ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #59 : 59 ll Wound

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 911
      107
      20 พ.ค. 63


    59


    Wound



               

              จอร์จเดินมาส่งลูน่าหลังกลับจากหอคอยดูดาว อีกเพียงแค่เลี้ยวตรงหัวมุมข้างหน้าก็จะถึงหอคอยเรเวนคลอแล้ว แต่อะไรๆ 

    มันกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อคุณนายนอร์ริสวิ่งมาทางนี้ แน่นอนว่าอีกไม่นานเจ้าของของมันก็ต้องวิ่งแจ้นตามมาแน่


              จอร์จเปิดตู้เก็บไม้กวาดที่อยู่แถวนี้พอดีก่อนดึงมือลูน่าให้เข้าไปหลบด้วยกัน -- ตู้เก็บไม้กวาดนี้ทั้งแคบและเขารู้ได้เดี๋ยวนั้น

    ว่าคิดผิดมหันต์ที่มาซ่อนในนี้ ลูน่ายืนได้พอดีแต่ตู้นี้ไม่อำนวยต่อความสูงของจอร์จ เขาต้องก้มตัวลงแล้วใช้มือยันผนังของตู้อีกด้าน


           ด้วยระยะห่างของทั้งคู่ที่อยู่ใกล้กันมากจนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดกันก็มีแต่จะทำให้เกิดอาการเคอะเขินขึ้นมาซะดื้อๆ 

    ดวงตาสองคู่ที่เผลอสบตากันเสมองทางอื่นที่ไม่ใช่สายตาของอีกฝ่าย ไม่มีใครพูดหรือขยับอะไรอีกหลังจากนั้นเพราะรู้ว่าฟิลช์

    กำลังเดินมาและเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ตู้ที่ทั้งสองซ่อนอยู่ทุกขณะ


              “ในตู้นี้หรือหวานใจ” เสียงแหบแห้งของฟิลช์ถามพร้อมมีเสียงร้อง ‘ เหมียว ’ ของคุณนายนอร์ริสตอบกลับ


           จอร์จลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก พร้อมกันนั้นมือข้างฝั่งที่ใกล้ประตูก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกจากกระเป๋ากางเกง 

    ยกแขนกั้นลูน่าเอาไว้พลางคิดคาถาในหัวไปด้วย


           ใกล้เข้ามาแล้ว...


           ชายหนุ่มโน้มตัวลงเข้าใกล้แฟนสาวอีกนิด “ถ้าฉันให้สัญญาณเธอต้องวิ่งกลับหอคอยเรเวนคลอด่วนจี๋เลยนะ -- สาม...สอง...”


           “อยู่นี่เองคุณฟิลช์”


           จอร์จหยุดนับถอยหลังเพราะมีเสียงทุ้มติดแหบเล็กๆ ตามมาสมทบกับฟิลช์ข้างนอก


           “เธอเป็นใคร แล้วทำไมอยู่นอกเตียง ฉันจะเขียนบันทึก --”


           “แอนโทนี โกลด์สตีน ผมเป็นพรีเฟ็คเรเวนคลอ หวังว่าคุณคงไม่เขียนบันทึกคนที่กำลังทำหน้าที่ตรวจตราอย่างผมหรอกนะ”

                

              “อ้อ ไม่หรอก แล้วเธอมีอะไรล่ะ”

                

              “ผมเห็นนักเรียนชายหญิงคู่นึงพลอดรักกันอยู่แถวๆ ห้องโถงกลางข้างล่าง”

                

              “ข้างล่างงั้นเรอะ -- ดีล่ะ ฉันจะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเชียว” ฟิลช์ร้องอย่างยินดีปรีดา แล้วเสียงฝีเท้าที่ดังเป็นจังหวะ

    ไม่สม่ำเสมอก็เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ

                

              จอร์จกับลูน่ายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงกระทั่งสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อมีเสียงเคาะประตูตู้เบาๆ สองครั้ง


           “ฟิลช์ไปแล้ว”


           เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จอร์จจึงจำใจผลักบานประตูออก เผยให้เห็นพรีเฟ็คหนุ่มผมบลอนด์ยืนก้มหน้าเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง 

    ช้อนตาขึ้นมองคนทั้งสองที่เดินออกมา


           “ขอบใจ”


              แอนโทนีพยักหน้าให้จอร์จเล็กน้อย “รีบกลับหอคอยเถอะลูน่า ฉันจะถือว่าคืนนี้ฉันไม่เห็นเธอ...แล้วก็เขา” แอนโทนีตวัดตามอง

