ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #19 : 19 ll Crystal gazing

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      182
      5 ต.ค. 62


    19


    Crystal gazing





              เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมเป็นวันที่บรรดานักเรียนในฮอกวอตส์ตั้งหน้าตั้งตารอให้มาถึงเร็วๆ 

    เพราะพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวหมู่บ้านฮอกส์มี้ดที่ได้ชื่อว่าเป็นแห่งเดียวในอังกฤษที่ไม่มีพวกมักเกิ้ลอาศัยอยู่


              แต่ก็มีนักเรียนอีกหลายคนที่วันนี้เป็นเพียงแค่วันหยุดวันหนึ่งเท่านั้นโดยเฉพาะเด็กปีหนึ่งกับปีสองที่ยังเด็กเกินไปสำหรับ

    การออกนอกโรงเรียน และก็มีอีกเหมือนกันที่แม้จะไม่ได้ไปแต่ก็ยังร่าเริงได้แต่เช้า


              “เที่ยวให้สนุกนะ!” น้ำเสียงนิ่มแต่ฟังดูสดใสพูดตามหลังเฮอร์ไมโอนี่และเด็กตระกูลวีสลีย์ที่มีเฟร็ดกับจอร์จยืนโบกมือให้

    จนคนรอบข้างต้องเบี่ยงตัวหลบแขนพวกเขาเพราะไม่อยากเจ็บตัว ลูน่ายิ้มกว้างพลางโบกมือกลับอย่างอารมณ์ดีแม้ตัวเองที่เพิ่งอยู่ปีสอง

    จะไม่ได้ไปด้วยก็ตาม


              “เดี๋ยวซื้อของมาฝากเยอะๆ เลยนะ นังหนู!!” จอร์จตะโกนกลับมาด้วยเสียงที่ดังกว่าก่อนถูกลี จอร์ดันลากคอเสื้อเขากับเฟร็ด

    ให้เดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นเพราะไม่อย่างนั้นหากไปไม่ทันพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่ถูกกักให้อยู่แต่ในบริเวณโรงเรียน


              เมื่อพวกเขาเดินไปจนลับสายตา ดวงตากลมโตก็เลื่อนมาหาคนข้างตัวที่บ่งบอกว่ากำลังเซ็งสุดๆ


              “ทำไมเธอถึงไม่ไปล่ะ แฮร์รี่”


              “เป็นคำถามที่ดีนี่” แฮร์รี่หัวเราะให้กับโชคชะตาของตัวเองพลางทิ้งตัวนั่งตรงขั้นบันได “ถ้าไม่ติดว่าในใบขออนุญาตของฉันไม่มี

    ลายเซ็นของผู้ปกครองล่ะก็ ป่านนี้ฉันคงวิ่งแจ้นไปแล้วล่ะ ...”


              “ลืมให้ผู้ปกครองเซ็นให้เหรอ” ลูน่าว่าก่อนเดินลงไปนั่งข้างๆ กัน


              “ถ้าเป็นแบบนั้นยังจะดีซะกว่า -- ที่พวกเขาไม่เซ็นให้เพราะตอนปิดเทอมฉันเผลอไปใช้เวทมนตร์กับดัดลีย์ตอนไปเยี่ยมครอบครัว

    เดอร์สลีย์น่ะ ...ญาติฉันเอง สาบานได้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ บางทีมันก็ควบคุมไม่ได้นะ เธอก็รู้ เขาล้อครอบครัวฉันว่าเป็นพวกนอกคอก พิศดาร 

    ว่าฮอกวอตส์ แล้วอยู่ดีๆ ....” แฮร์รี่เว้นช่วงหายใจ  “อยู่ดีๆ เขาก็ลงไปคลานบนพื้น ส่งเสียงร้องเหมือนหมู โชคไม่ดี แม่ฉันมาเห็นเข้าพอดี

    เลยไม่ยอมเซ็นใบอนุญาตให้แถมยังสั่งพ่อด้วย ไม่ยอมฟังคำอธิบายของฉันเลยสักนิด” แฮร์รี่พูดยาวเหยียด ไหนๆ ก็มีคนให้เขาได้มาระบาย

    ความอัดอั้นตันใจที่มีมาหลายเดือน เมื่อมีโอกาสย่อมไม่มีทางปล่อยมันไปง่ายๆ แน่


              ลูน่านั่งนิ่งมานาน พอรู้เหตุผลก็ส่งยิ้มให้กำลังใจเขา “อย่าเสียใจไปเลย เลิกคิดถึงร้านฮันนี่ดุกส์ซะเถอะ! อยู่ที่นี่มีอะไรให้ทำอีก

    ตั้งเยอะแยะ อย่าง....”


              “ตามหานาร์เกิ้ลน่ะหรือ?”


