ่านในห้องสมุดมันไม่ตรงกัน -- แต่ก็นะ ฉันก็ชอบรหัสใหม่นี่เหมือนกัน ดูเหมือนปีนี้เราจะมีไอเดียตั้งรหัสใหม่จาก

    ศาสตราจารย์คนใหม่นี่เพียบเลยล่ะ”



           วันเสาร์อันแสนสงบสุขของฮอกวอตส์มีเรื่องน่าสนใจตั้งแต่เช้า เมื่อนักเรียนทุกคนเดินมาที่ห้องโถงกลางแล้วพบว่าจำนวน

    กฤษฎีกาการศึกษาเพิ่มขึ้น

     

     

    ----- ด้วยคำสั่ง -----

    ของเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ประจำฮอกวอตส์

     

    ห้ามนำสัตว์เลี้ยง หรือ สัตว์วิเศษ หรือ สัตว์ประเภทใดก็ตามเข้ามาในปราสาทและในชั้นเรียน

     

    คำสั่งข้างบนนี้เป็นไปตาม

    กฤษฎีกาการศึกษาฉบับที่ยี่สิบห้า

              ลงนาม :

            โดโลเรส เจน อัมบริดจ์

    เจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่

     


              “ฉันว่าอัมบริดจ์เพี้ยนไปใหญ่แล้ว แบบนี้นกฮูกไปรษณีย์ก็เข้ามาไม่ได้น่ะสิ” รอนพูดกับแฮร์รี่ระหว่างที่แหงนคอเงยหน้า

    อ่านกฤษฎีกาที่ฟิลช์เพิ่งเอามาติดเพิ่มอีกฉบับบนกำแพงในห้องโถงกลาง “แล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะไปไหน”

                

              “ไม่รู้สิ คงเอาครุกแชงก์ไปซ่อนอยู่ล่ะมั้ง”

                

              “นั่นสินะ -- จริงๆ เลยให้ตายสิ ของแบบนี้จะไปห้ามได้ยังไง เพี้ยนทั้งคนคิดทั้งคนทำตาม”


           “แต่ฉันว่าคนคิดสติแตกไปแล้วล่ะ” เสียงฝันๆ พูดขึ้นข้างเขา


           รอนหันไปมองตามเสียงนั้น ต้องลดสายตาลงมองระดับไหล่ถึงเห็นลูน่าจ้องเขม็งไปยังกฤษฎีกาฉบับใหม่พร้อมกันนั้นมือของเธอ

    ก็ลูบฟลัฟฟี่ นกฮูกสีขาวตัวจ้อยของเธอที่เกาะแขนหันหน้าซุกเข้ากับเสื้อเจ้าของ


           “นั่นจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ ลูน่า” แฮร์รี่พูดด้วยความกังวลแทนเจ้าตัวที่ออกจะดูผ่อนคลาย “แบบว่า นกฮูกนั่นก็เป็นสัตว์เลี้ยง

    ด้วยเหมือนกัน”


           ลูน่าพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่แล้วล่ะ มันเป็นสัตว์เลี้ยง -- แต่ฉันไม่ได้เป็นคนนำฟลัฟฟี่เข้ามานะ ฟลัฟฟี่บินเข้ามาหาฉันเองต่างหาก”


           สองสหายกะพริบตาปริบๆ มองเด็กสาวผมบลอนด์ที่ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนต่อกฤษฎีกาการศึกษาสักนิด พลางคิดว่าทำไมพวกเขา

    ถึงคิดไม่ได้นะ แต่อีกใจหนึ่งลึกๆ ของรอนก็นึกเป็นกังวลขึ้นมา


           ...อยู่ใกล้จอร์จมากเกินไปแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้อนาคตคงเป็นจอร์จในร่างผู้หญิงแน่


           รอนคิดจะพูดเตือนอะไรบ้าง แต่อยู่ดีๆ ก็มีมือใหญ่แสนหนักอึ้งมาวางบนหัวหนำซ้ำยังดันให้เขาออกไปยืนให้พ้นทางจากลูน่า


           “อรุณสวัสดิ์ นังหนู” จอร์จส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริงพลางยกมือลูบหัวฟลัฟฟี่เบาๆ ด้วย -- นกฮูกตัวจ้อยลืมตาที่หรี่ปรือ

    มองเจ้าของสัมผัสที่แตกต่างไปจากเจ้าของของมัน พอเห็นว่าเป็นใครมันก็ไต่ตามแขนจอร์จแล้วไปซุกกับอกเขาอย่างออดอ้อน 

    ชายหนุ่มเบะปากอยากจะร้องไห้ก่อนคลี่ยิ้มเพราะทนไม่ไหวกับความน่ารักของมัน


           “เหมือนเจ้าของเด๊ะเลยแฮะ” เฟร็ดเดินตามหลังจอร์จมาพลางยกมือลูบหัวลูน่า ทำเอาจอร์จถึงกับมองตาคว่ำ “อ้อ โทษที 

    ฉันมองสลับกันไปหมดเลยน่ะ แย่จริง” เขายกมือขึ้นเสยผมตัวเองแล้วยื่นมือหวังจะจับฟลัฟฟี่บ้างและในตอนนั้นเองที่มือของเขาถูก

    จะงอยปากแหลมๆ จิกจึ้กลงมาราวกับความรู้สึกของจอร์จส่งตรงมาถึงมัน ทำเอาเฟร็ดสะดุ้งจนตัวโยน


           “ขอโทษนะ ปกติมันไม่เคยเป็นแบบนี้” ลูน่ารีบขอโทษเฟร็ดพลางใช้สายตาตำหนินกฮูกของตนทว่าฟลัฟฟี่กลับไม่สนใจ

    แล้วเอาตัวซุกกับจอร์จเหมือนเดิม


           “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คงมีใครแถวนี้สอนเจ้านี่เอาไว้น่ะสิ” เฟร็ดโบกมือไปมาอย่างไม่ถือสา เหล่มองฝาแฝดคนน้องที่เอาแต่

    หัวเราะชอบใจไม่หยุด ด้วยความหมั่นไส้เลยทุบแขนอีกฝ่ายเป็นการลงโทษพร้อมรีบเอามือหลบฟลัฟฟี่ที่จ้องจะจิกเขาอีกรอบ...



    - Talk -

        ขอความยุติธรรมให้เฟร็ดและขอวิธีให้จอร์จไม่อิจฉาทีค่ะ อิจฉาแม้กระทั่งนิฟเฟลอร์แล้วตอนนี้ 5555

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×