    ร่างสูงชะลูดก่อนกลับมามองรุ่นน้องในบ้านเดียวกัน “ฉันจะหันหลังให้นะ” ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวกลับไปอีกทางตามที่บอก


           ลูน่ามองดูจอร์จที่ยืนอยู่ข้างกันเป็นเชิงถามความเห็น เขาคลี่ยิ้มบางๆ และพยักหน้าให้เธอเป็นคำตอบ


           “เราแยกกันตรงนี้นะ นังหนู --” จอร์จจะพูดต่อทว่าแอนโทนีกระแอมราวกับต้องการจะเร่ง “ฝันดีนะ”


           “ฝันดี จอร์จี้”


           ชายหนุ่มเม้มปากแน่น เวลานังหนูเรียกเขาแบบนี้มันช่างทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยซะจริง -- แต่ต่อให้อยากรั้งเธอไว้มากเท่าไร 

    เขาก็ต้องยอมรับว่าเวลาสำหรับวันนี้ได้หมดลงแล้ว เขาจับมือลูน่าพลางออกแรงบีบน้อยๆ มองแอนโทนีก่อนยอมปล่อยมือเธอไป


           เมื่อเงาของเธอหายลับไปแล้ว จอร์จก็กลับมาประจันหน้ากับพรีเฟ็คหนุ่มอีกครั้ง


           “ฉันว่าเราน่าจะต้องปรับความเข้าใจกันสักหน่อยนะ โกลด์สตีน”


           “ว่ามา”   


           “ฉันไม่อยากให้นายเข้าใจเราผิด ฉันกับลูน่าไม่ได้พลอดรักหรือจูบอย่างที่นายอาจจะคิด”


           “รู้อะไรไหม วีสลีย์ -- อันที่จริงนายกับ...แฟน จะทำอะไรฉันก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามอยู่แล้ว”


           “ฉันรู้ แต่ฉันแค่อยากบอกนาย”


           แอนโทนีจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ อย่างประเมิน “จะเป็นไปได้หรือ ที่นายอยู่กับลูน่าสองคนแล้วไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยก็ -- หอมแก้ม”


           “ไม่เลย ฉันไม่ได้หอมแก้มหรือจูบ ก็แค่ดูดาว” จอร์จยืนยันเสียงหนักแน่น เขาไม่ได้ทำอย่างที่กล่าวมาจริง หากแอนโทนีพูดว่า

    ชนจมูก บางทีเขาอาจยอมรับไปแล้วก็ได้ “ฉันกลับหอละ ขอบใจที่ช่วย -- งานพรีเฟ็คคงหนักน่าดู ยังไงก็พยายามเข้าล่ะ”


           แอนโทนียิ้มเล็กน้อย “ขอบใจ”



           เช้าวันรุ่งขึ้นตรงห้องโถงกลางมีนักเรียนมายืนมุงดูประกาศที่ถูกใส่ในกรอบไม้และแขวนบนกำแพง เฟร็ดกับจอร์จชะเง้อคอ

    มองผ่านหัวรอนกับแฮร์รี่ที่ยืนอยู่ข้างหน้า


     

    ----- ด้วยคำสั่ง -----

    ของเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ประจำฮอกวอตส์

     

    ห้ามนักเรียนคนใดหรือคู่ใดพลอดรักกันในบริเวณโรงเรียนทั้งกลางวันหรือยามวิกาล

     

    คำสั่งข้างบนนี้เป็นไปตาม

    กฤษฎีกาการศึกษาฉบับที่ยี่สิบสี่

              ลงนาม :

             โดโลเรส เจน อัมบริดจ์

    เจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่

               


                “ขอบอกเอาไว้ก่อนว่าฉันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะ”


            ฝาแฝดวีสลีย์หันขวับไปหาต้นเสียง เห็นแอนโทนียืนจ้องประกาศใหม่นี้ด้วยเหมือนกัน


            “ฉันก็ว่างั้น” จอร์จตอบ เลิกสนใจ‘ กฤษฎีกาการศึกษาฉบับที่ยี่สิบสี่ ’

                

                “แล้วอัมบริดจ์มีสิทธิ์อะไรมาตั้งกฎนี่” รอนหน้ายุ่ง หันมาหาพี่ชายฝาแฝดอย่างต้องการคำตอบแต่สิ่งที่ได้กลับมา

    มีเพียงการยักไหล่อย่างไม่แยแสว่าตัวหนังสือบนนั้นเขียนเอาไว้ว่ายังไงบ้าง

                 

                “ก็มีสิทธิ์ในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่น่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่เดินแหวกกลุ่มนักเรียนปีหนึ่งเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย 