              “อ้อ นั่นก็ใช่” ลูน่าพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าเขาประชด


              “ถ้าฉันเป็นเธอคงเลิกล้มความตั้งใจที่จะหามันแล้วล่ะ พวกมันก็แค่ตำนาน ไม่มีใครเชื่อว่ามีอยู่จริงไม่ใช่เหรอ ...อาจยกเว้นเธอคนนึง”


              “มีสิ” เด็กสาวยืดหลังตรงแล้วหันหน้าไปพูดกับแฮร์รี่ “นอกจากฉันยังมีพ่อ ...แล้วก็คุณวีสลีย์ -- เห็นไหม มีตั้งสามคนแน่ะ”


              แฮร์รี่ได้แต่ยิ้มเฝื่อนให้กับความคิดอันแน่วแน่ของคนตัวเล็กกว่า “เธอไม่คิดว่าคุณวีสลีย์ -- จอร์จใช่ไหม ไม่คิดว่าเขายอมเชื่อ

    ว่ามันมีอยู่จริงเพราะเหตุอื่นบ้างเลยเหรอ”


              คนผมบลอนด์กะพริบตาปริบๆ นั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด “เช่นอะไรเหรอ”


              “ก็อย่างเช่น ...เขาอาจจะชอบ....”


            “ลูน่า!” เสียงแหลมของมาเรียดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้คำพูดของรุ่นพี่บ้านกริฟฟินดอร์ขาดหายไป “ไปทำการบ้านที่ห้องสมุดกันเถอะ”

    เธอชูม้วนกระดาษวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ในมือโบกไปมา


              ลูน่าลุกขึ้นยืน กระชับสายกระเป๋าในมือที่มีการบ้านของเธอใส่เอาไว้แล้ว “ไปก่อนนะ แฮร์รี่”


              “การบ้านงั้นเหรอ...งั้นฉันไปด้วยละกัน การบ้านยังกองพะเนินเต็มเตียงอยู่เลย คงถึงเวลาเคลียร์การบ้านจริงๆ สักที พวกเธอไป

    กันก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามไป”



              เมื่อมาถึงหมู่บ้านฮอกส์มี้ด นักเรียนฮอกวอตส์ต่างก็วิ่งไปยังร้านค้าเล็กๆ ที่เรียงติดกันให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าอึดอัด 

    ร้านยอดฮิตของเด็กนักเรียนทั้งหลายหนีไม่พ้นร้านขายขนมหวานอย่างร้านฮันนี่ดุกส์ที่แฮร์รี่เสียดายอย่างเป็นที่สุดที่ไม่มีโอกาสได้มาเห็น

    กับตาตัวเอง ได้แต่จินตนาการตามที่เฟร็ดกับจอร์จเล่าให้ฟัง

                

              ร้านไม้กวาดสามอันก็มีคนเยอะเหมือนกัน ในวันที่อากาศดีแบบนี้คงดีไม่น้อยถ้าได้ดื่มบัตเตอร์เบียร์สักแก้ว

                

              ปกติแล้วเฟร็ด จอร์จและเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่างลีจะมุ่งตรงไปร้านขายของตลกซองโก้ กับร้านเดอร์วิชแอนด์แบนเจส 

    ที่ขายเครื่องมือเครื่องใช้ของวิเศษก่อนเป็นอันดับแรก หลังได้รู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมขุมทรัพย์ที่รอการค้นพบจากพวกเขา 

    เมื่อปีกลายเฟร็ดกับจอร์จซื้อลูกกวาดสีสวยไปฝากรอน น้องชายผมแดงดีใจใหญ่ที่ได้ของฝากโดยไม่เอะใจเลยสักนิด เขากินมันทันที

    และในอีกสามวินาทีให้หลัง สายรุ้งสีสวยเหมือนกับลูกกวาดก็พุ่งเป็นสายออกจากปากไม่หยุดเป็นเวลาห้านาทีเต็มๆ

                

              ทว่าวันนี้สามคนกลับวิ่งตรงดิ่งไปร้านฮันนี่ดุกส์ตามคำแนะนำของจอร์จ โดยอ้างว่าขนมที่ตั้งใจจะซื้อกลับไปฝากแฮร์รี่ผู้น่าสงสาร

    จะหมดเอา รวมทั้งน้องเล็กอย่างจินนี่ด้วย หารู้ไม่ว่าในหัวของจอร์จเวลาหยิบจับอะไรที่อร่อยๆ กลับมีแต่ใบหน้าของลูน่าลอยเต็มไปหมด


              กว่าพวกเขาจะกลับถึงฮอกวอตส์ก็เกือบค่ำ จอร์จต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการส่งสัญญาณเรียกแฮร์รี่กับลูน่า

    ที่นั่งทำการบ้านอยู่ในห้องสมุดออกมากับเขาเพราะช่วงนี้มาดามพินซ์ บรรณารักษ์ประจำห้องสมุดเข้มงวดมาก แทบไม่ให้คนมาใช้