    “หัดอ่านบรรทัดสุดท้ายบ้างสิ”

               

              “ในฐานะอะไรนะ”

                

              “เจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ โรนัลด์” เฮอร์ไมโอนี่ตอบพลางกลอกตา “ฉันอ่านเดลี่พรอเฟ็ตมาเมื่อกี้นี้ กระทรวงออกกฤษฎีกา

    การศึกษาฉบับที่ยี่สิบสาม แต่งตั้งให้อัมบริดจ์เป็นเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ประจำฮอกวอตส์ เพื่อให้มีอำนาจตรวจสอบ

    เพื่อนอาจารย์ด้วยกันว่ามีคุณสมบัติเหมาะจะเป็นอาจารย์ไหม”

                

              “แล้วไง เราไม่ใช่อาจารย์ซะหน่อย ทำไมถึงมีกฎนี่กับเราด้วย”

                

              “จริงอยู่ที่เราไม่ใช่อาจารย์ แต่นี่มันหมายความว่ากระทรวงต้องการควบคุมทุกคนในโรงเรียน” เด็กสาวผมฟูยกกระเป๋า

    ที่เต็มไปด้วยหนังสือจนแทบปริขึ้นพาดบ่า “เรามีเรียนอะไรนะคาบแรก”

                

              “นี่เธอลงเรียนเยอะจนสมองเบลอหมดแล้วหรือ”

                

              แฮร์รี่ที่มองเห็นแววเพื่อนสนิททั้งสองจะเถียงกันแต่เช้าจึงรีบตอบคำถามเฮอร์ไมโอนี่ “วิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด”

                

              “ให้ตายสิ วิชานี้อีกแล้ว” รอนบ่นกระปอดกระแปดต่อจนเดินเข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่แล้วก็ยังบ่นไม่หยุด ต่อให้มีซุปหัวหอมร้อนๆ 

    ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอยากเรียนมากขึ้นแม้แต่นิดเดียว


           “ขอให้มีความสุขกับอาจารย์คนโปรดของนายนะ รอน อย่ามัวแต่ตกตะลึงในความสวยจนเรียนไม่รู้เรื่องล่ะ” เฟร็ดบอกหลังรอน

    กับแฮร์รี่ขอตัวจะไปเรียน


           “ฉันไม่ยักรู้ว่ารอนเปลี่ยนความชอบจากเพื่อนรุ่นเดียวกันมาเป็นอาจารย์แล้ว” จอร์จรับช่วงพูดต่อ


           “ดูง่ายจะตายไป จอร์จจี้”


           “ยังไงรึ”


              “เงียบสักทีเถอะน่า!” รอนตวาดเสียงเขียว “ไม่งั้นฉันจะเขียนจดหมายไปฟ้องคุณเลิฟกู๊ดแน่ว่านายแอบออกจากหอนอน

    ตอนซ้อมควิดดิชเสร็จไปจู๋จี๋กับลูน่าที่หอคอยดูดาว”


           “จอร์จไม่ได้แอบออกจากหอสักหน่อย” เฟร็ดออกตัวช่วยเถียงแทน มันเกือบจะดีอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ติดว่าประโยคถัดมา

    ทำเอาจอร์จเกือบทำกาแฟที่เพิ่งดื่มไปพุ่งออกมา “จอร์จยังไม่ได้เข้าหอนอนเลยต่างหาก”


           “ขอบใจนะเฟร็ดดี้ แต่นายไม่ต้องช่วยจะดีกว่า เดี๋ยวนะ ทำไมฉันโดนคนเดียวล่ะ -- แต่เฮ้ ฉันไม่ได้ไปจู๋จี๋กับนังหนูสักหน่อย 

    แค่ดูดาวด้วยกันเฉยๆ” จอร์จทักท้วงแล้วชะงักเพราะคิดอะไรขึ้นมาได้ “นายรู้ได้ไงว่าฉันไปอยู่ที่ไหนมา”


           “ก็ในแผนที่ตัวกวนที่แฮร์รี่ดูมันบอกมาว่างั้น”


           จอร์จนั่งนิ่ง เบนเข็มจากน้องชายไปหาเพื่อนผมดำของน้องชายอย่างต้องการคำตอบ


           “เอ้อ ก็แค่แบบว่าดูอะไรนิดหน่อยก่อนนอนน่ะ -- ฉันว่าฉันขอตัวก่อนดีกว่า ไปเถอะรอน” พูดจบแฮร์รี่ก็ลุกจากที่นั่ง คว้าแขนรอน

    ให้ลุกตามไปด้วยกันแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากห้องโถงใหญ่


           เฟร็ดกอดคอจอร์จพลางโบกมือให้น้องชายผมแดงอย่างร่าเริง “โชคดีนะรอนน้องรัก”


           จอร์จหรี่ตามองตรงประตู “เจ้าพวกนี้นี่นะ -- ฉันขอให้คาบเรียนนี้รอนโดนพิษของยายคางคกนั่นทีเถอะ”


           “จอร์จจี้”


           “ทำไม”


           “นายยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลยเรื่องเมื่อคืนนี้น่ะ” เฟร็ดหรี่ตามองอย่างจับผิด


           จอร์จแสดงพิรุธชัดเจน สายตาล่อกแล่กอยู่ไม่สุขแถมยังหน้าแดงจนลามไปถึงใบหู เมื่อนึกถึงตอนที่อยู่บนหอคอยดูดาว

    และนึกถึงสัมผัสแผ่วเบาตรงปลายจมูก...


                

              เวลาเปิดเทอมเพียงแค่เดือนเดียวนั้นเพียงพอแล้วกับการที่นักเรียนทั้งฮอกวอตส์จะรู้ว่าหนึ่งในฝาแฝดจอมแสบมีแฟนสาวชื่อ 

    ลูน่า เลิฟกู๊ด ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้จอร์จยิ้มแฉ่งเสมอเมื่อมีคนถามเขาหรือพูดถึงเรื่องนี้

                

              สายลมเย็นเริ่มพัดมาเมื่อเดือนตุลาคมมาเยือน ฝาแฝดวีสลีย์ยังคงประดิษฐ์ของเล่นวิเศษ ขายของที่ห้องนั่งเล่นรวมเมื่อมีโอกาส

    และเป็นคู่ปรับอย่างสม่ำเสมอกับอัมบริดจ์ ขณะที่คู่อริอย่างมัลฟอยกลายเป็นคนรู้จักที่ไม่ได้สนิทแต่ก็ไม่ได้คิดเป็นศัตรูอีกต่อไป

                

              คืนวันเสาร์นี้อากาศกำลังเย็นสบาย นักเรียนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการนั่งคุยเล่นในห้องนั่งเล่นรวมที่หอคอยตัวเอง

    หรือไม่ก็ขึ้นนอน ทว่าไม่ใช่กับเฟร็ดและจอร์จ พวกเขาเร่งทำการบ้านที่คั่งค้างจนเสร็จและออกมาตระเวนหาทางลับทั่วปราสาท 

    ดีไม่ดีอาจได้ทดลองดอกไม้ไฟที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเองด้วยก็ได้


           โชคไม่ดีเท่าไรที่เจอฟิลช์เดินอยู่แถวนี้ ฝาแฝดย่องถอยหลังลัดเลาะไปตามแต่กำแพงปราสาทจะนำพาและแล้วก็เกิดเหตุ

    ไม่คาดคิดขึ้น แผ่นหลังจอร์จเกิดชนเข้ากับร่างหนึ่งอย่างจัง แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ว่องไวสมกับเป็นบีตเตอร์ แขนทั้งสองข้างจึงคว้า

    ร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลงก้นจ้ำเบ้า

                

              “นังหนู! มาทำอะไรตรงนี้” จอร์จจับไหล่ลูน่าและรอคอยให้เธอตอบ ถึงจะมีหลายครั้งที่ออกมาเตร่ในปราสาทตอนกลางคืน

    แล้วเจอเธอด้วยความบังเอิญแบบไม่ได้นัดกันมาก่อนแต่ก็ไม่มีแม้สักครั้งที่เขาจะคุ้นชิน


           เฟร็ดเลิกคิ้ว ยกมือกอดอก “คงไม่ได้มาหาทางลับเหมือนเราหรอกนะ”


           “เปล่า” ลูน่าตอบเสียงใสพลางส่ายหัวน้อยๆ “ฉันกำลังจะไปป่าต้องห้าม”


           “ว่าไง --”


           เฟร็ดรีบยกมือตะครุบปากน้องชายเอาไว้ “จะตะโกนให้เราถูกจับได้รึไง” และยอมลดมือลงตอนที่จอร์จสงบลงแล้ว


           “เธอจะไปที่ป่าต้องห้ามทำไมกัน วันนี้ไม่ใช่คืนพระจันทร์เต็มดวงซะหน่อย”


           “นั่นจริงอยู่ ...แต่ฉันจะไปดูยูนิคอร์นล่ะ ฉันคิดว่าตอนเรียนฉันยังเห็นมันไม่จุใจเท่าไร”

              