    ห้องสมุดพูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ


               แม้แฮร์รี่จะยังนั่งอยู่ แต่การบ้านก็ไม่ได้คืบหน้าไปไหนสักนิดเพราะมัวแต่คิดถึงร้านฮันนี่ดุกส์กับเตียงนอนนุ่มๆ ที่หอ


              ทั้งสองเก็บการบ้านที่เกือบจะเสร็จและลุกออกมาหาจอร์จ ส่วนมาเรียนั้นได้พ่ายแพ้ให้กับอากาศในวันนี้ซึ่งมันดีเกินไป

    จนต้องกลับไปนอนที่หอนอนตั้งแต่เมื่อสองสามชั่วโมงก่อนหน้า


              “มากันครบแล้วนะ” เฟร็ดพูดกับสองคนที่ตามจอร์จมาสมทบกับจินนี่เพื่อจะได้แจกของฝากให้คนที่ไม่ได้ไปพร้อมกันทีเดียว 

    โดยมีรอนยืนอยู่ด้วย

                

              “นี่ของเธอจินนี่ มีของพี่ เฟร็ดแล้วก็จอร์จใส่รวมกันไว้ให้แล้ว” รอนยื่นถุงผ้าสีเขียวใบหนึ่งให้น้องสาวของเขา “มีลูกอมช็อกโกบอล

    ไส้มูสสตรอเบอร์รี่กับครีมก้อน เยลลี่มะนาว แล้วก็ปากกาขนนกที่ทำจากน้ำตาล ขอบอกว่าเหมือนของจริงเปี๊ยบ”


              “ถ้าแอบดูดในห้องเรียนจะดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดว่าจะเขียนอะไรดี” เฟร็ดเสริม “เชื่อพี่เถอะน้องรัก หลายครั้งทีเดียวที่อาจารย์

    ดูไม่ออก ใช่ไหมจอร์จ”


              “ฮื่อ แต่ก็มีหลายครั้งที่พวกเราถูกหักคะแนนเพราะถูกจับได้อยู่เหมือนกัน ส่วนนี่ของนายแฮร์รี่” จอร์จยื่นอีกถุงให้แฮร์รี่


              “ขอบคุณฮะ” แฮร์รี่รับมาถือไว้ในมือ มองดูมันราวกับเป็นของมีค่าพลางหยิบขนมข้างในออกมาดูทีละอย่าง

                

              “กินเลยสิ นั่นอมยิ้มรสเลือด” เฟร็ดนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ ทว่าแฮร์รี่กลับทำสีหน้าแปลกๆ ก่อนเก็บใส่ไว้ในถุงตามเดิม

    อย่างเกรงใจแล้วหยิบอย่างอื่นแทน


              “ลูกอมกรด” จอร์จบอกชื่อลูกอมสีเทาหม่น และแฮร์รี่ก็เก็บมันอีกครั้ง


              “นี่ก็เยลลี่” เฟร็ดพยักพเยิดไปทางเยลลี่สีเข้มคล้ายดาร์กช็อกโกแลต แฮร์รี่กำลังจะโยนมันเข้าปากอยู่แล้วเชียว แต่ติดตรงที่ประโยค

    ถัดมาของเฟร็ด “เยลลี่ทากน่ะ”

              

              และแล้วก็เหลืออย่างสุดท้ายในถุง แฮร์รี่ได้แต่ภาวนาขอให้มันกินได้ทีเถอะ


              “เปปเปอร์อิมพ์” จอร์จบอก


              “นายต้องกินแล้วล่ะน้องเอ๋ย อร่อยอย่าบอกใครเชียว เนอะจอร์จ”


              “ฮื่อ”


              แฮร์รี่เชื่อตามคำบอกของฝาแฝดผมแดง เขาโยนมันเข้าปากแล้วเคี้ยวพร้อมจินตนาการว่ารสชาติต้องอร่อยมากแน่ๆ ทว่ายังไม่ทันได้รู้

    รสชาติของมันดี ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด มันเผ็ดจนควันโชยออกมาจากปากแต่แฮร์รี่ก็ยังเคี้ยวต่อไปเพราะคำว่าเสียดายคำเดียว


              “ไหนบอก -- ว่ามัน -- อร่อยไงฮะ!”


              “เปล่านะ ฉันบอกว่า อร่อยอย่าบอกใครเชียว -- เพราะถ้าบอกใครเข้าล่ะก็ได้โดนสาปแน่ๆ”


              “ฉันไม่เกี่ยวกับความคิดนี่นะ” รอนรีบแก้ตัวก่อนยื่นถุงอีกใบในมือให้แฮร์รี่ที่ยังมีควันลอยออกปากออกไม่หยุด “เอ้า นี่ต่างหาก

    ที่นายอยากกิน”


              เฟร็ด รอน จินนี่และลูน่ายืนมองแฮร์รี่ที่รีบคว้าถุงไปแล้วควานหาขนมหวานที่ช่วยดับความเผ็ดทันที


              จอร์จส่งถุงในมือของเขาถุงสุดท้ายที่ดูแน่นกว่าถุงอื่นจนเป็นก้อนกลมให้ลูน่า เด็กสาวรับไปพร้อมบอกขอบคุณและจ้องอย่างพินิจ

    พิจารณา “สบายใจได้ ฉันไม่ซื้อของแกล้งเธอหรอก”


              “ได้ยินแบบนี้แล้วดีใจชะมัด” แฮร์รี่พูดแทรกพร้อมไอค่อกแค่กไม่หยุด


              “ก็มันอดไม่ได้นี่” เฟร็ดบอก “นายควรดีใจนะรู้ไหม พวกเราเสียเงินไปกับของฝากให้นายคนเดียวตั้งเยอะ”


              จอร์จเลิกสนใจแฮร์รี่แล้วหันมาพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลูน่าเปิดดูข้างใน เธอเปิดถุงสีม่วงออกดู ข้างในเต็มไปด้วยขนม 

    มีอมยิ้มรสเชอร์เบ็ตก้อนมหึมาที่เธอเคยได้ยินจอร์จเล่าให้ฟังว่าเวลาดูดตัวจะลอยขึ้นๆ ลงๆ  จากพื้นตั้งหลายนิ้ว มีทอฟฟี่รสมะพร้าว 

    ทอฟฟี่สีน้ำผึ้งก้อนโต ตังเมสีชมพูหวานแหวว และลูกกวาดจนเกือบจะล้นถุง


              จอร์จก้มลงเล็กน้อยเพื่อพูดกับนังหนูของเขาในระดับเสียงที่เบากว่าปกติ “เห็นเธอบอกว่ายังไม่เคยลองตั้งหลายอย่าง ก็เลยเยอะ

    อย่างที่เห็น”


              “ขอบคุณนะคะ” ลูน่ายิ้มแป้น


              ราวกับตรงนี้มีเพียงพวกเขาสองคน จอร์จไม่คิดว่าจะมีอะไรดีและคุ้มไปกว่านี้อีกแล้วกับการควักเงินในส่วนที่จะเก็บเอาไว้ซื้อขนม

    ให้ตัวเองมาซื้อขนมให้นังหนู หัวใจเขาเต้นแรงพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งคืนไปให้ราวกับสติได้ลอยหายจากเขาไปแล้วเรียบร้อย 

    กระทั่งใบหน้าตกกระของน้องสาวสุดที่รักอย่างจินนี่เข้ามาอยู่ในสายตาแทน


              “ฉันบอกให้ลูน่าเดินเข้าห้องโถงใหญ่ไปตั้งนานแล้ว”


              “อ้อ..เหรอ...แล้วเธอจะบอกพี่ทำไมล่ะจินนี่”


              จินนี่ส่ายหัวให้กับพี่ชายจอมแสบของเธอที่ปากแข็งก่อนยัดจดหมายใส่มือจอร์จ


              “จดหมายจากใครล่ะนั่น” เฟร็ดเดินมากอดคอน้องชายฝาแฝดด้วยความอยากรู้


              “จากแม่ เห็นบนซองนั่นไหม แม่เขียนว่าให้รีบอ่านให้เร็วที่สุด”


              ได้ยินอย่างนั้นเฟร็ดก็รีบคว้าจดหมายมาเปิดอ่านก่อส ทันทีที่อ่านจบก็มีท่าทีขนลุกขนพองกับข้อความในจดหมาย เขายัดใส่มือจอร์จ

    แล้วเดินเข้าห้องโถงใหญ่ราวกับไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น  


              จินนี่กอดอกพูดกับจอร์จที่กำลังกางจดหมายอ่าน “แอรัลมาส่งตอนที่ฉันไม่อยู่ในห้องโถงพอดี มันเลยส่งให้ลูน่าแทน 

    แล้วเธอก็เอามาให้ฉันเมื่อตอนบ่าย”


              จอร์จเหลือบตามองโดยที่ยังไม่ได้เริ่มอ่านจดหมายเลยสักตัว “เธอจะพูดอะไรจินนี่”


              “ก็นะ -- ถ้าใครบางคนในบ้านเราไม่เขียนหาลูน่าบ่อยๆ แทบทุกวันล่ะก็ แอรัลไม่มีทางจำได้หรอก พี่ว่าไหมล่ะ มันทำอย่างกับลูน่า

    เป็นเจ้าของมันอีกคนงั้นแหละ ...ฉันล่ะสงสัยจริง ใครกันนะที่ส่งจดหมายให้เธอบ่อยๆ”


              “...นั่นสิ” พูดจบจอร์จก็ก้มหน้าลงอ่านจดหมายต่อ ทว่าท่าทีต่อจดหมายฉบับนี้ช่างต่างกับเฟร็ดอย่างสิ้นเชิง 