           เฟร็ดหลุดขำพรืดด้วยความเอ็นดูก่อนรีบหุบปากเพราะจอร์จหันมามองตาเขียวใส่


           “แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ ฉันจะได้ไปด้วย”


           “ก็ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าคืนนี้จะออกมาสำรวจปราสาท”


           “ก็ใช่ แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะไปป่านั่นฉันก็ต้องเลือกไปกับเธออยู่แล้วสิ”


           ประกายวิบวับถูกจุดขึ้นในดวงตาสีซีดคู่นั้นทันที “พูดจริงเหรอ”


           “ก็จริงน่ะสิ อีกอย่างนึงในป่านั้นมีเซนทอร์ด้วย”


              “แต่พวกเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายนี่” ลูน่าจ้องตาจอร์จกลับ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ดวงตากลมแป๋วนั่นทำเอาจอร์จอึกอัก

    ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องรื่นเริงบันเทิงใจแก่เฟร็ดที่ได้ชมใกล้ๆ ตรงนี้


           “เธอจำเบนจามินได้ใช่ไหม หมอนั่นน่ะเคย...เคยจีบเธอ” จอร์จทำปากยื่นบ่นอุบอิบ “-- ฉันไม่ชอบ”


           “แต่แฟนฉันก็ยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้วไง”


           อารมณ์จอร์จแปรปรวนไปมาภายในไม่กี่นาทีนี้ จากที่หงุดหงิดเพราะพูดถึงเบนจามินกลับต้องมาเขินแทนเพราะคำพูดของนังหนู 

    “ฉันรู้” จอร์จสอดส่ายสายตาล่อกแล่กอยู่ไม่สุข “แต่ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี”


           เด็กสาวยืนนิ่งอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่นึง “งั้นฉันไม่ไปก็ได้”


           “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ถ้าเธออยากไปฉันก็จะไปกับเธอ”


           “จริงนะ” ฉับพลันนั้นใบหน้าเธอดูสดใสขึ้นทันตา ต่อให้จอร์จอยากกลับคำก็ทำไม่ลงแล้วเพราะเขาได้พ่ายแพ้เธอเข้าเต็มเปา


     


           เฟร็ดเดินมายืนส่งทั้งคู่ตรงทางเข้าป่าต้องห้าม


           “แน่ใจนะว่านายไม่ไปด้วย เฟร็ดดี้”


           “ไม่เอาล่ะ ฉันไม่อยากไปขัดบรรยากาศการเดตพวกนายสองคน”


           “ใครที่ไหนเขาเดตในป่าแบบนี้กันเล่า”


           “ใครที่ว่านี่ก็พวกนายไง ฉันเห็นจับมือกันแน่นขนาดนี้แล้ว เอ้า เข้าไปสักที ส่วนฉันจะไปเดินเล่นรอบปราสาทสักหน่อย แล้วเจอกัน” 


           “แล้วเจอกัน...”


           ก่อนแยกกันเฟร็ดทำมือใส่จอร์จเป็นเชิงว่าเขาคอยจับตาดูอยู่ ก่อนหมุนตัวเดินไปทางเรือนกระจกที่ใช้เรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ 

    จอร์จมองตามพี่ชายฝาแฝดของตนที่ถึงจะยิ้มให้แต่แววตากลับไม่ยิ้มไปด้วยและแผ่นหลังเวลาเดินอยู่คนเดียวกลับดูเหงาแปลกๆ


              เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงที่จอร์จและลูน่าเข้าไปในป่าต้องห้ามทว่าไม่เจออะไรเลยนอกจากเธสตรอลที่เด็กสาวบอกว่า

    เธอมองเห็นมันถึงสามตัว แต่จอร์จกลับเห็นเพียงความว่างเปล่า -- ทั้งคู่เดินกลับออกมาด้วยความผิดหวังเพราะไม่เจอยูนิคอร์นอย่างที่

    ตั้งใจ แต่ท่าทีของเด็กสาวมีอันต้องทำให้จอร์จรู้สึกมันเขี้ยวทุกทีไป

                

           ...ให้ตายสิเมอร์ลิน ! !   