    อยู่ๆ เขาก็ผุดยิ้มขึ้นมาซะเฉยๆ ทำให้จินนี่อดสงสัยไม่ได้


              “แม่เขียนว่าอะไรเหรอ”


              “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่จดหมายเตือน บอกว่าถ้ามีจดหมายจากโรงเรียนส่งไปอีกล่ะก็ให้เตรียมรับบทลงโทษตอนปิดเทอมได้เลย”


              จินนี่มองพี่ชายของเธออย่างระแวดระวัง นี่เขากำลังเสียสติไปแล้วหรือ ถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับจดหมายเตือนได้ขนาดนี้ 

    แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้พูดอะไรออกไปบ้าง...

     


              ที่ห้องโถงใหญ่อันแสนอบอุ่นในช่วงเวลาหารเย็นมีบรรยากาศคึกคักเหมือนอย่างเคย โดยเฉพาะที่โต๊ะกริฟฟินดอร์


              “นายซื้อของอะไรมาฝากลูน่าน่ะ เชมัส” รอนถามพลางจิ้มสเต็กเนื้อแกะเข้าปาก ดวงตาทั้งสี่คู่ของเชมัส แฮร์รี่ ดีนและเนวิลล์

    มองหน้ากันเองอย่างลนลานพลางมองไปทางพี่ชายผมแดงของรอนที่นั่งอยู่ใกล้กัน ก่อนทำเมินเหมือนไม่ได้ยินที่รอนพูด


              “สเต็กวันนี้อร่อยดีนะ” เชมัสพูด ส่งสายตาอย่างมีนัยไปให้พวกแฮร์รี่


              “ไม่เอาน่า นายเขินจนไม่กล้าบอก ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยกันเลยเรอะ” รอนพูดต่อ “เวลาแบบนี้น่ะ ช่วงทำคะแนนเลยนะ....” 


              ยังไม่ทันได้พูดจบ ปากของรอนจากที่มีเนื้อแกะเต็มปากอยู่แล้วก็มีเบค่อนหลายชิ้นยัดเข้าไปอีกจนพูดไม่ได้โดยฝีมือแฮร์รี่ 

    เบค่อน...มันก็ดีอยู่หรอกแต่นี่มันเยอะเกินไป ก่อนเจ้าของแก้มบวมตุ่ยจะทำหน้าเบ้เพราะเนวิลล์เตะขาเขามาจากฝั่งตรงข้าม


              ดีนใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเชมัสให้พูดอะไรบ้าง ก่อนที่พวกเขาจะเดือดร้อนไปด้วยกันหมดทั้งกลุ่ม


              “ฉันไม่ได้ซื้ออะไรให้หรอก ...ฉันมีคนที่ชอบคนใหม่แล้ว”


              รอนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แล้วรีบกลืนทั้งหมดลงคอ “เปลี่ยนใจไวชะมัด -- ใครล่ะทีนี้”


              “นาตาลี” เชมัสตอบแบบขอไปที แล้วหันไปคุยกับเพอร์ซี่เพื่อต้องการจบบทสนทนา


              เชมัสอยากจบ แต่รอนไม่อยากจบ เขาโน้มตัวถามเพื่อนอีกสามคนที่เหลือ “นาตาลี? ใครน่ะ โรงเรียนเรามีคนชื่อนาตาลีด้วยเหรอ” 

    แฮร์รี่ ดีนและเนวิลล์พร้อมใจกันยักไหล่ให้รอนกลับมาเป็นคำตอบ



              ชั้นบนสุดในหอคอยทางทิศเหนือของฮอกวอตส์มีห้องเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ที่บรรยากาศไม่เหมือนห้องเรียนเอาเสียเลย 

    เรียกได้ว่าออกจะก้ำกึ่งระหว่างห้องใต้หลังคากับร้านน้ำชาสมัยโบราณซะมากกว่า โต๊ะกลมขนาดเล็กราวยี่สิบตัววางเบียดเสียดกันอยู่ในนั้น 

    เก้าอี้นวมหุ้มผ้าลายดอกและเบาะที่นั่งฟูหนาขนาดพอดีกับโต๊ะวางรายรอบอยู่ บรรยากาศทั่วห้องเป็นสีแดงสลัวเพราะผ้าม่านรูดปิดหมด


              ศาสตราจารย์ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ ผู้ที่เชื่อว่าตนเองมีความสามารถและญาณพิเศษในการมองเห็นอนาคต เป็นผู้รับหน้าที่สอนวิชานี้ 

    เธอผู้ไม่ค่อยชอบปรากฏตัวให้ใครเห็นผู้นี้มีรูปร่างเล็กบางนิดเดียว สวมแว่นตาอันใหญ่ทำให้ดวงตาเธอดูใหญ่โตกว่าปกติ ลูกปัดนับไม่ถ้วน

    ห้อยอยู่รอบลำคอเรียวผอม มือและแขนใส่แหวนและกำไลจนล้น


              “เธอมองเห็นอะไรจ๊ะ พ่อหนู” เสียงอ่อนเครือแผ่วเบาถามจอร์จ เธอชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ลูกแก้วบนโต๊ะที่เฟร็ด จอร์จและลีนั่งด้วยกัน 

    ทำเอาทั้งกลุ่มสะดุ้ง พวกเขาเลิกสนใจแว่นตาอันเบ้อเริ่มนั่นที่ดึงดูดสายตาและเพ่งมองดูลูกแก้วจนหน้าผากยับย่น


              “ผมเห็น....เสื้อคลุมของเฟร็ดฮะ” คนผมแดงพูดไปตามที่เห็น เขามองทะลุลูกแก้วไป เห็นแต่สีดำที่มาจากเสื้อคลุมของเฟร็ด

    ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน


              แสงไฟส่องกระทบต่างหูมรกตคู่ยาวของเธอเป็นประกาย นัยน์ตาคู่โตขยับมาใกล้ลูกแก้วมากขึ้น มีรอยยิ้มผุดขึ้นบางๆ บนใบหน้า 


              “แต่ฉันมองเห็นดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานในหัวใจเธอนะ พ่อหนู”


              จอร์จไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงดี นี่เขาดูออกง่ายจนศาสตราจารย์ที่ในปีๆ นึงจะได้เห็นก็ต่อเมื่อมาห้องเรียนนี้ยังดูออกเลยหรือ??


              “อาจารย์เห็นดอกอะไรเหรอฮะ” เฟร็ดถามติดตลก


              ทว่าศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไม่ได้ใส่ใจ เธอเพ่งมองต่อ แต่แล้วเธอกลับเม้มริมฝีปากและส่ายหัวน้อยๆ “มีดอกไม้เบ่งบาน...แล้วก็

    เหี่ยวแห้งลง ฉันเห็นหัวใจแตกสลาย เธออาจเสียน้ำตาเพราะความรักครั้งนี้ -- มันจะเจ็บมาก ฉันเห็นคนสามหรือบางทีสี่คนที่เกี่ยวข้องกัน” 

    มือที่เต็มไปด้วยแหวนดึงมือจอร์จไปกุมเอาไว้พลางตบเบาๆ เป็นเชิงปลอบและให้กำลังใจ เธอพยักหน้าแผ่วเบาราวกับเห็นอนาคต

    และเข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว “คงรักมากเลยสินะ” 


              จอร์จนั่งนิ่งเป็นรูปสลักหินราวกับตกอยู่ในภวังค์ของความผิดหวัง ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไรนักเพราะคิดว่า

    อนาคตเป็นสิ่งที่เขาจะกำหนดกันเอง ที่ยังคงลงเรียนวิชานี้ต่อเป็นปีที่สามเพราะแค่คิดว่ามันสนุกดี -- แล้วครั้งนี้เขาจะเชื่อดีไหมหนอ...


              “แล้วผมล่ะฮะ” เฟร็ดถามบ้าง


              ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เหลือบตามองเฟร็ดครู่หนึ่งก่อนเพ่งไปที่ลูกแก้ว “ฉันเห็นเธอถูกผู้มีอำนาจในการจับกุม จับตัวเธอ ในเร็ววันนี้”


              เฟร็ดโล่งใจ อย่างน้อยอาจารย์ก็มองไม่เห็นว่าเขาจะถูกแม่ฆ่าหลังกลับไปถึงบ้านตอนปิดเทอมแล้วมีจดหมายรายงานพฤติกรรม

    วางกองพะเนินรอต้อนรับพวกเขา เฟร็ดหันมากระซิบกับจอร์จและลี “พนันได้เลยว่าต้องเป็นฟิลช์”


            “ส่วนเรื่องความรัก” ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เว้นช่วง เฟร็ดยืดตัวขึ้นหลังได้ยินหัวข้อนี้เพราะมั่นใจว่าต้องบอกว่ามีคนที่แอบชอบเขา

    อยู่แน่ๆ แต่ถ้าเกิดถูกทักว่าจะมีผู้หญิงหลายคนมาชอบและแย่งเขา เขาจะทำยังไงดี ยังไม่ทันจะได้คิดไปไหนไกล เธอก็ดับฝันเขา

    อย่างไม่ใยดี “ไม่มีวี่แววเลยจ้ะ เธอจ๋า”


              ลีปล่อยเสียงหัวเราะดังพรืด ก่อนเงียบลงเพราะถูกสายตากดดันมาจากเฟร็ด คนถูกทำนายเบ้หน้าใส่ลูกแก้วอย่างเอาเรื่อง