                 

              จอร์จหักห้ามใจ ห้ามมือ ห้ามจมูกตัวเองไว้ได้ทัน เขายื่นมือแง้มประตูไม้บานใหญ่ตรงทางเข้าปราสาทพลางชะโงกหน้าเข้าไป 

    ขณะกำลังจะหันไปบอกลูน่าว่าทางสะดวก รูปปั้นผู้หญิงตัวเตี้ย มองเผินๆ คล้ายคางคกแสยะยิ้มทำเอาหัวใจจอร์จตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม 

    พอสายตาชินกับความมืดและเพ่งมองดีๆ แล้วถึงรู้ว่าไม่ใช่รูปปั้นแต่เป็นอัมบริดจ์


              “จับได้แล้ว!” เธอเดินออกจากมุมมืดที่ใช้พรางตัว แสงสลัวจากคบไฟทำให้เห็นว่าสีหน้าเธอแสดงความปีติยินดีขนาดไหน


           จอร์จใช้มืออีกข้างที่ยังอยู่ข้างนอกกันลูน่าไม่ให้เดินเข้ามาพลางถอยห่างจากอัมบริดจ์ที่รุกเข้าหาเขา 


           “อาจารย์ไม่ได้ถูกตัวผมสักหน่อย แบบนั้นไม่เรียกว่าจับได้หรอกครับ”


           “ยังจะพูดดีอยู่อีกนะ -- แล้วอีกคนนึงล่ะไปไหน”


           “อาจารย์หมายถึงใครครับ วันนี้ผมออกมาคนเดียว”


           อย่ามาโกหก ฉันเห็นเงาพวกเธอสองคนไปที่ป่าต้องห้าม”


           “ผมอยู่นี่ครับ” มีเสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังจอร์จ เฟร็ดเดินเข้ามายืนเคียงข้างน้องชายฝาแฝดของเขาแล้วฉีกยิ้มให้อัมบริดจ์


              “ดี! แต่เธอคงจะรู้นะว่าการโกหกอาจารย์นั้นเป็นความผิดที่ใครก็ยอมรับไม่ได้ หักกริฟฟินดอร์คนละห้าแต้มโทษฐานที่พวกเธอ

    ออกนอกหอคอยหลังสามทุ่ม หนำซ้ำยังตั้งใจโกหกปิดบัง และเพื่อให้พวกเธอจดจำ คืนนี้จะต้องถูกกักบริเวณ”


           “คืนนี้?” จอร์จโพล่งออกมา “แต่นี่มันเกือบจะเที่ยงคืนแล้วนะครับ”

              

           “ฉันรู้เวลาดีจ้ะ ขอบใจ แต่อย่างพวกเธอไม่น่าจะมีปัญหาไม่ใช่หรือ จะได้จำได้ด้วยว่าถ้าออกจากเตียงในเวลาแบบนี้

    แล้วจะเจอกับอะไร” อัมบริดจ์แสร้งฉีกยิ้มให้ดูใจดี “ตามไปที่ห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้ อย่ามัวชักช้าหรือเดินเอ้อระเหยล่ะ”


           เฟร็ดกับจอร์จมองหน้ากัน คราวนี้พวกเขาไม่มีทางหนีได้แล้ว ขืนหาเรื่องหลบตอนนี้วันหน้าอัมบริดจ์ก็คงไม่ปล่อยพวกเขาไปอยู่ดี 

    จอร์จแอบเดินถอยหลังไปทางประตูแล้วพูดเบาๆ กับคนที่อยู่อีกฝั่ง


           “ตรงไปหอคอยเรเวนคลอเลยนะ ไม่แน่ว่าอัมบริดจ์อาจออกมาอีก -- ฝันดีนังหนู แล้วเจอกันพรุ่งนี้” พูดจบเขาก็รีบวิ่งตามเฟร็ด

    ไปทันทีโดยไม่รอว่าลูน่าจะตอบอะไร


                

              การถูกกักบริเวณตอนเที่ยงคืนนั้นเลวร้ายกว่าที่พวกเขาคิดยิ่งนัก เมื่ออัมบริดจ์สั่งให้คัดลายมือ นั่นจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าหาก

    มันเป็นการคัดลายมือธรรมดา -- มือข้างซ้ายของเฟร็ดกับจอร์จมีเลือดซึมออกมาเหมือนกับตัวหนังสือที่พวกเขาเขียนลงไปในกระดาษ

    ด้วยปากกาขนนกชนิดพิเศษที่อัมบริดจ์ดูจะภูมิใจนักหนา

                

              ฝาแฝดวีสลีย์กัดฟันข่มความเจ็บที่พวกเขาไม่คาดว่าจะได้รับ ความเจ็บปวดนี้ราวกับมีมีดคมๆ กรีดลงมาบนหลังมือ แต่ก็ต้อง

    ทนรับคมมีดนั้นต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีคำสั่งให้หยุดคัดลายมือ

               

              สองชั่วโมงเต็มๆ กับเวลาแห่งการถูกทรมาน พวกเขากำมือแน่นด้วยความโกรธและเจ็บใจระหว่างเดินกลับหอคอยกริฟฟินดอร์ 