              กล้าดียังไงฮึ! เป็นแค่ลูกแก้วแต่ทำอวดดีมาบอกว่าฉันไม่มีความรัก


              “เป็นแค่ลูกแก้วแต่ก็บอกความจริง ไม่ได้คิดจะอวดดีหรอกนะ พ่อหนู”


              เฟร็ดนั่งเงียบสงบปากสงบคำแล้วเลื่อนสายตาเพ่งมองดูลูกแก้วอีกครั้ง เขาเกือบร้องอย่างดีใจอยู่แล้วเชียวที่ได้เห็นภาพนอกจากสีดำ

    ที่มาจากเสื้อคลุมของคนฝั่งตรงข้าม แต่แล้วก็ต้องเบะปากหลังรู้ว่าใบหน้าใหญ่ๆ ที่ได้เห็นเป็นหน้าของลีที่เข้ามาจ่อจนจมูกแทบชนลูกแก้ว... 


              ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เหยียดตัวตรงกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยใบหน้ายุ่งของนักเรียนทั้งหลายขณะเพ่งมอง

    ลูกแก้วสีใสบนโต๊ะของตน


             “เปิดใจให้กว้างและปล่อยดวงตาให้มองทะลุผ่านความโปร่งใสนี้ นักเรียนที่รัก แล้วพวกเธอจะเห็นอนาคตอันใกล้นี้เอง อ้อ เธอคนนั้น” 

    นิ้วชี้ที่เต็มไปด้วยแหวนชี้มายังลี “คงจะดีถ้าเลิกเรียนชั่วโมงนี้แล้วเธอรีบวิ่งหาห้องน้ำให้เร็วที่สุด เมื่อเช้านี้เธอกินเห็ดที่อยู่ในอาหารเช้า 

    ช่างน่าสงสารที่เธอไม่รู้เลยว่ามีเห็ดที่เธอแพ้อยู่ในนั้น”


              ฉับพลันนั้นท้องไส้ของลี จอร์ดันก็รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาทันที เมื่อมีเสียงระฆังตีบอกเวลาก็รีบตรงไปยังบันไดปีนลงไปแล้ววิ่งไล่หาห้องน้ำ

    ที่อยู่ใกล้ที่สุด

                

              เฟร็ดกับจอร์จต้องเดินไล่ตามหาลีในห้องน้ำทั่วทั้งหอคอยหลังถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วแต่ก็ยังไร้วี่แววเพื่อนสนิท


              เฟร็ดกำลังจะชะโงกหน้าเข้าไปในห้องน้ำที่เพิ่งค้นพบอีกห้อง ทว่าประตูกลับเปิดออกก่อนร่างไร้เรี่ยวแรงจะทิ้งตัวนั่งแปะลงบนพื้น


              “นายดูดีนี่” เฟร็ดไล่สายตามองลี ที่ดูซีดเซียวถึงขนาดนี้ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง


              “เป็นไงบ้าง” จอร์จถามหลังเพิ่งได้สติและเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ที่พื้น


              “หมดตัวไปเลยสิเพื่อน”


              สุดท้ายก็ตกเป็นหน้าที่ของฝาแฝดวีสลีย์ที่หิ้วปีกลี จอร์ดันไปส่งที่ห้องพยาบาลเพราะเจ้าตัวไม่เหลือเรี่ยวแรงให้เดินอีกแล้ว


              “นายคิดว่าไง เฟร็ด เรื่องคำทำนายน่ะ” จอร์จเปิดปากถามระหว่างเดินออกจากห้องพยาบาล


              “ฉันเหรอ ...ไม่เชื่อสักนิด”


              “แล้วที่อาจารย์ทักลีนั่นล่ะ”


              “อาจสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของลีเฉยๆ ก็ได้ แค่เรื่องนายก็รู้แล้ว ไม่เห็นจะแม่นตรงไหน นายไม่ได้มีแฟนซะหน่อย”


              “เอ้อ... จริงด้วย”



              หลังเลิกเรียนในวันเดียวกัน จอร์จยังข้องใจไม่หาย เขาเดินมุ่งหน้าไปยังหอคอยทางทิศเหนือโดยอ้างกับเฟร็ดว่าปวดท้อง

    แล้วเดินแยกออกมา เขาอยากจะรู้ว่าคนอีกคนหรือสองคนที่ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์พูดถึงนั้นเป็นใคร


            “ฉันบอกไม่ได้หรอกนะ” เจ้าของเสียงแผ่วเบาพูดจากข้างหลังลูกแก้ว “เพราะฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันสัมผัสได้เพียงแค่เขาคนนั้นเป็นคนใกล้ตัว”


              “ใกล้ตัวผมเหรอฮะ”


              “ไม่ใช่จ้ะ คนใกล้ตัวหนูน้อยคนนั้น  อ้อ เธอเองก็เคยเจอกับเขาแล้วด้วยนะ -- ในปีนี้”


              ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์พูดแค่นี้และไม่บอกอะไรเพิ่มอีกเลยนอกจากว่าเขาเคยเจอแล้ว จอร์จคิดถึงคำทำนายตลอดเวลาที่เดินไป

    ห้องโถงใหญ่ ทั้งวันมานี้เขาทำเหมือนไม่ใส่ใจก็จริงแต่ในใจกลับนั่งคิดตลอดว่าหมายความว่ายังไง ...นังหนูจะมีแฟน ...นังหนูมีคนที่ชอบ

    ที่ไม่ใช่เขา ...หรือเขาไปทำอะไรให้นังหนูเกลียดเข้า หรือจะมีคนมาจีบ --ต้องใช่แน่ๆ!!