    ห้องนั่งเล่นรวมว่างเปล่าเมื่อพวกเขาไปถึงซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี...แต่ไม่ใช่กับวันต่อมาที่พีฟส์เที่ยวป่าวประกาศไปทั่วปราสาท

    ว่าฝาแฝดจอมวายร้ายถูกอัมบริดจ์กักบริเวณ

                

              จอร์จทำหูทวนลมต่อเสียงเล็กแหลมของพีฟส์ เช้าวันนี้เขารู้แล้วว่าแววตาเหงาๆ ของเฟร็ดมาจากอะไรจึงรีบตื่นแต่เช้า

    มานั่งรอเจอแอนเจลิน่าที่ห้องนั่งเล่นรวมและได้ขอให้เธอช่วยเพื่อแลกกับการตั้งใจซ้อมควิดดิชโดยไม่กวนประสาทเธอหนึ่งเดือนเต็ม 

    ระหว่างที่ตอนนี้เฟร็ดยังคงหลับอุตุอยู่บนเตียง


           กว่าอารมณ์จอร์จจะเย็นลงจนเป็นปกติดีก็ตอนที่ได้เจอหน้านังหนูตรงใต้ร่มเงาของต้นบีชใหญ่ริมทะเลสาบและได้รู้ว่าเมื่อคืน

    เธอกลับไปถึงหอเรเวนคลอโดยไม่ถูกใครจับได้


           จอร์จ เฟร็ด ลูน่าและจินนี่มารวมตัวกันที่ริมทะเลสาบในช่วงสายๆ ส่วนเพื่อนสนิทอีกคนของลูน่าอย่างมาเรียนั้นขอตัว

    ไปนอนต่อที่หอนอน


           “ขอโทษนะ” ลูน่าพูดด้วยความรู้สึกผิดที่เมื่อคืนเธอปล่อยให้พวกเขาถูกทำโทษกันอยู่แค่สองคนทั้งที่เธอเองก็ทำผิดกฎฮอกวอตส์ 

    แอบลุกออกจากเตียงนอนแถมยังเข้าป่าต้องห้ามอีกต่างหาก


           “อย่าคิดมากไปเลย”

                

              “ใช่ จอร์จพูดถูก อย่าคิดมากไปเลยน่าแม่หนูลูน่า” เฟร็ดเขวี้ยงก้อนหินแบนๆ ลงทะเลสาบ มองดูมันกระดอนไปสามสี่ครั้ง

    จนจมลงใต้น้ำก่อนเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างจอร์จ “ฉันกับจอร์จโดนกักบริเวณมานับไม่ถ้วนแล้ว แค่โดนอีกครั้งจะเป็นอะไรไป”

                

              จินนี่ตวัดตามองคนพูด “พี่พูดอย่างกับตัวเองไม่ได้ผิดงั้นแหละ เฟร็ด ทั้งที่พวกพี่ก็ออกจากหอคอยมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”


           “ใช่อย่างที่สุดเชียวล่ะน้องรัก แต่พี่หมายถึงลูน่าไม่ควรจะต้องรู้สึกผิดต่างหาก ไม่ต้องขอโทษที่พี่ออกหน้ารับแทนด้วย 

    ฟังนะแม่หนูลูน่า ก็อย่างที่จินนี่บอก ฉันทำผิด ฉันออกจากเตียงยามวิกาลเพราะงั้นฉันจะโดนกักบริเวณบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร 

    ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต อีกอย่างนะ เธอเป็นแฟนจอร์จ ก็เหมือนเป็นแฟนฉะ --” คำพูดเฟร็ดขาดช่วงเพราะจอร์จกระแอมไอหนักๆ 

    อย่างจงใจจึงคิดหาคำพูดใหม่ “เธอเป็นแฟนจอร์จ ก็เหมือนเป็นน้องสาวของฉันอีกคนเหมือนกัน”


              ระหว่างนั้นจินนี่ส่งสายตาเป็นนัยให้จอร์จ แล้วทั้งคู่ก็ส่งสายตากันไปมาด้วยความเข้าใจที่ไม่ตรงกันสักที ทั้งที่จินนี่บุ้ยใบ้ไปทาง

    มือเขาชัดเจนแต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วยุ่งทำปากขมุบขมิบถามน้องสาวตัวเองว่าเธอต้องการจะบอกอะไร กระทั่งได้คำตอบในที่สุด 

    ไม่ใช่จากจินนี่ แต่มาจากนังหนูของเขา

        