              “คุณวีสลีย์ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงฝันๆ เรียกสติของเขาให้กลับมา ทำเอาจอร์จต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป

    พลางเลื่อนสายตาลงต่ำ เจอกับดวงตากลมโตสีฟ้าซีดกำลังจ้องเขาเขม็งแถมยังขมวดคิ้วน้อยๆ ด้วย


              “อ้าว นังหนู ...เปล่านี่ ฉันปกติดี เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ”


              เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ แล้วทอดสายตาไปยังประตูบานใหญ่ที่เปิดอยู่และมีแสงไฟลอดออกมา “กำลังจะไปห้องโถงใหญ่

     -- ไปกินอาหารเย็น”


              “อ้อ ใช่ จริงด้วย ฉันไม่น่าถาม...”


              “เดินไปด้วยกันไหมคะ”


              “แน่นอน!”


              ระหว่างเดินลงบันได ลูน่าเอามือล้วงกระเป๋าสะพายข้างตัวแล้วหยิบห่ออะไรบางอย่างออกมาส่งให้เขา “ขนมที่คุณให้มาอร่อย

    ทั้งนั้นเลย อันนี้เป็นขนมนูก้าที่พ่อเพิ่งส่งมาให้เมื่อเช้านี้ค่ะ เลยเก็บเอาไว้แบ่งให้คุณด้วย -- ถ้าได้กินขนมหวานแล้วมันอาจช่วยให้คุณ

    อารมณ์ดีขึ้นได้นะคะ” คนผมบลอนด์เผยรอยยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยนให้เขาราวกับรู้ว่าคนตัวสูงมีเรื่องอะไรให้คิดอยู่ในใจ 

    เพียงแต่เธอไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรเท่านั้นเอง


              เมื่อเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่นักเรียนส่วนใหญ่มากันหมดแล้ว ทั้งสองก็แยกกันไปนั่งที่โต๊ะของบ้านตัวเอง


              จอร์จมองดูนังหนูของเขาจากโต๊ะกริฟฟินดอร์เหมือนทุกวัน


              ...คงคิดมากไปเองมั้ง นังหนูก็ไม่เห็นจะมองใครเลยนอกจากพุดดิ้ง ...นั่นไม่ใช่คน เพดานเวทมนตร์ -- ก็ไม่ใช่อีก


              ยิ่งคิดคิ้วก็ยิ่งยุ่ง เพียงเสี้ยววินาทีนั้นนัยน์ตาสีซีดคู่นั้นกลับเลื่อนลงมาจากเพดานแล้วสบตากับเขาเข้าพอดี ลูน่าฉีกยิ้มให้เขา

    อย่างที่เคยทำ ส่งผลให้จากคิ้วที่ขมวดเป็นปมคลายออกแล้วส่งยิ้มกลับคืนไปให้บ้างโดยแทบไม่ต้องคิด


              เรื่องนี้ค่อยคิดวันหลังก็แล้วกัน...



    - Talk -


              กว่าจะได้อัพครบอาทิตย์นึงพอดี~ อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนที่แล้วนะคะว่าเพราะแป้นพิมพ์บางปุ่มที่ตอนนี้ได้เงียบสนิทกดไม่ติดมา

    เกินอาทิตย์นึงแล้ว เพราะงั้นเราเลยพิมพ์ได้ช้ากว่าปกตินะคะ ครั้นจะซื้อใหม่ก็เสียดาย(ตังค์) ก็ส่วนใหญ่มันไม่ได้เสียอะเนอะ 

    แล้วเมื่อเดือนที่แล้วก็มือไวไปหน่อย กดสั่งนิยายมานอนกองที่บ้านรอวันถูกอ่านที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรอีกตั้งสามเล่มแน่ะ...  TT^TT


              ในส่วนของตอนนี้ก็คือ มีคนเปย์ให้น้องจนไม่เหลือเงินซื้อขนมให้ตัวเองหนึ่งอัตราแหละ > < ทุ่มสุดตัวกันเลยทีเดียว 

    ส่วนเรื่องคำทำนายก็ใช่ว่าจะจริงเสมอไปนะเออ เอ๊ะหรือจะจริง?? อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปอีกยาวๆ ละกันนะคะ~~~

     

     

     

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×