              “บนมือนั่นคือสิ่งที่อัมบริดจ์ทำกับพวกคุณหรือ” ตาลูน่าจับจ้องอยู่กับรอยแผลบนหลังมือจอร์จ เมื่อเขารีบเอามือหลบไว้ข้างหลัง 

    เด็กสาวก็เบนสายตาไปหาฝาแฝดอีกคนทันที แต่กลายเป็นว่าพวกเขาต่างก็เอามือหลบให้พ้นสายตาเธอกันหมด

                

              “ตายล่ะ ฉันมีการบ้านที่ต้องไปส่งวันนี้นี่นา” จินนี่โพล่งออกมาก่อนลุกพรวดขึ้นแล้วเดินกลับไปทางปราสาททันควัน

    หลังเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือจากพี่ชายของเธอ


           เห็นจนได้สินะ...


           จอร์จส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ลูน่าพลางคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี ความคิดแรกที่แวบเข้ามานั้นเขากะจะขอคะแนนความสงสาร

    แต่พอเห็นลูน่ามีสีหน้าจริงจังเลยล้มเลิกความตั้งใจนั้นไปเสีย


           ลูน่าคิ้วยุ่งมากขึ้นเมื่อเธอฉวยมือจอร์จมาดูแล้วเห็นรอยแผลเป็นตัวอักษรสีจางอยู่บนหลังมือนั้น เธอลูบมันเบาๆ ด้วยความรู้สึกผิด

    ที่เพิ่มทวีคูณ “ขอโทษนะ”


              “โถ -- เด็กน้อยเอ๋ย” จอร์จก้มหน้าลง ช้อนตาขึ้นมองตาลูน่าตรงๆ พลางวางมือข้างที่ว่างลงบนมือเธออีกที “บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง

    คิดมาก แผลแค่นี้ไม่ต่างจากโดนแมวข่วนหรอก สบายมาก!

               

              เฟร็ดผุดยิ้มมุมปากก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ ทว่าขาที่จะก้าวพลันไม่ยอมขยับเพราะเห็นแคตี้

    รีบร้อนเดินมาทางเขา

                

              เธอยืนหอบเล็กน้อยเมื่อมายืนตรงหน้าเฟร็ด “แอนเจลิน่าบอกฉันว่าเธอถูกอัมบริดจ์กักบริเวณมา -- บอกว่าหล่อนทรมานเธอ”

                

              เฟร็ดกะพริบตาปริบๆ เพราะยังตั้งรับการกระทำของอีกฝ่ายไม่ทัน “เธอเป็นห่วงฉันหรือ”

                

              “เป็นห่วงสิ ...นิดนึง ...หมายถึงก็แค่ห่วงในฐานะที่เราเล่นควิดดิชทีมเดียวกัน ว่าแต่อัมบริดจ์ทำอะไรกับเธอล่ะ ที่มือนั่นใช่ไหม”

                

              “อ้อ ก็ใช่” เฟร็ดตอบพลางยกมือให้เธอดูด้วยรู้สึกชาไปทั้งตัวที่ได้ยินเธอบอกว่าเป็นห่วงเขาในฐานะอะไร แต่เขาไม่เข้าใจ

    ว่าการที่เธอรีบจับมือเขาไปดูด้วยแววตาที่ชวนให้ใจหวั่นไหวนั้นหมายความว่ายังไง??

                

              “เจ็บมากไหม”

              

           ...เธอเป็นห่วงฉันมากนี่นา นิดนึงอะไรกัน! -- เฟร็ดเบะปากคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แววตาแคตี้ที่ฉายออกมานั้นบอกให้เขารู้

    ว่าที่แท้เธอคิดยังไง


           “เจ็บมากเลย”

                

              ลูน่าที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ยินอย่างนั้นก็เลื่อนสายตามามองคนผมแดงที่จับมือเธออยู่ทันที ทำเอาจอร์จมองเฟร็ดตาคว่ำ

    ก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูของแฟนสาว


           “แผลมันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก -- เฟร็ดก็แค่สำออยน่ะ” จอร์จขยิบตาให้ลูน่า เลิกสนใจเฟร็ด ทว่าพอกลับมาคิดไตร่ตรองดูแล้ว 

    ตอนแรกเขาก็คิดจะทำอย่างเฟร็ดอยู่เหมือนกันนี่...

              

           ...แบบนี้เราก็สำออยเหมือนกันนี่หว่า



    - Talk -

                ฝาแฝดกันก็มักจะมีอะไรคล้ายกันอย่างนี้ล่ะค่ะ ว่าแต่เขาสุดท้ายก็เข้าตัวเอง 55555           

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×